คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ทำไม...ชั้นต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วยนะ
“ครืนนนนนนนนนนนนนนนนนนน”
เสียงเครื่องบินเคลื่อนตัวลงจอดที่สนามบินในโตเกียวกลางดึก แม้จะมีผู้คนบางตาในสนามบินแต่ทุกคนก็ต่างชะเง้อมองหาคนที่พวกเขาเฝ้ารอ ผู้โดยสารซึ่งบินมาจากลอนดอนเดินออกมาจากทางออกอย่างกระฉับกระเฉง แต่สายตาทุกคู่ก็ต้องจับจ้องไปที่กลุ่มชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งซึ่งยืนกันอยู่ 3คนทั้ง3คนสูงประมาณ 188ซ.ม. และทั้ง 3 กำลังเป็นดาราวัยรุ่นยอดนิยมในญี่ปุ่นขณะนี้
“เมื่อไร ยัยยูคิจะมาสักทีเนี่ย ดูดิคนอื่นเขาเดินลงมาจะหมดอยู่แล้ว แล้วฉันก็ง่วงนอนจะตายอยู่แล้วด้วย”
ชายหนุ่มหน้าตาคมเข้ม ผมสีน้ำตาลสั้น ตาสีฟ้า พูดขึ้นอย่างหงุดหงิด พร้อมกับยืดตัวของเขามองหาหญิงสาวคนที่เขากำลังพูดถึง
“โธ่ อากิฮะ แกจะบ่นไปถึงไหน ถามอย่างเหอะ แกจำหน้าน้องสาวของพวกเราที่ไม่ได้เจอหน้ากันมา เออกี่ปีนะ”
ชายหนุ่มหน้าขาวใส ที่ของเขาหูมีเฮดโฟนอยู่ ซึ่งมีผมสีน้ำตาลสั้นและตาสีฟ้าเหมือนกับอากิฮะพูดขึ้น แล้วขมวดคิ้วเข้าหากัน
(โทชิเป็นคนที่ชอบเรื่องเพลงมาก)
“5 ปีโว้ย คิดนานจังโทชิ ก็แค่นี้เอง”
ชายหนุ่มคนที่ 3ซึ่งก็มีผมสีน้ำตาลและตาสีฟ้าเหมือนกับทั้งคู่ ยาวประบ่า พูดขึ้นอย่างหัวเสีย
“เออ ใช่สิ ฉันมันโง่!! ไม่ฉลาดเหมือนแกหรอก เคียวยะ อ่านหนังสือของแกไปเลยนะ”
(เคียวยะเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือ พอๆกับที่โทชิชอบเพลงอ่ะ ทำให้เมื่อทั้ง2 คนจะไปไหนมาไหนก็จะต้องพกหนังสือกับวอกแมนไปด้วยทุกที่)
โทชิเถียงกลับทันทีที่ได้ยินเคียวยะพูด
“พอเหอะๆ ดูนั่นดิใช่ยัยยูคิป่ะ ฉันสายตาสั้นมองไม่ค่อยหรอก ช่วยกันดูเร็ว”
อากิฮะพูดตัดบท ก่อนที่เคียวยะจะพูดอะไรออกมา
(แต่จริงๆแล้วไม่ได้สายตาสั้นหรอก คนที่สายตาสั้นนะเป็นโทชิต่างหาก)
แล้วชี้มาที่ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ยืนมองพวกเขาอยู่นานแล้ว
โธ่เอ้ย นึกว่าจะยืนเถียงกันจนตี 5 ซะแล้ว
เธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวในลูก 4คนของตระกูลนาโอมิ ที่มีผมสีทองหยักศกเล็กน้อยที่ยาวไปจนถึงกลางหลัง มีนัยตาสีฟ้า เธอสูงประมาณ 168ซ.ม.ใส่กระโปรงยีนส์ เสื้อเชิร์ตสีขาว กับแว่นตากันแดดสีควันบุหรี่
“ยัยยูคิทางนี้ ทางนี้”
โทชิตะโกนขึ้นอย่างเสียงดังจนคนรอบข้างตกใจ และหันไปมองที่ผู้หญิงคนนั้น ทำให้เธอต้องรีบเดินตรงมายังพวกเขาทันที
พูดซะเสียงดังเชียวพี่ชายฉัน
“โธ่หาตั้งนานที่แท้ก็พึ่งเดินลงมา เป็นไงเรา ไม่ได้เจอกันตั้งนานสูงตั้งขึ้นเยอะเลย คิดถึงป๋ากับพวกพี่ๆ ป่ะ”
เคียวยะพูดอย่างอารมณ์ดี และหยิบกระเป๋าของเธอไปถือไว้ในมือ แล้วเดินนำเพื่อที่จะไปที่รถสปอร์ตสีแดงของเขาที่จอดอยู่หน้าสนามบิน
“เคียวยะแกก็รู้นิสัยของยูคิดีนี่นา ยัยนี่ยังนิสัยเหมือนเดิมเปี๊ยบ ไม่เปลี่ยนเลย ถ้าไม่อยากพูดก็จะไม่พูด แค่ดูหน้าตาก็รู้อยู่แล้วว่า คิดถึงพวกเราขนาดไหน ขึ้นรถเหอะเดี๋ยวป๋าจะบ่น”
อากิฮะพูดและตบหัวยูคิที่กำลังจะก้าวขึ้นรถเบาๆ
“เออๆ รู้แล้วแกก็รีบๆขึ้นสิ จะไม่ไปใช่มั้ย คันข้างหลังเขาบีบแตรไล่แล้ว”
เคียวยะตะโกนออกมาจากในรถอย่างหัวเสียที่ถูกอากิฮะแย่งพูด และสตารต์รถ
รถของเคียวยะแล่นออกจากสนามบิน พร้อมกับเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มออกมาจากรถ
(ก็เพลงของพวกแกนั้นแหล่ะ)
โดยที่เคียวยะเป็นคนขับ โทชินั่งอยู่ข้างๆ อากิฮะกับยูคินั่งอยู่ข้างหลัง ซึ่งยูคิกำลังมองสิ่งต่างๆรอบๆตัวของเธอ ที่เธอเคยรู้จักเคยพบเคยไปต่างก็เปลี่ยนแปลงไปหมด จนยูคิเองแทบจะจำเมืองที่เธอเคยอยู่ไม่ได้ รถแล่นไปได้สักพักก็หยุดอยู่ที่หน้าบ้านไม้ 3ชั้นหลังหนึ่งแถวๆ นิชิอุมิงะโอกะ ที่อยู่ห่างจากตัวเมืองไม่มากนักมีป้ายไม้เขียนไว้ว่า “นาโอมิ” ชายวัยกลางคน คนหนึ่งยืนอยู่หน้าบ้าน เมื่อรถจอดสนิทเขาก็รีบเดินเข้ามาที่รถ
“ไงยูคิลูกสาวสุดที่รักของป๋า เดินทางเหนื่อยไหม เข้าบ้านไปพักก่อนนะเดี๋ยวป๋าให้คนเอาของว่างมาให้ พวกแกก็รีบๆลงจากรถ แล้วช่วยขนของน้องเข้าบ้านด้วย ป่านนี้คนงานคงนอนหมดแล้ว เสร็จก็ตามไปที่ห้องนั่งเล่นนะ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วยนิดหน่อย เกียวกับเรื่อง โรงเรียนของยูคิ”
โอ๊ยยยย ป๋ากอดซะแน่น เชียวเกือบจะหายใจไม่ออกตายแล้ว
“โธ่ป๋าเนี่ย ที่พวกเราไม่เห็นมีงี้เลย ใช้กันซะงั้นอ่ะ แถมไม่ยอมไปรับเอง ใช้ลูกชายไปรับซะอีก โอ๊ยยย!!!เจ็บนะป๋าก็มันเรื่องจริงนี่นา”
โทชิบ่นเบาๆ แต่ก็ไม่พ้นหูป๋า เลยโดนเขกหัวไปเต็มเเรง
(ยังเจ็บแทนเลยนะนี่ ก็ป๋าเขาอ่ะเป็นเจ้าของโรงฝึกคาราเต้ และป๋าก็สายแดงซะด้วยดิ)
และทั้ง 3ก็ต้องยอมขนกระเป๋าของยูคิไปเก็บที่ห้องของเธอ ป๋าพายูคิเดินเข้าบ้านโดยเดินผ่านโรงฝึก ไม้ที่ยังมีป้ายชื่อของเธอและพี่ๆแขวนอยู่ เมื่อถึงหน้าบ้านทางด้านซ้ายมือเป็นชั้นวางรองเท้า ยูคิเดินตามป๋าเข้าไปในบ้าน ป๋าเลี้ยวเข้าห้องที่หนึ่งไป ห้องนั้นก็คือห้องนั่งเล่นนั้นเอง ถัดจากห้องนั่งเล่นเป็นห้องน้ำห้องเล็กๆห้องหนึ่ง ตรงข้ามกับห้องน้ำจะเป็นบันไดขึ้นไปชั้น 2ถัดจากบันไดเป็นห้องรับประทานอาหาร และห้องครัวตามลำดับ ยูคิเดินตามป๋าเข้าไปนั่งในห้องนั่งเล่น ป๋านั่งลงที่โซฟาและเรียกให้ผู้หญิงคนหนึ่งออกมาหา
“โยๆ มาที่ห้องนั่งเล่นหน่อยสิ เอาของว่างกับน้ำมาด้วย 5 ชุด”
ผู้หญิงคนหนึ่ง ผมของเธอยาวประบ่าสีดำเข้ม ดวงตากลมโต ถือว่าเป็นผู้หญิงที่น่ารักมากคนหนึ่งที่เดียว โยถือถาดใส่ขนมและน้ำเดินเข้ามาในห้องทันที หลังจากที่ป๋าพูดจบ
“โย นี่ยูคิน้องสาวของเจ้า 3 ตัวนั่น ยูคินี่คือพี่โย พี่โยเป็นเด็กที่ป๋ารับมาเลี้ยง คนที่ป๋าส่งจดหมายไปเล่าให้ฟังไงลูก”
อ้อ คนที่ป๋าพูดถึงบ่อยๆนี่เอง น่ารักดีนี่
โยโค้งให้ยูคิเล็กน้อย และจัดการวางขนมและน้ำไว้ที่โต๊ะรับแขก ยูคิจึงโค้งให้โยด้วย
“คุณชายไปไหนล่ะค่ะ”
โยถามป๋าขณะที่ป๋ากำลังกินคุ๊กกี้อยู่
“ฉันบอกเธอกี่รอบแล้วโย ว่าพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน อายุก็ไร่เรี่ยกัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใช้นามสกุลเดียวกันก็ตาม แต่เธอก็ไม่จำเป็นต้องเรียกพวกเราว่าคุณชาย เข้าใจไหม ไหนลองเรียกสิ”
ที่จริงโยไม่ใช่สาวใช้ของทั้ง 4คนหรอกนะ เธอเป็นเด็กกำพร้า ป๋าเห็นโยครั้งแรกที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ป๋าตัดสินใจอุปการะเธอตั้งแต่เธอยังเด็ก แต่เป็นเพราะว่าโยไม่อยากอยู่ในบ้านหลังนี้เฉยๆ เพราะเธอถือว่าเธอเป็นเพียงผู้อาศัยเท่านั้น โยก็เลยช่วยทำงานในบ้านทั้งหมด และก็ช่วยดูแลป๋าด้วย โยเรียนอยู่ที่เดียวกันกับพี่ๆของยูคิด้วย แต่เธอไม่ยอมไปโรงเรียนพร้อมกับพวกเขา
เคียวยะเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาแล้วมองหน้าโย โยหน้าแดงเล็กน้อยก่อนที่จะพูดขึ้น
“ค่ะ คุณ เออ เคียวยะ”
เอ๊ะ นี่พี่โยชอบพี่เคียวยะเหรอเนี่ย น่าลุ้นแหะ
“เฮ้อ เหนื่อยจัง นี่ยัยตัวแสบใส่อะไรมาบ้างเนี่ย ทำไมมันหนักทุกใบเลย เฮ้ย ป๋านี่อุตส่าห์ยกของให้ยัยตัวแสบแล้วนะยังไม่เหลืออะไรให้ลูกๆผู้มีจิตใจงามกินอีก ป๋าใจร้ายจัง”
โทชิเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับอากิฮะ แล้วรีบนั่งลงกินของว่างที่ป๋ากินเหลือเล็กน้อยทันที
“ช่ายๆ ป๋าใจร้ายจัง”
ทั้งโทชิและเคียวยะรีบเสริมที่อากิฮะพูดขึ้น
“เออๆ ก็ได้เดี๋ยวฉันสั่งให้เด็กๆมันเอามาเพิ่มอีกก็ได้ ไอ้พวกเรื่องมากนี่ เอาแหละระหว่างที่พวกแกกำลังจะกินกันอ่ะนะ ป๋าก็จะบอกเรื่องสำคัญให้ฟัง โยก็อยู่ฟังด้วยกันศิลูก”
เมื่อของว่างมาเพิ่มทั้ง 3ก็ลงมือแย่งกันกินอย่างไม่สนใจป๋า ยูคิและที่นั่งมองพวกเขาแย่งกันอยู่ ทำให้ป๋ายั้วมาก
” ตั้งใจฟังกันก่อนสิเฟ้ย”
ทั้ง 3 หยุดกินและนั่งตัวตรงทันทีเมื่อได้ยินเสียงป๋า
“เออ ก็แค่เนี้ย ก็คือฉันจะให้ยูคิไปอยู่โรงเรียนเดียวกับพวกแก ไม่ต้องอึ้งที่ฉันให้ยูคิไปเรียนที่นั่นกับพวกแก ที่จริงฉันก็อยากให้ยูคิไปเรียนโรงเรียนสตรีอยู่หรอก แต่ฉันมีงานเร่งด่วนมาต้องไปที่เยอรมันประมาณ 2 ปี ฉันจะออเดินทางในวันพรุ่งนี้ เพราะฉะนั้นฉันก็เลยจะต้องรีบพูดกับพวกแก”
“อ้าวป๋าแต่โรงเรียนของพวกเราก็ไม่อนุญาตให้น.ร.เข้าตอนกลางเทอมด้วย แล้ว้าได้เข้าแล้วก็ต้องมีการสอบสุดโหด แล้วไหนจะเรื่องที่เรานามสกุลคนละนามสกุลกัน สีผมกับตาของยัยยูคิอีก เอาไงอ่ะ”
เคียวยะพูดขึ้นอย่างงงๆ
(คือว่าเราลืมบอกอีกแล้วว่า ป๋ากับแม่ของพวกยูคิที่เป็นคนอังกฤษอ่ะเลิกกัน แล้วแม่ของยูคิก็เลยพาเธอไปอยู่ด้วย และเธอก็เปลี่ยนไปใช้คนละนามสกุลกันตั้งแต่ตอนนั้นแหล่ะ)
“นี่แกคิดว่าฉันเป็นใคร ฉันน่ะเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารโรงเรียนของพวกแกเชียวนะ แต่เรื่องผมของยูคิกับเรื่องนามสกุลน่ะ ป๋าก็จะคุยกับพวกแกเรื่องนี้แหล่ะ ยังไงยูคิก็คงไม่เปลี่ยนนามสกุลแน่นอนใช่มั้ยลูก”
ยูคิพยักหน้าเล็กน้อย และไม่พูดอะไรเช่นเคย
“ป๋าก็เลยจะให้พวกแก ทำเป็นญาติห่างๆกับยูคิ ยูคิย้ายมาจากโอกินาวา ส่วนเรื่องผมป๋าก็จะให้ยูคิย้อมผม ส่วนตาก็ใส่คอนแทคก็จบ เพราะถ้าไม่ย้อมแฟนคลับพวกแกก็คงทำลูกสาวสุดที่รักฉันเป็นอันตรายแน่ๆ”
“นี่ป๋าที่ป๋าควรจะห่วงอ่ะไม่ใช่แฟนคลับพวกฉันหรอกเหรอ เพราะยัยยูคิอ่ะ เป็นคาราเต้สายดำเหมือนพวกฉันนะ ไม่แน่ตอนนี้อาจจะเก่งกว่าพวกฉันด้วยซ้ำ ก็ยัยนี่แข่งคาราเต้ระดับเยาวชนอายุไม่เกิน 17 ปี ชนะเลิศที่ลอนดอนนะป๋า”
โทชิพูดขึ้นแทรกเมื่อป๋าพูดจบก่อนที่จะมีใครแย่งพูด
“เรื่องนั้นฉันรู้อยู่แล้วแต่ฉันก็ไม่อยากให้มีคนมาถามอะไรยูคิมากนักด้วย เอาแหล่ะยังไงซะพรุ่งนี้พวกแกก็พาน้องไปซื้อของ ที่จำเป็นซะ พวกเสื้อผ้าชุดต่างๆ เออใช่ วันอาทิตย์ทุกอาทิตย์พวกแกทุกคน รวมทั้งยูคิด้วยนะลูก ต้องไปที่บริษัทไปดูแลงานต่างๆแทนฉัน เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้เลย แกเคียวยะ แกเป็นพี่คนโตเพราะฉะนั้น แกต้องดูแลงานในแผนกบริหาร ถ้าไม่เข้าใจก็ถามสก็อตนะ ส่วนแกโทชิ แกก็ดูแลเรื่องงานเพลงของนักร้องในบริษัท อ้อ อย่าลืมทำเพลงของพวกแกด้วยล่ะ ส่วนแกอากิฮะแกก็ดูเรื่องการรับงานของดารา-นักร้องของบริษัทไป ถ้าเป็นเรื่องสำคัญแกต้องบอกทามุระ ทามุระจะเป็นผู้ช่วยของแก และยูคิลูกคอยดูแลเรื่องการหาศิลปินฝีมือดีๆมาอยู่ในสังกัดเรา ไม่เข้าใจอะไรก็โทรหาป๋าได้ตลอด 24 ชม.เลยนะลูก หรือจะปรึกษากับรินะก็ได้ และพวกแกก็อย่าลืมเน้นพนักงานทุกคนเกี่ยวกับกฎนั้นนะ แล้วนอกจากคนในบริษัทแล้วห้ามให้ใครรู้นะว่ายูคิมีผมสีเนี่ย ตาสีนี่ และก็เป็นลูกสาวคนเดียวของฉัน ผู้ซึ่งรวยที่สุดในประเทศ ส่วนเรื่องเงินไม่ต้องเป็นห่วงเบิกได้ตลอด ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับ ยูคิ พวกแกคงจะรู้นะว่าพวกแกจะเป็นยังงัย”
(อ๋อ นอกจากที่บ้านนี้จะเป็นโรงฝึกคาราเต้แล้ว ป๋าก็ยังเป็นเจ้าของบริษัทค่ายเพลงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศด้วยนะ พวกพี่ๆของยูคิก็อยู่ในสังกัดนี้แหล่ะ ทำให้บ้านของเธอติดอันดับคนที่รวยที่สุดในประเทศด้วยนะ อาจจะฟังดูเวอร์ๆหน่อยนะทำใจนิดส์)
จากคำพูดของป๋าทำให้ทุกคนต้องขนลุก และรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“ฉันจะไปเตรียมตัวออกเดินทางแล้ว พวกแกก็รีบๆขึ้นไปนอนกันได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้จะตื่นสาย ไปกันโย”
ป๋าเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปพร้อมกับโย ห้องนอนของป๋าอยู่ชั้น 2ชั้นเดียวกับโย 4 พี่น้องนั่งเงียบอยู่ในห้อง
(โดยเฉพาะยูคิ ที่ไม่ได้พูดอะไรเลยตั้งแต่แรกแล้ว สงสัยจะขี้เกียจอ่ะ)
“เอาไงล่ะเคียวยะแกเป็นพี่คนโตนะ แกคิดซิว่าจะทำไงพรุ่งนี้”
อากิฮะพูดทำลายความเงียบขึ้น
“เอาล่ะ พรุ่งนี้เช้าพวกเราทุกคนก็เข้าไปบริษัทก่อนแล้วกัน ไปดูงานของป๋าให้เรียบร้อย แล้วก็แนะนำให้พนักงานใหม่ทุกคนรู้จักยัยยูคิ จากนั้นเราก็พาน้องสาวสุดที่รักของพวกเราทุกคน”
(โดยเฉพาะป๋า)
“ไปซื้อของ และซื้อน้ำยาย้อมผมกัน OK”
“ก็ได้ๆ งั้นพวกฉันไปนอนก่อนแล้วกันง่วงจะตายชัก นี่ก็ตั้ง 5ทุ่มครึ่งแล้ว เจอกันพรุ่งนี้เช้านะ”
โทชิและอากิฮะพูดแล้วเดินขึ้นไปที่ห้องของทั้งคู่ที่อยู่บนชั้น 3 ชั้นเดียวกันกับเคียวยะ
“เอาล่ะงั้นพวกเราก็ไปพักกันบ้างเถอะยัยยูคิ เดินทางมาเหนื่อยๆ พรุ่งนี้จะได้ตื่นไหว”
เคียวยะพูดกับยูคิผู้ซึ่งก็ยังไม่ได้พูดอะไรเลย แต่เธอก็ลุกขึ้นเดินไปที่บันไดพร้อมๆกับเคียวยะ เมื่อถึงที่ชั้น 3ยูคิและเคียวยะก็ได้ยินเสียงกีตาร์ดังขึ้น เคียวยะจึงเดินแยกออกไป
ความคิดเห็น