ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SinGuLar] Lover in Two World

    ลำดับตอนที่ #5 : LTW -Enchat-

    • อัปเดตล่าสุด 25 ต.ค. 55



     

    *4*

    [Enchant]

     

     

    “พี่นัท.. ซินร้อนมากเลยอ่ะ”เสียงหวานบ่นกระปอดกระแปด พร้อมทั้งเช็ดเหงื่อใสที่ไหลไปตามใบหน้าเรียว

    “ทนอีกนิดน่า เดี้ยวก็ถึงแล้ว”ได้แต่ให้กำลังตัวเล็กที่ใส่เสื้อสองชั้น ข้างในเสื้อยืดสีขาว ด้านนอกก็เสื้อกันหนาวสีดำที่ทั้งแขนเสื้อและชายเสื้อยาวจนปิดผิวซีดไปจนมิด กางเกงขาสั้นที่ออกจะยาวครึ่งเข่า ถุงเท้าสลับสีขาวดำและรองเท้าบู้ทเดิมที่ซินมีติดตัวมา บนหัวกลมก็มีหมวกแก๊บสีขาวซึ่งมีลายแมวสีดำและหัวใจสีแดงประดับอยู่ แว่นกันแดดสีดำอันใหญ่เองก็ด้วยที่จะต้องใส่ลงไป แทบทั้งหมดล้วนเป็นของนัททั้งสิ้น

    ..นี่ถ้าไปประกวดกุลสตรี คงได้อันดับหนึ่งอ่ะ..

    “แต่ซินร้อนจะตายแล้ว เดินก็เหนื้อยเหนื่อย”ทำเสียงสูงเหมือนจะล้อเลียน แต่ร่างเล็กนี้ก็ดูจะล้าแล้วจริงๆ เพราะเริ่มจะหอบหายใจน้อยๆ

    “ถึงแล้วๆ มานี่มา”หลังจากพ้นประตูกระจกใสบานใหญ่เข้ามาในตัวห้างแล้ว มือหนาก็คว้าข้อมือบางตรงไปยังห้องน้ำ

    “เข้าไปถอดหมวก กับเสิ้อนอกออกไป เดี้ยวพี่รอตรงนั้น”สั่งและชี้จดนัดพบเสร็จก็เดินห่างออมายืนรอเงียบๆ

    ..ดีนะช่วงนี้มีเงินเก็บโคตรเยอะ ใช้ๆไปบ้างก็ดี..

     

    “พี่นัท ทำมันเย้นเย็นจังเลย”ผ่านไปได้ไม่นานร่างบางๆกเดินมายืนขนาบข้างร่างสูงแล้ว

    “อ่าวแล้วทำไมไม่ถอดแว่น”ถามไปก็ต้องขำไม่เมื่อพบว่าตอนนี้ซินถอดเสื้อหนาวและหมวกตามที่เขาสั่ง แถมถอดถุงเท้าออกอีกด้วย แต่กลับไม่ถอดแว่นซะงั้น

    “แต่ซินใส่แล้วรู้สึกแปลกๆดีอ่ะ”เสียงหวานเอ่ยพลางยิ้มร่าเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่ แต่ก็แทบจะหุบยิ้มไม่ทันเมื่อจู่ๆนัทก็เอื้อมมือมาดึงแว่นดำออกไปพับสอดไว้ที่คอเสื้อ

    “คนอื่นเขามองกันหมด ไปได้แล้ว”พูดจบก็เดินนำไป ซึ่งตัวเล็กก็ยอมเดินตาม แต่กว่าจะก้าวได้แต่ละก้าวช่างดูอืดอาดราวกับจะประชดประชันซะอย่างนั้น

    “เดินเร็วๆสิซิน”เริ่มเอ่ยเสียงเข้มเมื่อเห็นว่าสงครามนี้จะไม่จบง่ายๆ

    “...”ไม่มีคำเถียงกลับ แต่ขาเรียวกลับหยุดอยู่กับที่แทน ท่าทางนั้นทำเอานัทต้องพรู่ลมหายใจออกมายาวๆ

    “ถ้าตัวเล็กยังดื้ออีกพี่จะทิ้งไว้ตรงนี้แล้วนะ”เอ่ยเสียงเรียบก่อนจะเดินหนีคนที่เอาแต่ก้มหน้าไปจริงๆ มันอดไม่ได้ที่จะให้ซินเอาแต่ใจตัวเองบ่อยๆ เพราะเดี้ยวมันจะติดเป็นนิสัย ถ้าไม่แก้ไปตั้งแต่ตอนนี้จะแย่เอา

    “ฮึก ฮือออ”เสียงโฮดังขึ้นมาจากด้านหลังพร้อมทั้งแรงดึงที่ชายเสื้อ ร่างสูงหันกลับไปก้มมองเจ้าของผมยาวลอนที่ยังคงก้มหน้าร้องไห้อยู่อย่างนั้น นัทค่อยๆย่อตัวลงพร้อมทั้งเกลี่ยน้ำใสออกจากหน้าสวย

    “ฮึก อย่า อึก อย่าทิ้ง ฮึก ซิน ฮือออ”เอ่ยออกมาอย่างลำบาก ไหล่บางไหวไปตามแรงสะอื้นที่จะมากขึ้นเรื่อยๆ

    “งั้นก็อย่าดื้อสิครับ เวลาพี่พูดต้องทำตามด้วย ไม่งั้นพี่นัทจะโกรธนะ”กล่าวตักเตือนพร้อมทั้งลูบหัวกลมที่กำลังพยักหน้าอย่างเบามือ มือบางยกขึ้นมาเช็ดหน้าที่เปรอะไปด้วยน้ำตาเสร็จก็เงยขึ้นมองนัทที่ยืนเต็มวาสูงแล้ว

    “ไปกันได้ยัง”เอ่ยถามพร้อมทั้งมองใบหน้าสวยที่เริ่มจะแย้มยิ้มบางๆ

    “อื้อ”เสียงหวานเอ่ยรับคำก่อนจะจับมือหนาแล้วเดินขนาบข้างร่างสูงไป นัทแอบเหล่มองน้อยๆแต่ก็ระบายยิ้มออกมา ไม่รู้ทำไมทั้งๆที่มือของตัวเล็กออกจะเย็น แต่เขารู้สึกว่ามันอบอุ่นจริงๆ

     

    “ทำไมป่านนี้ถึงยังพาตัวกลับมาไม่ได้!!”เสียงตวาดก้องไปทั่วห้องทำงานขนาดใหญ่ ที่ภายในมีร่างของชายหนุ่มทั้งสองอยู่ ชายผู้ได้รับเลือกให้ไปตามหาน้องสุดท้อง

    “เมื่อค่ำที่ผ่านมาเรามีเวลาไม่มากพ่อนะครับ..”พยายามข่มเสียงไม่ให้สั่นด้วยความกลัวเกรง เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นท่านพ่อโมโหขนาดนี้

    “แล้วทำไมตอนนี้ถึงไม่ไปหา! หรือยากจะหายไปอีกสองคน!!!”อารมณ์โกรธที่ดูมีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ทำให้บรรยากาศในห้องนี้มันยิ่งกว่าอึดอัดเสียอีก ถ้อยคำที่แม้จะดูไม่หยาบคายแต่ทำให้คนฟังใจเสียไม่ใช่น้อย

    “ตอนนี้มันจะเช้าแล้วนะครับ พวกเราเองก็เริ่มจะหมดแรงกันแล้ว”คำตอบที่ได้รับทำให้คนฟังต้องระงับอารมณ์ไว้ให้ดีที่สุด มันก็จริง ตอนนี้มันกำลังจะเช้า พวกเราแวมไพร์ต้องพักผ่อนกันเวลานี้ และถ้าจะมัวแต่ใช้อารมณ์ก็คงจะไม่ช่วยอะไร

    “อืม งั้นกลับไปที่ห้องกันก่อนไป เสร็จแล้วก็อย่าลืมไปหาน้องละ”เอ่ยเสียงเรียบพร้อมทั้งเดินกลับไปนั่งบนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ มือขาวซีดเท้ากับแขนเก้าอี้แล้วกุมขมับไว้

    เหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่ข้ามคืนแล้ว หากวันพระจันทร์สีเลือดมาถึงก่อนที่จะเจอตัวซินเซียร์แผนการที่รอมาตลอดสิบปีต้องพังไม่เป็นท่าแน่ๆ

     

    “พี่นัทหนักมั้ย ซินช่วยถือก็ได้นะ”เสียงหวานเอ่ยขึ้นระหว่างที่ทั้งสองกำลังเดินอยู่ในแผนกเสื้อผ้าสตรี จากที่ตอนแรกเดินจับมือควงแขนกันไปมาก็เริ่มจะมีถุงห่อข้าวของเสื้อผ้ามามายที่นัทตัดสินใจเป็นคนถือเองจะดีกว่า แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเยอะขนาดนี้นี่นะ

    “อืม เอาถุงเสื้อผ้าไปถือแล้วกัน ไหวมั้ย?”ถามไปพร้อมทั้งลองส่งถุงเสื้อให้มือขาวๆนั้นลองถือดู

    “ไหวสิ! ซินออกจะแข็งแรงนะ”เอ่ยเสียงใสพร้อมทำหน้ามั่นใจเต็มที่ แล้วส่งมือของตัวเองไปรับถุงมากมายมา

    ..จ๊ะ แข็งแรงมากก บอบบางซะขนาดนี้..

    “ซื้อครบแล้วไปหาไรกินกันก่อนมั้ย?”ถึงจะถามไปแบบนั้นแต่ก็เดินนำลิ่วไปยังร้านอาหารประจำแล้ว

    “ซินอยากกินสปาเก็ตตี้~~”ใบหน้าสวยทำหน้าระรื่นพร้อมเดินตามร่างสูงไปอย่างรวดเร็ว

     

    ภายในร้านมีบรรยากาศที่ดูสบายๆ ไม่ถึงกับหวือหวา แต่ก็ไม่โทรมอะไรเลย และดูเหมือนว่าคนก็ไม่ได้มากมายซะจนหนาแน่น ทั้งสองจึงได้ที่นั่งไปก่อน  เมื่อนั่งลงซักพักก็มีร่างของหญิงสาววัยกลางคนเดินมารับออเดอร์

    “อ่าวน้องนัทมากับแฟนหรอจ๊ะ”ทักทายอย่างเป็นกันเอง เมื่อเห็นว่าวันนี้ชายหนุ่มไม่ได้มาคนเดียว แถมมากับสาวน้อยน่ารักอีกต่างหาก มันก็อดไม่ได้คันปากอยากจะแซวไปซักที

    “เฮ้ย! ไม่ใช่แล้วพี่ แฟนเฟินอะไรไม่มี๊”ปฏิเสธเสียงสูง ในใจลึกๆก็อยากจะให้เป็นแฟนกันอยู่หรอก

    “จ๊ะๆ ไม่ต้องเขินหรอก มาเที่ยวกับแฟนมั่งก็ดี จะได้ไม่ต้องมานั่งเหงาคนเดียว”ยังคงแหย่ไม่เลิก ทำเอาใบหน้าหล่อที่ทำเป็นมองเมนูแดงเถือกไปถึงหู ร่างเล็กตรงข้ามเองก็ได้แต่มองตามโดยไม่ค่อยจะเข้าใจคำว่าแฟน

    “พี่นัท แฟนแปลว่าอะไรหรอ?”เสียงหวานเอ่ยถามพร้อมทำหน้าตาใสซื่อแบบฉบับซินเซียร์ที่ใครเห็นก็อดจะเอนดูไม่ได้ และไม่ต้องรอให้ปากหยักได้เอื้อนเอ่ยคำออกมา เสียงของหญิงกลางคนก็แทรกขึ้น

    “ก็เป็นสรรพนามที่เอาไว้เรียกคนรักกันไงจ้ะ แบบคนสองคนที่มีความรู้สึกดีๆให้กันทั้งสองฝ่ายแล้วตกลงปลงใจคบกันไง”อธิบายเองก็แอบเขินเอง คนตัวเล็กพอได้ฟังก็ทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้นัทต้องสำลัก

    “งั้นซินก็เรียกนัทว่าแฟนได้สิ เพราะซินรักนัท”เอ่ยลอยๆแล้วยิ้มหวานหยาดเยิ้มจนชายโต๊ะข้างๆแทบจะลอยได้ นัทที่กำลังสำลักก็กระแอ่มไอก่อนจะหันไปมองใบหน้าสวยนั้นชัดๆ

    “รักของซิน กับ.. เอ่อ ไอรักที่ป้าเขาว่ามามันคนละความหมายกันนะครับ มันใช้ร่วมกันไม่ได้ๆ”เสียงทุ้มพูดอย่างใจเย็น ก่อนจะค่อยๆสงบสติไม่ให้หัวใจทำงานหนักไปมากกว่านี้

    “ทำไมล่ะ? หรือพี่นัทไม่รักเซียร์?”เริ่มจะเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเองใหม่ พร้อมทั้งปากบางที่เบะออกน้อยๆเตรียมจะร้องไห้

    “ไม่ใช่! รักสิ แต่ เอ่อ.. ไม่ได้รักแบบที่จะใช้คำว่าแฟนได้”พูดปลอบไปก็โกหกตัวเองไป ที่ไหนได้ความจริงรักไอตัวเล็กนี้มากเลยต่าง รักจนถึงขนาดให้จับกดก็ยอม(?) แต่เดี้ยวจะโดนข้อหาพรากผู้เยาว์เอาจะแย่

    “งั้นต้องใช้คำว่าอะไรละ?”ใบหน้าหวานเอียงคอถามอย่างสงสัย สมองพยายามประมวลผลในสิ่งที่นัทพูดออกมา

    “ก็เหมือนกับพี่น้องอะไรแบบนี้ไง”พยายามอธิบายสั้นๆให้เข้าใจง่ายๆ เพราะเดี้ยวถ้าตอบไม่ดีซินจะงอแงเอา

    “แต่ซินไม่ได้รักพี่นัทแบบพี่น้องนี่”เอ่ยพร้อมขมวดคิ้วเข้มน้อยๆ  ตากลมมองไปยังใบหน้าหล่อี่กำลังเห่อแดงด้วยความขวยเขิน(?)

    “หวานกันพอรึยังจ๊ะ เดี้ยววันนี้ก็ไม่ได้กินอะไรกันพอดี”เสียงของหญิงสาวตัดบท ทั้งคู่จึงสั่งอาหารที่ตนเองต้องการไป ขณะนั่งรอก็ไม่พูดอะไร จนกระทั่งอาหารมาถึง ซึ่งก็ดูเหมือนตัวเล็กจะพึงพอใจกับสปาเก็ตตี้ของตัวเอง ส่วนนัทเองก็จัดการข้าวกระเพราะไข่ดาวของตัวเองไป

    ..ทำไมรู้สึกว่าแค่อาหารก็ต่างชั้นกันขนาดนี้ว่ะ..

     

    “พี่นัท ซินง่วงจัง...”หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ นัทก็ตัดสินใจจะนั่งแท็กซี่กลับ แต่ขณะที่กำลังจะไปเรียกรถ เสียงงัวเงียก็ดังขัดขึ้นมาพร้อมใบหน้าสวยที่ดูตาปรือซะเต็มที่

    “เพิ่งสิบเอ็ดโมงเองนะ เดี้ยวเรียกรถแปป รอในร่มนี่ล่ะ”เอ่ยสั่งไป ซึ่งหัวกลมก็พยักหน้าตอบไปน้อยๆ นัทเองก็ไปเรียกรถแท็กซี่สีเหลืองมาเสร็จก็จัดการหิ้วถุงพะรุงพะรังขึ้นรถไป ซินก็ค่อยเดินเตาะแตะตามหลังกว้างขึ้นรถไปด้วยท่าทางโงนเงนจนนัทอดห่วงไม่ได้

    “เดี้ยวก็ถึงบ้านแล้ว งีบไปก่อนก็ได้”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเบาๆเพราะดูเหมือนซินจะไม่ไหวจริงๆ ซึ่งตัวเล็กก็หันไปมองหน้านัทที

    “กลับบ้านของเราน่ะหรอ..”กลีบปากบางยิ้มให้หน้าหล่อไปทีก่อนจะซบหัวเข้ากับไหล่หนาไป ไม่ได้คิดอะไรอีก ต่างกับนัทั้เอาแต่นึกถึงคำว่า บ้านของเราจนหัวใจทำงานผิดจังหวะเข้าอีกรอบ จมูกโด่งฝังลงบนกลุ่มผมนุ่มนั้นไป กลิ่มหอมอ่อนของแชมพูลอยเข้าไปให้นัทสูดดมเล่น

    ..เหมือนกำลังฉวยโอกาสเลยว่ะ แต่แม่มโคตรคุ้มค่า..

     

    หลังจากที่มาถึงหน้าคอนโดนัทก็จ่ายเงินให้แท็กซี่ไป แล้วสะกิดไหล่บางให้ตื่นซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ยอมลืมตาขึ้นสักที รปภ.ประจำเมื่อได้เห็นสายตาขอความช่วยเหลือจากนัทก็รีบลุกขึ้นเดินตรงมาทางรถ

    “เดี้ยวพี่เอกช่วยขนถุงไปที่ห้องผมให้ที่สิ”เอ่ยขอร้องไป ซึ่งพี่แกก็พยักหน้าแล้วรีบเดินอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อจะหิ้วถุงลงมาขึ้นไปบนห้องก่อน

    ทางนัทเองก็จัดการเปิดประตูรถลงมาแล้วโอบตัวบางๆมาไว้ในอ้อมแขน หรือจะว่าง่ายๆก็คือตอนนี้ซินเซียร์กำลังโดนอุ้มด้วยท่าเจ้าหญิงโดยชายโชที่กำลังหน้าแดงเป็นรอบที่สิบของวันแล้วมั้ง แต่ทั้งหมดมันก็เป็นเพราะคนในอ้อมกอดนั่นแหละ ที่เอาแต่ทำตัวน่ารักไปวันๆ

    คิดไปก็พาร่างของตัวเองที่กำลังอุ้มเจ้าตัวเล็ก ซึ่งก็ดูเล็กจริงๆ เพราะรู้สึกว่าขนาดอุ้มทั้งตัวแบบนี้ยังเบาเลย อยากรู้จริงๆว่าวันๆกินอะไรลงไปบ้างตอนที่อยู่กับครอบครัว สักพักนัทก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องตัวเองที่มีถุงข้าวของวางอยู่มากมาย

    ..นี่ไม่คิดจะตื่นขึ้นมาเลยงั้นสิ ลำบากพระเอกอีกแล้วสิว้าาา..

    ได้แต่โวยวายในใจเงียบๆ ก่อนจะค่อยๆปล่อยให้เท้าเล็กได้แตะพื้นไป แล้วจัดการล้วงมือลงกระเป๋ากางเกงหยิบกุญแจห้องขึ้นมาไขเปิดประตูห้องออก จากนั้นก็ต้องช้อนขาเรียวขึ้นมาอุ้มอีกครั้งแล้วพาเข้าห้องไปก่อนจะจัดแจงวางร่างบางๆไว้บนโซฟาตัวยาวเบาๆด้วยเกรงว่าจะทำให้ตื่น

    “ทำไมมันเหนื่อยขนาดนี้ว่ะเนี่ย..”ได้แต่บ่นพึมพำก่อนจะเดินออกไปหยิบถุงทั้งหลายเข้ามาในห้องแล้วแยกเสื้อผ้าออกมาจัดเก็บใส่ตู้

    ..เสื้อผ้าที่ซื้อมาส่วนมากก็จะเป็ชุดกระโปรง เพราะเห็นว่าตัวเล็กๆนั้นดูใส่แล้วเหมาะดี จะมีกางเกงก็แค่สองสามตัว แล้วก็เสื้ออีกประมาณห้า แล้วก็กระโปรงอีกสี่ งบคุณนัทหมดแล้วครับ ไม่เหลือสักแดง เดี้ยวคงต้องไปขอให้แม่โอนมาใหม่อีกแล้วละสิ

    ความจริงที่บ้านผมก็ไม่ได้จนเลยนะ แต่ว่าอยากจะลองออกมาทำงานเองดู นี่ก็เพิ่งออกมาได้สามอาทิตย์เอง เรื่องเงินเลยยังไม่ค่อยทรงตัวซักเท่าไหร่..

    พอจัดของอะไรเสร็จก็เดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำไป วันนี้ทั้งวันต้องมาดูแลตัวเล็กจนแทบจะไม่มีเวลาส่วนตัวเลย พอมาคิดอีกทีความจริงไม่ต้องมานั่งลำบากแบบนี้ก็ได้ แต่ไม่รู้ทำไมเขาก็ยังคงจะฝืนตัวมาทำอีก

     

    ออกมาจากห้องน้ำก็เดินไปทางโซฟาเพื่อที่จะดูว่าตัวเล็กตื่นรึยัง แต่ก็ไม่เจอ ขายาวรีบก้าวไปทั่วห้อง ค้นตรงนู้นที ตรงนี้ที ไม่เว้นแม่แต่ตู้เก็บของแต่ก็ไม่พบ เมื่อคิดได้ว่าซินบ่นว่าง่วง อาจจะเข้าห้องนอนไปก็ได้ แต่พอถึงหน้าห้องนอนปุ๊บก็ต้องหยุดลง

    ..ทำไมต้องมากระวนกระวายขนาดนี้ด้วยว่ะ?..

    ถอนหายใจกับตัวหนักๆไปทีก่อนจะเปิดประตูห้องนนเข้าไปก็พบกับร่างบางๆที่กำลังนอนคุดขู้อยู่ในผ้าห่มอย่างสบายใจเฉิบ จะรับรู้มั้ยเนี่ย ว่ามีบางคนเขากำลังเป็นห่วงอยู่ ตาคมได้แต่มองใบหน้าสวยที่กำลังหลับพริ้มจนต้องเผลอหลับตาม

     

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก...

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาเป็นจังหวะ ทำให้นัทต้องสะดุ้งตัวตื่นขึ้น ต่างกับตัวเล็กที่ยังคงนอนเอกเขนกอยู่อย่างนั้น ตาคมเหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาว่าตอนนี้ห้าโมงแล้ว เดี้ยวต้องไปทำงานตอนหกโมงอีก

    ก๊อกๆๆๆๆ

    ลืมไปว่ามีคนมาเยือนจึงรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดจนมิดคอระหงที่ขยันนอนดิ้นเสียเหลือเกิน หลังจากนั้นก็เดินออกมาเปิดประตูมองคนแปลกหน้าทั้งสอง

    “น้องเราอยู่ไหน!!



     

    ฮา~ ส่วนตัวรู้สึกตอนนี้ยาว // หอบ
    วันนี้มีงานนน แต่ไรต์ไม่ได้ไป T^T~
    ได้แต่นั่งรอฟินนนน พรุ่งนี้และมะรืน'อาจ'นะคะอาจ อาจไม่ได้มาอัพ
    แต่ถ้าเกิดอารมณ์(?)อยากลงอาจจะมาแบบกะปิดกะปอย (แล้วจะมาเพื่อ..)
    55 ก็นะไรต์เป็นพวกชอบพอกงานไว้ทำวันสุดท้าย ก็นั่นแหละค่ะ เลยต้องรีบไปปั่นการบ้าน YY

    เอาเป็นว่ายังไงก็ฝากเม้นต์ ฝากติดตามแล้วกันเนอะ~ >3<
    เจอกันเมื่อชาติต้องการค้าาาา




    ปล. มีความรู้สึกเหมือน จ่าพนม 'ช้างตรูอยู่ไหน!!!'
    เราไม่ได้จะเปรียบพี่ซินกับช่างเลยนะไม่คิ้ดดดเล้ยยย5555 // ไมค์ลอยมา

    ปล. ไปเจอเม้นต์ของตอนแรกแรกว่า 'ไรท์เตอร์เกิดทันดูหรือติดตามจาก youtube คะเนี่ย'
    ดูจากหน้าอาจเหมือนเกิดทัน แต่จริงๆแล้วไม่ทันหรอกค่ะ555 ไปเสพยูทูบเอา =.,=


     


    Supercell
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×