ตอนที่ 3 : SMOG #ฟิคหมอกควัน 3/5 [ รีไรท์ ]

จักรวาลที่กว้างขวางเกินประมาณ มันจะถูกตีขอบเขตสิ้นสุดลงตรงไหน บางทีอาจจะไม่มี
-แจบอม-
﹌
"..."
เสียงหยดน้ำกระทบลงพื้น และอุณหภูมิของมันก็ทำให้มีไอน้ำล่องลอยออกมาตามทุกห้วงลมหายใจ
ตาโตจ้องมองเงาสะท้อนอันขมุกขมัวของตัวเองผ่านฝ้ากระจก ผิวจินยองไม่ขาวซีดเท่าที่เคยมันมีสีเลือดฝาดจากความอุ่น
ทุกส่วนขาวเนียนละเอียด สองแขนผอมแห้งที่เฝ้าเน้นออกกำลังกายอย่างหนักเพื่อรับบทในซีรีส์ดี ๆ สักเรื่องก็ยังคงผอมแห้งราวกับไม่มีอะไรพัฒนามากขึ้น
ปลาสเตอร์ปิดแผลแบบกันน้ำบนฝ่ามือปกปิดแผลที่มีได้
แต่ก็ไม่รู้เลยว่ามันจะปกปิดคำโกหกได้นานสักแค่ไหน
อาจจะไม่ได้เลยสักวินาที
ปึก
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็ว เป็นช่วงวินาทีที่จินยองโผบินขึ้นกลางอากาศราวกับถูกติดปีกแต่โลกทั้งใบที่ไหวโยกคลอนเหมือนกำลังถูกโอบกอดด้วยแรงโน้มถ่วงที่ไม่มีสิ่งใดบนโลกหนีพ้น
ร่วงหล่นกระแทกลงแทบพื้นโลกเหมือนเคย
และอย่างน้อยจินยองก็โชคดีที่ครั้งนี้พื้นซึ่งร่วงหล่นนุ่มนิ่มอย่างที่เตียงนอนควรเป็น
"ตอบฉัน" เสียงแหบนุ่มเจือกลิ่นฝาดเย็นที่รับรู้ได้ว่าจะขมติดปลายลิ้นอย่างไรเมื่อสัมผัสมันผ่านรสจูบ
"ตอบฉันหน่อย ปาร์ค จินยอง" ตาเรียวคมดุของท่านประธานแห่งพาราไดซ์จ้องเขม็ง ส่วนจินยองที่โดนโยนขึ้นมาบนเตียงทันทีที่ก้าวพ้นออกจากประตูห้องน้ำได้แต่ยันตัวลุกขึ้นนั่ง
แม้แต่ความเรียบร้อยของชุดคลุมอาบน้ำที่แสนกังวลก็ไม่ได้ใส่ใจ
จินยองเอาแต่จดจ้องมองยมทูตตรงหน้าตน
ที่ดูเหมือนว่าความไม่ชอบใจจะพองใหญ่คับห้องนี้ยิ่งกว่าเจ้าของช่วงบ่ากว้างในชุดสีดำสนิทที่คุกเข่าลงบนเตียง
"ฮึก" จินยองเกลียดที่ตัวเองหลุดสะอื้น เพียงแค่มือแข็งแรงของแจบอมบีบเข้าที่ปลายคาง
เกลียดที่ตัวเองรู้สึกกลัวขึ้นมาฉับพลันทุกครั้งที่แจบอมโกรธ
ทั้งที่จะมืดหรือสว่าง โลกทั้งใบของจินยองก็มีแต่คนคนนี้
"เรามีข้อตกลงกันจินยอง" ดวงตาคมดุราวกับมีประกายไฟอยู่ในนั้น นิ้วโป้งแข็งแรงกดขยี้ที่มุมปากของนักแสดงคนเดียวในสังกัด
"ก่อนจะมาอยู่ด้วยกัน เงื่อนไขเดียวที่ฉันต้องการ นายจำได้ไหมว่าคืออะไร"
จำได้สิ สิ่งเดียวที่แจบอมขอ สิ่งเดียวแลกกับทุกสิ่งทุกอย่าง
"...พี่แจบอมบอกว่าห้ามโกหก" อิม แจบอมกดยิ้มมุมปากทันทีที่ได้ฟังจบ แต่มันไม่ได้ทำให้รู้สึกถึงความใจดีขึ้นเลย
ไม่เลยสักนิด
"แล้วนายเห็นฉันเป็นคนโง่เหรอ ปาร์ค จินยอง" กลิ่นของบุหรี่ยี่ห้อคุ้นเคยประสานเสียงกระซิบชิดใบหู
ความเจ็บรอบกรอบหน้าที่ถูกบีบแรงขึ้นบอกได้ดีว่า แจบอมกำลังโกรธมากขึ้น
"ไม่ ไม่ครับ จินยองขอโทษ" จินยองรู้ว่าตัวเองโง่เง่าแค่ไหน สุดท้ายสิ่งที่มีปัญญาทำก็แค่ขอโทษ
ปลายนิ้วเรียวยาวได้รูปแตะที่สันกรามคมชัด สัมผัสจิวหูสีดำสนิท
"อึก" และทันทีที่เข้าใกล้มือข้างนั้นก็ถูกจับไว้ ถูกบีบจนแน่น บาดแผลใต้ปลาสเตอร์เจ็บแปลบจนน้ำตาจินยองร่วงหล่น แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากห้าม
โอบกอดทุกอย่างที่แจบอมมอบให้ แม้จะเป็นความเจ็บปวดก็ตาม
"ไอ้งั่งที่มาส่งนายมันเป็นใคร"
"เพื่อน เพื่อนผม" สีหน้าของคนฟังไม่ได้ดูซาบซึ้งกับคำที่ได้ฟังนัก
"รถราคาถูกของมันนั่งสบายไหม นั่งข้างมันรู้สึกดีกว่านั่งข้างฉันงั้นเหรอ" แรงบีบที่ใบหน้าถูกคลายออกในขณะที่มันถาโถมลงกับสองฝ่ามือของจินยองกดฝังทั้งร่างลงกับเตียงราวกับร่างสูงใหญ่ที่คร่อมทับอยากให้จมหายไป
เป็นครั้งแรกที่แผลบนมือไม่เจ็บอีกแล้วเมื่อมันรู้สึกตื้อชา
"ไม่ครับ มากับยองโฮไม่ได้ ฮึก ได้ดี อื้อออ"
คำตอบไม่ถูกใจ รสฝาดเย็นของบุหรี่ที่บดขยี้และขบกัดลงบนริมฝีปากบอกจินยองแบบนั้น
"อย่ามาพูดชื่อผู้ชายคนอื่นบนเตียงของฉัน ปาร์ค จินยอง" เสียงแหบต่ำก่นบอก ส่วนจินยองก็ได้แต่พยักหน้ารับรัวเร็วจนหยดน้ำตากระเพื่อมไหวและเปรอะเลอะบนผิวแก้มขาวอีกครั้ง
แปดเปื้อนเหมือนที่แจบอมอยากให้จินยองเป็น
พิเศษ สูงค่าภายใต้ปีกของพาราไดซ์ แต่ก็เลอะเทอะ ธรรมดาเพียงแค่ในอ้อมกอดของตน
"ฉันเกลียดคนโกหก และเกลียดที่สุดคือนายโกหกฉัน"
"ฮึก ผมจะไม่ทำอีก ครั้งนี้ผมคิดน้อยไป มันเพราะ อื้อออ" น้ำเสียงนุ่มทุ้มหายลับไปอีกหน และความรู้สึกเจ็บจนชาก็ลามจากแผลบนฝ่ามือ มาที่ริมฝีปาก ใบหู ซอกคอ
และทุก ๆ ส่วนบนร่างกาย ที่ริมฝีปากหยักบางของ แจบอมลากผ่าน
"นายได้อธิบายเหตุผลเฮงซวยนั่นแน่ แต่ฉันยังไม่อยากจะฟังตอนนี้ จนกว่าฉันพอใจที่จะฟังมัน"
ทุก ๆ ส่วนที่แจบอมเป็นเจ้าของ
“ทำให้ฉันพอใจสิ ปาร์ค จินยอง”
﹌
"ฮึก มัน ...แจบอม" เสียงหวานสั่นหวิวพอ ๆ กับทั้งหุ่นร่างผอมแต่โค้งเว้าเย้ายวนยิ่งกว่าชายหญิงคนไหนที่แจบอมเคยพบเห็นกำลังโยกคลอน
ดวงตาโตของจินยองอัดแน่นด้วยอารมณ์ลึกล้ำราวกับหลุมดำแห่งความปรารถนาที่ดูดกลืนทุกคนที่พบเห็นเสมอ และยิ่งทรงพลังในจุดที่อารมณ์วูบไหวกำลังสูงขึ้นเรื่อย ๆ
และแจบอมก็ยังคงรู้สึกวูบวาบจนใจสั่นเหมือนทุกหน แม้จะจ้องมองมันผ่านเปลวควันก็ตาม
"เหอะ พอมือไม่ว่างแล้วกระจอกลงนะ” สีหน้าไม่แยแส ทว่าดวงตาเรียวกลับวาวโรจน์ด้วยความต้องการที่แทบจะแหกหน้ากากนิ่งเฉยนี้ออกมาด้วยความกระหาย พยายามเก็บซ่อนอย่างดีใต้ควันบุหรี่ที่พ่นออกมาจากลมหายใจ
กลิ่นบุหรี่ที่จินยองไม่ได้ชอบนัก แต่มันก็ทำให้นึกถึง อิม แจบอมทุกครั้งที่ได้กลิ่นฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง
และควันเหล่านั้นก็กำลังโอบกอดจินยองไว้
ดวงตากลมโตสั่นระริก เพราะสองมือถูกมัดติดกันไว้ด้านหลังทำให้มันลำบากไปหมดในการทรงตัวอยู่บนตักของท่านประธานแห่งพาราไดซ์ ประคับประคองร่างกายตัวเองต่อสู้กับแท่งเนื้อที่เบียดคับอยู่ในร่างจนร้อนไปทั้งช่วงท้อง
ทำให้อิม แจบอมพอใจ
มีแค่การทำให้ยมทูตเจ้าของชีวิตพอใจ บทลงโทษของคนขี้โกหกก็จะจบสิ้นลง
แม้ภายใต้เงื่อนไขนั้นคือสองข้อมือที่ถูกผูกมัด คือทั้งตัวที่ต้องโยกขย่มเอง แต่ก็ทำเพื่อไถ่บาปจากยมทูต
บาปจากการโกหก
ที่ดูเหมือนจะมีบาปแห่งความน่าเบื่อหน่ายเพิ่มมาอีกข้อ
"ฉันง่วงแล้วนะ สูบหมดมวนคงเผลอหลับพอดี" ถ้อยคำไม่แยแสยิ่งตอกย้ำให้ได้ฟัง
ในขณะที่จินยองรู้สึกเสียววูบจนแทบจะขาดใจตาย ทุกครั้งที่ยกสะโพกขึ้นและกดทับลงมา หรือแม้ยามนั่งหอบหายใจอยู่แบบนี้
แต่มันคงน่าเบื่อมากเมื่อท่านประธานแห่งพาราไดซ์ยังคงจดจ่ออยู่กับการสูบบุหรี่ในมือ ข้อนิ้วแกร่งเคาะเศษเถ้าลงในแก้วรอง และใบหน้าคมคายก็หันไปสนใจมัน
ไม่สนใจคนอีกคนตรงนี้เลย ไม่แม้แต่จะลูบสัมผัส แม้แต่จะจูบปลอบโยน หรือจูบเอาแต่ใจ
น่าเบื่อจนไม่แม้แต่จะอยากจดจ้องมอง
วินาทีนี้จินยองได้เรียนรู้อีกอย่าง จินยองเคยกลัวว่าจะไม่ได้ไปมหาวิทยาลัยอีก กลัวว่าจะทำให้ท่านประธานแห่งพาราไดซ์เสียหายถ้าถูกรู้ว่าเกลือกกลั้วกับคนอย่างเขา
แต่แท้จริงสิ่งที่จินยองกลัวที่สุดยิ่งกว่าทุกสิ่งในจักรวาลนี้
คือการถูกเหวี่ยงออกไปจากชีวิตของอิม แจบอม
คือการถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้อีก
ไม่เอาได้ไหม อย่าเบื่อเขา อย่าทิ้งเขา เขามอบทั้งชีวิตให้ยมทูตแล้ว ให้แล้วทั้งหมด
"..."
แจบอมได้ยินเสียงสะอื้นไห้ที่ดังมากขึ้น พร้อมกับจังหวะที่เนื้อสะโพกอวบขย่มลงใส่บนหน้าขา ผนังอุ่นร้อนที่บีบรัดมากยิ่งขึ้นในจังหวะที่คนขย่มไม่กลัวว่าเอวตัวเองจะหัก
ความกระหายที่พยายามข่มไว้ยิ่งจ้วงทะยานมากขึ้นราวกับฝีเท้าของม้าที่ควบแข่งในสนามประลอง ใจของแจบอมเต้นไม่เป็นส่ำ จนแม้แต่จะทำท่าทีเฉยเมย สนใจแต่สูบบุหรี่อย่างตอนแรกก็ทำต่อแทบไม่ไหว
แม้ผ่านประสบการณ์สนามรักมามากมายจนเสแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไรกับร่างกายยั่วเย้าที่โบยบินอยู่บนร่างได้ แต่มันไม่ง่ายเลย ไม่ง่ายสักนิด
เหมือนเศษเสี้ยวแสงที่พยายามหนีออกจากหลุมดำ
ซึ่งไม่มีวันหลุดพ้น
แม้แต่บุหรี่ที่เคยช่วยให้จดจ่อ ก็ยังแทบไม่ช่วยเหลืออะไรอิม แจบอมเลย
"อึก อ๊ะ อ๊ะ" เสียงครางแว่วหลุดแม้ริมฝีปากอิ่มเลอะรอยแตกจะพยายามขบเม้มไว้แค่ไหนก็ตาม
สองมือที่ถูกมัดจับยึดไปที่ต้นขาแข็งแรงของท่านประธานวัยช่วงสามสิบ เอวคอดแผ่นอกบางแอ่นไปด้านหลัง สองขาขาวตั้งชันขึ้น ยึดเหนี่ยวทั้งร่างของจินยองไว้กับการควบสะโพก ฉุดรั้งและเติมเต็มความปรารถนาที่พุ่งทะยาน
ดวงตากลมโตที่ฉ่ำชื้นด้วยหยาดน้ำตาจดจ้องมองมาแค่ยมทูตที่ไม่ได้ถูกห่อกอดด้วยชุดดำมืดอย่างเดิม
มันเรียกร้อง มันต้องการ มันยังคงเป็นหลุมดำหลุมนั้นที่อิม แจบอมยอมแพ้
เพราะเป็นปาร์ค จินยอง
ที่เคยคิดว่าทำไม่สนใจจนจบคืน กลับกลายเป็นมวนบุหรี่มอดไปเพียงครึ่งซึ่งถูกทอดทิ้งในจานแก้วเหมือนเศษเถ้าที่ถูกไฟแผดเผา
"พะ พี่แจบอม" เสียงทุ้มนุ่มแผ่วหวิวเรียก
แผ่นหลังของจินยองกระแทกลงกับเตียงอีกครั้งเมื่อถูกจับพลิกตัว สองแขนที่ถูกไขว้มัดโดนกดทับลงไปด้วยน้ำหนักตัวเองจนเจ็บล้า กลับเป็นรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของปาร์ค จินยอง รอยยิ้มที่ถูกตัดผ่านด้วยหยดน้ำตา
ต่อให้รู้ดีว่าร่องรอยลายพร้อยจะเกิดขึ้นมากเท่าใด
ความเจ็บแปลบแสบสันจากการขบกันและเสียดสีจะทวีมากยิ่งขึ้นแค่ไหน
ทว่าแม้จะเล็กน้อย หรือมากมาย แต่ความรู้สึกอุ่นใจทุกครั้งที่คนคนนี้แตะต้องก็เจือปนอยู่เสมอ
เพราะเป็นอิม แจบอม
﹌
"อึก" เสียงสะอื้นแผ่วไหวแหบแห้งหลุดออกมาอีกครั้ง ร่างกายเลอะเทอะด้วยสารพัดสารคัดหลั่ง ไม่ต่างจากใบหน้าและดวงตาเปียกปอนที่ปรือลง
ทันทีที่รู้สึกถึงความร้อนที่ดึงออกจากร่างกาย จินยองหดตัวคุดคู้จนดูเหมือนหอยทากตัวกลม ๆ เพราะสองมือที่ยังถูกผูกไขว้ไว้ด้านหลัง ตาโตบวมช้ำชำเลืองมองยมทูตข้างกาย
ดวงตาเรียวใต้จุดสองจุดบนเปลือกตาและจิวแหลมยามนี้ดูคุกรุ่นน้อยลงมาก
ใกล้เคียงกับที่คุ้นเคย
"ฉันพร้อมจะฟังเหตุผลที่นายโกหกแล้ว จินยอง" เสียงแหบทุ้มล่องลอยในอากาศ จินยองต้องใช้สติอย่างมากที่จะไม่ยอมแพ้ให้กับร่างกายที่อ่อนล้าจนแทบถึงขีดสุด
เพราะกลัวว่ายิ่งปล่อยนานไปพรุ่งนี้จะไม่มีโอกาสได้แก้ไข
กลัวว่าจะถูกเบื่อ กลัวว่าจะถูกทอดทิ้ง
"ที่ผมโกหก..." เสียงมันแหบแห้งราวกับเป็นหวัดจนจินยองยังตกใจ พยายามกระแอมเพื่อเรียกเสียงคืนมา
แจบอมจ้องมองหลุมดำของตัวเอง และเก็บเกี่ยวเอาไว้ในอ้อมกอด ระหว่างรอจินยองหาเสียงตัวเองเจอ ริมฝีปากหยักบรรจงกดจูบตามช่วงไหล่แคบ และเกี่ยวรั้งปลดเข็มขัดหนังเส้นโปรดออกจากสองข้อมือสวยได้รูป
หยาดเลือดสีแดงไม่ใช่สิ่งที่แจบอมคิดว่าตัวเองควรจะได้เห็น
มันท่วมจนชุ่มไปทั้งฝ่ามือของจินยอง และแจบอมก็เพิ่งเห็นว่าบนผิวเนื้อนั้นคือปลาสเตอร์บางกระจ้อยร่อยถลอกปอกเปิก
"เกิดอะไรขึ้น" สองมือผอมถูกประคองไว้บนมือของ แจบอม จินยองรู้สึกว่าตัวเองยิ่งหดเล็กลงเมื่อเห็นว่าแผลบนมือเปิดและมีเลือดออกมามากแค่ไหน
เลือดที่ไม่รู้ว่าทำให้เตียงแสนสะอาดนี้เปื้อนไปมากเท่าไหร่แล้ว
"ฉันถามว่าเกิดอะไรขึ้น!"
"พี่แจบอมอย่าโกรธนะ" เสียงที่ยังคงแหบแผ่วเปล่งขึ้นดังสุดเท่าที่ทำได้ ซุกตัวอยู่ในแผ่นอกและบ่ากว้าง อยู่ใต้ปีกของท่านประธานแห่งพาราไดซ์
"ในสมุดรายงานของผมมีคนเอามีดโกนใส่ไว้ ผมไม่ทันดูมันก็เลยบาดมือ ยอง... เพื่อนผมก็เลยมาส่ง ผม ผมไม่อยากให้พี่ห้ามไปเรียน ไม่อยากให้พี่ไปที่มหาลัย ไม่อยากให้พี่เสียชื่อเสียง ผมคิดน้อยไปก็เลยโกหก ผมขอโทษ" เสียงแหบแผ่วติดสั่น มือผอมพยายามกำเก็บซ่อนรอยแผล แต่แจบอมไม่ยอมให้ทำแบบนั้นยังโอบประคองฝ่ามือผอมไว้
"จินยองขอโทษ"
"อย่าทำแบบนี้อีก" เสียงกระซิบบอกชิดหน้าผาก วงแขนแกร่งซึ่งประดับรอยสักจนเหมือนมีปีกขนาดใหญ่ติดอยู่บนตัว แจบอมกอดจินยองไว้จนแน่น
"จินยองจะไม่โกหก ไม่แล้ว ไม่ทำ จะเป็นเด็กดีของ พี่แจบอม"
"เป็นเด็กดีน่ะได้ แต่ห้ามเป็นเด็กโง่แบบนี้อีก"
เด็กโง่ที่คิดจะแบกโลกไว้ทั้งใบ ทั้งที่ตัวเองเป็นทั้งจักรวาลสำหรับใครบางคนแท้ ๆ
"จินยองจะตั้งใจเรียน จะเป็นเด็กฉลาด" ซุกแก้มที่ยังคงชื้นน้ำตากับรอยสักบนอกแกร่ง ออดอ้อนราวกับลูกแมวที่หนาวสั่น
"ซื่อบื้อจริง ๆ" แจบอมพึมพำ จูบย้ำขมับชื้นเหงื่อของ จินยองซ้ำอีกหลายที ตาเรียวคมจ้องมองหยดเลือดที่ยังแจ่มชัดให้ได้เห็น ดวงตาเรียวคมดุที่มักจะมองอย่างไม่แยแสร้อนผ่าวไปจนหมด
ตอนนี้แจบอมโกรธ โกรธคนปัญญาอ่อนไม่รักชีวิตที่มาทำร้ายจินยอง
แต่ต่อให้โกรธมากแค่ไหนก็ไม่อยากจะคลายอ้อมกอดห่างไป
“ฉันขอโทษ” อยากปลอบโยนในส่วนที่ตัวเองกระทำ
"ต้องบอกฉันทุกอย่าง บอกฉันทุกเรื่องรู้ไหม"
"อื้อ" ครางรับเสียงแผ่ว
"ต่อจากนี้ฉันก็จะฟังนายทุกเรื่อง จินยอง"
﹌
เพราะจินยองหลับไปแล้วถึงไม่รู้สึกถึงความเจ็บจากการถูกทำแผลบนฝ่ามือให้ใหม่ แต่ถึงอย่างนั้นแจบอมก็บรรจงทำให้อย่างเบามือมากที่สุด
ข้อนิ้วชี้เกลี่ยไปตามผิวแก้มที่ขาวสะอาดอย่างเคย ไร้ร่องรอยหยาดน้ำตาที่ถูกซับเช็ด ช่วงเอวคอดเปลือยเปล่าของ จินยองถูกกระชับกอดเทินทับอยู่บนแผ่นอกของท่านประธานแห่งพาราไดซ์
เพราะดูเหมือนจินยองไม่ค่อยชอบบุหรี่ที่แจบอมสูบเท่าไหร่
คืนนี้ถึงได้ถูกย้ายมานอนในห้องนอนของแจบอมเองที่ร้างลาการพ่นควันสีเทาคลุ้งห้องมาพักใหญ่ แทนห้องของจินยองที่มีแต่กลิ่นบุหรี่อบอวล
ต่อให้ไม่อยากละมือห่างผิวนุ่ม ไม่อยากละสายตาจากหน้าตาหวานละมุนของจินยอง แต่ก็จำต้องละห่างออก
"..."
เสียงสัญญาณโทรศัพท์ล่องลอยในความเงียบในขณะเสี้ยวแห่งการรอคอย
"ฉันมีเรื่องให้ทำสองเรื่อง " น้ำเสียงของท่านประธานแห่งพาราไดซ์แสนกระด้าง ต่างจากรอยยิ้มเมื่อเห็นเด็กน้อยในอ้อมกอดซุกแก้มหลบไอหนาวมาชิดอกมากยิ่งขึ้น
"ใช่ เรื่องด่วนและสำคัญ"
﹌
"อื้อออ" ต่อให้ยังไม่ได้ลืมตาขึ้นมอง ทว่ากลิ่นเย็น ๆ เจือจางรอบกายบอกได้ดีว่าท่านประธานแห่งพาราไดซ์ต้องอยู่ไม่ห่างไกลไปนัก
และก็ไม่ผิดจากการคาดเดาเมื่อเห็นแผ่นหลังกว้างประดับลวดลายปีกสีดำคุ้นเคยตรงหน้า ดูเหมือนว่านักแต่งเพลงมือดีที่พ่วงตำแหน่งเจ้าของค่ายกำลังเช็กฟีดแบคเพลงจากแท็บเล็ตเครื่องใหญ่
เสี้ยวหน้าที่ตั้งอกตั้งใจของแจบอมนั้นน่ามองเหมือนกับตอนที่ยิ้ม ตอนที่ดุ หรือแม้แต่กำลังหลับ และแค่ได้ตื่นมาเจอ แจบอมอยู่ใกล้ ๆ จินยองก็รู้สึกอุ่นไปทั้งใจอย่างง่ายดาย
มือผอมเกลี่ยเส้นผมตัวเองให้พ้นกรอบหน้า ผ้าพันแผลสีขาวชวนให้สนใจถูกจับจ้องมองไม่วางตา และดูเหมือนจะมีสิ่งแปลกปลอมมากกว่าหนึ่งอย่าง
ตาโตจ้องมองวัตถุสีเงินที่ถูกห่อหุ้มด้วยหนังสีขาว อดไม่ได้ที่จะหยิบมันขึ้นมาดูอย่างพินิจ
มันคือกุญแจรถคันหรูหราของท่านประธานแห่งพาราไดซ์ที่จินยองคุ้นเคย ทว่าไม่ทั้งหมด พวงกุญแจดอกนั้นหนังที่ใช้หุ้มในหลายส่วนเป็นสีดำ ไม่ใช่สีขาวแบบนี้
"ตื่นแล้วเหรอ" เสียงแหบนุ่มคุ้นเคยร้องทัก และพอเห็นสิ่งที่จินยองถืออยู่ก็กดยิ้มมุมปาก
"ชอบไหม"
"นี่มันอะไรกันครับ" แจบอมมองเด็กตรงหน้าด้วยสายตาฉงน ว่าแค่นี้ก็ไม่รู้จักหรือยังไง
"กุญแจรถไง ฉันให้" คำตอบจากน้ำเสียงสบายอกสบายใจ วงแขนแกร่งรั้งจินยองมาไว้ในอ้อมกอดของตน ในขณะที่ตาโตยังจ้องเขม็งที่กุญแจในมือ
"คันนี้เหมือนกันกับของฉันเลยนะ แต่ว่าเป็นสีขาว ต่อไปถ้าจินอูไม่ว่าง แล้วนายไม่อยากให้ฉันไปส่งก็ได้ ก็ขับรถไปเอง ง่ายดี"
ไม่สิ ไม่ง่าย จะบ้าเหรอ รถของแจบอมคันละไม่รู้กี่สิบล้าน จู่ ๆ จะให้เขาขับไปเรียนงั้นเหรอ
"ผม ผมไม่เอาได้ไหม" รีบละล่ำละลักบอก ลำพังแค่ขึ้นไปนั่งรถแพง ๆ คันนั้นก็รู้สึกเกร็งจะแย่อยู่แล้ว
"ทำไม ขอเหตุผลดี ๆ หน่อย" น้ำเสียงอารมณ์ดีเมื่อครู่หายไปฉับพลัน แจบอมคาดหวังเปี่ยมล้นว่าจินยองจะต้องดีใจแน่นอน แล้วนี่มันอะไรกัน
"พี่แจบอมอย่าเพิ่งโกรธสิ" จินยองเงยหน้ามองกะพริบตาปริบ มือผอมเกี่ยวต้นแขนแข็งแรงกอดไว้อย่างเอาใจ
"พี่ก็รู้ว่าผมขับรถยนต์ยังไม่เป็นเลย จู่ ๆ ก็ให้ขับรถแพงขนาดนี้"
"เหตุผลไม่พอ ไม่เป็นก็ฝึก ฉันซื้อให้แล้วเป็นชื่อนาย ไม่เอาไม่ได้เพราะฉันจะให้" ย้ำเสียงเด็ดขาด
"งื่อออ พี่แจบอม มันแพงไปนะครับ แค่นี้ก็แย่แล้ว"
"อะไรแย่ มีอะไรที่ฉันไม่รู้อีก" พอได้ยินน้ำเสียงคาดคั้น จินยองก็เม้มปากฉับ ได้แต่บอกตัวเองว่าพลาดอีกแล้วสินะ ใบหน้าขาวละเอียดก้มหลบแต่ไม่อาจพ้นมือของแจบอมที่งัดขึ้นมาให้สบตากัน
"บอกแล้วนี่ว่าให้บอกทุกเรื่อง" มากกว่าการบีบคั้นคือความเป็นห่วงจากดวงตาเรียวคู่นั้น
และใช่ ปาร์ค จินยองพ่ายแพ้ต่อแววตาของอิม แจบอมเสมอ
"แค่มีบางคนเขาชอบพูดกันว่าทำไมจู่ ๆ ผมก็ใส่ชุดแพง ๆ มีรถมารับส่ง เขาก็พูดกันน่ะครับว่าผมเป็นเด็กเสี่ย หรือไม่ผมก็ขายตัว ผมรู้ว่ามันก็จริงก็เลยไม่ได้เถียง แต่ก็ไม่อยากให้ยิ่งลือกัน กลัวว่าจะมีสืบมาจนรู้เรื่องพี่แจบอม ผมไม่ยอมหรอก ให้พี่แจบอมโดนข่าวลือแย่ ๆ พวกนั้น" น้ำเสียงทื่อแข็งมากขึ้น แต่ใบหน้านั้นงุ้มปากงอไม่พอใจได้อย่างน่ามอง ดังเช่นที่ดวงตาเรียวคมจ้องมอง
"นายคิดว่า นายกำลังขายตัวให้ฉันอยู่เหรอจินยอง" น้ำเสียงเย็นเยือกทำให้จินยองรู้สึกตัวนิ่งทื่อเหมือนเหยื่อที่ถูกพิษงูร้าย
จินยองไม่กล้าปฏิเสธไม่กล้าโกหกอีกก็เลยได้แต่หลุบตาลง มือผอมบีบกำกุญแจรถที่เย็นจัดเอาไว้จนแน่น มันก็แค่ความคิดของคนที่พยายามจัดหมวดหมู่สถานะให้กับตัวเอง
เราไม่เคยคุยกันเรื่องนี้ ไม่เคยมีสถานะชัดเจน
อันที่จริงคนที่เป็นผู้เริ่มความสัมพันธ์ทางกายลึกซึ้งในครั้งแรกก็คือตัวจินยองเอง และแจบอมก็แค่ชอบหาของมากมายมาให้จินยองหลังจากที่เรามีอะไรกัน
การที่จินยองมาพูดแบบนี้ก็เหมือนใส่ร้ายว่าท่านประธานแห่งพาราไดซ์ซื้อบริการทางเพศจากจินยองเลยน่ะสิ ฟังยังไงก็ทำให้แจบอมดูไม่ดีเลยจริง ๆ
ไม่ได้นะ ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย คนผิดคือจินยองต่างหาก
“ผมขอโทษ”
“ขอโทษทำไม”
“...” ไม่มีคำตอบจากเด็กหนุ่มที่อายุห่างกันหลายต่อหลายปี แจบอมขยุ้มผมนิ่มมือของคนในอ้อมกอดหลายที
"นายคิดแบบนี้จริง ๆ สินะ เฮ้อ ฉันคงหวังมากเกินไปที่จะให้เด็กอย่างนายหายจากการเป็นเด็กโง่" น้ำเสียงทุ้มนุ่มเจือกระแสอ่อนลง แต่ก็ไม่ได้ทำให้จินยองรู้สึกเบาใจขึ้นเลย
"ผมขอโทษจริง ๆ ครับ"
"..." แจบอมจ้องมองดวงตาดำสนิทที่ติดโศกเศร้ามากขึ้นอย่างไม่ควร ดวงตาคู่นี้สวยเหมือนอาณาจักรแห่งหมู่ดาว ดาวที่ทำให้คนซึ่งเบื่อหน่ายการเงยหน้ามองขึ้นไปท้องฟ้าอย่างอิม แจบอม ได้กลับมารู้สึกว่าเบื้องบนนั้นสวยงามมากแค่ไหน
อยากเอาแต่จดจ้องมอง อยากทำทุกสิ่ง มอบให้ทุกอย่าง ราวกับไม่มีการยับยั้งชั่งใจ
ถูกดูดกลืนสู่หลุมดำหลุมเดิมจนหมดสิ้น
"นายไม่รู้จริง ๆ เหรอจินยอง ว่านายอยู่ที่นี่ตรงนี้ข้าง ๆ ฉันในฐานะอะไร"
ฝ่ามือคู่เดิมจับที่ปลายคางของจินยองและครั้งนี้ก็เชยประคองขึ้นอย่างอ่อนโยน
เป็นอีกหนที่จินยองรู้สึกเหมือนตกลงไปในวงล้อมของดวงตาเรียวคู่นี้
คำถามที่จินยองไม่กล้าแม้แต่จะคิดคำตอบ จึงทำได้เพียงแค่ส่ายหน้าไปอย่างเชื่องช้า ท่านประธานแห่งพาราไดซ์เพียงแค่แค่นหัวเราะราวกับรู้คำตอบอยู่แล้ว
"ช่างเถอะ จะเป็นเด็กโง่อย่างนี้ต่อไปก็ได้ แต่ต้องเป็นแค่กับฉัน ส่วนเวลาไปเจอพวกคนข้างนอกนั่น นายต้องเป็นเด็กร้ายกาจรู้ไหม ถ้าใครดีมาก็เป็นอย่างนายเป็น แต่ถ้าใครร้ายมาก็อย่าปล่อยมันให้ทำร้ายนายได้ เพราะฉันก็จะไม่ปล่อยมันเหมือนกัน เข้าใจไหม"
"อื้อออ เข้าใจครับ" จินยองพยักหน้ารับ และยังคงจดจ้องมองดวงตาของแจบอมอยู่แบบนั้น
"แล้วพี่แจบอมจะไม่เฉลยเหรอ" ถึงคำตอบว่าจินยองสำหรับแจบอมแล้วเป็นอะไรกันแน่
"คิดให้ออกเองสิ”
“พี่แจบอมอ่า”
“แต่ก็จำไว้แล้วกันว่านายไม่ได้ขายตัวให้ฉัน ระหว่างเราสำหรับฉันไม่ใช่แบบนั้น แต่นายเป็นคนของฉัน อันนั้นต้องจำไว้ให้ขึ้นใจ” ตาเรียวคมดุไม่แฝงแววล้อเล่นแม้แต่น้อย
“ครับ” และจินยองก็น้อมรับมันด้วยรอยยิ้ม
“ดีมากเด็กดี” จินยองชอบเวลาถูกชมแบบนี้ ชอบเวลาที่มือคู่อุ่นนั้นลูบผมเบา ๆ
“นายมีเวลาคิดไปอีกหลายปี เผลอ ๆ ก็คงชั่วชีวิตที่ต้องอยู่ข้าง ๆ ฉัน ว่าเราเป็นอะไรกัน" เพราะคนพูดพูดมันด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ทำให้คนฟังเองก็มีรอยยิ้มประดับใบหน้ามากขึ้นเช่นกัน
จินยองไม่กล้าสรุปเข้าข้างตัวเอง
ทว่าใจนั้นเต้นรัวและรู้สึกได้ว่าทั้งตัวกำลังร้อนมากขึ้นเพราะเลือดสูบฉีด และไม่อาจรู้ตัวว่าใบหูและแก้มนั้นแดงจัดมากแค่ไหน
แต่แจบอมรู้ แจบอมเห็น และมันยากเกินไปที่จะห้ามใจไม่ให้หอมแก้มนุ่มนี้แรง ๆ จนยิ่งขึ้นสี
“ผมมีเวลาหาคำตอบเองอีกนานเลยใช่ไหม หมายถึงว่าพี่แจบอมจะไม่ทิ้งผมไปใช่ไหม” ถามอย่างที่ไม่เคยกล้าถาม เพราะความสับสนมันน่ากลัวมากเกินไป
ความเย็นของโลหะนั้นทำให้สะดุ้งเฮือกได้แม้แต่ในยามเช้าตรู่แบบนี้
ทว่าจินยองกลับรู้สึกยินดีเมื่อข้อนิ้วชี้ที่ประดับแหวนเงินวงโตไว้แตะประทับที่ริมฝีปาก ลูบไล้แผ่วเบา
“ไม่” แม้แต่จิวหูสีดำสนิทที่แนบชิดซอกคอก็แสนอบอุ่น อุ่นไม่ต่างจากริมฝีปากหยักบางที่กดย้ำอยู่ตามไรผมและท้ายทอย
“และฉันก็ไม่ยอมให้นายทิ้งฉันด้วย จินยอง”
“มันจะไม่มีวันเกิดขึ้นหรอกครับ”
น่าอยู่ที่ไหนกันล่ะโลกที่ไม่มีอิม แจบอม
﹌
ตอนแรกมันจะยาวไปหน่อยก็เลยตัดไว้ไปขึ้นตอนต่อไปแทน ถถถถถ
เราขอเริ่มปี 2018 ด้วยฟิคแก้บนค่ะ ถถถถถ แก้บนให้พ้นผ่านจะได้สบายใจกันเนอะ
และเรื่องนี้ทั้งหมดคือเป็นเรื่องสั้นๆ กระหงุงกระหงิง อย่างที่เคยบอกไว้ว่าจริงๆเรื่องนี้ไม่มีแก่นสารใดเลย วนเวียนอยู่ที่ความเสี่ยหลงเด็กเพียงเท่านั้น ถถถถถถ
ตั้งใจไว้ว่าเรื่องหลักจะไม่มีฉากเรทที่แบบชัดเจน จะตัดเข้าผ้าม่านโคมไฟให้หมด แบบฟีลกรึ่มๆไรงี้ แต่ในตอนนี้เอ่ออ มันยาวกว่าที่คาดไปหน่อย ถถถ แต่มันก็ยังสั้นนิดเดียวเองงงงง ก็เลยไม่ได้คัทออกเพราะมันสั้นนิดนุง
ยังไงก็ถ้าคิดว่าไม่เหมาะสม ก็เมนต์บอกแท็กบอกนะคะ อย่าเพิ่งแบนกัน เมตตาอิฉันด้วยยยยย ถถถถ
เราจะเอาไปที่ตลาดกัซด้วยนะคะ แล้วก็น่าจะมีเปิดรอบไปรสำหรับใครที่สนใจ (มีใครเขาสน ห๊ะ มโนจริง ๆ ถถถ)
ส่วนใครได้รับสุ่มเป็น 20 คนผู้โชคดีจะไปเอาที่ตลาดกัซก็ได้เน้ออ ดีเอ็มไปโลดด @butterfly8ffect
เรื่องนี้มีแท็กด้วยน้าา มาเล่นแท็กกันเถอะ เหงาหงอยมากเวอร์ ; ;
#ฟิคหมอกควัน
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

นี่ตอนแรกสงสัยพี่เเจบอมกับเซนาหนักมาก แต่พี่หลงน้องขนาดนี้คงไม่ต้องห่วงแล้วมั้งง
แต่โชคดีที่จินยองเป็นเด็กดี บอกทุกอย่างแบบไม่ปิดบังเลย ไม่แปลกใจว่าทำไมพี่แจบอมถึงเอ็นดูเปย์ไม่ยั้งแบบนี้ ดูๆๆๆ พอรู้ว่าทำผิดกับน้องก็ให้กุญแจรถจ้าาาา คนรวยเขาง้อแบบนี้กันค่ะ 5555 ชอบคงามรวยของพี่แจบอมอะ มันดี
แล้วๆๆทำไมอารมณ์ต้องขึ้นๆลงๆแบบนี้ ช่วงหลังนี่เขินเนอะ พี่แจบอมพูดขนาดนี้แล้วเป็นเราคงเข้าข้างตัวเองไปละค่ะ แฟน แฟนอน่ๆ นี่มันความรัก จินยองต้องค่อยๆคิดไปนะ พี่แจบอมเห็นจินยองสำคัญมากๆ จินยองเป็นจักรวาลของพี่แจบอม เป็นหลุมดำที่พี่แจบอมต้านทานไม่ได้ เพราะงั้นค่อยๆเรียนรู้ไปแล้วจะเข้าใจจิตใจพี่ยมทูตเขาเองในสักวันเอง