คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 。 4 100%
รกเก๋งสีดำจอดพักรถที่ปั๊มน้ำมันหลังจากเครื่องยนต์ทำงานหนักแบบไม่ได้พักมานานกว่า 3 ชั่วโมง ลมหายใจอุ่นๆเข้าออกสม่ำเสมอ ริมฝีปากอมยิ้มเล็กน้อย เส้นผมบางๆพลิ้วไหวไปตามลมเย็นๆผ่านช่องปรับอากาศ ดวงตากลมรีหลับตาพริ้มอย่างไม่รู้ว่าถูกจ้องจากสายตาของอีกคนที่มองอยู่นานแล้ว
ดวงตาของปาร์คชานยอลทอดสายตาไปยังคนที่กำลังหลับอยู่นานเท่าไหร่ก็ไม่สามารถทราบได้
จับจ้องอยู่นาน..
ใครจะคิดล่ะว่าจะได้มาเจอกันจริงๆ J
มันไม่ใช่ความรักอ่อนด๋อยธรรมดาไก่กาที่พบรักกันทั้งๆที่ไม่ได้เห็นหน้า
อ่า... คิดดูอีกทีก็คงจะไก่กาเหมือนทีใครเข้าว่า
นานกว่า2ปีที่เราคุยกันแบบพิมพ์ผ่านตัวอักษร อยากกอดเท่าไหร่ คิดถึงแค่ไหน
ทำได้แค่พิมพ์แล้วต้องกลับมาแดดิ้นอยู่บนเตียงคนเดียว แต่วันนี้มันไม่ใช่แล้วไง
บยอน แบคฮยอน นั่งอยู่ตรงนี้ จับต้องได้ กอดได้
ไม่ต้องมาอึดอัดนอนฟัดกับหมอนข้างอีกต่อไป
แววตาที่เปรี่ยมไปด้วยความสุขวุบไหวอีกครั้ง อย่างที่ใครต่อใครบอก
วันนี้มีความสุขให้เผื่อใจถึงพรุ่งนี้ด้วย ..
...เผื่อใจไว้
...ในวันพรุ่งนี้
...จะได้ไม่ต้องเสียใจมากไปกว่าเมื่อวาน
มือใหญ่ค่อยๆปัดปอยผมของคนที่กำลังนอนอยู่ วินาทีที่สัมผัส
ดวงตากลมรีก็ลืมตาขึ้นมาพอดี
...โลกหยุดหมุน
...ตาของปาร์คชานยอลเบิกกว้าง
...ส่งยิ้มโง่ๆออกไป
...ชักมืออกแทบไม่ทัน
“อ้าว พี่ชานยอล..” คนตัวเล็กลืมตาขึ้นงัยเงีย
ริมฝีปากขยับช้าๆ
“พี่ทำเราตื่นเหรอ”
“เปล่าหรอกคับ แบคตื่นเพราะหิวน่ะ ” แบคฮยอนยิ้มแห้งๆแล้วค่อยๆขยับตัวลุกขึ้น
เปิดประตูรถยืนเต้นเร้าๆ เร่งอีกคนให้รีบลงมา จนชานยอลอมยิ้มน้อยๆอย่างเอ็นดูอีกคนไม่ได้
ดูเหมือนจะคิดถูกนะ ..
บยอน
แบคฮยอน คนร่าเริง สดใส กลับมาแล้ว J
มือใหญ่กุมมือเล็กมาเลือกซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมัน
เพราะมีเหตุผลว่าถ้าขืนแวะกินข้าว
ไปถึงที่หมายค่ำแน่นอนและอาจจะไม่มีโรงแรมพักเลยตัดสินใจซื้อข้าวกล่องและขนมติดไม้ติดมือไปนิดหน่อยไว้กินระหว่างทางก็พอ
“พี่ชานยอล อย่าลืมเขียนจดหมายนะ” เสียงแหบๆของคนตัวเล็กที่กำลังเลือกซื้อขนมกรุบ
กรอบอยู่นั้นดังขึ้น จนคนที่เลือกน้ำดื่มใกล้ๆหันมาถาม
“จดหมายอะไรเหรอครับ?”
“ก็จดหมายลาเจ้านายไง อย่าลืมนะ
55555555” พูดจบก็กลั้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“สมัยไหนแล้วเนี้ย โทรบอกก็ได้นะครับ”
ชานยอลตอบด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีพลางหยิบน้ำดื่มใส่ตะกร้าที่ตัวเองถืออยู่พร้อมกับ
คนตัวเล็กที่เอี้ยวตัวมาวางขนมกรุบกรอบทั้งหลายลงไปพร้อมๆกัน
“กินขนมเยอะขนาดนี้
จะกินข้าวได้ไหมครับเนี่ย” คนตัวสูงถามพลางโยกหัวอีกคนเบาๆ
“ถ้างั้นแบคไปเลือกข้าวด้วยก็ได้~”
ว่าแล้วก็เดินดุ้กดิ้กๆไปทางตู้แช่แข็งข้าวกล่องซึ่งอยู่บริเวณหน้าร้านโดยไม่รออีกคนเลยสักนิด
ชานยอลมองตามอีกคนก่อนจะเลือกหันหลังกดกาแฟแล้วค่อยตามไป หยิบแก้วขนาดกลางใส่น้ำแข็งเยอะๆ แล้วกดกาแฟผสมโอวัลตินผสมชาเย็นลงไปก่อนจะหันกลับมาเพื่อเดินไปเลือกข้าวกับอีกคน แต่ไม่พบวี่แวว..
หัวใจกระตุกวูบ..
ขายาวๆรีบจ้ำอ้าวมาที่ตู้แช่แข็งแต่ก็ไม่พบร่างเล็กที่กำลังตามหา
หันซ้าย..
หันขวา..
มองดูรอบๆ..
ไม่ตลกแล้วนะแบคฮยอน
รีบวิ่งออกจากร้านสะดวกซื้อพร้อมตะกร้าที่ถือติดมือมาโดยที่ยังไม่ได้จ่ายเงินแม้แต่บาทเดียว
ผู้คนตอนแรกก็ยังไม่มากมายขวักไขว่เท่านี้ แต่ตอนนี้มาจากไหนเต็มไปหมด
มองไปทางไหนก็ไม่เจอคนที่เขาตามหาสักที
ร้อนใจ...
เป็นห่วง..
สายตาตอนนี้สอดส่องตามซอกตึก
เหงื่อแตกพลักๆทั้งๆที่อากาศก็ไม่น่าจะมีเหงื่อมากขนาดนั้น
จิตใจว้าวุ่นกระวนกระวาย ถ้าหากหาไม่เจอจะทำยังไงดี ? จะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต
จะโทษตัวเองทุกวินาทีลมหายใจเข้าออก
จะทำยังไงอีกดีให้สาสมกับที่ไม่รักษาของสำคัญในชีวิตทั้งของตัวเอง ของทุกคนที่รักคนที่เรารัก
เดินหาอยู่นานก็ยังไม่พบวี่แววของอีกคน ขาที่เคยแข็งแรงทรุดลงกับพื้นช้าๆ
นั่งลงกับพื้นอย่างไม่อายสายตานับพันคู่ที่จับจ้องมองมา
กว่าสิบหน้าทีที่เดินหาจนเกือบทั่วปั๊มแต่ก็ยังไม่มีแม้แต่เงา
ออกมาสักที.. นานแล้วนะ
“พ่อหนุ่ม มานั่งอะไรตรงนี้ล่ะ
ฮะ” เสียงของชายชราที่เดินผ่านมา
เอ่ยทัก ปาร์คชานยอลคนที่กำลังนั่งสิ้นไร้ไม้ตอกในชีวิต
“คนหาย น่ะครับ” น้ำเสียงสั่นเครือ พยายามกลั้นน้ำตาไว้
คิดว่ายังไงลุงแก่คนนี้ก็ไม่มีทางเจอ แบคฮยอนแน่ๆ เลยไม่ได้ใส่ใจอะไร
“แล้วคนนี้ล่ะ ใช่ไหม” คำพูดของคนวัยชราตรงหน้า
ทำให้ชานยอลรีบเงยหน้าขึ้นมาด้วยความว่องไว
คนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้านี้เป็นคนที่เขาตามหา
ยืนยิ้มแฉ่ง ดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย ในมือยังถือตุ๊กตาเริงระบำตัวจ้อยที่กำลังยืนในท่า
fifth position* บทเพลงของกล่องดนตรี มือเรียวของตุ๊กตา กรีดกรายอย่างสง่า ใบหน้าจิ้มลิ้มปากนิดจมูกหน่อยดูเข้ากับชุดกระโปรงสีชมพูเซรามิคฟูฟ่องอย่างดี
มองดูแล้วผู้ประดิษฐ์ขึ้นมาจะต้องมีฝีมือดีเป็นแน่
“หายไปไหนมา”
น้ำเสียงนิ่งผิดปกติของชานยอลทำเอาคนที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าหุบยิ้มโดยพลัน
หน้าซีดอย่างคนสำนึกผิด มือกำตุ๊กตาเริงระบำที่ถือมาแน่น
“นี่ พี่ชานยอล แบคอธิบายได้”
“...”
เงียบไม่มีเสียงตอบรับจากอีกคนที่เพิ่งยืนขึ้นอย่างเต็มตัวเมื่อกี้ ทำเอาแบคฮยอนยิ่งหน้าเสีย
“ คืองี้
ลุงคนนี้ถือตุ๊กตาเริงระบำนี่ มาผ่านหน้าร้านไป แบคชอบมากเลยเดินออกมาตามลุง แล้วบอกให้ลุงทำให้หน่อย
แบคแค่คุยกับลุงเพลินมานิดนึง ทำไมพี่ชานต้องโกรธมากขนาดนี้ด้วยอะ
ลุงทำแบบอันลิมิเต็ดที่ไม่ต้องจ่ายตังค์ให้แบคด้วยนะ นี่ๆ
กดปุ่มนี้เป็นเสียงกล่องดนตรีแล้วผู้หญิงคนนี้ก็จะหมุน
นี่ๆกดปุ่มนี้ใช้อัดเสียงเรา 30 วิ เปิดฟังได้เหมือนกัน เห็นไหมๆเจ๋งออก”
คนตัวเล็กพยายามโชว์สรรพคุณของสิ่งที่ตัวเองถือมาให้อีกคนฟัง
พลิกหน้าพลิกหลังโชว์สุดฤทธิ์
ประโยคที่พูดไปเมื่อกี้นับเป็นประโยคที่ยาวที่สุดของแบคฮยอนตั้งแต่ป่วย คนที่พูดประโยคนี้ขึ้นมาเองยังไม่เข้าใจสักนิดเลยว่า ตัวเองพูดไปได้ยังไง
“อ๋อ ครับ เสร็จแล้วนะ
ขึ้นรถกัน”
ชานยอลดึงมือคนตัวเล็กให้เดินตามตัวเองไปแต่ก็ถูกเสียงจากชายร้านสะดวกซื้ออีกฝั่งรั้งไว้สะก่อน
“คุณ คุณนี่เอง เจอตัวแล้ว
คุณไม่ได้จ่ายเงินครับ จะให้ผมเรียกตำรวจไหม” ชานยอลสะดุ้งเฮือก
รีบควักตังค์ในกระเป๋าให้คนที่มาทวงเงินทันทีพร้อมกล่าวขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ ก่อนจะก้มเก็บของที่ล่วงลงพื้นกลับไปที่รถ
ความจริงแล้วก็ไม่ได้โกรธมากขนาดนั้นหรอก เป็นห่วงน่ะเข้าใจไหม ความจริงถ้าบอกก่อนสักนิดก็จะไม่ได้โมโหมากมายเท่านี้
เป็นห่วงแทบตายแต่กลับมายืนยิ้มแฉ่งกับลุงแก่ๆที่ไหนก็ไม่รู้
พอมาถึงที่รถจนชานยอลขึ้นไปนั่งที่ประจำคนขับเรียบร้อยแล้วแต่แบคฮยอนกลับวิ่งไปหลังกระโปรงรถ
บอกขอเวลา 30 วินาที
เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่
ของคนที่กำลังถือตุ๊กตาเริงระบำอยู่ไม่สามารถคลายความกังวลที่มีอยู่ในจิตใจของเขาได้เลย
ในมือกำของไว้แน่น นี่เป็นการตัดสินใจที่ดีที่ควรทำไหมนะ ..
เปล่งเสียงเป็นเพลงครั้งแรก..
밤 하늘의 별도 따다 주고 싶어
บัม ฮานือรึย บยอลโด ตาดา ชูโก ชีพอ
ผมอยากได้ดาวที่อยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืน
저 바다를 보며 얘기하고 싶어
ชอ บาดารึล โบมยอ แยกีฮาโก ชีพอ
ผมอยากคุยกับคุณพร้อมสายตาที่จับจ้องไปที่ทะเล
Always Always 내 곁에 있어줘
Always Always แน กยอเท อิทซอจวอ
อยู่เคียงข้างผมตลอดไปเลยนะ
지금도 설레이니까
ชีกึมโด ซอลเลอีนีกา
ตอนนี้ใจผมเริ่มเต้นรัวอีกแล้ว
우리 사랑 설렘주의 오글 오글주
อูรี ซารัง ซอลเลมชูอึย โอกึล โอกึลชูอึย
ความรักของเราทำให้ใจผมเต้นตึกตักและสั่นระรัว
의 느낌 아니까 Tonight~
นือกิม อานีกา Tonight~
คุณรู้ใช่ไหมว่าผมจะรู้สึกแบบนี้
50%
“เดี่ยวป๊าส่งกลับบ้านแล้วปิดบ้านให้เรียบร้อยนะ
ป๊าจะออกไปทำงาน” เสียงชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้นมาเรียบๆภายในรถฟอร์ดหรูสีดำคันใหญ่
เซฮุนหันไปมองคนเป็นพ่อด้วยตาเรียบๆก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ
“ครับ ม๊าไม่อยู่เหรอ”
“อือ ม๊าแกออกไปลั๊นลากับเพื่อนๆสมัยเรียน
คงไม่เข้าบ้าน” เซฮุนพยักหน้ารับรู้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่พ่อและแม่ทิ้ งเขาให้นอนอยู่บ้านและตื่นเช้าไปโรงเรียนคนเดียว
พ่อก็เป็นพวกบ้างานเป็นบ้าเป็นหลังบางวันหอบข้าวของไปนอนที่ออฟฟิศก็มี ส่วนแม่ก็สาวนักปาร์ตี้ออกจากบ้านไม่เว้นวัน
ส่วนเซฮุนก็ต้องอยู่บ้านกับเจ้ามิรัลด้าเสปนเดอร์ สมัยที่1 กันหนึ่งคนกับหนึ่งตัว
มิรัลด้าเสปนเดอร์ สมัยที่ 1 เป็นแมวพันธ์มึนชกินแบบฉบับอ้วนเกินไปจนจะเปลี่ยนจากแมวเป็นหมอนได้อยู่แล้ว
ตัวอ้วนและขาสั้น มีขนสีน้ำตาลเหลืองตรงหน้าท้องเป็นสีขาวปุยมีดวงตาตาสีดำ เซฮุนได้มันมาเมื่อตอนอายุ14จากการไปเที่ยวอเมริกากับครอบครัว เจ้ามิรัลด้าเสปนเดอร์สมัยที่1แอบอยู่ในลังกระดาษของพ่อจนต้องเอาติดรถกลับบ้านมาด้วย
ความจริงแล้วมันชื่อว่าพลุตามความคิดของแม่ และจะชื่อว่า แมวเหลา ตามความคิดของพ่อ
แต่ว่าชื่อนี้ได้มาจากจงอินเพื่อนสนิทคนพิเศษของเซฮุนเอง
มันตั้งให้คล้องกับดาราสาวสวยนมตู้มคนโปรดของเซฮุน
ตอนแรกก็ไม่ค่อยโอเคกับชื่อที่แสนจะย๊าวยาวแต่ตอนนี้ก็โอเค เว่อร์วังดี สามผ่าน
ถึงยังไงชื่อนี้ก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของครอบครัวโอเซฮุนได้ แม่ยังเรียกเจ้า
มิรัลด้าเสปนเดอร์ สมัยที่1ว่า พลุ และพ่อก็ยังเรียกมันว่า
แมวเหลา สามวันที่ผ่านมาก็มีแมวผอมกระหร่องสีดำตัวนึงหลงเข้ามาในบ้าน เซฮุนตั้งชื่อมันว่ามิรัลด้า เสปนเดอร์ สมัยที่2
แต่มันมาอยู่ได้แค่สามวันแล้วก็ไป
แต่ก็ดีนะมาเพื่อให้รู้จักกับคนน่ารักเนี่ย อึ๋ย คิดแล้วก็เขิน
เสียงสั่นโทรศัพท์ดังขึ้นมาจนเซฮุนต้องหันไปมองผู้เป็นพ่อที่กำลังขับรถอยู่
พ่อเชิงบอกเซฮุนให้เลื่อนกดรับสายให้หน่อยเพราะเขาเสียบหูฟังไว้แล้ว เซฮุนพยักหน้าก่อนจะกดเลื่อนรับสายให้คนที่กำลังขับรถอยู่ตอนนี้
[ท่านครับ
มีลูกค้ารายด่วนมาที่ออฟฟิศเรา บอกอยากเจอท่าน ถ้าท่านมาไม่ทันในครึ่งชั่วโมง
เขาจะถอนหุ้นเราทั้งหมดครับ]
“บอกให้เขารอก่อน
อีกไม่ถึงสิบนาทีผมไปถึง” สิ้นคำพูดที่พูดตอบปลายสายเสร็จ
รถฟอร์ดคันหรูก็จอดเทียบฟุตบาททันที
“เซฮุนลงไปก่อนนะ
อีกนิดเดียวก็จะถึงซอยเข้าบ้านแล้ว ป๊ารีบไปทำงาน รู้ใช่ไหม
เดี๋ยวเย็นวันพรุ่งนี้ป๊าพาไปกินพิซซ่า โอเคนะครับ รักลูกนะ” เซฮุนพยักหน้ารับก่อนจะลงรถไป
หลังจากที่เซฮุนลงรถไปแล้ว รถฟอร์ดสีดำคันใหญ่ก็แล่นไปตามท้องถนนอย่างรวดเร็ว
ท้องฟ้าไร้ดวงดาวและเมฆของเย็นวันนี้ช่างมืดครึ้มเกินกว่าเวลาหกโมงเย็นปกติของทุกวัน
มีเพียงแค่เซฮุนคนเดียวที่ยืนอยู่บนฟุตบาทตอนนี้ แต่รถยังคงแล่นผ่านไปมา
รถพวกนั้นพาลมหนาวมาด้วย ลมหนาวพัดผ่านตัวเซฮุนไปอยากไม่มีหยุดพัก
มือใหญ่หยิบหูฟังออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะยัดไปที่หูของตัวเอง เสียงเพลงดังๆผ่านเข้าไปในโซตประสาท
เพลงคงจะเป็นเพื่อนที่ดีแต่ก็คงไม่ใช่เวลานี้
ความรู้สึกต่างๆประดังเข้ามาอย่างไม่มีหยุดพัก
จนสองมือต้องกอดอกตัวเอง ในวันที่ไม่มีใครต้องรู้จักกอดตัวเองให้เป็น ใช่ไหม ..
เมื่อสีสันของซากุระแต้มลงบนท้องฟ้า
ผมโดดเดี่ยว
ยืนเงียบๆ
ไม่สามารถบรรจุสิ่งที่อยู่ภายนอกเข้าภายในใจได้เลย
เมื่อสีของใบไม้งอกขึ้นมาใหม่
ความรู้สึกต่างๆก็รินไหลออกมา
ผมทำทุกสิ่งทุกอย่างหายไป
แล้วลอยไปกับคุณ
บ้านสองชั้นสีขาวถูกล็อคประตูทั้งรั้วและประตูในตัวบ้านไว้แต่ข้างในกลับเปิดไฟสว่างทุกดวง
เซฮุนถอนหายใจช้าๆ
ก่อนจะดึงหัวฟังออกจากหูแล้วล้วงกุญแจบ้านในกระถางต้นไม้ที่วางไว้ใกล้ๆถังขยะมาเปิดประตูออก
ก่อนจะได้รับการต้อนรับอย่างดีจาก เจ้ามิรัลด้า เสปนเดอร์ สมัยที่1 มาคลอเคลียระหว่างขาไปมา
“เป็นไงบ้างหือ ทำไมม๊าไม่ให้เข้าบ้านละ”
เจ้าแมวตัวอ้วนขนปุยเผลอแป๊บเดียวก็ขึ้นมาอยู่ในอ้อมอกของคนที่เพิ่งเข้าบ้านมาทันที
สายตาของเซฮุนก่อนที่จะเปิดประตูเข้าบ้านไปก็จับจ้องไปที่ห้องชั้นสองของบ้านสีฟ้าฝั่งตรงข้าม
หน้าต่างปิด ..
ไม่มีแสงไฟ ..
เงียบกริบ ..
เหมือนจะปกตินะแต่ก็ให้ความรู้สึกแปลกไป เซฮุนหันไปมองแต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไรมากมายนัก
เพราะปกติก็มืดทั้งกลางวันและกลางคืนอยู่แล้ว ถ้าพรุ่งนี้มีเวลา ตอนเช้ามาบอกอรุณสวัสดิ์ก็คงจะดีไม่ใช่น้อย
ครืดดดด~~
เสียงสั่นจากโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงทำให้เซฮุนละความสนใจไปจากบ้านหลังตรงข้ามอย่างจำใจแล้วมาสนใจข้อความมือถือโง่ๆจากคนที่เพิ่งแยกจากกันเมื่อกี้
เปล่าหรอก ไม่ใช่พ่อ
แต่เป็นไอ้เหี้ยมุขเด็กอนุบาลต่างหาก
Kimkaiklung
27 oct. 2008
นอนยังน้องสาว ไหวอะเปล่าเบเบ้
เซฮุนหลุดขำพรืดออกมาหลังงจากได้อ่านข้อความของจงอินที่แอบเปลี่ยนชื่อในสมุดโทรศัพท์ของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
(แบ๊วแสรส มีคิมคงคิมไคคลุง ตลกละ)
Sehun
นอนแล้ว
แต่ด้วยความที่ต้องคีพลุคไงสังคมพิมพ์ตอบยาวๆมันไม่ใช่สไตล์เซฮุนคลุง
เห้ย ไม่ใช่ ต้องไม่ใช่ไสตล์ของท่านชายโอเซสิ เซฮุนคลุงอะไร แบ๊วไปแล้วบางที
Kimkaiklung
กวนตีนฮัฟ
(ใครกวนตีนกว่ากันแน่ไอ้ควาย)
Sehun
เออ
Kimkaiklung
คิดถึงจังครับ
(คิดถึงบ้านป้ามึงพึ่งเจอกัน)
Sehun
เหรอ
Kimkaiklung
จะนอนยัง รบกวนเปล่า
(ไม่ได้รบกวนเลย กูกำลังหงาวววและหว้าเหว่)
Sehun
ไม่นิ
Kimkaiklun
เคร งั้นกูไปนอนละนะ ฝันดี
(เห้ยมึงอย่ารีบได้ไหมละบางที )
Sehun
เดี๋ยว
Kimkaiklung
มีอะไรให้ช่วยเหรอ มีอะไรไหม
มีปัญหาอะไรรึเปล่า
(เยอะละ กูแค่อยากหยุดเรียน ไอ้นี่เว่อร์)
Sehun
เปล่า พรุ่งนี้มีอะไรสำคัญที่กูต้องไปเรียนไหมวะ
Kimkaiklung
มี
(อ่าว ไอ้นี่ตอบสั้น เป็นอะไรของมันวะ )
Sehun
มีไร
Kimkaiklung
ความคิดถึงของกูไง
(….)
ขอโทษที่มาช้าค่ะทุกคน อย่างอนโนะ /จูบตูดรัวๆ
___________________________________________________________
*ท่า Fifth Position เป็นท่าพื้นฐานของบัลเล่ต์ทำได้โดยวิธีการ
ส้นเท้าขวาจรดปลายเท้าซ้าย พร้อมกับมือซ้ายยกสูงขึ้นเท้าระดับของมือขวา
*วงเล็บสีเทาตอนจงอินคุยข้อความกับเซฮุนเป็นความคิดในหัวของเซฮุนนะคะ
แต่ด้วยความคีพลุคเลยตอบไปแค่นั้นค่ะ
ความคิดเห็น