ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Chinese Fantasy Story 1.5(ตำนานเซียนเมฆา)

    ลำดับตอนที่ #13 : ตอนเสริม ใช้ส่งประกวดเรื่องสั้นแนวกำลังภายในไม่จำกัดหัวข้อ

    • อัปเดตล่าสุด 5 ส.ค. 54


    ข้าชื่อ...บ้วนลี้เต็กเกี้ย...

     

    ท่ามกลางความเงียบสงัดในเวลาเช้ามืด ชายสูงวัยผู้หนึ่งกำลังนั่งชันเข่าอยู่ใต้ต้นสนพันปี มันนั่งพร่ำบ่นความในใจกับตัวเองอยู่อย่างนี้มาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว

    ทำไมวันก่อนตัวข้าจึงพ่ายแพ้ในการประลอง ทำไมไร้พ่ายตังฮวงถึงพ่ายแพ้ มันกล่าวทวนประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้กี่หมื่นกี่พันรอบ

    มันแต่งกายด้วยเครื่องแบบของชนชั้นสูงสีดำ แลดูมีสง่าราศี ผมสีดอกเลาของมันยาวสยายลงมาประบ่า มันยังคงก้มหน้าพร่ำบ่นถึงความพ่ายแพ้ของตนอยู่ไม่ขาดปาก

    เจ้าเด็กเมื่อวานซืน เจ้าตัวบัดซบ ถ้อยคำที่แตกต่างหลุดออกจากปากมัน เมื่อพระอาทิตย์โผล่ขึ้นจากขอบฟ้า

    ข้า ไร้พ่ายตังฮวง จะต้องฆ่าเจ้าให้ได้ มันลุกพรวดขึ้นแล้วซัดฝ่ามือเข้าใส่โคนของต้นสนพันปี

    ตึง!” เสียงฝ่ามือกระแทกถูกเนื้อไม้ดังสนั่น ต้นสนพันปีขนาดใหญ่กว้างหลายคนโอบหักโค่นลงด้วยฤทธิ์ฝ่ามือของมัน

    บ้วนลี้เต็กเกี้ย!(บ้วนลี้เต็กเกี้ย เป็นสำเนียงแต้จิ๋ว แปลว่า บุกเดี่ยวหมื่นลี้) เจ้าต้องตาย มันแหกปากตะโกนก้องด้วยความเคียดแค้น

    เหล่านกกาแตกตื่นบินไปมาสะเปะสะปะมาโดยไม่รู้ทิศทางเพราะการกระทำของมัน

     

    หากมีคนเอาเรื่องที่ข้าพ่ายแพ้ต่อเจ้าไปโพนทะนาจะทำอย่างไร ข้ามิจำต้องสูญเสียคำว่าไร้พ่ายออกจากสมญานามงั้นหรือ จากไร้พ่ายตังฮวง กลายเป็น ตังฮวงผู้พ่าย ผู้คนมิหัวเราะดูถูกเหยียดหยามข้าว่าเป็นไอ้ขี้แพ้อย่างนั้นหรือ ชายสูงวัยคิด คิ้วสีเทาทั้งสองข้างของมันขมวดมุ่น

    เจ้าทำลายศักดิ์ศรีของข้า เจ้าเหยียดหยามข้าโดยการไม่ยอมเอาชีวิตข้าทั้งๆที่เจ้าควรจะทำ ชายสูงวัยกัดริมฝีปากตนเองจนเลือดไหลออกมา

    ข้าจะต้องแก้มือให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะมีผู้รู้เห็นเพิ่มมากขึ้น ข้าจะล้างอายและปลิดชีพเจ้าด้วยมือสองข้างนี้ มันย่อตัวลงแล้วทุบกำปั้นทั้งสองลงข้างลำตัวอย่างสุดแรง เกิดเสียงดังปังกึกก้องราวกับฟ้าคำราม

    คนตายพูดไม่ได้ คนตายพูดไม่ได้ คนตายพูดไม่ได้ ตังฮวงผู้ไร้พ่ายบ่นพึมพำซ้ำไปซ้ำขึ้นมาอีกครั้ง

    คราวนี้ทุกคนที่รู้จักเจ้าจะต้องตาย ถ้าเจ้าไม่ฆ่าข้า ข้าจะฆ่าคนที่รู้จักเจ้าทุกคน บ้วนลี้เต็กเกี้ย มันกล่าวด้วยความคับแค้นใจถึงขีดสุด

     

    ยามเช้า ลานกว้างใจกลางเมืองถูกใช้พื้นที่ในการทำเป็นตลาดสด ผู้คนเดินเลือกซื้อของกันขวักไขว่ ชายชรานั่งจิบน้ำชาอยู่ข้างๆแผงขายผักกำลังหัวเราะร่า เมื่อเห็นหลานตัวเล็กของเขากำลังร้องเพลงและเต้นไปเต้นมาอย่างอย่างน่าขบขัน ส่วนมารดาของหนูน้อยนั้นก็กำลังวุ่นวายกับการเรียงผักไว้บนแผงริมถนน

    ไร้พ่ายตังฮวง เดินมุ่งหน้าเข้าสู่ใจกลางของตลาดสด ร่างของมันเปล่งรังสีแห่งการฆ่าฟันออกมาตลอดระยะทางที่เดินผ่าน ทำให้ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาล้วนหลบเลี่ยงสายตาอันบ้าคลั่งของมัน

    เจ้ารู้จัก บ้วนลี้เต็กเกี้ยหรือไม่ มันกระชากคอเสื้อของชายชราที่กำลังหัวเราะอยู่อย่างมีความสุขขึ้นมาถาม

    บ้วนลี้เต็กเกี้ย...? ชายชราทวนคำถามด้วยความฉงน

    ไอ้แก่บัดซบ เจ้ารู้จัก บ้วนลี้เต็กเกี้ย เจ้ามีโทษถึงตาย” ไร้พ่ายตังฮวงตวาด

    กร็อบ ชายชุดดำผู้กำลังคลุ้มคลั่ง ใช้กรงเล็บหักคอชายชราในทันที โดยที่มันยังไม่ทันให้ชายแก่อธิบายสิ่งใด

    ออกมา บ้วนลี้เต็กเกี้ย ผู้ไร้พ่ายตังฮวงแหกปากตะโกนลั่น แล้วเดินดุ่มเข้าหาแม่ค้าขายผัก

    นังตัวดี เจ้ารู้จักบ้วนลี้เต็กเกี้ยหรือไม่ มันตวาดเสียงใส่หน้านาง หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธด้วยความหวาดกลัว

    เจ้ามันแพศยา นังหมูตัวเมีย ข้าไม่เชื่อเจ้าหรอก

    สวบ มันใช้ฝ่ามือเสียบทะลวงเข้าไปที่หน้าอกของนางจนทะลุออกมาทางด้านหลัง หญิงสาวเสียชีวิตลงไปในทันที

                ฮือ...ฮือ...แม่จ๋า...เจ้าคนชั่วช้า เสียงของเด็กหญิงร้องดังขึ้น มันเหวี่ยงร่างไร้วิญญาณของหญิงสาวลงกับพื้นแล้วหันมองมาที่เด็กน้อยเจ้าของเสียง


                กล้าด่าข้าเหรอเด็กบ้า ตัวเล็กเท่านี้ยังไม่ทันได้โต อยากตายมากนักใช่มั้ย มันชักกระบี่ประจำกายออกแล้วแทงปราดมาที่หน้าอกของหนูน้อย

                ติง เสียงกระบี่ถูกดีดออก ชายหนุ่มในชุดขาวคนหนึ่งปรากฏกายขึ้นพร้อมๆกับใช้นิ้วดีดปลายกระบี่ของชายชุดดำออก ผู้ไร้พ่ายตังฮวงถึงกับหงายหลังไปเล็กน้อยตามแรงดีดที่เกิดขึ้น

                ข้านี่แหละบ้วนลี้เต็กเกี้ย ชายหนุ่มประกาศนามของตน

                ไม่ใช่ เจ้าไม่ใช่บ้วนลี้เต็กเกี้ย มันตวาด

                ไสหัวไปซะ ข้าผู้ไร้พ่ายตังฮวง ไม่อยากเสียแรงสู้กับเจ้าบุรุษผมสีดอกเลาสะบัดมือไล่ ชายหนุ่มในชุดขาว

                เฮอะ! เจ้าฆ่าคนไร้ทางสู้ ยังมีหน้ามาเรียกตัวเองว่าผู้ไร้พ่าย สงสัยว่าเจ้าคงเลือกต่อสู้กับคนที่ไร้ทางสู้มาตลอดสินะ จึงได้สมญานี้มา ชายหนุ่มในชุดขาวแค่นหัวเราะ

                อ้ายคนสามหาว ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังยั่วให้ข้าลงมือ วิธีการของเจ้าช่างไร้เดียงสาเสียไม่มีบุรุษผมสีดอกเลาย้อน

                “เจ้าต่างหากที่เลวชาติ เจ้ากลัวว่าคนอื่นจะรู้ว่าเจ้าพ่ายแพ้ให้แก่ข้าในการประลองเมื่อวันก่อนใช่หรือไม่

                สิ้นคำกล่าวของชายที่เรียกตัวเองว่าบ้วนลี้เต็กเกี้ย ผู้ไร้พ่ายตังฮวงก็สติแตก มันร้องอ๊ากแล้วพุ่งเข้ามาโจมตีใส่ชายชุดขาวด้วยโทสะ

                ตุบ เสียงส้นเท้ากระทบยอดอก ชายหนุ่มชุดขาวยกเท้าขึ้นถีบยอดอกของฝ่ายตรงข้าม ไร้พ่ายตังฮวงยืนนิ่งไม่สะทกสะท้าน มันขยับหน้าอกดีดส้นเท้าของคู่ต่อสู้ออกไปด้วยกำลังภายในอันแข็งแกร่ง

    ชายหนุ่มถึงกับผงะถอยหลังไปหลายก้าว เหงื่อกาฬของมันไหลซึมออกมา มันกำลังกังวลว่าจะไม่สามารถเอาชนะ คนที่อยู่ในอาการบ้าคลั่งผู้นี้ได้เป็นแน่

    บุรุษในชุดขาวรวบรวมความกล้าขึ้นมาใหม่อีกครั้ง มันกระโดดขึ้นไปในอากาศแล้วบรรเลงเพลงเตะลงมาใส่คู่ต่อสู้อย่างไม่หยุดยั้ง แต่ไร้พ่ายตังฮวงกลับโยกตัวหลบหลีกการโจมตีอันรวดเร็วของของมันได้ทั้งหมด 

    ชายผู้มีผมสีดอกเลาแสยะยิ้ม แม้ว่าเจ้าจะมีท่าร่างแบบเดียวกับบ้วนลี้เต็กเกี้ย แต่ความรวดเร็วและความรุนแรงยังด้อยกว่าหลายเท่านัก

    ชายหนุ่มกัดฟันกรอด สีหน้าของมันหม่นหมองลงจนเห็นได้ชัด

    ดีล่ะ ในเมื่อเจ้าแส่มารนหาที่ตาย ข้าก็พร้อมที่จะมอบสิ่งที่เจ้าต้องการให้

    ผู้ไร้พ่ายตังฮวงทิ้งกระบี่แล้ววาดฝ่ามือทั้งสองเป็นวงกลม สลับกันไปสลับกันมาอย่างรวดเร็ว มันทะยานตัวขึ้นสู่อากาศแล้วซัดผ่ามือทั้งสองลงมาใส่ฝ่ายตรงข้ามด้วยพลังทั้งหมดที่มีอยู่ ชายชุดขาวย่อตัวลงเล็กน้อยแล้วซัดฝ่ามือทั้งสองออกไปเช่นกัน

    เปรี้ยงเสียงฝ่ามือทั้งสี่กระทบกันกลางอากาศดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ

    ด้วยแรงปะทะที่มหาศาล ทำให้เท้าทั้งสองข้างของชายหนุ่มจมลึกลงไปในพื้นดิน อิฐที่รองรับเท้าของมันทั้งสองข้าง ปริแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แล้วกระเด็นขึ้นสู่อากาศ แรงสั่นสะเทือนส่งผลให้ตัวอาคารในบริเวณนั้นสั่นไหว

    ชายผู้บ้าคลั่งหายใจเข้า แล้วถ่ายทอดกำลังที่มีไปไว้ที่แขนและฝ่ามือทั้งสองข้าง มันใช้กำลังภายในกดร่างศัตรูที่อยู่ด้านล่างให้จมลึกลงไปในพื้นดินอีก

    ชายหนุ่มผู้อ้างตัวว่าเป็นบ้วนลี้เต็กเกี้ยถูกศัตรูกดร่างให้จมลึกลงในพื้นจนแทบจะมิดหัวเข่า มันเห็นท่าไม่ดี จึงชักฝ่ามือทั้งสองข้างของตนกลับ แล้วดีดตัวถอยหลังออกมาอย่างรวดเร็ว

    ฮ่าๆๆ เจ้าคิดว่าจะหนีข้าพ้นงั้นหรือ ชายผู้สูงวัยกว่าตวาดแล้วใช้ขาข้าหนึ่งถีบเข้าที่หน้าอกของคู่ต่อสู้ ร่างของผู้ถูกถีบลอยละลิ่วไปกระทบกำแพงที่อยู่ตรงด้านหลังแล้วกระดอนออกอย่างรุนแรง ชายหนุ่มกระอักโลหิตคำโตออกจากปาก

    เจ้าหนุ่ม ต่อให้เจ้าคุกเข่าร้องขอชีวิตจากข้า ข้าก็มิอาจให้ปล่อยให้คนปากพล่อยอย่างเจ้าเที่ยวไปป่าวร้องความเท็จให้คนอื่นได้รู้ ชายชุดดำกล่าว

    ชายหนุ่มผู้อ่อนวัยกว่าทรุดตัวลงกับพื้น มันร้องโอยออกมาด้วยความเจ็บปวดครั้งหนึ่ง แล้วก็ก้มหน้าถ่มลิ่มเลือดที่คั่งอยู่ในหน้าอกออกมา

    ชายผู้บาดเจ็บเงยหน้าขึ้นแล้วแสยะยิ้มออกมาอย่างยียวน ท่ายืนของมันบ่งบอกว่าเจ้าตัวแทบจะไม่มีแรงทรงกายให้มั่นคงได้อีกต่อไป

    เจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก อ้ายหน้าตัวเมีย” ชายในชุดขาวร้องด่า

    ถุดมันถ่มเสลดเลือดลงบนพื้นอีกครั้ง

    เฮอะ ไร้พ่ายบิดาเอ็งน่ะสิ ไอ้หัวหงอกชายหนุ่มสบถ มันยังคงยืนหยัดด้วยกำลังใจที่แข็งแกร่ง ชายหนุ่มผู้บาดเจ็บยกมือทั้งสองขึ้นตั้งท่าเตรียมโจมตีใส่คู่ต่อสู้อย่างอ่อนแรง

    เจ้าคงต้องกลับไปฝึกวรยุทธอีกยี่สิบปี ถึงจะเอาชนะข้าได้ ชายผู้บ้าคลั่งเบาเสียงลง มันเริ่มรู้สึกชมชอบใจในความทนทายาดของฝ่ายศัตรูผู้มีฝีปากกล้า

                เจ้าใช้ท่าร่างเดียวกับ บ้วนลี้เต็กเกี้ย ชะรอยว่าเจ้าคงเป็นศิษย์ร่วมสำนักกับมันล่ะสิ ผู้ไร้พ่ายตังฮวงกล่าว

                จงบอกมา ว่าบ้วนลี้เต็กเกี้ยอยู่ที่ไหน มิฉะนั้นข้าจะหักกระดูกเจ้าทีละท่อน ให้เจ้าส่งเสียงร้องเรียกมันออกมา ไร้พ่ายตังฮวงตะคอก แล้วเดินเข้ามาใกล้ร่างอันอ่อนเรงของคู่ต่อสู้

                บัดนี้เครื่องแต่งกายสีขาวของชายหนุ่มถูกชโลมไปด้วยเลือดจนแดงฉาน ใบหน้าของมันเกรอะกรังไปด้วยคราบโลหิต ชายหนุ่มทำท่าจะล้มคว่ำลงกับพื้น แต่แล้วคู่ต่อสู้ของมันก็คว้าเอามือข้างหนึ่งของมันไว้แล้วบิดสวนทางขึ้นมาทันที

                ก่อนอื่นข้าจะหักข้อมือของเจ้า ดูซิว่าเจ้าจะร้องหรือไม่ร้อง ชายผู้มีผมสีดอกเลายาวสยายกล่าว มันหักกระดูกข้อมือเหยื่อลงอย่างไร้ความปราณี

                กร็อบ เสียงกระดูกหักดังขึ้น

                “...!!!...” ร่างของเหยื่อสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะแปรเปลี่ยนไปเป็นสั่นสะท้าน ใบหน้าของชายหนุ่มบูดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ไม่มีเสียงร้องอันใดเล็ดรอดออกมาจากปากมันแม้แต่แอะเดียว

                ไร้พ่ายตังฮวงเห็นดังนั้นก็เอานิ้วหัวแม่มือข้างหนึ่งกดลงไปที่ช่องว่างระหว่างกระดูกไหปลาร้าของคนเจ็บ แล้วออกแรงหักกระดูกชิ้นนั้นออกเป็นสองท่อน

                “...!!!...ร่างของเหยื่อกระตุกขึ้นอีกหนึ่งครั้ง แต่ก็ยังไม่มีเสียงร้องอันใดเล็ดรอดออกมาอีกเช่นกัน

                มันเงื้อมือขึ้นแล้วตบผัวะลงบนศีรษะของผู้บาดเจ็บอย่างแรง เลือดกำเดาของชายหนุ่มผู้บาดเจ็บก็ไหลซึมออกมาจากรูจมูก

                “จงร้องเรียกมันออกมาเดี๋ยวนี้” ชายผมสีดอกเลาออกคำสั่ง มันจิกศีรษะของชายผู้บาดเจ็บยกขึ้น

                “จงออกมา บ้วนลี้เต็กเกี้ย มิฉะนั้นข้าจะสังหารศิษย์ร่วมสำนักของเจ้าเสีย” มันประกาศแล้วเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ ตอนนี้บรรยากาศของตลาดสดที่เคยคึกคักกลับถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบสงัดดังป่าช้าก็ไม่ปาน

                 ผู้คนต่างหลบเข้าไปอยู่ในตัวบ้านแล้วปิดประตูหน้าต่างทุกบานอย่างมิดชิด มีเพียงส่วนน้อยที่กล้าแง้มบานประตูหน้าต่างออกมาดูเหตุการณ์อย่างกล้าๆกลัวๆ

                “ถ้าผู้ใดพบว่าบ้วนลี้เต็กเกี้ยอยู่ไหน จงรีบบอกมา มิฉะนั้นข้าจะบุกเข้าไปฆ่าพวกเจ้าถึงในบ้านทีละคน สองคน” ชายผู้บ้าคลั่งตะโกนข่มขู่ผู้คน

                ไม่นานนักประตูหน้าต่างของชาวบ้านก็ถูกเปิดออก พวกเขาชะเง้อหน้าออกมามองยังตำแหน่งตังฮวงยืนอยู่ ชายชุดดำจึงหันมามองด้านหลังของตนเพื่อคลายความความสงสัย

                สีหน้าของมันซีดเผือดลงทันทีมันที่เมื่อเห็น ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งยืนค้ำหัวของมันอยู่อย่างใกล้ชิดโดยที่มันไม่ทันได้รู้ตัวมาก่อน

                “บ้วนลี้เต็กเกี้ย ช่วยด้วย” เด็กหญิงที่กำลังร้องไห้ตะโกนขอความช่วยเหลือจากชายหนุ่มที่เพิ่งปรากฏตัว

                “บ้วนลี้เต็กเกี้ย” ชาวบ้านที่กำลังชะเง้อมองอยู่ส่งเสียงออกมา

                “บ้วนลี้เต็กเกี้ย...มันคือ บ้วนลี้เต็กเกี้ย...บ้วนลี้เต็กเกี้ยมาแล้ว” ชาวบ้านร้องต่อๆกันออกไปเป็นทอดๆ

                “ดีมาก ในที่สุดเจ้าก็โผล่หัวมาจนได้ คราวนี้ข้าจะทำให้เจ้าต้องพ่ายแพ้” นัยน์ตาของมันเบิกกว้างจ้องมองมายังชายหนุ่มที่เพิ่งปรากฏกาย

                ชายหนุ่มที่ถูกเรียกชื่อว่า บ้วนลี้เต็กเกี้ย ก้มลงกล่าวกับ ชายผู้บาดเจ็บ

                “พังเสาะ(พังเสาะเป็นสำเนียงแต้จิ๋วครับ ส่วนเฟิงเซวีย เป็นสำเนียงจีนกลางครับ แปลว่า ผึ้งหิมะ) หากผึ้งส่งสารของเจ้าบินช้ากว่านี้อีกนิดหนึ่ง มันคงไม่ได้พบเจ้านายของมันอีกเป็นแน่” ผึ้งน้อยตัวหนึ่งบินลงมาเกาะที่หน้าผากของชายผู้บาดเจ็บ

                พังเสาะผู้บาดเจ็บยิ้มน้อยๆออกมา “เจ้ามาช้าบ้วนลี้เต็กเกี้ย ท่าทางวิชาตัวเบาของเจ้าคงเสื่อมถอยแล้วสิท่า” มันกล่าว

                “พังเสาะ ปากเจ้ายังดีอยู่ แสดงว่าเจ้าไม่เป็นไร” ชายผู้ถูกเรียกว่าบ้วนลี้เต็กเกี้ยกล่าว

                “เจ้าดูสภาพข้าเสียก่อน...ศิษย์น้อง” พังเสาะกล่าวกระท่อนกระแท่น บ้วนลี้เต็กเกี้ยยิ้มแล้วเงยหน้ามองไร้พ่ายตังฮวง

                “เจ้าจงรีบเผด็จศึกโดยไว แล้วรีบพาข้าไปหาหมอ” ชายหนุ่มพังเสาะที่นอนคว่ำหน้าอยู่กล่าว

                เสียงตะโกนร้องเรียกชื่อของชายผู้เพิ่งปรากฏตัวของชาวบ้านยังดังอยู่อย่างต่อเนื่อง

                “ครั้งนี้เจ้าก็ไม่ได้ตายสมใจหรอก ผู้ไร้พ่ายตังฮวง” ชายหนุ่มเปรย

                “ดูท่าทางเจ้าจะไม่เข้าใจว่าทำไมครั้งก่อนข้าถึงไว้ชีวิตเจ้า” ผู้เพิ่งมาใหม่หันมองมายังศิษย์ผู้พี่ของตนที่นอนจมกองเลือดอยู่

    “จงดูอย่างชายผู้นี้ ทั้งๆที่รู้ตัวว่าด้อยกว่า เขาก็ยังต่อสู้กับเจ้า แท้จริงแล้วเขาต่อสู้เพื่อสิ่งใด...ครั้งนี้ข้าก็จะไว้ชีวิตเจ้าอีก จนกว่าเจ้าจะรู้ซึ้งถึงเจตนารมย์ของข้า” บ้วนลี้เต็กเกี้ยผู้อยู่ในชุดนักสู้สีเหลืองกล่าวสิ่งที่เขาอยากให้ฝ่ายตรงข้ามฉุกคิด

                "ชัยชนะคือชีวิตของข้า หากข้าพ่ายแพ้เท่ากับต้องสูญสิ้นชีวิต" ชายชุดดำกล่าวแสดงเจตจำนงของมันเช่นกัน


                "หากเจ้าคิดสู้ต่อแล้วจงรีบบุกเข้ามา หากเจ้าพ่ายแพ้จงทิ้งคำว่าไร้พ่ายไว้ตรงนี้ แล้วกลับไปตรึกตรองดูให้ดี ว่าความพ่ายแพ้กับความมีชัยที่แท้จริงคือสิ่งใด และสิ่งนั้นสำคัญกับเจ้ามากขนาดไหน" นัยน์ตาของของผู้พูดเปล่งประกายเจิดจ้า

                “หากครั้งนี้ข้าพ่ายแพ้เจ้า ข้าจะขอฆ่าตัวตาย!” ไร้พ่ายตังฮวงประกาศก้อง
               
                "ศิษย์น้อง เจ้าจงรีบเผด็จศึกโดยไว ข้าจะไม่ไหวแล้ว" พังเสาะผู้นอนจมกองเลือดอยู่กล่าวด้วยเสียงที่สั่นเครือ

                "จงรีบบุกเข้ามา ตังฮวงผู้พ่าย! ศิษย์พี่ข้าสั่งแล้ว" ชายผู้สวมใส่ชุดนักสู้สีเหลืองประกาศ

                "ดี! ถึงที่ตายของเจ้าแล้ว เจ้าพวกเด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม!" ชายผู้สวมเครื่องแบบสีดำตะโกนออกด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะ

                “ตายเสียเถิดบ้วนลี้เต็กเกี้ย!!!” ตังฮวงผู้พ่าย พุ่งตัวเข้าโจมตีบ้วนลี้เต็กเกี้ยด้วยพลังทั้งหมดที่มันมีอยู่

    หนึ่งเดือนต่อมา...

                                 "  วิหคเริงระบำร่อนซ่อนเมฆา          ภุมราหยอกเย้าเคล้าดอกไม้ "
                              " พฤกษชาติดารดาษไม่เดียวดาย          ดุจสหายสนิทล้อมกล่อมหทัย "

                 คนเลี้ยงผึ้งขับเพลงด้วยความรื่นเริงใจ เด็กๆตัวน้อยวิ่งวุ่นอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานของเขา ชายหนุ่มในชุดนักสู้สีเหลืองกำลังนอนหลับอุตุอยู่ใต้ร่มไม้
                                                               
                                                                 มิตรภาพช่างงดงาม



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×