ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพื่อนบ้านคนใหม่

    ลำดับตอนที่ #2 : รักแรกพบในความรู้สึกของผม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 112
      1
      13 มี.ค. 48

              

    ผมเห็นคุณครั้งแรกในวันที่อากาศยามเช้าสดใส จำได้ดีว่าวันนั้นเป็นวันหยุด ผมเดินผ่านหน้าบ้านคุณ แล้วก็อดสนใจผู้หญิงคนหนึ่งไม่ได้ เธอกำลังยืนตักบาตร  

              

    คุณอยู่ในสภาพเหมือนเพิ่งฟื้นขึ้นมาจากที่นอน  แต่ยังมีกะใจลุกขึ้นมาตักบาตร  จะไม่ให้ผมมองคุณได้อย่างไร ในเมื่อผมไม่ค่อยได้เห็นหญิงสาวลุกขึ้นแต่ไก่โห่เพื่อมาตักบาตร  



    คุณทำให้ผมนึกถึงแม่ที่อยู่ต่างจังหวัด  เวลานี้แม่ก็คงกำลังตักบาตรอยู่เช่นกัน  คุณเห็นผมมองคุณ  คุณก็มองผมกลับ  นัยน์ตาคุณเอาเรื่องทีเดียว  ผมก็เลยนึกขำว่า ไอ้ที่ผมเห็นว่าน่าจะเป็นคนใจดี ใจบุญอาจจะไม่ใช่ก็ได้  



    แต่เอาเถอะนะผมก็ชักชอบนัยน์ตาเอาเรื่องคู่นี้ซะแล้วสิ  

              

    ผมเดินกลับมาบ้านด้วยความรู้สึกไม่คุ้นเคยนัก บ้านหลังนี้พ่อซื้อไว้เพื่อใช้เป็นเรือนหอ แต่แม่ผมไม่ใคร่อยากอยู่นัก บ่นว่าไม่ชอบกรุงเทพ แม่ชอบเถียงกับพ่อเรื่องต้องย้ายมาอยู่กรุงเทพฯว่าเป็นสาวบ้านนอก มีอาชีพทำไร่ปลูกผักผลไม้  ถ้าพ่อรักแม่ก็ให้ย้ายมาอยู่ที่จันทบุรี  



    แม่ไม่อยากทิ้งผืนดินที่ตากับยายช่วยกันสร้างมา  เพื่อย้ายไปในสถานที่ที่แม่ไม่คุ้นเคย แม่ยื่นคำขาด และนั่นก็คือเหตุผลเดียวที่บ้านหลังนี้ถูกปิดตาย  



    บ้านที่ถูกปล่อยประละเลยย่อมทรุดโทรมไปตามกาลเวลา  ถึงแม้ว่าพ่อกับผมจะขึ้นมาจากจันทบุรี  เพื่อมาทำความสะอาดบ้านบางครั้ง  แต่เมื่อผมกลับมาเพื่ออยู่คราวนี้  ก็ต้องมาสังคยานาบ้านหลังนี้กันยกใหญ่  ซึ่งมันใช้เวลาหลายวันทีเดียว  นี่ขนาดผมยังนอนไม่หายเหนื่อย  น้องสาวตัวดีก็โทรมาจิกผมแต่เช้า

                  

    แก้วใจนัดผมไปดูหนังฉลองที่เธอสอบได้คะแนนดี  แล้วยังขอรางวัลเป็นหนังสือเล่มใหม่ของนักเขียนชื่อนิรมิตด้วย  



    เธอบอกว่าหนังสือเล่มนี้เขียนดี  สอนวิธีการใช้ความรักอย่างมีสติ   น้องสาวผมไปยืนอ่านแล้วเกิดติดใจแต่ไม่มีเงินซื้อ  เพราะมันแพงมาก เล่มละสามร้อยสี่สิบบาท  เธอบอกราคาเสร็จสรรพ  แถมยังกำชับนักหนาว่ายังไงก็ต้องซื้อมาให้ได้  



    ผมเองไม่เข้าใจผู้หญิงซะจริงๆเลย  ทำไมถึงได้สนใจอ่านหนังสือประเภทรักหวานแหววแบบนี้กันนัก  พวกเธอไม่รู้กันหรือไงว่าความรักแบบนิยายนั้นมันไม่มีอยู่จริงๆหรอก  



    เรื่องของความรักไม่สามารถออกแบบกันได้ แล้วคนเขียนชื่อพึกลึกนั่น  รู้เรื่องเชี่ยวชาญความรักขนาดไหนเชียว ถึงได้เขียนนิยายมาหลอกขายชาวบ้านได้

              

    ผมเดินออกมาจากบ้านด้วยอาการที่เรียกได้ว่าเซ็งมาก  ใจอยากจะนอนต่อซักนิดเพราะเมื่อคืนผมก็นอนดึก  มัวแต่นั่งวาดรูปจนเพลิน  มองดูนาฬิกาอีกทีมันก็ดึกเสียยิ่งกว่าดึก  ป่านนี้ผู้หญิงนัยน์ตาเอาเรื่องคนนั้น  กำลังทำอะไรอยู่นะ

              

    เช้าวันอาทิตย์ที่แสนน่าเบื่อ  



    แทนที่ผมจะได้นอนหลับให้สบายกลับต้องฝืนสังขารเพื่อตามใจน้องสาว  ก็เธอเล่นขู่ผมว่ารีบเอาใจเธอซะก่อนที่เธอจะให้คนอื่นมาเอาใจ  แล้วไอ้โรคหวงน้องสาวมันก็ต้องมีบ้าง  



    น้องสาวผมคนนี้เธอเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง เธออาศัยอยู่หอพักสตรีใกล้ๆกับมหาวิทยาลัย  



    ผมเคยบอกให้เธอย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ แต่เธอปฏิเสธว่าบ้านหลังนี้อยู่ไกลเกินไป  เดินทางไปมาไม่สะดวก  และอาจเป็นอุปสรรคต่อการเรียนของเธอ



    เมื่อเธอกล้าขอพ่อกับแม่เรื่องการอยู่หอพักและพ่อกับแม่ก็อนุญาตให้เธอตามความประสงค์  



    มันก็เลยกลายเป็นภาระและหน้าที่  ที่ผมต้องเอาใจใส่เธอมากขึ้นเป็นพิเศษ

              

    ผมเดินออกมารอรถที่ป้ายรถเมล์แทนที่จะขับรถออกมาจากบ้าน   เพราะผมเสียดายเงินที่จะต้องเสียค่าน้ำมันรถที่มันแพงพุ่งขึ้นเรื่อยๆ  



    บ้านผมอยู่เกือบสุดซอยถนน  ผมเดินมาเรื่อยๆจนมาถึงหน้าบ้านเธอ  วันนี้ท่าทางเจ้าของบ้านจะไม่อยู่  เพราะประตูไม้สีขาวมีกุญแจคล้องไว้  ผมชอบบ้านเธอจัง  เธอคงชอบปลูกดอกไม้เวลาผมเดินผ่านหน้าบ้านเธอ  



    กลิ่นของดอกไม้ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นดอกแก้วส่งกลิ่นหอมหวานเย็นชื่นใจแก่ผู้สัญจรไปมา

              

    ผมยืนรอรถเมล์อยู่นาน  นึกบ่นกับตัวเองเหมือนกันว่าน่าจะขับรถออกมา จะได้ไม่ต้องมายืนเสียเวลาอยู่อย่างนี้  



    ผมมองดูรถเมล์ที่ผ่านไปแล้วคันแล้วคันเล่า  ใจคิดว่าจะเดินกลับไปเอารถที่บ้านออกมาดีไหม



    แล้วผมก็ได้เห็นคุณอีกครั้ง  ประจวบเหมาะที่ รถเมล์สายที่ผมรอคอยขับมาถึงพอดี  ผมจึงตัดสินใจขึ้น เอาน่าบ้านอยู่ใกล้กันยังไงก็ต้องได้เจอกันอีก

              

    ผมขึ้นไปนั่งรถเมล์แล้วเลือกนั่งที่ริมหน้าต่าง หวังว่ามองลงไปจะได้เห็นคุณอีกครั้ง แต่คุณไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้น….พอผมเงยหน้าขึ้นมา   คุณก็มานั่งอยู่ใกล้ๆผมแล้ว เอ….หรือว่าคุณจะรู้ว่าผมสนใจคุณ

              

    พอผมได้นั่งมองคุณใกล้ๆ  โดยที่คนถูกมองไม่ทันตั้งตัว แววตาเอาเรื่องที่ผมคิด มีอะไรน่าค้นหาอยู่มากมาย ผมแอบมองคุณอยู่จนเพลิน…พอรถเมล์มาถึงที่หมายผมแทบจะลงจากรถไม่ทัน  โชคดีที่คุณขยับตัวลุกขึ้น ผมจึงฟื้นสติ  ไม่เช่นนั้นผมคงลงรถผิดป้ายแน่ๆ

              

    พอลงมาจากรถผมรีบเดินตรงเข้าไปยังห้างทันที จุดมุ่งหมายคือร้านหนังสือ  



    ผมอยากทำธุระให้เสร็จจะได้รีบกลับไปทำงานต่อให้เรียบร้อย  ผมเดินมาถึงร้านหนังสือแล้วรีบเดินไปยังมุมหนังสือที่มีใบสั่งให้ซื้อ  ห



    นังสือเล่มนั้นที่น้องสาวตัวดีสั่งมาเหลือแค่เล่มเดียวในร้าน  ผมยิ้มอย่างโล่งอกเจอซะที  ผมเลยต้องถือหนังสือเล่มนี้ไว้ตลอดเวลาที่เดินดูหนังสือเล่มอื่น  เพราะเกรงว่าถ้าวางลงจะมีคนหยิบไป  ผมเดินดูหนังสือสักพักจึงจ่ายเงิน  และเดินไปยังจุดนัดหมายที่สอง



    ร้านกาแฟ  ผมเดินเข้าไปนั่งในร้าน  บรรยากาศในร้านนี้น่านั่ง  แต่ผมเป็นคนไม่ชอบน้ำดื่มจำพวก ชา กาแฟ หรือน้ำอัดลม  ผมคิดว่าน้ำดื่มประเภทนี้ไม่ได้ส่งผลดีต่อร่างกาย ตรงกันข้ามกลับเป็นยาเสพติดชนิดอ่อนๆ ที่ส่งผลให้ผู้ดื่มมีอาการใจสั่น หงุดหงิดง่าย และปวดหัวเวลาที่ไม่ได้ดื่ม  

            

    จวนจะเที่ยงแล้ว  



    แม่น้องสาวตัวดียังไม่โผล่หน้ามาทักทาย  ผมเป็นคนไม่ชอบการนั่งรออย่างไร้จุดหมาย ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาแก้วใจ  แล้วผมก็ต้องหงุดหงิดใจอีกแล้ว น้องสาวผมบอกว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะถึง แล้วคนไฮเปอร์อย่างผมก็เป็นพวกอยู่ไม่สุข  ถึงแม้ว่าหนังสือตรงหน้าจะไม่ใช่หนังสือที่ผมอยากจะหยิบขึ้นมาอ่าน  แต่มันจะมีอะไรดีไปกว่าการฆ่าเวลาด้วยการอ่านหนังสือ  



    เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง น้องสาวตัวดีจึงได้เยื้องย้ายมา  แม่น้องสาวตัวดีแต่งตัวยังกับจะไปเดินแบบที่ไหน ไม่น่าล่ะถึงได้มาสายคงจะมัวแต่ประดิดประดอยในการแต่งตัวเหมือนเคย  ผมละอ่อนใจกับน้องสาวตัวดีซะจริงๆ  แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ผมห่วงน้องสาวคนนี้ได้อย่างไรกัน

            

    “เอ้า…หนังสือของเราแพงเหลือเกิน  หนังสือไร้สาระ” ผมบ่นทิ้งท้าย

            

    “แหมพี่อิฐ…พี่อิฐยังไม่ลองอ่านตัดสินแล้วเหรอคะว่าไร้สาระ” แก้วใจทำหน้าสีหน้าเง้างอด

            

    “ตัดสินใจได้หรือยังว่าจะดูหนังเรื่องอะไร” ผมตัดบททีท่าของเธอด้วยคำพูดเอาใจ

            

    แก้วใจมีสีหน้าดีขึ้นแล้วลุกขึ้นหอมแก้มผม…ไม่รู้จักโตเลยน้องสาวคนนี้  ยังไม่ทันที่แก้วใจจะตอบคำถาม เสียงแก้วแตกดังเพล้ง  ก็ฉุดให้ทุกคนภายในร้านหันไปมองแหล่งกำเนิดของต้นเสียง  



    เฮ้ย  เธอนั่นเองหญิงสาวนัยน์ตาเอาเรื่องคิดอะไรถึงได้โยนแก้วกาแฟเล่น  เธอคงตกใจไม่น้อย  แววตาเอาเรื่องมีแววหมองเศร้าสลดผมอดนึกสงสารเธอไม่ได้  เธอรีบจ่ายค่าเสียหายให้กับพนักงานแล้วเดินออกจากร้านกาแฟอย่างลุกลี้ลุกลน  รีบถึงขนาดนั้นคงไม่ไปหกล้มหัวคะมำที่ไหนนะ  ผมมองตามเธอไปจนสุดสายตา

            

    “พี่อิฐ  พี่อิฐ”  แก้วใจร้องเสียงหลง

            

    “มีอะไรยัยตัวดี”

            

    “ผู้หญิงคนเมื่อกี้อ่ะ  นั่นอ่ะพี่นิรมิต”  แก้วใจชี้ออกไปนอกร้านแล้วทำเหมือนกับว่าจะรีบวิ่งออกไปข้างนอก

            

    “ใคร  คนไหน  พี่ไม่รู้จัก” ผมส่ายหน้าแสดงท่าทีไม่สนใจ

            

    “โถ่พี่อิฐ  ผู้หญิงคนที่ทำแก้วกาแฟแตกนั่นไง  พี่นิรมิตที่เขียนหนังสือเล่มนี้”

            

    “แล้วแก้วรู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นคนเขียน” ผมพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกสนอกสนใจไว้เงียบๆ

            

    “แหม ก็หลังปกหนังสือมีรูปพี่เขา นี่ไงพี่เห็นไหม”  แก้วใจพลิกปกหลังให้ผมดู

            

    “เสียดายจัง  อยากได้ลายเซ็นพี่เขาเอาไว้เป็นบุญหนังสือ”

            

    “ขนาดนั้นเลยเหรอตัวดี…ถ้าอย่างนั้นหนังสือเล่มนี้พี่ขอเอาไว้ลองอ่านเล่นๆสักวันสองวันก่อนนะ อยากรู้ว่านักเขียนเขียนดีขนาดไหนน้องสาวเราถึงได้คลั่งไคล้ขนาดนี้”

            

    “ก็ได้ค่ะ…แต่วันนี้ขอสองเรื่องนะ”  แก้วใจยิ้มกวนๆแล้วส่งหนังสือให้ผม

            

    “เอาใหญ่เลยนะ”  ผมขยี้ผมน้องสาวเบาๆด้วยความเอ็นดู  และยิ้มให้กับหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะ



            

    หนิงกลับมาถึงบ้านด้วยความรู้สึกหดหู่  เล่นไปสร้างวีรกรรมต่อหน้าเขาขนาดนั้น  ไม่น่าเลย  ป่านนี้เขาคงคิดว่าหนิงไปยัยซุ่มซ่ามเฉิ่มเบ๊อะแน่ๆเลย

            

    นั่งมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่มีเรื่องสั้นไม่ถึงครึ่งหน้า  ไอ้เจ้าความรักนี่มันรูปร่างหน้าตาเป็นยังไงกันนะ  คนเราถึงได้อยากมีไว้เป็นเจ้าของกัน(เฮ้อ) รวมทั้งหนิงด้วย  คิดถึงคุณคนผมสวย  คุณคงมีความรักเป็นของตนเองแล้วสินะคะ

            

    หนิงมองออกไปนอกหน้าต่าง  





    เย็นมากแล้วป่านนี้คุณจะกลับบ้านหรือยังนะ  หรือยังเดินชมนกชมไม้อยู่ในห้าง  



    ยังไงหนิงก็ชอบมองเวลาคุณเดินผ่านหน้าบ้านหนิงอยู่ดี  หัวสมองเจ้ากรรมเอย  จงดลบันดาลความคิดดีๆใส่หัวฉันทีฉันจะได้เขียนเรื่องสั้นส่งคุณฟ้าใสได้ทันท่วงที (โอมเพี้ยง) จริงๆแล้วหนิงไม่ถนัดการเขียนเรื่องราวประเภทรักหวานแหวว  งานที่หนิงถนัดเป็นงานเขียนประเภท how toแต่ไม่ใช่การแนะนำเรื่องความรักหรอกนะ  งานเขียนแนะนำที่หนิงเขียนจะเป็นสิ่งที่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตในประจำวันซึ่งหนิงเป็นนักเขียนของนิตยสาร I see คอลัมน์ที่หนิงเขียนได้รับความสนใจจากผู้อ่านทำให้บ.ก.ซึ่งมีตำแหน่งเพื่อนซี้ของหนิงพ่วงตามหลังมาด้วยนั้น  อยากให้หนิงลองเปลี่ยนแนวเขียนหนังสือเกี่ยวกับความรักดูบ้างในรูปแบบงานเขียนประเภทเรื่องสั้น  

            

    “เขียนไม่ได้…เขียนไม่ได้” หนิงรู้สึกท้อตั้งแต่เริ่มลงมือเขียนและจวบจนถึงเวลานี้ก็ยังรู้สึกอย่างนั้น

            

    “ออด”  เสียงกริ่งหน้าประตูบ้านทำลายบรรยากาศเงียบงัน  หนิงชะโงกหน้าข้ามหน้าต่างออกไปมองหน้าประตู  เขายืนอยู่หน้าบ้าน  หนิงยืนอ้าปากค้างอยู่ในบ้าน  เขามีอะไรกับหนิง (จริงๆแล้วก็อยากให้มีนะ)  หนิงเดินออกไปต้อนรับเขาหน้าบ้านด้วยรอยยิ้มแปล่งๆ  ไม่รู้จะเริ่มต้นคุยอะไรดี  หรือเขาจะรู้เรื่องที่หนิงแอบตามเขาวันนี้(ซวยแล้วสิเรา)

            

    “สวัสดีครับ”  เขายิ้มทักทายอย่างเป็นกันเอง  หรือจะเป็นช๊อกโกแล็ตเคลือบยาพิษ

            

    “ค่ะ  คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ”  หนิงถามอะไรออกไปเนี่ยทำไมช่างฟังแล้วห้วนไม่มีเยื่อใยไมตรีชวนประทับใจเลย  เอแต่ก็ไม่เคยมีเยื่อใยอะไรต่อกันนี่หน่า

              

    “วันนี้ผมเห็นคุณ…” ใช่แน่ๆเลยเขาต้องมาต่อว่าหนิง  หนิงพยายามใจดีสู้สุดหล่อ

            

    “ค่ะ  ฉันก็เห็นคุณ”  หนิงตอบอย่างเป็นกลางๆ  ใช่ค่ะหนิงก็เห็นคุณกับแฟนคุณ

            

    “น้องสาวผม  เขาชื่นชมงานเขียนคุณมาก  ถึงขนาดขอร้องให้ผมซื้อหนังสือเล่มนี้ให้เขา  แล้วเขาก็อยากได้ลายเซ็นของคุณด้วยครับ  รบกวนคุณช่วยเซ็นให้น้องสาวผมได้ไหมครับ”

            

    “อุ๊ย…” ฉันทำเป็นตกใจ  อุ๊ยผู้หญิงคนนั้นน้องสาวคุณเหรอคะ  อุ๊ยดีใจจัง  อุ๊ย เรื่องแค่นี้เอง อุ๊ยฯ

            

    “ได้สิคะ  ไม่ได้รบกวนอะไรเลย”  ฉันยิ้มจนรู้สึกว่าหน้าบาน  เขาส่งหนังสือให้ฉันสองเล่มพร้อมปากกา

            

    “เล่มนี้ของน้องสาวผมครับ  ส่วนเล่มนี้ของผม  ผมก็ชอบงานเขียนของคุณเหมือนกัน”

            

    “น้องสาวคุณชื่ออะไรคะ”

            

    “แก้วใจครับ”  

                    

    สำหรับน้องแก้วใจ  ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะคะ

            

    “ส่วนผมชื่อ อิฐครับ”  

                        

    สำหรับคุณอิฐ  ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะคะ

            

    “ผมมีความสุขมากที่ได้อ่านงานเขียนของคุณ”  เขาพูดเมื่ออ่านข้อความที่ฉันเขียนกำกับไว้ด้านล่างของลายเซ็น

            

    “ฉันก็มีความสุขค่ะ ถ้าใครได้อ่านงานเขียนของฉันแล้วมีความสุข”

            

    “ผมมารบกวนคุณนานแล้ว  ขอบคุณครับสำหรับลายเซ็น”  เขายิ้มแล้วกล่าวคำร่ำลา  หนิงคิดไว้ไม่ผิด ว่าคุณต้องยิ้มสวย  และรอยยิ้มของคุณดูสวยเป็นร้อยเท่าเมื่อคุณยิ้มให้หนิง  



    หนิงมองคุณเดินจากไป  คุณอยู่บ้านถัดจากหนิงไปไม่กี่หลัง  สวัสดีค่ะคุณเพื่อนบ้าน เราคงได้รู้จักกันมากกว่านี้



    บางทีนะบางที  หนิงอาจจะได้เรียนรู้เรื่องราวรักจากคุณก็ได้  



    แหมก็หนิงเป็นเจ้าแม่ How to นี่หน่าจะทำให้เสียชื่อได้ยังไง  



    หนิงเดินกลับมานั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างอารมณ์ดี  เรื่องสั้นของหนิงไม่เป็นหมันแล้ว



            



                            

    “ผมมารบกวนคุณนานแล้ว  ขอบคุณครับสำหรับลายเซ็น”  ผมยิ้มแล้วกล่าวคำร่ำลา  



    มีอะไรมากมายที่อยากจะพูดกับคุณ  แต่เก็บไว้ก่อนเถอะนะอย่ารีบร้อน ผมคงได้รู้จักคุณมากกว่านี้  



    อย่างน้อยผมก็รู้ว่าเจ้าของนัยน์ตาเอาเรื่อง  เวลายิ้มแล้วน่าดูแค่ไหน  



    คุณจะรังเกียจไหมครับถ้าผมจะขอร้องให้คุณเป็นแบบให้ผมวาด  ไว้พรุ่งนี้ผมจะลองถามคุณดู

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×