ตอนที่ 22 : -END- Diamond eyes {19} 100% #ดมอบีนยอง
เบเนดิกต์ ไดนาดิน นอร์ธ เคยคิดไว้ว่าในช่วงของการเปลี่ยนผ่านที่ย้อมด้วยไอเลือดนี้ ดีแล้วที่น้องชายของตนเช่นลอเรนโซอยู่ห่างไกล ไม่ได้รับรู้เรื่องราวเหล่านี้ด้วย
ทว่าน้องที่รู้สึกสนิทสนมอีกคน ซึ่งเป็นโอเมก้าที่โดนรังแกมาแต่เล็กจนเกิดเป็นความสงสารอย่างมอร์แกนนั้นกลับมาที่เมืองนอร์ธได้ถูกจังหวะถูกเวลาดีเหลือเกิน
ราชาแห่งนอร์ธคนล่าสุด แย้มยิ้มบางๆขับใบหน้าคมคายตามที่คุ้นชิน ทว่ามิใช่เพราะแค่การเสแสร้งควรเป็น แต่เพราะยินดีไม่น้อยในใจที่ได้พบหน้าน้องที่ไม่เจอกันแรมปี
เคียงข้างกันของอดีตเจ้าชายโอเมก้านั้นมีร่างสูงใหญ่ในชุดสีแดงเลือดนก เครื่องแบบทหารมียศของเมืองเพิร์ลเด่นชัดอย่างไม่คิดปิดซ่อน ใบหน้าคมคายของอัลฟ่าจากเมืองท่าซึ่งก็มิได้เป็นมิตรกับนอร์ธนักยังคงนิ่งเรียบและดูถือดี ทว่าแขนยาวแข็งแรงนั้นโอบรอบเอวคอดของมอร์แกนไม่ห่าง ดวงตาคมโตกวาดมองรอบตัวระแวดระวัง
ราวกับว่าแม้เพียงเศษฝุ่นที่มุ่งหมายจะทำร้ายคนรักตน มิคาเอล ทีโอดอร์ผู้นี้ก็จะจัดการให้สิ้น
"สบายดีหรือไม่ มอร์แกน" เดฟเลือกถามคำถามนี้ก่อนเป็นสิ่งแรกแทนสาเหตุการมาเยือนของอีกฝ่าย เคียงข้างกันเดฟยังคงกุมมือของจีนที่นั่งเอนหลังอยู่ไม่ห่างไว้หลวมๆ
จุดนัดพบยังคงเป็นใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวนตามเดิม เรือนนอนที่ไม่ได้เห็นมานานและมีความทรงจำเกี่ยวกับการที่จะโดนมารดาพยายามสังหารหลายครั้งทำให้โอเมก้ามอร์แกนหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย ทว่าเพราะความอุ่นและกลิ่นไอทะเลข้างกายจากอัลฟ่ามิคาเอลก็ทำให้ผ่อนคลายได้มากเช่นกัน
"ข้าสบายดีท่านพี่เดฟ" มอร์แกนเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานเช่นเคย นัยน์ตาที่เคยหวาดกลัวยามนี้ดูเปี่ยมสุขมากขึ้น
"ดีแล้วล่ะ ยินดีที่ได้พบเจ้าเช่นกันมิคาเอล ทีโอดอร์" ราชาเดฟเอ่ยทักทหารของต่างเมืองด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ทหารกล้าเมืองเพิร์ลโค้งเคารพตามพิธีการแต่มิได้มีสักรอยยิ้มยินดีนัก เช่นไรการมาเยือนกลางถิ่นของศัตรูก็มิใช่เรื่องน่าวางใจอยู่แล้ว แม้จะเป็นบ้านของภรรยาก็ตาม
"นี่คือคนรักและคู่แท้แห่งโชคชะตาของข้า แองเจลโล่ ปาร์กเกอร์" เดฟแนะนำคนรักให้น้องชายรู้จัก มอร์แกนยิ้มกว้างโค้งทักทายทันที ก้าวเข้าหาด้วยความดีใจอย่างไม่รู้ตัวเมื่อเห็นหน้าท้องนูนใหญ่ของพี่สะใภ้ จนทำให้เงาสูงใหญ่ข้างกายรีบก้าวตามติดไม่ห่างสักฝีก้าวราวกับกลัวหาย
เดฟเองจึงจ้องอัลฟ่าต่างเมืองที่กำลังเข้าใกล้คนรักของตนมากขึ้นไม่วางตาเช่นกัน
"ข้ากำลังจะมีหลานหรือเป็นเรื่องน่ายินดีนัก เจ้าหลานจะต้องน่าเอ็นดูแน่มีท่านแม่งดงามและท่านพ่อที่องอาจเช่นท่านทั้งสอง"
"ขอบคุณคุณมอร์แกน" จีนวาดยิ้มรับจนตาหยี มือน้อยลูบหน้าท้องนูนเบา ๆ เฝ้าชมเรื่องราวเบื้องหน้าเคียงข้างคนรักไม่ห่างไปไหน
เสียงย่ำเท้าเดินลงน้ำหนักสม่ำเสมอทำให้ผู้มาเยือนหันมามอง เป็นจาคอปและทหารคิมที่ขอปลีกตัวออกไปก่อนหน้านี้เล็กน้อยย้อนคืนกลับมา
มิคาเอลมีท่าทีดุดันขึ้นเมื่อเห็นพี่ชายแท้ ๆ ของภรรยา แม้ก่อนนี้ได้เห็นของขวัญที่อีกฝ่ายส่งให้มอร์แกนพร้อมจดหมายน้อยแล้วเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีประสงค์ร้ายทว่าอะไรที่เป็นนอร์ธก็ยังไม่ไว้ใจนัก
ส่วนโอเมก้าน้องน้อยก็ได้แต่ยิ้มเอ่ยทักทายพร้อมโค้งให้กับพี่ตน ไม่ลืมเผื่อแผ่ถึงคนสนิทตัวเล็กที่อยู่ด้านหลังพี่ชายเสมอด้วย
"ยินดีที่ได้พบท่านพี่จาคอป ทหารคิม"
"ว่าแต่ เจ้ามีธุระอันใดเร่งด่วนหรือเปล่ามอร์แกนถึงได้มาเมืองนอร์ธโดยไร้การบอกล่วงหน้าเช่นนี้ มีอะไรยากลำบากเกิดขึ้นกับเจ้าหรือไม่" แม้เดฟจะถามอย่างปรานีปราศรัยแต่ก็แฝงการตำหนิเล็ก ๆที่มาโดยไม่บอกกล่าวไปในตัว
มอร์แกนไม่ได้เอ่ยตอบในทันทีทว่าดวงตากลมโตที่หันไปมองหน้าทหารคิมก็ดูแฝงความวิตกและประหม่าไว้อย่างซ่อนไม่อยู่
แท้จริงแล้วที่มาเยือนเมืองนอร์ธในครั้งนี้ก็ด้วยได้จดหมายจากทหารคิมส่งไปหามอร์แกนถึงเมืองเพิร์ลว่าให้เร่งมาหาท่านพี่จาคอปภายในห้าวัน เพื่อสนับสนุนเคียงข้างพี่ชายหากเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นตามที่มอร์แกนเคยให้สัญญากับทหารคิมไว้
แน่นอนว่ามอร์แกนมิได้โกรธเกลียดพี่ชายแท้ๆของตนแม้จะถูกปฏิบัติไม่ได้ดีนักที่เจอหน้า ทว่าของขวัญที่มอบให้มาเบลทายาทของตนกับมิคาเอลจากท่านพี่จาคอปก็แจงได้ชัดว่าพี่ชายหาได้เกลียดชังตนไม่ ทั้งคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับทหารคิมทำให้อดีตเจ้าชายแห่งนอร์ธเร่งมาหาตามจดหมาย
แน่นอนว่าเมื่อคนรักจะห่างตัว คนเช่นอัลฟ่ามิคาเอลมิอาจวางใจให้ไปคนเดียว หวั่นจะถูกรังแกจึงต้องตามติดมาเช่นนี้
"ข้าเพียงแค่คิดถึงบ้านเท่านั้น" มอร์แกนมิกล้าเอ่ยตามจริง มันจะดูเป็นการไม่ดีนัก เพราะตนเองก็ไม่รู้สถานการณ์ในเมืองเกิดตัวเองเลยแม้แต่น้อยหลังจากที่ผูกชะตากับมิคาเอลไป ทว่าตอนนี้เห็นพี่ชายแท้ๆที่เป็นห่วงกับทหารคิมสบายดี ยืนอยู่มิห่างท่านพี่เดฟกับคนรัก
เรื่องราวในเมืองนอร์ธเวลานี้คงต้องดีกว่าแย่เป็นแน่
ราชาแห่งนอร์ธคนปัจจุบันวาดยิ้มบาง ยามดวงตาเรียวคมยังคงสงบนิ่งซ่อนเร้นความคิดด้านในได้ยอดเยี่ยมในเวลาที่ต้องการ สมกับเป็นผู้ที่ต้องทำงานกับคนจำนวนมาก แม้ได้ฟังมอร์แกนเช่นนั้น แต่เดฟเองใช่ว่าจะคาดเดาอะไรไม่ได้
คงเป็นทหารคิมที่ต้องการให้มอร์แกนมาที่นี่ให้ช่วงเวลาเหมาะเจาะนี้ อาจด้วยจดหมายหรือสายลับที่สนิท
เหตุผลก็คงมิพ้นเป็นห่วงสวัสดิภาพของจาคอปและคำสัญญาที่ทางเดฟได้เอ่ยไว้
ยามนี้เดฟเป็นราชาแห่งนอร์ธแล้ว อำนาจเก่าที่เคยเกาะแน่นดั่งตะไคร่กอดโอบโขดหินไม่ละห่างสร้างความลำบากในการสัญจรผ่านไปมาถูกขจัดไปแล้ว
จะเรียกได้ว่าราชาเดฟมีอำนาจเบ็ดเสร็จอย่างยิ่งในเวลานี้ก็ไม่ผิดนัก และหากเดฟจะตระบัดสัตย์ หักหลังจาคอปขึ้นมาก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำ
ทหารคิมจึงวางแผนเล็ก ๆ ซ้อนใต้ไว้ให้เป็นเครื่องรับรองให้เบาใจ คือการดึงตัวมอร์แกน อดีตเจ้าชายแห่งนอร์ธที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเดฟมา
หากเดฟจะหักหลังจริง ลำพังมอร์แกนคงช่วยอะไรมิได้ ทว่ามิคาเอลที่รักใคร่คนรักยิ่งกว่าสิ่งใดมิยินยอมให้มอร์แกนย้อนคืนนอร์ธเพียงลำพังแน่
ดังนั้นจึงมีทหารของเพิร์ลเข้ามาในเหตุการณ์นี้อย่างเลี่ยงไม่ได้
หากเดฟหักหลังจาคอปจริง มอร์แกนย่อมมินิ่งเฉยเห็นพี่ชายตนสังหาร มิคาเอลเองแม้ชิงชังนอร์ธแต่ก็รักมอร์แกนยิ่งกว่า เช่นนั้นแล้วย่อมยื่นมือเข้ามา สุดท้ายก็จะเป็นเรื่องระหว่างนอร์ธกับเพิร์ลจนได้
ความบาดหมางระหว่างสองเมืองใหญ่ที่มิควรยิ่งทวีขึ้น โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่นอร์ธเพิ่งผ่านศึกภายในมาเช่นนี้
เพื่อจาคอปแล้วทหารคิมใช้ความฉลาดได้อย่างไม่เสียเปล่าจริงๆ
ยิ่งขับให้ความห้าวหาญดุดันของจาคอปให้ไม่มุทะลุเกินไป ใช้ความกล้าแกร่งได้เต็มที่ทว่าไม่ประมาทเกินด้วยแผนทหารคิมหนุนหลัง
เยี่ยมนักที่เวลานี้เป็นมิตรต่อกันหาใช่ศัตรู
เดฟหันไปสบตากับทหารคิม ทันทีดวงตาเจือสีน้ำเงินของเบต้าผู้เคียงข้างจาคอปเสมอก็หลุบลง มิใช่กลัว แต่เเค่เมินเฉยที่ถูกรู้ทัน
แต่แผนนี้ของทหารคิมลงแรงไปเหนื่อยเปล่าไม่น้อย เพราะเดฟไม่คิดหักหลังจากคอป ไม่คิดจะทำการใดที่จะขัดขวางการเปลี่ยนแปลงนอร์ธซึ่งได้วาดวางไว้กับพันธมิตรของตน
"ดีใจที่เจ้าคิดถึงบ้านในเวลาเช่นนี้มอร์แกน ตอนนี้นอร์ธกำลังมีการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ ข้าเองในฐานะราชาก็กำลังคิดว่าจะส่งจดหมายไปหาทางเพิร์ลเพื่อขอคำปรึกษาหลังจากจีนให้กำเนิดทายาท แต่ในเมื่อโอกาสอันดีที่เจ้าและนายทหารมิคาเอลมาเยือนเช่นนี้ข้าก็ขอเกริ่นถามล่วงหน้าเตรียมตัวไว้ไม่เสียหาย" ร่างสูงใหญ่ของเดฟขยับใกล้น้องชาย เมินเฉยต่อสายตาดุดันของทหารเมืองเพิร์ล รอยยิ้มนิดๆ น้ำคำดูถ่อมตนนั้นยากจะขัดหูขัดตา ทว่าก็ชัดเจนว่าไม่อาจข่มให้ต่ำ
"ท่านมีเรื่องอันใดจะปรึกษาต่อเพิร์ล ท่านเดฟ" มิคาเอลเอ่ยถาม เดฟกันไปมองอีกฝ่าย
"นอร์ธกำลังจะเปลี่ยนการปกครองไปเป็นแบบรัฐสภาเช่นเพิร์ล จึงต้องขอคำแนะนำจากผู้มากประสบการณ์กว่า"
คำกล่าวของราชาแห่งนอร์ธ เมืองซึ่งมิคาเอลตราหน้าเรื่อยมาว่าโบราณคร่ำครึ พอมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่เช่นนี้ก็อดจะหรี่ตาคมมองด้วยความประหลาดใจและใคร่ประเมินมิได้
"หากนอร์ธไฝ่หาความก้าวหน้า เพิร์ลก็มิรังเกียจจะช่วยเหลือ" เสียงทุ้มต่ำของมิคาเอลเอ่ย ยังคงเจ็บแสบสมกับเจรจากับเมืองนอร์ธ
ทว่าเดฟยังคงยิ้มบางฉาบหน้าไม่เปลี่ยน คุณสมบัติอันยอดเยี่ยมที่สุดของเดฟซึ่งเหมาะแก่การเป็นราชาที่คาลเดอร์เห็นคงเป็นสิ่งนี้ การเก็บซ่อนสีหน้าและอารมณ์ไว้ใต้ความนิ่งเย็นเมื่อต้องการให้เป็นเช่นนั้น สวมบทบาทผู้มีอำนาจที่ถ่อมตนได้อย่างดีจนฝ่ายตรงข้ามยากเดาใจเบื้องลึก
เมื่อเดฟใส่หน้ากากเช่นนี้เข้าหาอย่างจงใจ ยากจะจับได้ไล่ทันเช่นที่คาลเดอร์เผลอประมาทพ่ายไปแล้วทั้งที่เสี้ยมสอนเอง ต่างจากจาคอปซึ่งเก่งกล้า ทว่าคุมอารมณ์ทางสีหน้าแทบไม่ได้ นี่คือความต่างของสองเจ้าชายผู้มีบทบาทสำคัญแห่งนอร์ธ
"หากภายหน้าเพิร์ลอยากได้ความช่วยเหลือใดจากนอร์ธก็ย่อมบอกได้เช่นกัน และมีข่าวดีอีกประการมอร์แกน ในยามที่กำลังเปลี่ยนผ่านนี้ ข้าใคร่เชิญท่านพี่จาคอปของเจ้าขึ้นเป็นเจ้ากรมทหาร เพื่อช่วยข้าจัดการทุกสิ่งให้ราบรื่น" เดฟหันไปมองพันธมิตรแห่งตน ข่าวสารที่เพิ่งได้ทราบปนไปด้วยการบอกเล่าเชิงบังคับ ทว่าจาคอปกระตุกยิ้มบาง พยักหน้า
"ย่อมได้ หากไม่ช่วยกันจะปลดภาระแห่งราชวงศ์เปลี่ยนผ่านด้วยดีได้อย่างไร" เมื่อจาคอปรับคำเช่นนั้น เดฟก็ยิ้มกว้างขึ้นมอบให้มอร์แกนและทหารต่างเมือง
"เช่นนั้นตอนนี้ข้าจะให้ทหารพาเจ้าและคนรักไปเรือนรับรอง และข้าขอตัวพาจีนไปพักก่อน เย็นนี้ค่อยร่วมมื้ออาหารด้วยกัน ดีหรือไม่"
"ขอรับท่านพี่เดฟ" มอร์แกนยิ้มหวานรับก่อนจะใคร่คิดชั่วครู่กับสิ่งที่สงสัย
"แล้วท่านพี่จาคอปขึ้นเป็นเจ้ากรมทหารเช่นนี้ ท่านคาลเดอร์ลงจากตำแหน่งแล้วหรือขอรับ" คำถามของมอร์แกนทำให้เดฟทำสีหน้าสลดลงโดยมิต้องแสร้ง ได้แต่กล่าวว่าจะเล่าให้ฟังหลังมื้ออาหาร
และคงเป็นรูปแบบที่ปรับปรุงเรื่องราวแล้วให้งดงามต่อใจคนฟัง
"เจ้าจีน กลับห้องกันเถิดลำบากเจ้านานแล้ววันนี้" เดฟโอบประคองโอเมก้าตัวหอมในอ้อมแขน ร่างนุ่มนิ่มอุ้ยอ้ายหันมายิ้มหวานให้
"มิใช่เลย การได้ทำความรู้จักผู้คนรอบกายท่านข้ายินดียิ่ง" เสียงหวานเอ่ยคำแอบอิงในกอดอุ่น ก่อนหันมายิ้มลาแก่ทุกคน
ราชาแห่งนอร์ธและผู้ซึ่งกล่าวได้เต็มคำว่าเป็นราชินีเคียงข้างเบเนดิก ไดนาดิน นอร์ธ เพียงหนึ่งเดียวโอบกอดกันกลับเรือนพักไม่ไกลนัก โดยมีทหารองครักษ์ตามกลับไม่ห่าง
"เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถิดมอร์แกน เดี๋ยวทหารจะนำเจ้ากับมิคาเอลไป" จาคอปเอ่ยกับน้องชาย น้ำเสียงทุ้มแหบไร้แววดุว่านั้นประหลาดหูไม่น้อย ทว่ามิได้ทำให้รู้สึกแย่เลย กลับยิ่งทำให้อุ่นใจ
"ท่านสบายดีใช่หรือไม่ท่านพี่จาคอป"
"มากกว่าที่เคย" ดวงตาคมของจาคอปตวัดมองร่างสูงในชุดสีเลือดนกข้างกายน้องชายตน คิดมิผิดเลยที่ให้คนคนนี้ได้มอร์แกนไว้ในการดูแล
"ดีใจเช่นกันที่เจ้าดูมีความสุขเช่นนี้ เช่นที่นอร์ธไม่มีวันทำให้เจ้าได้" จาคอปเอ่ยเพียงนั้น น้ำตาหยดใสก็คลอดวงตาของมอร์แกน โอเมก้าสุดท้องพยักหน้ารับ อยู่ใต้การโอบกอดของมิคาเอลเพื่อจากไปเรือนพักผ่อน
ใต้ต้นไม้ที่ดอกขาวกระจ่างร่วงโรย มีเพียงลมหนาวและสองร่างที่เคียงข้างกันมาเสมอ
จาคอปหันไปมองทหารคิม เบต้าที่ร่างผอมบางทว่ากลับคิดอ่านทำสิ่งยิ่งใหญ่เคียงข้างตน เพื่อตนมาเสมอ
"ฮาร์เบิล" เอ่ยเรียกด้วยนามที่ตนไม่เคยยอมให้ใครเรียกคนผู้นี้
"สิ่งที่เจ้าตั้งใจกระทำข้ารู้ว่าหวังดี แต่ข้าไว้ใจในคำสัญญาของเดฟ เจ้านั่นไม่หักหลังเราหรอก คนที่ชิงชังการเป็นเจ้าชายและอยากเปลี่ยนผ่านจุดนี้ไม่น้อยกว่าข้าก็คือเดฟ เจ้ามิต้องลองใจหรือซ้อนแผนอีกแล้ว" จาคอปเอ่ย ฝ่ามือหนาแตะแผ่นแคบผอมแผ่วเบา
"เมื่อเดฟมอบความจริงใจให้ ทางเราก็จะมอบความเชื่อใจกลับเช่นกัน เข้าใจหรือไม่"
การมอบตำแหน่งเจ้ากรมทหารให้ นั้นชัดเจนนักว่าอีกฝ่ายกำลังลงทุนซื้อใจและความร่วมมือครั้งใหญ่ เพราะหากไม่ร่วมกันทั้งสองฝ่าย กำหนดการที่วางไว้มีสิทธิ์จะยืดยาวขึ้นทั้งไม่ราบรื่น
ไหนจะการที่ดูรู้ทันแผนที่เชิญมอร์แกนมาของทหารคิม แต่ก็ถ่อมตนตามน้ำไปเพื่อให้ทุกอย่างดำเนินต่อ คว้าโอกาสเหมาะใช้คนให้ถูกงานนั่นก็อีก
เดฟสมเป็นราชาในเงื่อนไขนี้ แม้แต่จาคอปก็นึกยอมรับ
ดีแล้วที่เป็นมิตรกันในที่สุด เป็นศัตรูด้วยเหนื่อยนัก
"ขอรับท่านจาคอป" เมื่อผู้เป็นนายเหนือชีวิตเอ่ย ทหารคิมก็รับฟังทันที จาคอปปัดเส้นผมออกให้พ้นดวงตาสีน้ำเงินเข้มของเบต้าตรงหน้า รอยยิ้มเอ็นดูที่มอบให้เพียงยามอยู่ลำพังต่อกันเท่านั้นฉายชัดขึ้น
"ที่ผ่านมาและต่อจากนี้ขอบคุณเจ้ามาก ฮาร์เบิล"
△
หลังมื้ออาหารเย็นที่จัดในห้องอาหารเล็ก ไม่ได้โอ่โถงกว้างขวางเท่าห้องอาหารหลวง ทว่าก็งดงามประณีต เครื่องเงินสวยงามบรรจุอาหารพื้นเมืองของนอร์ธให้อดีตเจ้าชายที่จากไปต่างถิ่นได้หวนระลึกถึงบ้าน และเชื้อเชิญคนเมืองอื่นให้ได้ลิ้มลองสูตรต้นตำหรับของนอร์ธ
ในโต๊ะอาหารครั้งนี้เป็นไม่กี่ครั้งที่มอร์แกนได้ร่วมโต๊ะกับพี่ชายของตนเช่นจาคอปและทหารคิม ทว่ามิเห็นแม้เงาของพี่ชายอีกสองคนและท่านแม่ ซึ่งมิใช่เรื่องแปลกใดนัก มอร์แกนชินเสียแล้ว
อาหารเลิศรสถูกดื่มกินอย่างเรียบง่ายไร้พิธีรีตอง เดฟพูดคุยกับผู้อื่นร่วมโต๊ะอยู่บ้างทว่าความสนใจหลักเกือบตลอดเวลานั้นจดจ่ออยู่กับคู่แท้ของตัวเอง
จีนแทบจะแค่ขยับปากเคี้ยวเท่านั้น เมื่ออาหารชิ้นพอดีคำถูกส่งให้ถึงปาก จนคนท้องต้องปรามอยู่เรื่อยๆว่าตนแค่ท้องมิได้เจ็บป่วยหนัก ทว่าอัลฟ่าร่างสูงใหญ่ก็ยังคงประคบประหงมไม่ห่างมือ
หลังมื้ออาหารการบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ เพื่อให้มอร์แกนได้ฟัง ทั้งเดฟและจาคอปใคร่สืบถามนายทหารเมืองเพิร์ลเช่นมิคาเอลในการเปลี่ยนการปกครองจากผู้มีประสบการณ์มาก่อน
ทว่าแผนที่วางไว้ไม่เป็นดั่งใจ
เมื่อสมาชิกใหม่กำลังจะมาเยี่ยมเยือนเมื่อพลบค่ำในคืนไร้จันทร์ทว่าดวงดาวพราวระดับเต็มพื้นฟ้า
แองเจลโล่ ปาร์กเกอร์กำลังให้กำเนิดทายาทแห่งนอร์ธแล้วในขณะนี้
△
ใช้เวลาอยู่นานทีเดียวจากช่วงหัวค่ำ จวบจนเวลาเที่ยงคืนกว่าเสียงร้องของทารกก็แว่วออกมาให้ผู้รอคอยทั้งหลายใจเต้นรัว โดยเฉพาะอัลฟ่าเดฟที่เดิมก็แทบยืนชิดสิงประตูห้องนอนอยู่แล้ว
ยิ่งพอได้ยินเสียงเคลื่อนไหวภายในดังเคล้ากับเสียงเด็กร้องเดฟก็แทบจะทะลุเข้าไป เมื่อหมอหลวงเปิดประตูออกมาจึงผงะไปเล็กน้อยที่เห็นหน้าราชาแห่งนอร์ธอยู่ในระยะประชิดเพียงหลังบานประตูไปเล็กน้อย
"เป็นเจ้าชายตัวน้อยจ้ำม่ำขอรับ" เสียงหมอหลวงผู้เป็นเบต้าชายเอ่ยตอบ กลิ่นยาผสมกลิ่นกระดังงาและคาวเลือดปนเปจากด้านใน เดฟรีบเข้าไปที่เตียงซึ่งมีผ้าบางหลายชั้นคลุมรอบอยู่กับขาเสาทั้งสี่ด้าน นอกจากรีเบกกาแล้วญาติคนอื่นเห็นควรและรู้ตนว่าต้องนั่งรอข้างนอก แม้แต่มอร์แกนก็บีบมือคนรักจนแทบชาเพราะตื่นเต้นกับการให้กำเนิด อดทำให้คิดถึงมาเบลลูกน้อยของตนที่อายุเพียงไม่กี่เดือนไม่ได้
อัลฟ่าร่างสูงใหญ่ปรี่ตรงไปที่เตียงนุ่ม เสียงร้องของทารกยังคงดังทักทายไม่หยุด พร้อมกับรอยยิ้มหวานของใบหน้างดงามหมดจดแม้ว่ายามนี้จะซีดเซียวกว่าที่เคยก็ตาม
"เจ้าจีน" เดฟได้แต่เอ่ยเรียกมันจุกแน่นในอกไปหมดกับความรู้ที่กำลังได้มีครอบครัวที่รักและพร้อมอยู่เคียงข้างตน ครอบครัวที่เต็มใจจะมีร่วมกัน
แม้ไร้คำเอ่ยใดทว่าดวงตาเรียวคมที่คลอเคลือบด้วยน้ำตาบาง ๆ ของเดฟก็เอ่ยทุกสิ่งให้จีนได้รับรู้ มือน้อยละจากทารกน้อยในห่อผ้า ลูบไล้ผิวแก้มของใบหน้าคมคายที่นั่งอยู่ข้างกัน
"ท่านอยากอุ้มลูกไหมท่านเดฟ" น้ำเสียงหวานแผ่วถาม อัลฟ่าตัวโตพยักหน้าหลายหน มือสั่นเทายื่นออกรับห่อผ้าสีครามเข้มที่มีทารกน้อยอ้วนกลมจ้ำม่ำกำลังร้องงอแงเสียจนแก้มย้วยยุ้ยแดงจัด เดฟหัวเราะจนน้ำตารื้น จูบริมฝีปากหวานฉ่ำของคนรักเบา ๆ
"ท่านหมอหลวง เจ้าตัวน้อยเป็นเช่นไรบ้าง" รีเบกกาที่กำลังกลายเป็นท่านย่าเต็มตัวเอ่ยถาม แววตาอ่อนโยนมองหลานคนแรกที่เพิ่งถือกำเนิด
บรรดาหมอหลวงโค้งให้เล็กน้อยก่อนยื่นขวดแก้วใบจิ๋วให้ดู
น้ำในขวดแก้วนี้คือตัวยาที่ใช้ตรวจสอบเพศรองของทุกชีวิตที่เกิดมา เพียงหยดเลือดลงไปก็จะได้ผลที่ใคร่รู้ จีนนั้นรู้ดีอยู่แล้วว่าลูกของตนมิใช่โอเมก้าทว่าก็อดตื่นเต้นไม่ได้เช่นกัน
"เจ้าชายน้อยแข็งแรงดีขอรับ" หมอหลวงเงียบไปชั่วครู่ยามคนเข็มเล็ก ๆ ให้หยดเลือดปลิวกระจายในน้ำจนเป็นเนื้อเดียวกัน เพียงครู่น้ำในขวดแก้วตรงหน้านั้นเป็นสีแดงขุ่น
เป็นความหมายถึงการถือกำเนิดของอัลฟ่า
"อัลฟ่า เช่นนี้เองรั้วโรงเรียนโอเมก้าลินน์ถึงมิต้อนรับข้านักยามตั้งท้อง" จีนหัวเราะน้อย ๆ จูบแก้มนุ่มนิ่มคล้ายขนมปังก้อนอวบของบุตรชายในแขนผู้เป็นพ่อ
"ท่านแม่จะให้เกียรติตั้งชื่อลูกคนแรกของพวกเราได้หรือไม่ขอรับ" เดฟเอ่ยถามสตรีในชุดสีขาวงดงามข้างเตียง รีเบกกากดยิ้มน้อย ๆ ที่ไร้แววเสแสร้งเพียงเพื่อรับหน้าผู้คน เป็นรอยยิ้มอันแท้จริงจากใจยามมองหลานตัวน้อย
และตวัดดวงตาสวยจ้องมองใบหน้าบุตรชายคนโตของตน
ใบหน้าที่มิได้แลมองมานานเพราะทำให้หวนคิดถึงเหตุการณ์ชายผู้ให้กำเนิดเดฟร่วมกันบีบบังคับตน
ทว่ายามนี้ รีเบกกาก้าวผ่านมากพอที่จะมองหน้าเดฟให้นานขึ้นสักหน่อยโดยไม่ช้ำใจ เพราะสิ่งที่เดฟพยายามทำให้เธอ ปลดเปลื้องออกจากวงจรอันหน้าหน่ายใจแห่งราชวงศ์นอร์ธเสียที
มอบอิสรภาพที่เธอโหยหา
ทำให้เธอรู้ว่าลูกชายของเธอต่างจากราฟาเอลมากเพียงใด
"หากเจ้ากับจีนมิรังเกียจ ข้ายินดี"
"ข้ายินดีเช่นกันท่านแม่" จีนเอ่ยเรียกด้วยสรรพนามที่รีเบกกาย้ำขอ อัลฟ่าหญิงผู้งามสง่าแตะปลายนิ้วกับผิวแก้มขาวนุ่มของหลานชาย
"เคลวินดีหรือไม่ เคลวิน อเล็กซานเดอร์ นอร์ธ" เช่นไรยามนี้เป็นเจ้าชายย่อมตรงมีชื่อกลางและแม้จะเปลี่ยนการปกครองเป็นระบบรัฐสภาในอนาคตนามนี้ก็จะอยู่คู่เคลวินเรื่อยไป
"เป็นชื่อที่ไพเราะนัก ขอบคุณท่านแม่" เดฟยิ้มบอก
"หื้ม เคลวินตัวน้อยของแม่กับพ่อ" น้ำเสียงน่าฟังที่คุ้นหูตั้งแต่อยู่ในท้องของจีนทำให้อัลฟ่าตัวน้อยหลุบดวงตาสีดำกลมโตหันมามอง เสียงร้องไห้เริ่มแผ่วเบาลงและเป็นรอยยิ้มจนเหงือกแดงแจ๋ให้ได้เห็น
เดฟยิ้มกว้างมองภาพตรงหน้า ในใจเอ่อล้นด้วยความสุข
ยามนี้พ้นเที่ยงคืนมาเพียงไม่นาน ทว่ากลับรู้สึกกระปี่ประเป่าต้อนรับชีวิตใหม่ไม่รู้สึกง่วงเหงาเลยสักนิด
มีแต่ความปีติล้นหัวใจ
△
สถานที่โปรดของเคลวินตัวน้อยดูจะไม่ต่างจากผู้เป็นแม่นัก อาจเพราะกลิ่นกระดาษและเปลือกไม้ที่ชวนให้อุ่นใจและใคร่คิดถึงอัลฟ่าเดฟอยู่เสมอด้วยก็เป็นได้
ทำให้ในหอสมุดกลางของราชวังหลวงแห่งนอร์ธกลายเป็นที่พำนักหลักของโอเมก้าที่เพิ่งคลอดบุตรและเจ้าตัวน้อยวัยสองเดือนในอ้อมแขน
เกือบทุกวันจีนจะอุ้มเคลวินมาพร้อมบรรดาแม่นมที่หิ้วตะกร้าใส่อุปกรณ์สำหรับดูแลทารกตรงไปที่หอสมุด เก้าอี้ตัวยาวบุนวมสีครามเข้มเป็นที่ประจำของสองแม่ลูกกับหนังสือนิทานที่วาดอย่างบรรจงสีสวยกองใหญ่บนโต๊ะ
เก้าอี้ตัวโตซึ่งเหลือพื้นที่เพียงพอเพื่อแขกประจำอีกคน
"ข้าได้กลิ่นนมหอมฟุ้งไปถึงประตู" เสียงทุ้มนุ่มของราชาแห่งนอร์ธคนปัจจุบันเย้าให้ฟังตั้งแต่เดินเข้ามาในเขตห้องสมุด เพราะที่แห่งนี้มิมีใครอื่นเข้ามานักจึงมิต้องทำเสียงเบาลงเช่นห้องสมุดปกติ
โอเมก้าเจ้าของกลิ่นกระดังงาที่ยามนี้มีกลิ่นนมผสมผสานให้หอมตรึงใจกว่าเก่าค้อนใส่คนรักเบา ๆ จนแก้มและปากกลม ๆ นุ่มนิ่มน่ามันเขี้ยว แล้วเดฟหรือจะมีความอดทนสูงพอ แค่หอมจูบย้ำๆหลายที่ ไม่รั้งร่างน้อยมาฟัดจูบให้เหนื่อยหอบแย่งเวลาดื่มกินน้ำนมรสอร่อยของลูกชายก็ดีเท่าไหร่แล้ว
"เคลวินกินเก่งเหลือเกิน ดีที่น้ำนมข้ามีพอให้เขาไม่ขาด" จีนเอ่ยเล่าเสียงเรื่อย ๆ ไปตามประสา อัลฟ่าตัวโตนั่งแนบชิดโอบกอดร่างน้อยไว้ในอ้อมแขน คลอเคลียไม่ห่างเหลือพื้นที่ว่างข้างกายทิ้งไว้อย่างไม่นึกเหลียวแล
"ของอร่อยมิน่าแปลกใจที่เคลวินจะชื่นชอบ" น้ำเสียงชอบใจนั้นเรียกสีเลือดซับแก้มจีนได้อีกหน ดวงตากลมโตจ้องมองคนรักของตน
"เป็นเช่นไรบ้าง เหนื่อยมากหรือไม่" ทุกวันนี้เดฟก็ยังคงดำเนินแผนการปรับเปลี่ยนการปกครองร่วมกับพันธมิตรตนอย่างแข็งขัน เพื่อให้ราบรื่นและผ่านไปได้ดีที่สุด
แน่นิอนว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และแต่ละคนก็ยอมรับได้ไม่เท่ากัน จึงต้องมีทั้งไม้อ่อนไม้แข็งและแนวคิดแผนการอะไรมากมายสำรองไว้ ดีที่ได้บุคคลระดับหัวกะทิของนอร์ธมาเป็นพวก ทั้งทางเพิร์ลก็ยินดีให้ความช่วยเหลือ
ยุคต่อจากนี้คงเป็นยุคใหม่แห่งนอร์ธที่เดฟคาดหวังเหลือเกินว่าทุกสิ่งจะดีขึ้นกว่าเดิม และตนจะมีเวลามากขึ้นในการเคียงข้างยอดดวงใจ
"เหนื่อย แต่ไปทางดีมากกว่าร้าย คุ้มค่าเหนื่อย" เดฟกล่าว
"ได้ฟังเช่นนั้นข้าก็เบาใจ" มือน้อยยังคงลูบแผ่นหลังของเคลวินในอ้อมอกเบา ๆ อัลฟ่าน้อยคงดื่มด่ำกับมื้ออาหารโอชะอีกครู่ใหญ่ เดฟแตะพุงขาวกลมของลูกชายเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู
ดวงตาคมโต จมูกโด่งชัด ริมฝีปากกระจับได้รูป เครื่องหน้าเช่นนี้ลูกชายตนย่อมเติบใหญ่เป็นอัลฟ่าที่ดูดีอย่างหาตัวจับได้ยากแน่ สมแล้วที่เป็นบุตรของตนกับจีน
"ข้าอยากมีครอบครัวใหญ่" เดฟวางคางลงบนลาดไหล่แคบ ยามบอกก็หอมแก้มนิ่มของจีนเบา ๆ
"ท่านคิดมีน้องให้เคลวินเร็วไปหน่อยนะท่านเดฟ"
"วางแผนล่วงหน้าไม่ดีตรงไหนเล่าเจ้าจีน" ทำเสียงออดอ้อนเสียจนคนฟังหุบยิ้มไม่อยู่
"เช่นนั้นน้องสาวสักสอง น้องชายอีกสองดีหรือไม่" จีนแกล้งเย้า
"เจ้ารู้ชัดราวกับนั่งอยู่ในใจข้า" แต่คำย้ำว่าอีกฝ่ายคิดจึงทำจริง เล่นเอาโอเมก้าตัวขาวอดมุ่ยปากไม่ได้
"ไม่สิเจ้าอยู่ในใจข้าอยู่แล้วนี่" แต่พอเดฟเอ่ยต่อก็หลุดยิ้มเมื่อฟังไม่ได้ ดวงตาโตช้อนมองหน้าคนรัก
"มากเกินไป ข้ากลัวดูแลลูกได้ไม่ดี"
"มีข้าด้วย หาทิ้งให้เจ้าเดียวดาย ทว่าเมื่อถึงเวลานั้นจะมีน้องให้เคลวินหรือไม่ จะมีกี่คนข้าล้วนตามใจเจ้า" เดฟพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง จมูกโด่งกดย้ำเส้นผมนุ่มหอมของคนรัก
เดฟใส่ใจในความต้องการของจีนเสมอเมื่อเป็นเรื่องจริงจังเช่นนี้ จนตนอบอุ่นและวางใจ
"ขอบคุณท่านมาก"
"ข้าสิต้องขอบคุณเจ้า จีน"
ดวงตาคมพินิจหนังสือเล่มโตที่ถูกขั้นด้วยริบบิ้นสีม่วงคั่นวางแยกจากเล่มอื่นฟ้องชัดว่าถูกอ่านเมื่อไม่นานนี้
"เจ้าอ่านตำนานกำเนิดโลกแห่งนี้ให้เคลวินฟังหรือจีน"
"ใช่แล้ว มันสนุกทั้งได้ความรู้ เคลวินก็ชื่นชอบมัน" จีนยิ้มตอบ มือตบก้นลูกน้อยที่เริ่มดื่มนมช้าลงเบา ๆ
มือหนาฉวยหนังสือเล่มโปรดของคนรักขึ้นมา ก่อนจะเปิดไปหน้าซึ่งคั่นเส้นเชือกไว้
"ท่านเริ่มอ่านตั้งแต่ต้นนะท่านเดฟ ข้าชอบเสียงท่าน" เมื่อคนรักขอมีหรือเดฟจะเมินเฉย ปลายนิ้วหยาบเปิดย้อนคืนไปอีกหน้า กระแอมในคอเบา ๆ ก่อนจะเริ่มอ่านหนังสือเล่มเหมาะมือให้คนรักและบุตรชายฟัง
ครอบครัวของเดฟ
คนที่จะเคียงข้างและปลอบโยนอัลฟ่าผู้นี้เสมอ
"เมื่อย้อนไปกาลก่อนเนิ่นนานจนมิอาจคาดเดาจำนวนปี ด้วยความเมตตาของเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ ‘โลกแห่งนี้’ ได้ถือกำเนิด...."
END
น้องเคลวินมาแล้วค้าบบบบบ พระเอกก็อย่างงี้แหละค้าบบบมาตอนจบบบ 555555
เรื่องราวที่พี่ซากจะบอกกับเจ้าจีนเรื่องคำสาปจะไปอยู่ในส่วนของตอนพิเศษค่ะเพราะ ทามไลน์จะหลังจากนี้ไปพอสมควร
และเรื่องราวในตอนพิเศษ ถ้าหากอยากอ่านอะไรกันก็ลองเสนอมาได้เลยนะคะ เผื่อถ้าเขียนได้ก็จะได้ปนกับพล็อตที่คิดไว้ด้วย (เล่มจะเร่งทำให้เสร็จในเร็ววันนะคะ ขออภัยจริงๆที่ล่าช้ากว่ากำหนดมากเลยเพราะตัวภาษาที่ยากทำให้ต้องใช้เวลามากกว่าที่คิดไว้ แต่จะพยยามไม่ให้เกินปลายตุลานี้ค่ะ)
และขอบคุณมาก ๆ ที่ติดตามกันมาตลอดนะคะ
เป็นอีกเรื่องที่ใช้เวลาในการเขียนไม่น้อยและทุ่มเทมาก ๆ เพื่อที่จะสร้างสรรค์เรื่องราวนี้ขึ้นมา ไม่ง่ายเลยจริง ๆ ค่ะ
และคงไม่มีทางมาถึงจุดนี้ มาถึงวันนี้ได้ถ้าหากว่าไม่มีคนที่คอยให้กำลังใจ ให้ฟีดแบ็ค คอยติดตามอ่านพี่ซากกับน้องสวยมาตลอด
ตอนสุดท้ายนี้ก็ฝากส่งฟีดแบ็คหน่อยนะคะ เราตามอ่านทุกข้อความทุกช่องทางเลย ติดแท็กหาเรื่องนี้ #ดมอบีนยอง กันเข้ามาเยอะ ๆ ได้นะคะทิ้งทวนตอนสุดท้ายแน้วว 5555
ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ ถ้าใครสั่งเล่มก็จะได้ติดตามชีวิตของทั้งคู่ต่อไปอีกหน่อย ฝากติดตามกันด้วยนะคะ
และสำหรับใครที่ไม่ได้สั่งเล่ม แค่การที่คุณให้กำลังใจเราผ่านช่องทางต่าง ๆ แนะนำเรื่องนี้ให้คนอื่นรู้จัก แวะเวียนมาอ่านก็เป็นช่วงเวลาดี ๆระหว่างกันแล้วค่ะ
#ดมอบีนยอง
@butterfly8ffect
https://web.facebook.com/butterfly8ffect/
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ขอบคุณไรต์เตอร์มากๆค่ะที่สู้แต่งฟิคดีๆแบบนี้มาให้ได้อ่าน อ่านแล้วรู้เลยว่าน่าจะแต่งยากจริงๆ ภาษาก็สวย บรรยายดี คาแรกเตอร์แต่ละคนแม้กระทั่งการตั้งชื่อก็ดีงาม แล้วก็สำคัญที่สุดคือชอบพล็อตเรื่องมากๆเลยค่ะ อารมณ์เรื่องราวความรักอบอุ่นแสนหวานท่ามกลางไอเดือดของสงคราม ทั้งโรแมนติกทั้งตื่นเต้น สุดยอดมากๆค่ะ
อบอุ่นหัวใจ มันดีมากเรยยย ขอบคุณไรท์สำหรับฟิคดีๆนะคะ
ฝากถึงคุณนักเขียนของเรา ขอบคุณจริงๆที่ตั้งใจแต่งเรื่องนี้แล้วก็หลายๆเรื่องให้เราได้ติดตาม เราอยากจะบอกว่าเราชอบการใช้ภาษาของคุณมาก ไม่ว่าจะแต่งแนวไหนก็สนุกทุกแนวเลยค่ะ จะเป็นกำลังใจให้ต่อไปเรื่อยๆเลยน้าาาาา. รักนะคะเริ้ปๆ
จบแล้วววฮืออออดี อบอุ่นใจมากๆค่า ขอบคุณไรท์ที่เขียนฟิคดีๆให้ได้อ่านนะคะ
ขอบคุณจริงๆที่สร้างสรรค์ผลงานดีๆออกมาให้เราได้ชื่นชม ไรท์แต่งได้ดีมาก วางเรื่องได้ดีมาก อ่านได้อย่างลื่นไหลเลย ขอให้ไรท์มีความสุขในทุกๆวันนะคะ สู้ๆค่ะ
ปล.แอบเสียดายที่ได้เห็นเจ้าเคลวินแปปเดียวเอง