ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Chinese Fantasy Story 1.5(ตำนานเซียนเมฆา)

    ลำดับตอนที่ #3 : วิญญาณอาฆาตแห่งสะพานสาวโดด

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ค. 55


    วิญญาณอาฆาตแห่งสะพานสาวโดด

     

    ยามบ่ายแก่ๆ ในตลาดของเมืองเล็กๆเมืองหนึ่ง ชาวบ้านต่างจับกลุ่มซุบซิบคุยกันเกี่ยวกับแขกต่างเมืองที่มาเยือน โดยพุ่งความสนใจไปที่สุนัขป่าขนสีขาวตาสีแดงตัวใหญ่ซึ่งกำลังเดินนำหน้านักพรตหนุ่มเข้ามาในตลาด สุนัขป่าสีขาวทำจมูกฟุดฟิด แล้วหันมองหาที่มาของกลิ่นบางอย่าง

     "เป็นอะไรเพื่อนเกลอ เจ้าได้กลิ่นอันใดงั้นหรือ" ซูซ่งฟงถาม สุนัขป่าขนสีขาวงับมือของนักพรตหนุ่มเบาๆ เพื่อเป็นสัญญาณให้นักพรตหนุ่มตามมา

    วายุพิโรธพาซูซ่งฟงมายังโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง จากนั้นก็เดินไปยังโต๊ะที่มีชายหนุ่มวัยกลางคนอายุไล่เลี่ยกับซูซ่งฟงนั่งรับประทานอาหารอยู่ แต่เป็นที่ผิดสังเกตว่าอาหารชั้นเลิศบนโต๊ะมิได้พร่องไปแม้แต่นิดเดียว ซูซ่งฟงจึงสังเกตอาการของชายผู้นี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน

    ท่าทางของเขาดูเหม่อลอย หน้าผากหมองคล้ำ นัยน์ตาแดงก่ำ คาดว่าเขาคงมีเรื่องกังวลใจเป็นอันมาก

     วายุพิโรธเดินเข้าไปเลียมือของชายผู้นั้นแล้วนั่งลง เจ้าของโต๊ะจึงได้สติแล้วหันกลับมาสบตาวายุพิโรธ  "ว่าอย่างไร สนใจอาหารบนโต๊ะข้าหรือ..."

    "เห็นทีข้าต้องรบกวน ขอบิณฑบาตอาหารสำหรับเกลอข้าเสียแล้ว" ซูซ่งฟงกล่าว เมื่อคาดคะเนด้วยสายตาแล้ว...ด้วยท่าทางเช่นนั้น ชายผู้นี้คงไม่แตะต้องอาหารบนโต๊ะแน่

     "ท่านเป็นเจ้าของสุนัขตัวนี้หรือ ท่านนักพรต" ชายหนุ่มยื่นจานอาหารส่งให้เพื่อนผู้มาใหม่ พร้อมกล่าวถาม

     "มิได้ เราทั้งสองเป็นสหายกัน" ซูซ่งฟงกวาดเอาอาหารลงในชามข้าวของวายุพิโรธ แล้วยืดกายกลับมานั่งตัวตรง 

    "เพื่อเป็นการตอบแทน ขอให้ข้าได้คลายทุกข์ให้ท่านบ้างได้หรือไม่" นักพรตหนุ่มกล่าว

     "ท่านนักพรตทราบได้อย่างไร ว่าข้าพเจ้ามีเรื่องกังวลใจ" เรียวคิ้วนั้นขมวดเล็กน้อย

     "อาหารชั้นเลิศอยู่ตรงหน้าแท้ๆแต่ท่านกลับไม่แตะต้องแม้แต่นิดเดียว ข้าจึงคาดเดาว่าท่านคงมีความทุกข์อยู่ในใจมิใช่น้อย" ซูซ่งฟงตอบ

     เจ้าของอาหารชั้นเลิศผ่อนลมหายใจอย่างทอดถอน แล้วกล่าวว่า"ข้ามีนามว่าหวูฮุ่ยเหลียง มีอาชีพเป็นหมอ คืนวันก่อนข้าฝันประหลาดว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งสวมชุดสีม่วงมาบอกข่าวแก่ข้าว่า ในวันรุ่งขึ้นจะมีคนไข้ชายมาขอให้ข้ารักษาแผลที่โดนปิ่นปักผมแทงเข้าที่ท้อง ชายผู้นี้ก่อกรรมทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่ได้โปรดอย่ารักษามัน"
                หมอหวู่เว้นจังหวะครู่หนึ่ง
    "พอรุ่งขึ้นก็มีชายหนุ่มถูกหามมาให้ข้ารักษา ชายคนนี้เป็นลูกพ่อค้าสกุลจง คุณชายจงโดนปิ่นปักผมเสียบคาอยู่ที่ท้อง ต้องทำการผ่าเอาออก หมอทั้งเมืองปฏิเสธที่จะรักษาคุณชายจง เพราะเหตุว่าคนไข้อาการหนักจนเกินเยียวยาแล้ว"

    ครั้นเห็นหมอหนุ่มนั่งเงียบ ซูซ่งฟงจึงกล่าวขึ้น  "แต่ท่านก็รักษาจนรอดได้"

     "ข้าพเจ้าเป็นแพทย์ เห็นคนกำลังจะตายอยู่ตรงหน้า ด้วยจรรยาแพทย์ก็ต้องรักษาให้ดีที่สุดไม่ว่ามันจะเป็นคนดีหรือคนชั่ว" หวูฮุ่ยเหลียงกล่าว

     "ท่านไม่เกรงกลัวคำเตือนของหญิงสาวที่มาเข้าฝัน ท่านเป็นหมอที่กล้าหาญนัก" ซูซ่งฟงกล่าว

     "ข้าคิดว่าต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้นางต้องมาเข้าฝันข้า" เขาเปิดเผยความใคร่รู้ในสาเหตุที่แท้จริง

     "มีเรื่องบางอย่างต้องแก้ไข หากข้าไม่รักษาคุณชายจง เรื่องร้ายบางอย่างอาจจะจบไปโดยไม่มีใครรู้" หมอหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงกังวลใจ

    "ท่านหมอ ท่านมีไหวพริบน่าชื่นชม"

     "แต่แล้วนางก็มาเข้าฝันข้าอีก โดยบอกว่าจะตามรังควาญข้าอย่างมิหยุดหย่อน" สีหน้าของหมอหนุ่มแฝงแวววิตกกังวล

    "นางรังควาญท่านอย่างไร" ซูซ่งฟงถาม

    "ข้าได้ยินเสียงประหลาดคอยสาปแช่งอยู่ในหัวตลอดเวลาในขณะที่ผู้อื่นไม่ได้ยินตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน พอนอนหลับก็ฝันว่าถูกคนกลุ่มหนึ่งจับมัดไปถ่วงน้ำที่สะพาน อาการเหล่านี้แม้กินยาแก้อาการทางประสาทแล้วก็ไม่ดีขึ้นเลย" หมอหวู่ยกมือขึ้นกุมศีรษะ

     "ท่านหมอพาพวกเราไปยังสะพานที่ท่านว่าได้หรือไม่ ข้าอาจจะพอมีหนทางช่วยท่านได้" ซูซ่งฟงกล่าว

    เมื่อเห็นว่านักพรตหนุ่มมั่นใจดังนั้น หมอหวู่จึงมีสีหน้าดีขึ้นมาก

    "ขอบคุณท่านนักพรตมาก เชิญทางนี้"

    หลังจากชำระค่าอาหารเสร็จ ทั้งสองคนกับอีกหนึ่งสุนัขก็ออกเดินทางไปยังสะพานที่หมอหวู่ฝันเห็น ขณะนั้นเองท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงแล้วกว่าทั้งหมดจะมาถึงจุดหมายก็เข้าสู่ช่วงเวลากลางคืน

    "ท่านหมอ จงเอาน้ำมนต์นี้ลูบดวงตาทั้งสองข้างของท่านเพื่อ เป็นการเบิกทิพยเนตรชั่วคราว" ซูซ่งฟงกล่าวแล้วเทน้ำในน้ำเต้าลงบนมือของหมอหวู่

    หมอหนุ่มยกมือขึ้นเอาน้ำนั้นลูบดวงตาทั้งสองข้าง รู้สึกร้อนเล็กน้อยจึงเอ่ยถามซูซ่งฟงว่า  "ข้าพเจ้ารู้สึกร้อนที่ดวงตา จะเป็นอะไรหรือไม่"

    "ไม่เป็นไรท่านหมอ สักครู่ก็จะเป็นปกติ" แล้วนักพรตหนุ่มก็พนมมือท่องมนตราสามพยางค์แล้วกล่าวว่า "วิญญาณร้ายจงปรากฎ"

    ฉับพลันก็เกิดเงาลางๆขึ้นที่กลางสะพาน อากาศในตอนค่ำกลับหนาวยะเยือกเหมือนตอนดึก แต่ซูซ่งฟงและหวูฮุ่ยเหลียงกลับมีเหงื่อไหลซึมออกมา ส่วนวายุพิโรธนั้นถึงกับขนลุกชูชันไปทั้งร่าง วิญญาณหญิงสาวในชุดสีม่วงที่ร่างเปียกชุ่มไปด้วยน้ำปรากฏขึ้น

     

    "เป็นวิญญาณอาฆาตที่มีความแค้นเป็นกำลัง ในอดีตที่นี่คงมีคนตายมากมายเป็นแน่" ซูซ่งฟงกล่าว

     "ท่านรออยู่ตรงนี้ก่อนข้าพเจ้าจะลองเข้าไปพูดคุยกับนาง"

    วิญญาณสาวเสื้อม่วงนั่งก้มหน้าหลับตาอยู่กลางสะพาน นางมีผิวขาวซีด ริมฝีปากและเล็บดำคล้ำ เดาได้ว่านางคงเสียชีวิตจากการจมน้ำที่สะพานแห่งนี้  อากาศโดยรอบเย็นยะเยือกขึ้นอีก จนซูซ่งฟงหายใจออกมาเป็นไอ

    "แม่นาง" เมื่อได้ยินเสียงเรียก วิญญาณสาวจึงค่อยๆลืมตาแล้วจ้องมองมาที่ซูซ่งฟง

    "นักพรต ท่านต้องการสิ่งใด" วิญญาณสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ นัยน์ตาสีขุ่นจ้องมองมายังซูซ่งฟงและพวก

                "เรามาเพื่อช่วยเจ้า"

    "ผิดแล้ว พวกท่านมาขัดขวางเราชัดๆ หมอผู้นั้นไม่ทำตามคำที่เราขอร้อง สมควรแก่โทษที่มันได้รับ" 

    "แม่นาง พวกเรามาพบเจ้าในครั้งนี้หวังว่าจะคลายปมในจิตใจให้เจ้า ฉะนั้นได้โปรดเล่าข้อเท็จจริงให้พวกเราฟังด้วยเถิด" นักพรตหนุ่มเริ่มซักถาม

    ปิศาจสาวกลอกลูกตามองมายังซูซ่งฟงคราหนึ่ง "เมื่อก่อนข้าเป็นมนุษย์ชื่อเสี่ยวหลิน เป็นลูกสาวชาวนาธรรมดา วันหนึ่งแม่ใช้ให้มาซื้อของในตลาดหลายอย่างทำให้ต้องเดินทางกลับในเวลากลางคืน ระหว่างทางมีพวกคนร้ายใจชั่วเข้ารุมทำร้ายหมายจะขืนใจข้า ข้าจึงเอาปิ่นปักผมเสียบมันคนหนึ่งเข้าที่ท้อง พวกมันแตกตื่นกันใหญ่ พวกคนร้ายที่เหลือเกรงว่าข้าจะรอดไปได้พวกมันจึงช่วยกันมัดข้าไว้และโยนข้าลงไปจากสะพานจมน้ำเสียชีวิตอยู่ใต้แม่น้ำแห่งนี้"

    ลูกตาขุ่นขาวภายใต้ใบหน้าอันซีดเซียวนั้นกลอกไปมา ริมฝีปากบิดเบี้ยวกล่าวถึงเรื่องราวแต่หนหลังครั้งยังมีชีวิต

    "วิญญาณหญิงสาวหลายคนก็ประสบเหตุเช่นเดียวกันกับข้า ด้วยความแค้นจึงมิอาจไปผุดไปเกิดได้"

    "ถ้าเช่นนั้นพวกคนร้ายก็คือ พวกคุณชายจง" หมอหวู่ขบกรามแน่น

    "ไม่นึกเลยหมอเทวดาอย่างท่านไม่รู้จักแยกแยะชั่วดี ไปรักษาคนชั่วให้รอดชีวิตเสียได้!"ปิศาจสาวกล่าวด้วยความคับแค้น

    "แต่เจ้าไม่มีสิทธิมาตามรังควาญท่านหมอ" ซูซ่งฟงกล่าวแย้ง

    "แล้วมันกงการอะไรของเจ้า นักพรต!" ปิศาจสาวเริ่มมีโทสะนางสยายผมที่เปียกปอนของนางออก เส้นผมแต่ละมวยของนางเคลื่อนไหวได้ราวกับสิ่งมีชีวิต มวยผมทั้งหลายพุ่งเข้ารัดคนทั้งสองและอีกหนึ่งสุนัขอย่างรวดเร็ว ซูซ่งฟงยิ่งดิ้นยิ่งถูกรัดแน่นขึ้น ในขณะที่หมอหวู่นั้นโดนรัดที่คอและมีท่าทีว่ากำลังจะหมดสติลง

    "ท่านหมอ แข็งใจไว้ก่อน"ซูซ่งฟงตะโกนแล้วท่องมนตราเจ็ดพยางค์รวดเร็ว"อัญเชิญเซียนเจ้าที่!"

    แสงสีทองผุดขึ้นจากพื้นดินแล้วก็ปรากฏร่างชายแก่หนวดเครายาวสีขาวถือไม้เท้าหัวมังกรส่งเสียงว่า "อดทนหน่อยนักพรตซู ข้าพเจ้ามาแล้ว"

    เซียนเจ้าที่เอาไม้เท้าหัวมังกรกระแทกพื้นหนึ่งทีก็ปรากฏลำแสงสีทองสามลำพุ่งตัดมวยผมของปิศาจสาวที่รัดพวกนักพรตอยู่ขาดออก

     "ชิ แม้แต่เซียนเจ้าที่ก็เข้าข้างพวกท่าน" ปิศาจสาวกล่าวด้วยความอาฆาต

     "ช้าก่อนทั้งสองฝ่าย ยุติการวิวาทเพียงเท่านี้ก่อน" เซียนเจ้าที่กล่าว

     "นักพรตซู...วิญญาณหญิงสาวตนนี้น่าสงสารมาก ถูกคนร้ายขืนใจแล้วฆ่า ความแค้นมากมายมหาศาล หากมิได้ชำระสะสางคงไปเกิดไม่ได้ ยิ่งนานวันนางก็จะสั่งสมพลังความแค้นจนกลายเป็นปิศาจ เพราะเหตุว่ามีคนชั่วอย่างนายน้อยบ้านสกุลจงที่คอยดักขืนใจสตรียามวิกาล พอมีเหยื่อนำความไปฟ้องร้องก็ไม่เป็นผล เหตุเพราะเจ้าหน้าที่เกรงกลัวอิทธิพลของบ้านสกุลจง เหยื่อสาวบางคนก็ถูกกำจัด ส่วนเจ้าเมืองก็ตัดสินเข้าข้างคนร้ายเพราะได้รับสินบนจากคหบดีจง คนร้ายอย่างคุณชายจงจึงลอยนวลอยู่ได้ ครั้นไม่มีใครสามารถเอาเรื่องได้ก็ย่ามใจ ก่อการหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ"  เซียนเจ้าที่กล่าว

     "แต่ตอนนี้เรื่องมันจะไปกันใหญ่แล้ว คนร้ายกำเริบหนัก เมื่อกลางวันพวกพรายกระซิบมันบอกว่าคนร้ายมีแผนที่จะขืนใจลูกสาวเจ้าเมืองในคืนพรุ่งนี้ หากเกิดเรื่องขึ้นจริงเจ้าเมืองต้องเปิดศึกกับตระกูลจงเป็นแน่ แล้วชาวบ้านก็คงเดือดร้อนไปทั่ว" เซียนเจ้าที่ถอนหายใจ ด้วยรู้แต่มิอาจยื่นมือเข้าช่วยเหลือได้โดยตรง

    "ข้าพเจ้ามีหนทางที่จะแก้ไข ได้โปรดฟังทางนี้ก่อน" หมอหวู่ซึ่งยืนฟังมาตลอดกล่าวขึ้น

     "เราจะซ้อนแผนมัน" หมอหนุ่มกล่าว 

     "ทำอย่างไรกัน ท่านหมอ" ซูซ่งฟงถาม

    "อุบายนี้น่าจะนำความกระจ่างและความเป็นธรรมมาให้กับทุกฝ่ายได้" หมอหวู่จึงเผยถึงแผนการซึ่งตนคิดได้ต่อทุกคน     

    เมื่อไม่มีข้อโต้แย้งใด ซูซ่งฟงจึงหันมองมาทางปิศาจสาวแล้วกล่าวว่า"ปิศาจเสี่ยวหลิน จงจำไว้ว่าอย่าคิดฆ่ามนุษย์มิฉะนั้นข้าและเซียนเจ้าที่จะไม่ปล่อยเจ้าไว้"

    เซียนเจ้าที่คลื่อนกายเข้ามาใกล้เสี่ยวหลินแล้วกล่าวว่า"จงพิจารณาดูให้ดีเสี่ยวหลิน เมื่อครู่นั้นเจ้ามีเจตนาจะฆ่าท่านหมอแต่ท่านหมอกลับคิดหาอุบายเพื่อแก้ปัญหาช่วยเจ้า คนดีอย่างนี้เจ้ายังคิดแค้นเคืองได้ลงคออีกหรือ เสี่ยวหลินจงละความพยาบาทอาฆาตเสียเถิดมิฉะนั้นเจ้าอาจต้องมีตราบาปติดตัวไปตลอดกาลนะ"           

    ปิศาจสาวชุดม่วงเดิมเป็นเพียงสตรีธรรมดา ไม่เคยคิดร้ายต่อผู้ใด ครั้นต้องประสบเคราะห์กรรมอัปยศถึงแก่ชีวิตอย่างไม่เป็นธรรม วิญญาณจึงถูกความแค้นเข้าครอบงำไปชั่วขณะ เมื่อได้รับเมตตาและความช่วยเหลือ จึงสำนึกได้โดยพลัน     

    "ข้าน้อยเสี่ยวหลินขอขอบคุณท่านหมอ "   ปิศาจสาวก้มศีรษะคารวะหมอหวู่ 
    คืนต่อมา

     บนเส้นทางสายเปลี่ยวริมแม่น้ำ หญิงสาวรูปงามหน้าตาหมดจดกำลังเดินทางจากโรงเตี๊ยมในตัวเมืองเพื่อกลับบ้านพ้อมกับบริวารสองคน ระหว่างทางมีชายแปลกหน้าสามคนเข้าล้อมพวกนางไว้ เกิดการต่อสู้แย่งชิงตัวลูกสาวเจ้าเมืองอยู่ครู่หนึ่ง ชัยชนะก็ตกเป็นของคนร้ายในที่สุด

     "พวกเจ้าจะทำอะไร ข้าเป็นลูกสาวเจ้าเมืองนะ ไม่เกรงกลัวอาญาบ้านเมืองหรือไง"หญิงสาวกล่าว

     "พ่อเจ้าก็แค่ลิ่วล้อขอนายข้า ไยข้าจึงต้องเกรงกลัว" ชายแปลกหน้าคนหนึ่งเอ่ย

     "รีบพานางไปที่กระท่อมร้าง" พวกมันอีกคนกล่าว

    แล้วชายแปลกหน้าทั้งสามก็ใช้กำลังนำตัวหญิงสาวไปยังกระท่อมร้างท้ายหมู่บ้าน ซึ่งในกระท่อมร้างแห่งนั้นคุณชายจงได้มารออยู่ก่อนแล้ว

    "ทำได้ดีมากตอนนี้พวกเจ้าหมดหน้าที่แล้ว จงรีบออกไปเฝ้าข้างนอก" คุณชายจงไล่ลูกสมุนทั้งสามออกไป มันยิ้มสาแก่ใจที่ได้ตัวเหยื่อรายใหม่มา

    "คืนนี้เจ้าต้องตกเป็นของข้า"

    นายน้อยบ้านสกุลจงกล่าวแล้วหัวเราะ

    เวลาผ่านไปชั่วครู่ อากาศก็เริ่มหนาวขึ้นอย่างผิดปกติ

    "ช่วยด้วย!" 

    เสียงร้องขอความช่วยเหลือของชายหนุ่มดังมาจากด้านในของกระท่อมร้าง...เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นอีกครั้ง และลูกสมุนทั้งสามจึงรีบเข้าไปในกระท่อมเพื่อช่วยผู้เป็นนาย

     เมื่อทั้งสามคนพังประตูเข้าไป กลับพบปิศาจเส้นผมกำลังเอามวยผมรัดคอนายน้อยบ้านสกุลจงอยู่ เสี่ยวหลินกลอกตาที่ขุ่นมัวมองพวกมันแล้วแยกเขี้ยวใส่อย่างสยดสยอง เมื่อพวกมันเห็นภาพตรงหน้าด้วยความตื่นกลัวลูกสมุนทั้งสามก็ตกใจวิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิตทิ้งให้นายของมันเผชิญชะตากรรมอยู่เพียงลำพัง

    ขณะเดียวกัน ซูซ่งฟงและหมอหวู่  ก็ปรากฎตัวพร้อมกับเจ้าเมืองและลูกสาว

     "ท่านเจ้าเมือง...หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับลูกสาวท่านจริงๆท่านจะทำอย่างไร" น้ำเสียงแหบพร่า เย็นเยียบ ของเสี่ยวหลินฟังแล้วน่าสะพรึงกลัวยิ่ง

    "ข้าสำนึกผิดแล้ว ต่อไปจะไม่รับสินบนในการตัดสินคดีความอีกเป็นอันขาด" เมื่อรู้แจ้งว่าเบื้องหน้า ภัยจากคนร้ายสามารถจะย้อนกลับมากล้ำกรายบุตรสาวของตนแล้ว เจ้าเมืองจึงรู้สึกสำนึกต่อความผิดอันของตนที่ปล่อยให้พวกคนร้ายหลุดพ้นคดีความเพราะต้องการค่าสินบน

     "เจ้าล่ะเห็นความชั่วของลูกชายตนเองหรือไม่!"  นักพรตหนุ่มตวาดเมื่อวายุพิโรธลากตัวพ่อค้าจงออกมา

    "ข้า...ข้าสำนึกแล้ว ต่อไปจะไม่ให้ท้ายมันก่อกรรมทำชั่วได้อีก" บิดาผู้ตามใจบุตรชายจนเสียผู้เสียคน ปล่อยปละให้ลูกชายกลายเป็นภัยร้ายต่อลูกสาวผู้อื่น ได้จำนนต่อหลักฐานทั้งหมด

    ครั้นกรรมชั่วที่ตนทำได้เปิดเผยต่อสาธารณะ นายน้อยบ้านสกุลจงถือโอกาสที่ทุกคนสนทนากันอยู่นั้น วิ่งหนีไปยังสะพานสาวโดด โดยหวังจะต่อรองลดโทษด้วยการขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย
                "โฮ่ง!" วายุพิโรธเห่าแล้ววิ่งตามคุณชายจงไป

    "อย่าเข้ามานะ! ไม่งั้นข้าจะโดดลงไป!"

    วิญญาณของเสี่ยวหลินจึงค่อยเคลื่อนเข้าหาคุณชายจงอย่างช้าๆ

    "ปิศาจร้าย เจ้าไม่มีวันจับตัวข้าได้หรอก!" คุณชายจงตะโกนก้อง แล้วกระโดดจากสะพานลงสู่แม่น้ำ ร่างนั้นดิ้นทุรนทุรายจมดิ่งลงสู่ห้วงน้ำลงไปเรื่อยๆ แต่ก่อนที่มันจะขาดใจ ก็ถูกแพรเส้นผมดึงขึ้นมาจากน้ำ

    "เจ้าสิปิศาจร้าย จงมีชีวิตอยู่เพื่อรับกรรมที่เจ้าก่อไว้เถอะ!" เสี่ยวหลินกล่าว พร้อมหันมาสบตาของเจ้าเมืองและพ่อค้าแซ่จง แต่ทั้งสองคนกลับทนสู้สายตานางได้ไม่นานนัก

    หลังจากเหตุการณ์คลี่คลาย คนผิดถูกนำไปรับโทษแล้ว ทั้งเจ้าเมืองและเศรษฐีจงได้รับปากว่าจะดูแลอุปการะครอบครัวของเสี่ยวหลินแทนนางเอง นางปิศาจจึงขอขมาและสดงความขอบคุณต่อซูซ่งฟงและหมอหวู่

    "ท่านนักพรต...ท่านหมอ...เสี่ยวหลินไม่มีสิ่งใดค้างคาใจอีกแล้ว ได้โปรดเมตตาปลดปล่อยวิญญาณเสี่ยวหลินด้วยเถิด"

    ซูซ่งฟงหยิบม้วนคัมภีร์นรกออกมา แล้วร่ายมนตราห้าพยางค์ ภาพของปิศาจเส้นผมจึงปรากฏขึ้นในคัมภีร์นรก "สัจธรรมแจ้งแล้ว สาธุ"

    กล่าวจบดังนั้น ร่างของปิศาจสาวก็ค่อยๆสลายเป็นเถ้าธุลีล่องลอยไปกับสายลม

    ซูซ่งฟงหันมาทางหมอหวู่ที่ร่วมเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้น ทั้งสองถอนหายใจออกมาพร้อมกัน

     

    "แล้วท่านจะไปที่ใดต่อนักพรตซู" หมอหวู่ถาม

    พระอาทิตย์กำลังขึ้นอยู่ที่ขอบฟ้า ซูซ่งฟงบ่ายหน้าไปทิศนั้น กล่าวว่า "ตะวันออก... ข้าคงเดินทางไปเรื่อยๆ"

    หมอหวู่อาสาไปส่งนักพรตหนุ่มที่ประตูเมือง ทั้งสองประสานมือคารวะต่อกัน

    "หวังว่าเราจะได้พบกันอีกท่านนักพรต"

    "ข้าพเจ้าก็คิดเช่นนั้น"ซูซ่งฟงกล่าวรับไมตรี แล้วค่อยหันหลังเดินจากไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×