คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4
ตอนที่ 4
ตอนเย็นของวันนี้ถือว่า ฝนไม่ตก อากาศไม่ร้อน ค่อนข้างจะเย็นสบายน่าพักผ่อนทีเดียว รุจนขับรถชมวิวไปเรื่อย ค่อนข้างจะไม่รีบร้อนอะไรสักเท่าไรเพราะเขารู้ดีว่าเพื่อนหญิงที่ไม่ค่อยจะเต็มหญิงเท่าไรนั้น ชอบสายเสมอ ก็เพราะว่าถ้าเมื่อไรจะไปไหนเช่น นัด 2 ทุ่ม หญิงสาวจะแต่งตัวตอน 2 ทุ่ม เพราะฉะนั้นเขารู้ดีว่าควรจะไปหลัง 2 ทุ่มก็จะดีเพราะเพื่อนคนนี้ ค่อนข้างจะแต่งตัวเร็ว แต่ถึงอย่างไรเขาเองก็ไม่อยากรีบร้อนอะไร ซึ่งวันนี้เขานั้นรู้สึกสบายใจยังไงก็ไม่รู้ ชายหนุ่มขับรถผ่านสนามหญ้าของหมู่บ้านที่เขานั้นจะต้องไปรับเพื่อน จึงจอดรถแล้วเดินลงไปที่สระน้ำที่ถือว่ากว้างมากเลยทีเดียว และกลางสระน้ำมีนกอะไร เขาก็ไม่รู้แต่รู้ว่าสวยมาก ดูเป็นอะไรที่งดงามและสายตาของเขานั้นก็มองไปเจอกับหญิงสาวที่นั่งอยู่ที่ริมสระและกำลังวาดภาพและแสงแดดอ่อน ๆ ยามเย็นทอดลงมายังหญิงสาวคนนั้นซึ่งทำ ให้ชายหนุ่มคร่ำครวญกับตัวเองว่า
“ผู้หญิงอะไรวะโคตรสวยเลย” แล้ว..............ชายหนุ่มก็ยืนมองหญิงสาวคนนั้นอยู่จนสายตาแทบไม่กระพริบ จนลืมเรื่องที่นัดไว้กับเพื่อนสาวเอาไว้เลย จนกระทั่งการมองของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวคนนั้นได้เห็นเขาที่มองมาทางเธอ เธอจึงเกิดความรู้สึกหวาด ระแวง ชายหนุ่มที่มองเธออยู่นั้น ซึ่งดูแล้วเหมือนคนโรคจิตที่มองแล้วยิ้มไป หญิงสาวจึงเก็บอุปกรณ์วาดรูปแล้วเดินไปที่รถสีน้ำเงินบอนด์ที่จอดอยู่ไม่ไกลนัก รุจนเห็นจึงเดินจะไปทำความรู้สึก จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้เขาตื่นจากพะวงรักไปช่วงหนึ่ง
รุจนมองดูเบอร์ที่โทรเข้ามา เห็นเป็นเบอร์โทรเป็นพี่ชายก็รับสาย
“ว่าไง.....ครับพี่กร...........” ชายหนุ่มถามแต่ตายังมองรถที่ขับออกไปแล้ว จนไม่ฟังคนเป็นพี่ที่กำลังพูดอยู่
“รุจน........แกฟังชั้นอยู่หรือเปล่านี่.......” กรเมื่อพูดแล้วน้องชายไม่เออ...ออด้วยจึงพูดทักเตือน
“อะไร.........นะครับ.......มีอะไร.......ฟังอยู้” รุจน พูดขึ้น
“คืนนี้ 3 ทุ่มแกมารับ ชั้นที่สนามบินนะอย่าลืมนะโวย..............” กรพูดขึ้น
“ได้ครับ..........3 ทุ่มใช่ปะ พี่จะรีบไปไหนนะ........ok แค่นี่นะพี่” รุจนพูดแต่ไม่ได้คำตอบจากพี่ชาย แถมคนเป็นพี่ก็วางโทรศัพท์อีก ทำให้คนเป็นน้องถึงกับ งง ไปเลยทีเดียว
เมื่อรุจนคุยกับคนเป็นพี่จบแล้วนั้น เมื่อทั้งคู่วางสายกันแล้วนั้น เสียงโทรศัพท์ของรุจนก็ดังขึ้นอีกครั้ง โดยไม่รอให้เครื่องได้พักเลย
“รุจน แกทำอะไรอยู่......ถึงไหนแล้วนี้......โทรไปสายก็ไม่ว่าง........” แพรถามคำถามโดยที่ไม่ให้อีกฝ่ายต้องตอบเลย
“เออ! รู้แล้ว ตอนนี้กำลังจะถึงทางเข้าหมู่บ้านแล้ว...........อีก 5 นาที” รุจนจำยอมต้องโกหกเพื่อนสาว เพราะถ้าพูดความจริงเพื่อนสาวคงชักเขาไม่หยุดแน่เลย
เมื่อสนทนาเสร็จแล้วนั้น รุจน จึงมองไปที่ระเบียงที่ติดอยู่กับสระน้ำและที่จอดรถสีบอนด์น้ำเงินที่เคยได้จอดเอาไว้แต่ตอนนี้ไม่ได้จอดแล้วแล้ว กลายเป็นที่ว่างเปล่า ชายหนุ่มจึงรำพันกับตัวเอง ว่าคิดซะว่าฝันไปก็แล้วกัน แล้วก็เดินขึ้นรถออกไปทันที ก่อนที่จะผิดเวลานัดกับเพื่อนสาว
***************
ณ ร้านเสริมสวยที่ถือว่าค่อนข้างใหญ่และเป็นที่รู้จักของคนในวงการที่มีชื่อเสียงซึ่งภายในร้านจะมีบริการที่ครบวงจร และเป็นแหล่งที่ ดารา นางแบบ แม้แต่ไฮโซ ก็มักจะมาทำความสวย ความงามกันที่นี่มากพอสมควร ซึ่งเจ้าของร้านค่อนข้างจะออกแนวตุ้งติ้งไม่แมนเต็มร้อยสักเท่าไรแต่เขานั้นก็มีใจรักทางด้านนี้เป็นชีวิตจิตใจ
“คุณนิกกี้...สวัสดีฮะ! วันนี้ว่างหรือฮะถึงได้มาร้านของคุณพี่ได้นะฮะ” โนเนมเจ้าของร้านกล่าวอย่างสงสัยเพราะระดับ นิกกี้ มนทิสารกุล ไฮโซที่ถือว่าจะเข้าร้านไหน ร้านนั้นจะต้องมีระดับเธอถึงจะเข้าหรือย่างกลายเข้าเท่านั้น
“พอดีว่า........วันนี้พี่กร จะกลับมาแล้วนะคะ นิกกี้ว่าจะมาทำผมและก็มาขัดผิวสักหน่อยนะคะ” นิกกี้กล่าว
โนเนมค่อนข้างที่จะชอบนิกกี้เพราะเธอเป็นไฮโซที่ไม่ค่อยถือตัวมีกริยามารยาท เป็นผู้ดีมาก ๆ
“แหม! คุณนิกกี้ก็........ได้เลยฮะ พี่จะทำให้คุณนิกกี้ สวยจนคุณกร ต้องตะลึงเลยฮะ” โนเนมถือว่าเป็นคนที่เอาใจเก่งและสามารถรู้เรื่องราวต่าง ๆ ในวงการค่อนข้างจะลึกซึ่งเพราะเขาเองก็รู้ว่า ธนากรกับนิกกี้เขามีความสัมพันธ์กันแค่ไหน
***************
“เฮ้.....ชนแก้ว......กับความสำเร็จในครั้งนี้” วุฒิ ชายหนุ่มที่ถือว่านิสัยค่อนข้างจะเจ้าอารมณ์กล้าได้กล้าเสียจนเพื่อน ๆ ภายในกลุ่มค่อนข้างจะให้เขาเป็นผู้นำอยู่เสมอ ซึ่งวันนี้เขาเองที่อาสาจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารเพื่อน ๆ ในวันนี้
“กว่าจะจบ....เล่นปาอายุพี่ไปหลายศตวรรษเลย” กรดพี่ที่ถือว่าแก่ที่สุดในกลุ่มเพราะเรียนซ้ำต้อง 2 ปี จนได้มารู้จักกันและจบพร้อมกันจนได้ ซึ่งจะเป็นคนพูดตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม
คำพูดของพี่กรดทำให้คนที่นั่งอยู่บนหัวเราะกับคำพูดของพี่คนนี้ที่น้อง ๆ ค่อนข้างที่จะนับถือ พร้อมกับชนแก้วอีกทีเพื่อฉลองความสำเร็จในชีวิต เมย์หญิงสาวที่สนิทมากทีเดียวกับแพรแต่หญิงสาวค่อนข้างจะเรียบร้อย จึงเป็นที่รักของเพื่อน ๆ ภายในกลุ่ม เธอสังเกตไปเห็นรุจนนั่งเหมอลอยมองไปทางสระน้ำพุที่อยู่ใกล้ ๆ กับทางหน้าต่างของร้าน จึงสะกิดให้แพรมองชายหนุ่มแล้วถามอย่างสงสัย
“แพร........รุจนเป็นอะไรหรือเปล่า.........เห็นไม่พูดอะไรเลย”
แพรหันไปมองเพื่อนชายที่นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งและตรงกันข้ามกับเธอ แพรเห็นจึงบอกเพื่อนให้ตะโกนเรียกรุจน
“รุจน!!!!!” ทุกคนบนโต๊ะประสานเสียงกัน
ทำให้รุจนถึงกับสะดุ้งกับเสียงนั้นแล้วหันมามองเพื่อน ๆ ที่จ้องมาที่เขาเป็นสายตาเดียวกัน
“แก......เป็นอะไรเปล่า..................เครียดเรื่องงานหรอ” แพรถามอย่างเป็นห่วง
“เปล่า...........ทานข้าวเถอะ...........เมื่อกี้พี่กรดพูดว่าอะไรนะ” รุจนเปลี่ยนความสนใจออกไปทันที
แล้วทุกคนก็ทานข้าวต่อ แต่คนอย่างสุจิรา ถ้าเห็นอาการอย่างนี้แสดงว่าต้องมีอะไร แน่ ๆ
“เออ!น้องหนึ่งครับลืมเอาThe Mouth มาหรือครับ” กรดถามหนึ่งเพราะนิสัยของหนึ่งนั้นค่อนข้างจะนิ่งและพูดไม่ค่อยเก่งแต่เป็นที่พึ่งของเพื่อน ๆ ได้เสมอ
“เอามาพี่...........แต่ตอนนี้ปากผมกำลังใช้ทานข้าวจึงไม่มีเวลานั่งสนทนากับพี่ได้นะครับผม” หนึ่งบอกกับคนเป็นพี่ คำพูดของหนึ่งทำให้พี่กรดถึงกับอึ้งไปเลย และนี้และข้อเสียของกรดถ้าไม่พูดก็ไม่พูดเลย แต่ถ้าพูดก็จะเจอแบบนี้ได้
“ชั้น......ไม่พูดกับแกแล้ว.............ถามไอ้น้องรุจนดีกว่า............ว่าไงพ่อนักธุรกิจหนุ่ม” กรดหันหน้าไปมองรุจนที่นั่งทานข้าวอยู่นั้น
“ยังไง............ก็ขอเชิญทุกคนร่วมเป็นเกีรยติเปิดงานในวันพุธนี้ด้วยนะครับ”
“อีก 2 วันนะดิ” วุฒิถาม
“ใช่..............แกไม่ว่างหรอวะ” รุจนถามอย่างสงสัย
“เปล่า.....บริษัทเพื่อนทั้งทีไม่ไปไม่ได้หรอก” วุฒิกล่าวพร้อมกับบอกเพื่อนชนแก้วกับความสำเร็จของเพื่อนคนนี้
“เมื่อจบแล้วมีงาน มีการทำแล้ว...........ส่วนเรื่องความรักละ...........ใครจะแต่งงานก่อน” กรดกล่าวเปิดโรงแต่ไม่มีใครพูดอะไร
“อ้าว!!ไม่ตอบแสดงว่าจะขึ้นคานทองกันหรอวะ................” กรดกล่าวอีก
“ชั้นว่าเรื่องอย่างนี้............เราจะวิ่งตามหามันก็คงไม่ดีมั่ง..................เราควรจะให้มันตามหาเราจะดีกว่านะ” หนึ่งตอบ
“แล้วเมื่อไร..........มันจะมา ต้องรอให้ขึ้นคานทองก่อนไมน้องหนึ่ง” กรดบอก
“แต่เมย์ว่านะ..................ไม่ว่าความรักรูปแบบไหนก็ดีทั้งนั้นขอให้คนที่ถูกรักมีความสุขก็พอและจ๊ะ” เมย์กล่าวสำทับ
“จริง..........อันนี้ผมเห็นด้วย” วุฒิกล่าวเพราะแฟนตนเป็นคนพูดก็ต้องเยินยอเป็นพิเศษอยู่แล้วทำให้เพื่อนถึงกับอิจฉากันเป็นแถว ๆ เลย
“ชั้นว่านะ...............ความรักมันก็เหมือนยาพิษนั้นและทำให้เราเจ็บทำให้เราทุกข์..............ชั้นว่ามันไม่ดี...........สู้ความรักที่บริสุทธิ์ที่ให้กันแบบเพื่อนแบบครอบครัวที่ให้ก็พอแล้ว” แพรพูดยืนยันคำขาดเพราะเธอไม่ชอบความรักแบบนี้
“อย่างน้องแพรเนี่ยนะ.................พี่ขอมอบคานทองประเภททากาวติดแน่นให้เลยนะจ๊ะ” กรดพูดทำให้เพื่อนหัวเราะออกมาพร้อมกับโดนแพรเอาผักที่อยู่ในจานข้าง ๆ ปาใส่แต่คุณพี่กรดก็สามารถรับได้และกินอย่างอร่อย
รุจนขณะที่ฟังอยู่นั้นไม่รู้ว่าตอนนี้เขารู้สึกว่ามีอิทธิพลกับเรื่องนี้เข้ามามากเกินไปหรือเปล่า
การสนทนากันและการนั่งคุยกันนั้นค่อนข้างที่วุ่นวาย โต้เถียงกันไปมาจนถือว่าเป็นเรื่องสนุก จนเวลาผ่านไปถึงเวลา 3 ทุ่ม รุจนจึงขอตัวเพื่อน
“เออ...........เดี๋ยว ชั้นต้องไปรับพี่ กร ที่สนามบิน ยังไงก็ขอฟากแพรกลับบ้านด้วยนะ” รุจนบอกเพื่อน ๆ พร้อมกับหันมามองที่แพร
“ไปเถอะ...........เดี๋ยวแพร กลับกับวุฒิกับเมย์ก็ได้..........ทางผ่าน” เมย์พูดขึ้น
“แพร.............แกไม่ว่า ชั้นใช้ปะ คือว่าเรื่องมันยาวเดี๋ยวยังไง คืนนี้ ฉันจะโทรไปเล่าให้แกฟังนะ” รุจนบอกพร้อมกับบายมือให้เพื่อน ๆ
รุจนเดินออกไปทำให้แพรเกิดความสงสัยในตัวรุจนมากขึ้นอีกรอบเมย์เห็นสีหน้าของเพื่อนแล้วเกิดความรู้สึกว่าเพื่อนคนนี้กำลังวิตกอะไรอยู่ แต่หญิงสาวก็คอยบอกว่า คงไม่มีอะไรมั่ง แล้วหันมาร่วมวงกับเพื่อน ๆ ที่เหลือต่อ
***************
สนามบินดอนเมือง ถือว่าค่ำคืนนี้ค่อนข้างจะมีคนเดินทางมาและไปที่นี้เป็นจำนวนมากเลยทีเดียว กรชายหนุ่มที่มีเพียงสัมภาระเพียงแค่กระเป๋าลากเพียงใบเดียวกำลังเดินออกมาจากทางออกของสนามบินที่เขานั้นพึ่งจะลงเครื่องมา ชายหนุ่มแลมองซ้ายมองขวาแล้ว กดโทรศัพท์ก่อนที่เขาจะกดนั้น มีสายเข้ามาก่อน พอเห็นเบอร์โชว์แล้วถึงกับถอนหายใจทันที แล้วจึงกดรับ
“กร........ลงจากเครื่องหรือยังคะ...........ตอนนี้ข้างนอกรถติดมากเลยนะคะ” นิกกี้พูดพร้อมกับมองจราจรข้างหน้าที่ค่อนข้างจะมีแต่รถเต็มถนนทางเข้าสนามบิน
“นิกกี้........ครับ........ผมว่า นิกกี้ไม่ต้องก็ได้นะ...........ผมเรียกเจ้ารุจนมารับแล้วละ” กรพูดพร้อมกับมองหาน้องชายตัวดี ที่ยังไม่เห็นแม้แต่เงา
“ได้ไงคะ..........รอนิกกี้แปลบเดียวนะคะ.........” นิกกี้บอกพร้อมกับตัดสายไปทันที โดยไม่รอให้อีกฝ่ายต้องพูดต่อ
เมื่อชายหนุ่มไม่ได้ติดต่อกับหญิงสาวแล้ว จึงโทรตามน้องชายทันที แต่โทรศัพท์ทางปลายสายกับเป็นว่าปิดเครื่อง ทำให้ติดต่อไม่ได้ ชายหนุ่มพยายามโทรอยู่ 2-3 รอบ แต่ก็ไม่มีคนรับสายเลย เขาจึงเดินไปที่ร้านกาแฟที่ค่อนข้างจะไม่ค่อยมีคนสักเท่าไร จึงเดินไปนั่งข้างริมกระจกเพื่อที่จะมองหาน้องชายได้พร้อมกับสั่งกาแฟร้อนสักถ้วย กรมองไปรอบแต่ไม่เห็นวี่แววคนเป็นน้องเลย เขาคิดอยู่ในอยู่ในใจว่าจะทำอย่างไรดี จะรอนิกกี้หรือไม่รอน้องชายหรือว่าจะนั่งรถแท็กชี่กลับเอง ชายหนุ่มนั่งทานกาแฟอยู่สักพัก จึงวางเงินไว้บนโต๊ะพร้อมกับเดินออกจากร้านแล้วมุ่งหน้าออกจากสนามบินดอนเมืองที่วันนี้คนค่อนข้างจะมีคนมากและบรรยากาศภายนอกรถติดแน่นมากเหมือนกับที่นิกกี้บอกกับเขาเมื่อตอนแรก กรตัดสินใจเรียกแท็กซี่แล้วขึ้นรถทันที และคาดเคลื่อนกับนิกกี้และรุจนที่วิ่งมาที่ทางเข้าสนามบิน นิกกี้และรุจนเจอกันโดยที่ไม่รู้ว่า คนที่ทั้ง 2 จะมารับนั้นได้นั่งรถไปแล้ว
“พี่นิกกี้.......”รุจนพูดขึ้น พร้อมกับอีกฝ่ายหนึ่งที่เรียกชื่อของอีกฝ่าย “รุจน”
“พี่นิกกี้ มารับพี่กร หรอครับ” รุจนถามและพอจะเดาออกว่าที่พี่ของตนเรียกมารับก็เพราะสาเหตุอะไร
“แล้วนี้........รุจนมารับกรหรอ...............” นิกกี้ถามอย่างสงสัย
รุจนพยักหน้ารับ แล้วทั้งสองก็เดินเข้าไปเพื่อตามหา ชายหนุ่มที่ชื่อกร แต่ก็หาไม่เจอ เพราะทั้ง 2 ทั้งเขียนป้ายชูชื่อและยืนคอยแล้วยังไม่เจอเลย รุจนจึงตัดบท
“ผมว่า........เรากลับกันเถอะครับ............รอมาตั้ง 1 ชั่วโมงแล้ว” รุจนตัดบททันที
“หรือว่า.........เครื่องบินเป็นอะไรหรือเปล่านะรุจน แล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้น..............” นิกกี้สงสัยขึ้นมาแล้วเอ่ย
“คง ไม่หรอกครับ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นก็คงทราบข่าวแล้วก็ได้................หรือไม่ก็พี่กรอาจจะเปลี่ยนเที่ยวบิน.......แต่ผมว่าไม่น่านะครับ หรือไม่ก็....................” รุจนทำท่าคิดและพลอยทำให้นิกกี้สงสัยไปด้วยอีกคน
“พี่กร.........อาจจะรอนานเลยชิงหนีเราไปก่อนก็ได้นะครับ” รุจนพูดขึ้น
“ก็อาจจะเป็นไปได้นะ เดี๋ยวพี่ลองโทรหา กร เขาดูก่อนนะ” นิกกี้พูดเสริมพร้อมจะกดเบอร์โทร แต่รุจนบอกว่าไม่ต้อง
“ผมว่าเรากับกันก่อนดีกว่านะครับ........พี่กรเขาอาจจะเหนื่อยเลยหนีกลับบ้านก่อนนะครับ............ผมว่าพี่นิกกี้กลับก่อนแล้วกันนะครับ พรุ่งนี้เดี๋ยวผมบอกให้พี่กร โทรไปหานะครับ”
นิกกี้เห็นว่ารุจน น้องชายของกรเป็นคนรักษาคำพูด และเห็นว่าดีด้วยอยู่ไปก็ไรประโยชน์ เพราะพรุ่งนี้ตัวเธอเองก็มีงานเดินแบบการกุศลด้วย ทั้งสองจึงแยกย้ายกันไปคนละทิศ คนละทาง
รุจนกลับมาถึงบ้านอย่างรีบร้อน ชายหนุ่มรีบเดินเข้าบ้านผ่านห้องนั่งเล่นของบ้านที่อยู่ติดกับทางขึ้นบันไดไปบนห้อง จึงเห็นมารดากับบิดานั่งดูโทรศัพท์อยู่ จึงรีบเข้าไปถามมารดาเพราะบิดากำลังนั่งอ่านเอกสารจึงไม่อยากรบกวน
“แม่ครับ!.........พี่กรละครับ” รุจนถามอย่างสงสัย
“กลับมาตั้งนานแล้ว.............ตอนนี้อยู่บนห้องนะ..............แล้วทำไมกลับเร็วจังเลย.......” มารดาตอบพร้อมกับถามคำถามในความสงสัยที่เห็นลูกชายคนเล็กกลับมาเร็วและถามหาพี่ชาย
“พอดีว่า............พี่กรให้ผมไปรับแต่ผมไม่เจอก็เลยคิดว่าพี่คงหนีกลับมาก่อนนะครับ.......” รุจนตอบพร้อมกับกล่าวราตรีสวัสดิ์กับคนเป็นพ่อและแม่และเดินขึ้นห้องไป
รุจนเดินตรงไปยังห้องของพี่ชายคนโต พร้อมกับเดินไปเคาะประตูห้องเรียกพี่ชายออกมา จนกรเดินออกมาเปิดประตูให้น้องชายพร้อมกับได้รอยยิ้มจากคนเป็นน้องด้วย รุจนเมื่อพี่ชายเปิดประตูแล้วจึงเดินเข้าไปในห้องของพี่แล้วพูด
“สบายใจจริง..........” รุจนพูดพร้อมกับยิ้ม
“ไม่ต้องมายิ้ม................เจอนิกกี้หรือเปล่า” กรถามเพราะรู้ว่าน้องต้องเจออะไรมาบ้างที่สนามบิน
“เจอซิ...........จะกลับก่อนแล้วให้ผมมารับทำไมเนี่ย..........” รุจนคาดคั้นจากคนเป็นพี่แล้วรอฟังคำตอบ
“ให้นัดแกให้มารับกี่โมง............แล้วแกไปไหนถึงไปช้าขนาดนั้น” กรถามไป จนคนเป็นน้องนึกแล้วตอบ
“3 ทุ่ม.............ก็พอดีว่ากินเลี้ยงอยู่กับเพื่อนนะเลยออกมาช้าแต่ผมออกมา 3 ทุ่มพอดีเลยนะพี่...........ก็ใครจะไปรู้ละว่ารถติด” รุจนพูดแล้วมองหน้าพี่ชาย
“ฉันลงเครื่องมา ไม่เจอแม้แต่คนเดียว.........นั่งรอก็แล้ว...........ก็เลยไปทานกาแฟ........รออยู่นานไม่เห็นมีใครมาทั้งแกและนิกกี้......ตอนแรกนะนิกกี้โทรมาบอกฉันว่ารถติดอยู่ข้างนอก ฉันคิดว่าแกคงมาถึงก่อนนิกกี้แต่แล้วก็ไม่เห็นเงาเลยสักคน...........แกจะให้ฉันตัดสินใจยังไงวะ” กร บอกกับน้องชายพร้อมกับยิ้มให้น้องและลงนอนที่ ที่นอน
“แล้วทำไมไม่โทรบอกผมละ” รุจนคาดคั้นอีกครั้ง
“แก ลองหยิบโทรศัพท์ออกมาดิ.......” กร บอกให้น้องชายเอาโทรศัพท์ออกมาดู
รุจนล่วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกง เห็นว่าเครื่องกำลังปิดอยู่ จึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“กรุณาฝ่ายข้อความและหมายเลขโทรศัพท์คะ” กร ทำเสียงเลียนแบบโอเปเรเตอร์ที่พูดเมื่อต่อสายไม่ติด
รุจนไม่พูดอะไรทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ กรจึงพูดขึ้นอีก
“ไม่เป็นหรอก..............ฉันไม่รู้ว่าแกจะติดเลี้ยงกับเพื่อน ๆ ชั่งมันเถอะ” กรพูดตัดบท
รุจนคิดได้ที่สัญญาไว้กับนิกกี้จึงพูดให้พี่ชายฟัง
“พรุ่งนี้.........อย่าลืมโทรหาพี่นิกกี้ด้วยนะพี่............เดี๋ยวเขาจะหาว่าผมผิดคำสัญญา”
“เออ.............” กรตอบพร้อมกับนอน
รุจนเห็นพี่ชายคงจะเหนื่อยเลยเดินออกมาจากห้องแล้วเดินกลับไปที่ห้องของตนเอง พร้อมกับเตรียมตัวจะอาบน้ำพอดีมีเสียงคนเคาะห้อง ชายหนุ่มจึงเดินไปเปิดประตู เห็นบิดายืนอยู่ ชายหนุ่มจึงได้แต่เชิญคนเป็นพ่อเข้าไปในห้อง พร้อมกับถามตามหลัง
“คุณพ่อมีอะไรหรือเปล่าครับ” รุจนถาม
“ไม่มีอะไร............คือว่าพ่อก็แค่จะมาบอกแกว่าให้เอาการ์ดเชิญคุณมนตรีและครอบครัวมาร่วมงานเปิดบริษัทด้วยนะ ..จะบอกแกหลายทีแล้วแต่ว่าไม่มีเวลา” คนเป็นพ่อบอกพร้อมกับเดินออกจากห้องไป
รุจนสงสัยแต่ก็ไม่รู้ว่าท่านคิดอะไร..............อยู่แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจและไปอาบน้ำ
***************
หลังจากงานเลี้ยงล่ำลากันจบแล้ววุฒิกับเมย์ได้พาเพื่อนรักอย่างแพรมาส่งที่บ้าน
“ขอบใจนะ............” แพรกล่าวพร้อมกับโบกมือลาเพื่อน
“ไม่เป็นไรหรอก............ทางบ้านเมย์ก็ผ่านทางนี้อยู่แล้วนะ.........” เมย์กล่าวพร้อมกับยิ้มให้เพื่อนสาว
ทั้งสามลากันเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันไป แพรเดินเข้าบ้านซึ่งห้องแรกที่ผ่านคือห้องนั่งเล่น หญิงสาวเห็นพี่ชายนั่งอยู่กับพ่อจึงเดินเข้าไปถามและนั่งลงที่โซพาอีกตัว
“ทำไม กลับเร็วละ.........ยังไม่เที่ยงคืนเลยไม่ใช่หรอ” ภัทรถามเมื่อเห็นอาการของน้องสาวที่ค่อนข้างจะเหนื่อยนอนเหยียดขาอยู่ที่โซพาตัวใหญ่
“พอดีว่า........รุจนมันติดธุระไปด้วยไม่ได้ พวกเราก็เลยแค่ทานข้าวแล้วก็กลับ” แพรตอบพร้อมกับนอนไปด้วย หญิงสาวมองรอบ ๆ ไม่เห็นมารดาและพี่สาวก็เลยถาม
“แล้วคุณแม่ กับพี่แพนไปไหนละคะ.........” แพรถามอย่างสงสัย
“ไปจัดห้องข้างบนนะ..........เตรียมตอนรับสมาชิกใหม่” ภัทรตอบพร้อมมองหน้าบิดา
แพรได้ยินดังนั้นถึงกลับลุกขึ้นนั่งแล้วถามคนเป็นพี่และพ่อ
“ใครนะ........สมาชิกใหม่นะ พี่ภัทร พ่อ” แพรถามทั้งสองอย่างตื่นเต้นว่าใครจะมา
“ก็เพื่อนเราสมัยเด็กไง......” มนตรีตอบลูกสาว
แพรงงแต่ก็ยังนั่งคิด จนคิดไม่ออกเลยถามต่อไป
“ใครนะ..........แพรคิดไม่ออก”
“ก็ พานนท์ ลูกชายคุณอาสมพงษ์ งัย.......ใยแพร” ภัทรบอกพร้อมกับยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าของน้องทำท่า งง อีกครั้ง
“พี่นนท์หรอ................” แพรตอบและคำพูดของเธอนั้นทำให้คนเป็นพ่อและพี่ชายพยักหน้าพร้อม ๆ กัน
“เขาจะมาอยู่บ้านเราทำไม............แพรได้ข่าวว่า พี่เขาไปต่างประเทศกับคุณอา........แล้วทำไม”
คนเป็นพ่อไม่ทันให้ลูกสาวพูดต่อ ก็เลยอธิบายให้ฟัง
“ก็พอดีว่าไอ้พงษ์นะตอนนี้ธุรกิจมันกำลังรุ่ง ก็เลยคิดว่าจะมาขยายการตลาดที่เมืองไทย จึงได้ส่งพานนท์มาบริหารงานที่นี้และมาหาทำเลเพื่อขยายกิจการอีกอย่างที่เรียนมา ก็พอดีว่าตอนนี้นนท์ก็กลับมาพอดีและพ่อเห็นว่าอีกอย่างพ่อก็รู้จักคนกว้างขวางอาจก็เลยคิดว่าน่าช่วยเป็นสื่อกลางให้เจ้านนท์ มันนะ” บิดกล่าวอธิบายจนยาวพลอยทำให้คนที่นอนฟังหลับไปเลย
“ดูน้องสาวแก.....พูดแค่นี้หลับแล้ว” บิดากล่าวให้ภัทรลูกชายคนโตฟัง
“เป็นอย่างนี้ละครับ..........” ภัทรพูดพร้อมกับหัวเราะและเดินไปเรียกน้องสาวขึ้นนอน แพรได้ยินเสียงคนเป็นพี่ปลุกก็ลุกขึ้นจากโซพาและเดินขึ้นบันไดและจะเดินเข้าห้องของตนเองเห็นมารดาและพี่สาวเดินมา หญิงสาวจึงบอกราตรีสวัสดิ์พร้อมกับเดินเข้าไปเลย โดยที่คนเป็นแม่ยังไม่ได้สักถามอะไรสักอย่างเกี่ยวกับตัวลูกสาว
ความคิดเห็น