ตอนที่ 13 : ท้องฟ้ากับทะเล : 06 [2/2]
กว่าจะกลับถึงห้องก็ปาไปเกือบๆ ห้าทุ่ม ไลน์ไปบอกเมธาว่าถึงห้องแล้วแต่อีกฝ่ายก็ไม่ตอบกลับ คิดว่าคงยังอยู่ที่งานเลี้ยงกับคุณแม่นั่นแหละ ผมวางโทรศัพท์ไว้ข้างเตียงแล้วไปอาบน้ำเตรียมเข้านอน ก่อนนอนก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คดูอะไรอีกนิดหน่อย
และก็เป็นอย่างที่คิด ผมหลุดยิ้มออกมาทันทีที่เห็นไลน์ของใครบางคนเด้งขึ้นมาเมื่อประมาณหนึ่งนาทีที่แล้ว
ท้องฟ้าสีคราม
ถึงห้องแล้วนะ 23.15
ก่อนหน้าที่จะแยกจากกันผมบอกให้เขาทักมาบอกด้วยถ้าถึงห้องแล้ว อดเป็นห่วงไม่ได้เลย ขับรถตอนกลางคืนมันอันตรายจะตาย ผมแอบเห็นนะว่าเขาเองก็ดูเหนื่อยๆ ล้าๆ เหมือนกัน
ทะเลสีฟ้า
23.16 อื้อ
ท้องฟ้ากำลังทำให้ผมติดเขาจนไปไหนไม่รอด จริงๆ ก็ติดบ่วงเขามาตั้งนานแล้วนะ จะโทษเขาก็ไม่ได้ด้วยสิ ผิดที่ผมเองมันใจง่ายชอบเขาไปจนหมดหัวใจจนไม่เหลือที่เผื่อไว้ให้ใคร คิดดูสิ ขนาดคบกับคนอื่นหน้าเขายังลอยขึ้นมาเลย สุดท้ายก็เป็นผมเองที่ทำเรื่องร้ายกาจอย่างการบอกเลิกผู้หญิงตัวเล็กๆ หน้าตาน่ารักได้อย่างเย็นชาและเลือดเย็น เสียงร้องไห้ของแฟนเก่ายังดังติดหูผมมาจนถึงทุกวันนี้เลย
ท้องฟ้าสีคราม
เดี๋ยวพรุ่งนี้ทักไป 23.17
ฝันดี 23.17
ก็เป็นซะแบบนี้แล้วใครจะไปตัดใจได้กันเล่า!
ทะเลสีฟ้า
23.18 ฝันดี
ผมเอาโทรศัพท์ไปชาร์ตแบตฯ แล้วเดินกลับมาทิ้งตัวลงนอนที่เตียง เอาล่ะ นี่ก็คงเป็นอีกคืนที่ผมฝันดีนั่นแหละนะ
ครืด ครืด
เสียงสั่นของโทรศัพท์ที่เสียบสายชาร์ตอยู่ไม่ไกลสั่นแจ้งเตือนว่ามีข้อความเข้า ผมพลิกตัวหันไปอีกทางแล้วหลับต่อ เพราะยังง่วงอยู่เลยไม่มีอารมณ์จะลุกขึ้นมาหยิบโทรศัพท์ไปเปิดดูว่าใครทักหรือส่งอะไรมา กว่าจะตื่นอีกทีก็ตอนที่นอนเต็มอิ่มนั่นแหละ ผมขยับตัวบิดขี้เกียจไปมาแล้วหันมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังปลายเตียง
อ่า เก้าโมงสี่สิบแล้วเหรอ?
ผมเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูด้วยความเคยชิน มันเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้วที่ตื่นมาแล้วก็ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คดูนู่นนี่นั่นก่อนจะลุกไปทำอย่างอื่น ทุกวันที่ต้องไปเรียนก็ต้องมาเช็คโทรศัพท์ก่อนทุกครั้ง เผื่อวันไหนอาจารย์แจ้งยกคลาสแล้วเราไม่รู้เรื่องไง เพื่อนในเซคมักจะทำหน้าที่แคปรูปมาลงในไลน์กลุ่มเสมอนั่นแหละ
ท้องฟ้าสีคราม
ตื่นยัง? 07.32
รอยยิ้มแรกของวันปรากฏขึ้นเพียงเพราะเห็นข้อความจากใครบางคนที่บอกว่าจะทักมา และเขาก็ทำอย่างที่บอกไว้จริงๆ ทักมาแต่เช้าเลยนะคุณท้องฟ้า
อ่า เสียงสั่นเตือนเมื่อเช้าคือแจ้งเตือนไลน์ของท้องฟ้านี่เองสินะ
ทะเลสีฟ้า
09.41 เช้าไป
ขอโทษที่เมื่อเช้าเราแอบบ่นคุณในใจนะคุณท้องฟ้า
ท้องฟ้าสีคราม
ตอนเที่ยงจะให้ซื้อข้าวเข้าไปให้หรือจะแวะกิน? 09.42
กะว่าตอบกลับไปให้เขารู้ว่าตื่นแล้ว แล้วก็จะลุกไปอาบน้ำ แต่อีกฝ่ายกลับตอบกลับมาเสียก่อน
นี่เขาแอบเล่นโทรศัพท์ในห้องเรียนเหรอ?
ทะเลสีฟ้า
09.43 ซื้อมาเลยก็ได้
จริงๆ แล้วผมไม่ค่อยชอบกินข้าวข้างนอกเท่าไหร่นัก ผมไม่ค่อยชอบความวุ่นวายของร้านอาหาร ยิ่งในช่วงที่คนเยอะๆ ผมยิ่งไม่ชอบ
ท้องฟ้าสีคราม
สุกี้แห้งไหม? 09.45
ผมหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ กับข้อความล่าสุด นี่เขาคิดเมนูไว้ให้ผมแล้วใช่ไหม?
ทะเลสีฟ้า
09.45 อือ
แต่เอาเถอะ ขอแค่อย่าเป็นมะระกับเต้าหู้ผมก็กินได้อยู่แหละ
วางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำ พออาบเสร็จก็มาหยิบโน้ตบุ๊คออกไปที่ห้องนั่งเล่น ผมมีรายงานที่ต้องทำส่งอาทิตย์หน้า คิดว่าทำตอนนี้เลยดีกว่า เพราะงานของอาทิตย์นี้ผมเหลือ Drawing อีกหนึ่งงาน ปีหนึ่งเทอมหนึ่งก็ยังไม่ได้เรียนลงลึกอะไรมาก เป็นเหมือนการปรับพื้นฐานในแต่ละวิชาและสอนเรื่องการวาดภาพแบบพื้นฐานก่อน ก็ดูเหมือนจะชิลล์อยู่นะ แต่ที่หนักก็ดูเหมือนจะเป็นงานกับกิจกรรมนี่แหละ
นั่งทำงานไปเรื่อยๆ จนเสร็จก็หยิบเอาสมุดวาดรูปที่มีแต่รูปของท้องฟ้าอยู่เต็มไปหมดออกมา กะว่าจะวาดแต่ก็เปลี่ยนใจ เดินไปหยิบกระดาษหลากหลายขนาดที่มีออกมาแทน ผมกวาดสายตามองอย่างชั่งใจอยู่สักพักก็หยิบกระดาษแผ่นที่ใหญ่ที่สุดออกมา แผ่นนี้ขนาดเท่ากับ A1 ผมจัดการบรรจงร่างภาพที่ติดอยู่ในหัวออกมา ใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าจะร่างออกมาได้เป็นรูปเป็นร่าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ได้แค่คร่าวๆ เท่านั้น รายละเอียดอะไรก็ยังไม่ได้ลงมากนัก
อืม ลงสีอะไรดี?
สีน้ำ? สีน้ำมัน? สีเทียน? สีชอล์ก? สีอะครีลิค สีฝุ่น? สีโปสเตอร์? หรือสีไม้?
ครืด ครืด
ยังไม่ทันจะได้ตัดสินใจว่าจะใช้สีอะไรกับภาพวาดนี้เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างตัวก็สั่นแจ้งเตือนอีกครั้ง จากการสั่นแล้วขอเดาว่าเป็นการแจ้งเตือนว่ามีไลน์เข้านะ
ท้องฟ้าสีคราม
มาถึงแล้ว 12.00
นั่นไง บอกแล้วว่ามีไลน์เข้า และก็ไม่ใช่ใครเลย คนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีนั่นแหละ
ทะเลสีฟ้า
12.01 เดี๋ยวลงไป
ผมตอบกลับแล้วรีบรวบเอาข้าวของที่วางอยู่เกลื่อนพื้นเข้าไปเก็บในห้องนอนอย่างลวกๆ ตรวจสอบอีกครั้งว่าตัวเองไม่ได้ทิ้งหลักฐานอะไรแปลกๆ เอาไว้ที่พื้นใช่ไหม เกิดอีกฝ่ายเข้ามาแล้วเห็นรูปตัวเองอยู่ในห้องคนอื่นคงรู้สึกแปลกพิลึกล่ะนะ พอเช็คดูเรียบร้อยแล้วผมก็คว้าเอาคีย์การ์ดมาถือไว้แล้ววิ่งออกไปกดลิฟต์ ถ้าช้าเดี๋ยวเขาจะสงสัยเอาได้
“ทำไมมาเร็ว?” พอเจอหน้าท้องฟ้าแล้วผมก็ยิงคำถามนี้ทันที จำได้ว่าตอนที่เขาทักมาบอกว่าถึงแล้วมันตอนเที่ยงตรงพอดี ปกติแล้วมหา’ลัยผมจะจัดตารางแบบให้เลิกตอนเที่ยงพอดีครับ ผมเลยสงสัยว่าทำไมเขาถึงมาถึงที่นี่ในเวลาที่น่าจะเพิ่งเลิกเรียนได้
“อาจารย์ปล่อยเร็ว” ถึงจะตอบผมแต่เขากลับไม่หันมามองผมเลยสักนิด ทำไมแลดูมีพิรุธจัง?
หรือว่า?
“ไม่ได้แอบออกมาก่อนใช่ไหม?” ผมรั้งคนสูงกว่าให้หันมามองผมแทนการจ้องตัวเลขบอกชั้นในลิฟต์แทน ซึ่งท้องฟ้าก็นิ่งไปแปบหนึ่งก่อนจะไหวไหล่เบาๆ ผมอ้าปากค้างกับท่าทางของอีกฝ่าย อยากจะด่าให้สักทีแต่ก็ไม่รู้จะด่าว่าอะไรดี ทำไมเป็นคนที่นิสัยเสียแบบนี้วะ? ต่อให้เขามาช้ากว่านี้อีกสักครึ่งชั่วโมงผมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรนะ แต่ที่เขาโดดมาแบบนี้นี่ไม่โอเคสุดๆ เลย
พอเข้ามาในห้องผมก็ไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีก หยิบเอาอาหารที่เขาซื้อมาไปใส่จานให้แล้วก็เดินมานั่งกินเงียบๆ โดยไม่ได้สนใจคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม มันอดจะรู้สึกแย่ไม่ได้ ผมเหมือนเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาโดดเรียนออกมาหาเลย เขาไม่ควรจะทำแบบนี้สิ ผมไม่ชอบจริงๆ นะ เพราะผมให้ความสำคัญกับเรื่องเรียนเป็นอันดับหนึ่ง ท้องฟ้าไม่ควรมาเสียเรื่องเรียนกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้สิ
“ท้ายคาบอาจารย์คอมเม้นเรื่องงานกลุ่ม” จู่ๆ คนที่นั่งเงียบสลับกับลอบมองหน้าผมไปด้วยก็เอ่ยขึ้นมา
“...” ผมไม่ได้ตอบอะไรแต่ก็เงยหน้าขึ้นไปสบตากับอีกฝ่ายเพื่อบอกว่าผมฟังอยู่
“บอกนทีว่ามีธุระ หมอนั่นเลยบอกให้ออกมาแล้วจะจดรายละเอียดเอาไว้ให้” นัยน์ตาคมจ้องมองผมนิ่ง เพื่อยืนยันว่าตัวเองพูดจริงไม่ได้โกหก ผมมองสบตากับเขาอยู่พักหนึ่งก็ถอนหายใจออกมา
“มันไม่ได้สำคัญขนาดนั้น วันหลังอย่าทำแบบนี้อีก ฉันรอได้”
รอได้เสมอ นานแค่ไหนก็รอได้ และจะรอไปตลอด
“อื้อ” เสียงทุ้มขานรับในลำคอพร้อมกับประกายในดวงตาสีเข้มที่แปรเปลี่ยนไป
เหอๆ ถ้ามีหางมีหูหน่อยนี่คงตลกน่าดูเลยนะ
บรรยากาศที่อึมครึมในตอนแรกได้เปลี่ยนไปจากเดิมเยอะเลยล่ะ ผมกับท้องฟ้ากลับมากินข้าวกันเหมือนเดิมโดยที่ครั้งนี้ไม่ได้อึดอัดเหมือนก่อนหน้า แม้จะไม่ได้พูดอะไรกันในระหว่างที่นั่งกินข้าวแต่มันกลับรู้สึกอุ่นใจอย่างน่าประหลาด พอกินเสร็จผมก็หยิบเอาจานไปล้าง ตอนแรกท้องฟ้าบอกจะล้างเองแต่ผมเป็นฝ่ายไล่เขาให้ไปนั่งรอเฉยๆ ก็เขาซื้อข้าวมาให้กินแล้ว แล้วผมจะไปใช้ให้เขามาล้างจานได้ยังไงเล่า เวลาเขาซื้อข้าวมาให้ผมทีไรก็ไม่เคยเอาเงินจากผมเลยสักครั้ง จนผมต้องแก้ปัญหาโดยการที่เวลาไปกินข้าวด้วยกันผมจะเป็นคนจ่ายเอง ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าผมกับเขาผลัดกันออกค่าข้าวนั่นแหละ พอล้างจานเสร็จผมก็รีบเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมุ่งหน้าไปที่มหา’ลัย
“ไปก่อนนะ” พอรถมาจอดที่หน้าหอประชุมแล้วผมก็รวบเอาของมาถือเอาไว้แล้วเตรียมลง ต้องรีบแล้วครับ ใกล้จะบ่ายโมงแล้ว อีกอย่างผมไม่ควรให้ท้องฟ้าจอดรถแถวนี้นานๆ และไม่ควรมีใครเห็นผมเดินลงจากรถของท้องฟ้าด้วย
“อืม เดี๋ยวเจอกัน” ผมต้องไปแต่งตัวและเตรียมตัวก่อนการประกวด ส่วนท้องฟ้าก็ต้องไปซ้อมอีกครั้งก่อนจะถึงเวลาขึ้นโชว์หลังจบงานประกวดดาวเดือน
“อือ” ผมรับคำแล้วสอดส่ายสายตามองรอบๆ ก่อนจะเปิดประตูรถเมื่อไม่เห็นว่ามีใครอยู่แถวนี้ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นหอประชุมไปอย่างรวดเร็ว
---------------------------------------------------------------------------------------
เขาจีบกัน!!!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ท้องฟ้านี่แทรกซึมไปอย่างเนียนๆเลยนะคะ แต่ก็เป็นการแทรกซึมที่รุกหนักมากค่ะ