คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [ Go ] Multishipping Someday in winter
Title:Someday in winter(วันหนึ่งในฤดูหนาว)
Note:เหล่าเคะเป็นสายC(สลับเพศ)
Note : เหล่าเคะเป็นสายC(สลับเพศ) กรุณาฉีดน้ำยากันมดก่อนอ่าน2คู่หลัง
“เอ่อ....เรียกฉันมา...มีอะไรหรอ?”เสียงหวานเอ่ยถาม ดวงตาสีเปลือกไม้มองหน้าอีกฝ่ายครู่หนึ่ง พอดวงตาสองคู่สบกันเธอรีบเบี่ยงมองทางอื่นด้วยความอาย
“คือ...ชินโด”เด็กหนุ่มพยายามสะกดกลั้นความหวั่นไหว เมื่อคิดถึงภาพเขินอายของเด็กสาวเมื่อครู่ผิวขาวตรงพวงแก้มขึ้นสีระเรื่อ หัวใจดวงโตเต้นไม่เป็นจังหวะตามด้วยอาการเจ็บปวดบริเวณทรวงอกรู้สึกว่าหัวใจใกล้ระเบิดออกมาเขาเอามือกุมหน้าอกตนเพื่อลดความตื่นเต้น พยายามหายใจเอาอากาศเข้าปอดให้มากที่สุด
“คือ....คือ...”
“......?”
“คือ.....ฉันแอบมองเธอมาตั้งแต่ตอนมัธยมต้นแล้ว.....”
...ประโยคเดิมอย่างงี้.....
“ไม่รู้เมื่อไรที่สายตาของฉัน....มองเธอคนเดียว”
ไม่ๆ ไม่เอานะ อย่าพูดแบบนั้น
“เวลาเธอเล่มเปียโน เวลาเธอหัวเราะ เวลาเธอร้องไห้....ฉันเฝ้ามองมันมาตลอด”
พอเถอะ ฉันไม่อยากทำให้เธอเสียใจ
“ฉันชอบเธอนะ....ช่วยคบกับฉันได้รึเปล่า?”แววตามุ่งมั่นและคาดหวังส่งมาถึงเด็กสาว ชินโดก้มมองพื้นราวหนักใจ
“คือ...ขอโทษนะ”ชินโดเบี่ยงสายตาไปทางอื่น...เด็กหนุ่มรู้แล้วว่าเธอตั้งใจปฏิเสธความผิดหวังมากมายสะท้อนในดวงตา
“อืม...ไม่เป็นไรหรอก”เสียงสิ้นหวังอีกแล้ว....ฝืนยิ้มอีกแล้ว....ทำไมทุกคนต้องเสียใจแบบนั้นด้วย....เด็กหนุ่มหันหลังกลับขาคู่ยาวเตรียมออกก้าวเดิน
“เอ่อ..”เด็กหนุ่มชะงักตามเสียงเรียก
“ถึง...ถึงนายจะไม่ได้คบกับฉัน...แต่ลองมองดูรอบๆ...แล้ว....แล้วนายจะเห็นคนที่รอนายอยู่นะ”
ผมสีน้ำตาลยาวหยกศกสะบัดตามแรงของเด็กสาว ดวงตาสีเปลือกไม้ดูส่องสว่างงดงาม....รอยยิ้มบนใบหน้าเธอทำให้เขาเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว
“ขอบคุณนะชินโด”
ถ้ามีคนทำให้เขาเลิกชอบนางฟ้าคนนี้....คนนั้นคงเป็นเทพเจ้าละมั้ง
“ชินโดจะจบปี2แล้ว เมื่อไรเธอจะมีแฟนสักทีละ”เด็กหนุ่มผมสั้นสีชมพูพูดด้วยน้ำเสียขี้เล่น ดวงตาสีฟ้ามองหน้าเพื่อนสาวที่ขึ้นสีอ่อนๆจากเหตุการณ์เมื่อครู่
“คิริโนะเองก็ไม่มีเหมือนกันหนิ”
“หว่า หว่า..อย่างน้อยฉันก็นำเธอหลายก้าวนะ”คิริโนะเอาปากกาสีน้ำตาลวางตรงขอบโต๊ะ “นี้เธอ”ปากกาอีกแท่งวางไกลกว่าเดิมเล็กน้อย “นี้ฉัน”
“ทำไมนายนำหน้าละ?”เสียงใสถาม “เพราะมีอันนี้ไง”ยางลบก้อนเล็กวางไว้อีกฝั่งของโต๊ะ
“เพราะฉันแอบชอบเด็กที่เจอกันเวลากลับบ้าน”
“เวลามีเป้าหมายคนเราจะหาระยะทางสั้นที่สุดสู่เส้นชัย”ปากกาสีอ่อนเดินตามเส้นตรงไปยังยางลบก้อนนั้น
“ในขณะไม่มีจุดหมายก็ต้องแวะอยู่เรื่อยๆ”ของในกล่องดินสอเธอถูกเกลื่อนเต็มโต๊ะ “นายต้องการจะสื่ออะไรกันแน่นะ?”เด็กสาวเริ่มสงสัย ดวงตาสีเปลือกไม้กลมโตมองหน้าเขา
เพื่อนหนุ่มแสยะยิ้มเล็กน้อย
“นิสัยอ่อนต่อโลกจะกี่ปีก็แก้ไม่หายนะ ฉันอยากให้ชินโดหาคนที่ชอบสักที”
“นายจะมายุ่งอะไรชีวิตฉันละ”พอได้ฟังคำตอบเด็กสาวเลิกให้ความสนใจ
“เอ่อ ชินโดอีกอย่าง”
“.....??”
“วันนี้ฉันกลับด้วยไม่ได้นะ”คิริโนะยกมือขึ้นข้างหนึ่งมาด้านหน้าตัวเองเหมือนการขอโทษ เด็กสาวพยักหน้ารับรู้พรางเก็บเครื่องเขียนบนโต๊ะ
ตั้งแต่เข้ามัธยมมีคนมาสารภาพรักเธอนับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่หนุ่มหน้าตาดีไร้สมอง นักกีฬาสุดเพอร์เฟค คนธรรมดาจนถึงพวกเนิร์ด เธอพยายามปฏิเสธนุ่มนวลเท่าที่ทำได้บางครั้งก็โดนตื้อหนักน่ารำคาญ บางทีก็โดนกระชากไปตามซอกตึกเกือบโดนทำร้าย แน่นอนว่าคิริโนะมาช่วยทันทุกครั้ง อืม เพื่อนสนิทเธออาจจะเบื่อก็ได้....เรื่องต้องตามปกป้องเธอนะ
พูดถึงเรื่องราววัยเรียนนอกจากกิจกรรมชมรม การเรียนเพื่อต่อมหาวิทยาลัย การไล่ตามฝัน ก็คือเรื่องความรัก
เด็กสาววัย17ปี ผลการเรียนดี ฐานะทางบ้านดี พฤติกรรมดี เรื่องชมรมก็ไม่มีปัญหา สำหรับเรื่องหน้าตา....มีคนชวนเธอไปเป็นไอดอลอยู่ไม่น้อยแต่เธออยากใช้ชีวิตเด็กม.ปลายธรรมดามากกว่าเป็นที่รู้จักของผู้คน (ถ้าใครไม่รู้เธอพยายามหลีกเลี่ยงใช้คำว่าหน้าดีเพราะมันดูหลงตัวเองไปหน่อย)
เหลืออย่างเดียวคือเรื่องของความรัก
เธอคิดมาตลอดว่าเวลาตกหลุมรักใครสักคนเป็นยังไง? เหมือนในนิยายรึเปล่าแค่มองตากับเกิดอาการปิ๊งพรั่นพรรณนาถึงกันไปมาจากนั้นก็ happy end หรือ วันหนึ่งเกิดอาการไฟฟ้าสถิตกับเพื่อนร่วมชั้นตัวเองก่อตัวอักษรว่าตกหลุมรักถามกันไปถามกันมาปรากฏว่าอีกฝ่ายแอบชอบตัวเองมานาน happy end
ขนาดนิทานของพี่น้องกริมม์......นิทานดิสนีย์ต่างมีเจ้าชายรูปงามพวกเขาฝ่าฝันอุปสรรคเพื่อช่วยเจ้าหญิง ไม่สิ เพื่อรักแท้ที่แสวงหา
“อ่า...สงสัยอากาศหนาวทำให้สมองฉันไปหมดแล้ว”ชินโดจดข้อความวิชาประวัติศาสตร์บนกระดานลงสมุด
“อะ....”
ชินโดหยิบลิควิดอย่างรีบเร่งเพื่อลบสิ่งที่เธอทำผิดพลาด
“........”เด็กสาวมองรูปวาดบนกระดาษสีขาว ภาพนั้นเป็นผู้หญิงในชุดฟูฟ่องรูปแบบตะวันตกมีผมหยักศกยาวถึงกลางหลัง...เธอวางลิควิดและเขียนเพิ่มเติม
เจ้าหญิงผู้โดดเดี่ยว
โดดเดี่ยว....ใช่...ก็รอบข้างรูปเธอไม่มีอะไรนอกจากตัวอักษรสีน้ำเงินหนิเนอะ
เด็กสาวยิ้มอ่อนโยนโดยไม่รู้ว่ามีสายตาคู่นึงมองอยู่
“ดูท่าทางคุณหนูอ่อนต่อโลกของผมจะกลายเป็นคุณหนูเพ้อฝันแล้วนะ”คิริโนะอมยิ้ม เด็กหนุ่มปิดกล่องดินสอลงทำให้ภาพของเด็กสาวหายไป(เขาติดกระจกในกล่องดินสอเพื่อมองดูคนด้านหลังโดยเฉพาะเลยนะขอบอก!)
หลังเลิกเรียน
ชินโดเดินลงอาคารพร้อมคิริโนะนัยน์ตาคู่สวยมองท้องฟ้าเบื้องบน หมู่เมฆมากมายก่อตัวเป็นสีเทาขุ่นคล้ายหิมะ พอเธอถอนหายใจมีไอเย็นก่อตัวตามมาด้วย
“เหมือนหิมะจะตกนะ”เธอพยักหน้าเห็นด้วยกับเพื่อนหนุ่ม
แต่ดูท่าจะโดนเมิน
ดวงตาของคิริโนะมองตรงไปยังประตูบานใหญ่ ใบหน้าสวยหวานยิ้มกว้างแบบที่ไม่ค่อยได้เห็น ชินโดมองตามสายตา
เด็กสาวผมยาวตรงสีบรอนซ์แม้ดูไกลๆยังเห็นโครงหน้ารูปแบบฝรั่งชุดยูนิฟอร์มสีเข้มทั้งตัวที่ชินโดไม่เคยเห็นมาก่อนโรงเรียนของเด็กสาวคงไม่ได้อยู่แถวนี้ เธอขยันแว่นตัวเองพร้อมโบกมือให้เพื่อนหนุ่ม ไม่เห็นรู้เลยว่าเพื่อนเธอชอบสาวลูกครึ่ง
“หลายวันก่อนฉันบอกเธอว่าเรียนอยู่ไรมง เธอบอกวันนี้จะมาหาฉัน.....”
“บอกแล้วไงว่าฉันนำเธอไปหลายก้าว”เพื่อนหนุ่มโบกมือลาเธอพรางวิ่งไปหาเด็กสาวคนนั้น ชินโดมองตามพร้อมส่ายหัวเบาๆเธอกับคิริโนะรู้จักกันตั้งแต่เด็กพอเพื่อนสนิทมีแฟนก่อนเลยรู้สึกแปลกๆ
ชินโดกระชับกระเป๋านักเรียนเข้าหาตัวเองเด็กสาวเดินออกนอกเขตรั้ว
เธอเดินตามทางคุ้นเคยตรงริมถนนใหญ่เสียงสะท้อนเรียกชื่อของใครดังจากอีกฝากฝั่ง....ปกติเมืองนี้ค่อนข้างสงบทำไมมีผู้คนเยอะผิดปกติ?บางคนเอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป หลายคนถือแผ่นกระดาษกับปากกาไว้ในมือ เธอมองไม่เห็นคนโดนรุมหรอกแต่คิดว่าคงเป็นไอดอลละมั้ง?
พอเหม่อคิดอะไรเพลินๆเด็กสาวก็เดินกระแทกบางสิ่ง กระเป๋านักเรียนตกลงพื้น เธอถอยหลังกลับไปเล็กน้อยพรางบ่นโอดครวญ
“ขอโทษค่ะ....”พอได้สติเธอทำในสิ่งที่ควรแต่มองแล้วเขาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่......
คนตรงหน้าคือเด็กหนุ่มอายุน่าจะมากกว่าเธอ ใบหน้าหล่อคมคายมีรอยแผลเป็นลึกหลายที่รูปร่างสูงโปร่งและกล้ามเนื้อของเขาดูเป็นชายฉกรรจ์มากกว่านักเรียนมัธยมปลาย....ถามว่าเธอรู้ได้ยังไงว่าเขายังเป็นนักเรียน?....เพราะชุดกักคุรันสีเข้มบนตัวนะสิ
ดวงตาสีดำเรียวเล็กจ้องชินโดอย่างละลาบละล้วง สายตาของเขาจดจ่าอยู่บริเวณเรียวขาของเธอ
“เห้ย...เดินชนแบบนี้หมายความว่าอะไรวะ?”เสียงทุ้มต่ำตวาด ชินโดสะดุ้งคำว่าอันตรายก้องดังในหัวของเธอ
“อย่าขยับ!!”ขาของเธอชะงักกลับทันที
“คิดว่าขอโทษเฉยๆมันจะหายหรอ?”เขาขยับเข้าใกล้เด็กสาวขึ้นเรื่อยๆ เธอก้มหน้าไม่ยอมมองเขาดวงตาสีเปลือกไม้เหลือบยังฝั่งตรงข้าม...เมื่อครู่ยังมีคนอยู่มากแต่ตอนนี้กลับเหลือเพียงความว่างเปล่า
แถวนี้ค่อนข้างเปลี่ยวมีคนผ่านทางมาไปมาเพียงเล็กน้อยพวกเขามองเธอด้วยความสงสารแต่ไม่มีใครคิดจะช่วย
แย่....แย่แน่ๆ
“เธอก็หน้าตาใช้ได้ ถ้าไปกับฉันเรื่องเมื่อกี้ถือว่าหายกันเอามั้ย?”เด็กสาวคิดว่ามันเป็นประโยคคำสั่งมากกว่าประโยคคำถาม
ทำยังไงดี? โทรศัพท์มือถือ...อยู่ในกระเป๋านักเรียน
ดวงตาสีเปลือกไม้มองยังกระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมมันอยู่ข้างเท้าของคนในชุดกักคุรัน ตอนนี้ยังไม่มีโอกาสหยิบ
“ว่ายังไงหึ?”เสียงน่าขยะแขยงรบเร้า
“คือ....แค่เดินชน...แค่เดินชนเองนะค่ะ”เด็กสาวพยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่นเครือ เธอปาดน้ำตาอย่างแผ่วเบา....
“ก็เดินชนนั้นแหละ เธอทำให้ฉันเจ็บนะ”
“ฉันเดินชนคุณเบาๆเองนะค่ะ.....”เธอยังก้มมองพื้นไม่ยอมเงยหน้า
“ห๊ะ? หมายความว่ายังไง?จะให้บังคับกันหรอ เธอคิดว่าชนเบาๆใช่มั้ย? สำหรับฉันมันเจ็บมากเลยนะ!!”เขาตะคอก มือใหญ่คว้าข้อมือของเธอ ชินโดอยากกรีดร้องระบายความเจ็บแต่เธอทำได้เพียงเก็บกลั้นไว้....ขืนร้องออกไปหมอนี้ต้องปิดปากเธอแน่ๆ
“ว่าไงจะไปไม่ไป”
“ไม่ค่ะ!!”เด็กสาวพยายามสะบัดข้อมือออกแต่ความเหนียวแน่นความรุนแรงเพิ่มขึ้นทวีคูณราวกับเขาจะหักกระดูกของเธอตรงนี้
“เอ้า ถ้าเธอไม่ยอมไปดีๆอย่าหาว่าฉันใจร้ายนะ”เขาออกแรงกระชากเธอไปด้านหน้า เด็กสาวดึงดันไม่ยอมไป
“ไม่ค่ะ...ยังไงฉันก็ไม่ไป”ดวงตาสีดำสบกับดวงตาสีเปลือกบ่งบอกถึงความก้าวร้าวและมุ่งมั่น เขาแสยะยิ้ม
“ก็ดีเหมือนกัน ยิ่งดวงตาแบบนั้นฉันชอบที่สุดเลยละ”จากการกระชากในครั้งแรกเปลี่ยนเป็นลากไปไม่ยอมหยุด เด็กสาวคว้ากระเป๋านักเรียนเวลามีมือแค่ข้างเดียวแค่เปิดกระเป๋ายังยุ่งยากเลย
บรรยายกาศเริ่มเปลี่ยนแปลงจากทางอันคุ้นเคยกลายเป็นเหมือนอีกโลกหนึ่ง สถานที่แปลกตามากมายตั้งอยู่ทั่วมีเสียงพูดคุยด้วยความกลัวดังขึ้นตลอด
เด็กคนนั้นโชคร้ายจัง......นั้นนักเลงหัวโจกแถวนี้หนิ....โดนลากมาจากไรมงเลยหรอ..มาทาทากิคุงไปช่วยเธอหน่อยสิ!.....จะบ้ารึไงฉันสู้กับคนเบบนั้นได้ที่ไหน
กับอีกสารพัดคำมากมาย ต่อจากนี้เธอจะโดนทำอะไรบ้าง...
“เฮ้ย แกนะทำเด็กผู้หญิงร้องไห้ได้ยังไง!?”เสียงใครบางคนฉุดความคิดของเธอที่กำลังสิ้นหวัง เขามีผ้าคาดผมสีเข้มตัดกับผมสีขาวดวงตาสีแดงมองชายหนุ่มอย่างเหยียดหยาม ใบหน้าหล่อบูดบึ้งไม่สบอารมณ์
“แล้วไง เรื่องของฉันแกยุ่งอะไรวะ?”เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นคนตัวสูงอย่างน้อยคงมากกว่า180 เขามองเธอพรางถอนหายใจ
“จะเรื่องของฉันหรือไม่ใช่เธอไม่เต็มใจนะ”เด็กหนุ่มสะบัดข้อมือไปมาเตรียมตัวพร้อมทะเลาะวิวาท เสื้อเชิ้ตสีขวาด้านในถูกสเวตเตอร์สีดำประดับขอบสีทองสวมทับ กางเกงขายาวสีดำมีสายสีทองลากยาวด้านข้าง ชินโดพยายามนึกชื่อโรงเรียนเจ้าของยูนิฟอร์ม
ชายชุดกักคุรันปล่อยข้อมือเธอ เด็กสาวรีบถอยหลังอัตโนมัติเขาบิดไหล่ตัวเองเป็นการออกแรงกล้ามเนื้อ
“เอาสิ ได้ซัดแกสักเปรี้ยงก็ดีเหมือนกัน”
“โถ่ทำได้แค่นี้เองหรอ?”เด็กหนุ่มผมสีขาวมองซากชายชุดกักคุรัน ใบหน้าเขามีรอยฟกช้ำเล็กน้อย
“แก....แกชื่ออะไร...ครั้งหน้า...ครั้งหน้า”
“...ฉันชื่ออิบุกิ นุเมะมาสะแห่งโรงเรียนกัซซันคุนิมิทสึและไม่กลัวใครหน้าไหนโดยเฉพาะพวกทำร้ายผู้หญิง ถ้าจะยกพวกมาฉันก็มีนักกีฬาบาสคอยไล่กระทืบเหมือนกัน”เขาพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์เหมือนเดิม
“เธอไม่เป็นไรนะ?”อิบุกิก้าวข้ามนักเลงหัวโจกราวกับเขาเป็นเพียงของไร้ค่า ดวงตาสีเปลือกไม้เห็นเลือดไหลซิบจากมือของเขา
“คือ....ขอโทษนะค่ะ...ที่...ที่ทำให้คุณเจ็บตัว...”ไหล่เด็กสาวลู่ลงพร้อมน้ำตาหยดตามใบหน้ามน อิบุกิสะดุ้งโหยง
“เดี๋ยว เธอจะร้องไห้ทำไม!?”
“ก็เป็นเพราะฉัน เพราะฉัน...คุณเลย.....”เธอรับรู้ถึงสัมผัสแผ่วเบาบนหัว มือคู่ใหญ่ลูบเด็กสาวเป็นการปลอบประโลม
“เธอไม่ผิดหรอกหมอนั้นละ กากยังทำกร่าง”ชินโดเงยหน้ามอง ใบหน้าของอิบุกิขึ้นสีเล็กน้อยพร้อมเบี่ยงมองไปทางอื่นราวกับเขินอาย
เป็นครั้งแรกที่เด็กสาวรู้สึกถึงหัวใจตรงอกซ้ายกำลังเต้นระรัว พอดวงตาสีแดงสบเข้ากับเธอ ทั้งคู่ต่างหันหน้าหนีคนละทาง ความรู้สึกร้อนผ่าวบริเวณใบหน้า และลมหายใจออกปนไปด้วยไอร้อนทั้งที่อุณหภูมิรอบข้างต่ำกว่าสิบองศา ภาพใบหน้าสีแดงของเด็กหนุ่มยังติดตรึงอยู่ในหัวของเธอ
....................นี้รึเปล่าที่เรียกว่า ตกหลุมรักนะ?...................
เด็กหนุ่มวัย16ปีผู้ปฏิเสธโลกภายนอกกำลังเจอเหตุการณ์พลิกผันเปลี่ยนชีวิตเขา
“ได้โปรด....ช่วยฉันหน่อยค่ะ ช่วยฉันด้วย”ในขณะเขาเดินกลับบ้านตามปกติกลับเจอเด็กสาวหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม ผมยาวสีน้ำตาลของเธอดูฟูนุ่มนิ่มเหมือนขนสัตว์ ดวงตากลมโตสีเทากำลังคลอด้วยน้ำสีใส เขาก็แค่เด็กผู้ชายธรรมดาพอเจอเด็กผู้หญิงร้องไห้ใครจะปล่อยได้ละ.....
ตอนนี้เขาเป็นนักวิ่งมาราธอนชิงแชมป์โลกแตกต่างเล็กน้อยคือไม่มีเส้นชัยอยู่ตรงหน้าและไม่จำกัดระยะทาง เขาจับข้อมือเด็กสาวพาวิ่งรวมราวๆ10นาทีได้.... ไม่ว่าจะออกตามซอยไหน ลัดเลาะไปทางใด ยังไงเขาก็สลัดแฟนคลับของเธอไม่หลุดสักที อย่างน้อยคนก็น้อยลงละนะ
สึรุงิวิ่งเข้าซอยครั้งที่เท่าไรรู้ มันเป็นซอยตันมีรั้วล้อมไม่ให้ผ่านไปยังถนนใหญ่ เขาสั่งให้เด็กสาวปีนโดยมีกล่องโลหะเป็นฐานไปอีกฝั่งพอเธอถึงพื้นอย่างปลอดภัยเด็กหนุ่มจึงปีนตาม
มือแกร่งจับข้อมือเด็กสาวผมยาวไว้อีกครั้ง แรงของเขาทำให้ตัวเธอวิ่งตามอย่างขัดไม่ได้ ทั้งคู่วิ่งกันอีกสักระยะเขาคิดว่าไม่มีใครตามมาแล้ว เด็กหนุ่มปล่อยข้อมือเธออย่างหมดแรง เขาเอาหลังชนกระจกร้านอาหารเป็นหลักยึด
ถึงอุณหภูมิภายนอกจะต่ำกว่าสิบองศาแต่เขาไม่สน เด็กหนุ่มผมสีเข้มปลดผ้าพันสีขาวเผยให้เห็นหยดเหงื่อไหลตามซอกคอ เขาหอบหายใจสูดอากาศเข้าปอดให้มากที่สุด
“ขอบคุณ ขอบคุณนะค่ะ...ที่ช่วย”เด็กสาวด้านหลังของเขาพูด ใบหน้าเธอมีสีแดงระเรื่อจากการหายใจไม่ทันเธอกำลังส่งยิ้มให้เขา อ่า...เจอเด็กผู้หญิงยิ้มให้มันใจเต้นอย่างงี้เอง
หลังจากเหงื่อบริเวณลำคอหายไปสึรุงิสวมผ้าพันคอไว้อย่างเดิม เด็กสาวผมน้ำตาลจ้องชื่อร้านอาหารไม่วางตาเธอหัวเราะคิกคักพร้อมจับชายเสื้อเขา
“จะว่าไป ฉันคงทำให้เธอลำบากแย่เดี๋ยวเลี้ยงข้าวตอบแทนนะ”รอยยิ้มไร้เดียงสาทำให้เขารู้สึกร้อนผ่าวๆบริเวณแก้ม เธอเดินนำยังโต๊ะอาหาร พอมองชายเสื้อที่เล็ดลอดจาดเสื้อกันหนาวกับสีกระโปรงทำให้รู้ว่าเด็กสาวเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกับเขา ถึงว่าหน้าตาคุ้นๆเหมือนเคยเจอที่ไหน
“ไม่ต้องเกรงใจนะ”เธอส่งเมนูให้ ราคาอาหารของที่นี้ไม่แพงนักพอให้เด็กนักเรียนซื้อกินกันหลังกลับบ้าน พนักงานมีท่าทีตกใจเล็กน้อยเมื่อมารับเมนู เด็กสาวชูนิ้วชี้ไว้ระหว่างปากเป็นสัญลักษณ์ให้เงียบเข้าไว้ พนักงานสาวพยักหน้าพร้อมรับออร์เดอร์จดลงเมโม้ แววตาของเธอเปล่งประกายทุกครั้งเวลาเหลือบมองเด็กสาว
“เอ่อ...เธออยู่ไรมงสินะ?”สึรุงิถามด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ
“อือ มัทสึคาเซะ เทนมะอยู่ม.ปลายปี1”
“สึรุงิ เคียวสุเกะ ปี1เหมือนกัน”นิสัยดั้งเดิมของเขาคือคนเย็นชา ถึงพยายามเปลี่ยนแต่น้ำเสียงไร้ความรูสึกก็แก้ไม่หายสักที
“สึรุงิอึดชะมัดเลยนะ! พาฉันวิ่งมาตั้งหลายกิโล”คำพูดบริสุทธิ์ถูกเอ่ยออกมา
“เธอก็เหมือนกัน ยังอุตส่าห์วิ่งตามได้”
“ก็นะ ตั้งแต่โฆษณาชิ้นนั้นออกมาความนิยมของฉันก็พุ่งจนหยุดไม่อยู่เลย”พอแสดงท่าทีเหนื่อยหน่ายยิ่งทำให้ตัวเด็กสาวน่ารักขึ้นกว่าเดิม
สึรุงิเข้าใจทันทีทำไมเด็กสาวถึงได้รับความนิยมนัก ท่าทีไม่ระวังตัว ดวงตาใสซื่อ และคำพูดบริสุทธิ์จากใจ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายต่างพากันหลงใหล เขาคงเป็นคนหนึ่งที่หลงเด็กสาวเข้าแล้ว....
“หน้าแดงๆนะสึรุงิ เป็นอะไรรึเปล่า”มือเล็กยื่นจากอีกฝั่งมาสัมผัสหน้าผากเขาทำให้เด็กหนุ่มมองได้พิจารณาใบหน้านั้นโดยละเอียด....ขนตายาวไม่ได้มาจากเครื่องสำอางดวงตากลมโตสีเทาอ่อนดูเหมือนตุ๊กตามีชีวิตร่าเริงสดใส ผมยาวถึงกลางหลังนุ่มนิ่มฟูฟ่องน่าสัมผัส ผิวของเธอไม่ได้ขาวแต่เป็นผิวสีคล้ำเล็กน้อยเหมือนคนส่วนใหญ่
“ร้อนนิดๆอะ เป็นหวัดรึเปล่า?”เด็กหนุ่มอยากปัดมือคู่นี้ออกถ้าทำแบบนั้นมันคงรุนแรงกับเด็กสาวมากไปหน่อย เขาจึงเปลี่ยนเป็นเลื่อนมือเธอออกช้าๆ
“ไม่เป็นไร”เขาพยายามทำตัวให้เป็นปกติ
“อือ....ว่าแต่สึรุงอยู่ห้องไหนหรอ?”เด็กสาวเปลี่ยนเรื่อง
“ห้อง1”
“ว้าว ห้องเด็กเตรียมเข้ามหาลัยแสดงว่าเรียนเก่งใช่มั้ย!!”
“ฉันนะโดนว่าบ่อยๆหน้าตาดีก็จริงแต่เรียนไม่ได้เรื่อง เพื่อนสนิทก็ดันคะแนนดีทั้งคู่อีก”เทนมะบ่นเสียงอู้อี้แต่คนนั่งตรงข้ามกลับยิ้มออกมาเขามีความรู้สึกว่าอยากฟังเสียงนี้อีกแม้จะเป็นสำเนียงถิ่นโอซาก้าก็ตาม
“เธอเป็นไอดอลหรอ?”
“ยังหรอก ฉันแค่ถ่ายโฆษณาคือออกมากินขนมแล้วยิ้มรวมทั้งหมด30วิ ใครจะคิดกันว่ามีคนชอบฉันมากขนาดตั้งกลุ่มแฟนคลับขึ้นมา”
“ขนาดนั้นเชียว”
“ขนาดนี้ต่างหากกกก”เด็กสาวยืดแขนทั้งสองข้างออกวาดรัศมีเป็นวงกว้าง เด็กหนุ่มแอบยิ้มเล็กน้อยเพราะการกระทำไร้เดียงสา
“สึรุงิละ! ฉันเคยได้ยินจากมาซากิ นายเป็นฮิกกี้(โรคหมกตัวอยู่แต่ในบ้าน)หรอ?”ดวงตาสีเทาส่องประกายสดใส
“ไม่ถึงกับฮิกกี้หรอก แค่ไม่ค่อยสนใจโลกภายนอก”
“เอ๋ งั้นหรอ”เธอหัวเราะเสียงใส
“แล้วทำไมถึงไม่สนใจละ! โลกนี้มีเรื่องน่าสนใจตั้งเยอะ”
“คงเพราะไม่มีแรงจูงใจ”
“แรงจูงใจ......?”เด็กสาวยังไม่ทันพูดจบกลิ่นอาหารหอมฟุ้งลอยเข้ามาปะทะจมูก ข้าวสวยร้อนๆราดแกงกระหรี่สีน้ำตาลพร้อมหมู มันฝรั่ง แครอทชิ้นพอดีคำถูกเสิร์ฟตรงหน้าทั้งสอง พนักงานสาวคนเดิมหยิบโทรศัพท์ด้วยท่าทางเขินอายเธอขออนุญาตถ่ายรูปกับเทนมะ
เด็กสาวผมสีน้ำตาลยินดีเธอรับโทรศัพท์พร้อมกดเปิดกล้องหน้าเทนมะถ่ายรูปมุมสูงซึ่งเห็นมือของเธอกุมมือพนักงานสาวไว้อย่างสนิทสนม
“ลำบากหน่อยนะ”
“ก็บางที”เทนมะกลับมานั่งเก้าอี้ เด็กสาวหยิบช้อนขึ้นมา “จะกินละนะค่ะ!!”เธอเอ่ยด้วยเสียงสดใส เด็กหนุ่มกล่าวคำพูดก่อนรับประทานอาหารบ้าง สึรุงิตักข้าวคำแรกเข้าปากสัมผัสนุ่มละมุนลิ้นและเผ็ดเล็กน้อยของแกงกระหรี่กลิ่นหอมอ่อนๆเป็นความอร่อยที่ลงตัว
“เอ่อ สึรุงิ”เทนมะพูดพร้อมเคี้ยวข้ามตุ่ยๆเต็มสองข้าง น่าเอ็นดูเหมือนแฮมเตอร์เวลากินอาหาร
“เคี้ยวให้เสร็จค่อยพูดก็ได้”เด็กสาวกลืนอาหารลงไปทันที
“แรงจูงใจที่ว่าคืออะไรหรอ?”
“ปกติการเรียนฉันก็ดีอยู่แล้ว เลยคิดว่าถ้าไม่สนใจโลกภายนอกก็เป็นไร”
“แล้วทำยังไงจะกลับมาสนใจโลกภายนอกหรอ?”เด็กสาวเอ่อถาม
“ตอนนี้คงมีอะไรให้ฉันสนใจแล้วละ....”เด็กหนุ่มทิ้งท้ายไว้
“......?”
เวลาทำหน้างุนงงก็ดูน่ารักดี เวลาเธอพูดก็น่ารักดี เวลาเธอหัวเราะก็น่ารักดี เวลาเคี้ยวข้าวจนเต็มกระพุงแก้มก็น่ารักดี ตลอดเวลา16ปีสำหรับเขาที่โดนหาว่าเย็นชา ไม่แคร์อะไร ตอนนี้กำลังเดินตามกระแสโลกเปลี่ยนแปลงตัวเองเพราะเธอ....เธอที่นั่งกินข้าวอยู่ตรงข้าม...ความเย็นชาของเขากำลังถูกครอบงำด้วยความสดใสนั้นสินะ
“.....ฉันหาเทนมะจังไม่เจอ”เด็กสาวผมสีม่วงพูดอย่างเหนื่อยใจ เธอมองหน้าแฟนหนุ่มผมสีเขียวน้ำทะเลเขาส่ายหัวไปมา
“มาซากิก็ไม่เจอหรอ....”
เด็กหนุ่มนั่งบนม้านั่งข้างเด็กสาว เขากระชับผ้าพันคอเธอให้แน่นขึ้นเล็กน้อยเพื่อปกป้องลำคอสวยจากความหนาวรอบกาย มาซากิกุมมือฮิคาริให้อุณหภูมิอุ่นของเขาซึมสู่มือเย็นเชียบข้างนั้น
“ฮิคาริเนี้ย มือเย็นตลอดเวลาเลยนะ”
“มาซากิก็มืออุ่นตลอดเหมือนกัน”เด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงเขินอาย
“ตั้งแต่คบกันมา4เดือน พวกเราอยู่ด้วยกันสองคนไม่กี่ครั้งเองนะ”เขาหัวเราะแห้งๆ
“นั้นสินะ พอไม่มีเทนมะจังก็รู้สึกแปลก”
“ไหนๆก็ได้อยู่ด้วยกัน2คน ไปเดทกันหน่อยมั้ย?”เขาเกาแก้มตัวเอง ดวงตาสีเหลืองเหลือบมองหน้าแฟนสาวเธอไม่ได้ตัวเล็กกว่าเขามากนักจึงทำให้ได้พิจารณานัยน์ตาสีดำกลมโตมันมองเหม่อยังบ่อน้ำกลางสวนสาธารณะ
“เอาสิ”ผมยาวประบ่าสะบัดตามแรง มีรอยยิ้มบางๆอยู่บนหน้าเธอ
มาซากิลุกขึ้นจากม้านั่งเขายื่นมือข้างขวาพร้อมโน้มลำตัวไปด้านหน้าใบไม้ปลิวว่อนทั่วท้องฟ้าจากลมฤดูหนาวเหมือนเขาเป็นเจ้าชายกำลังขอเจ้าหญิงเต้นรำ
“เชิญเลยครับคุณหนู”เด็กสาววางบรรจงวางนิ้วลงบนมือเด็กหนุ่ม
มาซากิกุมมือสวยมาจุมพิตเบาๆ ฮิคาริกระชากมือตัวเอกลับทันทีหลงเหลือไว้เพียงสีหน้าจัดบนแก้ม
“ทำบ้าอะไรเนี้ยมาซากิ!”เธอโวยวาย
“ก่อนเริ่มเต้นรำเจ้าชายต้องจูบมือเจ้าหญิงใช่ไหมละ”เขาหัวเราะร่าเริง
“บ้า บ้า บ้า”เด็กสาวทุบเขาด้วยความเขินอาย หน้าเธอมีสีแดงไปจนถึงใบหู จากรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กลายเป็นรอยยิ้มอ่อนโยน
“ไม่ว่าฮิคาริจะเป็นยังไงผมก็ชอบเธอนะ”
“รู้แล้ว....”ดวงตาสีดำกลมโตไม่ยอมมองหน้าเขา
“เรื่องของฮิคาริจังนะผมชอบที่สุดนะ”มืออุ่นประคองใบหน้าเด็กสาว ทำให้เขาเห็นว่าแก้มเธอยังเป็นสีแดงสด
“ฉันก็เหมือนกัน...บางทีอาจจะให้ความสำคัญกับเทนมะมากกว่ามาซากิ เอ่อ ขอโทษด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกเพราะนิสัยรักเพื่อนของฮิคาริผมก็ชอบเหมือนกัน”เขาใช้นิ้วเกลี่ยหน้าเธอเบาๆ
“ขอจูบนะ?”เสียงตอบอนุญาตแผ่วเบาดังจาดคำลอเด็กสาว
“หลับตานะคนดี”เธอทำตามที่เด็กหนุ่มบอก
มาซากิเคลื่อนหน้าตัวเองอย่างเชื่องช้าให้ลมหายใจสัมผัสกัน ถึงอากาศภายนอกหนาวเย็นแค่ไหนแต่เขารู้สึกถึงอุณหภูมิร้อนของร่างกายกำลังเพิ่มขึ้น หัวใจเต้นเป็นจังหวะเร็วจนกลัวว่ามันอาจจะสูบฉีดเลือดมากเกินไป เขากดปากตัวเองลงบนริมฝีปากบางไม่มีการลุกล่ำล้วงเกินเป็นแค่การประกบริมฝีปากกัน เขาอยากปกป้องความสัมพันธ์บริสุทธิ์แบบนี้เอาไว้
ผมรอกำลังรอใครบางคนอยู่.....
ผมยืนผิงกำแพงโรงเรียนเอกชนหลังใหญ่ ประตูรั้วเหล็กถูกเคลื่อนออกนักเรียนชุดสูทสีดำทยอยเดินทางกลับบ้านหรือไม่ก็เที่ยวหลังเลิกเรียน เทนงาวาระเลิกช้ากว่าไคโอหนึ่งชั่วโมงผมก็ไม่เข้าใจทำไมเลิกเรียนผมถึงตรงดิ่งมาที่นี้.....เอาตามจริงผมมีเวลาเกือบชั่วโมงในการไปทำกิจกรรมอื่น....แต่ผมกลับมารอที่เทนงาวาระ
พอหลับตาผมเห็นภาพเธอ....ตอนเรียนหนังสือก็ดันเขียนชื่อเธอลงบนกระดาษ....ตอนเห็นคู่รักเดินด้วยกันผมก็เผลอจินตนาการว่าพวกเรากำลังจับมือเดินด้วยกัน
อาการนี้เรียกว่า ตกหลุมรัก
ผมไม่เข้าใจทั้งมารับที่โรงเรียนทุกวัน บางทีก็เนียนโอบไหล่ ทำไมยัยนั่นไม่ยอมบอกสักทีว่าคิดยังไงกับผม หรือเธอจะไม่รู้!? ให้ตายสิเวลาไขคดีอะไรละฉลาดทีเรื่องความรักทำไมบื้อแบบนี้
“มาทาทากิคุงรอนานไหม”คนที่พูดถึงคือยัยนี้ เธอไว้ผมสั้นซอยยุ่งๆสีส้มสดใส ดวงตาสีเขียวมรกตคาดเดาอารมณ์ยากกับส่วนสูงที่อยู่ระดับใบหูผม มินาโฮะใส่เสื้อฮู้ดหนาสีเข้มกันหนาวแต่ด้านล่างมีแค่กระโปรงสั้นสีแดงและถุงน่องนักเรียน ผมอยากถามมากเลยว่าหนาวขาบ้างรึเปล่า?
“แฟนมารับทุกวันเลยนะมินาโฮะ”เสียงแซวตามกิจวัตรดังขึ้น ตอนแรกพวกผมปฏิเสธเอาเป็นเอาตายแต่ช่วงนี้รู้สึกชินชาเสียแล้ว
“ไม่ใช่ครับ...”เด็กเทนงาวาระหัวเราะคิกคัก มินาโฮะโบกมือลาอย่างหงุดหงิด
“ก็บอกว่าไม่ใช่ทำไมรุ่นพี่คิตะชอบล้อจังเลย”คนตัวเล็กถอนหายใจ ทำให้ผมได้เห็นสิ่งผิดปกติบางอบ่าง
“ไม่ใส่ผ้าพันคอหรอวันนี้?”
“เมื่อเช้าลืมใส่มานะ”ยัยนั่นลูบคอตัวเอง ให้ตายสิลืมแม้กระทั่งผ้าพันคอ ผมหยิบปลายผ้าผืนยาวของตัวเองไปวนรอบคอของมินาโฮะ
“ขอบคุณนะมาทาทากิคุง แต่มันบังทาง....”ส่วนสูงผมมากกว่ายัยนี้ประมาณ20เซนฯจึงไม่แปลกว่าทำไมผ้าสีน้ำเงินถึงพันผมสีส้มเกือบมิด ผมถอดส่วนผ้าบนคอตัวเองมันรู้สึกหวิวๆที่คอเปล่าสัมผัสอากาศด้านนอก
“มาทาทากิคุงไม่หนาวหรอ?” แค่เธออุ่นฉันก็พอใจแล้วละ
“หนาว....”ผมไม่ใช่พวกซึนเดเระเพราะผมหนาวจริงๆ
“งั้น งั้นเอากลับไปสิ”ผมหยุดมือเล็กที่กำลังแกะผ้าพันคอ
“ฉันเป็นนักกีฬาแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก”
“อ....อือ...”รุ่นน้องซุกหน้าตัวเองลงบนผ้าพันคอ ดวงตาสีเขียวกำลังปรือลงเมื่อได้รับความอบอุ่น....เฮ้อผมหันหน้าไปอีกทางเพื่อหลบภาพเมื่อครู่....ยิ่งมองแบบนั้นยิ่งทำให้ผมใจสั่น
“เด็กคนนั้นโชคร้ายจัง”จู่ๆผมก็ได้ยินเสียงใครบางคนพูด
“นั้นนักเลงหัวโจกแถวนี้หนิ” “โดนลากมาจากไรมงเลยหรอ...”
อีกฝั่งของถนนเป็นเด็กสาวผมหยกศกสีน้ำตาลมือของเธอโดนฉุดกระชากด้วยผู้ชายตัวสูงหน้าตาดุดันชุดกักคุรันของหมอนั้นยาวสั่งตัดพิเศษเป็นชุดที่พวกนักเลงชอบใส่
“มาทาทากิคุงช่วยเธอหน่อยสิ!”มือเล็กขยุ้มเสียงเชิ้ตของผม ดวงตาสีเขียวจ้องไปอีกฝั่งไม่วางตา
“จะบ้ารึไงฉันสู้กับคนแบบนั้นได้ที่ไหน”ตามความจริงผมสู้ได้...แต่ถ้าไปต่อยกับคนแบบนั้นยัยนี้จะได้รับอันตรายรึเปล่า? หมอนั้นเป็นพวกชอบลอบกัดเพื่อนผมเคยมีเรื่องกับมัน...ครั้งนั้นเพื่อนผมชนะแต่แฟนโดนทำร้ายหนัก....ผมไม่อยากให้ยัยนี้ได้รับอันตรายนะ
“มาทาทากิคุง ถ้านายไม่ไปฉันไปเองนะ!”
“จะบ้ารึไง ตัวก็แค่นี้ยังทำซ่าอีก”ผมกดหัวมินาโฮะถ้าปล่อยไปยัยนี้คงโดนลากพร้อมเด็กคนนั้นแน่
“เฮ้ย แกนะทำเด็กผู้หญิงร้องไห้ได้ยังไง!?”โอเค ยอมรับหมอนั้นใจกล้ามาก ชุดสเวตเตอร์สีดำประดับทองกัซซันคุนิมิทสึสินะ? คนมาช่วยเป็นนักกีฬาผมยืนยันจากส่วนสูงกับกล้ามเนื้อแบบนั้นได้เปรียบคนชุดกักคุรันชัวร์
“เท่จังเลย”....ได้ยินแบบนั้นผมตัดสินใจฉุดมือมินาโฮะออกมา ถ้าอยู่ต่อจนจบมีหวังยัยนั้นได้หลงใหลเด็กกัซซันแน่ บางทีผมอาจจะคิดไปเองแต่ให้ยัยนี้ไปสนใจคนอื่นแน่นอนผมไม่พอใจหรอก
“มาทาทากิคุง......เจ็บ....เจ็บ....”เสียงยัยนั้นเรียกสติผม อ่า....นิสัยแย่ๆหลุดมาอีกครั้ง.....ผมปล่อยข้อมือเธอความรู้สึกผิดทับถมจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ออก
ข้อมือมินาโฮะมีรอยสีแดงเจือจางเกิดขึ้น....เพราะผมเลยทำให้เธอเจ็บ....ทั้งที่พยายามปกป้องมาตลอด
“ขอโทษ...”ผมคงพูดอะไรไม่ได้นอกจากคำนี้ มินาโฮะยิ้มให้ผมเธอลูบข้อมือตัวเองไปมายิ่งเห็นเธอทำแบบนั้นผมยิ่งทนไม่ได้...
“ฉันไม่เป็นไร”มินาโฮะยื่นมือเล็กมาจับปลายนิ้วผม พยายามทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นสินะ
“มาทาทากิคุงฉันมีเรื่องจะบอก”นิ้วเรียวแทรกลงมาในมือผม
“เวลาฉันจับมือคนอื่น ไม่มีใครทำให้ฉันอายแบบนี้เลยนะ”
“เธอเคยจับมือผู้ชายคนอื่น!?”ผมร้องเสียงหลง ยัยนี้ทั้งที่รู้ว่าผมหึงยังเอาเรื่องมาพูดอีก ยัยโง่ ยัยบ๊อง ยัยบ้า โอ้ย ไม่มีคำบรรยายแล้วเนี้ย เธอใช้สมองส่วนไหนคิดว่าฉันจะดีใจตอนได้ยิน!!
“ก็ฉันอยากรู้ว่าทำไมเวลาจับมือกับมาทาทากิคุงถึงรู้สึกแปลกๆ”
“แล้วใครละที่เธอจับมือด้วย!!?”
“ก็...ก็รุ่นพี่คิตะ เขาไม่ได้คิดอะไรกับฉันนะ!! สืบมาแล้วด้วยพี่เขาแอบชอบคนอื่นอยู่”เฮ้อ....ผมละหนักใจจริงๆคงไม่มีผู้ชายหน้าโง่ยกเว้นผมมาชอบเธอละมั้ง ผมกระชับมือที่เธอจับไว้ให้แนบชิดมากขึ้นแก้มเธอขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อย
“ฉันพึ่งรู้ตัวว่าชอบมาทาทากิคุงนะ...นายคงรอฉันมานานสินะ”
“ประมาณปีกว่าแล้วละ”ปกติผมเป็นคนรักษาน้ำใจแต่สำหรับมินาโฮะผมอยากให้เธอรู้จักนิสัยจริงๆของผมมากกว่าคนอื่น
“ขอโทษนะ”
“จะขอโทษทำไม ฉันไม่ยอมบอกเธอเองต่างหาก”
“นิสัยดิ้อเงียบ ชอบเอาชนะ บางครั้งก็ขี้หึง มีแต่อะไรแย่ๆเนอะ”ผมนิสัยแย่ขนาดนั้นเลยหรอ?.....
“แต่ฉันก็ชอบนะ”เธอพยายามเขย่าขาสั้นๆ เฮ้อ....ผมรู้สึกสงสารเลยย่อตัวให้สูงกว่าเธอเล็กน้อย
แล้วสิ่งที่ผมไม่เคยคิดมาตลอดก็เกิดขึ้น
เธอกำลังจูบผม....ไม่สิเป็นแค่การประกบปากแสนแผ่วเบาและอ่อนโยน ในช่วงเวลาไม่ถึงสามวินาทีหัวใจของผมกำลังสูบฉีดเลือดไปทั่วร่างกายความเร็วพอกับเวลาวิ่งรอบสนามโรงเรียนไคโอหกรอบ รู้สึกลืมหายใจไปชั่วขณะหนึ่งเธอถอนจูบออกไปแล้วแต่ภาพของเธอยังติดตาผม
ผมทรุดตัวลงอย่างไร้เรี่ยวแรง พยายามปิดใบหน้าร้อนผ่าวของตัวเองให้มิดชิดที่สุด อ้ากกกก ทำไมเฟิร์สคิสผมถึงไม่ได้เป็นคนรุกละ!? แล้วความรู้สึกพองๆฟู่ๆจนลอยได้แบบนี้คืออะไร!!
โอ้ย....เขิน...เขิน...นี้...นี้มันมากเกินไปแล้วนะ ดีเกินไปแล้ว!!!!
ผมเหลือบมองมินาโฮะ เธอยังยืนอยู่เหมือนเดิมเพียงแค่ซุกหน้าตัวเองลงผ้าพันคอผู้คนสองฝากฝั่งถนนต่างมองพวกเราทั้งคู่ไม่วางตา ถ้ามองไม่ผิดเด็กเทนงาวาระกำลังถือโทรศัพท์ เด็กไคโอเหวอตามกัน
วันจันทร์เตรียมตัวรับข่าวหนังสือพิมพ์โรงเรียนแน่ ฮายาโตะเอ๋ย.........
พอสายตาผมไปหยุดตรงคนด้านหน้าก็ทำให้ผมมีความคิดแบบนี้ขึ้นมา
แค่มินาโฮะยอมจูบผมก็ดีเกินคาดแล้วละ
Talk Zone
เนื้อเรื่องหลักยังไม่เสร็จเพราะแอบปั่นเรื่องสั้น คืออยากแต่งอะไรหวานๆโคตรเข้ากับเทศกาลอัพก่อนวันสงกรานต์ ถถถว์(ประชด) ไรท์ชอบคู่อิบุกิกับชินโดสุดละเพราะค่อยๆเป็นค่อยๆไป(จริงๆคือตอนแรกไรท์เขียนแค่คู่นี้อีก3คู่มันงอกออกมาเองงงงง) คู่เคียวเทนดูสดใสๆ มาซะฮิคายอมรับว่าหวานเกินไปตัดจบสองหน้าพอ(เลว) มาตะมินะมาแบบเขินนิดๆ(สองคู่หลังเขาจูบกันตอนจบ =////=)
บางคนอาจจะสงสัยเกี่ยวกับนิสัยมินาโฮะเวลาเราอ่านฟิคในpixivคือมินาโฮะชอบทดลองปฏิกิริยาของแต่ละคนกับตัวเองว่าเป็นยังไงแล้วทักกี้ก็หึง!? หลายเรื่องมากเป็นแบบนี้ไรท์ก็เลยไหลตามน้ำ ฮา
คือพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ชื่อจริงของพวกหนุ่มๆสายซี ยกเว้นฮิคารุเพราะคิอว่าสายซี(สลับเพศ)ต้องชื่อฮิคาริแน่ๆ =w=;;
ไรท์ไม่อยู่หนึ่งสัปดาห์หนีเที่ยว ลงไว้ ณ วันที่ 12/4/14
see u ตอนหน้าจ้ะ :9
ความคิดเห็น