คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 。 2 (100%)
6.30
แสงแดดยามเช้า สาดส่องเข้ามาเล็กน้อยผ่านทางช่องหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดกว้างกว่าทุกวัน ไออุ่นจากแดดค่อยๆส่งถึงผมที่นอนขดอยู่บนเตียงที่ละนิด กลิ่นของธรรมชาติที่ไม่ได้สัมผัสมานานล่องลอยมาแตะจมูกจนผมต้องค่อยปรือเปลือกตาขึ้นที่ละนิด..
วันนี้ผมรู้สึกเหมือนได้รับพลังจากใครสักคนที่ส่งมาตอนนี้เลย ความสดใสแบบที่ผมไม่ได้สัมผัสมานาน ความสดชื่นจากธรรมชาติยามเช้า นานมากแล้ว.. นานจริงๆ ที่ไม่ได้รับบรรยากาศแบบนี้ ...
ผมค่อยๆพยุงตัวเองให้นั่งพิงกับหัวเตียงหลังจากลืมตาตื่นขึ้นมา ริมฝีปากของผมก็ยกยิ้มน้อยๆตลอดเลยให้ตายสิ.. วันนี้จะเป็นวันที่ดีของผมใช่ไหมครับ ?.. J
วันนี้อาจจะเป็นวันที่รอคอย แล้วก็อาจจะมีความสุขมากในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้.. แต่ก็อาจจะมีความทุกข์มากถ้าหากผมไม่เข้มแข็ง ผมจะต้องมีลมหายใจเพื่อพี่เขา อยากคุยด้วยนานๆก็ต้องไม่เหนื่อย อยากเล่นด้วยก็ต้องไม่ป่วย ... ผมว่าวันอื่นอาจจะไม่ได้นะ แต่ไม่รู้ทำไมพอเป็นวันนี้แล้ว.. เหมือนพลังจากใครสักคนหรืออะไรบางอย่างส่งมาถึงผมเลยละครับ.. J
ผมทอดสายตาไปยังวิลเเชร์ที่วางอยู่ตรงประตูห้อง วิลแชร์ที่ผมได้แตะมันนับครั้งได้ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล ผมไม่ค่อยได้ออกจากบ้าน หมายถึง ไม่ค่อยได้ออกจากห้องเลยด้วยซ้ำ ตอนอยู่ในห้อง ก็ไม่มีพื้นที่ให้เดินมากนักเลยไม่ได้จำเป็นต้องใช้วิลแชร์อะไร แล้ววันนี้ .. ผมจะได้นั่งมันรึเปล่า ผมคิดว่าผม... ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นสักหน่อยนี่! J
เท้าบางๆของผมค่อยๆสัมผัสลงกับพื้นกระเบื้องสีฟ้าอ่อนความรู้สึกเดิมแล่นเข้ามาเฉียบพลัน ความเย็นจัดของกระเบื้องเเล่นเข้าสู่ไขสันหลัง การกัดปากแรงๆของผม.. เป็นการกระทำที่ย้ำเตือนความรู้สึก และเป็นการสกัดความเย็นจากพื้นให้หายไปด้วย การก้าวเท้าช้าๆของผมวันนี้.. ไม่อย่างจะเชื่อเลย.. เหมือนมันจะดีกว่าตอนนี้ที่ฝึกกับหมออีกครับ
.... วัดจากอะไรนะเหรอ
ความรู้สึกของผมและกำลังใจไงครับ.. J
ภายในห้องน้ำสีน้ำเงินเข้ม ผมกำลังยืนหอบเล็กน้อยอยู่ตรงหน้ากระจกมือจับอ้างล่างหน้าแล้วค่อยๆมองเข้าไปในกระจก .. ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยอาบน้ำนะครับ.. อย่ามองผมอย่างนั้นสิ .. อ่า .. ความจริงแล้วก็ไม่บ่อยหรอกครับ แหะๆ.. เพราะว่าผมอยู่แต่ในห้องนี่นา.. คุณเอาอย่างไม่ได้นะครับ โนโน ✘
ภาพสะท้อนจากกระจกเป็นใบหน้าของผมที่ขาวซีดไม่มีสีของเลือดฝาด ริมฝีปากแห้งผากเป็นขุยๆ ตรงกลางปากล่างมีรอยแตกเป็นแขนง ใบหน้าอิ่มเพราะการนอนที่มากเกินไปสำหรับคนธรรมดา ผมชี้ขึ้นยุ่งเหยิง ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับร่างกายตัวเองตอนนี้ ก่อนจะหยิบแปรงสีฟันสีแดงขึ้นมาบีบยาสีฟันป้ายแล้วใส่ลงไปในปาก จัดการแปรงฟันตามหลักอนามัยฟันบนลงล่างฟันล่างขึ้นบน ก่อนที่จะบ้วนยาสีฟันที่เป็นฟองออกมา
เอ้ะ..
สิ่งที่ผมจ้องอยู่ตอนนี้คือยาสีฟันตอนนี้ที่แปรสภาพเป็นฟองแต่มันไม่ได้มีแค่นั้น ยาสีฟันสีขาวปนกับน้ำเลือดสีแดงที่ออกตามไรฟันของผมทำให้บ้วนออกมาแล้วเกิดเป็นสีแดงอ่อน ผมไม่ได้พยายามมองมันอีกต่อไปแต่ใช้แก้วน้ำที่รองน้ำจากก๊อกไว้ก่อนหน้านี้มากลั้วในปากแล้วบ้วนออกมาอีกที คราวนี้ล้างทั้งเลือดที่ผสมกับยาสีฟันไปหมดเกลี้ยง
เสื้อผ้าอาภรณ์ตอนนี้ถูกกองไว้ริมห้องน้ำ มือของผมค่อยๆหมุนวาวฝักบัวที่อยู่ระดับแขนของผมพอดี วินาทีที่เปิด สายน้ำเย็นค่อยๆไหลจากฝักบัวที่อยู่สูงเหนือหัวมากระทบกับศีรษะจนผมแทบสะดุ้งแล้วค่อยๆไหลลงมาสู่ลำตัวอย่างช้าๆ ผมค่อยๆเร่งน้ำให้เเรงขึ้นก่อนที่สายน้ำเย็นนั้นจะเปียกไปทั่วตัว ค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบแชมพูมาใส่มือ แล้วค่อยๆขยำไปทั่วๆหัวเบา
ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดี.. :)
กลิ่นอับจากตู้เสื้อผ้าโชยมาแตะจมูก อย่างห้ามไม่ได้ ผมไม่ได้ใช้เวลาเลือกเสื้อผ้านานเท่าไหร่นัก กว่าจะทำทุกอย่างเสร็จ แล้วพาตัวเองมานั่นตรงตู้กระจกได้ก็หืดแทบขึ้นคอ ค่อยๆหยิบหวีขึ้นมา บรรจงหวีผมช้าๆ ... เส้นผมค่อยหลุดล่วงลงมาจากหนังศีรษะที่ผมหวี ผมชะงักกับภาพในกระจก ก่อนจะวางหวีลงแล้ว ใช้มือบางๆของผมสางหัวของตัวเองอย่างเบามือ ราวกับว่ากลัวจะบุบสลายไปซะตรงนั้น .. ส่งยิ้มให้ตัวเองเล็กน้อยอย่างชื่นชมกับผลงานวันนี้ของตัวเอง อย่างน้อยๆวันนี้ ... ผมก็ดูเเลตัวเองได้นะ J
____________________________________________________________________________________________________________
ปาร์คชานยอลกำลังผิวปากอย่างอารมณ์ดี ควงกุญแจรถเก๋งคันโปรดไปมาอย่างสบายอารมณ์ ถึงแม้ว่าเขาจะทำงานนอกโซลแต่ก็ไม่ได้ถือว่าไกลมากนัก ออกเดินทางแต่เช้าก็น่าจะไปถึงบ้านของแบคฮยอนก่อนจะเก้าโมงเช้าด้วยซ้ำ
เขารู้ดีถึงได้ตัดสินใจแบบนี้...
ตัดสินใจพาแบคฮยอนออกมาเที่ยว โดยไม่สนใจทั้งโลกและโรค... ของแบคฮยอน
เขารู้ดี... ว่าเวลาของแบคฮยอนเหลือไม่มาก..
เขารู้ดี.... ว่าแบคฮยอนจะไม่ยอมไปรักษา
เขารู้เลยอยากพาแบคฮยอนมามีความสุข ได้มาเที่ยวเปิดหูเปิดต่างแบบคนอื่น
เขาเริ่มสนใจในตัวแบคฮยอนตั้งแต่เสิร์ชชื่อเจอกันจากเอ็มเอสเอ็นเมื่อสองปีที่แล้ว ..
สองปีกับการคุยกันผ่านแชท มีการส่งรูปมาบ้าง ... แต่ก็ยังไม่ได้เจอตัวจริงสักที ..
ความสนใจเรื่องราวของคนเป็นลูคีเมียเมื่อสองปีที่แล้ว..กลายเป็นความรักในวันนี้
เขาไม่รู้... ว่าแบคฮยอนจะได้รับความรู้สึกที่เขามีผ่านตัวอักษรไหม
เขาไม่รู้... ว่ารอยยิ้มของแบคฮยอนจะสดใสแบบรูปที่เคยส่งมาไหม..
เขาไม่รู้.. ว่าการจากไปของคนที่เคยอยู่เคียงข้างจะน่าใจหายแค่ไหน .. รู้เพียงแต่ว่าอยากใช่ชีวิตอยู่กับแบคฮยอนให้นาน.. นานและนานเท่าที่จะเป็นไปได้...
อยากจะยื้อ...
ยื้อไว้ให้นาน..
เท่าที่จะนานได้..
ร่างสูงค่อยๆก้าวขายาวๆไปบนรถเก๋งสีดำคันเก่ง ใช้มือใหญ่ควานหาแว่นในรถ ก่อนจะใช้มือตบปุๆลงบนกระเป๋ากางเกงยีนส์ราวกับสำรวจว่าวันนี้กระเป๋าหนักพอที่จะเลี้ยงเด็กรึเปล่า ตรวจเช็คความเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของเท้าที่จะต้องเหยียบคันเร่งแล้วพุ่งทะยานไปที่โซล
ตึกสีขาวสามชั้นภายในแบ่งออกเป็นชั้นละห้าห้อง ตกแต่งไว้อย่างเรียบง่าย แต่ละห้องตกแต่งไว้เหมือนๆกันคือหน้าห้องมีกระดานไวท์บอร์ด มีโต๊ะแลกเชอร์หลากสีเรียงกันเป็นแถวๆประมาณสามสิบที่ เป็นแบบนี้ทุกห้อง เนื่องจากวันนี้ทางโรงเรียนใหญ่ในโซลประกาศให้นักเรียนเกรด 11 ทุกคนหยุดเรียนเนื่องจากคณะคุณครูต้องไปประชุมพร้อมกัน เหล่าที่เรียนพิเศษก็เลยนัดนักเรียน จากเรียนพิเศษตอนเย็นหลังเลิกเรียนเปลี่ยนเป็นคาบเช้า 8.00 แทน
ร่างโปร่งของเซฮุนกำลังนั่งผูกเชือกรองเท้าที่หลุดอยู่บนโซฟาห้องล่างสุดที่ใช้รับเด็กนักเรียน คล้ายๆห้องประชาสัมพันธ์ ของเด็กนักเรียน ปกกติแล้วจะมีสาวสวยนักศึกษาฝึกสอนมานั่งอยู่เก้าอี้พนักพิงข้างหน้านี่คอยรับเด็กนักเรียน ตอนนี้กลับว่างเปล่า.. ไม่มีใครเลย นอกจากโอเซฮุนที่กำลังง่วนอยู่กับการผูกเชือกรองเท้าผ้าใบคันเก่งคนเดียวเพียงเพราะว่ามาก่อนเวลาเริ่มเรียนเป็นชั่วโมง โดยไม่สนใจว่ามีคนแอบมองอยู่ข้างนอกผ่านกระจกใส..
คิมจงอินค่อยก้าวเท้าเบาๆเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าเซฮุนที่กำลังผูกเชือกรองเท้า ผ้าใบสีเหลืองเจ็บๆปรากฎต่อสายตาของเซฮุนขณะก้มหน้าลง จึงทำให้ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองช้าๆ พอได้เห็นว่าเป็นเพื่อนรักของตัวเองก็ปั้นหน้านิ่งแล้วผูกเชือกรองเท้าต่อโดยไม่สนใจทักจงอินที่กำลังจ้องอยู่สักนิด
“ ไม่ทักเพื่อนรักหน่อยเหรอครับ คนดี”
“คนดี พ่อมึง” เซฮุนกำลังจะลุกเดินหนีไปที่อื่นแต่ก็ถูกมือหยาบคว้าไว้ง่ายๆ
“งอนเหรอ” เซฮุนหากแต่ไม่พูดผลักอกแกร่งให้ถอยหลังไป ก่อนที่ตัวเองจะยืดร่างขึ้นจากโซฟาเต็มตัว
“มึงก็งี้ตลอดอะ กูจะคุยเรื่องความรงความรักแม่งไม่เคยได้ ตอนมึงแอบรักน้องจูปาจุ๊บมึงยังเพ้อพร่ำให้กูฟังทุกวัน กูเคยบ่นไรปะ เวลามึงเศร้าเรื่องที่บ้านมึงก็มาปรับทุกข์กับกูปะ ตอนที่มึงต้องการกู กูว่างเพื่อมึงเสมออะ แล้วตอนกูต้องการมึงบ้าง มึงหายไปอยู่ที่ไหนวะ”
“มันไม่ใช่อย่างงั้น..”
“แล้วมันยังไง” เซฮุนเถียงทันควันกับการที่ตัวเองแคร์เพื่อนเสมอแต่การตอบแทนกับมามันกลับไม่ใช่อย่างที่ต้องการเลยสักนิด
“มึงแม่งเหี้ยอะ”
เหมือนคิมจงอินโดนน้ำเย็นจัดสาดใส่หน้าจากอีกคน อยากจะอธิบายใจจะขาดว่าที่ไม่อยากคุยด้วยไม่ใช่เพราะหายไปไหนหรือมีธุระ แต่ยังทำใจไม่ได้ต่างหาก .. เขารู้ดีว่าสิทธิ์และที่ยืนของเขาไม่มีสิทธิ์ข้ามขั้นไปกว่านั้นได้ ....
“เลิกแล้วรอกูก่อน อย่าเพิ่งรีบชิ่งหลบหน้ากูไปละ” เสียงตะโกนสุดท้ายจากคิมจงอินที่เซฮุนได้ยินหลังจากรีบเดินมาจากตรงนั้น เสียงทุ้มๆเหมือนจะผ่านหูเขาไปง่ายๆ... แต่มันกลับไม่ใช่อย่างงั้น มันเข้ามาอยู่ในทุกโสตประสาทสมอง ความจริงแล้วก็ไม่ได้งอนอะไรมากมายขนาดนั้น แต่ความน้อยใจมันก็มีบ้าง ในเมื่อเขาไม่แคร์เราแล้วเราจะไปแคร์เขาทำไม เราทำเพื่อเขาไปเพื่ออะไรถ้าเขาไม่ได้คิดจะขอบคุณหรือตอบแทนเราสักนิด แต่ทำยังไงได้ละ..
คนที่ยังคบกับเขาอยู่อย่างจริงใจ ก็มีเพียงแค่..
คิมจงอิน คนเดียว
เซฮุนแค่นยิ้มกับความคิดของตัวเอง ทำไมไม่โกรธได้ให้มันนานๆสักที.. ก่อนจะเดินทอดน่องไปเข้าชั้นเรียน พร้อมๆกับจงอิน ... โดยที่ไม่ได้มีคำพูดและสบตากันและกันเลย ...
รถเก๋งสีดำจอดที่บ้านทาวเฮาส์สีฟ้าสองชั้นภายนอกดูค่อนข้างเก่า ไม่ได้รับการดูแลรักษาเท่าที่ควร ประตูเหล็กขึ้นสนิมเล็กน้อย ทั้งประตูเหล็กและประตูไม้ข้างในถูกล็อคจากภายนอกดูเหมือนภายในบ้านไม่มีใครอยู่สักคน ซึ่งเรื่องนั้นชานยอลรู้ดี แบคฮยอนเล่าให้เขาฟังทุกอย่าง แบคฮยอนไม่ค่อยเดินออกมาจากห้อง มีแม่บ้านมาให้อาหารตอนเช้าพร้อมอาหารเย็นและเที่ยงในตอนแปดโมง จะเอากับข้าววางไว้บนโต๊ะแล้วออกจากบ้านไปเลยเป็นแบบนี้ทุกวัน ..
ขายาวๆของชานยอลกำลังปีนรั้วเหล็กสีน้ำเงินที่สนิมเขรอะเข้าไปในตัวบ้าน ยังดีที่ในตอนนั้นยังไม่ค่อยมีคนผ่านไปผ่านมาไม่งั้นเรื่องคงจะวุ่นวายกว่านี้แน่ๆ
มือบางๆกำลูกบิดประตูห้องแน่น ปากซีดๆเม้มเข้าหากันเล็กน้อย พร้อมกับภายในหน้าอกข้างซ้ายที่เต้นระส่ำ ความตื่นเต้นพุ่งขั้นขีดสุด หลังจากแอบมองใครบ้างคนผ่านทางหน้าต่าง ขายาวๆจากคนที่เฝ้ารอกำลังก้าวข้ามประตูรั้วขึ้นมา ถึงเวลาแล้ว...
ถึงเวลา..
ที่เจ้าบ้านจะต้องรับแขกคนสำคัญ ..
J
แอ๊ดดดด..
เสียงประตูไม้ของห้องนอนของผมเปิดออกเบาๆพร้อม สูดลมหายใจเข้าเเรงๆเพื่อเรียกความมั่นใจ ก่อนจะตัดสินใจค่อยๆเดินช้าๆ ลงไปชั้นล่าง
อยู่ดีๆความมั่นใจของผมก็ค่อยๆถดลดหายไปเนื่องจากบันไดไม้ที่แสนชันกำลังท้าท้ายให้ผมผ่านมันไป เสียงหัวใจของผมที่ดังจนตัวเองได้ยิน ถามว่ากลัวไหม ..
กลัวครับ ..
แต่เสียงกุ๊กกั๊กๆจากภายนอก น่าจะมีน้ำหนักมากกว่าอาการปอดแหกของผมตอนนี้
ตาทั้งสองข้างก้มลงมองปลายเท้าแล้วค่อยๆก้าว
ทีละก้าว..
ทีละก้าว
จนมาถึงจุดพักบันได ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาสูดอากาศหายใจแต่มีหนึ่งคนที่ทำให้ผมแทบจะเป็นลมตายแทบจะตรงนั้น
ผู้ชายสูงๆกำลังยืนกอดอกมองผมด้วยใบหน้าที่อมยิ้มน้อยๆ
ผู้ชายที่มีแววตาที่สดใสกำลังมองมาทางนี้ มองมาหาผม..
ผู้ชายตรงหน้าผม.. ผู้ชายคนที่ไม่เคยได้เจอกับตา ผู้ชายคนที่ผมฝันว่าสักวันจะได้เจอตัวจริง
เขาคนนั้นอยู่ตรงนี้ที่ตรงหน้าของผม..
อย่างที่เขาว่า... เรามักจะลืมตัวเวลาดีใจมากๆอยู่เสมอ ........
“พี่ชาน!!!!!!” เสียงตะโกนที่แหบพร่าของผมพร้อมกับขาที่กำลังก้าวบันไดข้ามขั้นโดยที่รู้ตัว...
“อู๊ย”ผมนั่งล้มพับลงกับพื้นหลังจากที่ก้าวข้ามมาสามขั้นเลยทีเดียว แต่คนที่ตกใจกว่าผมตอนนี้คือคนที่อยู่ตรงหน้าผมมากกว่าครับ
“แบค แบคฮยอน เจ็บตรงไหนรึเปล่า ลุกขึ้นได้ไหม ไหวไหม พาไปส่งโรงพยาบาลไหม” คนตัวสูงกว่าข้างหน้ารีบมาจับขาพลิกซ้ายพลิกขวาสำรวจข้อศอกของผมอย่างร้อนรน
“ไม่ครับ ไม่เป็นไร” มือใหญ่ๆของคนตรงหน้ากำลังฉุดมือผมให้ลุกขึ้น ก่อนที่จะมาโอบเอวผมเพื่อพยุงไปนั่งที่โซฟาสีขาวนุ่มๆ
“ลงมาทำไม เดี๋ยวพี่ขึ้นไปหาก็ได้” คนตัวสูงที่นั่งโซฟาผมฝั่งตรงข้ามส่งสายตามาตำหนิแต่แววตานั้นก็เต็มไปด้วยความเป็นห่วง ผมก้มหน้าชิดอก มือตอนนี้เริ่มอยู่ไม่สุข จับกันไปจับกันมา ฮื่ออ คนเขินนี่ครับ
“ก็แบคจะลงมารับพี่นี่นา”ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาช้าส่งสายตาหมาที่น่าสงสารสุดฤทธิ์ เป็นอันได้ผล พี่ชานยอลถอนหายใจเบาๆมองมาทางผมด้วยสายตาที่เริ่มแปลกไป อยู่ดีๆสายตาก็เต็มไปด้วยความหมาย หลายความรู้สึกที่ผ่านมาทางดวงตาส่งมาถึงผม
"รู้ใช่ไหม .. ว่าพี่มาหาเราเพราะอะไร”
“...”
“พี่กลัวว่าเราจะไม่ได้อยู่กับพี่แล้ว..”
“...”
“ถ้าเรามีเวลาร่วมกันสักนิด.. แม้มันจะสั้นพี่จะเก็บเวลานั้นไว้..
“...”
“จะไม่เสียดายและเรียกร้อง..”
“...”
“ถ้าเราล้มแล้วช็อคขึ้นมาทั้งๆที่เรายังไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันเลยสักครั้ง.. พี่จะทำใจได้ยังไง..”
ผมใบ้กินเลย .. อะไรกัน
สายตาที่มองมา ..
น้ำเสียง..
ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ผมเผลอทำหน้าอย่างไงอยู่ตอนนี้ แต่ที่แน่ๆคงไม่พ้นอ้าปากหวอแก้มทั้งสองข้างร้อนขึ้นมาในทันที สติหลุดล่องลอยหายไปอยู่หน้าปากซอยแล้วมั้งครับ ถ้าผมไม่ได้เข้าข้างตัวเอง .. แล้วก็ไม่อยากจะเข้าข้าง .. ไม่เอาไม่คิด L
“อ่า ครับ” ผมเผลอส่งเสียงตอบรับโง่ๆออกไป
“ไปกันเถอะ ไป ไปแอดเวนเจอร์กัน” คนตัวสูงที่นั่งตรงข้ามผมตอนนี้ลุกขึ้นมาดึงตัวผมไป ทำไมรู้สึกเหมือนตัวเองเบาเป็นปุยนุ่นเลยละครับ
“เอ่อ พี่ชานทำไมเข้าบ้านได้ละครับ”
“ก็เราบอกพี่เองว่ากุญแจอยู่ในรองเท้าผ้าใบสีแดง” จบครับ ผมลืมเอง ไม่มีคำพูดอะไรระหว่างเราสองคนอีกแล้วมีเพียงความอบอุ่นผ่านมือใหญ่ๆของอีกคนส่งตรงลงมา ผมแทบไม่ต้องออกแรงเดินให้เหนื่อยแรงดึงจากคนข้างหน้าที่ไม่แรงและไม่เบาจนเกินไป สายตาของผมไม่ได้มองทางเลยด้วยซ้ำ มัวแต่มองมือที่จับกันตอนนี้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต่อจากนี้ไปพี่เขาจะพาไปที่ไหน กลับเมื่อไหร่ แค่ไปกับพี่เขาผมก็ไม่กลัวอะไรอีกต่อไปแล้วครับ
100%
TBC.
100แล้วนะคะ
。SYDNEY♔
ความคิดเห็น