ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [exo] Leukemia man.♥ 『chanbaek ft. kaihun』

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 。 4 100%

    • อัปเดตล่าสุด 4 ส.ค. 59





    * ตรงดอกจัน ไว้เดี๋ยวจะมาขยายความตอนครบร้อยเปอร์นะคะ 

               รกเก๋งสีดำจอดพักรถที่ปั๊มน้ำมันหลังจากเครื่องยนต์ทำงานหนักแบบไม่ได้พักมานานกว่า 3 ชั่วโมง ลมหายใจอุ่นๆเข้าออกสม่ำเสมอ ริมฝีปากอมยิ้มเล็กน้อย เส้นผมบางๆพลิ้วไหวไปตามลมเย็นๆผ่านช่องปรับอากาศ ดวงตากลมรีหลับตาพริ้มอย่างไม่รู้ว่าถูกจ้องจากสายตาของอีกคนที่มองอยู่นานแล้ว

           ดวงตาของปาร์คชานยอลทอดสายตาไปยังคนที่กำลังหลับอยู่นานเท่าไหร่ก็ไม่สามารถทราบได้

    จับจ้องอยู่นาน..

    ใครจะคิดล่ะว่าจะได้มาเจอกันจริงๆ J

       มันไม่ใช่ความรักอ่อนด๋อยธรรมดาไก่กาที่พบรักกันทั้งๆที่ไม่ได้เห็นหน้า อ่า... คิดดูอีกทีก็คงจะไก่กาเหมือนทีใครเข้าว่า  นานกว่า2ปีที่เราคุยกันแบบพิมพ์ผ่านตัวอักษร อยากกอดเท่าไหร่ คิดถึงแค่ไหน ทำได้แค่พิมพ์แล้วต้องกลับมาแดดิ้นอยู่บนเตียงคนเดียว แต่วันนี้มันไม่ใช่แล้วไง บยอน แบคฮยอน นั่งอยู่ตรงนี้ จับต้องได้ กอดได้ ไม่ต้องมาอึดอัดนอนฟัดกับหมอนข้างอีกต่อไป

        แววตาที่เปรี่ยมไปด้วยความสุขวุบไหวอีกครั้ง อย่างที่ใครต่อใครบอก วันนี้มีความสุขให้เผื่อใจถึงพรุ่งนี้ด้วย ..

    ...เผื่อใจไว้

    ...ในวันพรุ่งนี้

    ...จะได้ไม่ต้องเสียใจมากไปกว่าเมื่อวาน

          มือใหญ่ค่อยๆปัดปอยผมของคนที่กำลังนอนอยู่ วินาทีที่สัมผัส ดวงตากลมรีก็ลืมตาขึ้นมาพอดี

    ...โลกหยุดหมุน

    ...ตาของปาร์คชานยอลเบิกกว้าง

    ...ส่งยิ้มโง่ๆออกไป

    ...ชักมืออกแทบไม่ทัน

     “อ้าว พี่ชานยอล..” คนตัวเล็กลืมตาขึ้นงัยเงีย ริมฝีปากขยับช้าๆ

    “พี่ทำเราตื่นเหรอ”

    “เปล่าหรอกคับ แบคตื่นเพราะหิวน่ะ ” แบคฮยอนยิ้มแห้งๆแล้วค่อยๆขยับตัวลุกขึ้น เปิดประตูรถยืนเต้นเร้าๆ เร่งอีกคนให้รีบลงมา จนชานยอลอมยิ้มน้อยๆอย่างเอ็นดูอีกคนไม่ได้

     ดูเหมือนจะคิดถูกนะ ..

    บยอน  แบคฮยอน คนร่าเริง สดใส กลับมาแล้ว J

                มือใหญ่กุมมือเล็กมาเลือกซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมัน เพราะมีเหตุผลว่าถ้าขืนแวะกินข้าว ไปถึงที่หมายค่ำแน่นอนและอาจจะไม่มีโรงแรมพักเลยตัดสินใจซื้อข้าวกล่องและขนมติดไม้ติดมือไปนิดหน่อยไว้กินระหว่างทางก็พอ

    “พี่ชานยอล  อย่าลืมเขียนจดหมายนะ” เสียงแหบๆของคนตัวเล็กที่กำลังเลือกซื้อขนมกรุบ กรอบอยู่นั้นดังขึ้น จนคนที่เลือกน้ำดื่มใกล้ๆหันมาถาม

    “จดหมายอะไรเหรอครับ?”

    “ก็จดหมายลาเจ้านายไง อย่าลืมนะ 55555555” พูดจบก็กลั้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

    “สมัยไหนแล้วเนี้ย โทรบอกก็ได้นะครับ” ชานยอลตอบด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีพลางหยิบน้ำดื่มใส่ตะกร้าที่ตัวเองถืออยู่พร้อมกับ คนตัวเล็กที่เอี้ยวตัวมาวางขนมกรุบกรอบทั้งหลายลงไปพร้อมๆกัน

    “กินขนมเยอะขนาดนี้ จะกินข้าวได้ไหมครับเนี่ย” คนตัวสูงถามพลางโยกหัวอีกคนเบาๆ

    “ถ้างั้นแบคไปเลือกข้าวด้วยก็ได้~” ว่าแล้วก็เดินดุ้กดิ้กๆไปทางตู้แช่แข็งข้าวกล่องซึ่งอยู่บริเวณหน้าร้านโดยไม่รออีกคนเลยสักนิด

         ชานยอลมองตามอีกคนก่อนจะเลือกหันหลังกดกาแฟแล้วค่อยตามไป หยิบแก้วขนาดกลางใส่น้ำแข็งเยอะๆ แล้วกดกาแฟผสมโอวัลตินผสมชาเย็นลงไปก่อนจะหันกลับมาเพื่อเดินไปเลือกข้าวกับอีกคน แต่ไม่พบวี่แวว..

    หัวใจกระตุกวูบ..

               ขายาวๆรีบจ้ำอ้าวมาที่ตู้แช่แข็งแต่ก็ไม่พบร่างเล็กที่กำลังตามหา

    หันซ้าย..

    หันขวา..

    มองดูรอบๆ..

    ไม่ตลกแล้วนะแบคฮยอน

                 รีบวิ่งออกจากร้านสะดวกซื้อพร้อมตะกร้าที่ถือติดมือมาโดยที่ยังไม่ได้จ่ายเงินแม้แต่บาทเดียว ผู้คนตอนแรกก็ยังไม่มากมายขวักไขว่เท่านี้ แต่ตอนนี้มาจากไหนเต็มไปหมด มองไปทางไหนก็ไม่เจอคนที่เขาตามหาสักที

    ร้อนใจ...

    เป็นห่วง..

                     สายตาตอนนี้สอดส่องตามซอกตึก เหงื่อแตกพลักๆทั้งๆที่อากาศก็ไม่น่าจะมีเหงื่อมากขนาดนั้น จิตใจว้าวุ่นกระวนกระวาย ถ้าหากหาไม่เจอจะทำยังไงดี  ? จะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต จะโทษตัวเองทุกวินาทีลมหายใจเข้าออก จะทำยังไงอีกดีให้สาสมกับที่ไม่รักษาของสำคัญในชีวิตทั้งของตัวเอง ของทุกคนที่รักคนที่เรารัก

                     เดินหาอยู่นานก็ยังไม่พบวี่แววของอีกคน ขาที่เคยแข็งแรงทรุดลงกับพื้นช้าๆ นั่งลงกับพื้นอย่างไม่อายสายตานับพันคู่ที่จับจ้องมองมา กว่าสิบหน้าทีที่เดินหาจนเกือบทั่วปั๊มแต่ก็ยังไม่มีแม้แต่เงา     

    ออกมาสักที.. นานแล้วนะ

                     “พ่อหนุ่ม มานั่งอะไรตรงนี้ล่ะ ฮะ”  เสียงของชายชราที่เดินผ่านมา เอ่ยทัก ปาร์คชานยอลคนที่กำลังนั่งสิ้นไร้ไม้ตอกในชีวิต

                      “คนหาย น่ะครับ”  น้ำเสียงสั่นเครือ พยายามกลั้นน้ำตาไว้ คิดว่ายังไงลุงแก่คนนี้ก็ไม่มีทางเจอ            แบคฮยอนแน่ๆ เลยไม่ได้ใส่ใจอะไร

                      แล้วคนนี้ล่ะ ใช่ไหม” คำพูดของคนวัยชราตรงหน้า ทำให้ชานยอลรีบเงยหน้าขึ้นมาด้วยความว่องไว  

                   คนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้านี้เป็นคนที่เขาตามหา ยืนยิ้มแฉ่ง ดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย ในมือยังถือตุ๊กตาเริงระบำตัวจ้อยที่กำลังยืนในท่า fifth position* บทเพลงของกล่องดนตรี มือเรียวของตุ๊กตา   กรีดกรายอย่างสง่า ใบหน้าจิ้มลิ้มปากนิดจมูกหน่อยดูเข้ากับชุดกระโปรงสีชมพูเซรามิคฟูฟ่องอย่างดี มองดูแล้วผู้ประดิษฐ์ขึ้นมาจะต้องมีฝีมือดีเป็นแน่

                    “หายไปไหนมา” น้ำเสียงนิ่งผิดปกติของชานยอลทำเอาคนที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าหุบยิ้มโดยพลัน หน้าซีดอย่างคนสำนึกผิด มือกำตุ๊กตาเริงระบำที่ถือมาแน่น

                     “นี่ พี่ชานยอล แบคอธิบายได้”

                     “...” เงียบไม่มีเสียงตอบรับจากอีกคนที่เพิ่งยืนขึ้นอย่างเต็มตัวเมื่อกี้ ทำเอาแบคฮยอนยิ่งหน้าเสีย

                     “ คืองี้ ลุงคนนี้ถือตุ๊กตาเริงระบำนี่ มาผ่านหน้าร้านไป แบคชอบมากเลยเดินออกมาตามลุง   แล้วบอกให้ลุงทำให้หน่อย แบคแค่คุยกับลุงเพลินมานิดนึง ทำไมพี่ชานต้องโกรธมากขนาดนี้ด้วยอะ ลุงทำแบบอันลิมิเต็ดที่ไม่ต้องจ่ายตังค์ให้แบคด้วยนะ นี่ๆ กดปุ่มนี้เป็นเสียงกล่องดนตรีแล้วผู้หญิงคนนี้ก็จะหมุน นี่ๆกดปุ่มนี้ใช้อัดเสียงเรา 30 วิ เปิดฟังได้เหมือนกัน เห็นไหมๆเจ๋งออก” คนตัวเล็กพยายามโชว์สรรพคุณของสิ่งที่ตัวเองถือมาให้อีกคนฟัง พลิกหน้าพลิกหลังโชว์สุดฤทธิ์ ประโยคที่พูดไปเมื่อกี้นับเป็นประโยคที่ยาวที่สุดของแบคฮยอนตั้งแต่ป่วย คนที่พูดประโยคนี้ขึ้นมาเองยังไม่เข้าใจสักนิดเลยว่า ตัวเองพูดไปได้ยังไง

                      “อ๋อ ครับ เสร็จแล้วนะ ขึ้นรถกัน” ชานยอลดึงมือคนตัวเล็กให้เดินตามตัวเองไปแต่ก็ถูกเสียงจากชายร้านสะดวกซื้ออีกฝั่งรั้งไว้สะก่อน

                       “คุณ คุณนี่เอง เจอตัวแล้ว คุณไม่ได้จ่ายเงินครับ จะให้ผมเรียกตำรวจไหม” ชานยอลสะดุ้งเฮือก รีบควักตังค์ในกระเป๋าให้คนที่มาทวงเงินทันทีพร้อมกล่าวขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่  ก่อนจะก้มเก็บของที่ล่วงลงพื้นกลับไปที่รถ

                         ความจริงแล้วก็ไม่ได้โกรธมากขนาดนั้นหรอก เป็นห่วงน่ะเข้าใจไหม  ความจริงถ้าบอกก่อนสักนิดก็จะไม่ได้โมโหมากมายเท่านี้ เป็นห่วงแทบตายแต่กลับมายืนยิ้มแฉ่งกับลุงแก่ๆที่ไหนก็ไม่รู้

                          พอมาถึงที่รถจนชานยอลขึ้นไปนั่งที่ประจำคนขับเรียบร้อยแล้วแต่แบคฮยอนกลับวิ่งไปหลังกระโปรงรถ บอกขอเวลา 30 วินาที

                          เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ของคนที่กำลังถือตุ๊กตาเริงระบำอยู่ไม่สามารถคลายความกังวลที่มีอยู่ในจิตใจของเขาได้เลย ในมือกำของไว้แน่น นี่เป็นการตัดสินใจที่ดีที่ควรทำไหมนะ ..

    เปล่งเสียงเป็นเพลงครั้งแรก..

    하늘의 별도 따다 주고 싶어

    บัม ฮานือรึย บยอลโด ตาดา ชูโก ชีพอ

    ผมอยากได้ดาวที่อยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืน

    바다를 보며 얘기하고 싶어

    ชอ บาดารึล โบมยอ แยกีฮาโก ชีพอ

    ผมอยากคุยกับคุณพร้อมสายตาที่จับจ้องไปที่ทะเล

    Always Always 곁에 있어줘

    Always Always แน กยอเท อิทซอจวอ

    อยู่เคียงข้างผมตลอดไปเลยนะ

    지금도 설레이니

    ชีกึมโด ซอลเลอีนีกา

    ตอนนี้ใจผมเริ่มเต้นรัวอีกแล้ว

    우리 사랑 설렘주의 오글 오글주

    อูรี ซารัง ซอลเลมชูอึย โอกึล โอกึลชูอึย

    ความรักของเราทำให้ใจผมเต้นตึกตักและสั่นระรัว

    느낌 아니까 Tonight~

    นือกิม อานีกา Tonight~

    คุณรู้ใช่ไหมว่าผมจะรู้สึกแบบนี้

    50%

     














    “เดี่ยวป๊าส่งกลับบ้านแล้วปิดบ้านให้เรียบร้อยนะ ป๊าจะออกไปทำงาน” เสียงชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้นมาเรียบๆภายในรถฟอร์ดหรูสีดำคันใหญ่ เซฮุนหันไปมองคนเป็นพ่อด้วยตาเรียบๆก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ

    “ครับ ม๊าไม่อยู่เหรอ”

    “อือ ม๊าแกออกไปลั๊นลากับเพื่อนๆสมัยเรียน คงไม่เข้าบ้าน” เซฮุนพยักหน้ารับรู้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่พ่อและแม่ทิ้งเขาให้นอนอยู่บ้านและตื่นเช้าไปโรงเรียนคนเดียว พ่อก็เป็นพวกบ้างานเป็นบ้าเป็นหลังบางวันหอบข้าวของไปนอนที่ออฟฟิศก็มี ส่วนแม่ก็สาวนักปาร์ตี้ออกจากบ้านไม่เว้นวัน ส่วนเซฮุนก็ต้องอยู่บ้านกับเจ้ามิรัลด้าเสปนเดอร์ สมัยที่1 กันหนึ่งคนกับหนึ่งตัว

                 มิรัลด้าเสปนเดอร์ สมัยที่ 1 เป็นแมวพันธ์มึนชกินแบบฉบับอ้วนเกินไปจนจะเปลี่ยนจากแมวเป็นหมอนได้อยู่แล้ว ตัวอ้วนและขาสั้น มีขนสีน้ำตาลเหลืองตรงหน้าท้องเป็นสีขาวปุยมีดวงตาตาสีดำ เซฮุนได้มันมาเมื่อตอนอายุ14จากการไปเที่ยวอเมริกากับครอบครัว เจ้ามิรัลด้าเสปนเดอร์สมัยที่1แอบอยู่ในลังกระดาษของพ่อจนต้องเอาติดรถกลับบ้านมาด้วย ความจริงแล้วมันชื่อว่าพลุตามความคิดของแม่ และจะชื่อว่า แมวเหลา ตามความคิดของพ่อ แต่ว่าชื่อนี้ได้มาจากจงอินเพื่อนสนิทคนพิเศษของเซฮุนเอง มันตั้งให้คล้องกับดาราสาวสวยนมตู้มคนโปรดของเซฮุน ตอนแรกก็ไม่ค่อยโอเคกับชื่อที่แสนจะย๊าวยาวแต่ตอนนี้ก็โอเค เว่อร์วังดี สามผ่าน ถึงยังไงชื่อนี้ก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของครอบครัวโอเซฮุนได้ แม่ยังเรียกเจ้า มิรัลด้าเสปนเดอร์ สมัยที่1ว่า พลุ และพ่อก็ยังเรียกมันว่า แมวเหลา    สามวันที่ผ่านมาก็มีแมวผอมกระหร่องสีดำตัวนึงหลงเข้ามาในบ้าน  เซฮุนตั้งชื่อมันว่ามิรัลด้า เสปนเดอร์ สมัยที่2 แต่มันมาอยู่ได้แค่สามวันแล้วก็ไป  แต่ก็ดีนะมาเพื่อให้รู้จักกับคนน่ารักเนี่ย อึ๋ย คิดแล้วก็เขิน

     

     

              เสียงสั่นโทรศัพท์ดังขึ้นมาจนเซฮุนต้องหันไปมองผู้เป็นพ่อที่กำลังขับรถอยู่ พ่อเชิงบอกเซฮุนให้เลื่อนกดรับสายให้หน่อยเพราะเขาเสียบหูฟังไว้แล้ว เซฮุนพยักหน้าก่อนจะกดเลื่อนรับสายให้คนที่กำลังขับรถอยู่ตอนนี้

    [ท่านครับ มีลูกค้ารายด่วนมาที่ออฟฟิศเรา บอกอยากเจอท่าน ถ้าท่านมาไม่ทันในครึ่งชั่วโมง เขาจะถอนหุ้นเราทั้งหมดครับ]

    “บอกให้เขารอก่อน อีกไม่ถึงสิบนาทีผมไปถึง” สิ้นคำพูดที่พูดตอบปลายสายเสร็จ รถฟอร์ดคันหรูก็จอดเทียบฟุตบาททันที

    “เซฮุนลงไปก่อนนะ อีกนิดเดียวก็จะถึงซอยเข้าบ้านแล้ว ป๊ารีบไปทำงาน รู้ใช่ไหม เดี๋ยวเย็นวันพรุ่งนี้ป๊าพาไปกินพิซซ่า โอเคนะครับ รักลูกนะ”  เซฮุนพยักหน้ารับก่อนจะลงรถไป หลังจากที่เซฮุนลงรถไปแล้ว รถฟอร์ดสีดำคันใหญ่ก็แล่นไปตามท้องถนนอย่างรวดเร็ว

     

             ท้องฟ้าไร้ดวงดาวและเมฆของเย็นวันนี้ช่างมืดครึ้มเกินกว่าเวลาหกโมงเย็นปกติของทุกวัน มีเพียงแค่เซฮุนคนเดียวที่ยืนอยู่บนฟุตบาทตอนนี้ แต่รถยังคงแล่นผ่านไปมา รถพวกนั้นพาลมหนาวมาด้วย ลมหนาวพัดผ่านตัวเซฮุนไปอยากไม่มีหยุดพัก มือใหญ่หยิบหูฟังออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะยัดไปที่หูของตัวเอง เสียงเพลงดังๆผ่านเข้าไปในโซตประสาท เพลงคงจะเป็นเพื่อนที่ดีแต่ก็คงไม่ใช่เวลานี้   ความรู้สึกต่างๆประดังเข้ามาอย่างไม่มีหยุดพัก จนสองมือต้องกอดอกตัวเอง ในวันที่ไม่มีใครต้องรู้จักกอดตัวเองให้เป็น ใช่ไหม ..

     

    เมื่อสีสันของซากุระแต้มลงบนท้องฟ้า

    ผมโดดเดี่ยว

    ยืนเงียบๆ

    ไม่สามารถบรรจุสิ่งที่อยู่ภายนอกเข้าภายในใจได้เลย

    เมื่อสีของใบไม้งอกขึ้นมาใหม่

    ความรู้สึกต่างๆก็รินไหลออกมา

    ผมทำทุกสิ่งทุกอย่างหายไป

    แล้วลอยไปกับคุณ

     

        บ้านสองชั้นสีขาวถูกล็อคประตูทั้งรั้วและประตูในตัวบ้านไว้แต่ข้างในกลับเปิดไฟสว่างทุกดวง เซฮุนถอนหายใจช้าๆ ก่อนจะดึงหัวฟังออกจากหูแล้วล้วงกุญแจบ้านในกระถางต้นไม้ที่วางไว้ใกล้ๆถังขยะมาเปิดประตูออก ก่อนจะได้รับการต้อนรับอย่างดีจาก เจ้ามิรัลด้า เสปนเดอร์ สมัยที่1 มาคลอเคลียระหว่างขาไปมา

                            “เป็นไงบ้างหือ ทำไมม๊าไม่ให้เข้าบ้านละ” เจ้าแมวตัวอ้วนขนปุยเผลอแป๊บเดียวก็ขึ้นมาอยู่ในอ้อมอกของคนที่เพิ่งเข้าบ้านมาทันที

           สายตาของเซฮุนก่อนที่จะเปิดประตูเข้าบ้านไปก็จับจ้องไปที่ห้องชั้นสองของบ้านสีฟ้าฝั่งตรงข้าม

    หน้าต่างปิด ..

    ไม่มีแสงไฟ ..

    เงียบกริบ ..

        เหมือนจะปกตินะแต่ก็ให้ความรู้สึกแปลกไป เซฮุนหันไปมองแต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไรมากมายนัก เพราะปกติก็มืดทั้งกลางวันและกลางคืนอยู่แล้ว ถ้าพรุ่งนี้มีเวลา ตอนเช้ามาบอกอรุณสวัสดิ์ก็คงจะดีไม่ใช่น้อย

     

    ครืดดดด~~

    เสียงสั่นจากโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงทำให้เซฮุนละความสนใจไปจากบ้านหลังตรงข้ามอย่างจำใจแล้วมาสนใจข้อความมือถือโง่ๆจากคนที่เพิ่งแยกจากกันเมื่อกี้

    เปล่าหรอก ไม่ใช่พ่อ

    แต่เป็นไอ้เหี้ยมุขเด็กอนุบาลต่างหาก

    Kimkaiklung

    27 oct. 2008

    นอนยังน้องสาว ไหวอะเปล่าเบเบ้

    เซฮุนหลุดขำพรืดออกมาหลังงจากได้อ่านข้อความของจงอินที่แอบเปลี่ยนชื่อในสมุดโทรศัพท์ของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

    (แบ๊วแสรส มีคิมคงคิมไคคลุง ตลกละ)

    Sehun

    นอนแล้ว

    แต่ด้วยความที่ต้องคีพลุคไงสังคมพิมพ์ตอบยาวๆมันไม่ใช่สไตล์เซฮุนคลุง เห้ย ไม่ใช่ ต้องไม่ใช่ไสตล์ของท่านชายโอเซสิ เซฮุนคลุงอะไร แบ๊วไปแล้วบางที

    Kimkaiklung

    กวนตีนฮัฟ

    (ใครกวนตีนกว่ากันแน่ไอ้ควาย)

    Sehun

    เออ

    Kimkaiklung

    คิดถึงจังครับ

    (คิดถึงบ้านป้ามึงพึ่งเจอกัน)

    Sehun

    เหรอ

    Kimkaiklung

    จะนอนยัง รบกวนเปล่า

    (ไม่ได้รบกวนเลย กูกำลังหงาวววและหว้าเหว่)

    Sehun

    ไม่นิ

    Kimkaiklun

    เคร งั้นกูไปนอนละนะ ฝันดี

    (เห้ยมึงอย่ารีบได้ไหมละบางที )

    Sehun

    เดี๋ยว

    Kimkaiklung

    มีอะไรให้ช่วยเหรอ มีอะไรไหม มีปัญหาอะไรรึเปล่า

    (เยอะละ กูแค่อยากหยุดเรียน ไอ้นี่เว่อร์)

    Sehun

    เปล่า พรุ่งนี้มีอะไรสำคัญที่กูต้องไปเรียนไหมวะ

    Kimkaiklung

    มี

    (อ่าว ไอ้นี่ตอบสั้น เป็นอะไรของมันวะ )

    Sehun

    มีไร

    Kimkaiklung

    ความคิดถึงของกูไง

    (….)


    ขอโทษที่มาช้าค่ะทุกคน อย่างอนโนะ /จูบตูดรัวๆ


    ___________________________________________________________

    *ท่า Fifth Position เป็นท่าพื้นฐานของบัลเล่ต์ทำได้โดยวิธีการ 

    ส้นเท้าขวาจรดปลายเท้าซ้าย พร้อมกับมือซ้ายยกสูงขึ้นเท้าระดับของมือขวา

    *วงเล็บสีเทาตอนจงอินคุยข้อความกับเซฮุนเป็นความคิดในหัวของเซฮุนนะคะ

    แต่ด้วยความคีพลุคเลยตอบไปแค่นั้นค่ะ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×