คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Short fic : Flower shop
โอ้โห อยากกราบขอขมาทุกคนอย่างรุนแรง ณ ที่นี่ เราขอโทษค่ะเราผิดไปแล้ว เราลืมรหัสเด็กดีและลืมพล็อตเรื่องนี้ไปบางส่วนด้วยค่ะ //ก้มกราบขอขมาขออโหสิกรรม
ตอนนี้เราจะเข้ามหาลัยแล้วแต่ยังไงก็จะพยายามมาต่อเรื่องนี้นะคะ! ดังนั้นขอขมาด้วยฟิคสั้นอันนี้ไปก่อน ฮอล
Short fic : Flower shop
#เขาว่ากันว่าแฟนด้อมใดไม่มีเอยูร้านดอกไม้ถือว่าแปลก
Minamoto Kouji>Kanbara Takuya<Kimura Kouichi
คิมูระ โคอิจิเป็นเจ้าของร้านดอกไม้ตั้งแต่อายุ18ปี เขาไม่ได้เรียนต่อมหาลัยอย่างที่คนอื่นทำแต่กลับเลือกเดินตามความฝันของตัวเอง ถึงจะดูน่าประหลาดสำหรับผู้ชายไปหน่อยแต่โคอิจิรักต้นไม้ ดอกไม้ เขารู้เรื่องภาษาดอกไม้ให้ความสนใจตั้งแต่เด็กจนรู้ตัวอีกทีชีวิตก็ผูกพันธ์กับสิ่งเหล่านี้เรียบร้อย จนตอนนี้เป็นเวลาสองปีหลังจากเขาเปิดร้านขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงและเงินสนับสนุนจากครอบครัว
ชายหนุ่มเจ้าของร้านหยิบยกกระถางดอกไม้ขยับเยื้อนย้ายให้เข้าที่เข้าทาง ดอกสึบากิสีแดงสดถูกวางไว้หน้าร้านเพื่อต้อนรับการมาของฤดูใบไม้ผลิ ดอกสุมิเระวางถัดกันตัดสีแดงและสีน้ำเงินราวกับท้องฟ้าหน้าร้อน มือหยาบกร้านจากการยกของหนักกำลังลูบกลีบใบไม้ด้วยความทะนุถนอม ไม่ผิดจากภาพลักษณ์ชายหนุ่มวัยทำงานแสนใจดี โคอิจิผละตัวออกมาก่อนกลับเข้าร้าน ป้ายเปิดทำการผลิกเป็นคำว่า ‘open’ ช่วงเช้ามีลูกค้าบางตาไม่มากเท่าไรเขาจึงสามารถดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด ทำให้เรียกเสียงหัวเราะจากลูกค้าสาววัยทำงานได้เสมอ โคอิจิมักเป็นที่ต้องตาของสาวส่วนใหญ่เพราะรูปร่างค่อนทางสูง หน้าตาหล่อเหลาตามแบบคนญี่ปุ่น ผมดำเข้ม ตาเรียวหรี่แสดงความมีวินัยเอาจริงเอาจังจนมีคนแวะเวียนมาพูดคุยด้วยบ่อยหนเพื่อหวังพิชิตใจเจ้าของร้านดอกไม้สุดหล่อแต่ดูเหมือนยังไม่มีใครปฏิบัติภารกิจให้โคอิจิตกหลุมรักได้สำเร็จ
ท้องฟ้าฤดูใบไม้ผลิ ท้องฟ้าสีสดตัดกับหมู่เมฆขาวนวลลอยล่อง กลิ่นดอกไม้ ใบไม้โชยหอมทั่วทั้งเขตเมืองชิบุยะ ยามบ่ายของสังคมเมือง น่าแปลกที่ร้านดอกไม้แห่งนี้เงียบสงบผิดกับความคลุ้มคลั่งวุ่ยวายจากรอบทิศรอบทาง อาจเพราะการจัดแต่งร้านสบายๆมีมุมให้ถ่ายภาพ ผนังสีครีมนวลอ่อนรื่นตาพร้อมด้วยต้นไม้ ดอกไม้วางประดับทั่วทุกหนแต่กลับไม่รกเลอะเทอะด้วยศิลปะการตกแต่งของเจ้าของร้าน คิมูระ โคอิจิกำลังอมยิ้มมีความสุขแม้วันนี้จะขายดอกไม้ได้ไม่ดีเท่าที่คาด สองมือกำลังตัดเส้นริบบิ้นแดงผูกเป็นโบว์ห่อของขวัญแด่ลูกค้าที่ซื้อดอกไม้ เพราะได้ทำในสิ่งที่รัก โคอิจิจึงไม่มีท่าทีทุกข์หรือหนักใจ รายได้ทั้งหมดเพียงพอต่อการใช้ชีวิตและเหลือเงินเก็บเป็นกอบเป็นกำ ถ้ายังประคับประคองรายได้ให้สม่ำเสมอคงที่โคอิจิจะสามารถขยายร้านออกไปได้อีก จากร้านดอกไม้อาจเป็นร้านสวนดอกไม้เลยด้วยซ้ำ ระหว่างปักดอกเดซี่สีขาวเพื่อจัดแจงเข้าช่อใหญ่ เสียงกระดิ่งส่งสัญญาณแว่ววาวก็ดังขึ้น เป็นจังหวะเเคบใสกระทบกันไม่กี่หนตามด้วยเสียงปิดประตูพร้อมด้วยร่างลูกค้าหน้าใหม่
ผมสีน้ำตาลสั้นละใบหูล่าง หมวกแก็ปเขียวขี้ม้าที่ปกปิดหน้าตาไว้แต่บุคลิกทำให้โคอิจิคิดถึงใคนบางคนอย่างประหลาด ชายหนุ่มเพ่งมองลูกค้าอีกครั้งอย่างพิจารณา เขาใส่เสื้อกันหนาวลายทีมฟุตบอลประจำเมืองพร้อมด้วยแบกกระเป๋าเป้หน้าตาประหลาดอย่างที่วัยรุ่นฮิตชอบใช้ จากการวิเคราะห์คร่าวๆ เวลานี้เด็กมัธยมยังเรียนอยู่ฉะนั้นต้องเป็นเด็กมหาลัยเพราะการแต่งตัวไม่เรียบเนียบอย่างพนักงานบริษัทรวมทั้งการเดินมองซ้ายมองขวาดูตื่นตาตื่นใจนั้น คล้ายกิริยาของเด็กกำลังจดจ่อสนใจ มันเป็นการะกระทำแสนคุ้นเคยที่โคอิจิเคยรู้จัก รู้จักดีเมื่อนานมาแล้ว
“ยินดีต้อนรับครับ" เขาเอ่ยพร้อมเดินออกจากเคาท์เตอร์เพื่อมาต้อนรับ ประจวบเหมาะกับที่อีกฝ่ายสะดุดกระถางต้นไม้ขนาดเล็กจนเซออกทางด้านหลัง ถ้านิยายรักแหวนคงเป็นเจ้าของร้านที่ประคับประคองอีกคนถลาล้มได้ทัน พร้อมมองหน้ากันและกันก่อนจะเกิดบางสิ่งก่อตัวขึ้นในใจ และมันไม่ใช่กับสถานการณ์ตอนนี้ ลูกค้าหนุ่มสะดุดลื่นพร้อมกวาดกระถางเล็กกระถางน้อยจากชั้นตกเกลื่อนเต็มไปหมด เศษดินเศษกระถางพลาสติกกระจายเลอะเต็มพื้นร้าน โคอิจิตกใจมาก แต่ไม่มากเท่าตอนหมวกลื่นหลุดเผยให้เห็นใบหน้า
ภาพความทรงจำครั้นยังเยาว์วัยคืนย้อนมาอีกหน แต่เปลี่ยนจากคนที่ล้มเป็นเขาแทน และมีเด็กผู้ชายคนหนึ่งถลามาช่วยด้วยความห่วงใย เขายื่นมือออกไปด้านหน้าเพื่อพยุงอีกฝ่าย คนคุ้นเคยขอโทษขอโพยยกใหญ่พร้อมกล่าวขอบคุณ หลังช่วยให้ลุกมาได้ เจ้าของร้านจึงเผยยิ้มบางเบาด้วยความดีใจ
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม ทาคุยะ”
“โคอิจิ?”
- - - - - - - - - -
อาคาชิ ทากิรุเป็นเด็กมัธยมปลายปีสอง เรียนไม่ดี หน้าตาไม่เด่น ฐานะทางบ้านก็ถากๆเรียกได้ว่าธรรมดาหมดจดไม่มีอะไรน่าสนใจ ถ้าจะมีเรื่องที่ทากิรุทำได้ดีหรือดูเป็นดาวเด่นได้คงไม่พ้นเรื่องบาสเกตบอล แม้จะไม่ใช่นักกีฬาโรงเรียนแต่มีความสามารถและทักษะน่าจับตามอง พวกเขามักเล่นเป็นทีมกับเพื่อนในสวนสาธารณะหลังเลิกเรียนราวชัั่วโมงนิดๆ ทากิรุอยู่นานกว่านั้นไม่ได้เพราะเขามีงานพิเศษต้องทำก่อนกลับบ้าน เด็กหนุ่มเก็บของโบกมือลาเพื่อนร่วมทีม กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามถนนหนทางคุ้นเคย ผ่านร้านค้าหลายอย่างจนมาถึงร้านดอกไม้ ร้านที่มาทำงานเป็นประจำกว่าสามเดือนแล้ว ทากิรุแค่เด็กคนหนึ่ง ไม่ได้ร่ำรวยเลยต้องหารายได้พิเศษเพื่อซื้อของที่ต้องการ หลังมีเงินเก็บทากิรุตัดสินใจจะเลิกทำงานแต่เพราะความใจดี เป็นกันเองของเจ้าของร้าน รวมถึงยังเอ็นดูเขาเหมือนน้องชายคนหนึ่งทำให้ทากิรุขอทำงานต่อ และสิ่งที่ตอบกลับคือคำตอบตกลง
เด็กหนุ่มกำลังจะเลื่อนเปิดประตูร้าน แต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะดังก่อนถ้าตามนิสัยปกติทากิรุควรพุ่งพรวดเข้าพร้อมพูดสวัสดีเสียงดัง ซึ่ง วันนี้ไม่เป็นแบบนั้น เขาชักมือกลับพร้อมเอี้ยวหูฟัง มันมีเสียงพูดคุยสองเสียงฟังมีความสุขสนุกสนาน นอกจากคุยกับน้องชายฝาแฝดและเขา ทากิรุไม่เคยเห็นโคอิจิคุยกับใครเต็มเสียงเท่านี้มาก่อน หรือว่าจะมีคนพิชิตใจเจ้าของร้านได้แล้ว!
ไม่รอช้าเด็กหนุ่มรึบเปิดประตูร้านก่อนตะโกนทักทายเต็มเสียง
“สวัสดีครับ!”
ทากิรุยิ้มแย้มพรางมองยังบุคคลที่อยู่ด้านใน โคอิจิใส่ถุงมือกำลังตัดดอกไม้เพื่อจัดช่อใบหน้าชายหนุ่มยิ่มบางเมื่อเหลือบเห็นลูกจ้าง เด็กหนุ่มพยักหน้างึกๆด้วยความร่าเริงก่อนหันมองอีกคนที่อยู่ในร้าน รู้สึกผิดคาดนิดหน่อยที่เจอเด็กผู้ชายน่าจะรุ่นราวมหาลัย สงสัยคงเป็นเพื่อนเจ้าของร้านละมั้ง
“วันนี้มาช้านะทากิรุ" ชายหนุ่มลุกขึ้นพร้อมดอกไม้ในมือ “นี้ทากิรุ เป็นลูกจ้างฉันน่ะแต่เหมือนน้องชายมากกว่า" เจ้าของประโยคยิ้มบางพร้อมได้การตอบรับกลับเป็นเสียงอือในลำคอ คนโดนเรียกชื่อไม่รอช้ารีบวิ่งมาแนะนำตัว “สวัสดีครับ ผมชื่ออาคาชิ ทากิรุ ยินดีที่ได้รู้จักครับ!” ชายผมน้ำตาลผงะเล็กน้อยจนในที่สุดก็ยิ้มออกมา มันเป็นรอยยิ้มที่น่ามองมาก
“ฉันคัมบาระ ทาคุยะ ยินดีที่ได้รู้จักนะอาคาชิ" จากนั้นมือนักศึกษาก็ลูบหัวเขาอย่างเอ็นดู เด็กหนุ่มคนเดียวในร้านขอตัวเพื่อใส่เสื้อกันเปื้อนและจัดแจงดูแลรดน้ำต้นไม้ปล่อยให้ทั้งสองได้พูดคุยกัน บทสนทนาส่วนใหญ่ที่ทากิรุได้ยินเป็นเกี่ยวกับเรื่องทั่วไป การทำงานการใช้ชีวิต บางหนก็พูดถึงเรื่องสมัยเด็กทำให้ทากิรุรู้ว่าทั้งคู่เคยเป็นเพื่อนกันจนทาคุยะย้ายไปอีกเมืองและพึ่งกลับมาต่อคณะนิติ ทั้งสองไม่ได้เจอกันมาค่อนข้างนานทำให้บทสนทนามักวกกลับไปกลับมาเหมือนผู้ใหญ่พูดเรื่องเก่าๆของตน ทากิรุให้เวลาส่วนตัวกับทั้งคู่ด้วยการเฉดตัวมาพรหมละอองน้ำแก่ไม้ดอกไม้ใบก่อนเข้าร้านหลบบริเวณมุมพยายามไม่รบกวนการพูดคุย ถึงทากิรุจะไม่ละเอียดรอบคอบแต่เขากลับรู้ว่ามีกระถางไหนหายไป การทำงานเป็นเวลานานทำให้เขารู้จักพื้นที่ในร้านดิบดีชนิดหลับตายังเดินไม่สะดุด
“คุณโคอิจิครับ กระถางหายไปหนิครับ" ตามปกติจะมรกระถางตั้งบนชั้นและต้นไม้เลี้ยงง่ายขนาดเล็กวางเรียงกัน แต่วันนี้กลับโหว่หายไปหลายชิ้น ทาคุยะเกาหัวก่อนหัวเรอะเเห้ง “ขอโทษทีฉันทำพังเอง"
“เอ๋!? แบบนี้ก็แย่สิครับ คุณต้นไม้น่าสงสาร จู่ๆก็โดนเอาออก" บางหนทากิรุยังดูเหมือนเด็กไม่รู้จักโต พูดอะไรไม่ได้คิดถึงคนฟังเท่าไรจนทำให้คนมีความผิดหน้าเสียก้มหน้าลงสำนึดผิด ชายหนุ่มผมดำตบหลังเพื่อนวัยเด็กเป็นเชิงไม่ต้องคิดมากก่อนก้าวหาน้องชายหน้าสลด
ตอนนี้เป็นช่วงเริ่มเย็น ลูกค้ามากหน้าหลายตาเลือกดอกไม้ติดมือกลับบ้านทั้งเพื่อให้คนรัก นำไปมอบเป็นของขวัญและอีกหลากเหตุผล ทาคุยะเริ่มตระหนักว่าตนจะทำให้งานร้านดอกไม้ยุ่งยากเนื่องจากปริมาณคนที่เยอะขึ้นถนัดตากว่าตอนบ่าย
“งั้นฉันไปก่อนนะโคอิจิ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาใหม่" ชายหนุ่มนักศึกษาสะพายกระเป๋าเป้ขึ้น “อาคาชิด้วยไว้เจอกันนะ”
“ครับไว้เจอกันใหม่ครับคุณคัมบาระ!” ทากิรุตอบรับ “ไว้เจอกัน" เจ้าของร้านยกมือโบกลา ลูกค้าคนสำคัญเดินออกจากร้านแต่ปริมาณลูกค้าคนอื่นนั้นยังไม่ลดน้อยลงสักนิด ส่วนใหญ่มีเหตุผลคือมาหาคิมูระ โคอิจิและช่วยอุดหนุนร้านก็เท่านั้น
ในมี่สุดเวลาเร่งรัดก็สิ้นสุดลง ทากิรุนั่งบนเคาท์เตอร์หยิบปากกาคาบไว้ในปาปพร้อมเกาศีรษะไม่เข้าใจโจทย์คณิตศาสตร์ในสมุด เขาทำงานถึงสามทุ่มช่วงลูกค้าว่างโคอิจิจึงอนุญาตให้เอาการบ้านมาทำได้บางครั้งก็มีช่วยสอนช่วยติวแถมยังชอบให้ขนมเล็กๆน้อยๆ ทากิรุไม่แปลกใจเลยทำไมถึงเป็นที่นิยมในหมู่สาวได้ขนาดนั้น
“คุณโคอิจิครับ ยังจัดช่อดอกไม้อยู่อีกหรอครับ" ถึงจะมีออร์เดอร์ช่อดอกไม้แต่มันเป็นช่อสีเหลืองไม่ใช่สีแดงส้มอย่างที่ชายหนุ่มกำลังทำอยู่ คนถูกถามคลี่ยิ้มบางเอกลักษณ์
“ทำให้ทาคุยะน่ะ" เจ้าตัวดูมีความสุขมากยามตอบ ทากิรุไม่เคยเห็นโคอิจิจัดช่อดอกไม้ให้ใครยกเว้นครอบครัว แสดงว่าคัมบาระ ทาคุยะคงมีความสำคัญกับอีกฝ่ายมากแน่ เด็กหนุ่มไม่มีความสามารถด้านการจัดดอกไม้เช่นเดียวกับเจ้าของร้าน ดังนั้นจึงได้แต่ลากเก้าอี้มานั่งด้านข้างวางการบ้านคฦณิตศาสตร์ไว้พรางคิดว่าจะขอให้ยูช่วยสอน เปลี่ยนมาพินิจมองการฉีกจับริบบิ้น ม้วนคลี่กระดาษสาและการวางดอกไม้อย่างชำนาญ ถ้าไม่ใช่คนละเอียดอ่อน ทากิรุมั่นใจว่าช่อดอกไม้คงไม่ออกมาสมดุลทั้งสองด้านและงดงามด้วยสีสันต์อย่างที่โคอิจิทำ
“คุณโคอิจิดูสนิทกับคุณคัมบาระจังเลยนะครับ” เขาปิดปากตัวเอง มันไม่ควรไถถามเรื่องส่วนตัวเจ้านายจึงขอโทษยกใหญ่ โคอิจิมีเพียงรอยยิ้มที่ส่งกลับมา “ไม่เป็นไรหรอกหน่า” หนุ่มผมเข้มหัวเราะเเผ่ว
“เราเคยเป็นเพื่อนสนิทกัน โคจิกับฉันน่ะแต่ก่อนไม่ค่อยมีเพื่อน จะมีก็แต่ทาคุยะที่ลากพวกเราไปไหนมาไหน ทำให้รู้จักคนอื่นแล้วก็ได้ใช้ชีวิตแบบเด็กทั่วไป” ชายหนุ่มเริ่มต้นเล่าเรื่องราว
ครอบครัวเขาทั้งสองคนใช่ว่าจะมีความสุขดี พ่อแม่พวกเขาทะเลาะวิวทากันบ่อยบางครั้งก็ปาข้าวของใส่กันจนได้เลือด เดือดร้อนถึงเพื่อนบ้านต้องช่วยเข้ามาปราบปรามก่อนทั้งสองจะตัดสินใจแยกทางกันตั้งแต่พวกเขายังเด็ก โคอิจิรู้ว่าตัวเองมีฝาแฝด แต่เขาไม่เคยเจออีกเลยตั้งแต่ผู้ปกครองทั้งสองหย่าร้างกัน จนกระทั่งย้ายเข้าโรงเรียนประถม โคอิจิได้เจอกับเด็กผู้ชายที่หน้าตาเหมือนกันเกือบทุกระเบียบนิ้ว จะมีก็แต่เส้นผมของเด็กคนนั้นยาวจนสามารถมัดผมหางม้าได้ โคอิจิไม่กล้าทัก ได้แค่เดินผ่านเฝ้ามองอยู่ห่างๆ สืบจนรู้ว่าอีกคนชื่อมินาโมโตะ โคจิ ชื่อเดียวกับฝาแฝดของเขา
แต่โคอิจิก็ยังไม่มีความกล้าพอจะเข้าไปทักถึงชีวิตที่ผ่านมา พวกเขาเป็นเพียงเด็กประถม4ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวหรือสามารถควบคุมอารมณ์ความรู้สึกตัวเองหรือการจัดการปัญหาใดใดได้ ทำให้ทุกวันผ่านไปโดยที่โคอิจิไม่กล้าเข้าทัก จวบจนตอนประถม6 มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งย้ายเข้ามากระทันหัน อยู่ห้องเรียนเดียวกับเขา เป็นเด็กกล้าได้กล้าเสี่ยงไม่เกรงกลัวอะไร ดูเหมือนจะเล่นสนุกไปวันๆแต่กลับมีความรับผิดชอบ ทั้งสองได้เป็นเพื่อนสนิทกันอย่างรวดเร็ว และเด็กคนนั้นฉลาดพอ การสังเกตพฤติกรรมเพื่อนที่มักทอดสายตายังที่ไกลเพื่อเฝ้ามองบุคคลหนึ่งอยู่ในสายตาเด็กคนนั้นตลอด
และในวันนั้นเองที่โคอิจิถูกสองมือฉุดกระชากให้เดินเข้าหา นาฬิกาซึ่งครั้งหนึ่งเคยหยุดเดินเคลื่อนไหวอีกหนเมื่อเขาได้พบหน้าฝาแฝด โคจิดูประหลาดใจ เหมือนเขาไม่รู้เลยว่าเรียนโรงเรียนเดียวกับฝาแฝดมาตลอดสามปี ซึ่งโคอิจิไม่ได้ประหลาดใจเท่าไร โคจิมักไม่สนใจโลกภายนอก อยู่แค่กับโลกส่วนตัวของตนมาแต่ไหนแต่ไร หากแต่ความกังวลที่สั่งสมไว้กลับมิคลายออก โคจิจะเกลียดเขาที่ปล่อยอีกฝ่ายไปกับพ่อหรือเปล่า หรือโคจิจะไม่พอใจไม่อยากคุยกับเขา ฝาแฝดเงียบใส่กันจนเด็กคนนั้นเปิดประเด็นชักชวน และน่าตกใจมากที่เขาสามารถตอบรับการพูดคุยของทาคุยะอย่างลื่นไหลทำให้ความอัดอั้นหลายปีถูกระบายออกมาหมด ทั้งความคิดถึง ความเศร้า ความเหงา และอื่นๆอีกมาก โคจิเองก็พูดแบบเดียวกัน แค่อาจจะห้วนและดูอาจหาญกว่าเขามากก็ตาม หลังจากวันนั้น พวกเขาสามคนเลยกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน
ทาคุยะเป็นเด็กไหวพริบดี แม้จะไม่ฉลาดเรื่องวิชาการแต่ทักษะการเข้าสังคมการเอาตัวรอดถือว่าอยู่ในระดับท็อปคลาส โคจิกับเขาเป็นพวกเรียนดีกีฬาเด่น อาจจะเพราะเป็นฝาแฝดกันสิ่งที่ทำได้เลยออกมาแนวเดียวกันด้วย ความชื่นชอบ ความเกลียด ทักษะ กระบวนการคิดเขากับโคจิแทบเหมือนกันหมดเว้นแต่โคจิมักกล้ากว่าเขาหนึ่งก้าวส่วนโคอิจิจะใจเย็นกว่าเสมอ พวกเขาเรียนมัธยมที่เดียวกันก่อนแยกย้ายไปในช่วงมหาวิทยาลัย
“โหย คุณคัมบาระดูเป็นพระเอกการ์ตูนมากเลยนะครับ”ทากิรุที่นั่งนิ่งรอเขาจัดช่อดอกไม้ออกความคิดเห็น โคอิจิไม่ปฏิเสธเลย “มันก็คือข้อดีของทาคุยะล่ะนะ” หลังแปะเทปใสเข้ากับกระดาษแผ่นสุดท้าย ทากิรุก็เด้งตัวขึ้นพร้อมวิ่งตะโกนไปมาบอกว่าปิดร้าน เขาถึงกับอดอมยิ้มด้วยความเอ็นดูไม่ได้
“ผมไปก่อนนะครับคุณโคอิจิ ขอบคุณสำหรับวันนี้ครับ”ทากิรุช่วยเก็บเก้าอี้กับของอีกเล็กน้อยก่อนกลับบ้าน เจ้าของร้านโบกมือส่ง หลังลูกจ้างกลับบ้านเขาถึงได้เหลือบตามองช่อดอกไม้สีส้มแดง ดูสดใสร่าเริงเช่นเดียวกับคนที่เขาจะมอบให้ ทาคุยะเป็นเสมือนไฟ ประกอบกับความอบอุ่น อ่อนโยน ทำให้โลกที่เคยมืดบอดของเขาและโคจิสว่างสดใส เจ้าของร้านขมวดคิ้วอย่างไม่สู้ดีนัก โคอิจิกับเขามักชอบอะไรเหมือนกัน อาจเพราะการเป็นฝาแฝด แต่หวังว่าคงไม่ได้บังเอิญชอบทาคุยะเหมือนกันหรอกนะ….
วันนี้มหาลัยโคจิยกคลาส น้องชายฝาแฝดจึงมานั่งเล่นที่ร้านขายดอกไม้ของเขา มีพนักงาน สาวมหาลัยหลายคนดูตกอกตกใจที่มีหนุ่มหล่ออยู่ในร้านถึงสองคน พวกหล่อนกรี๊กรี๊าดบางคนถึงกับขอถ่ายรูปพวกเขาและร้านบางส่วนเพื่อรีวิวลงอินสตาแกรมก่อนช่วยอุดหนุนซื้อดอกไม้ช่อโตพาลให้เขาต้องจัดช่อใหญ่ แต่มันก็ไม่เป็นไร เขาชื่นชอบเรื่องแบบนี้โดยธรรมชาติอยู่แล้ว เพียงไม่กี่นาทีช่อดอกไม้ฤดูร้อนขนาดใหญญ่ก็ถูกส่งมอบให้สองสาวที่น่าจะเป็นเซเลบต่างชาติมาตะลุยทัวร์ เขาได้ยินภาษาแปลกถิ่น บางทีอาจเป็นอินโดนีเซียหรือภาษาแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“นายรับมือกับผู้หญิงทุกวันได้ยังไง”โคอิจิเพียงยิ้ม มือหนึ่งหยิบฟ้อกกี้มาฉีดพรมน้ำให้ใบไม้ดอกไม้ดูสดชื่นเปล่งปลั่ง “อยากลองศึกษาวิธีจากฉันดูสักสัปดาห์ไหมล่ะ”
“เกรงใจ” เขาหัวเราะกับคำตอบน้องฝาแฝด ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นช่อดอกไม้ที่ตั้งไว้ด้านหน้า “เมื่อวานฉันเจอทาคุยะด้วย”
“ทาคุยะ?”
“อื้อ ทาคุยะ ช่วงนี้หน้าร้อนไง มหาลัยหมอนั้นปิดเทอมแล้วเลยกลับมาเที่ยว” โคจิส่งเสียงตอบในลำคอ “หมอนั้นยังเหมือนเดิมไหม”
“ยังเหมือนเดิมไหม”
“เรื่องอะไรล่ะ เซ่อซ่าหรอ? อันนั้นน่าจะติดในส่วนลึกไม่มีทางเปลี่ยน” โคจิหลุดขำ มีนับเรื่องได้ที่จะทำให้น้องแฝดเขาขำ หนึ่งในนั้นคือเรื่องของคัมบาระ ทาคุยะ
โคอิจิเหล่มองปฏิกิริยาของน้องชาย ภาพที่หนุ่มเจ้าของร้านเห็นคือ รูปสลักกำลังเหม่อมองนอกหน้าต่าง โคจิและโคอิจิเหมือนกันราวกับแกะ ถ้าคนหนึ่งจะเหมือนรูปสลักอีกคนก็ย่อมเหมือนเช่นกัน โครงหน้าตามลักษณะคนเอเชีย ผิวสีเหลือง ดวงตาเรียวหรี่ที่กำลังมองไปด้านนอกทำให้โคจิเหมือนเทพบุตรรูปหล่อสักองค์ เขาก็ได้แต่สงสัยว่าตัวเองจะมีหน้าตาแบบนั้นด้วยหรือเปล่า
“ฉันว่าฉันชอบทาคุยะ”
โคอิจิถึงกับสำลักอากาศพรวด
“อะไรนะ?” พวกเขาอาจจะเป็นฝาแฝด ชอบอะไรเหมือนกัน เกลียดอะไรเหมือนกันแต่กับคนที่ชอบคือคนเดียวกัน มันดูไม่บังเอิญไปหน่อยหรอ “ฉันชอบเจ้านั่นมาตั้งแต่ม.ปลาย แค่ไม่ได้บอกเพราะกลัวเสียความสัมพันธ์เพื่อน”
ตอนนี้โคอิจิก็ตอบไม่ได้ว่าความสันพันธ์ของพวกเขาสามคน หรือพวกเขาสองพี่น้องจะสั่นคลอนหรือไม่ ทุกอย่างเริ่มต้นได้เพราะทาคุยะแล้วมันจะพังเพราะทาคุยะหรือเปล่า ความวกวนสับสนกังวลเริ่มจู่โจมใต้จิตสำนึกจนไม่รู้ว่าทางไหนจะดีหรือร้ายกว่ากันเพราะสำหรับโคอิจิ ทางไหนก็ดูโหดร้ายทั้งนั้น
“แล้วนายจะบอกเขาไหม”โคจิมีความกล้ามากกว่าโคอิจิเสมอ และโคอิจิมักจะใจเย็นรอบคอบกว่า สองสิ่งนี้อาจถูกทดแทนกันไม่ได้แต่ก็สามารถประยุกต์ใช้ร่วมกันได้...แค่อาจไม่ใช่เสมอไป
“คงบอก...ถ้าหมอนั้นมาน่ะนะ”
“เฮ้ โคอิจิ” ยังไม่ทันพูดจบดี ร่างเจ้าของหัวข้อสนทนาก็โผล่เข้ามาพร้อมเสียงกระดิ่ง ทาคุยะเหน็บลูกฟุตบอลไว้ข้างตัว สภาพมีรอยพาสเตอร์แปะเต็มแขนขาและใบหน้า คงจะเล่นซนจนได้แผลอย่างเดิม ไม่ว่าโตแค่ไหนก็ยังไม่เปลี่ยน ทาคุยะยังคงรอยยิ้มสดใสราวดวงตะวันเหมือนในความทรงจำอันแจ่มชัดของโคอิจิ
“อ้าวโคจิ นายอยู่ด้วย?”หนุ่มผมน้ำตาลเดินลิ่วๆเข้ามาในร้าน วางกระเป๋าสะพายบนเคาท์เตอร์และลูกฟุตบอลบนพื้นพรางเดินอย่างถือวิสาสะ ก้มเงยมองดูข้าวของต่างๆทั้งที่พึ่งทำแตกไปเมื่อวาน
หนึ่งในสถานที่สารภาพรักสุดโรแมนติก โคอิจิเชื่อว่าใต้ร่มเงาไม้จะติดหนึ่งในสิบ แต่สภาพร้านดอกไม้ยามตะวันฉายแสงอ่อนก็ดูโรแมนติกไม่แพ้กัน เสียงเพลงอินสตูเมนที่เขาเปิดค้างไว้กำลังเล่นเพลงรักคลาสสิกของตะวันตก ใบไม้เขียวขจีปกคลุมทั่วไม่แพ้ดอกไม้สวยพยายามแข่งประชันความงดงาม แม้จะไม่มีอะไรน่าตรึงตราตรึงใจไปกว่าหนุ่มผมน้ำตาลก็ตาม โคอิจิเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว เขาไม่เคยมีความกล้าเท่าโคจิเลยสักครั้งรวมถึงครั้งนี้
น้องชายฝาแฝดลุกขึ้น เดินเข้าไปประชิดทาคุยะจนอีกฝ่ายหันหน้าเผชิญด้วยความงุนงง จากมุมมองโคอิจิ น้องชายเขายืนอยู่ด้านหน้าส่วนด้านหลังทาคุยะเป็นเคาท์เตอร์ร้านทำให้หมดหนทางหนีโดยสมบุรณ์จะมีก็แต่ต้องผ่านโคจิให้ได้ ซึ่งก็คงไม่ง่ายขนาดนั้น ทาคุยะดูเหมือนจะเริ่มหัวเสียนิดหน่อยที่โดนกักตัว
“ฉันชอบนาย”
โอ้โห บรรยากาศเป็นใจขนาดนี้ คุณชายโคจิบทจะพูดก็พูดห้วนจนรวบรัดใจความเกินไป ทาคุยะร้องห๊ะออกมาด้วยความงุนงงอย่างปิดไม่อยู่ “นายกินยาฆ่าหญ้ามาหรอ”
“ฉันชอบนาย”โคจิยังคงยืนยันคำเดิมด้วยใบหน้าเรียบนิ่งและแน่วแน่จนเหมือนลืมไปว่าเขายังยืนอยู่ตรงนี้ด้วย ทาคุยะเริ่มขมวดคิ้วเหมือนพยายามประมวณผล บางครั้งทาคุยะก็ต้องแยกว่าเรื่องไหนเรื่องเล่นเรื่องไหนเรื่องจริงทำให้ทุกอย่างดูล่าช้าไปหมด และคงไม่คิดไม่ฝันว่าเพื่อนตัวเองจะมาพูดแบบนี้ด้วย โคจิกล้ากว่าเขาหนึ่งก้าวเสมอ แต่ทำไมวันนี้เขากลับไม่พอใจสิ่งนั้นเลย ทำไมไม่ใช่เขาที่กล้าและโคจิที่เย็นบ้าง
“นายกำลังล้อเล่นอะไรเนี้ย”
“ฉันก็ชอบนาย”
โคอิจิยื่นช่อดอกไม้ที่พันเก็บอย่างสวยงาม ดวงตาแสดงความจริงใจพร้อมเสียงคำหนักแน่น “ชอบในเชิงมากกว่าเพื่อน ชอบในเชิงที่อยากอยู่ อยากดูแล อยากไปไหนมาไหนด้วยกันแบบคู่รัก” โคจิผงะด้วยความตกใจ ส่วนทาคุยะอ้าปากค้างพร้อมกับหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ
“คบกับฉันได้ไหม”
โอเค ครั้งนี้เขาอาจจะก้าวช้ากว่าโคจิเรื่องความกล้า แต่เพราะใจเย็นทำให้มีสติไตร่ตรองมากกว่า มันก็คงไม่เลวร้ายอะไร ส่วนคำตอบของทาคุยะ
ก็รอให้เป็นเรื่องของอนาคตแล้วกัน
ความคิดเห็น