ตอนที่ 1 : SMOG #ฟิคหมอกควัน 1 / 5 100 % [รีไรท์]

ความเหลื่อมล้ำของความสั่นคลอน
เราทำเป็นมองไม่เห็น ทั้งที่จริงแล้วมองเห็น
เราปฏิเสธ ภายใต้ท่าทีแห่งการยอมรับ
-จินยอง-
﹌
"ฮึก" เสียงผวาคว้าอากาศหายใจแสนหนาวเย็นลงไปในปอด มันเย็นจัดเหมือนถูกแช่อยู่ในอ่างน้ำแข็งต่อให้ในร่างกายจะร้อนเพราะความรู้สึกหลากหลายที่วิ่งพล่าน และสองขาที่ออกแรงวิ่งมาไกลแสนไกล
เงาต้นไม้สูงรอบข้างเหมือนปีศาจที่กำลังวิ่งไล่ตามทุกย่างก้าวที่วิ่งตรงมา
ร่างกายสั่นเทิ้มจากบาดแผลตามตัว ทั้งร่องรอยเล็กน้อยจากหนามแหลมและกิ่งไม้ที่บาดผิว ไปจนถึงแผลแตกจากการถูกต่อยตี รวมถึงรอยเลือดดวงใหญ่ที่คล้ำเข้มอยู่บนชุดนักเรียนสีขาว
จุดหมายคือการวิ่งตรงไปข้างหน้า แม้ว่าความจริงแล้วมันจะเป็นทางตันที่สิ้นหวังเสียยิ่งกว่าทางที่จากมา แต่เขาก็ต้องวิ่งต่อไป
แกรก
ใบหน้าขาวซีดหวั่นผวามากยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินเสียงกิ่งไม้ลั่นตามมาจากด้านหลัง ตาโตสั่นระริกเหมือนริมฝีปากด้วยความกลัวอย่างห้ามไม่อยู่
เขายันกายลุกขึ้นอีกครั้งออกแรงวิ่งอย่างเต็มที่แม้จะดูไม่สมดุลเหมือนตุ๊กตาที่ถูกบีบหักจนเสียรูป อีกไม่ไกลคือแสงไฟที่ละลานตา สองขาตะกายเพื่อไปให้ถึงที่นั่น
เพื่อพบกับแผ่นปูนมากมายของร่างที่จากลา
ตุบ
"ฮึก" สะอื้นออกมาอย่างไม่อาจห้ามเมื่อสะดุดล้มกองลงกับพื้นอีกครั้ง ร่างกายถูกคลุกด้วยฝุ่นดินและใบไม้ ตะเกียกตะกายลุกขึ้นด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี
ปัง!
เสียงปืนแผดดังไปทั่ว เพียงแค่หนึ่งนัด หยดเลือดร่วงกราวลงบนพื้น เสียงเหมือนฝนที่ตกลงกระทบแอ่งน้ำ
แดงฉานและแปดเปื้อน
ร่างทั้งร่างร่วงหล่นลงแทบพื้น ในวินาทีแห่งความตายเขาพลิกตัวกลับมาเพื่อมองหน้าฆาตกรที่ตามล่าสังหารตน ตาโตเอ่อคลอด้วยน้ำตาแห่งความกลัวและร้องขอ
"ได้ ...โปรด"
ปัง!
ร่างกายสั่นกระตุกเล็กน้อยและแน่นิ่งกองแทบพื้นดิน ตาโตของจินยองเบิกค้าง แววตาแห่งความกลัวยังฉายค้างอยู่ชัดเจน
"คัท"
เสียงปรบมือดังขึ้น แต่ไม่มีเสียงโห่ร้องแม้นี่จะเป็นเทปสุดท้ายของค่ำคืน ทุกคนยังติดอยู่ในพะวงแห่งการเอาชีวิตรอดที่ได้เห็นตลอดหลายสิบนาที ยิงยาวอย่างไม่มีการหยุดเลยสักวินาที
"นายเก่งมากเลยนะจินยอง ฉัน ว้าว ไม่น่าเชื่อ" ผู้กำกับวัยกลางคนรีบวิ่งตรงไปหานักแสดงหนุ่มน้อยที่ยันตัวขึ้นจากพื้นดิน ฝ่ายดูแลนักแสดงรีบเข้ามาดูแลรอยเปื้อนและสำรวจว่านักแสดงคนนี้มีรอยแผลอะไรจากการที่ทิ้งร่างล้มกับพื้นครั้งแล้วครั้งเล่าจริง ๆ หรือไม่
"ขอบคุณผู้กำกับคังมากเลยครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณที่ทำงานอย่างหนักครับทุกคน" นักแสดงหน้าใหม่วาดยิ้มอย่างนอบน้อม โค้งเคารพให้กับทีมงานทุกคนที่อยู่รอบตัว หลายคนยิ้มรับด้วยไมตรี แต่หลายคนก็เก็บความไม่พอใจไว้ใต้สีหน้าที่เมินเฉย
"เอาล่ะ ๆ คืนนี้ดึกมากแล้ว พวกเราไปพักผ่อนกันเถอะ นายเล่นได้ดีมากวันนี้ ฉันชอบ ๆ" ผู้กำกับคังเอ่ยชมเปาะไม่หยุดปาก ทำให้ใจของนักแสดงหน้าใหม่ชุ่มชื่นขึ้นมาได้บ้าง ทั้งร่างก้มโค้งอีกหลายครั้ง ก่อนจะตรงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อกลับไปพักผ่อน
"กลับก่อนนะครับ" จินยองโค้งลาคุณป้าที่ทำหน้าที่ตรวจสอบเสื้อผ้าของนักแสดงที่แสนเลอะเทอะอีกครั้งยามที่เอาไปคืน รอยยิ้มจาง ๆ เจืออยู่บนใบหน้า
การใช้ชีวิตเป็นนักแสดงสำหรับจินยองเป็นเรื่องที่ไม่คุ้นชินนัก เขาเพิ่งจะใช้ชีวิตแบบนี้ไม่ถึงหนึ่งเดือนเสียด้วยซ้ำ ทุกอย่างแปลกใหม่จากชีวิตที่เคยผ่านมาสำหรับจินยอง
มันเป็นเรื่องยากที่ดูเหมือนเกินจะรับไหว แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นสิ่งที่อยากจะลองทำมันให้สำเร็จ
"ก็แค่เด็กเส้นไม่เห็นจะเก่งเท่าไหร่เลย"
"เฉย ๆ อะ ถ้าไม่ใช่เด็กฝากจากพาราไดซ์ผู้กำกับคังก็ไม่ชมแบบนั้นหรอก"
"จริง ๆ เลยน้า โชคดีจังเลยมีคนอุปถัมภ์เนี่ย หนูตกถังข้าวสารชัด ๆ"
"บทนี่ก็เอาตัวเข้าแลกมาใช่ไหมล่ะ เป็นผู้ชายแท้ ๆ น่ารังเกียจจริง"
เสียงล่องลอยดังมาตามทางที่ต้องเดินผ่านเพื่อกลับออกไปที่ลานจอดรถ เสียงซุบซิบที่แม้ไม่เอ่ยนาม แต่คนฟังกลับรับรู้ได้ไม่ยากว่ากำลังพูดถึงใคร แต่ก็ไม่ได้หยุด ไม่หันไปมองหรือสนใจ สองเท้าแค่จ้ำเดินออกไปให้เร็วมากขึ้น
เถียงไปก็เท่านั้น คนเกลียดยังไงก็เกลียด
จินยองเคยชินกับการถูกสาดคำแย่ ๆ ใส่ ชินกับการถูกมองในแง่ร้าย และถ้ามันไม่ใช่ความจริง เขาไม่เคยเห็นว่ามันมีค่าพอให้สนใจ
ทว่ายิ่งมันไม่ใช่คำลือลวงหลอกทั้งหมดก็ยิ่งแย่ที่จะทำสงครามน้ำลายใส่กัน
ติ้ง
จินยองมองดูข้อความที่ถูกส่งมาจากผู้จัดการส่วนตัวร่างท้วมของตนว่ากลับไปแล้ว และมีคนขับรถอื่นที่กำลังรอรับอยู่ที่เดิม จินยองขมวดคิ้วเล็กน้อย ใช้ความคิดไปกับข้อความที่ได้รับแทนการใส่ใจกับถ้อยคำแย่ ๆ มากมายที่ฝังลึกอยู่ในสมอง
ทันทีที่เดินมาถึงลานจอดรถ จินยองไม่จำเป็นต้องรอข้อความจากผู้จัดการส่วนตัวว่ารถหน้าตาแบบไหนที่รอตนอยู่ ในเมื่อเขามีควันนำทาง
ควันจากปลายบุหรี่ ลอยคลุ้งอยู่กลางอากาศเย็นจัด
แผ่นหลังกว้างโดดเด่นในกางเกงและเสื้อยืดสีดำแบบที่ชอบ แขนเสื้อสั้นทำให้เห็นรอยสักรูปปีกจากหยาดหมึกสีดำที่ยื่นออกมาถึงต้นแขน ยืนพิงกระโปรงรถสีเดียวกับราตรีเงาวาวราคาแพงคู่ใจ จิวแหลมและห่วงเหล็กหลายอันบนใบหูคุ้นเคยรับกรอบหน้าคมสันที่จ้องมองควันบุหรี่ซึ่งตนพ่นออกมาจากปาก
ท่านประธานแห่งพาราไดซ์
"มาแล้วเหรอ" เสียงนุ่มแหบทักทาย ควันพวยพุ่งออกมาอีกครั้งเมื่อบุหรี่ถูกทิ้งลงกับพื้น หัวรองเท้าหนังบดขยี้มันจนแหลกลาญติดพื้นถนน
"สวัสดีครับท่านประธาน ไม่นึกว่าท่านจะมารับเองแถมมายืนรอแบบนี้ ไม่กลัวคนจะแตกตื่นเหรอครับ" จินยองโค้งคำนับให้กับท่านประธานของบริษัทที่ตนสังกัดอยู่เพียงแค่หนึ่งเดือน
แต่มากกว่าหกเดือนแล้ว ที่จินยองรู้จักกับเดฟ โซล หรืออิม แจบอม
หากต้องให้คำจำกัดความว่าอิม แจบอมเป็นใคร ก็คงมีหลายสถานะให้ขยายความ
ทั้งนักแต่งเพลงยอดฝีมือ อดีตนักร้องนำวงร็อคระดับตำนานอย่างวง Icarus ช่างภาพมีชื่อ และเจ้าของค่ายเพลงพาราไดซ์ ค่ายเพลงที่แปลกพอ ๆ กับเจ้าของค่าย แต่เพลงทุกเพลงกลับโด่งดัง โดยเฉพาะเมื่อถูกตีตราไว้ด้วยชื่อของเดฟโซล
และแน่นอนอิม แจบอมคือผู้อุปถัมภ์ของปาร์ค จินยอง
"ใครจะแตกตื่น" คนดังที่ชอบลืมว่าตนมีชื่อเสียงมากแค่ไหนทำหน้าตาไม่ทุกข์ร้อน
"ถ้าแถวนี้ไม่ได้เป็นเขตอุทยานที่ไม่มีคน ท่านประธานคงโดนรุมไปแล้ว" จินยองบ่นพึมพำ แต่คนถูกว่าเพียงยักไหล่เท่านั้น
"วันนี้เครียดเหรอครับ" ยามที่ถามจินยองยังคงจ้องมองไฟข้างรถที่วูบวาบระยิบระยับเข้านัยน์ตา อาจเปรียบมันเป็นดาวปลอม ๆ ของโลกมนุษย์ ให้มองแทนดาวบนฟากฟ้าที่น้อยครั้งจะเงยหน้าขึ้นไปมอง
"อืม" เสียงครางรับง่ายดาย แล้วทั้งรถก็เงียบกริบไร้ซึ่งบทสนทนาใด ไร้ซึ่งเสียงเพลง มีเพียงเสียงของแหวนโลหะหลายวงบนมือใหญ่ที่เคาะกับพวงมาลัย
เพราะเครียดนี่เองถึงได้ดั้นด้นมารับไกลถึงขนาดนี้ ทั้งที่เกือบตีสองแล้วแท้ ๆ จินยองคิดในใจเรื่อยเปื่อยเหมือนดวงตาที่จับจ้องนอกถนนแทนคนข้างกาย
นอกจากแสงไฟข้างถนน จินยองก็ยังเห็นเงาของตัวเองที่สะท้อนกลับมา
เกลี้ยงเกลา ไร้ร่องรอยการสัก เจาะ หรือแม้แต่ผมก็ยังดำสนิทอย่างที่เกิดมา
ราวกับบริสุทธิ์เสียนักหนา
﹌
"... ย อย่าฉีก ผมบอกแล้วว่าจะถอด อื้อ ถอดเอง..."
"..."
"..."
"..."
"ย หยุด ...คุณจะทำเสื้อของผมเป็นรูอีกตัว"
"ชู่ว ..."
"..."
"เดี๋ยวซื้อให้ใหม่"
มีเพียงเสียงลมหายใจสั่นสะท้านเมื่อริมฝีปากที่ใช้เจรจานั้นบดเบียดเข้าหากันราวกับนักเดินทางที่กระหายน้ำ เหลือเพียงเสียงเบียดเสียดของร่างมนุษย์ที่ถาโถมเข้าใส่กัน
กับกิจกรรมคลายเครียดที่กำลังเริ่มต้น
"อื้อ อือออ" เสียงหลุดออกจากริมฝีปากอิ่มตึง ยามที่รู้สึกได้ว่าร่างหล่นไปกองบนพื้นเพราะสองขาที่อ่อนแรง ฝ่ามือได้รูปไล้สัมผัสบ่ากว้างของอดีตนักร้องร็อคมีชื่อที่กำลังคร่อมทับและบดจูบไปตามร่างกายของตน
แม้ในห้องที่เปิดเครื่องทำความอุ่นไว้ แต่ผิวที่ปะทะอากาศจากเสื้อผ้าซึ่งถูกฉีกขาดก็ยังคงรู้สึกเย็น หัวคิ้วของจินยองขมวดมุ่นเมื่อถูกกัดเข้าที่ช่วงเอวคอด
"อย่าทำรอยไว้มากนะครับ" อย่าทำเหมือนเมื่อก่อนที่ทำให้ลายพร้อยไปทั้งตัว
"น่าเบื่อจริง" มีแค่เสียงบ่นพึมพำที่ตอบกลับมา และความรู้สึกเจ็บจี๊ดของการถูกกัดดูดใกล้ท้องน้อย มือใหญ่ฟอนเฟ้นบีบเคล้นไปทั้งตัวของจินยอง ตาโตจ้องมองเพดานลวดลายสวยงามที่ราคาแพงไม่แพ้อย่างอื่นในบ้านหลังนี้
มันไม่ได้สวยงามล่อตาล่อใจ แต่จินยองก็ยังคงมอง มองแทนการจ้องมองสีหน้าที่กำลังเปี่ยมอารมณ์ของอิม แจบอม
ท่วงท่าและสีหน้าที่แสนมีเสน่ห์ หากเผลอสบมองก็เหมือนกับโดนร่ายคำสาปใส่
จินยองไม่อยากติดอยู่ในคำสาปนั้นมากกว่าเดิม ถึงได้เลือกที่จะหลบสายตาไป
ทั้งที่อยากจดจ้องมอง
"อื้อ" ลมหายใจผวาเข้าเพราะรู้สึกได้ถึงร่างกายที่กำลังถูกคุกคามหนักหน่วงมากขึ้น จินยองแยกสองขาตัวเองออกจนกว้างอย่างง่ายดายเมื่อถูกจับที่ต้นขา สองเท้าคล้องเกี่ยวรอบช่วงสะโพกแกร่งแน่นหนั่นด้วยกล้ามเนื้อไว้จนแน่น
เปลือกตาปิดหลับลง ปล่อยให้ร่างกายโยกขยับไปตามการชักนำ
สอดประสานกิจกรรมคลายเครียดนี้ให้เสร็จสมบูรณ์
﹌
"..." ภาพแรกหลังจากที่ปรือตาตื่นมาคือเพดานสีเทาคุ้นตา เปลือกตายังติดหนักอยู่เพราะความงัวเงียแต่ก็ต้องฝืนยันร่างกายลุกขึ้นมาจากเตียง ตาโตกวาดมองไปรอบห้อง ถอนหายใจเมื่อเห็นเสื้อผ้าราคาแพงของตัวเองกลายร่างเป็นเศษผ้าอยู่ตามพื้น
ยันร่างผอมบางให้ลุกขึ้นจากเตียง คว้าผ้าห่มขึ้นมาพันตัวไม่ให้ต้องล่อนจ้อนเดินไปทั่วห้อง
"อื้อออ" ขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบไปทั้งสะโพก แต่ก็ยังคงขยับขาอย่างเชื่องช้าตรงไปเข้าห้องน้ำเพื่อทำความสะอาดตัว
วัดจากความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะตรงซอกขาพอจะบอกจินยองได้ดีว่า คนที่หายไปจากการนอนข้างกันคงรีบร้อนมากจนไม่ได้ทำความสะอาดส่วนไหน ๆ บนตัวจินยองเหมือนตอนที่ทำให้เลอะเทอะ
มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เป็นแบบนี้ และจินยองก็เรียนรู้แล้วว่าต้องดูแลตัวเองยังไงให้สะอาดสะอ้าน
ตลอดระยะเวลาเกือบครึ่งปีที่ผ่านมา จินยองค่อย ๆ ปรับตัวให้ชินกับยมทูตเจ้าของชีวิต
ไม่สิ
ต้องเรียกว่า อิม แจบอม
﹌
"อาาา สบายจัง" ร่างผอมบางเอนกายนอนอยู่ในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่เงาวับที่ยามนี้น้ำอุ่น ๆ โอบกอดจินยองไว้จนเกือบจมไปทั้งตัว กลิ่นหอม ๆ เจือไอน้ำอุ่นไปทั่วห้องน้ำหรูหราที่ใหญ่เสียยิ่งกว่าที่พักสุดท้ายก่อนจะมาอยู่ที่นี่
ความสบายแบบที่จินยองไม่เคยคิดจินตนาการว่าจะได้สัมผัส กลับเจอได้ง่ายดายตั้งแต่เอื้อมมือไปหายมทูตแปลกหน้าในคืนนั้น
มือผอมหยิบรีโมตขึ้นมาเพื่อกดเลือกเพลงจากเครื่องเล่นที่ฝังอยู่ในผนัง กดสุ่มเลือกจากสักเพลงในอัลบั้มของวง Icarus วงร็อคชื่อกระฉ่อนที่แสนโด่งดัง
เสียงแหบนุ่มผสานบีทดนตรีหนักดังไปทั่วห้องน้ำ ไม่เหมาะสมต่อการผ่อนคลายแต่ทำให้คิดถึงเจ้าของเสียงนั้นจับใจ
คือเสียงเดียวกับที่กระซิบเรียกชื่อจินยองอยู่ข้างหูเมื่อคืนนี้
เสียงของเดฟโซล นักร้องนำของวงร็อคอย่าง Icarus ซึ่งประกาศยุติกิจกรรมในนามวงไปเมื่อหลายปีก่อน แต่เพลงหลายเพลงที่โด่งดังก็ยังคงถูกเปิดอยู่เสมอตามที่ต่าง ๆ
"..." เสียงเพลงจบไปเพลงแล้วเพลงเล่า ในที่สุดจินยองก็ดันร่างลุกขึ้นจากอ่างน้ำ กดปิดเพลงและเช็ดร่างกายให้แห้งสะอาดอย่างที่ควร
สองขาเดินเตร่ออกมาจากห้องแต่งตัวด้วยเสื้อแขนยาวลายขวางสีขาวน้ำเงินกับกางเกงขาสั้นรัดแนบจนเห็นก้นงอน เสื้อผ้าเนื้อดีราคาแพงที่มีอยู่จนล้นตู้สามใบในห้องแต่งตัวแม้จะไม่ได้ร้องขอ
เส้นทางที่จะเดินไปก็ยังคงเป็นที่เดิมหลังจากคว้าขวดน้ำเปล่าขวดโตติดมือมาด้วย
ก๊อก ก๊อก
"ผมเข้าไปนะครับ" ขานบอกอย่างมีมารยาท ก่อนจะเปิดเข้าไปแม้ไม่มีเสียงตอบรับ และไม่แปลกใจสักนิดเมื่อคนเดียวที่นั่งอยู่ในห้องห้องนั้นหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่กับอุปกรณ์ทำเพลง หูฟังอันโตราคาแพงเหลือล้นถูกครอบอยู่เพื่อย้ำฟังจังหวะที่ต้องการ
จินยองเดินเลี่ยงไปนั่งรอที่โซฟาหลังห้อง ไม่ได้เข้าไปยุ่งให้นักแต่งเพลงมือฉมังเกิดความขุ่นใจ น้ำเปล่าที่ตั้งใจเอามาให้ถูกวางอยู่บนโต๊ะ
เสียงคลิกและเคาะดังให้ได้ยินอยู่เนือง ๆ
ไม่ว่าใครได้มาเห็นสีหน้าตั้งอกตั้งใจของท่านประธานแห่งค่ายเพลงพาราไดซ์คนนี้แล้วก็คงจะตกหลุมรักได้ไม่ยาก เพราะเต็มไปด้วยความงดงามและมีเสน่ห์
ตกหลุมรัก ทั้งที่รู้ดีว่าไม่ควรทำแบบนั้น
"..." ในห้องทั้งห้องเต็มไปด้วยความเงียบ จินยองเอนกายพิงพนักโซฟา เปิดหนังสือหน้าที่คั่นกลางไว้และเริ่มอ่านมันต่อ
ใกล้ ๆ จบเล่ม แจบอมก็คงจะทำงานเสร็จพอดี
...ครั้งนี้จินยองคาดการณ์ไม่ผิดนัก
"อ้าว ตื่นแล้วเหรอจินยอง" เสียงแหบนุ่มทักทาย แม้ว่า จินยองจะนั่งอยู่ในห้องนี้มาเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้วก็ตาม หูฟังอันโตถูกวางทิ้งไว้ที่โต๊ะ และขวดน้ำเปล่าบนโต๊ะก็โดนคว้าไปกระดกดื่มดับกระหาย จินยองอมยิ้มกับตัวเองที่เตรียมน้ำมา
เวลาทำเพลงอิม แจบอมจะไม่ง่วง ไม่หิว ไม่หยุดดื่มแม้แต่น้ำสักแก้ว จนกว่าจะถึงจุดที่ตัวเองพอใจ ทำอยู่แบบนั้นจนน่ากลัวว่าจะป่วยเอา จินยองถึงได้ต้องคอยเดินเข้ามาดูในห้องนี้ แม้ว่าจะไม่ได้มีสิทธิ์อะไรมากมายขนาดนั้นก็ตาม
แต่ก็เพราะเป็นห่วงก็เลยต้องยอมถูกดุบ้างในบางครั้ง
"เป็นยังไงบ้างครับ เรียบร้อยหรือยัง พี่แจบอม" จินยองยิ้มหวานให้กับคนวัยสามสิบตรงหน้า ไม่อิดออดเมื่อถูกดึงเข้าไปกอดในแผงอกกว้าง สรรพนามหวานหูที่จะเรียกเฉพาะตอนอยู่ลำพังกันสองคน
"ดีกว่าเมื่อวานเยอะ พอเอาความเครียดยุ่ง ๆ ออกจากหัว ก็ดีเลยล่ะ" แจบอมพึมพำ มือใหญ่เริ่มลูบเฟ้นวนที่แถวหัวเข่าของ จินยองเพื่อสะสางความขุ่นมัวของตัวเอง
"ฮื่อออ อย่าเพิ่งสิครับ เมื่อกี้อาบน้ำตรงสะโพกมีแต่รอย ผมยังต้องไปถ่ายละครอยู่นะ" เสียงหวานค้านอย่างประนีประนอม แต่ก็ไม่ได้ผลักไสริมฝีปากที่ขบเม้มลงที่ใบหูของตน
จะผลักไสได้ยังไง ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่ควรทำแลกเปลี่ยนกลับไป
"ละครที่ต้องถ่ายเหลืออีกสองฉากใช่ไหม" ท่านประธานแห่งพาราไดซ์คว้ามือถือมาเปิดดูตารางงานของคนในค่ายที่เลขาส่งมาไว้ให้ แค่พักเดียวก็หาตารางงานของนักแสดงคนเดียวของค่ายเจอ
"ครับ เหลือสองฉาก วันพุธก็น่าจะเสร็จแล้วถ้าไม่ต้องถ่ายซ่อม" แต่มันเป็นละครเรื่องแรกของจินยอง เขาแอบคิดอยู่เหมือนกันว่าคงต้องถ่ายแก้เยอะแยะมากมาย
"แล้วที่มหาวิทยาลัยเป็นยังไงบ้าง" แจบอมยันตัวลุกขึ้น กลับไปนั่งตรงหน้าจอเหมือนเดิม แต่ยังไม่ยกหูฟังขึ้นมาครอบ เป็นการบอกว่ายังคงพร้อมจะรับฟังเสียงของจินยอง
"ตอนนี้ก็กำลังดีเลยครับ เพราะพี่จินอูเลือกรับงานให้ไม่ตรงกับตารางเรียนก็เลยไม่กระทบอะไร" จินยองขานบอกให้คนที่ออกเงินจ่ายค่าเทอมทุกวอนได้รับรู้ ความจริงแล้วจินยองไม่จำเป็นจะต้องเรียนต่อก็ได้ แต่เพราะว่าอยากเรียน คนตรงหน้านี้ก็เลยออกทุนให้เรียนต่อสมใจ
เหมือนทุก ๆ อย่างในชีวิตจินยอง ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นจากอำนาจเงินของอิม แจบอม
"นี่จินยอง"
"ครับ" ลุกเดินมาหา เมื่อเห็นก้านนิ้วซึ่งประดับด้วยแหวนโลหะกระดิกเรียก
"หลังจากถ่ายละครเรื่องนี้เสร็จแล้ว ฉันจะยังไม่รับละครเรื่องใหม่ให้นาย แล้วก็ไปดูตารางเรียนมาด้วย นายต้องหาวันว่างติดกันสักห้าวันจะได้พักร่างกายยาว ๆ เริ่มจากวันศุกร์นี้" จินยองคิดตามเสียงแหบนุ่ม ถ้าวันศุกร์ก็อีกแค่สี่วันเท่านั้น
"ทำไมครับ" ถาม ทั้งที่ก็พอจะรู้คำตอบอยู่ในใจ
"เพลงใหม่ที่ฉันจะทำ มันเครียดมาก ฉันไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาด ฉันอยากให้ออกมาดีที่สุด" จินยองครางอ๋อรับในลำคอ ยิ้มเจื่อนกับตัวเอง
แบบนี้นี่เองถึงต้องให้ตัวระบายความเครียดว่างอยู่ใกล้ ๆ ให้ดึงมากอดฟัดได้ตลอด
แต่ไม่เป็นไรหรอก เพราะจินยองเต็มใจ
นี่มันน้อยนิดด้วยซ้ำถ้าเทียบกับทั้งหมดที่แจบอมมอบให้
"ได้ครับ ผมจะคุยกับเพื่อนให้ช่วยจดงานไว้ให้"
﹌
วันศุกร์เวียนมาถึงในเวลาอันรวดเร็ว จินยองอ่านทวนบทละครเรื่องแรกที่ตนเพิ่งถ่ายเสร็จไปทั้งหมดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีส่วนตรงไหนผิดพลาดมากเสียจนต้องถ่ายซ่อม และทบทวนกับตัวเองว่าแสดงได้ดีมากพอหรือยัง
สมุดที่ใช้จดตารางงานถูกหยิบขึ้นมาขีดเขียน ช่วงห้าวันนี้ตารางของจินยองว่างจริง ๆ แต่หลังจากนั้นก็มีไปเรียนการแสดงสลับกับเรียนที่มหาวิทยาลัย มันดีเหมือนกันที่หลังจากได้รับเล่นละครเรื่องแรกแล้วมีเวลาไปเรียนการแสดงเพิ่มเยอะ ๆ ถึงจะเป็นแค่บทตัวประกอบแต่จินยองก็พยายามกับมันอย่างหนัก
จินยองรู้ว่าตัวเองต้องไปเรียนการแสดงเพิ่มอีกมาก ตนยังไม่เก่งกาจอะไรคู่ควรกับโอกาสที่ทางพาราไดซ์หยิบยื่นมาให้ ต้องเก่งกว่านี้ ต้องขยันมากกว่านี้
จินยองชอบตอนที่แจบอมยิ้มให้แล้วบอกว่าเขาทำได้ดี
แก้วตาโตเหลือบมองถุงสีดำประดับตราสีเงินคุ้นตาที่มาวางอยู่ในห้องนอนของตัวเองตอนไหนก็ไม่รู้ เดินตรงไปดูก็เจอกล่องสีดำอีกกล่องด้านใน
'Jinyoung'
กระดาษที่เขียนชื่อไว้ไม่ผิดแน่ว่าส่งตรงมาให้เขา จินยองแกะออกดู เลิกคิ้วมองเสื้อหรูหราราคาแพงอีกตัวที่ตนก็คงไม่ใส่
"แทนตัวที่ทำขาดไง" คำตอบดังขึ้นพร้อมกอดอุ่นจากเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่างในห้องพักนี้ มือหนาลูบล้วงไปตามเอวคอด
"ผมบอกว่าไม่ต้องซื้อมาให้แล้วไงครับ ในตู้สามใบนั่นผมก็ใส่อยู่ไม่กี่ตัว" จินยองบอกกลับเสียงอ่อน แจบอมหัวเราะหึ เกลี่ยจมูกไปตามซอกคอขาว
"ฉันเชื่อ เพราะฉันก็เห็นนายใส่แต่ตัวเดิม ๆ" เสื้อสีพื้นกับกางเกงสีทึม นานทีจะเปลี่ยนลาย จินยองใส่แต่แบบนี้วนเวียนอยู่ทุกวัน ตอนแรกแจบอมคิดว่าจินยองไม่มีเสื้อผ้าหลากหลายมากพอใส่ ก็เลยซื้อให้ใหม่พร้อมกันเกือบสามสิบชุดจากหลากหลาย แบรนด์ดัง
แต่จินยองก็ยังใส่ตัวเดิม ๆ นี่ถ้าแจบอมไม่เอาเสื้อผ้าที่ จินยองใส่เป็นประจำเมื่อก่อนนี้ทิ้งขยะไปตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน ก็คงเอาแต่ใส่ชุดมอซอพวกนั้น
ทั้งที่รูปร่างหน้าตาของจินยองจะใส่อะไรก็ดูดีไปหมดแท้ ๆ
"ไม่ใส่อะไรเลยก็น่าดู" เสียงแหบกระซิบชิดใบหูจนคนตัวเล็กกว่าดิ้นขลุกขลักด้วยความขัดเขิน อ้อมกอดยิ่งรัดแน่นมากขึ้น
ตุบ
รู้ตัวอีกทีจินยองก็กองอยู่บนเตียงที่นุ่มนิ่มมากกว่าพื้นห้องแข็ง ๆ เสื้อผ้าถูกถอดออกอย่างรวดเร็วให้สมคำของคนที่บอกว่าอยากดู จินยองไล้ปลายนิ้วเรียวยาวของตนไปตามกรอบหน้าของแจบอมที่จ้องมองมา สัมผัสจิวสีดำที่ทำให้ใบหน้าคมยิ่งดูดุดัน
ทั้งที่ภายนอกเป็นคนที่ดูน่ากลัว แต่ดวงตาเรียวคู่นี้กลับแสนอบอุ่น
อบอุ่นเหมือนบ้านที่พึ่งพิงสุดท้ายที่จินยองมี
แต่ก็ลึกเหมือนจมอยู่ก้นแม่น้ำที่ไร้หนทางจะตะกายขึ้นมา
"อย่าทำหน้ายั่วฉันแบบนั้นสิจินยอง" เสียงแหบกระหายเอ่ยบอก จินยองได้แต่สงสัยว่าตนไปทำหน้ายั่วใส่ตอนไหน และไม่ทันจะได้ถามริมฝีปากก็ไม่ว่างไว้พูดอีกต่อไป
รสชาติจูบของแจบอมยังคล้ายทุกครั้ง ดุดัน และแฝงไปด้วยกลิ่นรสจาง ๆ ที่ขมและเย็น เป็นรสชาติและน้ำหนักริมฝีปากที่มัวเมาให้จินยองหลอมละลาย
"ฉันชอบยาสีฟันรสนี้" เสียงแหบกระซิบบอก ลิ้นชื้นตวัดไล้เลียตั้งแต่ติ่งหูไปถึงซอกคอ จินยองได้แต่อมยิ้มจาง ๆ ทั้งที่ก็ใช้ยาสีฟันหลอดเดียวกันแท้ ๆ
แจบอมชอบชมว่ารสชาติปากของจินยองหวาน
ส่วนจินยองก็ชอบตอบกลับไปว่า รสชาติในปากของ แจบอมขมบุหรี่
หลัง ๆ มานี้เวลาจูบถึงได้รสเย็น ๆ ของหมากฝรั่งเลิกบุหรี่ผสมมาด้วย
"อื้อออ เจ็บ อย่ากัดสิ" ริมฝีปากอิ่มพึมพำประท้วง รู้สึกได้ถึงฟันคมที่ฟัดลงบนยอดอกตัวเอง ถ้ารุนแรงแบบนั้นมันต้องบวมเป่งด้วยรอยฟันอีกแน่ ๆ จินยองทำได้แค่สอดมือขยุ้มเส้นผมดำขลับไว้ ทั้งร่างดิ้นเล็กน้อยจากการตื่นตัวแต่ก็พยายามฝืนไม่ให้มากเกินไปจนคนตัวโตที่กำลังเพลิดเพลินรำคาญ
ถึงจะทั้งเสียวทั้งรู้สึกมากจนปวดมวนไปทั้งท้องน้อยแล้วก็ตาม
"ไม่มีถ่ายละคร ไม่มีเรียน" คำอธิบายลอยขึ้นมา ก่อนฟันคมจะขบไล่ไปตามช่วงเอวคอดไล่ต่ำลงไปเรื่อย ๆ มือทั้งสองข้างก็ลูบเคล้นลงน้ำหนักตามผิวขาวนวลอย่างไม่ออมแรง
จัดวันว่างให้จินยองขนาดนี้แล้วก็คงกะจะเล่นให้พังกันไปข้างเลยสินะ
﹌
ราว ๆ เที่ยงวันเสาร์ คือสิ่งที่นาฬิกาบนผนังบอกกับจินยองตอนที่ลืมตาขึ้นมา ตั้งแต่เช้าวันศุกร์ จินยองเพิ่งจะมารู้สึกตัวเอาตอนนี้ ลำคอแห้งผากเป็นผงเพราะเมื่อวานปลดปล่อยเสียงร้องอยู่นาน
หันไปเห็นขวดน้ำเปล่าพร้อมแก้วน้ำใบสวยวางไว้รอที่ข้างเตียง อมยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นว่าถูกเตรียมไว้ให้
"อื้อออ" หลุดเสียงร้องอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อทันทีที่ขยับก็เจ็บไปทั้งตัว ครั้งนี้เหมือนจะทำให้เจ็บยอกเสียยิ่งกว่าครั้งแรกที่จินยองเอาตัวเองไปมอบให้แจบอมเสียอีก
ขบเม้มปากอิ่มที่มีรอยปริแตกเข้าหากันเพื่อกลั้นเสียงแต่ยิ่งทำให้เจ็บมากกว่าเดิม เลยปล่อยให้เสียงโอดโอยหลุดออกมาเป็นระยะตลอดการขยับตัวเพราะอยู่ในห้องคนเดียวตอนนี้
ถ้ามีแจบอมอยู่ด้วยจินยองจะทำเหมือนไม่เจ็บ จะไม่ทำให้แจบอมต้องกังวลที่จะระบายความเครียดลงมา
เพลงนี้คงสำคัญมาก ๆ แจบอมถึงได้เครียดกับมันขนาดนี้
ความสัมพันธ์ที่ท่านประธานใหญ่มีต่อจินยองเป็นการหยิบยื่นและตอบแทน
ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรร่วมมากไปกว่าความสงสาร ...ก็พยายามจะบอกตัวเองไว้
"..." พรูลมหายใจเฮือกยาวเมื่อขยับตัวมานั่งอยู่ที่ขอบเตียง จินยองอมยิ้ม เมื่อสำรวจแล้วว่าตนใส่เสื้อยืดแขนยาวสีเหลืองอ่อนกับกางเกงผ้าสีเทาแบบที่ชอบ ดูเหมือนจะถูกอาบน้ำให้จนสะอาดสะอ้านและแต่งตัวใหม่จากอิม แจบอม
พอถูกดูแลแบบนี้แล้วจินยองก็ยิ่งยิ้มกว้าง
จินยองชอบเวลาที่ท่านประธานแห่งพาราไดซ์ใจดีแบบนี้
ชอบอิม แจบอม
"..." ยังคงยิ้มแม้แต่ยามที่กลืนหยาดน้ำใสลงคออึกใหญ่ ความกระหายทำให้รินน้ำมาดื่มเพิ่มอีกแก้ว
"สุดยอดเลยแจบอม ฉันรักเพลงนี้ เดฟ โซล" เสียงแหลมแปลกหูดังลั่นเข้ามาทำเอาหัวคิ้วของจินยองขมวดมุ่น
ตลอดเวลาหกเดือนที่มาอยู่ห้องพักนี้กับแจบอม จินยองไม่เคยเห็นใครคนอื่นเข้ามาที่นี่นอกจากผู้จัดการจินอูกับเพื่อนของประธานค่ายในบางครั้ง และไม่เคยมีเจ้าของเสียงนี้
"ฉันทุ่มเทกับมันมาก ดีใจที่เธอชอบ เซนา" เสียงแหบนุ่มเจือเสียงหัวเราะทั้งคุ้นและแปลกประหลาด นั่นคือเสียงของอิม แจบอม เสียงที่เพราะเหมือนในเพลงมากมายที่เขาชอบแอบฟังตั้งแต่รู้ว่าแจบอมเป็นคนร้องเพลงพวกนี้
แต่เสียงหัวเราะที่มีความสุขนั่นแปลกหู จินยองไม่ค่อยได้ยินมันนัก
และเก็บความสงสัยไว้ไม่อยู่ว่าใครคือคนที่ได้รับฟังเสียงหัวเราะนั่นไป
จิกมือไปกับกางเกงจนเหมือนขยุ้มกำเพื่อกัก ความเจ็บปวดทางร่างกายไว้ สองขาก้าวเดินเร็วสุดเท่าที่ความเจ็บเสียดในร่างกายจะปรานี
“ขอบคุณมากสำหรับเพลงนี้ ฉันจะอวดทุกคนว่านายแต่งให้ สาบานเถอะเพลงนี้ต้องดังเป็นพลุแตกเพราะนาย" ถ้อยคำหวานหยดไม่ต่างจากน้ำเสียงพร้อมกับริมฝีปากเคลือบสีแดงสดประทับจูบข้างแก้มของท่านประธานแห่งพาราไดซ์
จินยองได้แต่ยืนกำลูกบิดประตูห้องนอนตัวเองค้างอยู่แบบนั้น จ้องมองใบหน้าสวยงามและรูปร่างสูงระหงผิวขาวละเอียดของนักร้องหญิงมีชื่อคนหนึ่งที่ตนคุ้นเคยกับเธอตามหน้านิตยสารและรายการเพลง
ซอ เซนา หรือ เฮเลน คนที่ยืนกอดคลอเคลียอยู่กับแจบอมไม่ได้ห่าง
"ถ้าเพลงมันดังก็เพราะเสียงของเธอด้วยเซนา" แจบอมยิ้มกว้างให้กับหญิงสาว จินยองคิดกับตัวเองว่าควรจะผลุบหายกลับเข้าห้องไป ไม่ใช่ยืนจ้องมองอยู่แบบนี้
มันทั้งเสียมารยาทและทำให้จินยองอึดอัดราวกับจมน้ำ
แต่จินยองก็ไม่ขยับตัวไปจากตรงนั้นสักก้าว
"เดี๋ยวฉันกลับแล้วนะ ตอนอัดเสียงจะโทรบอกนะเผื่อแจบอมอยากไปดู" เซนากอดลาแจบอมอีกครั้ง จังหวะที่หญิงสาวหันมาจินยองตัดสินใจแล้วว่าจะกลับเข้าไปในห้อง
"นั่นใครเหรอ" แต่ก็ไม่ทัน ท่าทางค้างคาอยู่แค่มือที่กำลูกบิดประตูอย่างไม่รู้ว่าจะเปิดหรือปิดกันแน่
"ว่าไงแจบอม นั่นน่ะ เขาเป็นอะไรกับนาย ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ" เป็นคำถามที่จินยองได้แต่หันไปมองแจบอมระหว่างรอคำตอบ เพราะตนก็ไม่รู้เช่นกันว่าจะตอบออกไปอย่างไร
ตาคมคู่นั้นหันมาจ้องมองจินยองชั่วครู่แล้วละสายตาไป
"กลับไปได้แล้วซอ เซนา มา ฉันไปส่ง” มือใหญ่โอบพาสาวสวยให้เดินจากไป ลงบันไดไปชั้นล่างของห้องพักขนาดใหญ่
เหลือแค่จินยองที่ยืนอยู่ตรงนั้น สุดท้ายจินยองก็เลือกที่จะปิดประตูห้องนอนของตนลง พิงแนบร่างไว้กับกำแพงห้อง
นั่นสิ อิม แจบอม กับ ปาร์ค จินยองเป็นอะไรกัน
มันไม่มีคำตอบดี ๆ หรอก
จะให้ตอบไปว่า เป็นผู้อุปถัมภ์กับเด็กในอุปถัมภ์ก็ดูจะไม่สมควร
บางทีความจริงก็ไม่ได้น่าฟังเอาเสียเลย
﹌
ฟิคแก้บนค่ะท่านผู้ชมมมมมมมมมมมม
เนื่องจากเคยบนบานศาลกล่าวกันไว้ว่าขอให้ JJP คัมแบ็ค ซึ่งก็คัมแบ็คแล้ว หวานหยดละมุนละไม่ใส่ไข่แปดฟอง
เราก็บนว่าจะแจกฟิค (เรื่องนี้) จำนวน20เล่มจากการสุ่มรี เมื่อยอดวิว เอ็มวีสามล้าน (ก็สุ่มไปเรียบร้อยแล้ว) และจะเอามาลง
เมื่อยอดวิวเอ็มวีเจ็ดล้านวิว ซึ่งตอนนี้ลดเหลือ 5.7 ล้านวิวเนอะ เพราะมันคือการแก้บนไม่แก้สักทีทั้งที่ได้คัมแบ็คแล้วมันตะขิดตะขวงใจ
ฟิคหมอกควัน นั้นเมาสมดังที่คิดไว้ เมาๆ กรึ่มๆ ฟามรักเอยกันไป มีทั้งหมด 5 ตอนค่ะ และอาจจะมีตอนพิเศษมั้งนะ
แม้จะเป็นฟิคแก้บนแต่ก็มอบฟีดแบ็คให้เราเถอะ อย่าปล่อยให้เหงาเปล่าเปลี่ยวเลยคนดี
แท็กเรื่องนี้คือ #ฟิคหมอกควัน นะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พึ่งมีเวลามาอ่านค่ะแบ่บฟหฟฟะลำกกกมันดีมากกฟสล เหมือนพลาดอะไรไปและตามไม่ทันอย่างรุนแรง สนุกมาก ลุ้น ตอนแรกที่เปิดมาเสียงปืนดังนี่ตกใจ พอรู้ว่าถ่ายหนังนี่โล่งจนสบถ 555 ตอนนึงยาวทากๆ อ่านละแบ่บอุทานว่ายังไม่หมดอีกเหรอหลายรอบมาก 555 ชอบพี่แจบอมลุคนี้เอาไปสิบสิบ เหมือนดึงความสามารถทุกอย่างของพี่เขามารวมกันไว้ตรงนี้ เมนพี่แจบอมแบบหนูกระอักเลือด ฮือ จะร้องไห้ อยากได้แบบนี้ ใจร้ายก็เอา ชอบ