คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3
ตอนที่ 3
“แกคิดว่าไง................."
“ผมว่าสมควรที่จะให้น้อง...........ไปทำนะครับ.........และอีกอย่างน้องมันมีความมุ่งมั่นมาก ผมว่าควรจะสนับสนุน แค่ 3 เดือนเองนะครับพ่อ..........” ภัทร อ้อนคนเป็นพ่อ
“แต่พ่อว่า...............” มนตรียังพูดไม่ทันจบเสียงหนึ่งที่นั่งแอบฟังอยู่ห้องหนึ่งนั้นก็เดินออกมาแล้วพูดดักคอคนเป็นพ่อ
“แต่พ่อว่านะ พ่อว่าไม่ควร” แพรเลียนประโยคคำพูดของพ่อแล้วเดินมาที่บิดาที่นั่งอยู่
“ทำไมนะ..........แพรขอแค่นี้ คุณพ่อให้แพรไม่ได้หรอคะ............ตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณพ่ออยากให้แพรเรียนบริหาร แพรก็เรียนแถมได้ เกรียตินิยมด้วย คุณพ่ออยากให้แพรมาทำงานเป็นฝ่ายการตลาดที่บริษัท แพรก็ตกลงจะไปทำ แค่ แพรขอแค่นี้ แค่ 3 เดือน คุณพ่อให้แพรไม่ได้หรอ.......................” แพรพูดความในใจออกมาทั้ง ๆ ที่เธอนั้นรู้สึกว่ามันจะหมดหนทาง
ส่วนทางด้านแม่ พี่ทั้งสอง มองหน้ากันไม่รู้จะทำอย่างไรดี ภาตาสะกิดสามีที่นั่งเหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย จนมนตรีที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ไปด้วย พูดไปด้วยนั้น วางหนังสือลงแล้วลุกขึ้นมาที่หญิงสาว ที่ว่ากล่าวตนเมื่อกี้
“พูดจบหรือยัง............”น้ำเสียงที่พูดออกมานั้นดูราบเรียบเฉยแล้วเอ่ยต่อ “พ่อบอกแกหรือยังว่า พ่อให้แกไปหรือไม่ไป..............ถึงได้โกธรเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้นะ........ฮึ” มนตรีพูดจบ แล้วหยุดให้ลูกสาวโต้ตอบบ้าง
“ยังไง...........คุณพ่อก็ไม่ให้แพรไปอยู่แล้วละ........แพรไม่ยอม.........แพรไม่ยอม.......” แพรเถียงคำ คนเป็นพ่อแล้ววิ่งไปกอดแม่ให้ช่วยอีกแรงหนึ่ง
“เออ.....ออ คนเดียวหมดเลย..............แล้วนี้...ที่พ่อตั้งใจจะให้ไปฝึกงานมันก็เป็นอันว่ายกเลิกนะซิ..............”
มนตรีพูดจบแล้วเดินออกไป
ซึ่งทำให้คนที่กำลังอ้อนแม่ให้ช่วยอยู่นั้น ถึงกับเปลี่ยนหันมาทางคนเป็นพ่อ แล้วหันกลับมามองหน้าพี่ทั้ง สองคน แล้วร้องพร้อมกัน “เฮ้......เฮ้.......” ทั้งสามพี่น้องกอดกันโดยเฉพาะแพรที่ดีใจกอดทั้งแม่และพี่จนไม่ยอมปล่อย แต่เสียงของคนเป็นแม่ก็เอ่ยขึ้น
“ที่ หนูทำนะแม่ว่า มันไม่เหมาะสมเลยนะ..........แพร.......ไปขอโทษพ่อเขาซะ.......” มารดาพูดขึ้น
ทำให้แพรถึงกับเศร้าทันที ที่ตนทำอะไรลงไป มันผิดจริง ๆ เมื่อได้ฟังคำที่มารดาบอกแล้ว เธอจึงเดินไปที่สวนริมสระน้ำที่พ่อมักจะมานั่งผ่อนคลายพอดี พร้อมกับน้ำแตงโมปั่นที่ พ่อของตนชื่นชอบ หญิงสาวต้องยืนทำใจตรงขอบสนามหญ้าหน้าบ้าน และขอกำลังใจจาก พี่ทั้งสองและแม่ที่นั่งลุ้นอยู่ หญิงสาวเดินไปที่ศาลาท่าน้ำ ที่พ่อของเธอนอนอยู่ หญิงสาวเดินไปนั่งลงอยู่ข้าง ๆ มารดา พร้อมกลับวางน้ำแตงโมปั่น ไว้ที่โต๊ะข้าง ๆ
“แพร....เอาน้ำแตงโมปั่นมาให้คะ........พ่อ............กินแล้วเย็นชื่นใจ”แพรบอกพร้อมกับทำท่าทางที่สดชื่นให้พ่อเห็น แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา
“แพร...รู้นะว่าผิดนะที่ไม่ยอมฟังเหตุผล.............แต่แพรก็ขอโทษนะ...........ทีหลังจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้วนะ....”
หญิงสาวก้มมองที่พื้นเพื่อที่จะให้คนเป็นพ่อได้เห็นสิ่งที่ตนกำลังสำนึกผิดอยู่แล้วพูดต่อไปอีก
“แพร..............ขอโทษนะ ถ้าพ่อไม่ยกโทษให้แพรนะ.................แพรจะนั่งอยู่อย่างนี่และ.................” แพรพูดพร้อมกับนั่งอยู่อย่างนั้นจริง ๆ
มนตรีเห็นลูกสาวของตนเองแล้วจึงตัดสินใจพูดออกมา
“ไม่มี.........พ่อแม่คนไหนที่โกธรลูกหรอก ที่ดูเฉยนะก็เพราะอาจจะเป็นเพราะท่านคอยเป็นห่วงเราอยู่ห่าง ๆ เพื่อที่จะไม่ให้ผู้ที่เป็นลูกต้องมานั่งคิดมาก เหมือนลูกสาวคนนี้ไงละ” มนตรีพูดจบก็ยิ้มให้ลูกสาวของตนเองแล้วก็ทานน้ำแตงโมที่ลูกสาวเอามาให้ทาน แล้วทั้งสองก็กอดกัน ทำให้คนที่แอบมองอยู่ห่าง ๆ นั้นพล่อย ยิ้มไปด้วย
***************
ทางด้านประเทศ ออสเตเลีย ชายหนุ่มที่ทุ่มเวลากับงานมานานเกิบ 3 วันเต็มที่ไม่ได้พักผ่อนเสียเลย จึงโทรศัพท์ติดต่อกับคนเป็นแม่ที่บ้านบ้าง
“ฮัลโหล! สายใจหรอ.........ขอสายคุณแม่หน่อยซิ” กร บอกสาวใช้ที่วิ่งมารับโทรศัพท์
“คุณหญิง..........ไม่อยู่นะคะคุณกร........ออกไปธุระกับคุณรุจน์คะ...........มีอะไรจะฝากเรียนถึงท่านไม่คะ” สาวใช้บอก
กร เมื่อทราบว่าคุณแม่ไม่อยู่นั้น ก็บอกกับสาวใช้ว่า
เมื่อติดต่อกับคนเป็นแม่ที่ตนนั้นคิดถึงแทบแย่แล้วไม่ติดนั้น แต่แล้วเสียโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น อีก ชายหนุ่มมองเบอร์ที่โชว์เข้ามานั้นแล้วก็กดรับสาย
“ฮัลโหล........นิกกี้มีอะไรหรอครับ” กรพูดเป็นเชิงในถามหญิงสาวก่อน
“ไม่มีอะไร โทรมาไม่ได้หรอคะ........ก็คิดถึงนะ” ทางปลายสายถาม “แล้วนี่ กร จะกลับวันไหนละคะ........ให้นิกกี้ไปรับนะคะ” ทางปลายสายพูดจบแล้วรอคำตอบอีกฝ่ายหนึ่ง
“ก็คง........เช้าที่นี่ แต่ก็คงถึงประมาณ ค่ำ ๆ นะ.........นิกกี้ไม่ต้องไปรับผมหรอกนะ ลำบากเปล่า ๆ นะ” กร บอกกับหญิงสาวทางปลายสาย
“ทำไมคะ.........กรไม่อยากให้นิกกี้ไปรับหรอ.........หรือว่ามีหญิงติดมาด้วย บอกมานะ” นิกกี้คาดคั้นเอาความจริงจากชายหนุ่มที่อยู่ทางปลายสาย
“ไปกันใหญ่แล้ว.....นิกกี้ ผมจะเอาเวลาที่ไหนไปมีละที่ ผมไม่อยากให้นิกกี้ไปรับก็เพราะเห็นว่า นิกกี้จะยุ่งนะซิ” กร บอกเหตุผลให้หญิงสาวฟัง
“ไม่หรอกคะ........พรุ่งนี้นิกกี้ว่างทั้งวันเลย” นิกกี้ พูดถึงงานประจำที่เธอทำอยู่ คือ เดินแบบ เพราะถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอได้พบกับชายหนุ่มที่เธอนั้นรู้สึกถูกชะตามากเลยทีเดียวและเธอนั้นก็ รักเขามากเลยทีเดียว
“ถ้า........ยังไงพรุ่งนี้ นิกกี้ไปรับ กร นะคะ บาย” นิกกี้พูดจบแล้ววางสายไป ทำให้ชายหนุ่มยังไม่ทันได้พูด
เมื่อทั้งสองสนทนากันจบแล้ว ทำให้ชายหนุ่มที่คุยโทรศัพท์ถึงกับถอนหายใจเมื่อ วางโทรศัพท์ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะทำไงดี และนี้ละ มั่งที่เขาคิดอยู่เสมอก็คือ ไม่ชอบขัดแย้งใครและปฏิเสธใครไม่เป็นจึงทำให้เรื่องของนิกกี้ ไปกันใหญ่
**************
กริ้ง........กริ้ง......กริ้ง........เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น “ฮัลโหล! บ้านเกรียงไกร คะ..............จะเรียนสายกับใครคะ” สาวใช้ที่รับสายกล่าว ทางปลายสายจึงพูดขึ้น
“คุณอา ภาตา อยู่หรือเปล่า” ชายหนุ่มพูดขึ้นมา สาวใช้ได้ฟังจึงพูดขึ้น “ใครจะขอเรียนสายด้วยคะ.........” สาวใช้พูดขึ้นพร้อมกับรอคำตอบกับอีกฝ่ายหนึ่ง
“พานนท์” ชายหนุ่มพูดขึ้น
เมื่อสาวใช้ได้ฟังดังนั้นจึงนำโทรศัพท์ไปให้ เจ้าของบ้านที่กำลังทำขนมคุกกี้อยู่ในครัว เมื่อคุณนายภาตาเห็นสาวใช้นำโทรศัพท์มาให้นั้น จึงถามว่าใคร สาวใช้จึงตอบตามที่ปลายสายบอก
“ฮัลโหล......นนท์ กลับมานานแล้วหรอจ๊ะ” หญิงสาวที่ทางปลายสายต้องการที่จะพบพูดขึ้น
“ครับ......คุณอา ผมพึ่งกลับมาถึงเมื่อคืนนี้เองครับ” พานนท์พูดพร้อมกับน้ำเสียงที่สุภาพมาก
“แล้วคุณ สมพงศ์ สบายดีหรอจ๊ะ” ภาตาถามหลานชายของเพื่อนสามีที่ไม่ได้เจอกันนานเกิบ 8 ปีได้
“สบายดี! แต่คุณพ่อท่านยังไม่กลับมาเมืองไทยหรอกครับ........คุณพ่อท่านบอกว่าให้ผมมาหาซื้อบ้านอยู่แถวเมืองไทย แล้วท่านจะตามมานะครับ” ชายหนุ่มอธิบายให้ฟัง
“แล้ว.....จะอยู่แถวไหนดีจ๊ะ.......อา รู้จักบ้านอยู่หลายแหล่งนะ ” ภาตาเสนอแนวคิด
“ก็ดีเหมือนกันครับ.........ผมก็ไม่ได้อยู่เมืองไทยต้องนาน......รู้สึกว่าอะไร ๆ ก็เปลี่ยนไปนะครับ.........ขอบคุณ คุณอามากนะครับ”
“ไม่ลำบากหรอกจ๊ะ.........คนกันเอง นะ............แล้วตอนนี้ นนท์พักอยู่ที่ไหนละจ๊ะ” ปลายสายถามอย่างสงสัย
“ตอนนี้ผมพักที่โรงแรม แถว ๆ ใจกลางกรุงเทพนะครับ..........” ชายหนุ่มตอบ
“อา.................ว่า มาพักด้วยกันที่บ้านอาเถอะนะ............จะได้สะดวกสบายกว่านะ.............”
ชายหนุ่มทางปลายสายได้ฟังดังนั้น รู้สึก ลังเลใจแต่ก็ดีเหมือนกันเพราะตัวเขานั้นไม่ชอบอะไรช้ำซากจำเจเพราะห้องก็เล็ก ไม่สะดวกสบายกว่าที่ควร จึงตอบตกลง ทั้งสองสนทนากันสักพักก็วางสายกันไป
ทางด้าน พานนท์ เมื่อวางโทรศัพท์แล้วก็มองไปที่กระจกที่ติดอยู่กับฝาพนักห้อง พร้อมกับยิ้มให้กับตัวเองในรูปที่เป็นเงาเท่านั้น
ความคิดเห็น