ตอนที่ 15 : ท้องฟ้ากับทะเล : 07 [2/2]
*ใครที่อ่านในคอมแนะนำให้เปิดเพลงฟังไปด้วยนะ*
“ตอนนี้ก็มาถึงผู้เข้าประกวดคนสุดท้ายแล้วนะครับ นั่นก็คือชลที สิทธิบวรโชติ ตัวแทนจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ครับ!” เสียงประกาศผ่านไมโครโฟนของพิธีกรทำเอาผมสะดุ้งด้วยความตกใจเบาๆ สูดลมหายใจเพื่อเรียกกำลังครั้งสุดท้ายแล้วเดินขึ้นเวทีไปโค้งให้กรรมการและผู้ชมข้างล่างก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าเปียโนอัพไรท์
“การแสดงของผมอาจจะไม่ได้ดีมากนัก แต่เพลงที่ผมจะเล่นต่อไปนี้ ผมอยากจะมอบให้คนสำคัญของผม แม้เธอจะไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว แต่เธอก็จะอยู่ในใจของผมตลอดไปครับ แด่เธอที่รัก”
ความรู้สึกของผมเปลี่ยนไปเมื่อผมพูดประโยคนั้นจบ ความตื่นเต้นที่มีก่อนหน้านี้ค่อยๆ จางหายไปทีละนิดจนมันนิ่งสงบ ผมเห็นท้องฟ้าที่ยืนอยู่หน้าเวที เขามองมาที่ผมด้วยรอยยิ้มบางเบาอย่างให้กำลังใจ ผมยิ้มตอบเขากลับไปก่อนจะหันกลับมามองเปียโนอัพไรท์ตรงหน้า และจรดปลายนิ้วลงไป
เหลือเพียงความรัก ที่ไม่มีเธอแล้ว
คิดถึงเธอ มากมายเท่าไหร่ ก็ไม่มีวันได้พบเจอ
กลับมีเหลือเพียงตัวฉัน กับใจที่มันแทบสลาย
นิ้วของผมค่อยๆ บรรจงสัมผัสลงไปบนคีย์เปียโนอย่างเชื่องช้าพร้อมกับภาพใบหน้าของผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุดลอยขึ้นมาในหัว ผู้หญิงผมยาวใบหน้ารูปไข่รูปร่างสูงโปร่งและแม้ว่าใบหน้าของเธอจะสวยติดหวานนิดๆ แต่นิสัยกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
เธอทนทุกข์ใจ ทรมาน และต้องอ้างว้าง
ปวดร้าวมาเท่าไร ฉันไม่เคยรู้เลย
เธอซ่อนน้ำตา ไว้ข้างใน ไม่ให้ใครเห็น
เธอเข้มแข็งอย่างนั้น ทั้งหมดเพื่อฉัน
ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมไม่เคยรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงที่ผมรัก เธอไม่เคยบอกว่าตัวเองเหนื่อยมากแค่ไหน ไม่เคยแม้แต่จะปริปากพูดเลยสักครั้ง ผมไม่เคยรับรู้อะไรเลย จนกระทั่งวันหนึ่ง
ฉันเพิ่งได้รับรู้ความจริงที่เป็น ที่เธอแอบเก็บไว้
ฉันเพิ่งรู้เมื่อวันที่เธอจากไป มันสายไป
กว่าจะรู้ความจริงทั้งหมด ทุกอย่างมันก็จบลงไปแล้ว ผมไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขเรื่องราวต่างๆ ได้
เหลือเพียงความรัก ที่ไม่มีเธอแล้ว คิดถึงเธอ
มากมายเท่าไหร่ ก็ไม่มีวันได้พบเจอ
กลับมีเหลือเพียงตัวฉัน กับใจที่มันแทบสลาย
ใช้ชีวิตทุกวันที่มี เพื่อคิดถึงเธอตลอดไป
ไม่มีวันไหนเลยที่ผมจะไม่คิดถึงเธอ คนที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของผม คนที่เป็นผู้ให้กำเนิด ผู้ให้ชีวิต ให้หัวใจและให้ความสุข คนที่เป็นราวกับโลกทั้งใบของผม เธอไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้ว ไม่ได้อยู่กับผม ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้
ฉันไม่เคยลืม สัมผัสนั้น ที่เธอกอดฉัน
และพูดว่ารักกัน เท่าชีวิตของเธอ
ฉันจำได้ดี คำสุดท้าย ที่ฉันได้ยิน
คือพรุ่งนี้เจอกัน เราจะเจอกัน
ในวันนั้น วันที่เราเจอกันก่อนจะแยกกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง ผมที่มีสอบวิชาสุดท้ายของการเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกกำลังจะไปสอบและนัดกับแม่ที่กำลังจะไปทำงานว่าพรุ่งนี้หลังจากที่แม่ออกเวรแล้วเราจะไปเลี้ยงฉลองที่ผมสอบเสร็จกัน พ่อที่ติดงานอยู่ที่อิตาลีก็จะกลับมาในเย็นวันนั้นเช่นกัน
ฉันเพิ่งรู้ว่ามันคือคำร่ำลา ที่เธอเอ่ยกับฉัน
และพรุ่งนี้ที่เธอสัญญาต่อกัน มันไม่มี
แต่แล้วทุกอย่างก็ไม่เป็นอย่างที่คิด หลังจากที่สอบเสร็จ ผมกำลังจะกลับบ้านก็มีสายจากเพื่อนแม่ที่เป็นศัลยแพทย์โทรมาหาผม อีกฝ่ายบอกให้ผมตั้งสติและฟังเขาดีๆ ในตอนนั้นผมไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายพูดเลยสักนิดเดียว จนกระทั่งประโยคถัดมานั้นทำเอาผมหมดแรงจนล้มทั้งยืนมันตรงป้ายรถเมล์
เพียงต้องการอยากเอ่ยคำลา กับเธอสักวินาที
พอให้ฉันได้มองแววตา สุดท้ายของเธอคนดี
ยอมทั้งนั้น แค่เพียงให้ฉัน ได้กอดเธอเอาไว้ตรงนี้
จะย้ำเตือนกับเธอ ว่ารักเธอจน นาทีสุดท้าย
‘ฟังอานะทะเล สายธารเส้นเลือดในสมองแตก ตอนนี้อยู่ในห้องไอซียู รีบมาที่โรงพยาบาลด่วนเลย อาโทรไปบอกเทมส์แล้ว เขากำลังมา’
ในตอนนั้นผมแทบไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว ผมจำไม่ได้ว่าตัวเองไปที่โรงพยาบาลได้ยังไง รู้ตัวอีกทีก็ยืนร้องไห้อยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดโดยมีพ่อยืนกอดปลอบเอาไว้แน่น พ่อพยายามปลอบผมว่าแม่จะไม่เป็นอะไร พวกเราต่างอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าว่าโปรดอย่าได้พรากแม่ไปจากพวกเรา แต่แล้วคำร้องขอของพวกเราทั้งคู่ที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้าก็ไม่เป็นผล
เสียงหัวใจ ร่ำร้องเท่าไหร่ เธอก็ไม่มีวันหวนคืน
มีเพียงฉันที่บอบช้ำ กับใจที่มันแทบสลาย
ใช้ชีวิตทุกวันที่มีเพื่อรัก แค่เธอตลอดไป
แด่เธอที่รัก
การผ่าตัดไม่สามารถยื้อชีวิตของแม่เอาไว้ได้ แม่ของผมเสียชีวิตในคืนนั้น ราวกับโลกทั้งใบของผมพังทลายลงต่อหน้าต่อตา หัวใจของผมแตกสลายออกเป็นเสี่ยงๆ จนไม่สามารถประกอบมันกลับขึ้นมาใหม่ได้
และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ผมกับพ่อย้ายไปอยู่อิตาลี เราทั้งคู่ทำใจกับเรื่องนี้ไม่ได้ ผมไม่สามารถใช้ชีวิตเหมือนปกติต่อไปได้ ผมเลือกที่จะไม่เรียนต่อในปีนั้นแล้วตามพ่อไปอยู่ที่อิตาลี ผมไม่สามารถอยู่ในสถานที่ที่มีความทรงจำของแม่อยู่เต็มไปหมดได้ บ้านที่ชานเมือง และคอนโดในตัวเมืองกรุงที่ผมอาศัยอยู่กับแม่ในตอนม.6 ก็ถูกปิดตายไปทันทีที่แม่จากไป ไม่นานพ่อก็ขายมัน
“กรี๊ดดดดด”
“เพราะมากๆ เลย”
“เอาใจไป!”
“ปาใจใส่รัวๆ”
“ผัวมากค่า~”
“น้องทะเลน่ารักจังเลยครับ!”
“เป็นแฟนกับพี่เถอะครับน้อง!”
“ขอบคุณครับ” ผมปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มทั้งสองข้างออกแล้วลุกขึ้นโค้งตัวให้กับผู้ชมที่ส่งเสียงเชียร์ผมจนดังไปทั้งหอประชุม ผมสบตากับท้องฟ้าที่มองมาอย่างเป็นห่วง และเมื่อผมทำท่าจะหันหลังเดินกลับเข้าหลังเวที ท้องฟ้าก็ขยับตัวเดินออกจากที่ตรงนั้น
ผมเลือกที่จะเดินหลบเข้าไปในห้องน้ำแทน ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับใคร ผมไม่คิดว่าตัวเองจะอ่อนแอได้มากขนาดนี้ ผมควรจะเข้มแข็งกว่านี้สิ เป็นแบบนี้แม่คงเป็นห่วงผมแย่
อ่า แย่จริงๆ ทะเล
มีไม่กี่คนที่รู้ว่าผมร้องเพลงนี้ให้ใคร หนึ่งคือตัวผม สองคือเมธ สามคือนที และสี่
“นายทำได้ดีมาก เก่งมากๆ เลยทะเล”
เสียงทุ้มกระซิบอยู่ที่ข้างหูของผมพร้อมกับแขนแกร่งที่โอบกอดผมเอาไว้ทั้งตัว ผมโผเข้าหาอ้อมกอดนั้นอย่างต้องการที่พึ่ง ความอบอุ่นที่ผมต้องการมาอยู่ตรงหน้านี้แล้ว อีกฝ่ายกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นโดยที่ฝ่ามือใหญ่ก็ลูบปลอบผมไม่หยุด ผมยืนร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดนั้นอย่างไม่อาย ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงได้รู้สึกอบอุ่นและอุ่นใจกับอ้อมกอดนี้ อาจเป็นเพราะนิสัยอ่อนโยนของคนตรงหน้าหรือไม่ก็เป็นเพราะอีกฝ่ายคือคนที่ผมหลงรักมานานหลายปี
“ฟ้าอยู่นี่ เลทำได้ดีแล้ว เก่งมากเลยคนดี”
ความอบอุ่น ความอ่อนโยน ความเป็นท้องฟ้า มันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นได้อย่างน่าประหลาดจริงๆ
---------------------------------------------------------------------------------------
โอ๋ๆ นะลูกชายของคุณแม่ สงสารน้องทะเลจังเลยลูก อยากกอดปลอบน้อง ท้องฟ้าทำดีมาก ปาใจใส่รัวๆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

นี่ขนาดไม่ได้เปิดเพลงนะ น้ำตาไหลเป็นทางงงง
ฮื้อออออ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหมั่นไส้ฟ้าเลฟ้าเล^^
ฟ้าอยู่นี้แล้วเล
น้ำตาซึมตั้งแต่ทะเลเริ่มเกริ่น พอจะเดาได้ว่าทะเลเสียแม่ไปจากตอนต้นๆ แต่พอมารับรู้เหตุการณ์ทำเอาจุกที่คอร้องไห้ตั้งแต่ต้นเพลงยันจบตอน เกินไปแล้วนักเขียนคนนี้ทำกันเกินไปแล้ว????????