คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ตอนเสริม ใช้ส่งประกวดเรื่องสั้นแนวกำลังภายในไม่จำกัดหัวข้อ
ข้าชื่อ...บ้วนลี้เต็กเกี้ย...
ท่ามกลางความเงียบสงัดในเวลาเช้ามืด ชายสูงวัยผู้หนึ่งกำลังนั่งชันเข่าอยู่ใต้ต้นสนพันปี มันนั่งพร่ำบ่นความในใจกับตัวเองอยู่อย่างนี้มาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
“ทำไมวันก่อนตัวข้าจึงพ่ายแพ้ในการประลอง ทำไมไร้พ่ายตังฮวงถึงพ่ายแพ้” มันกล่าวทวนประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้กี่หมื่นกี่พันรอบ
มันแต่งกายด้วยเครื่องแบบของชนชั้นสูงสีดำ แลดูมีสง่าราศี ผมสีดอกเลาของมันยาวสยายลงมาประบ่า มันยังคงก้มหน้าพร่ำบ่นถึงความพ่ายแพ้ของตนอยู่ไม่ขาดปาก
“เจ้าเด็กเมื่อวานซืน เจ้าตัวบัดซบ” ถ้อยคำที่แตกต่างหลุดออกจากปากมัน เมื่อพระอาทิตย์โผล่ขึ้นจากขอบฟ้า
“ข้า ไร้พ่ายตังฮวง จะต้องฆ่าเจ้าให้ได้” มันลุกพรวดขึ้นแล้วซัดฝ่ามือเข้าใส่โคนของต้นสนพันปี
“ตึง!” เสียงฝ่ามือกระแทกถูกเนื้อไม้ดังสนั่น ต้นสนพันปีขนาดใหญ่กว้างหลายคนโอบหักโค่นลงด้วยฤทธิ์ฝ่ามือของมัน
“บ้วนลี้เต็กเกี้ย!(บ้วนลี้เต็กเกี้ย เป็นสำเนียงแต้จิ๋ว แปลว่า บุกเดี่ยวหมื่นลี้) เจ้าต้องตาย” มันแหกปากตะโกนก้องด้วยความเคียดแค้น
เหล่านกกาแตกตื่นบินไปมาสะเปะสะปะมาโดยไม่รู้ทิศทางเพราะการกระทำของมัน
หากมีคนเอาเรื่องที่ข้าพ่ายแพ้ต่อเจ้าไปโพนทะนาจะทำอย่างไร ข้ามิจำต้องสูญเสียคำว่าไร้พ่ายออกจากสมญานามงั้นหรือ จากไร้พ่ายตังฮวง กลายเป็น ตังฮวงผู้พ่าย ผู้คนมิหัวเราะดูถูกเหยียดหยามข้าว่าเป็นไอ้ขี้แพ้อย่างนั้นหรือ ชายสูงวัยคิด คิ้วสีเทาทั้งสองข้างของมันขมวดมุ่น
เจ้าทำลายศักดิ์ศรีของข้า เจ้าเหยียดหยามข้าโดยการไม่ยอมเอาชีวิตข้าทั้งๆที่เจ้าควรจะทำ ชายสูงวัยกัดริมฝีปากตนเองจนเลือดไหลออกมา
ข้าจะต้องแก้มือให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะมีผู้รู้เห็นเพิ่มมากขึ้น ข้าจะล้างอายและปลิดชีพเจ้าด้วยมือสองข้างนี้ มันย่อตัวลงแล้วทุบกำปั้นทั้งสองลงข้างลำตัวอย่างสุดแรง เกิดเสียงดังปังกึกก้องราวกับฟ้าคำราม
“คนตายพูดไม่ได้ คนตายพูดไม่ได้ คนตายพูดไม่ได้” ตังฮวงผู้ไร้พ่ายบ่นพึมพำซ้ำไปซ้ำขึ้นมาอีกครั้ง
“คราวนี้ทุกคนที่รู้จักเจ้าจะต้องตาย ถ้าเจ้าไม่ฆ่าข้า ข้าจะฆ่าคนที่รู้จักเจ้าทุกคน บ้วนลี้เต็กเกี้ย” มันกล่าวด้วยความคับแค้นใจถึงขีดสุด
ยามเช้า ลานกว้างใจกลางเมืองถูกใช้พื้นที่ในการทำเป็นตลาดสด ผู้คนเดินเลือกซื้อของกันขวักไขว่ ชายชรานั่งจิบน้ำชาอยู่ข้างๆแผงขายผักกำลังหัวเราะร่า เมื่อเห็นหลานตัวเล็กของเขากำลังร้องเพลงและเต้นไปเต้นมาอย่างอย่างน่าขบขัน ส่วนมารดาของหนูน้อยนั้นก็กำลังวุ่นวายกับการเรียงผักไว้บนแผงริมถนน
ไร้พ่ายตังฮวง เดินมุ่งหน้าเข้าสู่ใจกลางของตลาดสด ร่างของมันเปล่งรังสีแห่งการฆ่าฟันออกมาตลอดระยะทางที่เดินผ่าน ทำให้ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาล้วนหลบเลี่ยงสายตาอันบ้าคลั่งของมัน
“เจ้ารู้จัก บ้วนลี้เต็กเกี้ยหรือไม่” มันกระชากคอเสื้อของชายชราที่กำลังหัวเราะอยู่อย่างมีความสุขขึ้นมาถาม
“บ้วนลี้เต็กเกี้ย...?” ชายชราทวนคำถามด้วยความฉงน
“ไอ้แก่บัดซบ เจ้ารู้จัก บ้วนลี้เต็กเกี้ย เจ้ามีโทษถึงตาย” ไร้พ่ายตังฮวงตวาด
“กร็อบ” ชายชุดดำผู้กำลังคลุ้มคลั่ง ใช้กรงเล็บหักคอชายชราในทันที โดยที่มันยังไม่ทันให้ชายแก่อธิบายสิ่งใด
“ออกมา บ้วนลี้เต็กเกี้ย” ผู้ไร้พ่ายตังฮวงแหกปากตะโกนลั่น แล้วเดินดุ่มเข้าหาแม่ค้าขายผัก
“นังตัวดี เจ้ารู้จักบ้วนลี้เต็กเกี้ยหรือไม่” มันตวาดเสียงใส่หน้านาง หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธด้วยความหวาดกลัว
“เจ้ามันแพศยา นังหมูตัวเมีย ข้าไม่เชื่อเจ้าหรอก”
“สวบ” มันใช้ฝ่ามือเสียบทะลวงเข้าไปที่หน้าอกของนางจนทะลุออกมาทางด้านหลัง
“ฮือ...ฮือ...แม่จ๋า...เจ้าคนชั่วช้า” เสียงของเด็กหญิงร้องดังขึ้น มันเหวี่ยงร่างไร้วิญญาณของหญิงสาวลงกับพื้นแล้วหันมองมาที่เด็กน้อยเจ้าของเสียง
“กล้าด่าข้าเหรอเด็กบ้า ตัวเล็กเท่านี้ยังไม่ทันได้โต อยากตายมากนักใช่มั้ย” มันชักกระบี่ประจำกายออกแล้วแทงปราดมาที่หน้าอกของหนูน้อย
“ติง” เสียงกระบี่ถูกดีดออก ชายหนุ่มในชุดขาวคนหนึ่งปรากฏกายขึ้นพร้อมๆกับใช้นิ้วดีดปลายกระบี่ของชายชุดดำออก ผู้ไร้พ่ายตังฮวงถึงกับหงายหลังไปเล็กน้อยตามแรงดีดที่เกิดขึ้น
“ข้านี่แหละบ้วนลี้เต็กเกี้ย” ชายหนุ่มประกาศนามของตน
“ไม่ใช่ เจ้าไม่ใช่บ้วนลี้เต็กเกี้ย” มันตวาด
“ไสหัวไปซะ ข้าผู้ไร้พ่ายตังฮวง ไม่อยากเสียแรงสู้กับเจ้า” บุรุษผมสีดอกเลาสะบัดมือไล่ ชายหนุ่มในชุดขาว
“เฮอะ! เจ้าฆ่าคนไร้ทางสู้ ยังมีหน้ามาเรียกตัวเองว่าผู้ไร้พ่าย สงสัยว่าเจ้าคงเลือกต่อสู้กับคนที่ไร้ทางสู้มาตลอดสินะ จึงได้สมญานี้มา” ชายหนุ่มในชุดขาวแค่นหัวเราะ
“อ้ายคนสามหาว ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังยั่วให้ข้าลงมือ วิธีการของเจ้าช่างไร้เดียงสาเสียไม่มี” บุรุษผมสีดอกเลาย้อน
“เจ้าต่างหากที่เลวชาติ เจ้ากลัวว่าคนอื่นจะรู้ว่าเจ้าพ่ายแพ้ให้แก่ข้าในการประลองเมื่อวันก่อนใช่หรือไม่”
สิ้นคำกล่าวของชายที่เรียกตัวเองว่าบ้วนลี้เต็กเกี้ย ผู้ไร้พ่ายตังฮวงก็สติแตก มันร้องอ๊ากแล้วพุ่งเข้ามาโจมตีใส่ชายชุดขาวด้วยโทสะ
“ตุบ” เสียงส้นเท้ากระทบยอดอก ชายหนุ่มชุดขาวยกเท้าขึ้นถีบยอดอกของฝ่ายตรงข้าม ไร้พ่ายตังฮวงยืนนิ่งไม่สะทกสะท้าน มันขยับหน้าอกดีดส้นเท้าของคู่ต่อสู้ออกไปด้วยกำลังภายในอันแข็งแกร่ง
ชายหนุ่มถึงกับผงะถอยหลังไปหลายก้าว เหงื่อกาฬของมันไหลซึมออกมา มันกำลังกังวลว่าจะไม่สามารถเอาชนะ คนที่อยู่ในอาการบ้าคลั่งผู้นี้ได้เป็นแน่
บุรุษในชุดขาวรวบรวมความกล้าขึ้นมาใหม่อีกครั้ง มันกระโดดขึ้นไปในอากาศแล้วบรรเลงเพลงเตะลงมาใส่คู่ต่อสู้อย่างไม่หยุดยั้ง แต่ไร้พ่ายตังฮวงกลับโยกตัวหลบหลีกการโจมตีอันรวดเร็วของของมันได้ทั้งหมด
ชายผู้มีผมสีดอกเลาแสยะยิ้ม “แม้ว่าเจ้าจะมีท่าร่างแบบเดียวกับบ้วนลี้เต็กเกี้ย แต่ความรวดเร็วและความรุนแรงยังด้อยกว่าหลายเท่านัก”
ชายหนุ่มกัดฟันกรอด สีหน้าของมันหม่นหมองลงจนเห็นได้ชัด
“ดีล่ะ ในเมื่อเจ้าแส่มารนหาที่ตาย ข้าก็พร้อมที่จะมอบสิ่งที่เจ้าต้องการให้”
ผู้ไร้พ่ายตังฮวงทิ้งกระบี่แล้ววาดฝ่ามือทั้งสองเป็นวงกลม สลับกันไปสลับกันมาอย่างรวดเร็ว มันทะยานตัวขึ้นสู่อากาศแล้วซัดผ่ามือทั้งสองลงมาใส่ฝ่ายตรงข้ามด้วยพลังทั้งหมดที่มีอยู่ ชายชุดขาวย่อตัวลงเล็กน้อยแล้วซัดฝ่ามือทั้งสองออกไปเช่นกัน
“เปรี้ยง” เสียงฝ่ามือทั้งสี่กระทบกันกลางอากาศดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ
ด้วยแรงปะทะที่มหาศาล ทำให้เท้าทั้งสองข้างของชายหนุ่มจมลึกลงไปในพื้นดิน อิฐที่รองรับเท้าของมันทั้งสองข้าง ปริแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แล้วกระเด็นขึ้นสู่อากาศ แรงสั่นสะเทือนส่งผลให้ตัวอาคารในบริเวณนั้นสั่นไหว
ชายผู้บ้าคลั่งหายใจเข้า แล้วถ่ายทอดกำลังที่มีไปไว้ที่แขนและฝ่ามือทั้งสองข้าง มันใช้กำลังภายในกดร่างศัตรูที่อยู่ด้านล่างให้จมลึกลงไปในพื้นดินอีก
ชายหนุ่มผู้อ้างตัวว่าเป็นบ้วนลี้เต็กเกี้ยถูกศัตรูกดร่างให้จมลึกลงในพื้นจนแทบจะมิดหัวเข่า มันเห็นท่าไม่ดี จึงชักฝ่ามือทั้งสองข้างของตนกลับ แล้วดีดตัวถอยหลังออกมาอย่างรวดเร็ว
“ฮ่าๆๆ เจ้าคิดว่าจะหนีข้าพ้นงั้นหรือ” ชายผู้สูงวัยกว่าตวาดแล้วใช้ขาข้าหนึ่งถีบเข้าที่หน้าอกของคู่ต่อสู้ ร่างของผู้ถูกถีบลอยละลิ่วไปกระทบกำแพงที่อยู่ตรงด้านหลังแล้วกระดอนออกอย่างรุนแรง ชายหนุ่มกระอักโลหิตคำโตออกจากปาก
“เจ้าหนุ่ม ต่อให้เจ้าคุกเข่าร้องขอชีวิตจากข้า ข้าก็มิอาจให้ปล่อยให้คนปากพล่อยอย่างเจ้าเที่ยวไปป่าวร้องความเท็จให้คนอื่นได้รู้” ชายชุดดำกล่าว
ชายหนุ่มผู้อ่อนวัยกว่าทรุดตัวลงกับพื้น มันร้องโอยออกมาด้วยความเจ็บปวดครั้งหนึ่ง แล้วก็ก้มหน้าถ่มลิ่มเลือดที่คั่งอยู่ในหน้าอกออกมา
ชายผู้บาดเจ็บเงยหน้าขึ้นแล้วแสยะยิ้มออกมาอย่างยียวน ท่ายืนของมันบ่งบอกว่าเจ้าตัวแทบจะไม่มีแรงทรงกายให้มั่นคงได้อีกต่อไป
“เจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก อ้ายหน้าตัวเมีย” ชายในชุดขาวร้องด่า
“ถุด” มันถ่มเสลดเลือดลงบนพื้นอีกครั้ง
“เฮอะ ไร้พ่ายบิดาเอ็งน่ะสิ ไอ้หัวหงอก” ชายหนุ่มสบถ มันยังคงยืนหยัดด้วยกำลังใจที่แข็งแกร่ง ชายหนุ่มผู้บาดเจ็บยกมือทั้งสองขึ้นตั้งท่าเตรียมโจมตีใส่คู่ต่อสู้อย่างอ่อนแรง
“เจ้าคงต้องกลับไปฝึกวรยุทธอีกยี่สิบปี ถึงจะเอาชนะข้าได้” ชายผู้บ้าคลั่งเบาเสียงลง มันเริ่มรู้สึกชมชอบใจในความทนทายาดของฝ่ายศัตรูผู้มีฝีปากกล้า
“เจ้าใช้ท่าร่างเดียวกับ บ้วนลี้เต็กเกี้ย ชะรอยว่าเจ้าคงเป็นศิษย์ร่วมสำนักกับมันล่ะสิ” ผู้ไร้พ่ายตังฮวงกล่าว
“จงบอกมา ว่าบ้วนลี้เต็กเกี้ยอยู่ที่ไหน มิฉะนั้นข้าจะหักกระดูกเจ้าทีละท่อน ให้เจ้าส่งเสียงร้องเรียกมันออกมา” ไร้พ่ายตังฮวงตะคอก แล้วเดินเข้ามาใกล้ร่างอันอ่อนเรงของคู่ต่อสู้
บัดนี้เครื่องแต่งกายสีขาวของชายหนุ่มถูกชโลมไปด้วยเลือดจนแดงฉาน ใบหน้าของมันเกรอะกรังไปด้วยคราบโลหิต ชายหนุ่มทำท่าจะล้มคว่ำลงกับพื้น แต่แล้วคู่ต่อสู้ของมันก็คว้าเอามือข้างหนึ่งของมันไว้แล้วบิดสวนทางขึ้นมาทันที
“ก่อนอื่นข้าจะหักข้อมือของเจ้า ดูซิว่าเจ้าจะร้องหรือไม่ร้อง” ชายผู้มีผมสีดอกเลายาวสยายกล่าว มันหักกระดูกข้อมือเหยื่อลงอย่างไร้ความปราณี
“กร็อบ” เสียงกระดูกหักดังขึ้น
“...!!!...” ร่างของเหยื่อสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะแปรเปลี่ยนไปเป็นสั่นสะท้าน ใบหน้าของชายหนุ่มบูดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ไม่มีเสียงร้องอันใดเล็ดรอดออกมาจากปากมันแม้แต่แอะเดียว
ไร้พ่ายตังฮวงเห็นดังนั้นก็เอานิ้วหัวแม่มือข้างหนึ่งกดลงไปที่ช่องว่างระหว่างกระดูกไหปลาร้าของคนเจ็บ แล้วออกแรงหักกระดูกชิ้นนั้นออกเป็นสองท่อน
“...!!!...” ร่างของเหยื่อกระตุกขึ้นอีกหนึ่งครั้ง แต่ก็ยังไม่มีเสียงร้องอันใดเล็ดรอดออกมาอีกเช่นกัน
มันเงื้อมือขึ้นแล้วตบผัวะลงบนศีรษะของผู้บาดเจ็บอย่างแรง เลือดกำเดาของชายหนุ่มผู้บาดเจ็บก็ไหลซึมออกมาจากรูจมูก
“จงร้องเรียกมันออกมาเดี๋ยวนี้” ชายผมสีดอกเลาออกคำสั่ง มันจิกศีรษะของชายผู้บาดเจ็บยกขึ้น
“จงออกมา บ้วนลี้เต็กเกี้ย มิฉะนั้นข้าจะสังหารศิษย์ร่วมสำนักของเจ้าเสีย” มันประกาศแล้วเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ ตอนนี้บรรยากาศของตลาดสดที่เคยคึกคักกลับถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบสงัดดังป่าช้าก็ไม่ปาน
ผู้คนต่างหลบเข้าไปอยู่ในตัวบ้านแล้วปิดประตูหน้าต่างทุกบานอย่างมิดชิด มีเพียงส่วนน้อยที่กล้าแง้มบานประตูหน้าต่างออกมาดูเหตุการณ์อย่างกล้าๆกลัวๆ
“ถ้าผู้ใดพบว่าบ้วนลี้เต็กเกี้ยอยู่ไหน จงรีบบอกมา มิฉะนั้นข้าจะบุกเข้าไปฆ่าพวกเจ้าถึงในบ้านทีละคน สองคน” ชายผู้บ้าคลั่งตะโกนข่มขู่ผู้คน
ไม่นานนักประตูหน้าต่างของชาวบ้านก็ถูกเปิดออก พวกเขาชะเง้อหน้าออกมามองยังตำแหน่งตังฮวงยืนอยู่ ชายชุดดำจึงหันมามองด้านหลังของตนเพื่อคลายความความสงสัย
สีหน้าของมันซีดเผือดลงทันทีมันที่เมื่อเห็น ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งยืนค้ำหัวของมันอยู่อย่างใกล้ชิดโดยที่มันไม่ทันได้รู้ตัวมาก่อน
“บ้วนลี้เต็กเกี้ย ช่วยด้วย” เด็กหญิงที่กำลังร้องไห้ตะโกนขอความช่วยเหลือจากชายหนุ่มที่เพิ่งปรากฏตัว
“บ้วนลี้เต็กเกี้ย” ชาวบ้านที่กำลังชะเง้อมองอยู่ส่งเสียงออกมา
“บ้วนลี้เต็กเกี้ย...มันคือ บ้วนลี้เต็กเกี้ย...บ้วนลี้เต็กเกี้ยมาแล้ว” ชาวบ้านร้องต่อๆกันออกไปเป็นทอดๆ
“ดีมาก ในที่สุดเจ้าก็โผล่หัวมาจนได้ คราวนี้ข้าจะทำให้เจ้าต้องพ่ายแพ้” นัยน์ตาของมันเบิกกว้างจ้องมองมายังชายหนุ่มที่เพิ่งปรากฏกาย
ชายหนุ่มที่ถูกเรียกชื่อว่า บ้วนลี้เต็กเกี้ย ก้มลงกล่าวกับ ชายผู้บาดเจ็บ
“พังเสาะ(พังเสาะเป็นสำเนียงแต้จิ๋วครับ ส่วนเฟิงเซวีย เป็นสำเนียงจีนกลางครับ แปลว่า ผึ้งหิมะ) หากผึ้งส่งสารของเจ้าบินช้ากว่านี้อีกนิดหนึ่ง มันคงไม่ได้พบเจ้านายของมันอีกเป็นแน่” ผึ้งน้อยตัวหนึ่งบินลงมาเกาะที่หน้าผากของชายผู้บาดเจ็บ
พังเสาะผู้บาดเจ็บยิ้มน้อยๆออกมา “เจ้ามาช้าบ้วนลี้เต็กเกี้ย ท่าทางวิชาตัวเบาของเจ้าคงเสื่อมถอยแล้วสิท่า” มันกล่าว
“พังเสาะ ปากเจ้ายังดีอยู่ แสดงว่าเจ้าไม่เป็นไร” ชายผู้ถูกเรียกว่าบ้วนลี้เต็กเกี้ยกล่าว
“เจ้าดูสภาพข้าเสียก่อน...ศิษย์น้อง” พังเสาะกล่าวกระท่อนกระแท่น บ้วนลี้เต็กเกี้ยยิ้มแล้วเงยหน้ามองไร้พ่ายตังฮวง
“เจ้าจงรีบเผด็จศึกโดยไว แล้วรีบพาข้าไปหาหมอ” ชายหนุ่มพังเสาะที่นอนคว่ำหน้าอยู่กล่าว
เสียงตะโกนร้องเรียกชื่อของชายผู้เพิ่งปรากฏตัวของชาวบ้านยังดังอยู่อย่างต่อเนื่อง
“ครั้งนี้เจ้าก็ไม่ได้ตายสมใจหรอก ผู้ไร้พ่ายตังฮวง” ชายหนุ่มเปรย
“ดูท่าทางเจ้าจะไม่เข้าใจว่าทำไมครั้งก่อนข้าถึงไว้ชีวิตเจ้า” ผู้เพิ่งมาใหม่หันมองมายังศิษย์ผู้พี่ของตนที่นอนจมกองเลือดอยู่
“จงดูอย่างชายผู้นี้ ทั้งๆที่รู้ตัวว่าด้อยกว่า เขาก็ยังต่อสู้กับเจ้า แท้จริงแล้วเขาต่อสู้เพื่อสิ่งใด...ครั้งนี้ข้าก็จะไว้ชีวิตเจ้าอีก จนกว่าเจ้าจะรู้ซึ้งถึงเจตนารมย์ของข้า” บ้วนลี้เต็กเกี้ยผู้อยู่ในชุดนักสู้สีเหลืองกล่าวสิ่งที่เขาอยากให้ฝ่ายตรงข้ามฉุกคิด
"ชัยชนะคือชีวิตของข้า หากข้าพ่ายแพ้เท่ากับต้องสูญสิ้นชีวิต" ชายชุดดำกล่าวแสดงเจตจำนงของมันเช่นกัน
"หากเจ้าคิดสู้ต่อแล้วจงรีบบุกเข้ามา หากเจ้าพ่ายแพ้จงทิ้งคำว่าไร้พ่ายไว้ตรงนี้ แล้วกลับไปตรึกตรองดูให้ดี ว่าความพ่ายแพ้กับความมีชัยที่แท้จริงคือสิ่งใด และสิ่งนั้นสำคัญกับเจ้ามากขนาดไหน" นัยน์ตาของของผู้พูดเปล่งประกายเจิดจ้า
“หากครั้งนี้ข้าพ่ายแพ้เจ้า ข้าจะขอฆ่าตัวตาย!” ไร้พ่ายตังฮวงประกาศก้อง
"ศิษย์น้อง เจ้าจงรีบเผด็จศึกโดยไว ข้าจะไม่ไหวแล้ว" พังเสาะผู้นอนจมกองเลือดอยู่กล่าวด้วยเสียงที่สั่นเครือ
"จงรีบบุกเข้ามา ตังฮวงผู้พ่าย! ศิษย์พี่ข้าสั่งแล้ว" ชายผู้สวมใส่ชุดนักสู้สีเหลืองประกาศ
"ดี! ถึงที่ตายของเจ้าแล้ว เจ้าพวกเด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม!" ชายผู้สวมเครื่องแบบสีดำตะโกนออกด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะ
หนึ่งเดือนต่อมา...
" วิหคเริงระบำร่อนซ่อนเมฆา ภุมราหยอกเย้าเคล้าดอกไม้ "
" พฤกษชาติดารดาษไม่เดียวดาย ดุจสหายสนิทล้อมกล่อมหทัย "
คนเลี้ยงผึ้งขับเพลงด้วยความรื่นเริงใจ เด็กๆตัวน้อยวิ่งวุ่นอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานของเขา ชายหนุ่มในชุดนักสู้สีเหลืองกำลังนอนหลับอุตุอยู่ใต้ร่มไม้
มิตรภาพช่างงดงาม
ความคิดเห็น