ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The One That I Adored

    ลำดับตอนที่ #1 : Wrecking Ball

    • อัปเดตล่าสุด 29 มี.ค. 57


    ‘ Wrecking Ball’

        ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ  ตกแต่งด้วยภาพสุนัขพันธุ์ต่างๆ  ไฟสีส้มริบหรี่ และการตกแต่งอย่างไม่เป็นระเบียบนักแต่ก็ดูน่ามอง บ่งบอกให้รู้ว่า เจ้าของห้องนั้น เป็นคนที่ค่อนข้างจะมีศิลปะในหัวใจ แม้จะไม่เป็นระเบียบมากนักแต่ห้องนี้ก็น่าอยู่ และดูอบอุ่น  หญิงสาวผมซอยสั้นสีทอง นัยต์ตาสีฟ้าที่ดูขี้เล่น บัดนี้ได้แต่จ้องเขม็งไม่แม้แต่จะกระพริบตาไปที่หน้าจอโน๊ตบุ๊คที่ส่องสว่างโล่อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง  นัยต์ตานั้นนิ่งไม่กระพริบ เดาความรู้สึกทางแววตาไม่ได้ ทั้ง ตกใจ เสียใจ ไม่เข้าใจ รับไม่ได้ ... มันประดังประเดเข้ามาหมด เหมือนถูกใคร เอาเหล็กแหลมทิ่มแทงเข้าไปลึกๆ ตรงกลางใจ ดวงน้อยของหญิงสาว ..

    แทงเข้าไปแล้วดันจนสุด ..... จนรู้สึกอยากจะลงไปทุรนทุรายกรีดร้องให้มันสุดเสียง...กับภาพตรงหน้า

    ภาพคนรักของตัวเองจูบกับผู้หญิงอีกคนที่เธอไม่คุ้นหน้า บนรถ BMW สีดำ ที่เธอคุ้นเคยดี  ที่เธอเคยนั่งประจำ

    ที่เธอเคยจับมือ ... และจุมพิตกับผู้ชายในรูปและคิดว่าจะไม่มีวันที่จะมีใครมาแทนที่ข้างกายชายคนนั้นได้

    “ เลียม เฮ็มเวิร์ธ”  

    ชายหนุ่มรูปหล่อที่เธอรักสุดหัวใจ มาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา  ทุกอย่างมันจบ!! มันพังพินาศไปหมด

    เราเลิกกันหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา เพียงหนึ่งอาทิตย์ ......

        หญิงสาวผมทองลุกออกจากโต๊ะทำงาน ไปนอนทิ้งตัวลงบนเตียงสีน้ำตาลอ่อนของเธอ  เบิกตากว้างมองเพดานเหม่อลอย สมองโล่งว่างเปล่า ได้แต่ครุ่นคริดสงสัยว่า การเป็นตัวเองมันผิดมากร้ายแรงเพียงใด สำหรับคนๆนึงบอกว่ารักกัน มันจะรับไม่ได้เลยหรือไร? หญิงสาวคิดย้อนไปถึงภาพเมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อน เหตุการณ์วันที่ชายหนุ่มผู้เป็นดวงใจดวงเดียวของเธอ บอกเลิกเธอ..

        วันนั้น ณ ริมแม่น้ำ

    สถานที่เดิมๆ ที่ พวกเขามักจะไปนั่งคุย นั่งทานอาหารด้วยกันบ่อยๆ ร่วมแชร์ทุกข์แชร์สุขด้วย

    วันนี้ “ไมลีย์ ไซรัส” กับ เลียม เฮ็มเวิร์ธ ก็มาพูดคุยกัน ณ ริมแม่น้ำนี้เหมือนเช่นทุกครั้งแต่ที่เปลี่ยนไปนั้นคงจะเป็น

    บทสนทนาที่สร้างความเจ็บปวด และอาจพรากความสุขจากไมลีย์ไปตลอดกาล...

     

    “ ฉันว่าฉันไม่โอเคกับตัวตนใหม่ของเธอวะไมลีย์ ...”  

     

           ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน นัยต์ตาเล็กๆสีฟ้าอ่อนที่ดูสวยงาม ยากนักที่จะเจอผู้ชายคนใดมีนัยต์ตาเล็กแต่มีเสน่ห์ได้ขนาดนี้   กำลังพร่ำบอกสิบคำทำร้ายจิตใจเกินกว่าผู้หญิงคนนึงที่รักกันมานานกว่า 4 ปีจะรับได้ ....

        “ ทำไมอะเลียม... ฉันไม่ได้เป็นคนอื่น!! ฉันเป็นฉัน!!  มันก็แค่ที่ผ่านมาฉันยังไม่รู้ว่าการทำตัววางตัวยังไง มันถึงจะเป็นตัวฉันที่สุด สุขได้ที่สุด ไม่ฝืนที่สุด และวันนี้ฉันก็ได้รู้!! ถึงฉันจะเปลี่ยนเป็นแบบนี้แต่ใจฉันคือเธอคนเดียวนะเลียม”

          ... ร่างเล็กกว่านัยต์ตาสีฟ้าเจิ่งนองไปด้วยน้ำตา  จมูกแดงเพราะผ่านการร้องไห้อย่างหนัก และแม้จะคุมสติให้พูดเสียงไม่สะอึกสะอื้นได้  แต่น้ำตาก็ไหลไม่ขาดสายอยู่ดี   สองมือเล็กๆกำเสื้อเชิ๊ตสีขาวบริเวณแผ่นหลังสูงใหญ่ของชายคนรักไว้แน่น ซึ่งเขาไม่แม้แต่จะหันมามอง

        “ ที่บ้านฉันรับเธอในตอนนี้ไม่ได้  และฉันเองก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ ฉันก็ไม่คิดจะเปลี่ยนเธอไง .แต่ตัวฉันเองแล่ะที่มันเปลี่ยนไป เราต่างคนก็ต่างต้องเป็นในแบบที่ตัวเองเป็น แค่เราคงเป็นคนรักกันต่อไปไม่ได้แล้วมันก็แค่นั้น ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงราบเรียบ นัยต์ตาที่มองทอดสายตาออกไปว่างเปล่า ......

         “  ไม่มีทางเลือกอะไรให้ฉันเลยหรอ ...”   น้ำเสียงแหบห้าวของหญิงสาวสั่นเครือ  มือยังกำข้างหลังเสื้อชายคนรักไว้แน่น จนเสื้อเชิ้ตสีขาวนั้นยับไปหมด เพราะแรงบีบของมือที่มากขึ้น

     

    “ เธอทำไม่ได้หรอก ถ้าฉันจะบอกให้เธอกลับไปเป็นแบบเดิม แบบที่เราเจอกันวันแรก  พอเถอะนะไมลีย์”  

     

         เลียมสะบัดตัวเองออกจากมือน้อยคู่นั้นที่ดึงเสื้อตัวเองอยู่ หันมาสบตากับนัยต์ตาสีฟ้าอ่อนที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำตาช้าๆ อย่างไม่แยแสใดๆ และหันกลับไปอย่างไม่ใยดีก่อนที่จะก้าวเท้าเดินออกไป

              หญิงสาวทรุดตัวลงกับพื้น ร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือน เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่เสียใจเพราะกำลังจะโดนพรากจากตุ๊กตาตัวโปรด ตุ๊กตาอาจถูกใครต่อใครพรากด้วยการนำไปใส่กล่อง และส่งมันต่อไปที่ไหนต่อไหนให้ใครก็ใครและเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึงจะไม่ได้พบกันมันอีก ....

       

           ตุ๊กตาที่นอนกอดทุกคืน   ตุ๊กตาที่เวลาเด็กสาวอยากจะพูดจะบ่นจะระบายอะไรตุ๊กตาก็มักจะรับฟัง  ตุ๊กตาที่แสนหวงแหนและผูกพันธ์   แต่นี่ไม่ใช่ นี่คือผู้ชายคนนึงที่มีค่ามากกว่าตุ๊กตาตัวใดในโลกเสียอีก ผู้ชายอบอุ่นที่คอยกอดปลอบประโลมเวลาหญิงสาวไม่สบายใจ  ผู้ชายคนนั้นที่คอยปกป้องดูแลพาไปส่งที่บ้านที่หอพักทุกเช้าเย็นคนนั้นหายไปไหน  ผู้ชายคนนั้นที่มีแววตาอ่อนโยน ยิ้มน่ารักๆ ที่มักจะยิ้มให้หญิงสาวทุกครั้งเวลาที่เขาบอกรักนั้น ...

     

              มันกำลังจากไมลีย์ไปพร้อมๆกับ ทุกๆ ย่างก้าวที่เลียมกำลังเดินออกไป ในตอนนี้..... 

     

          เมื่อแผ่นหลังของเลียมลับหายไป  ไมลีย์ก็ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นก้าวขาไม่ออก ร้องไห้ตัวสั่นเทาอยู่ที่เดิม โดยไม่รู้เลยว่ากี่โมงแล้วเวลาล่วงเลยไปเพียงใด ไมลีย์ยังไม่มีแรงลุกเดินไปไหน  แม้ฟ้าจะเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีมืดรัตติกาล   จำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ ว่าลุกเดินกลับมาที่ห้องตัวเองเมื่อไหร่ .........

     

          หญิงสาวค่อยๆดึงตัวเองกลับมาจากภาพความทรงจำเจ็บปวดเหล่านั้น   กลับมาโฟกัสภาพห้องนอนตัวเอง มองทอดสายตาล่องลอยไปยังเพดานสีขาวข้างบนที่แปะรูปคุณพ่อกับคุณแม่ตนเอาไว้ เหตุผลเพราะเวลานอนยังอยากจะเห็นท่านส่งยิ้มมาให้กำลังใจเสมอยามที่เธอเหนื่อยล้า

     

      “ คุณพ่อ คุณแม่ ลูกอ่อนแอเหลือเกินตอนนี้” .... ไมลีย์ได้แต่คิดในใจ  ....

     

     

           เพียงแค่ไมลีย์เปลี่ยนแปลงตัวเองในแบบที่ตนเองชอบ รู้สึกว่าค้นหาเส้นทางของตัวเองเจอ  เธอจึงตัดผมเป็นทรงซอยสั้นสุดเปรี้ยวและกัดสีผมสีทอง เริ่มแต่งตัวเปรี้ยวๆ ห้าวๆ   สลัดคราบหญิงสาว ตัวอวบ ผมยาวน้ำตาลลอน ที่แต่งตัวกะโปโล คนเดิมออกไปก็เท่านั้น

         หญิงสาวผมยาวน้ำตาลลอนคนเดิมมันก็น่ารักอยู่หรอกนะ แต่ทำไมละ..?. มันน่าเบื่อจืดชืดออกจะตายไป ....

        เลียมชอบหรอแบบนั้น? คนจืดชืดแบบนั้น? ตั้งแต่ ไมลีย์เปลี่ยนมาลุคนี้ก็มีแต่เพื่อนๆมากมาย ฮือฮา และชื่นชม.  ทำให้กลายเป็นจุดเด่นของเพื่อนๆ จากที่เคยเป็นคนธรรมดาที่เพื่อนๆมองข้าม เริ่มมีคนมาสนใจ ดูภาพเธอในเฟสบุ๊คมากขึ้น บางคนถึงขั้นว่าเอาเธอเป็นไอดอล เธอรู้สึกมั่นใจมากขึ้นที่จะออกไปไหนต่อไหนหรือออกงานอะไร ...

     

         แต่คนที่เธอคิดว่า รักเธอมากที่สุด เข้าใจเธอมากที่สุด. ที่ตอนแรกก็ดูไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร สัญญาลมปากบอกว่าจะเปลี่ยนอย่างไรก็จะรักและดูแลเสมอ ....ดันกลับคำพูดตัวเอง  เริ่มเย็นชา ตีตัวออกห่าง  ถึงขั้นที่ว่าเริ่มจะสงสายตารังเกียจ ....

     

     

         เพราะอะไรวะ!!!  ไมลีย์ไม่เข้าใจเหตุการณ์บ้าๆนี้ แม้แต่น้อยนิด

         แถมอาทิตย์เดียวที่เลิกกัน   เลียม ทำได้ยังไง   เอาผู้หญิงคนอื่นมาจูบบนรถที่เธอเคยนั่งแล้วถ่ายรูปลงเฟสบุ๊ค ทั้งที่ก่อนเลิกก็คุยกันแล้วว่าไมลีย์จะยังไม่ลบเฟสบุ๊คเลียม เพียงเพราะยังทำใจลบไม่ได้ เลียมก็บอกว่า ตามใจ  แต่ไม่ได้เข้าใจเลยว่าหญิงสาวหมายอะไร  การที่ไม่ลบคือยังอยากจะคิดว่า ยังรักกัน  ยังทำเหมือนเดิม  ยังไม่จากไป  แค่ขอเวลาทำใจ

         แต่เลียมกลับไม่ให้อะไรเลยแม้แต่ความสงสาร  

          ได้แต่ สาดเทความเจ็บปวดใส่ไมลีย์ .... ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหมือนไมลีย์ร้องอ้อนวอนแล้ว ว่าอย่าสาดน้ำกรดมาทางเธออีก ในเมื่อเลียมสาดเข้ามาแล้วโครมใหญ่ปวดแสบปวดร้อนเผาไหม้ไปแล้วครั้งนึง อย่าให้มันโดนตัวเธออีกครั้งเลย  แต่ชายหนุ่มไม่แม้แต่ฟังเสียง  ได้แต่สาดน้ำกรดแสบร้อน ใส่หญิงสาวซ้ำๆ   จนแม้ที่หญิงสาวจะสิ้นใจทุรนทุราย  มันก็ยังไม่สาแก่ใจของชายหนุ่มคนรักเก่าของตน

     

        ในขณะที่สมองเหม่อลอยออกไปไกลน้ำตาก็ยังไหลไม่หยุด    ก็มีสิ่งหนึ่งเบนความสนใจเธอ เสียงขลุกขลักๆที่น่าประตูห้องเธอ เสียงใครบางคนสะเดาะกลอนประตู  ไมลีย์ตกใจมากรีลหันไปดู ใครกันที่กล้ามางัดห้องเธอ!! นอกจากเลียมแล้ว.ไม่มีใครมีกุญแจห้องนี้... หรือ..หรือ ... หรือจะเป็น เลียม ... ใจเต้นระส่ำระสายแต่เมื่อห็นร่างหนาสูงใหญ่ที่เดินเข้ามาแล้ว ความหวังก็พังทลายลง ...

     

         คริส เฮ็มเวิร์ธ พี่ชายของเลียมนั้นเอง ไมลีย์สนิทกับพี่คริสมาตลอด คริสรักเธอเหมือนน้องสาวแท้ๆ ทั้งคู่จึงสนิทสนมกันมาก  คริสหอบเป้ไปใหญ่มาและวางมันลงข้างตู้เสื้อผ้าก่อนไมลีย์ ก่อนที่ไมลีย์จะได้พูดอะไรคริสก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า 

         “ ไมล์ นี่ของเธอนะ ที่อยู่ที่บ้านพี่ทั้งหมด พี่เก็บมาให้หมดแล้ว  ไมล์เป็นอย่างไรบ้าง?”

     

         เสียงอบอุ่นนั้นถามอย่างอ่อนโยน คริสค่อยๆเข้ามานั่ง ข้างๆไมลีย์ที่นอนคุดคู้อยู่บนเตียง  ลูบผมทองเบาๆด้วยความเอ็นดูน้องสาวคนนี้

        “ พี่คริส... ทำไมมันเป็นแบบนี้ ในเฟสบุ๊คของเลียม??”

       

          ไมลีย์เงยหน้ามองหน้าหล่อเหลาที่อีกนิดเดียวก็จะนึกว่าเป็นเลียมแล้ว นัยต์ตาสีเดียวกับเลียมมองลงมาอย่างเวทนา หนวดเคราหนาแต่ใบหน้าของคริสออกแนวจะดูดิบและเข้มกว่าเลียมสักหน่อย แต่กลับกันนิสัยของพี่คริสกลับอ่อนโยนกว่าเลียมมากหลายขุม

     

        “ พี่ถามมันแล้วเมื่อเช้าว่าทำไมทำงั้น ไมล์รับไม่ได้หรอกแกจะฆ่าไมล์หรอ มันบอกว่า ก็เลิกกันแล้ว ก็เลิกกันแล้ว ตอบพี่อยู่แค่นี้ พี่โคตรรำคาญ พี่โคตรโกรธ ถ้าไม่ติดเป็นน้องพี่คงต่อยหน้าแหก พี่ไม่เข้าใจความระเริงของมันตอนนี้ ตั้งแต่ไปคบกับอีพวกเด็กเสเพลนั่นก็กลายเป็นคนอย่างนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ คงจะมองว่าผู้หญิงยิ่งเข้ามาเยอะ ยิ่งดูเท่ห์ละมั้ง... นี่ยังไม่รวมที่พี่สงสัยว่ามันจะติดยานะ ... ไมล์ก็คิดดูละกัน ถ้ามันทำตัวสำมะเลเทเมาแบบนี้ มันควรค่าให้แกร้องไห้ให้มั้ย? พี่เป็นพี่ชายมัน พี่ก็รักมัน รักมาก แต่พี่ไม่ขอเข้าข้าง   พี่อยากให้ไมล์เริ่มใหม่ เป็นตัวของไมล์เองอย่างนี้ และทำในสิ่งที่ผ่านมาไมล์ไม่เคยจะได้ทำ ใช้ชีวิตให้สุดๆ มันมีสิ่งเดียวที่เปลี่ยนไป คือไมล์ไม่มีเลียมอีกแล้ว แต่ไมล์จำคำพี่ไว้นะเลียมคนที่ไมล์รักอะ มันตายไปแล้ว มันตายไปตั้งแต่วันที่มันไปคบกะอีพวกเด็กเลวนั่น แต่ไมล์ยังเป็นคนดีของทุกคน เป็นแม่ที่น่ารักของฟลอยด์ไง   เออพี่เอา ฟลอยด์ ไปไว้ที่บ้านเธอแล้วนะ  โนอาห์กับพ่อเธอดีใจใหญ่เลย  ฟลอยด์น่ะติดเธอมากกว่าเลียมเยอะ พี่ว่าดีแล้วที่ยกให้ครอบครัวเธอไปดูแลเพราะพ่อเธอก็ชอบมันมาก”

     

          พี่คริสยิ้มให้เบาๆอย่างอ่อนโยน ไมลีย์คิดถึงตาสวยๆของหมาพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ ที่ไมลีย์สุดจะรัก ไมลีย์นำไปฝากบ้านเลียมเลี้ยงและเธอแวะเวียนเข้าไปดูแลบ่อยครั้ง หลายครั้งเธอก็ไปนอนที่บ้านเลียม แต่นอนคนละห้องกับเลีย เธอคิดว่ายังไม่แต่งงานกันนอนห้องเดียวกันค่อนข้างจะน่าเกลียด แปลกดีที่ผู้หญิงลุคแรงๆแบบเธอกลับหัวโบราณอย่างน่าประหลาด แต่พอคิดถึงเจ้าหมาตัวโตที่ได้ไปอยู่ในการดูแลของพ่อและน้องสาวเธอที่คงจะดูแลด้วยความรัก เธอก็ยิ้มออกมา เพราะนอกจากเลียมแล้ว ฟลอยด์ก็เป็นอีกหนึ่งดวงใจของไมลีย์ ที่ไม่มีวันทิ้งไป...  เหมือนที่เลียมทิ้งเธอแน่นอน

     

         “ขอบคุณนะพี่คริส ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ถึงหนูจะเลิกกับเลียมพี่ก็ยังเป็นพี่หนูเสมอนะ มีอะไรก็ยังให้หนูช่วยได้เสมอนะพี่”

          ไมลีย์ยันตัวมานั่งข้างๆคริสและกุมมือหนานั้นไว้  นี่ถ้าไมลีย์เป็นแฟนพี่คริสคงไม่ต้องมานั่งเสียใจแบบนี้ แต่พี่คริสน่ะ แกแต่งงานแล้ว แล้วช่วงนี้แกก็เห่อลูกสาวเอาซะมาก แต่ก็อุตส่าห์สละเวลามาขนของให้ไมลีย์  ไมลีย์ช่างซึ้งน้ำใจผู้ชายคนนี้นัก

           “ ไว้ถ้ามีโอกาสหนูจะนัดพี่กับเอลซ่าไปกินข้าวก็ได้นะ พี่จะได้พาอินเดียมาหาไมล์นะ หลานน่ะไม่รู้เรื่องเลย ถามถึงไมล์ทุกวัน”

         คริสเอามือลูบหัวเด็กสาวที่เขาเอ็นดูเหมือนน้องแท้ๆคนหนึ่ง ไมลีย์ได้ยินเรื่องของอินเดียก็ถึงกับน้ำตาตกอีกรอบ เด็กคงจะไม่เข้าใจสินะ ว่า อาที่เล่นด้วยทุกวันบ่อยๆทุกๆเสาร์อาทิตย์เขาหายไปไหน ได้แต่คิดแล้วก็หดหู่

        “ อื้มพี่ ...หนูไม่เป็นไร หนูเข้มแข็งอยู่แล้วพี่ก็รู้”                       

         ไมลีย์หันมายิ้มให้ชายร่างหมีที่นั่งข้างๆ แบบกว้างๆ รอยยิ้มเด็กแสบที่ชายข้างๆมักจะเห็นบ่อยครั้ง ...

         “โอเค ถ้าหนูพูดงี้ พี่ก็วางใจได้ แล้วตอนนี้จะไปไหนมั้ยเดี๋ยวพี่พาไป ไม่อยากให้อยู่คนเดียววะ” 

         ไมลีย์นิ่งไปสักพักก็คิดได้ว่า ตอนนี้ใครที่พอจะช่วยเธอได้ ใครที่พอจะคลายความเศร้าให้เธอได้บ้าง...

        “ พี่พาหนูไปหาคาร่าหน่อย...”  คริสพยักหน้ารับทราบ 

         “ โอเค ถ้างั้นก็เก็บของ”     คริสลุกขึ้น ไมลีย์เดินไปหยิบสัมภาระตัวเอง ที่จะนำไปด้วย  และเดินไปขึ้นรถ BMW สีเทา      ของ คริส ....

     

    ณ หอหญิง หลังมหาวิทยาลัย

        “ เห้ย..มึง !!”  คาร่า เดเลวีน สาวตัวสูงหุ่นดี คิ้วหนา จมูกรั้น นัยต์ตาสีฟ้า ทำหน้าเหวอตกใจเหมือนเจอผี ที่เห็นหญิงสาวผมทอง ตาบวมแดง หน้าซีดเผือด มายืนหน้าประตูห้องตัวเอง ก็ว่าอยู่.. ใครแม่งจะมาหาเอาป่านนี้ สามทุ่มละ ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าเคาะห้องคาร่าคนนี้ยามวิกาล.... ยกเว้น จะมาเพื่อ ...........

    “ กูก็ดีใจนึกว่ามีสาวคนไหน เปลี่ยวยามดึกมาให้กูเต๊าะ ที่แท้ก็อีแห้ง เพื่อนกู เออๆเข้ามา”  

     

         คาร่าพูดน้ำเสียงกวนตี๊นกวนตีน หวังให้ไมลีย์ขำสักนิดเพราะรู้ว่าไมลีย์เพื่อนรักของตนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก นอกจากไมลีย์แล้ว คนที่จะมาเคาะห้องคาร่ายามดึกก็คงจะมีแต่สาวๆที่อารมณ์พุ่งพล่านแวะเวียนกันมาให้ คาร่าเลสคิงตัวแม่ผู้ขึ้นชื่อไปทั้งมหาวิทยาลัยปรนเปรอความสุขให้เท่านั้นนั่นแล่ะ  ซึ่งวันนี้คาร่าก็เช็คทวิตเตอร์ไมลีย์ตลอดบางทีไมลีย์เป็นคนที่ไม่เขียนอะไรลงเฟสบุ๊คตัวเองอยู่แล้ว แต่เลือกจะระบายในทวิตเตอร์แทน  คาร่าจึงรู้เรื่องราวทั้งหมดโดยที่ไม่ต้องมีใครมาเล่าอะไร  แต่ทว่า..คาร่าน่ะมีสิ่งหนึ่งที่รู้มานานแล้ว... เกี่ยวกับสาเหตุในการจากไปของเลียมครั้งนี้

     

     

    ไมลีย์เดินมานั่งที่ปลายเตียงที่มีผ้าปูสีเขียวอ่อนของคาร่า ก้มหน้างุดจ้องมองเท้าตัวเอง 

        “ มึง..กูแบบ ไม่เข้าใจวะ .... เรื่องแค่กูเป็นตัวของกูเอง กูแบบพึ่งค้นพบตัวเองเจอมันทำให้คนๆนึงที่แบบเขาบอกว่าเขารักกูเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยหรอวะ แม่ง ต้องสวยต้องแบ๊ว ต้องผมยาวหรอวะ เลียมมันถึงจะรักกู มันบ้าปะวะ”

     

         สาวผมทองพรั่งพรูความรู้สึกออกมา  ไมลีย์ทั้งที่เจ็บใจแต่ก็ยังพูดติดตลกกับคาร่าเพราะรู้ว่าเพื่อนคนนี้จะเป็นห่วงมาก เพราะบางทีถ้าหากคาร่าโกรธแทนเธอมากๆก็สามารถเอาไม้ไปทุบหัวคนที่ทำให้ไมลีย์เสียใจได้เลยทีเดียว ครั้งนึงที่มีคนแกล้งไมลีย์ ขโมยไอโฟนไมลีย์ไปซ่อนทำให้ไมลีย์เครียดเพราะว่าตอนนั้นพ่อไมลีย์ป่วยอยู่ กลัวพ่อจะโทรมาเครื่องนั้น ทุกคนตอนแรกกะแกล้งขำๆ แต่ไมลีย์ดันร้องไห้หนักจริงๆ จนเพื่อนที่แกล้งเอามาคืน แต่คาร่าโมโหไม่พอใจที่เห็นเพื่อนตัวเองเสียใจ คาร่าจึงหยิบไอโฟนตัวเองฟาดหัวเพื่อนคนนั้นมาแล้ว เป็นที่โจษจันไปทั่ว แต่ดีที่เพื่อนคนนั้นรู้สึกผิดจริงๆจึงไม่ได้โกรธคาร่า  ( ดีซ้ำนะ หัวไม่แตก) ไมลีย์กลัวว่าถ้าทำตัวเจ็บช้ำไปมากกว่านี้ คาร่าจะเดือดจน บุกไปบ้านเลียมแต่ถึงอย่างไรซะก็คงจะเก็บอาการไว้ไม่ได้มาก

          “ มึงว่าเรื่องแค่นั้นไอ้เลียมจะทิ้งมึงหรอ กูว่ามันมากกว่านั้นวะ”

     

          คาร่า นั่งลงบนพื้นริมประตูกระจกฝั่งระเบียงหลังห้อง พลางเปิดประตูกระจกออกไปให้อากาศถ่ายเท และค่อยๆหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด 

        “ อ้าว.. กูก็ไม่รู้นะ แต่มันบอกกูอย่างนี้....มันบอกกูมาแค่นี้...”      ไมลีย์น้ำตาไหลอีกครั้ง นั่งกำมือแน่นพยายามหลบสายตาคาร่า ..

     

          “ มึงไม่ต้องกลัวว่ากูจะไปหาเรื่องเลียม .. เพราะกูรู้ว่าหาไปก็เท่านั้นสู้ทำให้มึงมีความสุขกลับมาหายดีไวๆดีกว่า”  

         ..คาร่าเอ่ยเสียงเรียบแต่สายตาคมเข้มนั้นมองทางสาวหัวทองแบบรู้ทันว่าคิดอะไรอยู่ พลางพ่นควันบุหรี่ออกมากลุ่มใหญ่ ไมลีย์ค่อยๆเงยหน้ามาทางเพื่อนสาวตัวเองช้าๆ ส่งสายตาฉงนออกไป ไม่อยากจะเชื่อ ว่าคาร่า เดเลวีนที่เธอรู้จัก ใจเย็นได้ขนาดนี้ ...

     

         “ มึงรู้อะไรมาใช่มั้ย...”

     

          ไมลีย์กำลังจะร่ำไห้อย่างรุนแรงอีกครั้งเสียงเริ่มสั่นเครือแบบควบคุมไม่อยู่ น้ำตาก็เริ่มจะเปียกปอนเต็มใบหน้า อีกทั้งตอนนี้น้ำใสๆยังหยดมาเปื้อนเรียวขาสวยของตัวเองเต็มไปหมด  คาร่ารู้สึกเดือดดาลที่สุดแต่ต้องข่มใจ อยากจะจิกกบาลผู้ชายที่ชื่อ เลียม เฮ็มเวิร์ธ มาโขกกับประตู แต่ทำได้เพียงดูดบุหรี่เข้าไปเยอะๆและปล่อยอารมณ์โกรธตัวเองที่พุ่งพล่านออกมาทุกครั้งที่พ่นควันสีเทาๆ ออกมา ปล่อยอารมณ์โกรธออกไป พร้อมกับควันคละคลุ้ง ...

     

        “ มึงกับเลียมไม่เคยมีอะไรกันใช่ปะ”     คาร่า เอ่ยขึ้น ..เสียงฟังดูกระแทกกระทั้น จนไมลีย์ตกใจ

     

          “อืม... กูเคยจูบกัน เคยเกือบทุกอย่างล่ะ แต่เลียมนั่นและเป็นคนพูดไว้ตั้งแต่แร ว่าจะพิสูจน์ว่ารักกูจริง ด้วยการไม่มีอะไรกับกูเลยจนกว่ากูจะจบมหาลัย แล้วจะขอกูแต่งงานทันทีที่จบปี4 จริงๆกูก็สงสารเลียมนะเว้ย  แต่ทุกครั้งที่กูจะมีอะไรกัน กูรู้สึกไม่อยากทำวะ  คือมึงเลียมทั้งจูบกู เร้ากู จนกูเคลิ้มแค่ไหน แต่แบบกูก็ได้ยินคำพูดนั้นว่าจะไม่มีอะไรกันจนจบปี4 ดังก้องในหัวทุกที กูอยากโดนเลียมกอด อยากโดนเลียมจูบ แต่พอเลียมเริ่มเกินเลย กูรู้สึกอึดอัดทุกที..”

     

         ไมลีย์เล่าไปก็พลางคิดถึงภาพเหล่านั้นไปด้วย ไม่อาจเข้าใจตัวเองได้ว่าคนที่รักกันมาตั้งนาน ทำไมบทจะเกินเลยกัน ถึงรู้สึกอึดอัดทุกที แต่ไมลีย์ก็ต้องยอมรับว่ารักเลียมมากจริงๆ และมีความสุขทุกครั้งที่โดนเลียมกอดหรือจูบ มันอบอุ่นนุ่มนวลชวนฝัน ชวนให้หลงใหล อ้อมกอดอุ่นๆของชายร่างใหญ่ และจูบละมุนๆอ่อนโยนที่บรรจงบนริมฝีปาก ตอนนี้ไมลีย์โหยหาสิ่งนั้นเหลือเกิน แต่ก็ทำได้เพียง ทอดสายตาออกไปนอกระเบียง...และคิด...ได้แค่คิด  

        “ กูอยากให้มึงตัดใจจากเลียมวะ ..เลียมไม่ใช่คนเดิมที่มึงรู้จักแล้ว แล้วมึงก็น่าจะรู้นิสัยกูนะ ว่าไม่ใช่คนปิดความลับกับมึงเพราะกลัวมึงจะเสียใจ คือกูรู้อะไรมากูคิดว่าถ้าเกี่ยวกับมึงกูก็ควรจะบอกมึง”

     

         คาร่าไม่สบตาไมลีย์ แววตาโศกเศร้าแอบสะท้อนออกมาแม้จะเอาดวงตามองที่ปลายเท้าของไมลีย์ แต่ไมลีย์ก็ยังสังเกตเห็นดวงตาเศร้าๆของเพื่อนสาวได้

        คงต้องเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากพอดูสินะ  .ไม่งั้นคาร่าคงไม่ทำตาเศร้าขนาดนั้น เพราะคนๆนี้ชอบทำตาแข็งกร้าวทุกครั้งเวลาที่มีอะไรไม่ชอบใจ นานๆทีจริงๆที่จะเห็นคาร่าทำตาเศร้าแบบนี้  ไมลีย์ก็เป็นคนที่ไม่ต่างจากคาร่าหรอก แม้จะเจ็บแค่ไหน แต่ก็ชอบที่จะรับรู้ รู้ความจริง รู้ความเป็นจริง ถึงแม้มันจะเจ็บปวดเจียนตาย แต่ถ้ามีอะไรที่ยังไม่รู้ ไมลีย์ก็พร้อมที่จะรู้ ..รู้ให้มันสุด ให้มันเจ็บปวดทุรนทุรายถึงที่สุด แล้วก็จบๆไปเสียที่!!!

     

         “มึงบอกกูมาเลย ..มึงก็รู้นิสัยกู...”

           ไมลีย์หยุดร้องไห้เอ่ยเสียงราบเรียบออกไป แต่ใจของตัวเองมันเต้นแรงเหลือเกิน แรงเสียจน จะกระเด็นออกมาจากอกอยู่แล้ว  มีอะไรที่มันจะแย่จะเจ็บปวดกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้อีกหรือ?

     

       เกิดความเงียบขึ้นครู่ใหญ่ ..... คาร่าค่อยๆบี้บุหรี่ที่ตัวเองสูบกับที่เขี่ย  สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ....

     

        “ คือจัสติน บอกกูว่า มันไม่เข้าใจที่เลียมทิ้งมึงมันเลยขอเลียมคุยด้วยแบบผู้ชายผู้ชายเลย แบบแมนคุยๆกัน แล้วไอ้เลียมมันไม่คุย มันเดินหนีแล้วพวกเพื่อนแกงค์ใหม่ไอ้เลียม ไอ้พวกเด็กเหลือขอ มันนก็ตะโกนบอกอีจัสว่า ...

    ก็เมียมันไม่ให้มันเอาไง มันเลยเบื่อ มาหาสาวอื่นเอาก็ได้วะ ......” 

     

         คาร่า เงียบสักพัก เมื่อจบประโยคนี้ คาร่ากัดฟันกรอด นัยต์ตาฉายแววกราดเกรี้ยวแม้ว่ามันจะยังก้มลงต่ำมองปลายเท้าไมลีย์อยู่ก็ตาม

     

    “ ......มึงพูดจริงหรอวะ...”  

     

          เสียงไมลีย์ฟังดูไร้ความรู้สึก...ไม่สั่นเครือ ไม่โกรธเกรี้ยวแต่ ดูเรียบจนน่ากลัว

     

     

          ไมลีย์รู้สึกหน้าชา... ตัวชา ...... ทุกอย่างมันเหมือน ชาไปหมดในร่างกาย ความรู้สึกงงงวยประดังประเดเข้ามา จนไม่รู้ว่าตอนนี้รู้สึกอะไรอยู่กันแน่ .... แม้กระทั่งนิ้วที่กระดิกยุกยิกไปมาตอนแรกก็ยังหยุดนิ่ง  นัยต์ตาแข็งค้างทอดออกไปมองไปที่พื้นแต่กลับโฟกัสภาพตรงหน้าไม่ได้ ...

     

          “ อีจัสมันเลยกระชากคอไอ้เลียม เลียมสะบัดทิ้งบอก เออมึงรู้แล้วไงต่อ มึงเป็นผู้ชายมึงน่าจะเข้าใจ ก็มึงมีคนให้เอานี่ แล้วก็ผลักอีจัส .. อีจัสมันก็บอกกู แต่มันไม่รู้ว่าจะพูดกับมึงดีมั้ย มันบอกมันเป็นผู้ชายถึงจะคบกับมึงมาแต่เด็ก แต่มันก็ไม่กล้าพูดกับมึงตรงๆหรอก ก็เลยมาบอกกู”  

     

         คาร่าพูดเสร็จก็เงยหน้ามองเพื่อนรักตัวเอง แต่ก็ต้องตกใจ ตอนนี้ ไมลีย์ไซรัส คนเดิมที่เคยอ่อนโยน อ่อนแอดูจะหายไป เพราะไมลีย์ที่อยู่ตรงหน้าคาร่าตอนนี้มีดวงตาแข็งกร้าว มือสั่นเทิ้มกำหมัดแน่น หน้าแดงก่ำ บ่งบอกอาการว่า ..โกรธจนถึงขีดสุด แต่น้ำตาก็ไหลออกมาอีกครั้ง ...

     

    “ ... เลว...เลว ...โคตรเลว ...ต่ำช้า”

     

         ไมลีย์กัดฟันพูดเสียงสั่นเครือทั้งน้ำตา จัสติน บีเบอร์ไม่เคยพูดโกหกเธอ จัสติน เป็นเพื่อนกับเธอตั้งแต่อายุ 16 เป็นผู้ชายที่พูดตรง นิสัยดี ไม่เคยหักหลังเธอ เป็นเพื่อนรักรองจากคาร่า ตอน เกรด6 ไมลีย์คบกับเลียม จึงแนะนำให้รู้จักจัสติน เลียมกับจัสตินจึงค่อนข้างสนิทกันเหมือนกัน เพราะหลายครั้งที่ใครมาหาเรื่องเลียม จัสติน ก็มักจะช่วยเสมอ เพราะแฟนเพื่อน ก็เหมือนเพื่อนของจัสติน แต่เลียมกลับกล้าคิดเรื่องเลวๆ แล้วยังกระทำเลวๆใส่คนที่ช่วยมันมาตลอด .. มันคิดได้ยังไง!!!

     

        “ คาร่า มึงรู้ปะ ที่มันบอกว่า เพราะกูไม่ยอมมีอะไรกับมันอะ กูก็เจ็บพอแล้ว เจ็บมาก ชามาก ทั้งอาย อายที่มันคงไปบอกอีเพื่อนเหลือขอมันแบบนั้นเรื่องกู แล้วกูยังต้องมาอายที่มันทำต่ำๆกับจัส ... ทั้งที่หลายครั้งมันโดนคนหาเรื่อง จะมารุมมัน แต่จัสก็ช่วยไว้ทุกครั้ง มันเคยบอกกูว่า ถ้าจัสไม่ใช่เพื่อนกู มันคงมองว่าจัสแม่งเป็นพวกนักเลง แต่มึงดูตอนนี้ดิ ใครกันแน่วะ มันทำจัสขนาดนั้น จัสยังไม่ทำอะไรมัน เพราะจัสมันคงเห็นว่าเคยเป็นเพื่อนกัน แล้วมันอะคิดอะไรบ้างมั้ย คิดอะไรที่ดีกว่านี้ได้บ้างมั้ยวะ!!!

     

          ความรู้สึกของไมลีย์พรั่งพรูออกมาพร้อมกับน้ำตาห่าใหญ่อีกครั้งที่ไหลริน ไมลีย์ ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแล้วคุดคู้ เอาผ้าปูที่นอนปิดปากตัวเอง แล้วร้องไห้ครั้งใหญ่ ร้องไห้ทุรนทุราย  ร้องจนเหนื่อยหอบ คาร่าเข้าไปกอดเพื่อนสาวตัวเองไว้ แต่ไมลีย์ ก็ยังร้องอยู่อย่างนั้น อยากจะร้องให้จบ ร้องให้หมด ...

    ‘ อยากร้องจนต้องไม่เหลืออะไรจะร้องอีก’

        ตอนแรก ไมลีย์รู้สึกว่า เหมือนมีเหล็กแหลมทิ่มแทง  แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว มันหนักกว่านั้น มันทั้งเจ็บปวด  ผิดหวัง  เสียใจ  อับอาย  จนไปถึงขั้นที่ว่ารังเกียจ รังเกียจที่เคยคบกันคนแบบนี้.....

          มันยิ่งกว่าเหล็กแหลมทิ่มแทง มันเหมือนมีลูกตุ้มเหล็กอันใหญ่ๆ  แกว่งมาชนตัวเธออย่างแรง  ชนเธอเข้าจังๆ ชนจนเธอต้องพังยับเยินแหลกสลาย ปวดร้าวไปหมด ย่อยยับไม่ม่ชิ้นดี

     

          ........ แต่ไม่หรอก ไม่.. คนอย่างไมลีย์ จะไม่ยอมอีกแล้ว ที่จะให้ผู้ชายเห็นแก่ตัว ผู้ชายคนนั้น รู้สึกสะใจ หรือ เสวยสุขอยู่คนเดียว   ไมลีย์จะต้องทำให้ผู้ชายคนนั้นสำนึก ให้เขาชดใช้ .. ให้เขาเจ็บปวดในสิ่งที่เขาทำ ....

                                                                                                                                                     

         “ มึง... กู... จะเสียใจวันเดียวพอ วันต่อๆไป กูจะไม่ให้ใครรู้อีกเลยว่ากูเสียใจ  กูต้องทำให้ไอ้เลวนั่นรู้ ว่ากูอยู่ได้ แล้วกูชีวิตดีขึ้นหลังเลิกกับมันไป .กูไม่ยอมหรอก..”

     

         ไมลีย์หันมาหาคาร่านัยต์ตาแดงก่ำจากการร้องไห้แต่แข็งกร้าว บ่งบอกให้รู้ว่าแค้น... แค้นจนฆ่าให้ตายได้ เสียงที่พูดนั้น สะอึกสะอื้น แต่เต็มไปด้วยความรู้สึก...เคียดแค้น อยากเอาคืนเต็มประดา

     

        คาร่า ยิ้มมุมปาก ....

     

        “ มันอยากได้ผู้หญิงมาก.... มึงก็ได้บ้างดิวะ...” คาร่า เอ่ยเสียงเยือกเย็นมีเลศนัย

     

        “ คือยังงัยวะ...”   ไมลีย์ หยุดร้องไห้แล้ว ค่อยๆพลิกตัวมาหาคาร่า จ้องหน้าสาวคิ้วเข้มนั่นเขม็ง

     

        “ มึงก็ได้ผู้หญิงแบบที่เลียมอยากได้ดิ จะมีอะไรเจ็บไปกว่า เมียเก่าตัวเอง เสือกมีสาวๆเข้าหามากกว่ามัน”

     

        คาร่ายิ้มเจ้าเล่ห์ที่สุดเท่าที่ไมลีย์เคยเห็นมาในชีวิตนี้ .... ไมลีย์คิดตาม   เลียมเป็นคนมั่นใจในตัวเองมาก เย่อหยิ่ง ทะนง ถ้ารู้ว่าแฟนเก่าตัวเองเลิกไปไม่เสียใจเลย ไม่บอบช้ำเลย แต่กลับเริงร่าอยู่กับผู้หญิงด้วยกัน  จน คนเขาลือไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย รับรอง ... รับรองว่าผู้ชายคนนั้นจะต้องอับอาย เสียหน้า ดิ้นพล่าน แน่นอน  เพราะ ไม่มีใครรู้จักนิสัยผู้ชายคนนี้ดีเท่าไมลีย์แน่นอน   ... แต่ความคิดไมลีย์ก็ต้องชะงัก เมื่อคิดถึงหน้าพี่คริส .....หน้าภรรยาพี่คริส และน้องอินเดีย

     

     

         “ มึง..พี่คริสจะมองกูยังงัยวะถ้ากูทำยังงั้น” ไมลีย์มีแววตาสลดนิดนึง

        .. ถึงยังงัยก็เคยสนิทกันก็แคร์คนในครอบครัวเลียมมากอยู่ดี

     

          “ พี่คริสเขาโตแล้วนะเว้ย ถ้าเขาถามมึง มึงก็แค่ตอบไปตามความจริง ถ้าน้องเขาคิดได้ กลับมาทำตัวเองให้ดีเหมือนกัน ทำไมพี่เขาจะไม่ยินยอม เขาไม่มาก้าวก่ายมึงหรอก มึงก็แค่บอกว่ามึงทำอย่างนี้แล้วมึงดีขึ้น มึงเจอทางตัวเอง มึงรู้สึกดี ทำไมพี่คริสเขาจะคิดกับมึงแง่ลบ เขามีเหตุผลจะตาย” 

     

          คาร่าพูดความจริงทุกอย่าง.. พี่คริสเป็นคนแยกแยะได้เสมอ ไม่งั้นแยกไม่ได้หรอกว่าไมลีย์เป็นไมลีย์คนเดิม แม้จะเปลี่ยนลุคอย่างไร แรงขึ้นอย่างไร ก็ยังเป็นเด็กน้อยสดใสรักหมาจิตใจอ่อนโยนเสมอในสายตาพี่คริส

     

         “ อืม.... แล้วๆมึงจะให้กูทำไงวะ ....”   ผมทองทำหน้า งงๆ ไร้เดียงสา แบบที่คาร่ามักจะเห็นบ่อยครั้ง

     

     

       “ วันนี้มึงนอนก่อนเด๋วพรุ่งนี้มึงตื่น กูจะพามึงไป ทื่ RainBow House  คาร่าพูดจบก็ลุกไปปิดไฟ เตรียมตัวนอน

     

     

         RainBow House .. เป็นผับของเลสเบี้ยน .. ที่มีโฮสต์เป็นสาวเลสเบี้ยน และเป็นเขตหวงห้ามผู้ชาย เกย์ก็เข้าไม่ได้ พวกเลสเบี้ยนจากย่านอื่น ยังมาเที่ยวผับนี้ เพราะมีชื่อเสียงในหมู่เลสเบี้ยนมากว่ามีโฮสต์สวยๆ โฮสต์สาวเท่ห์ เต็มไปหมด คาร่าเล่าให้ฟังบ่อยๆเวลาไปเที่ยวที่นี่ แต่ไมลีย์ก็ไม่เคยเห็นกับตาหรอกนะ

     

        “ อื้ม..ก็ได้..แต่กู..แต่กู..ไม่เคยมีอะไรกับใคร คือจะผู้หญิงผู้ชายกูก็ไม่เคยแล้ว...แล้ว..กูจะทำได้หรอวะ ..กูจะรู้สึกหรอ....”

     

           ไมลีย์ชักไม่แน่ใจ พยายามหลับตาคิดภาพตัวเองมีอะไรกับผู้หญิงด้วยกัน .... แต่ก็คิดไม่ออกจึงคิดภาพว่าตัวเองมีอะไรกับคาร่าดู ปรากฏว่าแย่หนักไปใหญ่ รู้สึกว่าทำไม่ลงแน่ๆ .. โอ้ย.. น้ำตาจะไหลอีกรอบ มีวิธีอื่นไหมนะ ที่จะแก้แค้นแฟนเก่าตัวเอง แต่ไมลีย์รู้ดีว่าเลียมมั่นใจในตัวเองมาก ถ้าไมลีย์หนีไปควงหนุ่มอื่น ก็ไม่มาตามเสียดายหรอก ซ้ำจะรังเกียจ บอกว่าหาได้แค่นี้เหรอ เพราะเลียมมันคิดว่า มันอะหล่อที่สุดในโลกแล้ว หึ!  แค่คิดไมลีย์ก็แอบเบ้ปากออกมาแล้ว

     

        คาร่าไม่ตอบอะไร แต่หยิบ มินิไอแพดของตัวเองที่วางอยู่ข้างเตียงขึ้นมา   กดๆจิ้มๆดูอะไรบางอย่าง แล้วก็ยื่นให้ไมลีย์ดู

     

        “ มึงเอาไปดูดิ ..” คาร่าตอบเสียงราบเรียบ ไมลีย์รับไอแพดมาถือไว้ แต่แล้วก็ต้อง เบิกตากว้างอย่างตกใจ

     

     

    “ เห้ยยยยย มึงเอามาให้กูดูทำไม!!

     

         ไมลีย์ตกใจมาก เพราะสิ่งที่คาร่าเปิดให้ดู คือ วิดีโอของผู้หญิงสองคน กำลังเปลือยกาย กอดจูบลูบคลำกันอยู่   โห... สวยมากเลยนะ ไมลีย์คิดในใจ หญิงสาวในคลิปคนนึงผมยาวสีดำขลับเป็นลอน กำลังอยู่ใต้ร่าง สาวผมสั้นสีน้ำตาลที่ออกจะแมนๆหน่อย หญิงสาวผมน้ำตาลกำลังลากลิ้นลงไปยังเนินอกของสาวผมดำนั้น สาวผมดำครางออกมา .โห..เสียงเพราะด้วย ไมลีย์คิดในใจ รู้สึกตื่นเต้นเพราะตัวเองไม่เคยดูหนังโป๊ของเลสเบี้ยนเลย เคยดูแต่ของผู้ชายผู้หญิง ก็เพราะว่า จัสตินนั่นแล่ะชอบโหลดเก็บไว้ แล้วเวลาไมลีย์เล่นโทรศัพท์ก็ชอบไปเห็นอยู่เรื่อย  แต่เพราะอะไรก็ไม่รู้ไมลีย์ดูอันนี้ถึงรู้สึกดีกว่าของผู้ชายกับผู้หญิงอีก ทุกครั้งที่เปิดเจออะไรอย่างนี้ในโทรศัพท์จัสติน ไมลีย์จะอ้วกทุกที จัสตินก็จะโวยวายบอกว่ามือไมลีย์หาเรื่อง เปิดเจอคลิปแจ็คพ็อตทุกที 555

     

    “ มึงดูแล้วรู้สึกไงอะ”

     

     

         คาร่า เปรยตามองอาการเพื่อนตัวเอง ... คาร่ามีความเชื่อลึกๆว่าไมลีย์เป็นไบเซ็กชวล เพราะไมลีย์ปฎิเสธเรื่อง เซ็กส์กับเลียมเสมอ แถมไมลีย์ยังมีความเข้าอกเข้าใจคาร่าทุกครั้งที่ไปปิ๊งใคร หรือหลายครั้งที่คาร่าสวีทกับสาวๆแล้วไมลีย์บอกว่ารู้สึกเขินแทน ทำให้คาร่าเชื่อในใจเสมอว่า เพื่อนของคาร่านั้น น่าจะเป็นคนที่ “เลือกจะรักใครที่ตัวตน” มากกว่า จะรักใครที่เขาเป็นเพศอะไร คาร่าจึงคิดว่า เรื่องที่ไมลีย์จะไปเผด็จศึกสาวก็ไม่น่ายาก เพราะถึงไมลีย์จะอ่อนโยน แต่นางก็มีความแมนสูงมาก นางขี้เหวี่ยง ขี้วีน และเอาจริงเอาจัง เข้มแข็ง ไม่อ่อนแอ เชื่อมั่นในตัวเอง และบางทีความเท่ห์ของไมลีย์ ก็ไปเตะตา เพศเดียวกันให้กรี๊ดกร๊าดเธออยู่บ่อยครั้ง แต่เธอน่ะจะงอแง ขี้อ้อนกับคนรักของเธอแค่คนเดียว แต่กับเวลาปกติ ในหมู่เพื่อน ไมลีย์ถือว่าห้าวมากทีเดียว ไมลีย์ก็แค่อ่อนประสบการณ์เรื่อง อย่างว่า มากมากแค่นั้นเอง แต่เรื่องแบบนี้มันฝึกกันได้เนอะ....   คาร่าแอบคิดและหัวเราะคนเดียวเบาๆ

     

        “ กูว่า...เอ่อ.ตื่นเต้นดีวะมึง แบบกูดูแล้วรู้สึกเสียวท้องกว่าตอนดู คลิปชายหญิงในเครื่องอีจัสอีก กูสะพรึงทุกทีเลยหยิบเครื่องอีจัสมาเจอหนังโป๊เนี่ย” 

     

          ไมลีย์ตอบ นัยต์ตามองหญิงสาวสองคนในคลิปนัวเนียกันไม่กะพริบดูไม่มีท่าทีรังเกียจ

     

     

         “เออมึงลองดูศึกษาไป แต่ถ้ามึงมีอารมณ์มึงปลุกกูนะ กูจะไปหาคนมาช่วยมึง แต่กูไม่ช่วยมึงหรอก กูเห็นของมึงเบื่อละ แห้งเอ้ย5555

     

         คาร่าหัวเราะกร๊าก ไมลีย์เบ้ปากจิกตาใส่ คาร่าทำหน้านิ่วคิ้วขมวดกวนประสาทไมลีย์

     

     

         “ แหวะ พูดมาได้ ฉันนะสวยเซ็กซี่กว่าคู่ขาแกอีก  เหอะๆ แกน่ะชอบแต่ละคนแมนๆทั้งนั้นเลย ยัยอะไรนะที่แกกรี๊ดกร๊าดอะ มิเชล ใช่มะ?” 

     

         ไมลีย์กระตุกยิ้มมุมปาก จี้ใจดำเพื่อน  มิเชลดูแมนกว่าคาร่ามากๆ แต่คาร่าซึ่งใครๆก็รู้ว่าเลสคิงตัวแม่ กลับหลงรั แกละใฝ่ฝันจะได้เป็นศรีภรรยาตัวเอง มิเชล เป็นถึง นักแข่งรถชื่อดังของย่านนี้ เธอทั้งฮอตฮิตและเป็นที่หมายปองของทั้งหญิงทั้งชายในมหาวิทยาลัย คาร่าสะอึกทันทีเมื่อเจอชื่อนี้

     

    “ โอ๊ยยยย ไม่ต้องมาแขวะกู ดูไปเลยไป ศึกษาไว้จำไว้ กูไม่มานั่งทำสอนมึงหรอกต่อให้มึงสวยกว่ามิเชลแค่ไหนกูรักของกู อย่ามายุ่งห้ามพูดถึง คนนี้กูขอเก็บไปฝัน กูเผด็จศึกไปละในฝัน” 

    คาร่าพูดเสียงดังลั่นแก้เขิน หน้าแดงถึงใบหูที่ไมลีย์พูดชื่อนี้  ไมลีย์ฮากร๊าก เอามือไปจิ้มแก้มคาร่า

     

     

          “ เขินจุงเลยย คาร่าเขินมิเชลลลจุงเลยยย” ไมลีย์ดัดเสียงเล็กๆกวนประสาท คาร่าก็ปัดไมลีย์ออกจากแก้มตัวเอง

     

     

         “อย่ามายุ่งกูจะนอน ไม่นอนกูปล้ำเพื่อนแน่” คาร่าตัดบท เอาผ้าห่มคลุมโปงตัวเอง

     

     

      ไมลีย์ขำกับอาการเพื่อนตัวเองเบาๆ  แล้วก็มาสนใจคลิปตรงหน้าต่อ  จดจำทุกท่วงท่าทุกอิริยาบถ รู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ แต่ก็ดีนะ ดีกว่าเสียใจเรื่องไอ้เลวนั่น จากที่เคยรักมาก ก็เกลียดมากได้เหมือนกัน เกลียดจนไม่อยากได้ยินชื่อไม่อยากจะคิดถึง เกลียดจนลืมภาพสิ่งดีๆที่มันเคยทำ

    สิ่งดีๆหรอ? เลียมคนที่ทำสิ่งดีๆ ?

     

    ..ไมลีย์ว่ามันตายไปแล้ว ... ตายไปแล้วจริงๆ

     

    เหลือแต่เลียมคนใหม่คนนี้.... คนที่จะเป็นศัตรูของไมลีย์ ไปชั่วชีวิต ......

     

     

    Writer Talk > แท่แด๊มม

    เป็นอย่างไรบ้างคะกับฟิคนี้ ติชมการจัดตัวอักษรเนื้อเรื่องการใช้ภาษาได้นะคะ

    หรือว่ามีอะไรจะเสนอก็ลองเสนอผู้แต่งได้นะถ้าโดนใจหรือเจ๋งก็อาจจะเห็นความคิดตัวเองเข้ามาอยู่ในฟิคเรื่องนี้ก็ได้

    ตอนนี้ยังไม่เจอกับเคธี่เลยค่ะ เราจะมาปูเรื่องกันก่อนว่าไมลีย์เจ็บแค่ไหนโดนอะไรมาบ้าง ผู้อ่านจะได้เข้าใจฟีลของตัวละครสุดๆ ผู้แต่งนี่พยายามแต่งให้เข้าถึงแก่นความรู้สึกไมลีย์ที่สุดแล้ว หวังว่าผู้อ่านทุกคนจะเก็ทนะ!

     

    ยังไงก็ถ้าพูดถึงเรื่องนี้ในทวีตลบกวนติดแท็ก #MILEYKATYFIC ให้หน่อยนะจะเข้าไปตามอ่านตามตอบและรีของทุกคนแน่ๆจ้า  แล้วก็ติชม บ่นด่า สาดอารมณ์ได้เต็มที่ถ้าชอบไม่ชอบฟิคใน แอคนี้
    @Pokernoel
     

    คอมเมนท์สักนิดเพื่อกำลังใจของผู้แต่งนะคะ

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×