ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Poison of Love [yu-gi-oh! GX]

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter IV : Betony [เรื่องประหลาดใจ]

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ย. 54



              อนีโมเน่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับตัวเองในกระจก ไม่รู้ทำไมเธอถึงได้รู้สึกสนุกกับการกลั้นแกล้งโยฮันในวันนี้เหลือเกิน สรุปง่ายๆก็คือตลอดเทอมนี้เธอก็มั่นใจว่าเธอรอดชีวิตจากการสอบแน่ๆ

              นั้นก็เพราะคำสั่งแรกก็คือตอนสอบถ้าเธอเรียกเขาจะต้องมานั่งติวหนังสือให้เธอ ต่อให้ติดอะไรใดๆก็ต้องมา... ต้องขอบคุณพรสวรรค์ของชั้นจริงๆ เธอทายถูกจนครบสี่สิบใบ และไม่ใช่แค่ทายชื่อเธอยังต้องบอกด้วยว่า แอฟเฟคคืออะไร เลเวลเท่าไหร่... ขอโทษนะแต่ชั้นจำได้หมดเลยล่ะ

              แต่นั้นมันก็ช่วยไม่ได้ ความอยากรู้มักจะทำให้คนถึงตายมาก็มาก นายทำตัวเองเองนะโยฮันเทพธิดาองค์ไหนก็ช่วยนายไม่ได้หรอกนะ ขอแค่ได้เห็นการแข่งก่อนสักครั้งก็ไม่มีทางชนะชั้นได้หรอก

              ก๊อก ก๊อก ก๊อก

              ใครอีกหล่ะ... มันอีกแล้วเหรอ รอบนี้อะไรดีน้ำไม่ไหลท่อประปาแตกรึไง

              “อะไรอีกหล่ะ... เธอ”อนีโมเน่ที่พึ่งเงยหน้ามองคนตรงหน้าทำเอาเธอเปลี่ยนคำพูดไม่ทัน

              ผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้าประตูยิ้มน้อยๆ...เรือนผมสีน้ำตาลเข้มไหวน้อยๆยามต้องลมในความมืดดวงตาสีส้มเธอสวมเสื้อยืดสีคำไว้ข้างในทับด้วยเสื้อคลุมของผู้ชายแขนยาวสีน้ำเงินและมินิสเกิตสีเดียวกัน

              “เธอสินะ... ที่มีความทรงจำชั่วพริบตา อนีโมเน่สินะจ๊ะ”ผู้หญิงคนนั้นถามทำเอาอนีโมเน่ถึงกับหน้าเสียนอกจากนายประธานกับคนไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้ “... ทำหน้าน่ากลัวจัง คงเป็นความลับน่าดูเลยสินะเรื่องนี้”

              “เธอเป็นใครรู้เรื่องนี้มาจากใคร”อนีโมเน่ถามแต่คนตรงหน้าก็แค่ทำท่าเหมือนแกล้งตกใจเล็กๆ “ไม่ตลกนะ!!! ถ้าอยากมีเรื่องจะจัดให้ก็ได้มาเจอกันสักหน่อยสิ”

              “กับเธอเหรอ... อิอิ”ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะด้วยเสียงเล็กของเธอ แต่อนีโมเน่กลับคิดว่าเธอกำลังถูกเยาะเย้ย “จะดีเหรอ... เธอไม่เคยเห็นเด็คของชั้นเลยนะ คิดว่าจะชนะชั้นได้อย่างนั้นเหรอ”

              ...กับเธอที่มีนิสัยใจร้อน อารมณ์ร้าย ก็เข้าทางชั้นเลยสิ

     

              สาเหตุที่ชั้นเปิดโอกาสให้เธอเริ่มก่อนเพื่อการนี่แหละอนีโมเน่ เมื่อจบเทิร์นของเธอจะกลายเป็นเทิร์นของชั้นที่เป็นเทิร์นสุดท้ายของเธอ...

              “เป็นยังไงบ้างกับความรู้สึกถึงการแพ้อย่างไรทางต่อสู้ใดๆ...”คนตรงหน้าถามเสียงเรียบอย่างเย็นชา

              อะไรกันความกดดันที่เหมือนกับของท่านประธานรู้สึกถึงความต่างกันของพลังและความสามารถ คนคนนี้เป็นใครกันทำไมถึงได้มีบลูอายย์ไวท์ดร้ากอน...

              เท่าที่จำได้ผู้ที่เป็นเจ้าของมังกรตัวนี้มีอยู่เพียงหยิบมือและหนึ่งในนั้นคือท่านประธานไคบะ เซโตะที่ถือครองอยู่ถึงสามตัวด้วยกัน...

              ความพ่ายแพ้ส่งผลให้อนีโมเน่ถึงกับช๊อค ไม่เคยมีใครสามารถเอาชนะเธอได้มาก่อน ความพ่ายแพ้ส่งผลกระทบต่อจิตใจเธอโดยตรง แต่ที่น่าแปลกที่สุดคือเมื่ออยู่ต่อหน้าคนคนนี้ทำไมเธอไม่รู้ว่าจะได้การ์ดอะไรมาขึ้นมือทั้งที่เธอจำการ์ดของเธอได้ทุกใบ... ทำไมกัน?

              “มองไม่เห็นจริงๆด้วยสินะ... งั้นไว้เจอกันใหม่ดีกว่า เล่นกับเธอเนี่ยไม่สนุกเอาซะเลย”

              “มองไม่เห็น... ?”ทำไมถึงรู้หล่ะว่าชั้นจำการ์ดที่จะขึ้นมือของตัวเองไม่ได้ “เธอเป็นใครกันแน่ คนของไอ้ประธานบ้านั้นรึไง?”

              “ไอ้ประธานเหรอ... โทษทีนะแต่ชั้นน่ะไร้สังกัด”เธอตอยอย่างไม่ทุกข์ร้อน “รู้รึเปล่าอนีโมเน่ มีแค่มนุษย์เท่านั้นน่ะที่มีสิทธิ์ที่จะโดนสาป เธอน่าจะดีใจนะ”

              “ถ้าเป็นไปได้ชั้นก็ไม่อยากที่จะใช้ชื่อนี้นักหรอก!!”อนีโมเน่กรี๊ดร้อง “ถูกทอดทิ้ง ถูกทุกคนทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง ชั้นเกลียดชื่อนี้!!

              เพียะ!!

              รอยฝ่ามือจางปรากฏขึ้นบนใบหน้า... กล้าดียังไงเกิดมาทั้งชีวิตยังไม่เคยมีใครกล้าตบเธอเลย...

              “กล้าดียังไง!! พ่อแม่ชั้นยังไม่เคยตบชั้นเลยนะ”

              “เหรอ~ งั้นพวกเขาคงไม่เคยใส่ใจเธอเลยสินะถึงได้พูดจาก้าวร้าวแบบนี้ ไม่รู้รึไง ว่าชื่อน่ะคือเวทย์มนต์คุ้มครองบทที่สั้นที่สุด”เธอตอบเสียงดุ... ให้ตายสินี่ชั้นต้องมานั่งอบรมนิสัยของเธอด้วยรึไงนะ “ไม่ว่าชื่อจะแปลว่าอะไร แต่มันคือความรักที่ผู้มอบชีวิตเป็นผู้ให้ เก็บรักษามันไว้ เพราะคนที่จะสุขจะทุกข์กับมัน มีแค่เธอคนเดียว”

              “...”เธอไม่ตอบเพียงแต่มองด้วยสายตาเรียบเฉยที่อ่านความคิดไม่ออก “คิดได้บ้างรึยัง... แค่ถูกทิ้งมันไม่ตายหรอก เพราะถึงยังสักวันเธอก็ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดเหมือนกันคิดว่าพ่อแม่จะอยู่ค้ำฟ้ารึไง”

              “... คิดว่ามีแค่เธอคนเดียวรึไงที่ถูกทอดทิ้ง ชั้นเองก็ถูกทิ้งเช่นกัน ...”เธอคนนั้นพูด นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้อนีโนเน่ที่กำลังคิดถึงเรื่องเมื่ออดีตที่แสนขมขื่นที่เธอพยายามหนี “มันคือคำสาปของการ์ดที่เธอถ้าครองอยู่... สูญเสียทุกอย่าง แลกกับเรื่องๆนึงที่ปรารถนาอยู่ลึกที่สุดในจิตใจเลย”ผู้หญิงคนนั้นพูดแล้วค่อยเดินหายไปในความมืด ...จะว่าไปทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงพูดเหมือนกับว่ารู้จักเธออย่างนั้นแหละ

              “ คำสาป ”ใช่แล้วตั้งที่ได้มาก็มีเรื่องที่ต้องสูญเสียมากมาย... “งั้น..”

              อนีโมเน่พยายามมองหาคนที่พูดกรอกหูเธอเมื่อครู่เธอหายไปแล้ว... ชั้นควรทำยังไงจะทิ้งไปงั้นเหรอ เหมือนที่ชั้นเป็นมาตลอดจะทำอย่างนั้นเหรอ

              อยากให้คุณอยู่ตรงนี้จังคะ... รุ่นพี่

     

              ทันทีที่ถึงที่ซ่อนตัวที่เธอซ่อนตัวคู่รักที่โดนเธอจัดการมัดไว้กับต้นเสาเธอจัดการถอดเสื้อผ้าคืนเจ้าของเดิมและหยิบเอาเสื้อของตนที่เอาคลุมตัวผู้หญิงคืน

              “ขอบใจพวกเธอมากๆนะที่ให้ชั้นยืมเสื้อผ้าใส่ อืม...แต่จะว่าไปมันก็หลวมไปมากเลย”เธอพูดยิ้มๆ... “แหมอิจฉาคนมีความรักจริงเลยนะ ยังไงก็ขอบใจนะที่ให้ความร่วมมือ”

              “โชคดีจริงๆที่แวะไปหาท่านประธานนั้นก่อน... เลยขอยืมอุปกรณ์คอสเพลมาใช้เล็ก”สนุกดีจริงๆนะว่ามั้ยอนีโมเน่ “พวกเธอคงรู้จักเกมส์แห่งความมืดสินะ... ถ้ายังอยากมีหัวใจไว้รัก ให้วิญญาณอยู่ในร่างเพื่อมีชีวิต ก็อย่าได้พูดถึงเรื่องในวันนี้หล่ะ เข้าใจใช่มั้ย!!

              องค์นี่แค่ทักทายอนีโมเน่... แต่องค์ที่เป็นของชั้นช่วยยืดเวลาอย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยล่ะ

              “ไหนๆก่อนกลับ... มาอเมริกาทั้งทีแวะกินฮอทดอกหน่อยดีกว่า”

     

              อนีโมเน่นั่งเหม่ออยู่หน้าเป็นนานสองนาน... ทิ้ง ... ทิ้ง ...หรือจะเก็บไว้ในหัวของเธอกำลังตีกันวุ่นวายไปหมด

              วันนั้นหิมะตกหนักมาก... ชั้นวิ่งหนีออกมาจากโบสถ์หลังเล็กที่อยู่ในซอยเล็กๆชั้นไม่มีญาติที่ไหนมีแค่พ่อกับที่เหลืออยู่เรามีอยู่กันแค่สามคน... แต่พวกเขาก็จากไปเพื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันโจรที่บุกเขาปล้นบ้านของเรา บ้านหลังเล็กที่ไม่มีอะไร

              เพราะพวกมันไม่เชื่อว่าไม่มีอะไรจึงจับทั้งสองคนเป็นตัวประกันมัดไว้ในบ้าน แต่เมื่อตรวจค้นแล้วว่าไม่มีของมีค่าอะไร... จึงย่างสดทั้งอย่างทรมาน ชั้นที่กลับมาจากโรงเรียนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง หิมะสีขาดตัดการเพลิงที่โหมกระหน่ำสีเพลิงชาต

              และในอีกไม่กี่วันหลังเสร็จสิ้นงานศพชั้นก็หนี หนี แต่จะหนีไปที่ไหน... ไม่มีบ้านให้กลับ ไม่รู้จักใครเลย วันนั้นหิมะตกหนักมาก อนีโมเน่นั่งแอบซ่อนตัวจากหิมะและลมหนาวอยู่ในซอกตึกข้างถังขยะ ทั้งหนาวทั้งหิว และวันนั้นเองที่ชั้นได้พบกับท่านประธาน ชุดสีแดงสดตัดกับสีขาวของหิมะโดยสิ้นเชิง เขายื่นแฮมเบอร์เกอร์ในมือให้ชั้นรีบรับมาอย่างหิวกระหายแต่กินได้ไม่กี่คำก็สำรักเพราะความตะกละแต่ก็ยังไม่วายรีบจัดการส่วนที่เหลือจนหมด ต่อให้มันมียาพิษก็ตายเป็นผีอิ่มท้องล่ะนะ

              “เธอชื่ออะไรเหรอ หน้าตาเรี่ยมเชิ่มอย่างเธอไม่น่าจะเป็นเด็กที่อยู่ข้างถนน”

              เมื่อเขาถามอนีโมเน่ก็นั่งร้องไห้อย่างไม่อายใคร “อะ อนี มะโมเน่ ชั้นไม่มีบ้านให้กลับอีกแล้ว”พูดพลางสะอึกสะอื้นมือเล็กถูอย่างใบหน้าอย่างแรงเพื่อลบรอยน้ำตา

              เขาไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่ยื่นมือไปแตะไหล่เธอเบาๆ “มาอยู่กับชั้นมั้ย?...”

              ไม่รู้ทำไม ทั้งที่ไม่ได้รู้จัก ไม่ใช่คนคุ้นเคย... แต่เป็นสิ่ที่ชั้นโหยหาอยากได้ในตอนนั้นใครก็ได้ที่จะฟัง จะรัก และปลอบโยน

              ...ชั้นควรทำยังไง

              “ลืม... กุญแจเข้าห้องเหรออนีโมเน่”เรือนผมและนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่คุ้นตาเคลื่อนตัวมาอยู่ตรงตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ “ฮะ เฮ้!!

              อนีโมเน่โผเข้ากอดคนตรงหน้า...ตอนนี้เธอไม่อยากได้คำปลอบโยน ที่เธออยากได้คือเพื่อนต่างหาก

              “เธอโอเคมั้ย”โยฮันถามมีไม่มากเท่าไหร่ที่เขาจะจริงจังกับปัญหารอบตัว

              “คำขอร้องที่สองของชั้น... ช่วยเป็นเพื่อนกับชั้นได้มั้ย”อนีโมเน่พูดเสียงอู่อี้แต่ก็ฟังได้ชัดเจนทุกคำพูด

              “ทำไมต้องเป็นเพื่อน... นี่พวกเรายังไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีกเหรอ?”โยฮันถาม... ผู้หญิงคนนี้มักมีอะไรมากให้เค้าแปลกใจได้เรื่อยๆเลยแหะ “งั้น... รอแปบนะเดี๋ยวชั้นกลับมา”

              “สัญญานะ”ทำไมชั้นถึงอ่อนแอขนาดนี้...ทั้งที่ไม่เคยพึ่งใครมาตลอดแท้

              “เพื่อนกัน... ชั้นไม่โกหกเพื่อนหรอก”

              โยฮันวิ่งหายไปในความมืด... แม้จะเป็นแบบนั้นแต่เธอก็รู้สึกสบายใจอย่างประหลาด อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้อยู่คนเดียว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×