ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Chinese Fantasy Story 1.5(ตำนานเซียนเมฆา)

    ลำดับตอนที่ #1 : ปิศาจร้ายในป่าผีหมอก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.83K
      12
      9 พ.ค. 55

    ภาค ตำนานเซียนเมฆา

     

    ปิศาจร้ายในป่าผีหมอก

     

    ท่ามกลางเสียงฟ้าร้องคำรามดังอื้ออึง สายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสาย ทำให้ทัศนวิสัยย่ำแย่ไปทั่วหุบเขา ที่เชิงเขายังคงมีหมู่บ้านขนาดกลางที่มีผู้คนมาตั้งรกรากอยู่นานกว่าสี่สิบปีแล้ว

    หมู่บ้านแห่งนี้มักโดนศัตรูต่างเผ่ามาปล้นสะดมเสมอ วันหนึ่งชาวบ้านทนความเดือดร้อนไม่ไหว เรี่ยไรเงินไปให้ผู้ใหญ่บ้านเพื่อจ้างนักรบรับจ้างมาเพื่อช่วยปราบโจรที่ซ่องสุมอยู่ในหุบเขา

    นับตั้งแต่วันที่นักรบรับจ้างเดินทางไปปราบโจร ก็ไม่มีผู้ใดรอดชีวิตกลับออกมาอีกเลย นอกเสียจากผู้ใหญ่บ้านกับลูกบ้านอีกสองสามคน ผู้รอดชีวิตเหล่านั้นเล่าว่าทั้งสองฝ่ายสู้กันจนเสียชีวิตไปหมดแล้ว และเหลือรอดเพียงแต่พวกชาวบ้านอย่างพวกเขาเท่านั้น

    สามถึงสี่ปีต่อมาก็มีเรื่องร่ำลือถึงปิศาจร้ายที่เข้ามาสิงสู่อยู่ในป่า ว่ากันว่าปิศาจตนนี้เกิดจากวิญญาณนักรบรับจ้างหรือไม่ก็ศัตรูต่างเผ่าที่ตายในการต่อสู้ในป่า พวกวิญญาณร้ายเหล่านั้นกลายเป็นอมนุษย์ ที่คอยล่าคนที่ผ่านไปผ่านมาแถวนั้นกินเป็นอาหาร

    ตอนกลางคืนจะเป็นเวลาที่ปิศาจออกล่าเหยื่อซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้เดินทางผ่านเข้าไปในป่า และถ้าหากวันใดฝนตกวิญญาณร้ายก็จะออกมาล่าเหยื่อไกลถึงในหมู่บ้านทีเดียว

    วันนี้ฝนเริ่มตกตั้งแต่บ่าย ชาวบ้านจึงปิดประตูอยู่แต่ในบ้านกันทุกครัวเรือน พวกเด็กๆถูกพาตัวไปซ่อนใต้เตียงบ้างในโอ่งน้ำบ้างเพื่อแอบซ่อนตัวจากวิญญาณร้าย

    สกุลหูปลูกบ้านเล็กๆอยู่ใกล้ตลาด ในครอบครัวประกอบด้วย นางหูและแม่ รวมไปถึงลูกชายตัวน้อยอายุหกปีที่ชื่อว่าเทียนจิ้ง

    บิดาของเทียนจิ้งนั้นป่วยตายตั้งแต่เทียนจิ้งอายุได้สามปี เมื่อขาดเสาหลักของนางหูจึงต้องออกไปทำงานในโรงย้อมผ้าของผู้ใหญ่บ้าน จึงจำเป็นต้องปล่อยให้มารดาชราเป็นผู้ดูแลเทียนจิ้งอยู่กับบ้านเพียงลำพัง

     แม่ของเทียนจิ้งไปทำงานที่โรงทอผ้าตั้งแต่เช้า แต่เมื่อฝนตกลงมานางจึงรีบวิ่งกลับบ้านโดยเร็วด้วยความเป็นห่วงสองยายหลาน

     เมื่อนางมาถึงบ้านก็ตกใจแทบสิ้นสติเมื่อแม่ของนางบอกว่า เธอได้พาเทียนจิ้งไปซ่อนใต้เตียงแล้วจึงออกมาเก็บเสื้อผ้า พอกลับเข้ามา หน้าต่างในห้องนอนก็เปิดออกแล้วเทียนจิ้งก็หายตัวไปแล้ว

    นางหูรีบวิ่งออกจากบ้านฝ่าสายฝนเข้าไปยังป่าผีหมอก นางได้ยินเสียงร้องเรียกของบุตรชายดังออกมาจากป่า นางหูจึงรีบวิ่งตามเสียงนั้นเข้าไปโดยไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย  ความกลัวในใจของนางถูกแทนที่ด้วยความเป็นห่วงลูกชายตัวน้อยจนหมดสิ้น

    แล้วนางก็พบกับภาพเบื้องหน้า เงาสีดำทะมึนอุ้มเทียนจิ้ง กระโดดวูบวาบไปมา ค่อยๆเคลื่อนตัวลึกเข้าไปในป่าแล้วหายเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่ง

    และเสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้นอีกครา หลังจากนั้นก็มีเสียงโหยหวนน่าสะพรึงกลัวออกมาจากในถ้ำ นางหูรวบรวมความกล้าเพื่อเดินตามเงาปริศนาที่ลักพาตัวลูกชายนางเข้าไปในถ้ำ

     ฉับพลันกลับมีสิ่งหนึ่งมารั้งตัวนางไว้  เมื่อนางหูหันไปมองก็ถึงกลับเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้น สุนัขป่าตัวใหญ่ขนสีขาวกำลังงับชายเสื้อของนางไว้

     "ไม่ต้องตกใจ ชื่อของมันคือวายุพิโรธ มันเตือนว่า คุณนายไม่ควรเข้าไปในถ้ำแห่งนี้" นักพรตวัยกลางคนผู้มีหนวดเคราสีดำกล่าว

     "ข้าพเจ้าชื่อซูซ่งฟง เป็นนักพรตจากแคว้นจิน เดินทางผ่านมาทางนี้แล้วได้รู้สึกถึงกลิ่นอายปิศาจอันแรงกล้าออกมาจากในป่า ข้าพเจ้าและเพื่อนจึงแกะรอยมาถึงถ้ำแห่งนี้"

     "ท่านนักพรต เจ้าปิศาจร้ายจับตัวลูกชายข้าไป ได้โปรดช่วยเขาด้วย" หูฮูหยินกล่าวไปร่ำไห้ไป

                    สุนัขป่าตัวใหญ่ทำจมูกฟุดฟิดแล้วเดินนำหน้าเข้าไปในถ้ำ ในขณะที่นักพรตหนุ่มจุดคบเพลิงขึ้นแล้วค่อยเดินตามเข้าไป "คุณนายหู ได้โปรดรออยู่ด้านนอกก่อน พวกเราจะเข้าไปช่วยเด็กออกมา

    เมื่อเดินเข้าถ้ำมาระยะหนึ่งก็ทะลุมาถึงที่โล่งเปิดกว้าง เป็นถ้ำที่มีพื้นที่เปิดมองขึ้นไปไม่มีเพดาน

     วายุพิโรธเห่าขู่เงาสีดำที่เคลื่อนไหวอยู่ด้านหน้า ในขณะเดียวกันซูซ่งฟงก็ท่องมนตร์สามพยางค์เป่าใส่ลูกประคำที่อยู่ในมือข้างซ้าย ในขณะเดียวกันเขาก็ชักกระบี่ออกด้วยมือขวาแล้วตั้งท่าเตรียมบุกจู่โจม

     เงาสีดำหยุดเคลื่อนไหว แล้วปรากฏร่างให้เห็นชัดเจน มันเป็นชายผิวขาวซีดเส้นเลือดดำปูดโปนในชุดผ้าคลุมสีดำยืนแสยะยิ้มให้

     "วิญญาณร้าย เจ้าจงปล่อยเด็กคืนมาซะโดยเร็ว" ซูซ่งฟงกล่าว

     "ครืน" เสียงฟ้าคำรามขึ้นอีกครั้งปิศาจในผ้าคลุมสีดำร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดโลหิตสีคล้ำไหลซึมออกมาทางหูและตาของมัน

     "โอ...เพื่อนอีกาเอ๋ยจงมาเถิด เหยื่ออันโอชะเหล่านี้ ข้าตั้งใจเตรียมมาสังเวยให้แก่พวกเจ้าโดยเฉพาะ" ปิศาจร้ายตะโกนก้อง

     ฉับพลันฟ้าเริ่มมืดลงอีกครั้ง ลมพัดมากระแทกตัวซูซ่งฟงอย่างแรง กองทัพอีกานับพันตัวบินถลาร่อนลงมารุมทำร้ายทั้งนักพรตและสุนัขคู่ใจ

     นักพรตหนุ่มเห็นท่าไม่ดีจึงเก็บกระบี่แล้วกระโจนตัวขึ้น เขายกเอาน้ำเต้าขึ้นดื่มอมไว้ในปาก แล้วท่องคาถาห้าพยางค์ในใจ จากนั้นนักพรตหนุ่มก็พ่นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ออกมาจากปาก เกิดเป็นเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ เผาเหล่าอีกาตายไปเป็นเบือ

     ปิศาจอีการ้องลั่นด้วยความไม่พอใจแล้วก็พุ่งเข้าใส่ซูซ่งฟงอย่างรวดเร็ว นักพรตหนุ่มเห็นดังนั้นก็ดีดลูกประคำออกแปรเปลี่ยนเป็นสายฟ้าเข้าใส่ปิศาจอีกา ลูกประคำกระแทกตัวมันอย่างแรง ทำให้ปิศาจร้ายกระเด็นไปติดผนังถ้ำ ปิศาจอีกาแสดงกิริยาอาการเจ็บปวดทรมานอย่างเห็นได้ชัด

     นักพรตหนุ่มดึงผ้ายันตร์ออกจากกระเป๋าสะพายแล้วขว้างใส่ปิศาจอีกาอีกคำรบ ยันตร์วิเศษนี้ทำหน้าที่ผนึกปิศาจอีกาไว้ไม่ให้มันขยับหนีไปไหนได้

     "ออกฤทธิ์ได้ขนาดนี้ ปิศาจอีกาเจ้าเสพเนื้อมนุษย์ด้วยใช่หรือไม่" 

     "เฮอะ! ก็แค่เนื้อมนุษย์ ก็ไม่เห็นจะดีเด่นไปกว่าสัตว์เดรัจฉานอื่นๆเลย" ปิศาจอีกากล่าว

     "ยี่สิบปีก่อนมีมนุษย์ล้มตายที่นี่มากมาย ทั้งนักรบต่างเผ่าและนักรบรับจ้าง แต่มนุษย์ที่ชั่วช้าที่สุดคงไม่พ้นพวกคนในหมู่บ้าน เจ้าผู้ใหญ่บ้านที่แสนต่ำช้านั่นตกลงค่าจ้างกับนักรบรับจ้างไว้ด้วยทองสิบแท่ง แต่ท้ายสุดมันก็หักหลังคนพวกนั้นด้วยการเชิดเงินค่าจ้างไปมิหนำซ้ำยังวางยาพิษในสุราอาหารของพวกเขา นักรบรับจ้างเหล่านั้นถึงแก่ความตายทั้งหมดโดยไม่มีใครรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว เหล่าวิญญาณของผู้ตายได้วิงวอนต่ออีกา ผู้รู้เห็นในการกระทำอันชั่วช้าในครั้งนั้น พวกมันจึงปลุกชีพของข้าให้ฟื้นขึ้นจากความตาย เพื่อให้มาสะสางบัญชีแค้นแทนวิญญาณของผู้ที่ถูกทรยศ" ปิศาจอีกากล่าว

     "แล้วเจ้าทำไม่ไม่ไปแก้แค้นผู้ใหญ่บ้าน ทำไมถึงต้องมาลักตัวมนุษย์ผู้ไม่เกี่ยวข้อง" ซูซ่งฟงถาม

     "เพื่อบูชาอีกาผู้ศักดิ์สิทธิ์ ผู้มอบพลังแห่งความมืดให้แก่ข้า สิ่งแลกเปลี่ยนคือซากของ สิ่งมีชีวิตที่ชั่วช้าอย่างพวกเจ้า"

     "เดรัจฉาน!" ซูซ่งฟงตวาด

     "ก็ไม่ต่างไปจากเจ้าเท่าไรหรอกนักพรตผู้ประเสริฐ หากไม่เชื่อจงหาทางนำตัวผู้ใหญ่บ้านมาพบข้าสิ ความจริงจะได้กระจ่าง หรือไม่ก็กำจัดข้าเสียเดี๋ยวนี้เลย แล้วก็รับเอามลทินติดตัวกลับไป"

     ซูซ่งฟงพลันรู้สึกสับสนและร้อนใจมาก กลัวว่าจะต้องกลอุบายของปิศาจอีกาจึงกล่าวว่า

    "ถึงผู้ใหญ่บ้านจะผิดจริง แต่ในฐานะนักพรตข้ามิอาจปล่อยให้ปิศาจร้ายอย่างเจ้าดำรงอยู่เพื่อคอยทำร้ายมนุษย์ได้"

     "นักพรตเอย...หากเจ้าไม่ฆ่าข้าวันนี้ ข้าก็จะออกล่าคนแถวนี้ต่อไป" มาตรว่าไม่ตายในวันนี้ ก็ยากจะหาผู้ใดเปลี่ยนความคิดของปิศาจร้ายได้

     "ข้าต้องกำจัดเจ้าแน่นอนปิศาจร้าย แต่เพื่อความเป็นธรรมต่อชีวิตของนักรบรับจ้าง ข้าจะต้องสืบหาความจริงให้แน่ชัดก่อน การฟังความจากเจ้าข้างเดียวแล้วปลงใจเชื่อดูจะเป็นการด่วนตัดสินใจเร็วไป ดังนั้นจงอยู่ใต้ผนึกนี้ไปก่อน จนกว่าข้าจะกลับมาจัดการกับเจ้า" นักพรตหนุ่มกล่าวเสียงหนักแน่น ก่อนหันไปสั่งการสุนัขป่าสีขาว

     "วายุพิโรธจงเฝ้าผนึกไว้รอจนกว่าเราจะกลับมา"

    จากนั้นนักพรตหนุ่มจึงก้มลงอุ้มเทียนจิ้งที่หมดสติอยู่กับพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากถ้ำไป

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×