ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Digimon] After the Time

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1:Started

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.พ. 58


    วันเสาร์ สวนสาธารณะโอไดบะ เวลา 9 นาฬิกา 46 นาที



     

     

    ทากิรุดูรุ่นพี่มองนาฬิกาข้อมือเป็นรอบที่สาม ดวงตาสีเงินจับจ้องที่หน้าเข็มหน้าปัดเอาเป็นเอาตายราวกับอยากเร่งเวลาให้เร็วขึ้น พวกเขานั่งอยู่กลางสวนตรงไปข้างหน้าคือสถานีฟูจิทีวี เมื่อประมาณเจ็ดปีก่อนตอนเขาอายุหกขวบ ทากิรุจำข่าวอาคารถล่มโดยไม่ทราบสาเหตุได้ มีร่องรอยการต่อสู้ขนาดใหญ่ราวกับเกิดสงครามแต่หนังสือพิมพ์และรายงานทุชนิดกลับให้คำตอบไม่ได้

     


     

    เด็กหนุ่มมองขึ้นไปด้านบนอาคาร โลหะทรงกลมส่องกระทบแสงอาทิตย์ เขาเห็นเมฆกำลังเคลื่อนตัวผ่านในเงาสะท้อนโลหะ ถ้าถามว่าทำไมพวกเขาถึงถ่อจากบ้านมาโอไดบะก่อนเวลานัดครึ่งชั่วโมงทั้งที่สามารถขึ้นรถไฟฟ้าราวสิบนาทีก็ถึง ยอมรับเลยว่าพวกเขาบ้า เด็กวัยรุ่นเวลาตื่นเต้นหรือสนใจอะไรสักอย่างไม่มีอะไรฉุดความตั้งใจอยู่หรอก

     

    ยางามิ ไทจิ ผู้กล้าในตำนาน เขามีเรื่องอยากถามเยอะแยะ ถ้าให้เขาเขียนคำถามลงในกระดาษอาจจะเท่าเรียงความสักสองสามแผ่นทั้งที่ปกติเขาไม่เคยเขียนเกินครึ่งด้วยซ้ำ พวกเขาเริ่มต้นอย่างไร ทำไมถึงได้เจอดิจิมอน เขาคงได้เรียนรู้เรื่องดิจิมอนมากขึ้น และบางที บางทีนะ เขาอาจจะได้เจอกัมดรามอนอีกครั้ง

     

     

    “พวกนายมาเร็วจัง”ใครสักคนเรียกเขาออกจากภวังค์ คนนั้นเป็นเด็กผู้ชายอายุประมาณมัธยมปลายไม่ก็มหาลัย ผมสีน้ำตาลสั้นระต้นคอ ผิวติดคล้ำหน่อยๆ เขารู้สึกคุ้นอย่างบอกไม่ถูกทั้งรูปลักษณ์และน้ำเสียง


     

    เด็กผู้ชายคนนั้นวิ่งจากบันไดหาพวกเขาที่นั่งบนเก้าอี้หินอ่อน พอเขาเข้าใกล้ความละไมคล้ายคลึงกับคนรู้จักยิ่งตีตื้นในความคิดเด็กหนุ่ม ดวงตาสีน้ำตาลแดงดูเอาเรื่อง จริงจังและแข็งกร้าว เขาลองนึกดูอีกครั้ง ตั้งใจอย่างแรงกล้า

     

     

    “คุณทาคุยะหรอครับ?”เป็นรุ่นพี่เขาที่พูดก่อน คิ้วสีน้ำตาลขมวดเข้าหากันเล็กน้อยแบบเวลาที่ไทกิจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ภาพเด็กประถมที่เคยเจอกันซ้อนทับเข้ามาในหัว คนที่มีหมวกสีเขียวขี้ม้ากับแว่นกันลมทรงสี่เหลี่ยมคนที่มีดวงตาแข็งกร้าวมากที่สุด  ใช่ คนเดียวกันแน่! ทาคุยะโตขึ้น ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นแต่ดวงตาคู่นั้นกลับไม่เปลี่ยนสักนิด

     

     

    “โทษที ไม่คิดว่าพวกนายจะมาเร็วขนาดนี้ เอ่อ ไหนๆแล้วไปพร้อมกันเลยไหม”ทากิรุคิดว่าตัวเองขมวดคิ้วอยู่ ไปพร้อมกันงั้นหรอ หมายถึงที่ไหนกันนะ แต่แน่นอนเขาไม่ได้พูดออกไป เด็กหนุ่มช่วยคนอายุมากกว่าถือถุงร้านสะดวกซื้อ ของส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบและอาการสำเร็จรูปไม่มีอะไรแปลกยกเว้นปริมาณที่กินกันได้สักสิบคน ทากิรุยังสงสัยอยู่นิดๆว่าทาคุยะแบกของหนักอย่างนี้คนเดียวได้อย่างไร

     

     

    “แล้วคุณทาคุยะย้ายมาโอไดบะหรอครับ?”รุ่นพี่เขาถาม คนอายุมากกว่าพยักหน้าดวงตาแข็งกร้าวดูเหม่อเล็กน้อย “ใช่ ฉันย้ายมาตั้งแต่ขึ้นม.ปลายนะ แล้วก็เจอไทจิ”

     


     

    “ตอนแรกก็จำไม่ได้หรอก คิดว่าคนหน้าเหมือนแต่สักพักมาซารุก็โผล่มา”ทาคุยะหัวเราะฝืดๆเหมือนไม่ค่อยอยากนึกเท่าไรนัก “แล้วทำอิท่าไหนไม่รู้ก็ย้ายมาอยู่ด้วยกับครอบครัวยางามิ จากนั้นโคจิโร่ รุ่นน้องไทจิก็ช่วยตามหาทาคาโตะกับพวกนาย”ทากิรุพึ่งรู้สึกตัวว่าถึงประตูหน้าห้องบนเมนชั่น เขาไม่รู้สึกตัวสักนิดว่าขึ้นบันไดตอนไหน หรือเขาขึ้นลิฟต์มา เขากับไทกิมัวแต่ให้ความสนใจเรื่องเล่าของคนอายุมากกว่า

     


     

    ทาคุยะไขกุญแจ ทันทีที่เปิด เขาได้ยินเสียงโวยวายดังลั่น เป็นเสียงแตกหนุ่ม...คงเป็นเด็กมหาลัยละมั้ง ทากิรุเดาซุ่มไปเรื่อย ห้องนี้คงเคยเป็นของครอบครัวยางามิเขาสังเกตมันจากรองเท้าที่วางไม่เป็นระเบียบตรงระเบียง ทุกคู่เป็นผ้าใบของผู้ชาย

     


     

    “คุณทาคุยะกลับมาแล้วหรอครับ”เสียงฝีเท้าวิ่งตึงตังตรงมาหาพวกเขา เป็นเด็กผู้ชายน่าจะอยู่สักม.ต้น ผมตัดสั้นสีน้ำตาลอ่อนจนเกือบเหมือนสีบรอนซ์ เขามีดวงตาชี้ตกสีแดงซีดดูนอบน้อม ทากิรุนึกออกทันที คนอ่อนโยนที่สุดในหมู่ผู้กล้า

     


     

    “กลับมาแล้ว พวกนั้นทะเลาะอะไรกันละทาคาโตะ”คนผมสีอ่อนยิ้มสดใสทำให้เขารู้สึกดีคล้อยตามไปด้วย ทาคุยะลูบผมคนตัวเล็กก่อนเอาของไปวางบนเค้าเตอร์ครัว แน่นอนว่าเขาทำตาม ของพวกนี้ใช้แทนดัมเบลได้ทีเดียว ทากิรุไม่เลือกถือมันนานๆหรอกนะ

     


     

    “ไม่ได้ทะเลาะครับ คุณมาซารุหาสมุดโน็ตอยู่ครับ”ทาคุยะทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อยขณะที่เสียงโวยวายยิ่งดังมากขึ้น ถ้าจำไม่ผิดคือเขาเคยเจอมาซารุตอนคนๆนั้นอยู่มัธยมต้น จนถึงตอนนี้ทากิรุเห็นความแตกต่างมาก ครั้งแรกที่เจอคือเขาไว้ผมยาวระบ่า ครั้งนี้ผมสีสดกลับยาวระใบหู ร่างกายดูสมส่วนและแข็งแรงมากขึ้น ไม่ได้มีกล้ามเนื้อเยอะเกินไปแต่ก็ไม่ได้ผอมแห้งดูอ่อนแอ ดวงสีสีเขียวเหลืองหันมาสบกับเขา มันยังคงดุดันและเต็มเปี่ยมด้วยความสดใส มาซารุหยุดโวยวายก่อนยิ้มให้

     


     

    “พวกนายมากันเร็วหนิ ไม่เสียแรงที่ให้โคจิโร่ช่วยตาม”

     


     

    “มากันแล้วหรอ กำลังจะไปรับเลย”คราวนี้เป็นอีกเสียงคนจากที่นั่งบนโซฟา ผมสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำ มันดูฟูน้อยลงจากที่เคยเห็น ดวงตาสีเดียวกับผมดูขุ่นหมองลงเล็กน้อยเหมือนกับเวลาที่ผ่านมาขัดเกลาให้เขาโตขึ้น และสุขุมมากขึ้น คนๆนั้น ยางามิ ไทจิ

     


     

    “พวกนี้มาก่อนตั้งนานนะ ฉันผ่านไปเจอเข้าเลยพามา”ทาคุยะพูดจบก็หายเข้าไปในประตูที่อยู่ไกลที่สุด บานที่สามนับจากประตูทางเข้า

     


     

    “ขอบโทษนะครับ แต่ทำไมผู้กล้าในตำนานถึงอยู่ที่นี้กันหมดเลย?”รุ่นพี่เขาถามไปก่อน “ใช่ครับ นอกจากนั้นยังอายุไล่เลี่ยกันหมดเลยไม่ใช่หรอ”คราวนี้เขาถามบ้าง

     


     

    ไทจิพยักหน้ารับรู้ก่อนเปลี่ยนที่มานั่งบนโต๊ะอาหาร เป็นโต๊ะสี่เหลี่ยมที่มีเก้าอี้วางไว้เจ็ด-แปดตัวรอบๆ พวกเขานั่งฝั่งตรงข้ามทาคาโตะรินน้ำวางไว้ให้ก่อนเข้ามาไปนั่งข้างไทจิ

     


     

    “ฉันยังเล่าอะไรให้ฟังหมดไม่ได้จนกว่าพวกนายจะตอบคำถาม”ไทจินั่งหลังตรง มือประสานกันไว้เหนือโต๊ะ น้ำเสียงผ่อนคลายแต่ดวงตาเต็มไปด้วยความจริงจัง “นับจากเหตุการณ์ของควอตซ์มอนผ่านมากี่ปีแล้ว”

     


     

    “1ปีครับ”รุ่นพี่เขาตอบ มาซารุพยักหน้าพร้อมเสียงอืม มือของเขาจดอะไรบางอย่างลงเศษกระดาษ “คนรอบตัวจำเรื่องดิจิมอนได้ไหม คือ คนที่มีดิจิไวซ์นะ”ไทจิเคาะนิ้วมือตัวเองสองสามครั้ง

     


     

    “จำได้ครับ”เขาเว้นวรรค “แต่ไม่ใช่ทุกคน บางคนที่มีครอสโหลดเดอร์ก็จำไม่ได้”คนที่เขาพูดถึงคือฮิเดอากิกับมิซึกิ คนที่เคยช่วยเขาไว้ ทั้งคู่จำเรื่องของเขาได้แต่กลับจำเรื่องดิจิมอนไม่ได้สักนิด

     


     

    “พวกคุณเคยเห็นเกมการ์ดที่เป็นดิจิมอนแบบนี้ไหมครับ”เมื่อครู่เป็นประโยคของทาคาโตะ เขายื่นกระเป๋าเก็บการ์ดให้ “เคยนะ มันฮิตอยู่เมื่อประมาณสี่ปีที่แล้วใช่ไหม”ไทกิหมุนการ์ดในมือไปมา ทาคาโตะยิ้มเจือๆด้วยใบหน้าเศร้า



     

    “ครับ แต่ตอนนี้มีแค่ผมคนเดียวที่มีมัน”

     


     

    “หมายถึงยังไง ของฮิตน่าจะมีคนซื้อเก็บไว้เยอะไม่ใช่หรอ”คำถามเขาทำตัวคนดวงตาสีแดงสะดุ้งหน่อยๆ “ครับ แต่เพื่อนผมที่เป็นเทมเมอร์เหมือนกันบอกว่าไม่เคยเห็นมัน”ทากิรุขมวดคิ้วไม่เข้าใจ รุ่นพี่เขาแสดงสีหน้าแบบเดียวกัน



     

    “จะบอกว่าคนที่เคยเกี่ยวข้องจำไม่ได้สินะทาคาโตะคุง”ไทกิถามด้วยเสียงเรียบๆ อีกฝ่ายพยักหน้าแทนคำตอบ “หัวเร็วดีหนิไทกิ”คราวนี้คนผมยุ่งฟูออกความเห็น ส่วนเขายังไม่เข้าใจสักนิด เขาปะติดปะต่อเรื่องไม่ได้เลย ก็พวกยูยังจำได้เลยทำไมคนรอบตัวของทาคาโตะถึงจำไม่ได้ ทำไมละ ทำไม ทำไม....?

     


     

    “รวมถึงพวกคุณด้วยใช่ไหมครับ”รุ่นพี่เขาจับคางครุ่นคิด ดวงตาสีเงินก้มมองโต๊ะเลี่ยงการสบตา “ที่คนรอบตัวจำเรื่องดิจิมอนไม่ได้”ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ มีแต่เสียงลมหายใจของพวกเขากับข่าวทางโทรทัศน์  เขาไม่เข้าใจ หมายถึงคนรอบตัวของผู้กล้าคนอื่นจำไม่ได้แบบที่พวกฮิเดะอากิเป็นงั้นหรอ?  ทั้งห้องทิ้งห่างเสียงพูดคุยกระทั่งเสียงปรบมือดังขึ้นมา

     


     

    “ไทกินี้เข้าใจอะไรเร็วจังเลยนะ แถมยังสันนิษฐานได้สุดยอดเลยด้วย”ไม่คุ้นนี้คือความคิดแรกที่ผุดขึ้นมา.... เสียงคนที่พูดประโยคเมื่อครู่เขาไม่เคยเจอมาก่อน ทากิรุเงยหน้าตามความอยากรู้อยากเห็น เด็กผู้ชายผมสีน้ำเงินอ่อน ดวงตาเป็นประกายสดใสติดจะบวมนิดๆจากการนอนมากเกินไป คนมาใหม่ดูเป็นมิตรและไม่เป็นอันตราย แต่ เขาไม่คุ้นหน้า ไม่คุ้นสักนิดว่าเคยเจอกัน

     


     

    “ฉันไทกะ ยินดีที่ได้รู้จัก”อีกฝ่ายยังอยู่ในชุดนอนฮู้ดสีเข้ม เขานั่งบนเก้าอี้หัวมุมหมุนดินสอไปมา มืออีกข้างก็กางสมุดโน็ตสองเล่มไว้

     


     

    “สมุดนายอยู่กับไทกะ หมอนั้นเอาข้อมูลไปเทียบมา”ประโยคเมื่อครู่ทาคุยะหันไปคุยกับมาซารุก่อนเลือกนั่งเก้าอี้ข้างเขา

     


     

    “เขาเป็นใครนะครับ”สุดท้ายทากิรุก็ถามออกไป “ไทกะไง ฉันคือไทกะจะเป็นใครอีกละ”สาบานว่านั้นไม่ขำ ทำไมเขาไม่เคยเจอคนๆนี้...ไทกะมีความสัมพันธ์อะไรเกี่ยวกับดิจิมอน?

     


     

    “ฉันไม่ใช่ผู้กล้าในตำนาน ไม่ใช่ผู้ถูกเลือก ก็แค่เด็กติดเกมธรรมดานะ”ไทกะควงดินสอกดในมือเล่นสองสามรอบก่อนหยุดหมุน ดวงตาดูจริงจัง “แต่เกมที่เล่นนะเป็นเกมดิจิมอน”

     


     

    “แสดงว่าทุกคนมีความสัมพันธ์กับดิจิมอนทางใดทางหนึ่งสินะครับ”เสียงงึมงำดังเป็นการตอบสนอง ไทกิเงียบไปหลังถามจบ

     


     

    “เท่าที่สรุปเหตุการณ์กับความเป็นไปได้คร่าวๆก็แบบนี้”ไทจิเอื้อมมือไปคว้าสมุดเล่มหนึ่งก่อนเปิดไล่อย่างชำนาญ เขาหยุดตรงหน้าที่คั่นสีแดง เนื้อความเป็นแผงผังเวลาที่เกิดขึ้น

     


     

    ฤดูใบไม้ผลิ 1999 คัมบาระ ทาคุยะกับดิจิตอล เวิร์ดที่ไม่สมบูรณ์ - - > ฤดูร้อน 1999 ยางามิ ไทจิ กับดิจิตอลเวิร์ดและดาร์ก มาสเตอร์ มีผลกระทบกับโลกเรามาก(ตึกฟูจิทีวี โอไดบะ แผนที่โลกกับสนามแม่เหล็กเปลี่ยนแปลง) - - > 2004 โมโตมิยะ ไดสึเกะ เหตุการณ์ใหญ่คือดิจิมอนบุกโลกอย่างหนักหน่วง (ดิจิตอล เกททั่วโลกถูกเปิดใช้งาน ดิจิมอนข้ามไปมา)- -> xxxx ไดมง มาซารุ องค์กรDATS(คิดว่าเริ่มจัดตั้งองค์กรนี้ประมาณปี2004 ประมาณปี2000 คิดว่านะ)

     


     

    ทากิรุคิดว่ามันเป็นการเขียนโน็ตที่ขีดฆ่าเยอะมาก มีร่องรอยการลบจนกระดาษเป็นขุย บางตัวก็ลบจนเกิดคราบดำมองไม่ค่อยออก

     


     

    - -> xxxx มัตสึดะ ทาคาโตะ ดิจิมอนถูกสร้างโดยกลุ่มพ่อของลี เจนเรีย(ไม่แน่ใจว่าพัฒนาตั้งแต่เมื่อไร 1999? ก่อนปี1999 ไม่รู้เวลา)มีการจำหน่ายการ์ดเกมและวีดีโอ แต่ตอนนี้กลับไม่เหลืออะไรเลย ทั้งประวัติบริษัทพัฒนาและสินค้าของเล่น

     


     

    ถูกสร้าง ถูกสร้างงั้นหรอ? เขาสะดุดตากับอักษรตัวเน้น มันหมายถึงดิจิมอนถูกมนุษย์สร้าง?   



    - - > xxx ฉันเอง ไทกะ เป็นเด็กติดเกมคนหนึ่งที่ได้เล่น DIgimon World Re: Digitize เป็นเกมออนไลน์ของบริษัท GIGO ฉันถูกดึงเข้าไปในเกมและพอกลับออกมาได้ เพื่อนรอบข้างที่หลุดเข้าไปด้วยกลับจำอะไรไม่ได้เลย



    นอกจากการ์ดเกมยังมีเกมออนไลน์? ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็ต้องมีคนรู้จักสิ แล้วเขาก็น่าจะเคยเห็นบ้างไม่ใช่หรือไง? เด็กหนุ่มได้แต่เก็บความสงสัยไว้ ดวงตาดื้อดึงพยายามไล่หาข้อมูลถัดไปแต่บรรทัดล่างกลับว่างเปล่า คาดว่าสมุดโน้ตจะจบการบันทึกไว้เพียงเท่านี้  ไทกิเดาะลิ้นครั้งหนึ่ง ใบหน้าขะมักเขม้นด้วยความเครียด

     


     

    “ข้อมูลที่มีมันไม่มาก นั้นเลยเป็นเหตุผลให้เรารวมกันที่นี้”เสียงไทจิฟังดูมีอำนาจสมกับเป็นผู้นำ “เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลของแต่ละคน และเพื่อไม่ให้เราลืมเรื่องดิจิมอนไป”ประสาทเขาเคลื่อนไหวอัตโนมัติ



     

    “มันไม่มีทางหรอกครับ!!”เขาตะโกนด้วยโทสะ เสียงแหบพร่ามากกว่าปกติ ภาพมากมายไหลเข้ามาในหัว กัมดรามอน ดิจิมอนฮันเตอร์ การแปลงร่าง เสียงโห่ร้อง เสียงยินดี เสียงร้องไห้ ไม่มีทางเด็ดขาด เรื่องสำคัญแบบนั้น ให้ตายยังดีกว่าลืมเรื่องกัมดรามอนไป!

     


     

    สายตาทุกคู่มองเขา ความรวดร้าวสะท้อนออกมาอย่างปิดไม่มิด ทากิรุผงะ เด็กหนุ่มพึ่งตระหนัก ไม่ใช่เขาคนเดียวที่คิดถึงคู่หู ทุกคนต่างเคยอยู่ด้วยกันและสุดท้ายการจากลาเป็นสิ่งที่ยืนยันเรื่องทุกอย่าง  ถึงอย่างนั้นความดื้อด้านยังคงอยู่

     

     






























     

     

    “ผมจะไม่ลืมเขา”

     

     

     




















     

     

    “.........”

     

     

     

     

    “เราทุกคนจะไม่ลืม”มาซารุถอนหายใจการกระทำบ่งบอกความรำคาญเห็นได้ชัด  “ได้คนรอบตัวเราลืมเรื่องดิจิมอนไปหมด ไม่คิดบ้างรึไงถ้าสักวันพวกเราเป็นแบบนั้น!? พูดว่าจะไม่ลืมๆ แต่ถ้าลืมขึ้นมาจริงๆ เราก็ต้องเตือนกันสิ!”คำตะคอกเสียดสีทำเขาใจฟ่อ รู้สึกตัวหดเล็กลงหลายเท่า

     



     

    “อย่าพึ่งตัดสินคำพูดคุณไทจิก่อนรู้เรื่องทั้งหมดได้ไหมห๊ะ”ประโยคที่พูดยังคงดุดันแต่หากน้ำเสียงกับใบหน้าดูอ่อนลงทำให้บรรยากาศโดยรอบดีขึ้นมาเล็กน้อย เขาผิดเต็มๆที่ไม่ยอมตีความประโยค ไม่มีใครอยากลืมเรื่องสำคัญที่สุดไปหรอก เขาขอโทษกับการกระทำเสียมารยาทด้วยความสำนึกจากใจ

     


     

    “ช่างมัน ฉันหิวข้าวแล้ว ทาคาโตะมาช่วยทำอาหารหน่อย”ทาคุยะส่งเสียงหัวเราะสดใส เด็กหนุ่มสะกิดแผ่นหลังรุ่นน้องให้ตามมา

     



     

    “นายไม่อยากให้ทากิรุเข้าใจฉันผิดใช่ไหมละ แหม่ น่ารักจริงๆเลยนะ”ไทจิฉีกยิ้มก่อนลูบหัวคนข้างๆ เสียงเส้นสติขาดผึงดังขนาดเขาได้ยิน “ไม่ใช่เฟ้ย!! ฉันไม่ได้ปกป้อนายสักหน่อย! อย่าคิดเองเออเองสิฟะ!!




     

    ไทกิกับไทกะมองหน้ากัน ท่ามกลางเสียงโวยวายของมาซารุ รอยยิ้มสดใสถูกประดับบนใบหน้าทุกคน บรรยากาศหนักหน่วงเมื่อครู่สลายไปหมด ถึงจะเจอกันช่วงเวลาสั้นๆในปีที่แล้ว แต่นิสัยเอกลักษณ์แต่ละคนยังอยู่ ทาคาโตะยังคงอ่อนน้อม ทาคุยะยังคงแข็งกร้าว มาซารุยังเสียงดัง และเมื่อมีรอยยิ้มภาพชัยชนะของผู้กล้าในตำนานยิ่งซ้อนทับจนเหมือนเหตุการณ์เกิดขึ้นมาไม่นาน














     

    แต่

     


























     

    “ขอโทษครับ คุณไดสึเกะอยู่ไหนหรอ?”  




     

       - - - -- - - -- - - -- - - - -- - -- - - -- - - -- - - - - -- - -

    Talk zone



    แฟนฟิคเรื่องนี้เนื้อเรื่องทุกอย่างเคยเกิดขึ้นนะคะ แต่มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยแต่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับภาคTriคะ :’D

    ขอให้สนุกคะ แล้วไว้แก้คำผิดวันหลัง จะสอบแล้วววว

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×