คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : น้ำผึ้งของเฟิงเซวีย ตอนแรก สุ่ยจิง
น้ำผึ้งของเฟิงเซวีย ตอนแรก สุ่ยจิง
"พี่วายุพิโรธ พี่วายุ! กินข้าว!" เสียงของว่านหลี่ ศิษย์คนรองของนักพรตแห่งหุบเขาเสียดฟ้า ร้องเรียกหาผู้มีนามว่า วายุพิโรธ
"พี่วายุ ท่านอยู่ไหน ออกมากินข้าวเถิด" ชายหนุ่มเดินไปพลางร้องเรียกไปพลาง
ครู่หนึ่งก็ปรากฏร่างของ สุนัขป่าขนสีขาว นัยน์ตาสีแดง วิ่งควบลงมาจากบันไดหิน เมื่อมันแลเห็นเจ้าของเสียง ก็ชะลอฝีเท้าลงแล้วค่อยๆวิ่งเหยาะๆเข้ามา
วายุพิโรธ นางสุนัขที่มีขนสีขาวราวหิมะ เป็นผู้ติดตามซูซ่งฟงมาตั้งแต่หนุ่มจนแก่ แม้ว่ามันจะมีอายุมากกว่าสิบห้าขวบปีแต่กลับมีความแข็งแรงและสวยสง่าไม่ต่างจากสุนัขวัยหนุ่มสาวเลย
"พี่วายุ กินข้าว" ชายหนุ่มย่อตัวลงแล้วยื่นชามอาหารให้กับนางสุนัข วายุพิโรธเดินเข้ามาใกล้แล้วยื่นจมูกนองนางมาดมกลิ่นอาหารมื้อเช้า นางสุนัขขนลุกชูชัน เธอสะบัดศีรษะพร้อมทั้งผงะถอยหลังออกมา มันถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วนั่งลงมองหน้าชายหนุ่ม
"เป็นอะไรไปพี่วายุ วันนี้ศิษย์พี่ใหญ่ไม่อยู่ เขาวานให้ข้าทำอาหารให้พี่ นี่ข้าปรุงสุดฝีมือเลยนะ" ชายหนุ่มทำเสียงอ่อน
"อร่อยนะพี่ ลองชิมดูสักคำก่อนน่า" ชายหนุ่มคะยั้นคะยอแล้วยื่นอาหารฝีมือตนให้กับนาง
นางสุนัขย่นคอ นัยน์ตาสีเพลิงเบิกกว้างออก เล็บจิกแน่นลงบนพื้น
"พี่วายุลองสักคำก่อนน่า รับรองว่าอาหารฝีมือข้าไม่ด้อยไปกว่าศิษย์พี่ใหญ่แน่นอน" ว่านหลี่คุกเข่าลงแล้วยื่นชามอาหารใกล้เข้าไปอีก
"ดูท่าทางอาหารของเจ้า คงไม่ถูกปากวายุพิโรธนะ ว่านหลี่" เสียงนักพรตชรากล่าวขึ้น เขาเพิ่งเดินออกมาในสวนพร้อมกับเด็กหญิงคนหนึ่ง
"กับข้าวฝีมือศิษย์พี่รอง พี่วายุไม่รับประทาน" เด็กสาวกล่าวหยอก
"ชะ เป๋ยเป่ย เช้านี้ศิษย์พี่ใหญ่ไม่อยู่ ยังไงทุกคนก็ต้องทานอาหารฝีมือข้า" ชายหนุ่มเบ้ปากพูด
"อาจารย์ เช้านี้ข้าไม่หิว" เด็กสาวรีบหันมากล่าวกับนักพรตชราด้วยเสียงที่สั่นเครือ
นักพรตชราหัวเราะในที "ว่านหลี่ ศิษย์พี่ของเจ้าไปไหนหรือ" นักพรตชราถาม
"พี่เฟิงเซวียบอกว่า จะออกไปเก็บดอกหัวใจภูผาครับท่าอาจารย์ไม่ทราบว่าจะกลับมาเมื่อไหร่" ชายหนุ่มตอบ
นักพรตชราหน้าถอดสี เขาสูดลมหายใจเข้า แล้วหันมามองทางเด็กสาว "เอาล่ะเป๋ยเป่ย รสชาติและรูปลักษณ์ล้วนเป็นสิ่งสมมติ เข้าใจนะ"
"!!!" เด็กสาวตัวเย็นวาบหนึ่ง กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง หายใจหอบถี่ ชีพรจรเต้นสับสน รู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาดลงมากลางศีรษะ ร่างกายจะแหลกสลายกลายเป็นเถ้าธุลี
นางปรายตามามองศิษย์พี่ของตนด้วยความหวาดกลัว น้ำตาสะท้อนแสงแดดเป็นประกายไหลพรากลงมาอาบแก้ม แข้งขาอ่อนระทวย
ว่านหลี่มองกลับมาด้วยดวงตาที่ใสซื่อแล้วพูดว่า "อร่อยนะ เป๋ยเป่ย"
ชายหนุ่มหายใจฟืดฟาดแล้วหันมาปฏิบัติหน้าที่ของเขาต่อ
"พี่วายุ"
"!!!"
เงาร่างสีขาวเคลื่อนไหววูบวาบห่างออกไปด้วยความรวดเร็วสุดที่จะประมาณได้ เหลือไว้เพียงความวิเวกและเปลี่ยวเหงาของมนุษย์ทั้งสาม
เมื่อคืนเป็นคืนเดือนเพ็ญ เฟิงเซวียได้รับการไหว้วานจากพ่อบ้านจิวให้ไปตักน้ำในลำธารยามดึก ศิษย์คนโตของซูซ่งฟงจึงหาบถังไม้ใบใหญ่ไปยังลำธารที่อยู่อีกฟากหนึ่งของภูเขา
จันทร์เพ็ญทอแสงเจิดจ้า ทัศนียภาพโดยรอบดูงามกระจ่างตา เฟิงเซวียเดินหาบถังเปล่าไปพลาง ชมจันทร์ไปพลางอย่างสบายอารมณ์ ไม่นานนักเขาก็เดินมาถึงยังที่หมาย อากาศยามดึกเริ่มหนาว สายลมเย็นพัดมากระทบใบหน้าเขาวูบหนึ่ง
"หนาวแท้" ชายหนุ่มรำพึง
เขาจุ่มถังไม้ใบใหญ่ลงในลำธารเพื่อตักน้ำ ในระหว่างที่กำลังจะยกถังน้ำขึ้น เสียงขลุ่ยก็ดังแว่วขึ้นมา ชายหนุ่มหยุดยืนฟังท่วงทำนองอันโศกเศร้าอยู่ครู่หนึ่ง ก็หันมองไปรอบๆ
"เสียงขลุ่ย มาจากไหน" เฟิงเซวียรำพึงกับตัวเอง พลางมองไปที่ต้นลำธารอันเป็นที่มาของเสียง
เด็กหญิงผมสีดำยาวประบ่าคนหนึ่งกำลังนั่งเป่าขลุ่ยอยู่บนโขดหินริมลำธาร นางผิวขาวราวหิมะ ริมฝีปากเรียวเล็กสีแดงชาด แต่งกายด้วยชุดคลุมขนสัตว์สีขาวสะอาดสะอ้าน
"เฮ้ หนูน้อย เจ้าเป็นใคร มาจากไหน ใยจึงมานั่งเป่าขลุ่ยอยู่เพียงลำพังยามดึกดื่นเช่นนี้ เจ้าขึ้นเขามาได้อย่างไร ใยข้าจึงมิเคยเห็นหน้าเจ้ามาก่อน" ชายหนุ่มร้องถาม
เสียงขลุ่ยหยุดลง เด็กหญิงหันมองมายังชายหนุ่ม
"เจ้าถามมากมายขนาดนั้น จะให้ข้าตอบคำถามใดก่อนเล่า" เจ้าของริมฝีปากอันเรียวเล็กกล่าว
"เอ่อ...เจ้าชื่ออะไร" ชายหนุ่มอึกอัก
"ข้าชื่อ สุ่ยจิง... เหอ สุ่ย จิง" เด็กหญิงตอบด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นไร้ความรู้สึก
"น้องสุ่ยจิง ดึกดื่นป่านนี้แล้ว ใยเจ้าจึงออกมาเที่ยวเล่นเพียงลำพัง ไม่กลัวอันตรายหรอกหรือ" ชายหนุ่มถาม
เด็กหญิงส่ายหน้า นางลุกยืนขึ้นแล้วกระโดดโรยตัวลงมาจากหินก้อนใหญ่
"เจ้าไม่ควรเรียกข้าว่าน้อง ข้าอาวุโสกว่าเจ้า" เด็กหญิงกล่าว
ทันทีที่ปลายเท้าของนางแตะถึงพื้น ลมเย็นวูบหนึ่งก็พัดผ่านมา ทำเอาชายหนุ่มรู้สึกหนาวสะท้าน นางเริ่มจ้องมองศิษย์แห่งสำนักมังกรเมฆาด้วยความสนอกสนใจ เด็กหญิงสุ่ยจิงเอามือทั้งสองไพล่หลังแล้วเดินวนไปรอบๆตัวของชายหนุ่ม
"กลิ่นอันหอมหวลนี่ คงเป็นน้ำผึ้งของผิงเจี๋ยสินะ เจ้านำมันติดตัวมาด้วยหรือ" นางหยุดฝีเท้าแล้วจ้องมองไปที่หน้าเขา
ชายหนุ่มทำท่าเลิ่กลั่ก "เจ้ารู้ได้อย่างไร น้องสุ่ยจิง"
"ข้าเคยได้ลิ้มรสชาติของมันมาก่อน จึงจดจำได้" เด็กหญิงตอบ
"ดียิ่ง" ชายหนุ่มยกำปั้นทั้งสองของเขาขึ้นด้วยท่าทางดีใจ เขาลืมความเคลือบแคลงในตัวเด็กหญิงไปจนหมดสิ้น
"ข้าชื่อเฟิงเซวีย นี้คือน้ำผึ้งที่ข้าผลิตขึ้นเอง ท่านผิงเจี๋ยเป็นครูของข้า พรุ่งนี้จะมีการทดสอบรสชาติจากผู้เชี่ยวชาญ ข้าอยากให้เจ้าชิมรสชาติให้หน่อย" ว่าแล้วชายหนุ่มก็ล้วงเอาขวดยาขนาดเล็กออกมาจากอกเสื้อ
เด็กหญิงไม่รั้งรอ นางคว้าเอาขวดน้ำผึ้งของชายหนุ่มมาเปิดฝาออก จากนั้นก็บรรจงเทหยดน้ำผึ้งหยดหนึ่งลงบนนิ้ว นางทาบมือข้างนั้นไว้ที่ปลายจมูกแล้วหลับตาลงช้าๆแล้วก็เอานิ้วที่เปื้อนหยดน้ำผึ้งแตะเข้าที่ปลายลิ้น เด็กหญิงแสดงท่าทางดื่มด่ำกับรสชาติของน้ำผึ้งด้วยความเป็นสุข
"เป็นน้ำผึ้งของผิงเจี๋ย เฟิงเซวียเจ้ามีฝีมือดีมาก" เด็กหญิงเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้ม
ชายหนุ่มใช้มือข้างหนึ่งตบที่หน้าขาของตัวเองฉาดใหญ่ " มันต้องอย่างนี้สิ ข้าทำได้!" เขาอุทานออกมาด้วยความพึงพอใจ ด้วยท่าทีของเขาทำให้เด็กหญิงยิ้มกว้างขึ้น
"เจ้าสามารถทำให้มันเหนือล้ำกว่านี้อีกเชื่อหรือไม่" เด็กหญิงทำท่าทีจริงจัง
"ยังมีวิธีการใดทำให้มันเหนือล้ำกว่านี้ได้หรือ น้องสุ่ยจิง" เฟิงเซวียทำหน้าฉงน
"สัมผัสรับกลิ่นและรสชาติของข้าดีกว่าคนธรรมดาหลายเท่านัก หากเจ้าไม่เชื่อถือคำของข้าก็ไม่เป็นไร" รอยยิ้มอันสดใส เลือนหายไปจากใบหน้าของนางโดยฉับพลัน
"แล้วเหตุใด เจ้าไม่บอกท่านจอมปราชญ์เล่า น้องสุ่ยจิง"
"เขาไม่เข้าใจ ที่ข้าพูด" เด็กหญิงตอบ
"วิธีการของเจ้าคงล้ำลึกมาก จนท่านปราชญ์มิอาจเข้าใจ" ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบคางของตัวเองเบาๆ
"ก็แค่เอาน้ำผึ้งสูตรนี้หนึ่งส่วน บ่มด้วยกลีบดอกของหัวใจภูผา หนึ่งส่วน เป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม ไม่ขาดไม่เกิน เท่านั้นเอง ดอกหัวใจภูผาจะดูดเอากลิ่นไม่พึงประสงค์ออก เท่านี้เจ้าก็จะได้น้ำผึ้งที่เหนือล้ำยิ่งขึ้น" สุ่ยจิงกล่าวแล้วยื่นขวดน้ำผึ้งคืนให้กับเฟิงเซวีย
"วิธีการที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล ไม่เห็นเข้าใจยากแต่ประการใด ไฉนท่านปราชญ์จึงไม่เข้าใจ" ชายหนุ่มทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
"เรื่องราวในโลกนี้มันซับซ้อน เจ้ายังผ่านโลกมาไม่มากพอ ยังมีเรื่องอีกมากที่ต้องเรียนรู้" เด็กหญิงเขย่งตัวขึ้นแล้วใช้มือของนางตบบ่าเฟิงเซวียเบาๆ
"ตกลง ข้าจะลองดู" ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เข้มแข็ง
"วันหลัง ถ้าหากเจ้ามีของอร่อย จงนำมาให้ข้าทดสอบรสชาติได้เสมอ" คราวนี้นางยกมือขึ้นสูงแล้วลูบศีรษะของเฟิงเซวียอย่างเอ็นดู ชายผ้าคลุมขนสัตว์ของนางกระดิกขึ้นเล็กน้อย
"คุยกันเสียเนิ่นนาน ข้าต้องขอตัวกลับแล้ว เดี๋ยวลุงจิวจะหาว่าข้าเถลไถล ขอบใจเจ้ามากน้องสุ่ยจิง"ชายหนุ่มกล่าวอำลา
"เฟิงเซวีย เจ้าต้องเรียกข้าว่าพี่สาว ข้าอาวุโสกว่าเจ้า" สุ่ยจิงทำหน้าขึงขัง
"ได้ๆ หากวิธีการของเจ้าได้ผล ข้าจะเรียกเจ้าว่าพี่สาว" ชายหนุ่มทำท่าขึงขังเช่นกัน
เด็กหญิงแย้มยิ้ม นัยน์ตาของนางสว่างแดงขึ้นวาบหนึ่งดั่งเปลวเพลิง แต่เฟิงเซวียได้หันหลังจากไปแล้ว
ความคิดเห็น