ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Inazuma] short stories are here

    ลำดับตอนที่ #1 : [ Go ] Multishipping Someday in winter

    • อัปเดตล่าสุด 30 เม.ย. 63




    Title:Someday in winter(วันหนึ่งในฤดูหนาว)


    Note:เหล่าเคะเป็นสายC(สลับเพศ)

    อิบุกิ มุเนะมาสะ * ชินโด ทาคุโตะ
    สึรุงิ เคียวสุเกะ * มัตสึคาเซะ เทนมะ
    คาริยะ มาซากิ * คาเงยาม่า ฮิคารุ
    มาทาทากิ ฮายาโตะ * มินาโฮะ คาซุโตะ


    Note : เหล่าเคะเป็นสายC(สลับเพศ) กรุณาฉีดน้ำยากันมดก่อนอ่าน2คู่หลัง

                   

    “เอ่อ....เรียกฉันมา...มีอะไรหรอ?”เสียงหวานเอ่ยถาม ดวงตาสีเปลือกไม้มองหน้าอีกฝ่ายครู่หนึ่ง พอดวงตาสองคู่สบกันเธอรีบเบี่ยงมองทางอื่นด้วยความอาย

                    “คือ...ชินโด”เด็กหนุ่มพยายามสะกดกลั้นความหวั่นไหว เมื่อคิดถึงภาพเขินอายของเด็กสาวเมื่อครู่ผิวขาวตรงพวงแก้มขึ้นสีระเรื่อ หัวใจดวงโตเต้นไม่เป็นจังหวะตามด้วยอาการเจ็บปวดบริเวณทรวงอกรู้สึกว่าหัวใจใกล้ระเบิดออกมาเขาเอามือกุมหน้าอกตนเพื่อลดความตื่นเต้น พยายามหายใจเอาอากาศเข้าปอดให้มากที่สุด

                    “คือ....คือ...”

                    “......?”

                    “คือ.....ฉันแอบมองเธอมาตั้งแต่ตอนมัธยมต้นแล้ว.....”

                    ...ประโยคเดิมอย่างงี้.....

                    “ไม่รู้เมื่อไรที่สายตาของฉัน....มองเธอคนเดียว”

                    ไม่ๆ ไม่เอานะ อย่าพูดแบบนั้น

                    “เวลาเธอเล่มเปียโน เวลาเธอหัวเราะ เวลาเธอร้องไห้....ฉันเฝ้ามองมันมาตลอด”

                    พอเถอะ ฉันไม่อยากทำให้เธอเสียใจ

                    “ฉันชอบเธอนะ....ช่วยคบกับฉันได้รึเปล่า?”แววตามุ่งมั่นและคาดหวังส่งมาถึงเด็กสาว ชินโดก้มมองพื้นราวหนักใจ

                    “คือ...ขอโทษนะ”ชินโดเบี่ยงสายตาไปทางอื่น...เด็กหนุ่มรู้แล้วว่าเธอตั้งใจปฏิเสธความผิดหวังมากมายสะท้อนในดวงตา

                    “อืม...ไม่เป็นไรหรอก”เสียงสิ้นหวังอีกแล้ว....ฝืนยิ้มอีกแล้ว....ทำไมทุกคนต้องเสียใจแบบนั้นด้วย....เด็กหนุ่มหันหลังกลับขาคู่ยาวเตรียมออกก้าวเดิน

                    “เอ่อ..”เด็กหนุ่มชะงักตามเสียงเรียก

                    “ถึง...ถึงนายจะไม่ได้คบกับฉัน...แต่ลองมองดูรอบๆ...แล้ว....แล้วนายจะเห็นคนที่รอนายอยู่นะ”

     ผมสีน้ำตาลยาวหยกศกสะบัดตามแรงของเด็กสาว ดวงตาสีเปลือกไม้ดูส่องสว่างงดงาม....รอยยิ้มบนใบหน้าเธอทำให้เขาเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว

                    “ขอบคุณนะชินโด”

                    ถ้ามีคนทำให้เขาเลิกชอบนางฟ้าคนนี้....คนนั้นคงเป็นเทพเจ้าละมั้ง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                    “ชินโดจะจบปี2แล้ว เมื่อไรเธอจะมีแฟนสักทีละ”เด็กหนุ่มผมสั้นสีชมพูพูดด้วยน้ำเสียขี้เล่น ดวงตาสีฟ้ามองหน้าเพื่อนสาวที่ขึ้นสีอ่อนๆจากเหตุการณ์เมื่อครู่

                    “คิริโนะเองก็ไม่มีเหมือนกันหนิ”

                    “หว่า หว่า..อย่างน้อยฉันก็นำเธอหลายก้าวนะ”คิริโนะเอาปากกาสีน้ำตาลวางตรงขอบโต๊ะ “นี้เธอ”ปากกาอีกแท่งวางไกลกว่าเดิมเล็กน้อย “นี้ฉัน”

                    “ทำไมนายนำหน้าละ?”เสียงใสถาม “เพราะมีอันนี้ไง”ยางลบก้อนเล็กวางไว้อีกฝั่งของโต๊ะ

                    “เพราะฉันแอบชอบเด็กที่เจอกันเวลากลับบ้าน”

                    “เวลามีเป้าหมายคนเราจะหาระยะทางสั้นที่สุดสู่เส้นชัย”ปากกาสีอ่อนเดินตามเส้นตรงไปยังยางลบก้อนนั้น

                    “ในขณะไม่มีจุดหมายก็ต้องแวะอยู่เรื่อยๆ”ของในกล่องดินสอเธอถูกเกลื่อนเต็มโต๊ะ “นายต้องการจะสื่ออะไรกันแน่นะ?”เด็กสาวเริ่มสงสัย ดวงตาสีเปลือกไม้กลมโตมองหน้าเขา

                    เพื่อนหนุ่มแสยะยิ้มเล็กน้อย

                    “นิสัยอ่อนต่อโลกจะกี่ปีก็แก้ไม่หายนะ ฉันอยากให้ชินโดหาคนที่ชอบสักที”

                    “นายจะมายุ่งอะไรชีวิตฉันละ”พอได้ฟังคำตอบเด็กสาวเลิกให้ความสนใจ

    “เอ่อ ชินโดอีกอย่าง”

    “.....??”

    “วันนี้ฉันกลับด้วยไม่ได้นะ”คิริโนะยกมือขึ้นข้างหนึ่งมาด้านหน้าตัวเองเหมือนการขอโทษ เด็กสาวพยักหน้ารับรู้พรางเก็บเครื่องเขียนบนโต๊ะ

    ตั้งแต่เข้ามัธยมมีคนมาสารภาพรักเธอนับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่หนุ่มหน้าตาดีไร้สมอง นักกีฬาสุดเพอร์เฟค คนธรรมดาจนถึงพวกเนิร์ด เธอพยายามปฏิเสธนุ่มนวลเท่าที่ทำได้บางครั้งก็โดนตื้อหนักน่ารำคาญ บางทีก็โดนกระชากไปตามซอกตึกเกือบโดนทำร้าย แน่นอนว่าคิริโนะมาช่วยทันทุกครั้ง อืม เพื่อนสนิทเธออาจจะเบื่อก็ได้....เรื่องต้องตามปกป้องเธอนะ

    พูดถึงเรื่องราววัยเรียนนอกจากกิจกรรมชมรม การเรียนเพื่อต่อมหาวิทยาลัย การไล่ตามฝัน ก็คือเรื่องความรัก

    เด็กสาววัย17ปี ผลการเรียนดี ฐานะทางบ้านดี พฤติกรรมดี เรื่องชมรมก็ไม่มีปัญหา สำหรับเรื่องหน้าตา....มีคนชวนเธอไปเป็นไอดอลอยู่ไม่น้อยแต่เธออยากใช้ชีวิตเด็กม.ปลายธรรมดามากกว่าเป็นที่รู้จักของผู้คน  (ถ้าใครไม่รู้เธอพยายามหลีกเลี่ยงใช้คำว่าหน้าดีเพราะมันดูหลงตัวเองไปหน่อย)

    เหลืออย่างเดียวคือเรื่องของความรัก

    เธอคิดมาตลอดว่าเวลาตกหลุมรักใครสักคนเป็นยังไง? เหมือนในนิยายรึเปล่าแค่มองตากับเกิดอาการปิ๊งพรั่นพรรณนาถึงกันไปมาจากนั้นก็ happy end หรือ วันหนึ่งเกิดอาการไฟฟ้าสถิตกับเพื่อนร่วมชั้นตัวเองก่อตัวอักษรว่าตกหลุมรักถามกันไปถามกันมาปรากฏว่าอีกฝ่ายแอบชอบตัวเองมานาน happy end

    ขนาดนิทานของพี่น้องกริมม์......นิทานดิสนีย์ต่างมีเจ้าชายรูปงามพวกเขาฝ่าฝันอุปสรรคเพื่อช่วยเจ้าหญิง ไม่สิ เพื่อรักแท้ที่แสวงหา

    “อ่า...สงสัยอากาศหนาวทำให้สมองฉันไปหมดแล้ว”ชินโดจดข้อความวิชาประวัติศาสตร์บนกระดานลงสมุด

    “อะ....”

    ชินโดหยิบลิควิดอย่างรีบเร่งเพื่อลบสิ่งที่เธอทำผิดพลาด

    “........”เด็กสาวมองรูปวาดบนกระดาษสีขาว ภาพนั้นเป็นผู้หญิงในชุดฟูฟ่องรูปแบบตะวันตกมีผมหยักศกยาวถึงกลางหลัง...เธอวางลิควิดและเขียนเพิ่มเติม

    เจ้าหญิงผู้โดดเดี่ยว

    โดดเดี่ยว....ใช่...ก็รอบข้างรูปเธอไม่มีอะไรนอกจากตัวอักษรสีน้ำเงินหนิเนอะ

    เด็กสาวยิ้มอ่อนโยนโดยไม่รู้ว่ามีสายตาคู่นึงมองอยู่

    “ดูท่าทางคุณหนูอ่อนต่อโลกของผมจะกลายเป็นคุณหนูเพ้อฝันแล้วนะ”คิริโนะอมยิ้ม เด็กหนุ่มปิดกล่องดินสอลงทำให้ภาพของเด็กสาวหายไป(เขาติดกระจกในกล่องดินสอเพื่อมองดูคนด้านหลังโดยเฉพาะเลยนะขอบอก!)

     

                    หลังเลิกเรียน

    ชินโดเดินลงอาคารพร้อมคิริโนะนัยน์ตาคู่สวยมองท้องฟ้าเบื้องบน หมู่เมฆมากมายก่อตัวเป็นสีเทาขุ่นคล้ายหิมะ พอเธอถอนหายใจมีไอเย็นก่อตัวตามมาด้วย

    “เหมือนหิมะจะตกนะ”เธอพยักหน้าเห็นด้วยกับเพื่อนหนุ่ม

    แต่ดูท่าจะโดนเมิน

    ดวงตาของคิริโนะมองตรงไปยังประตูบานใหญ่ ใบหน้าสวยหวานยิ้มกว้างแบบที่ไม่ค่อยได้เห็น ชินโดมองตามสายตา

    เด็กสาวผมยาวตรงสีบรอนซ์แม้ดูไกลๆยังเห็นโครงหน้ารูปแบบฝรั่งชุดยูนิฟอร์มสีเข้มทั้งตัวที่ชินโดไม่เคยเห็นมาก่อนโรงเรียนของเด็กสาวคงไม่ได้อยู่แถวนี้  เธอขยันแว่นตัวเองพร้อมโบกมือให้เพื่อนหนุ่ม ไม่เห็นรู้เลยว่าเพื่อนเธอชอบสาวลูกครึ่ง

    “หลายวันก่อนฉันบอกเธอว่าเรียนอยู่ไรมง เธอบอกวันนี้จะมาหาฉัน.....”

    “บอกแล้วไงว่าฉันนำเธอไปหลายก้าว”เพื่อนหนุ่มโบกมือลาเธอพรางวิ่งไปหาเด็กสาวคนนั้น  ชินโดมองตามพร้อมส่ายหัวเบาๆเธอกับคิริโนะรู้จักกันตั้งแต่เด็กพอเพื่อนสนิทมีแฟนก่อนเลยรู้สึกแปลกๆ

    ชินโดกระชับกระเป๋านักเรียนเข้าหาตัวเองเด็กสาวเดินออกนอกเขตรั้ว

    เธอเดินตามทางคุ้นเคยตรงริมถนนใหญ่เสียงสะท้อนเรียกชื่อของใครดังจากอีกฝากฝั่ง....ปกติเมืองนี้ค่อนข้างสงบทำไมมีผู้คนเยอะผิดปกติ?บางคนเอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป หลายคนถือแผ่นกระดาษกับปากกาไว้ในมือ เธอมองไม่เห็นคนโดนรุมหรอกแต่คิดว่าคงเป็นไอดอลละมั้ง?

    พอเหม่อคิดอะไรเพลินๆเด็กสาวก็เดินกระแทกบางสิ่ง กระเป๋านักเรียนตกลงพื้น เธอถอยหลังกลับไปเล็กน้อยพรางบ่นโอดครวญ

    “ขอโทษค่ะ....”พอได้สติเธอทำในสิ่งที่ควรแต่มองแล้วเขาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่......

    คนตรงหน้าคือเด็กหนุ่มอายุน่าจะมากกว่าเธอ ใบหน้าหล่อคมคายมีรอยแผลเป็นลึกหลายที่รูปร่างสูงโปร่งและกล้ามเนื้อของเขาดูเป็นชายฉกรรจ์มากกว่านักเรียนมัธยมปลาย....ถามว่าเธอรู้ได้ยังไงว่าเขายังเป็นนักเรียน?....เพราะชุดกักคุรันสีเข้มบนตัวนะสิ

                    ดวงตาสีดำเรียวเล็กจ้องชินโดอย่างละลาบละล้วง สายตาของเขาจดจ่าอยู่บริเวณเรียวขาของเธอ

                    “เห้ย...เดินชนแบบนี้หมายความว่าอะไรวะ?”เสียงทุ้มต่ำตวาด ชินโดสะดุ้งคำว่าอันตรายก้องดังในหัวของเธอ

                    “อย่าขยับ!!”ขาของเธอชะงักกลับทันที

                    “คิดว่าขอโทษเฉยๆมันจะหายหรอ?”เขาขยับเข้าใกล้เด็กสาวขึ้นเรื่อยๆ เธอก้มหน้าไม่ยอมมองเขาดวงตาสีเปลือกไม้เหลือบยังฝั่งตรงข้าม...เมื่อครู่ยังมีคนอยู่มากแต่ตอนนี้กลับเหลือเพียงความว่างเปล่า

                    แถวนี้ค่อนข้างเปลี่ยวมีคนผ่านทางมาไปมาเพียงเล็กน้อยพวกเขามองเธอด้วยความสงสารแต่ไม่มีใครคิดจะช่วย

                    แย่....แย่แน่ๆ

                    “เธอก็หน้าตาใช้ได้ ถ้าไปกับฉันเรื่องเมื่อกี้ถือว่าหายกันเอามั้ย?”เด็กสาวคิดว่ามันเป็นประโยคคำสั่งมากกว่าประโยคคำถาม

                    ทำยังไงดี? โทรศัพท์มือถือ...อยู่ในกระเป๋านักเรียน

                    ดวงตาสีเปลือกไม้มองยังกระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมมันอยู่ข้างเท้าของคนในชุดกักคุรัน ตอนนี้ยังไม่มีโอกาสหยิบ

                    “ว่ายังไงหึ?”เสียงน่าขยะแขยงรบเร้า

                    “คือ....แค่เดินชน...แค่เดินชนเองนะค่ะ”เด็กสาวพยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่นเครือ เธอปาดน้ำตาอย่างแผ่วเบา....

                    “ก็เดินชนนั้นแหละ เธอทำให้ฉันเจ็บนะ”

                    “ฉันเดินชนคุณเบาๆเองนะค่ะ.....”เธอยังก้มมองพื้นไม่ยอมเงยหน้า

                    “ห๊ะ? หมายความว่ายังไง?จะให้บังคับกันหรอ เธอคิดว่าชนเบาๆใช่มั้ย? สำหรับฉันมันเจ็บมากเลยนะ!!”เขาตะคอก มือใหญ่คว้าข้อมือของเธอ ชินโดอยากกรีดร้องระบายความเจ็บแต่เธอทำได้เพียงเก็บกลั้นไว้....ขืนร้องออกไปหมอนี้ต้องปิดปากเธอแน่ๆ

                    “ว่าไงจะไปไม่ไป”

                    “ไม่ค่ะ!!”เด็กสาวพยายามสะบัดข้อมือออกแต่ความเหนียวแน่นความรุนแรงเพิ่มขึ้นทวีคูณราวกับเขาจะหักกระดูกของเธอตรงนี้

                    “เอ้า ถ้าเธอไม่ยอมไปดีๆอย่าหาว่าฉันใจร้ายนะ”เขาออกแรงกระชากเธอไปด้านหน้า เด็กสาวดึงดันไม่ยอมไป

                    “ไม่ค่ะ...ยังไงฉันก็ไม่ไป”ดวงตาสีดำสบกับดวงตาสีเปลือกบ่งบอกถึงความก้าวร้าวและมุ่งมั่น เขาแสยะยิ้ม

                    “ก็ดีเหมือนกัน ยิ่งดวงตาแบบนั้นฉันชอบที่สุดเลยละ”จากการกระชากในครั้งแรกเปลี่ยนเป็นลากไปไม่ยอมหยุด เด็กสาวคว้ากระเป๋านักเรียนเวลามีมือแค่ข้างเดียวแค่เปิดกระเป๋ายังยุ่งยากเลย 

                    บรรยายกาศเริ่มเปลี่ยนแปลงจากทางอันคุ้นเคยกลายเป็นเหมือนอีกโลกหนึ่ง สถานที่แปลกตามากมายตั้งอยู่ทั่วมีเสียงพูดคุยด้วยความกลัวดังขึ้นตลอด

                    เด็กคนนั้นโชคร้ายจัง......นั้นนักเลงหัวโจกแถวนี้หนิ....โดนลากมาจากไรมงเลยหรอ..มาทาทากิคุงไปช่วยเธอหน่อยสิ!.....จะบ้ารึไงฉันสู้กับคนเบบนั้นได้ที่ไหน

                    กับอีกสารพัดคำมากมาย ต่อจากนี้เธอจะโดนทำอะไรบ้าง...

     

                    “เฮ้ย แกนะทำเด็กผู้หญิงร้องไห้ได้ยังไง!?”เสียงใครบางคนฉุดความคิดของเธอที่กำลังสิ้นหวัง เขามีผ้าคาดผมสีเข้มตัดกับผมสีขาวดวงตาสีแดงมองชายหนุ่มอย่างเหยียดหยาม  ใบหน้าหล่อบูดบึ้งไม่สบอารมณ์

                    “แล้วไง เรื่องของฉันแกยุ่งอะไรวะ?”เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นคนตัวสูงอย่างน้อยคงมากกว่า180 เขามองเธอพรางถอนหายใจ

                    “จะเรื่องของฉันหรือไม่ใช่เธอไม่เต็มใจนะ”เด็กหนุ่มสะบัดข้อมือไปมาเตรียมตัวพร้อมทะเลาะวิวาท เสื้อเชิ้ตสีขวาด้านในถูกสเวตเตอร์สีดำประดับขอบสีทองสวมทับ  กางเกงขายาวสีดำมีสายสีทองลากยาวด้านข้าง ชินโดพยายามนึกชื่อโรงเรียนเจ้าของยูนิฟอร์ม

                    ชายชุดกักคุรันปล่อยข้อมือเธอ เด็กสาวรีบถอยหลังอัตโนมัติเขาบิดไหล่ตัวเองเป็นการออกแรงกล้ามเนื้อ

                    “เอาสิ ได้ซัดแกสักเปรี้ยงก็ดีเหมือนกัน”

     

     

     

     

     

     

                    “โถ่ทำได้แค่นี้เองหรอ?”เด็กหนุ่มผมสีขาวมองซากชายชุดกักคุรัน  ใบหน้าเขามีรอยฟกช้ำเล็กน้อย

                    “แก....แกชื่ออะไร...ครั้งหน้า...ครั้งหน้า”

                    “...ฉันชื่ออิบุกิ นุเมะมาสะแห่งโรงเรียนกัซซันคุนิมิทสึและไม่กลัวใครหน้าไหนโดยเฉพาะพวกทำร้ายผู้หญิง ถ้าจะยกพวกมาฉันก็มีนักกีฬาบาสคอยไล่กระทืบเหมือนกัน”เขาพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์เหมือนเดิม

                    “เธอไม่เป็นไรนะ?”อิบุกิก้าวข้ามนักเลงหัวโจกราวกับเขาเป็นเพียงของไร้ค่า ดวงตาสีเปลือกไม้เห็นเลือดไหลซิบจากมือของเขา

                    “คือ....ขอโทษนะค่ะ...ที่...ที่ทำให้คุณเจ็บตัว...”ไหล่เด็กสาวลู่ลงพร้อมน้ำตาหยดตามใบหน้ามน อิบุกิสะดุ้งโหยง

                    “เดี๋ยว เธอจะร้องไห้ทำไม!?

                    “ก็เป็นเพราะฉัน เพราะฉัน...คุณเลย.....”เธอรับรู้ถึงสัมผัสแผ่วเบาบนหัว มือคู่ใหญ่ลูบเด็กสาวเป็นการปลอบประโลม

                    “เธอไม่ผิดหรอกหมอนั้นละ กากยังทำกร่าง”ชินโดเงยหน้ามอง ใบหน้าของอิบุกิขึ้นสีเล็กน้อยพร้อมเบี่ยงมองไปทางอื่นราวกับเขินอาย

                    เป็นครั้งแรกที่เด็กสาวรู้สึกถึงหัวใจตรงอกซ้ายกำลังเต้นระรัว พอดวงตาสีแดงสบเข้ากับเธอ ทั้งคู่ต่างหันหน้าหนีคนละทาง ความรู้สึกร้อนผ่าวบริเวณใบหน้า และลมหายใจออกปนไปด้วยไอร้อนทั้งที่อุณหภูมิรอบข้างต่ำกว่าสิบองศา ภาพใบหน้าสีแดงของเด็กหนุ่มยังติดตรึงอยู่ในหัวของเธอ

     

    ....................นี้รึเปล่าที่เรียกว่า ตกหลุมรักนะ?...................

     

     

                    เด็กหนุ่มวัย16ปีผู้ปฏิเสธโลกภายนอกกำลังเจอเหตุการณ์พลิกผันเปลี่ยนชีวิตเขา

                    “ได้โปรด....ช่วยฉันหน่อยค่ะ ช่วยฉันด้วย”ในขณะเขาเดินกลับบ้านตามปกติกลับเจอเด็กสาวหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม ผมยาวสีน้ำตาลของเธอดูฟูนุ่มนิ่มเหมือนขนสัตว์ ดวงตากลมโตสีเทากำลังคลอด้วยน้ำสีใส เขาก็แค่เด็กผู้ชายธรรมดาพอเจอเด็กผู้หญิงร้องไห้ใครจะปล่อยได้ละ.....

                    ตอนนี้เขาเป็นนักวิ่งมาราธอนชิงแชมป์โลกแตกต่างเล็กน้อยคือไม่มีเส้นชัยอยู่ตรงหน้าและไม่จำกัดระยะทาง เขาจับข้อมือเด็กสาวพาวิ่งรวมราวๆ10นาทีได้.... ไม่ว่าจะออกตามซอยไหน ลัดเลาะไปทางใด ยังไงเขาก็สลัดแฟนคลับของเธอไม่หลุดสักที อย่างน้อยคนก็น้อยลงละนะ

                    สึรุงิวิ่งเข้าซอยครั้งที่เท่าไรรู้ มันเป็นซอยตันมีรั้วล้อมไม่ให้ผ่านไปยังถนนใหญ่ เขาสั่งให้เด็กสาวปีนโดยมีกล่องโลหะเป็นฐานไปอีกฝั่งพอเธอถึงพื้นอย่างปลอดภัยเด็กหนุ่มจึงปีนตาม

                    มือแกร่งจับข้อมือเด็กสาวผมยาวไว้อีกครั้ง  แรงของเขาทำให้ตัวเธอวิ่งตามอย่างขัดไม่ได้ ทั้งคู่วิ่งกันอีกสักระยะเขาคิดว่าไม่มีใครตามมาแล้ว เด็กหนุ่มปล่อยข้อมือเธออย่างหมดแรง เขาเอาหลังชนกระจกร้านอาหารเป็นหลักยึด

                    ถึงอุณหภูมิภายนอกจะต่ำกว่าสิบองศาแต่เขาไม่สน เด็กหนุ่มผมสีเข้มปลดผ้าพันสีขาวเผยให้เห็นหยดเหงื่อไหลตามซอกคอ เขาหอบหายใจสูดอากาศเข้าปอดให้มากที่สุด

                    “ขอบคุณ ขอบคุณนะค่ะ...ที่ช่วย”เด็กสาวด้านหลังของเขาพูด ใบหน้าเธอมีสีแดงระเรื่อจากการหายใจไม่ทันเธอกำลังส่งยิ้มให้เขา อ่า...เจอเด็กผู้หญิงยิ้มให้มันใจเต้นอย่างงี้เอง

                    หลังจากเหงื่อบริเวณลำคอหายไปสึรุงิสวมผ้าพันคอไว้อย่างเดิม เด็กสาวผมน้ำตาลจ้องชื่อร้านอาหารไม่วางตาเธอหัวเราะคิกคักพร้อมจับชายเสื้อเขา

                    “จะว่าไป ฉันคงทำให้เธอลำบากแย่เดี๋ยวเลี้ยงข้าวตอบแทนนะ”รอยยิ้มไร้เดียงสาทำให้เขารู้สึกร้อนผ่าวๆบริเวณแก้ม เธอเดินนำยังโต๊ะอาหาร พอมองชายเสื้อที่เล็ดลอดจาดเสื้อกันหนาวกับสีกระโปรงทำให้รู้ว่าเด็กสาวเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกับเขา ถึงว่าหน้าตาคุ้นๆเหมือนเคยเจอที่ไหน

                    “ไม่ต้องเกรงใจนะ”เธอส่งเมนูให้ ราคาอาหารของที่นี้ไม่แพงนักพอให้เด็กนักเรียนซื้อกินกันหลังกลับบ้าน พนักงานมีท่าทีตกใจเล็กน้อยเมื่อมารับเมนู เด็กสาวชูนิ้วชี้ไว้ระหว่างปากเป็นสัญลักษณ์ให้เงียบเข้าไว้ พนักงานสาวพยักหน้าพร้อมรับออร์เดอร์จดลงเมโม้ แววตาของเธอเปล่งประกายทุกครั้งเวลาเหลือบมองเด็กสาว

                    “เอ่อ...เธออยู่ไรมงสินะ?”สึรุงิถามด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ

                    “อือ มัทสึคาเซะ เทนมะอยู่ม.ปลายปี1

                    “สึรุงิ เคียวสุเกะ ปี1เหมือนกัน”นิสัยดั้งเดิมของเขาคือคนเย็นชา ถึงพยายามเปลี่ยนแต่น้ำเสียงไร้ความรูสึกก็แก้ไม่หายสักที

                    “สึรุงิอึดชะมัดเลยนะพาฉันวิ่งมาตั้งหลายกิโล”คำพูดบริสุทธิ์ถูกเอ่ยออกมา

                    “เธอก็เหมือนกัน ยังอุตส่าห์วิ่งตามได้”

                    “ก็นะ ตั้งแต่โฆษณาชิ้นนั้นออกมาความนิยมของฉันก็พุ่งจนหยุดไม่อยู่เลย”พอแสดงท่าทีเหนื่อยหน่ายยิ่งทำให้ตัวเด็กสาวน่ารักขึ้นกว่าเดิม

                    สึรุงิเข้าใจทันทีทำไมเด็กสาวถึงได้รับความนิยมนัก ท่าทีไม่ระวังตัว ดวงตาใสซื่อ และคำพูดบริสุทธิ์จากใจ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายต่างพากันหลงใหล เขาคงเป็นคนหนึ่งที่หลงเด็กสาวเข้าแล้ว....

                    “หน้าแดงๆนะสึรุงิ เป็นอะไรรึเปล่า”มือเล็กยื่นจากอีกฝั่งมาสัมผัสหน้าผากเขาทำให้เด็กหนุ่มมองได้พิจารณาใบหน้านั้นโดยละเอียด....ขนตายาวไม่ได้มาจากเครื่องสำอางดวงตากลมโตสีเทาอ่อนดูเหมือนตุ๊กตามีชีวิตร่าเริงสดใส ผมยาวถึงกลางหลังนุ่มนิ่มฟูฟ่องน่าสัมผัส ผิวของเธอไม่ได้ขาวแต่เป็นผิวสีคล้ำเล็กน้อยเหมือนคนส่วนใหญ่

                    “ร้อนนิดๆอะ เป็นหวัดรึเปล่า?”เด็กหนุ่มอยากปัดมือคู่นี้ออกถ้าทำแบบนั้นมันคงรุนแรงกับเด็กสาวมากไปหน่อย เขาจึงเปลี่ยนเป็นเลื่อนมือเธอออกช้าๆ

                    “ไม่เป็นไร”เขาพยายามทำตัวให้เป็นปกติ

                    “อือ....ว่าแต่สึรุงอยู่ห้องไหนหรอ?”เด็กสาวเปลี่ยนเรื่อง

                    “ห้อง1

                    “ว้าว ห้องเด็กเตรียมเข้ามหาลัยแสดงว่าเรียนเก่งใช่มั้ย!!

                    “ฉันนะโดนว่าบ่อยๆหน้าตาดีก็จริงแต่เรียนไม่ได้เรื่อง เพื่อนสนิทก็ดันคะแนนดีทั้งคู่อีก”เทนมะบ่นเสียงอู้อี้แต่คนนั่งตรงข้ามกลับยิ้มออกมาเขามีความรู้สึกว่าอยากฟังเสียงนี้อีกแม้จะเป็นสำเนียงถิ่นโอซาก้าก็ตาม

                    “เธอเป็นไอดอลหรอ?”

                    “ยังหรอก ฉันแค่ถ่ายโฆษณาคือออกมากินขนมแล้วยิ้มรวมทั้งหมด30วิ ใครจะคิดกันว่ามีคนชอบฉันมากขนาดตั้งกลุ่มแฟนคลับขึ้นมา”

                    “ขนาดนั้นเชียว”

                    “ขนาดนี้ต่างหากกกก”เด็กสาวยืดแขนทั้งสองข้างออกวาดรัศมีเป็นวงกว้าง เด็กหนุ่มแอบยิ้มเล็กน้อยเพราะการกระทำไร้เดียงสา

                    “สึรุงิละฉันเคยได้ยินจากมาซากิ นายเป็นฮิกกี้(โรคหมกตัวอยู่แต่ในบ้าน)หรอ?”ดวงตาสีเทาส่องประกายสดใส

                    “ไม่ถึงกับฮิกกี้หรอก แค่ไม่ค่อยสนใจโลกภายนอก”

                    “เอ๋ งั้นหรอ”เธอหัวเราะเสียงใส

                    “แล้วทำไมถึงไม่สนใจละโลกนี้มีเรื่องน่าสนใจตั้งเยอะ”

                    “คงเพราะไม่มีแรงจูงใจ”

                    “แรงจูงใจ......?”เด็กสาวยังไม่ทันพูดจบกลิ่นอาหารหอมฟุ้งลอยเข้ามาปะทะจมูก ข้าวสวยร้อนๆราดแกงกระหรี่สีน้ำตาลพร้อมหมู มันฝรั่ง แครอทชิ้นพอดีคำถูกเสิร์ฟตรงหน้าทั้งสอง  พนักงานสาวคนเดิมหยิบโทรศัพท์ด้วยท่าทางเขินอายเธอขออนุญาตถ่ายรูปกับเทนมะ

                    เด็กสาวผมสีน้ำตาลยินดีเธอรับโทรศัพท์พร้อมกดเปิดกล้องหน้าเทนมะถ่ายรูปมุมสูงซึ่งเห็นมือของเธอกุมมือพนักงานสาวไว้อย่างสนิทสนม

                    “ลำบากหน่อยนะ”

                    “ก็บางที”เทนมะกลับมานั่งเก้าอี้ เด็กสาวหยิบช้อนขึ้นมา “จะกินละนะค่ะ!!”เธอเอ่ยด้วยเสียงสดใส เด็กหนุ่มกล่าวคำพูดก่อนรับประทานอาหารบ้าง สึรุงิตักข้าวคำแรกเข้าปากสัมผัสนุ่มละมุนลิ้นและเผ็ดเล็กน้อยของแกงกระหรี่กลิ่นหอมอ่อนๆเป็นความอร่อยที่ลงตัว

                    “เอ่อ สึรุงิ”เทนมะพูดพร้อมเคี้ยวข้ามตุ่ยๆเต็มสองข้าง น่าเอ็นดูเหมือนแฮมเตอร์เวลากินอาหาร

                    “เคี้ยวให้เสร็จค่อยพูดก็ได้”เด็กสาวกลืนอาหารลงไปทันที

                    “แรงจูงใจที่ว่าคืออะไรหรอ?”

                    “ปกติการเรียนฉันก็ดีอยู่แล้ว เลยคิดว่าถ้าไม่สนใจโลกภายนอกก็เป็นไร”

                    “แล้วทำยังไงจะกลับมาสนใจโลกภายนอกหรอ?”เด็กสาวเอ่อถาม

                    “ตอนนี้คงมีอะไรให้ฉันสนใจแล้วละ....”เด็กหนุ่มทิ้งท้ายไว้

                    “......?”

                    เวลาทำหน้างุนงงก็ดูน่ารักดี เวลาเธอพูดก็น่ารักดี เวลาเธอหัวเราะก็น่ารักดี เวลาเคี้ยวข้าวจนเต็มกระพุงแก้มก็น่ารักดี  ตลอดเวลา16ปีสำหรับเขาที่โดนหาว่าเย็นชา ไม่แคร์อะไร  ตอนนี้กำลังเดินตามกระแสโลกเปลี่ยนแปลงตัวเองเพราะเธอ....เธอที่นั่งกินข้าวอยู่ตรงข้าม...ความเย็นชาของเขากำลังถูกครอบงำด้วยความสดใสนั้นสินะ

                   

     

                   

                    “.....ฉันหาเทนมะจังไม่เจอ”เด็กสาวผมสีม่วงพูดอย่างเหนื่อยใจ เธอมองหน้าแฟนหนุ่มผมสีเขียวน้ำทะเลเขาส่ายหัวไปมา

                    “มาซากิก็ไม่เจอหรอ....”

                    เด็กหนุ่มนั่งบนม้านั่งข้างเด็กสาว เขากระชับผ้าพันคอเธอให้แน่นขึ้นเล็กน้อยเพื่อปกป้องลำคอสวยจากความหนาวรอบกาย มาซากิกุมมือฮิคาริให้อุณหภูมิอุ่นของเขาซึมสู่มือเย็นเชียบข้างนั้น

                    “ฮิคาริเนี้ย มือเย็นตลอดเวลาเลยนะ”

                    “มาซากิก็มืออุ่นตลอดเหมือนกัน”เด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงเขินอาย

                    “ตั้งแต่คบกันมา4เดือน พวกเราอยู่ด้วยกันสองคนไม่กี่ครั้งเองนะ”เขาหัวเราะแห้งๆ

                    “นั้นสินะ พอไม่มีเทนมะจังก็รู้สึกแปลก”

                    “ไหนๆก็ได้อยู่ด้วยกัน2คน  ไปเดทกันหน่อยมั้ย?”เขาเกาแก้มตัวเอง ดวงตาสีเหลืองเหลือบมองหน้าแฟนสาวเธอไม่ได้ตัวเล็กกว่าเขามากนักจึงทำให้ได้พิจารณานัยน์ตาสีดำกลมโตมันมองเหม่อยังบ่อน้ำกลางสวนสาธารณะ

                    “เอาสิ”ผมยาวประบ่าสะบัดตามแรง มีรอยยิ้มบางๆอยู่บนหน้าเธอ

                    มาซากิลุกขึ้นจากม้านั่งเขายื่นมือข้างขวาพร้อมโน้มลำตัวไปด้านหน้าใบไม้ปลิวว่อนทั่วท้องฟ้าจากลมฤดูหนาวเหมือนเขาเป็นเจ้าชายกำลังขอเจ้าหญิงเต้นรำ

                    “เชิญเลยครับคุณหนู”เด็กสาววางบรรจงวางนิ้วลงบนมือเด็กหนุ่ม

                    มาซากิกุมมือสวยมาจุมพิตเบาๆ ฮิคาริกระชากมือตัวเอกลับทันทีหลงเหลือไว้เพียงสีหน้าจัดบนแก้ม

                    “ทำบ้าอะไรเนี้ยมาซากิ!”เธอโวยวาย

                    “ก่อนเริ่มเต้นรำเจ้าชายต้องจูบมือเจ้าหญิงใช่ไหมละ”เขาหัวเราะร่าเริง

                    “บ้า บ้า บ้า”เด็กสาวทุบเขาด้วยความเขินอาย หน้าเธอมีสีแดงไปจนถึงใบหู จากรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กลายเป็นรอยยิ้มอ่อนโยน

                    “ไม่ว่าฮิคาริจะเป็นยังไงผมก็ชอบเธอนะ”

                    “รู้แล้ว....”ดวงตาสีดำกลมโตไม่ยอมมองหน้าเขา

                    “เรื่องของฮิคาริจังนะผมชอบที่สุดนะ”มืออุ่นประคองใบหน้าเด็กสาว ทำให้เขาเห็นว่าแก้มเธอยังเป็นสีแดงสด

                    “ฉันก็เหมือนกัน...บางทีอาจจะให้ความสำคัญกับเทนมะมากกว่ามาซากิ เอ่อ ขอโทษด้วยนะ”

                     “ไม่เป็นไรหรอกเพราะนิสัยรักเพื่อนของฮิคาริผมก็ชอบเหมือนกัน”เขาใช้นิ้วเกลี่ยหน้าเธอเบาๆ

                    “ขอจูบนะ?”เสียงตอบอนุญาตแผ่วเบาดังจาดคำลอเด็กสาว

                    “หลับตานะคนดี”เธอทำตามที่เด็กหนุ่มบอก

                    มาซากิเคลื่อนหน้าตัวเองอย่างเชื่องช้าให้ลมหายใจสัมผัสกัน ถึงอากาศภายนอกหนาวเย็นแค่ไหนแต่เขารู้สึกถึงอุณหภูมิร้อนของร่างกายกำลังเพิ่มขึ้น หัวใจเต้นเป็นจังหวะเร็วจนกลัวว่ามันอาจจะสูบฉีดเลือดมากเกินไป เขากดปากตัวเองลงบนริมฝีปากบางไม่มีการลุกล่ำล้วงเกินเป็นแค่การประกบริมฝีปากกัน เขาอยากปกป้องความสัมพันธ์บริสุทธิ์แบบนี้เอาไว้

     

                    ผมรอกำลังรอใครบางคนอยู่.....

                    ผมยืนผิงกำแพงโรงเรียนเอกชนหลังใหญ่ ประตูรั้วเหล็กถูกเคลื่อนออกนักเรียนชุดสูทสีดำทยอยเดินทางกลับบ้านหรือไม่ก็เที่ยวหลังเลิกเรียน  เทนงาวาระเลิกช้ากว่าไคโอหนึ่งชั่วโมงผมก็ไม่เข้าใจทำไมเลิกเรียนผมถึงตรงดิ่งมาที่นี้.....เอาตามจริงผมมีเวลาเกือบชั่วโมงในการไปทำกิจกรรมอื่น....แต่ผมกลับมารอที่เทนงาวาระ

                    พอหลับตาผมเห็นภาพเธอ....ตอนเรียนหนังสือก็ดันเขียนชื่อเธอลงบนกระดาษ....ตอนเห็นคู่รักเดินด้วยกันผมก็เผลอจินตนาการว่าพวกเรากำลังจับมือเดินด้วยกัน

                    อาการนี้เรียกว่า   ตกหลุมรัก

                    ผมไม่เข้าใจทั้งมารับที่โรงเรียนทุกวัน บางทีก็เนียนโอบไหล่ ทำไมยัยนั่นไม่ยอมบอกสักทีว่าคิดยังไงกับผม หรือเธอจะไม่รู้!? ให้ตายสิเวลาไขคดีอะไรละฉลาดทีเรื่องความรักทำไมบื้อแบบนี้

                    “มาทาทากิคุงรอนานไหม”คนที่พูดถึงคือยัยนี้ เธอไว้ผมสั้นซอยยุ่งๆสีส้มสดใส ดวงตาสีเขียวมรกตคาดเดาอารมณ์ยากกับส่วนสูงที่อยู่ระดับใบหูผม มินาโฮะใส่เสื้อฮู้ดหนาสีเข้มกันหนาวแต่ด้านล่างมีแค่กระโปรงสั้นสีแดงและถุงน่องนักเรียน ผมอยากถามมากเลยว่าหนาวขาบ้างรึเปล่า?

                    “แฟนมารับทุกวันเลยนะมินาโฮะ”เสียงแซวตามกิจวัตรดังขึ้น ตอนแรกพวกผมปฏิเสธเอาเป็นเอาตายแต่ช่วงนี้รู้สึกชินชาเสียแล้ว

                    “ไม่ใช่ครับ...”เด็กเทนงาวาระหัวเราะคิกคัก มินาโฮะโบกมือลาอย่างหงุดหงิด

                    “ก็บอกว่าไม่ใช่ทำไมรุ่นพี่คิตะชอบล้อจังเลย”คนตัวเล็กถอนหายใจ ทำให้ผมได้เห็นสิ่งผิดปกติบางอบ่าง

                    “ไม่ใส่ผ้าพันคอหรอวันนี้?”

                    “เมื่อเช้าลืมใส่มานะ”ยัยนั่นลูบคอตัวเอง ให้ตายสิลืมแม้กระทั่งผ้าพันคอ ผมหยิบปลายผ้าผืนยาวของตัวเองไปวนรอบคอของมินาโฮะ

                    “ขอบคุณนะมาทาทากิคุง แต่มันบังทาง....”ส่วนสูงผมมากกว่ายัยนี้ประมาณ20เซนฯจึงไม่แปลกว่าทำไมผ้าสีน้ำเงินถึงพันผมสีส้มเกือบมิด  ผมถอดส่วนผ้าบนคอตัวเองมันรู้สึกหวิวๆที่คอเปล่าสัมผัสอากาศด้านนอก

                    “มาทาทากิคุงไม่หนาวหรอ?”  แค่เธออุ่นฉันก็พอใจแล้วละ

                    “หนาว....”ผมไม่ใช่พวกซึนเดเระเพราะผมหนาวจริงๆ

                    “งั้น งั้นเอากลับไปสิ”ผมหยุดมือเล็กที่กำลังแกะผ้าพันคอ

                    “ฉันเป็นนักกีฬาแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก”

                    “อ....อือ...”รุ่นน้องซุกหน้าตัวเองลงบนผ้าพันคอ ดวงตาสีเขียวกำลังปรือลงเมื่อได้รับความอบอุ่น....เฮ้อผมหันหน้าไปอีกทางเพื่อหลบภาพเมื่อครู่....ยิ่งมองแบบนั้นยิ่งทำให้ผมใจสั่น

                    “เด็กคนนั้นโชคร้ายจัง”จู่ๆผมก็ได้ยินเสียงใครบางคนพูด

                    “นั้นนักเลงหัวโจกแถวนี้หนิ”  “โดนลากมาจากไรมงเลยหรอ...”

                    อีกฝั่งของถนนเป็นเด็กสาวผมหยกศกสีน้ำตาลมือของเธอโดนฉุดกระชากด้วยผู้ชายตัวสูงหน้าตาดุดันชุดกักคุรันของหมอนั้นยาวสั่งตัดพิเศษเป็นชุดที่พวกนักเลงชอบใส่

                    “มาทาทากิคุงช่วยเธอหน่อยสิ!”มือเล็กขยุ้มเสียงเชิ้ตของผม ดวงตาสีเขียวจ้องไปอีกฝั่งไม่วางตา

                    “จะบ้ารึไงฉันสู้กับคนแบบนั้นได้ที่ไหน”ตามความจริงผมสู้ได้...แต่ถ้าไปต่อยกับคนแบบนั้นยัยนี้จะได้รับอันตรายรึเปล่า? หมอนั้นเป็นพวกชอบลอบกัดเพื่อนผมเคยมีเรื่องกับมัน...ครั้งนั้นเพื่อนผมชนะแต่แฟนโดนทำร้ายหนัก....ผมไม่อยากให้ยัยนี้ได้รับอันตรายนะ

                    “มาทาทากิคุง ถ้านายไม่ไปฉันไปเองนะ!

                    “จะบ้ารึไง ตัวก็แค่นี้ยังทำซ่าอีก”ผมกดหัวมินาโฮะถ้าปล่อยไปยัยนี้คงโดนลากพร้อมเด็กคนนั้นแน่

                    “เฮ้ย แกนะทำเด็กผู้หญิงร้องไห้ได้ยังไง!?”โอเค ยอมรับหมอนั้นใจกล้ามาก ชุดสเวตเตอร์สีดำประดับทองกัซซันคุนิมิทสึสินะ? คนมาช่วยเป็นนักกีฬาผมยืนยันจากส่วนสูงกับกล้ามเนื้อแบบนั้นได้เปรียบคนชุดกักคุรันชัวร์

                    “เท่จังเลย”....ได้ยินแบบนั้นผมตัดสินใจฉุดมือมินาโฮะออกมา ถ้าอยู่ต่อจนจบมีหวังยัยนั้นได้หลงใหลเด็กกัซซันแน่  บางทีผมอาจจะคิดไปเองแต่ให้ยัยนี้ไปสนใจคนอื่นแน่นอนผมไม่พอใจหรอก

                    “มาทาทากิคุง......เจ็บ....เจ็บ....”เสียงยัยนั้นเรียกสติผม อ่า....นิสัยแย่ๆหลุดมาอีกครั้ง.....ผมปล่อยข้อมือเธอความรู้สึกผิดทับถมจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ออก

                    ข้อมือมินาโฮะมีรอยสีแดงเจือจางเกิดขึ้น....เพราะผมเลยทำให้เธอเจ็บ....ทั้งที่พยายามปกป้องมาตลอด

                    “ขอโทษ...”ผมคงพูดอะไรไม่ได้นอกจากคำนี้ มินาโฮะยิ้มให้ผมเธอลูบข้อมือตัวเองไปมายิ่งเห็นเธอทำแบบนั้นผมยิ่งทนไม่ได้...

                    “ฉันไม่เป็นไร”มินาโฮะยื่นมือเล็กมาจับปลายนิ้วผม พยายามทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นสินะ

                    “มาทาทากิคุงฉันมีเรื่องจะบอก”นิ้วเรียวแทรกลงมาในมือผม

                    “เวลาฉันจับมือคนอื่น ไม่มีใครทำให้ฉันอายแบบนี้เลยนะ”

                    “เธอเคยจับมือผู้ชายคนอื่น!?”ผมร้องเสียงหลง ยัยนี้ทั้งที่รู้ว่าผมหึงยังเอาเรื่องมาพูดอีก ยัยโง่ ยัยบ๊อง ยัยบ้า โอ้ย ไม่มีคำบรรยายแล้วเนี้ย เธอใช้สมองส่วนไหนคิดว่าฉันจะดีใจตอนได้ยิน!!

                    “ก็ฉันอยากรู้ว่าทำไมเวลาจับมือกับมาทาทากิคุงถึงรู้สึกแปลกๆ”

                    “แล้วใครละที่เธอจับมือด้วย!!?

                    “ก็...ก็รุ่นพี่คิตะ เขาไม่ได้คิดอะไรกับฉันนะ!! สืบมาแล้วด้วยพี่เขาแอบชอบคนอื่นอยู่”เฮ้อ....ผมละหนักใจจริงๆคงไม่มีผู้ชายหน้าโง่ยกเว้นผมมาชอบเธอละมั้ง  ผมกระชับมือที่เธอจับไว้ให้แนบชิดมากขึ้นแก้มเธอขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อย

                    “ฉันพึ่งรู้ตัวว่าชอบมาทาทากิคุงนะ...นายคงรอฉันมานานสินะ”

                    “ประมาณปีกว่าแล้วละ”ปกติผมเป็นคนรักษาน้ำใจแต่สำหรับมินาโฮะผมอยากให้เธอรู้จักนิสัยจริงๆของผมมากกว่าคนอื่น 

                    “ขอโทษนะ”

                    “จะขอโทษทำไม ฉันไม่ยอมบอกเธอเองต่างหาก”

                    “นิสัยดิ้อเงียบ ชอบเอาชนะ บางครั้งก็ขี้หึง มีแต่อะไรแย่ๆเนอะ”ผมนิสัยแย่ขนาดนั้นเลยหรอ?.....

                    “แต่ฉันก็ชอบนะ”เธอพยายามเขย่าขาสั้นๆ เฮ้อ....ผมรู้สึกสงสารเลยย่อตัวให้สูงกว่าเธอเล็กน้อย

    แล้วสิ่งที่ผมไม่เคยคิดมาตลอดก็เกิดขึ้น

                    เธอกำลังจูบผม....ไม่สิเป็นแค่การประกบปากแสนแผ่วเบาและอ่อนโยน ในช่วงเวลาไม่ถึงสามวินาทีหัวใจของผมกำลังสูบฉีดเลือดไปทั่วร่างกายความเร็วพอกับเวลาวิ่งรอบสนามโรงเรียนไคโอหกรอบ รู้สึกลืมหายใจไปชั่วขณะหนึ่งเธอถอนจูบออกไปแล้วแต่ภาพของเธอยังติดตาผม

                    ผมทรุดตัวลงอย่างไร้เรี่ยวแรง พยายามปิดใบหน้าร้อนผ่าวของตัวเองให้มิดชิดที่สุด อ้ากกกก ทำไมเฟิร์สคิสผมถึงไม่ได้เป็นคนรุกละ!? แล้วความรู้สึกพองๆฟู่ๆจนลอยได้แบบนี้คืออะไร!!      

                     โอ้ย....เขิน...เขิน...นี้...นี้มันมากเกินไปแล้วนะ ดีเกินไปแล้ว!!!!

                    ผมเหลือบมองมินาโฮะ เธอยังยืนอยู่เหมือนเดิมเพียงแค่ซุกหน้าตัวเองลงผ้าพันคอผู้คนสองฝากฝั่งถนนต่างมองพวกเราทั้งคู่ไม่วางตา ถ้ามองไม่ผิดเด็กเทนงาวาระกำลังถือโทรศัพท์  เด็กไคโอเหวอตามกัน

                    วันจันทร์เตรียมตัวรับข่าวหนังสือพิมพ์โรงเรียนแน่ ฮายาโตะเอ๋ย.........

                    พอสายตาผมไปหยุดตรงคนด้านหน้าก็ทำให้ผมมีความคิดแบบนี้ขึ้นมา

                    แค่มินาโฮะยอมจูบผมก็ดีเกินคาดแล้วละ

     

     

     

     

     

    Talk Zone

    เนื้อเรื่องหลักยังไม่เสร็จเพราะแอบปั่นเรื่องสั้น คืออยากแต่งอะไรหวานๆโคตรเข้ากับเทศกาลอัพก่อนวันสงกรานต์ ถถถว์(ประชด) ไรท์ชอบคู่อิบุกิกับชินโดสุดละเพราะค่อยๆเป็นค่อยๆไป(จริงๆคือตอนแรกไรท์เขียนแค่คู่นี้อีก3คู่มันงอกออกมาเองงงงง) คู่เคียวเทนดูสดใสๆ มาซะฮิคายอมรับว่าหวานเกินไปตัดจบสองหน้าพอ(เลว) มาตะมินะมาแบบเขินนิดๆ(สองคู่หลังเขาจูบกันตอนจบ =////=)

    บางคนอาจจะสงสัยเกี่ยวกับนิสัยมินาโฮะเวลาเราอ่านฟิคในpixivคือมินาโฮะชอบทดลองปฏิกิริยาของแต่ละคนกับตัวเองว่าเป็นยังไงแล้วทักกี้ก็หึง!? หลายเรื่องมากเป็นแบบนี้ไรท์ก็เลยไหลตามน้ำ ฮา

    คือพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ชื่อจริงของพวกหนุ่มๆสายซี ยกเว้นฮิคารุเพราะคิอว่าสายซี(สลับเพศ)ต้องชื่อฮิคาริแน่ๆ =w=;;

    ไรท์ไม่อยู่หนึ่งสัปดาห์หนีเที่ยว ลงไว้ ณ วันที่ 12/4/14

     see u ตอนหน้าจ้ะ :9

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×