ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Relation18 [Zouis 1D fiction]

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 0

    • อัปเดตล่าสุด 10 มี.ค. 58


    CHAPTER 0

     

                ติ๊ดๆ... ติ๊ดๆ... ติ๊ดๆ...

     

                เสียงนาฬิกาปลุกสีดำ ส่งเสียงทำหน้าที่ปลุกหนุ่มร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงให้รู้สึกตัว ยิ่งได้ยินก็ยิ่งหงุดหงิดบวกกับอาการปวดหัวที่มัวแต่คิดเรื่องไร้สาระ กระตุ้นเจ้าตัวเอื้อมมือไปกระแทกปุ่มปิดอย่างโมโห

                    ปึก!

     

                    ผมล้มตัวลงนอนอีกครั้งอย่างอ่อนเพลีย ที่เกิดจากอาการปวดหัวที่คุกคาม ผมรู้สึกว่าอาการปวดหัวนี่มันเป็นอุปสรรคกับชีวิตผมมากถึงขั้นมากที่สุด ผมอยากจะยัดยาเข้าปากให้หายปวดรู้แล้วรู้รอด แต่ในเมื่อยังไม่มีอะไรตกถึงท้องถ้าจะให้ผมกินยาตอนนี้ก็คงไม่ใช่เรื่อง

                   

    ผมจึงลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อจะไปหาอะไรสักอย่างมายัดลงท้อง และจะได้กินยาแก้ปวดให้มันหายๆไปสักที

                   

    I got a heart and I got a soul~

     

                อยู่ๆเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้ผมต้องหยุดการกระทำอย่างหงุดหงิด ต้องเป็นไอเลียมแน่ๆที่โทรมาทุกเช้าขนาดนี้...

     

                “ฮัลโหล ว่าไง?”

                (ทำไมต้องทำเสียงอารมณ์เสียแบบนั้นใส่กูด้วยวะ โห่...) ปลายเสียงทำน้ำเสียงน้อยใจ

     

                    เลียม เพื่อนสนิทผม มันโทรมาทุกเช้าและทุกวันหลังจากที่เกิดเรื่องไร้สาระขึ้นกับผม ไม่รู้ว่ามันเป็นการปลอบใจหรือการก่อกวนผมกันแน่

     

                “เออๆ โทษทีๆ มีไรละ?”

                (วันนี้กูจะชวนมึงไปกินนม)

                “นม? โว้ะ ไม่เอาหรอกกูไม่ชอบ ถ้าไส้กรอกสิว่าไปอย่าง”

                (มึงจะบ้ารึไง!! คือกูหมายถึงนมสด!! นมสดร้อนนมสดเย็นไรเงี้ย ในสมองมึงมีแต่เรื่องนี้เลยรึไง)

                “อ้าว มาว่ากันงี้ไม่ได้นะเว้ย ปกติมึงโทรมาก็ชวนกูไปหากินแต่แบบนั้นไม่ใช่หรอ หรือมึงจะเถียง?”

                (เออๆ กูผิดเองแหละ งั้นเอาเป็นว่า หนึ่งทุ่มเจอกันที่ร้านนมสดหน้ามอนะ มึง!! ห้าม!! เลท!!) ปลายสายกำชับเสียงแข็ง

                “คร้าบบ คุณเพื่อน ผมจะไปให้ตรงเวลาคร้าบบ”

                ติ๊ด

             

                หลังจากวางสาย ผมก็เดินตรงไปหาของกินในตู้เย็น มักกะโรนีเป็นสิ่งสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ เอาเถอะก็ดีกว่าไม่มีไรให้กิน

                   

    ผมจัดการเอามักกะโรนีเข้าไมโครเวฟเพื่ออุ่นให้มันร้อน ถึงมันจะไม่อร่อยยังไงก็หวังว่ามันคงจะรสชาติดีขึ้นกว่าตอนที่มันเย็นและนะ

     

                    ผม ลูอี, ลูอี ทอมลินสัน คนส่วนใหญ่จะเรียกผมว่า ลู เพราะมันสั้นดี ผมเรียนอยู่ปี 2 จะขึ้นปี 3 ทุกคนในมหาลัยรู้ว่าผมชอบผู้ชาย แบบที่คนเขาเรียกกันว่า เกย์ นั้นแหละ ตอนแรกผมพยายามปิดเรื่องนี้ แต่ตอนหลังก็เริ่มปลงเพราะมันอึดอัด แล้วเลียมก็รู้ว่าผมเป็นตั้งแต่แรกก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะมันก็เป็นไบสะงั้น ฮ่าๆๆ ตอนแรกที่ผมเปิดเผยไปนึกว่าจะมีแต่คนเกลียด ผลกลับตรงกันข้าม เอ้อประหลาดดี...

     

                    ติ๊ง~

                ผมจัดการเอามักกะโรนีหน้าตาย่ำแย่มาวางบนโต๊ะ แล้วจัดการกินมันช้าๆ

     

                แต่แล้วผมก็ต้องไปสะดุดตากับสร้อยคอที่ แขวนอยู่บนตะขอที่ติดอยู่กับฝาผนัง

     

                คิดว่าทิ้งไปหมดแล้วสะอีก...

     

                    ผมเดินไปหยิบสร้อยคอนั่น แล้วบีบมันแน่น

     

                พอเห็นสร้อยคอ ก็ทำให้ผมหยุดคิดถึงเรื่องไร้สาระนั่นไม่ได้ ผ่านมาเกือบสองเดือนแล้วสินะ ผมขอเล่าย้อนไปเกี่ยวกับเรื่องราวไร้สาระนั่นหน่อยแล้วกัน

     

                เรื่องมันมีอยู่ว่า หนุ่มหน้าคมผมดำเข้มที่ตัดแต่งทรงเข้ารูป ผิวขาว ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนดึงดูดสายตาคนมอง ริมฝีปากบางได้รูปอมชมพูดน่าหลงใหล เขาโดดเด่น และนั่นคือ เซน บุคคลที่ตอนนี้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่รกสมองของผมไปแล้ว เซนเป็นแฟนเก่าผม

     

    ซึ่งผมไม่รู้เหมือนกันว่าเรียกมันว่าแฟน...ได้เต็มปากรึเปล่า แต่ก็ช่างมันเถอะ

     

    วันนั้น ผมได้ยินข่าวจากเพื่อนในกลุ่ม ว่าเวลาประมาณบ่ายๆ มันจะเห็นเซนนั่งคุยกับผู้หญิงผมบลอนด์คนนี้ทุกวันเลย แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวหรือสองครั้ง แต่มันเกิดขึ้นจนไม่สามารถนับครั้งได้ แต่ถามว่าผมปล่อยมั้ย? ใช่ ผมปล่อย

     

    จะให้ทำยังไงได้ ก็ผมรักเขาหนิ

     

    พอได้ยินแบบนั้น ผมก็เลยอยากลองไปดูว่าเขาจะพูดอะไรกัน คุยอะไรกัน แล้วที่เพื่อนผมบอกมันจริงรึเปล่า เพราะเซนเคยสัญญากับผมไว้ว่ามันจะไม่ทำแบบนี้อีก ผมจึงต้องไปให้เห็นกับตา

     

    เมื่อถึงเวลาบ่ายโมง ผมก็ไปรอดู และแล้วผมก็เห็นเซน กับผู้หญิงผมบลอนด์ เดินมาที่ม้านั่ง ผมแทบอยากจะออกไปชกหน้ามันตอนนั้นให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่ก็ต้องสะอึกกับบทสนทนาทุเรศๆ ที่ผมไม่คิดว่าผมจะได้ยิน

     

    จากปาก... ของคนที่ผมรัก

     

    เซน มาหาเพอร์บ่อยๆ เซนไม่กลัวลูเขารู้รึไงเพอร์รี่ สาวผมบลอนด์ใบหน้าคมพูดกับเซน

    จะไปกลัวทำไม เขาไม่ได้เป็นอะไรกับผมสะหน่อยเซนตอบกลับหน้าตาเฉย

     

    ที่ผ่านมาเขาคงพูดแบบนี้กับทุกคนสินะ...

     

    แล้วอีกอย่าง ผมก็ไม่ได้เป็นเกย์ ผมไม่ชอบผู้ชายด้วยกันหรอก...ขยะแขยงจะตาย

     

    หลังจากคำพูดนั้น น้ำตาที่ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันไหล ไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ผมพยายามคิดว่าผมไม่ได้อ่อนแอ แต่ครั้งนี้ทำให้ผมรู้ว่าผมอ่อนแอมาก ผมไม่ได้เข้มแข็งอย่างที่พยายามเป็นมาตลอด สิ่งที่ผมพยายามทุ่มเทเพื่อให้ทุกอย่างระหว่างผมกับเขาดีขึ้น กลับถูกเขาทำลายลงลงอย่างรวดเร็วแบบไม่ทันตั้งตัว ตอนนั้นผมแทบจะไม่มีแรงหลงเหลืออยู่

     

    เขาไม่ได้รักผมมาตั้งแต่แรก...

     

    ผมค่อยๆพยุงตัวเองขึ้น แล้วเดินออกจากที่ซ่อนเพื่อกลับคอนโด ผมพยามถอดแหวนที่นิ้วชี้ข้างซ้าย ผมพยายามถอดมันออกจากนิ้วของผม ผมไม่อยากให้ของที่น่าขยะแขยงมาอยู่บนร่างกายผมอีกต่อไป

     

    ยิ่งพยายามถอดมันออกเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเจ็บเท่านั้น นิ้วผมเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ น้ำตาที่ยังคงไหลอยู่ตลอดแล้วไม่มีท่าทีว่าจะหยุด มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่

     

    สักพักผมก็ได้ยินเสียงเรียก ของคนที่รังเกียจผม

     

    ลู!!’ ผมชะงักฝีเท้า เซนวิ่งเข้ามาหาผม แล้วหยุดยืนอยู่ทางด้านหลัง

     

    ผมไม่อยากหันกลับไป ไม่อยากแม้แต่ได้ยินเสียงเขา

     

    ในที่สุดแหวนที่น่าขยะแขยงนี่ก็ออกจากนิ้วของผม

     

    ลู จะมาที่คณะทำไมไม่บอกละ เซนจะ...

    ‘….’ ผมเงียบ ไม่อยากเอ่ยอะไรออกไปทั้งนั้น

    ลูเป็นอะไร หันหน้ามาคุยกันดีๆเซนจับตัวผมหันไปทางเขา แล้วพยายามเช็ดน้ำตาของผมออกจากแก้ม

    ผมปัดมือเขาออกอย่างแรง แล้วพยายามถอยห่างจากคนที่รังเกียจผม

    มาจับกูทำไม!! ขยะแขยงไม่ใช่หรอ... ไม่ชอบไม่ใช่หรอ... เกย์หน่ะ!!’ ผมตะคอกเขากลับอย่างห้ามไม่อยู่ ความรู้สึกดีๆตอนนี้มันหายไปหมดแล้ว

    ลู เซนไม่...เซนพยายามจะแก้ตัว แต่สายไปสะแล้ว ผมได้ยินทุกอย่างเต็มสองหู จะแก้ให้ตายยังไง ผมก็ไม่เชื่อ!!

    มึงอย่ามาเรียกกูว่าลู!! กูไม่ใช่แฟนมึง!! มึงอย่ามา... สะเออะ...” ผมพยายามกดเสียงลงต่ำ เพื่อข่มตัวเองไม่ให้เดือดไปมากว่านี้

    แล้วนี่... แหวนของมึง!! ที่ซื้อให้คนที่น่าขยะแขยงแบบกู!!” ผมปาแหวนลงพื้นอย่างเหลืออด แล้วหันหลังเดินออกมา

     

    ผมพยายามปาดน้ำตาของตัวเอง น้ำตาที่ไหลให้กับคนแย่ๆแบบนั้น ผมได้ยินเสียงเรียกชื่อผมดังอยู่หลายครั้ง แต่ผมไม่อยากหันกลับไปหาเขาอีก ไม่อยากหันกลับไปมองเขาอีก ไม่อยากให้เขาทำร้ายความรู้สึกของผมไปมากกว่านี้

     

    ผมคงดูเป็นตัวตลกมากเลยสินะ

     

    ผมเดินออกมาไม่สนสายตาของคนที่ยืนดูเหตุการณ์ตรงนั้น ผมเดินตรงกลับไปที่ห้องพักและทิ้งสิ่งของทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขา สิ่งที่เขาซื้อ สิ่งที่เขาทำให้ ผมทิ้งทุกอย่าง ไม่อยากให้เหลือไว้แม้แต่ความทรงจำ ไม่อยากให้เหลือไว้เลย...

     

    อาการปวดหัวเริ่มหนักขึ้นอีกครั้ง เป็นแบบนี้ตลอดเวลาคิดถึงเรื่องนี้ เหมือนมันยังรับรู้ความรู้ความรู้สึกในวันนั้นได้ชัดเจน

     

    ผมไม่ลังเลที่จะทิ้งสร้อยคอนั่นลงถังขยะ

     

    จะไปเหลือไว้ทำไม ของๆคนทุเรศๆแบบนั้น!!

     

     

     

     

     --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ผ่านไปแล้วกับบทนำสั้นๆ รู้สึกงงมั้ยยังไง 5555555+

    ยังไงก็ฝากติดตามกันต่อๆไปด้วยนะครัช

    อย่าลืมติดแท็ก #Relation18 แล้วมาติชมกันผ่าน twitter ได้โลยยยินดีรับฟังครัช

    แล้วก็ใครอยากบอกหรืออยากคุยอะไรนี่เลย >>tw: @poltny

    อย่าลืม!!!

    1 คอมเม้นท์ คือ 1 กำลังใจนะยูวว

     

             ♥♥♥

               

               

     © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×