ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    一拜天地 คำนับฟ้าดิน #หลิวอวี่นาย

    ลำดับตอนที่ #1 : อารัมภบท 0.1

    • อัปเดตล่าสุด 16 ต.ค. 66


    สกุลหยินที่ว่ากันว่าร่ำรวยเงินทองมากก็ยังเป็นที่กล่าวขานว่า 'ไม่สมบูรณ์พร้อม' เนื่องด้วยประมุขและฮูหยินของจวนนั้นยังไม่มีบุตรแม้แต่คนเดียว ด้วยความจนใจท่านประมุขจึงแต่งฮูหยินรองเข้าจวน

       แม้จะปวดใจที่ทำให้ฮูหยินใหญ่ของจวนต้อง หลั่งน้ำตาทุกค่ำคืนแต่เพื่อให้มีบุตรสืบสกุลแล้วนั้น ท่านประมุขของจวนตระกูลหยินจึงแต่งฮูหยินรองจากตระกูลเกาเข้าจวน

       ต่อมาไม่นานนักหลังจากแต่งฮูหยินรองเกาเข้าจวนแล้ว ฮูหยินรองเกาก็ได้ตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายตัวน้อยแสนน่ารักขึ้นมา หลังจากเด็กชายลืมตาดูโลกได้ไม่นานมารดาของเด็กน้อยก็ได้สิ้นใจลงและจากโลกนี้ไปแทบทันที

       ด้วยความสงสารฮูหยินใหญ่ของจวนตระกูลหยินจึงรับเลี้ยงเป็นลูกของตน และในตอนนั้นเองฮูหยินจึงได้รู้ว่าตนเองก็กำลังครรภ์เช่นกัน จนในที่สุดฮูหยินก็ได้คลอดเด็กชายออกมาเช่นกัน

       ผ่านไปไม่นานเท่าใดนักเด็กน้อยสองคนก็เติบใหญ่ขึ้นมา หน้าตาน่ารักน่าชังผิวขาวนวลเนียนดังหยกบริสุทธิ์ รูปร่างนั้นคล้ายพกซาลาเปาติดตัวตลอดเวลา แก้มกลมๆ ช่างน่ารักน่าเอ็นดูหากผู้ใดเดินผ่านก็คงจะอยากยื่นมือมาจับเจ้าก้อนซาลาเปาน้อยจนช้ำเป็นแน่แท้

       ทั้งยังเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มรูปงามทั่วหล้า ใช่แล้วของชายทั่วหล้าเพราะทั้งสองคนนั้นมีเพศเป็นเกอที่ทั่วทั้งแผ่นดินนั้น จะมีก็น้อยเป็นอย่างมากท่านประมุขและฮูหยินจึงรักใคร่และหวงแหนเกอน้อยทั้งสองจนไม่กล้าที่จะให้ ก้าวขาออกจากจวนเลยทีเดียว

       "ท่านพี่"

       "..."

       "ท่านพี่เสี่ยวจิ่ว"

       ร่างน้อยสั่นไหวจากแรงเขย่าของเกอผู้น้อง แต่ดวงตาคู่งามก็ยังไม่เปิดออกซ้ำยังเบี่ยงตัวเพื่อหลบหนีอีกตั้งหาก

       "อือ.. เสี่ยวไป๋ถูอย่ากวนข้า"

       คนงามเอ่ยเสียงงัวเงียพร้อมปัดมือที่เกาะแกะออกให้พ้นตัว แล้วเข้าสู่ห้วงนิทราต่อ

       "เอ๊ะ! พี่เสี่ยวจิ่ว ตื่นเสียทีข้ามีเรื่องจะคุยด้วย"

       เกอผู้น้องยังคงไม่ลดละความพยายามที่จะปลุกเกอคนพี่ สองมือสวยเอื้อมไปเขย่าปลุกคนขี้เซาให้ตื่นจากฝันอีกครั้งและอีกครั้ง

       แต่คนบนเตียงก็ยังไม่มีท่าทีที่จะลุกขึ้นมาจากความฝันแสนหวาน เกอคนน้องถอนหายใจอย่างหมดความอดทนก่อนจะกระโจนร่างนุ่มนิ่มนอนทับคนบนเตียง จนคนบนเตียงร้องโอดครวญออกมา

       "โอ๊ย!! เสี่ยวไป๋ถู เจ้าจะกระโดดทับข้าทำไมเนี่ย"

       เกอคนพี่ว่าพลางดันร่างนุ่มนิ่มให้ออกจากตัวแล้วลุกขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง ส่งสายตาติดจะตำหนิมองคนที่ลุกขึ้นมาจากพื้นแล้วยืนเท้าเอวอยู่ข้างเตียง

       "ก็ท่านไม่ยอมตื่นนี่"

       ร่างนุ่มนิ่มว่าพลางเบ้ปากกอดอกมองอย่างคนเอาแต่ใจ

       "ข้าก็ตื่นแล้วนี่อย่างไร หาว.."

       เกอผู้พี่ว่าพลางหาวไปหนึ่งทีพร้อมบิดตัวไปมาเพื่อให้ตื่นเต็มตามากยิ่งขึ้น สายตาคู่สวยมองไปยังร่างนุ่มนิ่มตรงหน้า ก่อนถามหาธุระว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงมาปลุกตนตั้งแต่เช้าเช่นนี้ ร่างนุ่มนิ่มยกยิ้มอย่างเอาใจก่อนจะรีบวิ่งลงมานั่งข้างๆ เกอผู้พี่แทบจะทันที

       "ก็วันนี้มีงานเทศกาลโคมไฟงดงามยิ่งนัก เห็นว่ามีของกินและของเล่นมากมายเลยทีเดียว"

       เกอผู้น้องว่าพลางยิ้มแย้มอย่างเริงร่าดวงตาคู่สวยเป็นประกายระยิบระยับ ประหนึ่งดวงดาวทั่วหล้าทั้งหลายมารวมกันที่ตรงนี้เกอผู้พี่ได้แต่ทอดถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย

     

       'หึ! คิดจะพาข้าไปเล่นซนอีกแล้วสินะ เจ้าเสี่ยวไป๋ถูตัวแสบ!'

     

       แม้คิดอยากจะตำหนิมากเท่าใดก็ตามแต่เมื่อเห็นสายตาเป็นประกายนั่น เขาก็ได้แต่ทอดถอนใจและยอมให้อีกฝ่ายเสียทุกครั้งไป

       "เอาละๆ เจ้าอยากไปงั้นหรือ"

       ตาสวยมองพร้อมเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ทั้งที่ก็รู้คำตอบที่แน่ชัดอยู่แล้ว

       "อย่าถามในสิ่งที่ท่านก็รู้อยู่แก่ใจได้หรือไม่เล่า"

       ปากน้อยๆ เบะออกเบาๆ พร้อมทั้งจับมือเกอคนพี่แกว่งไปมาอย่างออดอ้อน

       "หากท่านไปท่านก็จะได้ไปเจอสหายด้วยอย่างไรเล่า ไม่ได้เจอะเจอกันตั้งนานแล้วนี่นา"

       เหมือนเกอผู้น้องคนนี้จะรู้จุดอ่อนของเขาทั้งหมดไม่ว่าจะท่าทางหรือน้ำเสียง ล้วนออดอ้อนอย่างที่ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าปฏิเสธ ไม่สิเรียกว่า 'ห้ามปฏิเสธ'

       "จะไปอย่างไรขอท่านแม่แล้วหรือ"

       เสี่ยวจิ่วว่าพลางลุกลงจากเตียงแล้วไปทำธุระส่วนตัวที่หลังม่าน หยินฮ่าวอวี่ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยพร้อมกับบ่นออกมาเบาๆ ตัวก็ยืนพิงเสารอเสี่ยวจิ่วออกมาแล้วตนจะได้อ้อนต่อ

       "ท่านแม่กับท่านพ่อน่ะอย่าไปพูดถึงเลย ข้ายังไม่ทันจะอ้าปากพูดพวกท่านก็ตอบกลับมาว่าไม่แล้ว"

       "555 แล้วใครให้เจ้าซุกซนนักเล่า"

       เสี่ยวจิ่วว่าพลางหัวเราะเบาๆ เจ้าเด็กน้อยที่โดนดุก็ทำหน้างอนใส่ แก้มซาลาเปาทั้งสองพองออกมาอย่างเอาแต่ใจจนอดไม่ได้ยื่นมือไปบีบให้ช้ำเสียหนึ่งที

       "ถ้าพี่เสี่ยวจิ่วอยากไป ก็มาช่วยข้าขอท่านพ่อกับท่านแม่"

       "ข้าบอกตอนไหนกันว่าอยากไป"

       เสี่ยวจิ่วเดินมานั่งที่โต๊ะเครื่องแป้งให้สาวใช้ทั้งหลายช่วยแต่งตัวให้ ฝ่ายหยินฮ่าวอวี่เมื่อได้ยินดังนั้นก็ฟึดฟัดโวยวายออกมาเบาๆ แล้วจึงเดินมาก่อกวนไม่ให้เสี่ยวจิ่วได้แต่งตัว

       "เอ๊ะพี่เสี่ยวจิ่ว! นี่ท่านจะกลับคำพูดหรือไหนตอนแรกบอกจะไปกับข้าอย่างไรเล่า"

       "อะไรข้ายังไม่ได้พูดเสียหน่อย ใช่หรือไม่เสี่ยวถิง"

       เสี่ยวจิ่วก้มหน้าถามสาวใช้คนสนิท สาวใช้ตัวน้อยที่จู่ๆ ก็โดนลากมาเกี่ยวกับสงครามสองพี่น้องก็ทำเพียงส่งยิ้มแห้งๆ ให้กับหยินฮ่าวอวี่ แล้วก้มหน้าก้มตารีบแต่งตัวเสี่ยวจิ่วให้เสร็จก่อนจะรีบวิ่งหนีหายไป

       เจ้าเด็กแก้มอ้วนทำท่าไม่พอใจจนสองแก้มซาลาเปาพองหนักกว่าเก่า เสี่ยวจิ่วเห็นดังนั้นก็อดหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้ เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้วเสี่ยวจิ่วจึงพาเด็กดื้อไปทานอาหาร

     

      

       ณ ห้องอาหาร

      

       "พ่ายพ่ายเป็นอะไรหรือ เหตุใดหน้าจึงงอง้ำเช่นนั้น"

       ฮูหยินหยินเอ่ยถามลูกชายแสนรัก พลางยกมือขึ้นมาลูบแก้มซาลาเปาเป็นการปลอบโยน เจ้าเด็กดื้อได้ทีก็ทำเป็นงอแงออดอ้อนกอดฮูหยินหยิน พร้อมเล่าเรื่องที่ทำให้ตนหน้างอง้ำ

       "ก็พี่เสี่ยวจิ่วน่ะสิ รังแกข้า"

       "เอ๊ะเจ้าเสี่ยวไป๋ถู! ใครกันแน่ที่โดนรังแก ท่านแม่เป็นเจ้ากระต่ายดื้อตัวนี้กระโดดมานอนทับข้าจนกระดูกข้าจะแทบหัก"

       เสี่ยวจิ่วร้องโวยเมื่อถูกใส่ร้ายแล้วโพล่งข้อเท็จจริงออกไปให้ฮูหยินหยินได้ฟัง หยินฮ่าวอวี่เมื่อได้ยินดังนั้นก็บอกปัดอย่างรวดเร็วแล้วกลับมาออดอ้อนฮูหยินหยินต่อ เสี่ยวจิ่วจึงทำได้แค่ส่งสายตาเชือดเฉือนไปให้

       ทั้งประมุขหยินและฮูหยินหยินต่างมองภาพเกอน้อยสองคนทะเลาะกันราวเด็กสามขวบอย่างนึกเอ็นดู มือนวลเนียนของฮูหยินยกขึ้นลูบหัวหยินฮ่าวอวี่ที่เข้ามาอ้อนอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเอ่ยดุไปครั้งหนึ่ง

       "เจ้าน่ะเลิกซุกซนได้แล้วนะ ไม่ใช่เด็กๆ แล้วไปหัดเรียนรู้วิชาเสียบ้างอย่าเอาแต่หนีไปเที่ยวเล่น"

       เมื่อได้ยินเรื่องเรียนวิชาศาสตร์ต่างๆ เข้า หยินฮ่าวอวี่ก็รีบเด้งตัวออกมานั่งอย่างสงบเงียบ ส่งสายตาขอร้องให้เสี่ยวจิ่วช่วยเปลี่ยนหัวข้อสนทนาให้

       เสี่ยวจิ่วลอบยิ้มขำ ก่อนจะทำหน้าเป็นไม่รู้ไม่ชี้หยิบถ้วยชาตรงหน้าขึ้นมาดื่มอย่างคนไม่ใคร่สนใจ เจ้าเด็กดื้อหยินฮ่าวอวี่ก็ได้แต่คาดโทษเสี่ยวจิ่วอยู่ในใจและคิดหาทางเปลี่ยนหัวข้อสนทนา แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว

       "นั่นสินะ ไว้พ่อจะหาอาจารย์ที่ทั้งดุทั้งเก่งกาจมาให้เจ้าอีกสักคนแล้วกัน"

       ประมุขหยินพูดออกมาพลางจิบชาในมือ ฝ่ายหยินฮ่าวอวี่เมื่อได้ยินดังนั้นก็โอดครวญออกมาเอ่ยบอกท่านประมุขให้โปรดเมตตาตนเองด้วย

       เสี่ยวจิ่วลอบยิ้มขำอีกครั้งก่อนจะได้เปิดศึกกับหยินฮ่าวอวี่ต่อ อาหารทั้งหลายก็ถูกนำมาจัดวางจนเต็มโต๊ะเสียแล้วท่านประมุขของบ้านจึงเริ่มตักอาหารมารับประทาน เพื่อที่จะให้เจ้ากระต่ายขาวอ้วนได้ทานเสียที

       เมื่อเห็นท่านประมุขของบ้านตักอาหารแล้ว หยินฮ่าวอวี่ก็ไม่รอช้ารีบตักอาหารมาทานเพื่อเบี่ยงประเด็นทันที สองแก้มซาลาเปาพองขึ้นเล็กน้อยเพราะอาหารแสนอร่อยอัดแน่นปากเล็กๆ 

       ช่างน่าเอ็นดู จนอดไม่ได้ให้เสี่ยวจิ่วเอื้อมมือไปบีบอีกครา หยินฮ่าวอวี่เมื่อรู้สึกว่าแก้มซาลาเปาของตนโดนรังแกมากเกินไปจึงโวยวายขึ้น ซึ่งนั่นก็เรียกรอยยิ้มน้อยๆ ของประมุขหยิน และฮูหยินหยินที่มองมาได้เป็นอย่างดี

       เมื่อการทานอาหารมื้อเช้าจบลง ทั้งสองพี่น้องจึงพากันไปนั่งที่ศาลาริมสระบัวรับลมชมวิวและทานขนมกันอย่างเพลิดเพลิน ทางฝ่ายหยินฮ่าวอวี่ก็พาเสี่ยวถิงและสาวใช้คนอื่นๆ ไปเก็บดอกเหลียนฮวา*ที่สระใกล้ๆ อย่างสนุกสนาน

       ส่วนเสี่ยวจิ่วก็นั่งปักผ้าอยู่บนศาลาริมน้ำและมองน้องชายของตนเป็นระยะ เผื่อว่าเกิดเหตุไม่คาดฝันตนจะได้ช่วยได้ทันกาล ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งเค่อ*ทั้งโต๊ะก็เต็มไปด้วยดอกเหลียนฮวาสีชมพูอ่อน ไม่ว่าจะตรงไหนก็มีแต่ดอกเหลียนฮวาเต็มไปหมด

       หยินฮ่าวอวี่ยกยิ้มหวานทีหนึ่งแล้วเรียกเสี่ยวจิ่วที่กำลังขะมักเขม้นในการปักผ้าให้เงยหน้าดู รอยยิ้มสวยถูกส่งไปให้ก่อนจะได้พูดอะไรก็มีสาวใช้เข้ามาแจ้งการขอเข้าพบของสหายหยินฮ่าวอวี่เสียแล้ว

       "คุณหนูเจ้าคะ คุณชายปาอีและคุณชายจางเจียหยวนมาขอพบเจ้าค่ะ"

       "ปาอีกับเจียหยวนมางั้นรึ ไปๆ รีบไปตามเข้ามา เอาขนมมาด้วยนะ"

       บอกสั่งนางกำนัลเสร็จแล้วก็หันมาลูบคลำดอกเหลียนฮวาสีชมพูงดงามของตนต่อ ไม่นานก็มีคุณชายท่าทางสง่างามสองคนเดินเข้ามาหาทั้งสอง

       ผู้ใหม่กล่าวทักทายอย่างเป็นมิตรเสี่ยวจิ่วยกยิ้มตอบเอ่ยให้ทำตัวตามสบาย พร้อมเชิญผู้มาใหม่ทั้งสองนั่งลงสนทนากัน ผู้มาใหม่ทั้งสองจึงเดินเข้ามานั่งลงตรงข้ามเสี่ยวจิ่วและหยินฮ่าวอวี่

       "ปาอี เจียหยวนเป็นอย่างไรบ้าง"

       เสียงนุ่มนวลกล่าวถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ

       "ก็สบายดีมิได้มีปัญหาอะไรมากส่วนเจียหยวน เห็นว่าโดนผู้คนรุมล้อมทั้งหน้าและหลังเพื่อแย่งตัวไปเล่นดนตรี วุ่นวายเป็นที่สุด"

       ปาอีพูดพร้อมยกพัดหยกเล่มงามขึ้นมาปิดปากหัวเราะเบาๆ จางเจียหยวนเมื่อนึกถึงเรื่องที่ตนโดนล้อมหน้าล้อมหลังเมื่อออกจากจวน ไหนจะเทียบเชิญมากมายที่กองอยู่ในห้องหนังสือและห้องนอนของตนอีก

       "เฮ้อ คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจหนักๆ เพราะท่านแท้ๆ เลยพี่ชิงเฉิน"

       เสี่ยวจิ่วได้แต่หัวเราะแห้งๆ ส่งไปให้จางเจียหยวน เป็นเพราะครั้งนั้นพวกเขาสองพี่น้องได้หนีออกจากจวนไปเที่ยวเล่นที่ตลาดและได้หลงทาง ทั้งคู่เดินไปจนถึงโรงน้ำชาแห่งหนึ่งก่อนจะเข้าไปนั่งพักผ่อน

       ในตอนนั้นเองเถ้าแก่โรงน้ำชาที่กำลังหัวเสียเรื่องนักดนตรีที่รับเงินค่าจ้างไปแล้วแต่ก็หายหัว ด้วยความที่เขาสงสารเถ้าแก่เจ้าของโรงน้ำชาเสี่ยวจิ่วจึงอาสาจะเล่นดนตรีให้โดยไม่คิดค่าจ้าง

       เถ้าแก่ยังคงลังเลอยู่สักครู่แต่แล้วก็ตอบตกลงเพราะหยินฮ่าวอวี่เจ้าเด็กแสบช่วยขายเขาอีกแรง ในตอนนั้นเขายังไม่ได้ศึกษาในศาสตร์ด้านนี้มากเท่าไหร่นัก ส่วนมากจะฝึกฝนเองจากความชอบส่วนตัว

       เสี่ยวจิ่วจึงตัดสินใจหยิบผีผามาเล่นแม้จะเป็นเครื่องดนตรีที่นิยมให้อิสตรีเล่น แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากเท่าไหร่นักเพราะตัวเขาเองก็รูปร่างคล้ายอิสตรีนิดหน่อย(?) จึงสามารถนำมาเล่นได้โดยไม่ถูกสงสัย

       ทั้งนี้ด้วยเพราะกลัวจะถูกจับได้และเกิดอันตรายเขาจึงใส่ผ้าปิดบังใบหน้า ทั้งยังนั่งอยู่หลังม่านอีกเสี่ยวจิ่วเล่นดนตรีได้อย่างไพเราะจนผู้คน ที่เดินผ่านโรงน้ำชานั้นไม่วายต้องเดินเข้ามาร่วมฟังบทเพลงที่แสนไพเราะ

       เล่นไปเล่นมารู้ตัวอีกทีคนก็เต็มโรงน้ำชาเสียแล้ว หยินฮ่าวอวี่กลัวว่าท่านพ่อจะจับได้จึงรีบไปพาเสี่ยวจิ่วออกมาในคราแรกก็คิดจะจากไปแบบเงียบๆ แต่เถ้าแก่เจ้าของโรงน้ำชาดันวิ่งตามมาเพื่อที่จะถามชื่อเสียงเรียงนาม

       เนื่องด้วยตอนนั้นแอบออกมาเที่ยวอย่างลับๆ จึงไม่สะดวกที่จะบอกชื่อ แต่เถ้าแก่ก็คะยั้นคะยอพวกเขาทั้งสองเหลือเกิน หยินฮ่าวอวี่จึงโพล่งชื่อมั่วๆ ออกไปแล้วรีบเดินจากมา

       ใครจะไปคิดว่าชื่อที่โพล่งออกไปนั้นจะเป็นชื่อของ จางเจียหยวนนักดนตรีลึกลับที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในหมู่นักดนตรีด้วยกัน และมันจะยิ่งไม่เป็นเรื่องเลยหากว่าสามวันให้หลังเจียหยวนไม่ได้เปิดเผยตัวในฐานะนักดนตรีลึกลับคนนั้น

       ทั้งยังเชี่ยวชาญในการเล่นผีผาอีกด้วยจางเจียหยวนในตอนแรกก็งุนงงเล็กน้อยด้วยเพราะปิดบังตัวตนมานาน แต่เมื่อเปิดตัวมากลับโด่งดังรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร

       จางเจียหยวนมาที่จวนสกุลหยินเพื่อคุยโวให้หยินฮ่าวอวี่สหายรักของตนได้ฟัง ในตอนนั้นหยินฮ่าวอวี่ได้แต่เบ้ปากมองท้องฟ้าด้วยความหมั่นไส้ จึงหลุดปากพูดเรื่องราวในวันนั้นออกไปทั้งหมด

       ประมุขหยินผ่านมาได้ยินเข้าจึงสั่งลงโทษสองพี่น้อง โดยการกักบริเวณห้ามออกนอกเรือนนอนเป็นเวลาสามเดือน

          "เอาหน่าเจียหยวนเรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว มันก็ดีมิใช่หรือเจ้าจะได้มีเงินเยอะๆ อย่างไรเล่า"

    หยินฮ่าวอวี่พูดพร้อมเอื้อมมือไปหยิบขนมใส่ปาก สองแก้มพองกลายเป็นก้อนซาลาเปาอีกครั้งเพราะขนมหวานอัดกันอยู่เต็มปาก

       "แรกๆ มันก็ดีแต่หลังๆ มานี่สิ ข้าแทบต้องวิ่งเมื่อก้าวเท้าออกจากจวน บางวันข้าออกจากจวนไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่สิในจวนข้าตอนนี้ก็อาจไม่ปลอดภัย"

       จางเจียหยวนพูดพร้อมนำขนมตั้นเกา*ตรงหน้าเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนทั้งสองจะได้ต่อล้อต่อเถียงกันไปมากกว่านี้ ก็เป็นปาอีคนงามที่ได้เปลี่ยนบทสนทนาเป็นเรื่องอื่นแทน

       "คืนวันนี้มีงานเทศกาลโคมไฟด้วยนะเห็นว่าสวยกว่าปีที่แล้วมากนัก พี่ชิงเฉินกับพ่ายพ่ายจะไปหรือไม่"

       ปาอีคนงามได้เอ่ยปากถามขึ้นมา เพราะนี่ก็เลยวันครบกำหนดการลงโทษจากประมุขบ้านสกุลหยินมานานแล้ว

       "ต้องลองขอท่านแม่ดู ถ้าขอท่านพ่อนะอย่าหวังว่าจะได้ก้าวขาออกจากเรือนนอน"

       หยินฮ่าวอวี่พูดในสิ่งที่คิดออกมาแล้วจึงหยิบขนมตั้นเกาชิ้นสุดท้ายเข้าปาก พร้อมหันมาพูดกับเขาที่นั่งอยู่ข้างๆ

       "และพี่เสี่ยวจิ่วต้องช่วยข้าขอด้วย! ไม่เช่นนั้นอดไปเป็นแน่แท้!"

       เสี่ยวจิ่วส่ายหน้าเบาๆ ให้กับความดื้อรั้นเช่นนี้ของหยินฮ่าวอวี่ แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ในเมื่อจุดอ่อนทั้งหมดของเขาอีกฝ่ายนั้นรู้หมด รู้ดียิ่งกว่าตัวเขาเองเสียอีก

       ทั้งสี่คนนั่งสนทนากันอีกสักครู่ใหญ่ก่อนที่คุณชายทั้งสองจะลากลับและกล่าวว่าจะรออยู่ที่งานเทศกาล ทางฝ่ายเสี่ยวจิ่วและหยินฮ่าวอวี่เมื่อส่งสหายทั้งสองกลับไปแล้ว หยินฮ่าวอวี่ก็ไม่รอช้ารีบลากเกอผู้พี่มาหาฮูหยินหยินที่เรือนโดยทันที

       ระหว่างทางทั้งสองก็วางแผนการเกลี้ยกล่อมฮูหยินหยินอย่างเป็นขั้นเป็นตอน แต่เมื่อมาถึงที่เรือนของฮูหยินหยิน ก็ได้แต่ทอดถอนหายใจเพราะแผนที่วางมาระหว่างทางนั้นได้พังเละไม่เป็นท่า เนื่องด้วยประมุขสกุลหยินก็อยู่ที่นั่นด้วย

       "พวกเจ้าทั้งสองมาถึงที่นี่ มีอะไรหรือ"

       เสียงนุ่มทุ้มอ่อนโยนเอ่ยถามพลางจิบชาดอกเหมยที่วางอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับส่งสายตามองมาที่เด็กดื้อทั้งสองด้วยความสงสัย

       "คือข้า.. แบบว่า.."

       หยินฮ่าวอวี่เอ่ยขึ้นอย่างติดๆ ขัดๆ มือก็พยายามสะกิดเสี่ยวจิ่วให้ช่วยกันเอ่ยขอในสิ่งที่ปรารถนา

       เสี่ยวจิ่วเองก็ไม่รู้จะเริ่มพูดตรงที่ใดดี เพราะเรื่องที่แล้วที่ตนทำไว้ก็ยังคงเป็นเรื่องใหญ่อยู่เนืองๆ แต่เขาเองก็อยากจะออกไปเที่ยวชมงานเช่นกันจึงเอ่ยขอออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ เมื่อเสี่ยวจิ่วเอ่ยเปิดประเด็น หยินฮ่าวอวี่ก็รีบเสริมบทตามทันที

       จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้รับคำอนุญาตอยู่ดีแม้ฮูหยินหยินเองก็อยากจะอนุญาตเด็กน้อยทั้งสองแค่ไหน แต่เมื่อฟังเหตุและผลของท่านประมุขของจวนแล้ว ก็ทำได้แค่พยักหน้าเห็นด้วยกับประมุขจวนเท่านั้น

       เด็กดื้อทั้งสองเดินคอตกกลับมาที่เรือนนอนของตนเอง เว้นก็แต่หยินฮ่าวอวี่ที่จะชอบไปฝั่งตัวอยู่ที่เรือนนอนของเกอผู้พี่ เมื่อมาถึงเรือนนอนหยินฮ่าวอวี่ก็ทิ้งตัวลงที่นอนพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาทันที

       "เฮ้อ อดไปจนได้ ลาก่อนนะถังหูลู่*ของข้า"

       เสี่ยวจิ่วที่เดินตามเข้ามาทีหลังได้แต่ส่ายหน้าให้กับความเห็นแก่กินของเจ้าเสี่ยวไป๋ถูตัวแสบ ร่างนุ่มนิ่มเดินไปนั่งลงที่โต๊ะพลางรินน้ำชาชั้นดีจากทางใต้ขึ้นจิบแก้กระหาย

       "ข้ารู้แล้ว!!"

       จู่ๆ หยินฮ่าวอวี่ก็พูดโพล่งขึ้นมาเสียงดังจนเสี่ยวจิ่วตกใจแทบสำลักน้ำชา หยินฮ่าวอวี่รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหาเสี่ยวจิ่วที่โต๊ะวางน้ำชา สายตาสอดส่องไปมาเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครได้ยินบทสนทนานี้

       "เราแอบหนีออกจากจวนกันเถอะ"

       ครั้งนี้เสี่ยวจิ่วสำลักน้ำชาของจริง หยินฮ่าวอวี่รีบควานหาผ้าเช็ดหน้ามาให้เสี่ยวจิ่วเช็ด แล้วนั่งตาเป็นประกายรอคำตอบ

       "ครั้งที่แล้วยังไม่เข็ดใช่หรือไม่ สามเดือนมันน้อยไปใช่หรือพ่ายพ่าย"

       เสี่ยวจิ่วว่าพลางมองดุหยินฮ่าวอวี่แต่มีหรือที่เจ้าตัวแสบจะสนใจ ไม่สนใจพอว่าแต่นี่ยังกล้าหว่านล้อมเขาอีกครั้งนี้เขาไม่หลงกลหรอกนะ หยินฮ่าวอวี่ที่เกลี้ยกล่อมเสี่ยวจิ่วอยู่นานแต่ก็ไม่สำเร็จสักที จึงได้คิดจะใช้ไม้ตายสุดท้าย

     

       'พี่เสี่ยวจิ่วนะพี่เสี่ยวจิ่ว ข้าไม่เชื่อหรอกว่าไม้ตายสุดท้ายของข้าจะทำให้ท่านใจอ่อนไม่ได้!!'

     

       เมื่อคิดได้ดังนั้นหยินฮ่าวอวี่ก็ลุกพรวดขึ้นพร้อมกล่าวคำขู่สุดท้ายทิ้งไว้ แล้วจึงเดินกลับเรือนของตนเองไปด้วยความอารมณ์ดี

     

     

    - - - -

     

    เค่อ= 1 เค่อเท่ากับ 15 นาที (ใน 1 วันมี 100 เค่อ)

    ตั้นเกา= ขนมเค้ก

    ถังหูลู่= ผลไม้เคลือบน้ำตาล 

    ดอกเหลียนฮวา= ดอกบัว

     

    Writer : จะแก้แล้วแก้อีกจนกว่ามันจะดีที่สุดค่ะ ;-; ติชมไรท์ด้วยนะคะขอบคุณค่ะ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×