ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Digimon] After the Time

    ลำดับตอนที่ #1 : Intro : Start

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ย. 57


    ฤดูหนาว

     

    เด็กหนุ่มวัยสิบสี่ปีเงยใบหน้าขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลสะท้อนแสงสีเทาหม่นจากฟ้าเบื้องบน เมฆก้อนหนากำลังปกคลุมทั่วเมือง เขาไม่ได้ละสายตาไปสักพักจนสังเกตเห็นละอองอ่อนนุ่มขาวบริสุทธิ์กำลังเคลื่อนตัวยังพื้น ท้องฟ้าด้านบนเริ่มบ้าคลั่งขึ้นทุกขณะ สายลมหนาวกรรโชกพัดผ่านหน้าเขา ภาพในหัวซ้อนทับขึ้นอย่างประหลาด บ้านเมืองพังระเนระนาด เสาไฟฟ้าหักโค่นทับตึก เศษอิฐปูนกระจัดกระจายทั่วถนน  ดิจิควอทซ์ปรากฏขึ้นเกือบทุกตารางนิ้ว ทุกอย่างสับสน วุ่นวาย คุ้มคลั่ง เขายังจำได้ดี ความกลัวจับขั้วหัวใจตอนคุณไทกิโดนแทง ถ้าไม่มีเสียงเตือนสติของเหล่าผู้กล้ากับกัมดรามอน ไม่มีทางที่เขาจะทำสำเร็จ พวกเขาน้อมรับความยินดีได้เพียงชั่วครู่ พายุลูกใหญ่กลับถาโถมเข้าใส่ เมื่อมีพบต้องมีจากลา ดิจิมอนกลับสู่โลกของพวกเขา เหล่ามนุษย์กลับสู่โลกปัจจุบัน

     

    เขาเกี่ยวมือกัมดรามอนไว้ ยื้อเวลาให้นานที่สุด พวกเขายิ้มให้กันและส่งสัญญาว่าสักวันต้องได้พบกันอีก

     

    สิ้นคำกล่าว พายุทวีความรุนแรง เขารู้สึกถึงแรงดึงหนักหน่วงด้านหลังมือที่เคยประสานกันเริ่มแยกออกทีละนิด ทีละนิด จนสุดท้ายพวกเขาพ่ายแพ้ต่อแรงดึงดูด เขาตะโกนเรียกชื่อคู่หูแต่สุดท้ายกลับเหลือเพียงความเงียบงัน สติเขาหลุดลอยเคว้งคว้าง ทุกอย่างเหมือนถูกหยุดหรือไม่ก็เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่ากำลังหายใจอยู่

     
     

    เขาลืมตาตื่นในสวนสาธารณะทุกอย่างในเมืองกลับเป็นปกติ ไม่มีซากปรังหักพัง ไม่มีเศษหินบนพื้นถนน ไม่มีท้องฟ้าหมองมัว ไม่มีดิจิควอทซ์ ไม่มีดิจิควอทซ์ รู้ตัวอีกทีเขาวิ่งไปทั่วเมือง วิ่ง วิ่ง วิ่งต่อไป ไม่สนใจแม้เสียงเรียกของยู ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าส้นเท้าระปมด้วยความเจ็บแสบ เขาหกล้มแต่ยังวิ่งต่อ ลากสังขารตัวเองไปทุกทีเพื่อตามหาสิ่งเดียว กัมดรามอน เขาทรุดตัวไร้เรี่ยวแรงเช่นทุกที นึกทบทวนเรื่องทั้งหมดอาจไม่เคยเกิดขึ้นจริง คำสัญญานั้นอาจเป็นเพียงฝัน เขากลับบ้านลองถามพ่อแม่เรื่องที่โดนควอทซ์มอนจับไป พวกท่านกลับจำไม่ได้ ลองโทรถามทุกคนที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวกับดิจิมอนแต่ไม่มี ไม่มีใครที่จดจำได้ เขาทิ้งตัวบนเตียงนอน รู้สึกถึงบางสิ่งที่คุ้นเคยในกระเป๋ากางเกง เลื่อนมือตัวเองไปหยิบ

     
     

    ครอสโหลดเดอร์สีแดง


     

    ไม่กี่สิ่งที่ยืนยันว่าทุกอย่างเคยเกิดขึ้น


     

    ทากิรุสะบัดหัวไล่ความคิดทุกอย่างออกไป เขาลุกขึ้นจากม้านั่งในสวนสาธารณะ กระชับผ้าพันคอตัวเอง ท้องฟ้าตอนหิมะกำลังโปรยปรายทำให้เขานึกถึงเรื่องในวันนั้น เกือบสองปีแล้วตั้งแต่วันที่ได้เจอกัมดรามอนครั้งแรก พวกเขาอยู่ด้วยกันไม่ถึงเทอมหนึ่งด้วยซ้ำแต่ความผูกพันของพวกเขากลับหนักแน่นจนไม่สามารถลืมเลือนไปได้ ทากิรุออกเดินตรงสู่ทางกลับบ้าน เวลาที่ผ่านมาทุกคนเติบโตขึ้นทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ  สองปีที่ผ่านมายูตัวสูงขึ้นมาก สูงนำเขากับคุณไทกิไปค่อนข้างเยอะ ไอรุถึงจะไม่ได้เจอกันบ่อยแต่เธอเริ่มฉลาดขึ้น สาบาน เขาไม่ได้เหน็บแนม เธอไม่เข้าหายูด้วยอาการปากไม่ตรงกับใจ พยายามทำตัวให้ไม่น่ารำคาญซึ่งโอเค มันดีมาก เขามักรู้บทบาทดีเวลาไอรุมาพบยู เจียดตัวเองออกนอกรัศมี2เมตร เร็น ครั้งล่าสุดที่เจอกันคือครึ่งปีก่อน หมอนั้นไม่ต่างจากเดิมสักนิด ยังตัวเล็กปากเสียเหมือนเดิม เร็นย้ายบ้านไปแล้วรู้สึกจะย้ายไปโอไดบะละมั้ง เรียวมะเป็นคนเดียวที่ตลอดสองปีได้แต่เดินสวนกัน แทบไม่มีการพูดคุยระหว่างพวกเขา  คุณไทกิ รุ่นพี่ที่เขาเคารพเสมอแทบไม่เปลี่ยนไปเลย ยังเป็นคุณไทกิที่ใจเย็น เป็นผู้นำ ตัดสินใจเด็ดขาด


     

    เขาเดินผ่านถนนเส้นเดิม มองทุกสัมผัสแบบเดิมตลอดเวลาสิบสี่ปี ภูเขา โรงเรียน ผังเมือง ทุกอย่างสงบสุขไม่มีร่องรอยการต่อสู้ของดิจิมอน ไม่มีสิ่งที่ยืนยันว่าเคยเกิดขึ้นยกเว้นครอสโหลดเดอร์และความทรงจำของผู้ถือครอง ทากิรุสะบัดหัว ความหนาวเย็นกำลังทำลายประสาทเขา นิ้วมือที่ปราศจากสิ่งของห่อหุ้มเริ่มเย็นเชียบจนด้านชา ลมหายใจร้อนถี่วนเวียนภายใต้ผ้าพันคอ ทากิรุยังคงเดินตรงมุ่งหน้ากลับบ้าน เขาถะเหลถะไหลมากพอแล้วท้องฟ้าฤดูหนาวเข้าสู่ความมืดมิด แสงไฟเทียมส่องสว่าง


     

    ร่างคนคุ้นเคยโผล่จากกำแพงตรงทางโค้ง สีผมเงินประกายกับดวงตาสีเขียวเอกลักษณ์ ลุ่มลึก น่าค้นหา แอบเหลือบสายตามองตอนเดินสวน เรียวมะตัวสูงกว่าเขาเกือบสิบห้าเซนละมั้ง พวกเขาเดินผ่านกันโดยไร้ซึ่งบทสนทนาอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เขาผิดมีบางสิ่งต่างออกไป


     

    “ทากิรุ”อีกฝ่ายเรียกเขาเสียงเย็น เด็กหนุ่มหยุดเดินก่อนหันหน้าไปหาอย่างนึกสงสัย เรียวมะไม่ได้หันหน้าเผชิญเขา เหมือนเมื่อครู่เขาแค่คิดไปเอง ทุกอย่างรอบตัวถูกความเงียบครอบงำ มีเพียงเสียงลมหายใจคลอเคลียและเครื่องยนต์พึ่งแล่นผ่าน  เขารอคอยฟังอย่างตั้งใจ


     

    “ นายโกรธรึเปล่า”เรียวมะหมายถึงอะไร? เขาโกรธ? เรื่องไหน? เมื่อไร?


     

    “เพราะฉันเลยทำให้นายต้องแยกกับกัมดรามอน”เขาส่ายหน้า ตอบกลับโดยแทบไม่ต้องคิด “เจอกันก็ต้องจาก มันเป็นปกติไม่ใช่รึไง แค่นายทำให้มันเกิดเร็วขึ้น”เขาอารมณ์เสีย แน่นอนว่ามันส่งผ่านไปในน้ำเสียงด้วย เขาเห็นอีกฝ่ายกระตุกตัวก่อนแข็งทื่อ ไหล่ของเรียวมะลู่ลง


     

    “ฉันจะย้ายไปโอไดบะ”เขาพยักหน้ารับ อารมณ์คุกรุ่นในใจเริ่มเบาบางลง อย่างที่บอกเวลาผ่านไปสองปีเขาเริ่มเรียนรู้ว่าควรควบคุมอารมณ์ตอนไหน เรื่องนี้ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวโยงกับเรื่องที่ทำให้เขาหัวเสีย


     

    “จะย้ายเมื่อไรละ”เขาพยายามทำให้น้ำเสียงเหมือนปกติที่สุด สะกดอารมณ์ทุกอย่าง อีกฝ่ายหันมาจ้องหน้าเขาดวงตาสีเขียวมีแววประกายบางอย่างที่เขาไม่รู้จัก


     

    “อีกสองวัน ฉันจะไปอีกสองวัน”เขาส่งเสียงรับในลำคอ จ้องมองดวงตาอีกฝ่ายที่พยายามสื่อสารบางอย่าง มันมีความรู้สึกหลากหลายรวมเข้าด้วยกันจนเขาแยกไม่ออก รู้ตัวอีกทีคือมือข้างหนึ่งถูกอีกคนจับกุมไว้ใบหน้ายื่นเข้าระยะประชัดชิดจนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นเป่ารดใบหน้า ทากิรุผละออกตามสัญชาตญาณการหาทางรอด เขาตะคอกใส่เรียวมะเรื่องเมื่อครู่ เกิดบ้าอะไรขึ้นมาถึงทำแบบนั้นอีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมสบดวงตาเขา


     

    แน่นอนว่าเขาไม่ใช่คนฉลาด การกระทำเมือครู่มีหรือที่จะเข้าใจมัน เรียวมะเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง จนเขามองเห็นเพียงใบหน้าอีกคนที่ไร้ซึ่งความประหม่าเหมือนเมื่อครู่


     

    “ชอบ”เขาเลิกคิ้วขึ้น


     

    “ชอบนาย ชอบนาย ชอบมากกว่าคุณไทกิ ชอบมากกว่าใคร”ไม่มีถ้อยคำหวานซึ้งเวลาสารภาพ มันรวดเร็วจนทำเขามึนงง ภายในสมองกำลังทำการประมวน



                     ชอบ? ชอบหรอ?



                    ถึงเขาจะไม่ได้ฉลาดแต่ก็พอรู้ว่าคนตรงหน้าต้องการสื่ออะไร เรียวมะผละตัวออก ปล่อยมือเขาให้ร่วงไปกับแรงโน้มถ่วง รู้สึกถึงความร้อนบริเวณแก้มทั้งสองข้าง สมองถกเถียงว่ามันมีบางอย่างผิด คนอย่างเรียวมะไม่น่าชอบเขา นี้ต้องเป็นการแกล้งกันแน่  สักพักเรียวมะจะบอกใช่ไหมว่าล้อเล่น กับคำถามมากมายแต่ที่แสดงออกไปกลับมีแค่เสียงอุทาน


    “ความหมายตามนั้นละ ฉันชอบนาย แค่อยากบอกนะ ไม่ต้องตอบหรอกว่าคิดยังไง”เขายังติดอาการแช่แข็ง ไม่มีอาการตกใจและไม่รู้สถานการณ์ตรงหน้าด้วย เรียวมะไปแล้ว แต่ไม่ยอมหยิบความเขินอายของเขาไปด้วย ทากิรุหมุนตัวสองขาก้าวมุ่งตรงกลับบ้าน  อย่างที่เคยบอกเขาโตขึ้นมาก มากพอที่จะเก็บอารมณ์หลายอย่าง ยกเว้นเรื่องไม่เคยคิดอย่างมีคนมาสารภาพรักเนี้ยละ


     

    หลังกลับถึงบ้านกินข้าวอาบน้ำและคลานขึ้นเตียงเข้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าเบอร์โทรของรุ่นพี่ที่เคารพ หลังจากคุยเรื่องที่เกิดขึ้นจบอีกฝ่ายหัวเราะคิกคัก


     

    “ก็ดีไม่ใช่รึไงทากิรุ”เสียงในสายเอ่ยแซว เขาตอบกลับไปอย่างหมอดาลัยตายอยาก


     

    “แต่ผมไม่ได้ชอบหมอนั้นนี่ครับ! ไม่เหมือนคุณไทกิกับคุณคิริฮะสักหน่อย”ฟังไม่ผิดหรอก ทั้งคู่คบกันอยู่ถึงคิริฮะจะไม่ได้อยู่ญี่ปุ่น ความจริงควรพูดว่า ไม่รู้อยู่ส่วนไหนในโลก แต่ยังติดต่อกันไปมาสม่ำเสมอ อย่างปิดเทอมที่ผ่านมาคิริฮะพึ่งพาไทกิไปเที่ยว เอ่อ อเมริการึเปล่า เขาไม่ค่อยแน่ใจนักหรอก แต่จำได้ว่าเป็นต่างประเทศและรุ่นพี่เขาไม่อยู่สัปดาห์กว่าๆ ส่วนเขาก็ติดอยู่บ้านท่ามกลางหิมะตามระเบียบ


     

    “แล้วนายชอบใครละ ลองนึกดีๆไหมเผื่อจะรู้ตัวว่าชอบเรียวมะ”แกล้งแหย่เขาแน่ น้ำเสียงสดใสฟังรื่นแบบนั้น ยืนยันเลยว่าแกล้ง!!


     

    “คุณไทกิครับ ผมไม่ได้ชอบหมอนั้น! ผมว่าผมพูดชัดเจนแล้วนะ”เขาทิ้งตัวลงให้ที่นอนนุ่มรองรับ คุณไทกิยังคงพูดกับเขาอย่างเป็นเหตุเป็นผล ซึ่งเขาเอาแต่ปฏิเสธลูกเดียว โตขึ้นไม่ได้แปลว่าจะเลิกเรียกร้องความสนใจจากคุณไทกิสักหน่อยเนอะ หางตาเหลือบมองเวลาที่ผ่านเลยจนดึกเพราะเป็นช่วงปิดเทอมทำให้เขาไม่ค่อยได้คุยกับใครเท่าไร กล่าวขอโทษที่ทำตัวงี่เง่ารบกวนเวลาก่อนปิดบทสนทนา โยนโทรศัพท์ลงบนเตียงและคิดอะไรต่อสักพัก


     

    เปิดเทอมแล้ว

    อากาศยังคงหนาวเหมือนเดิม


     

    ทุกอย่างยังคงน่าเบื่อ บทเรียนใหม่ที่เพิ่มระดับความยากขึ้น ระยะเวลาช่วงกลางวันที่สั้นลง การเที่ยวเล่นหลังเลิกเรียนยิ่งไม่ต้องพูดถึง เขาอยากกลับไปซุกตัวใต้ผ้าห่มในบ้านจะตายอยู่แล้ว ชั่วโมงวรรณกรรมไม่มีเสียงอาจารย์ผ่านเข้าสมองแม้แต่น้อย ถอนหายใจนับถอยหลังหมดคาบเรียน สุดท้ายเสียงออดก็ดังขึ้นทำความเคารพอาจารย์ เก็บของเข้ากระเป๋าเตรียมตัวกลับบ้านและใช้ชีวิตกับวันแสนเบื่อหน่ายต่อ


     

    “ทากิรุ”ใครบางคนเรียกสติเขากลับมา ผมสีเหลืองตัดสั้นเรียบไปกับศีรษะ ผิวสีขาวละเอียดชวนมอง คิ้วเรียวโก่ง ดวงตาเรียวสีม่วงเหลือบเงินอ่อนโยน จมูกโด่งได้รูป เสื้อผ้าแบรนด์ เนมตั้งแต่ชุดคอปกยันรองเท้า ทุกองค์ประกอบลงตัวไม่มีที่ติ  เจ้าชายสูงศักดิ์ในโรงเรียนจะมีใครอีกละ


     

    “อะไร?”ทากิรุถามเสียงห้วน ยูเลื่อนเก้าอี้อีกตัวนั่งเผชิญหน้ากับเขา ตอนแรกก็เล่นจ้องตากันอยู่หรอกสักพักเขายอมแพ้ ดวงตาเรียวคู่นั้นดูดุดันไม่เห็นใสซื่อเหมือนตอนปี1สักนิด ทำไมแค่เลื่อนชั้นมาปีเดียว ยูผู้น่ารักกลับกลายเป็นหนุ่มหล่อเอาแต่ใจได้ยังไง กาลเวลาน่ากลัวชะมัด  


     

    “อะไร”ถามย้ำอีกครั้ง


     

    “ชอบใครอยู่รึเปล่า?”คำถามแปลกๆทำให้เขาเลิกคิ้วขึ้น

     
     

    “ไม่นิ ไม่ได้ชอบใคร”เขาเห็นว่าอีกฝ่ายแอบยิ้มบางๆ ยูไม่ได้เซ้าซี้อะไรอีก คนผมสีเหลืองลุกออกไปหลังได้คำตอบ ทากิรุมองตามแผ่นเด็กกำลังโตด้วยสายตาไม่เข้าใจ เขาเก็บของต่อพยายามไม่สนใจเสียงร้องเรียกของสมาคมแฟนคลับ นั้นเป็นแค่เสียงกา เสียงแมลง เสียงนก เขาลุกขึ้นสะพายกระเป๋าเดินออกจากห้อง


     

    “ทากิรุ”เสียงใสเกินคนวัยเดียวกันทักเขาทันทีหลังพ้นบานประตู ผมสีน้ำตาลฟูน่าลูบเหมือนขนสัตว์ ดวงตากลมชี้ตั้งสีเงินน่าหลงใหล รอยยิ้มสดใสถูกประดับบนใบหน้า


     

    “คุณไทกิมีอะไรหรอครับ?”เขาพุ่งตัวไปหารุ่นพี่คนสนิทหลังไม่ได้พบมานาน  ไทกิหยิบมือถือสีแดงขึ้นมา นิ้วเรียวกดขยุกขยิกก่อนส่งให้เขา ทากิรุจ้องมันตาไม่กระพริบ หน้าต่างข้อความถูกเปิดค้างไว้


    หัวข้อ : ไง ไทกิ ฮีโร่แห่งดิจิตอล

    จาก : เบอร์ที่ไม่รู้จัก

    เขาตื่นเต้น รู้สึกถึงหัวใจสูบฉีดเลือดสู่ชีพจร เม็ดเลือดพวกนั้นกำลังไหลแล่นไปทั่วทั้งร่างจนลืมความหนาวเย็นรอบกาย


     

    พวกนายนี้ตามตัวยากชะมัด ทั้งที่ได้อยู่ไกลกันเลย เอ้อ เข้าเรื่องเหอะ

    พวกนายมาที่สวนสาธารณะโอไดบะได้มั้ย ไม่สิ บังคับเสาร์นี้มาให้ได้ ตอน10โมง อย่าลืมละ


     

    เนื้อความพวกนั้นไม่ทำให้เขาอยากจะวิ่งไปรอบโตเกียวเท่าชื่อที่ลงท้าย ไม่ผิดแน่ ต้องเป็นเขาแน่นอน










     

    ยางามิ ไทจิ

     

     

     





















    Talk Zone

    เปิดเรื่องเป็นทากิรุ  ตอนหน้าพระเอกทุกคนออกมาแน่นอน อดทนรอก่อนนะ ;w;

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×