คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ปิศาจกระจก ตอนที่สอง
ปิศาจกระจก ตอนที่สอง
ข้าซุ่มดูพวกมันอยู่ห่างๆ เหล่าผึ้งน้อยทั้งหลายช่วยเป็นหูเป็นตาแทนข้า พวกมันกระพือปีกส่งเสียงหึ่งๆเป็นสัญญาณลับระหว่างเรา
เจ้านักพรตซอมซ่อผู้นั้นกำลังนับเงินบริจาค ส่วนปิศาจกระจกนั้นคืนร่างเป็นหญิงสาวในยุคสมัยที่ล่วงผ่านมาเนิ่นนาน ข้าเดาว่านั่นคือร่างเจ้าของที่แท้จริงของนาง สีหน้าของนางเรียบเฉยไม่แสดงออกถึงความรู้สึกใดๆ แต่นัยน์ตาของนางดูหดหู่และเศร้าหมอง
"ท่านควรจะดีใจ ที่ได้ออกมาเที่ยวเล่นในโลกมนุษย์อีกครั้ง" นักพรตท่าทางซอมซ่อกล่าว แต่นางปิศาจก็ได้แต่นิ่งเงียบ
"ท่านจะเป็นกำลังสำคัญ ที่จะช่วยเหลือข้าให้เอาชนะซูซ่งฟง" มันกล่าว
ข้าตัดสินใจส่งผึ้งน้อยตัวหนึ่งให้บินไปเกาะยังไหล่ของนาง แล้วถ่ายทอดคำพูดดังต่อไปนี้ "แม่นาง แม่นางต้องการพ้นจากอาคมพันธนาการนี้หรือไม่" นางหันมาทางผึ้งน้อยแล้วเริ่มมองหาตัวข้า
นางเห็นข้าแล้วจึงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวกับนักพรตซอมซ่อว่า "ท่านนักพรตเราขอตัวไปเดินเล่นได้หรือไม่"
เจ้านักพรตจอมโฉดลุกขึ้นแล้วมองไปรอบๆ โชคยังดีที่มันยังไม่เห็นข้า
"ไม่ได้เจ้าจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นจนกว่าเราจะเอาชนะซูซ่งฟงได้"
นางหันมองข้าอีกครั้งแล้วเดินกลับไปนั่งที่เดิม
"ทำไมท่านต้องนำข้าไปเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ระหว่างท่านกับซูซ่งฟงด้วย" นางถาม
"เพราะซูซ่งฟงมีอาวุธวิเศษทำให้มันชนะข้าได้ ข้าต้องหาของวิเศษมาต่อกรกับมัน สิ่งนั้นคือพลังในการสะท้อนกลับของการโจมตีด้วยอาคมทุกประเภท มันจะทำให้ซูซ่งฟงใช้อาคมไม่ได้ แล้วข้าก็จะถือโอกาสนี้กำจัดมันซะ"
ข้าจดจำคำของมันไว้ทุกประการ
"ถ้าเกิดเขาโจมตีจุดอ่อนของข้า ท่านจะทำอย่างไร" ปิศาจกระจกกำลังพยายามเปิดเผยจุดอ่อนของตัวเองให้ข้าได้รู้
"กระจกที่เจ้าสิ่งสู่อยู่ อยู่ในมือข้าไม่ต้องกังวลไป กลับกันถ้าเจ้าตุกติก ข้าจะทุบมันให้แตก วิญญาณเจ้าก็จะแตกสลายตามไปด้วย "นักพรตโฉดคว้าเอากระจกบานหนึ่งขึ้นมา แล้วแกว่งมันไปมา
ปิศาจกระจกจงใจให้ข้าได้ยินความลับของนาง ข้าจึงสำเหนียกว่าแท้จริงนางไม่ใช่ปิศาจร้าย ดังนั้นมิควรทำลายวิญญาณของนาง
ข้าเฝ้ารอซูซ่งฟงและเทียนอวี้อย่างเยือกเย็น ไม่นานนักผึ้งน้อยก็ส่งสัญญาณให้ข้ารู้ว่าท่านพวกเขามาถึงแล้ว
ข้าได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พวกเขาฟัง ซูซ่งฟงนิ่งคิดอยู่พักหนึ่งแล้วบอกว่า เขาตัดสินใจว่าจะไม่ใช้กระบี่เทพสายฟ้าและกระบี่แห่งแสงในการต่อสู้ครั้งนี้
เพราะสิบปีที่ผ่านมาซูซ่งฟงเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในคำเยินยอของผู้อื่น เขาหมั่นฝึกฝนและค้นคิดวิชาใหม่ๆอยู่เสมอ เขาบอกว่าเขาคงต้องนำมันออกมาใช้ในศึกครั้งนี้เสียแล้ว
"เจ้าสองคนจงอย่าสอดมือเข้าระหว่างการต่อสู้ของอาจารย์ เพราะวิชาใหม่นี้อาจารย์ยังไม่มั่นใจว่ามันจะมีประสิทธิภาพเพียงไหน พวกเจ้าทั้งสองอาจได้รับบาดเจ็บได้"ซูซ่งฟงกำชับ
พวกเราสองคนพยักหน้ารับคำ
พวกเราปรากฏตัวออกมาพร้อมๆกัน แล้วซูซ่งฟงก็ตวาดเรียกชื่ออู๋จีซี
"อู๋จีซีจงปลดปล่อยวิญญาณของปิศาจกระจกซะ"
"ว่าอย่างไรซูซ่งฟง กลัวข้าถึงกับต้องนำตัวลูกศิษย์มาช่วยเชียวหรือ เรื่องปล่อยปิสาจกระจกนี่ จงชนะข้าให้ได้เสียก่อนแล้วค่อยว่ากัน" นักพรตโฉดหัวเราะ แล้วคว้ากระบองประจำกายไล่ฟาดซูซ่งฟงอย่างบ้าคลั่ง แต่ซูซ่งฟงใช้วิชาตัวเบาก้าวเท้าและโยกตัวหลบได้อย่างง่ายดาย
ในระหว่างที่หลบกระบองของอู๋จีซีอยู่นั้น ซูซ่งฟงก็มองหากระจกที่ข้าบอกไว้ และเมื่อสบโอกาสเขาก็เป่าลูกไฟขนาดยักษ์ใส่อู๋จีซี เพื่อให้มันนำกระจกออกมาปัดป้อง
แล้วก็เป็นไปตามคาดเจ้านักพรตโฉดก็นำกระจกอาถรรพ์ขึ้นมาสะท้อนลูกไฟยักษ์ออกมาทางข้าและศิษย์น้อง ข้าจึงสร้างกำแพงน้ำแข็งขึ้นป้องกันแต่ก็มิอาจหยุดยั้งลูกไฟได้ เทียนอวี้เห็นท่าไม่ดีจึงรีบดึงข้าทะยานขึ้นบนฟ้าหลบวิถีของลูกไฟไปได้อย่างหวุดหวิด
คราวนี้ซูซ่งฟงเป่าลูกไฟขนาดกลางใส่อู๋จีซีถึงสามลูก พอมันยกกระจกขึ้นหมายจะสะท้อนลูกไฟออกอีก ลูกไฟทั้งสามกลับโค้งหลบกระจกดุจมีชีวิตแล้วพุ่งเข้าใส่อู๋จีซีที่เป็น เป้าหมายทั้งสามลูก
นักพรตโฉดร้องโหยหวนออกมาด้วยความเจ็บปวด มันทิ้งกระจกแล้วกลิ้งร่างที่ไฟลุกท่วมไปกับพื้น ซูซ่งฟงบอกให้ข้าใช้พลังน้ำแข็งดับไฟให้มัน ข้าจึงทำตามคำสั่งของซูซ่งฟง
"อาจารย์ท่านบังคับวิถีของลูกไฟได้อย่างไร" ข้าถาม
"ฝ่ามือสุญญากาศที่อาจารย์เพิ่งคิดค้นได้ สามารถบังคับการไหลเวียนของอากาศได้ อาจารย์จึงใช้คู่กับลูกไฟอาคมเพื่อบังคับลูกไฟนั้นให้สามารถเคลื่อนที่ไปได้ทุกทิศทุกทาง เป็นการผสมผสานระหว่างเวทมนตร์กับพลังปราณ"
"อาจารย์ดูเหมือนมันจะหมดสติไปแล้ว" เทียนอวี้กล่าว
"จงยึดเอากระจกอาถรรพ์ไว้ก่อน แล้วพาตัวมันกลับไปรักษาที่สำนัก" ข้าและเทียนอวี้รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยกับคำสั่งของเขา
"จงมีศรัทธาในตัวผู้อื่น และรู้จักให้โอกาสแก่เขา นี่คือคำที่ปรมาจารย์สอนข้ามา"
'มิน่าเล่าซูซ่งฟงจึงเป็นเช่นนี้เสมอ' ข้าคิด
ความคิดเห็น