[Fiction singular] Gala Dinner - End
เสียงเพลง แสงจันทร์ กลิ่นหอมของดอกไม้ในยามราตรี...สวยงามด้วยตัวของมันเอง...หรือพึ่งพิงคุณกันแน่คนดี...
ผู้เข้าชมรวม
767
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“นัท...มึงต้องมาอย่างหล่อเลยนะเว้ย งานนี้มึงจะยอมแพ้ไอ้พวกเวรนั่นไม่ได้” ผมถอนหายใจถ้าปอดพังได้คงพังไปแล้ว ก็รู้นะว่าเพื่อนพยายามจับคู่ผมกับน้องสาวมันแต่ให้ตายเถอะ ยังไงเราสองคนก็คิดตรงกันแค่พี่ชายน้องสาว ไอ้นี่ก็ยุจริงจัง
“สาม...นี่งานเลี้ยงรับปริญญาน้องมึงนะ ไม่ใช่งานแต่ง กูไม่เอาสูทขาว!!” ผมหยิบโทนสีตรงข้ามขึ้นมาลองทาบกับตัวแทน ให้ตายเถอะ บ้านไอ้บ้านี่จัดปาร์ตี้บ่อยเป็นว่าเล่น มีก็แต่ครั้งนี้แหละที่ต้องมาเคร่งเครียดกับการหาชุด ถ้าไม่ใช่ว่าตีมงาน “Gala Dinner” ดั่งหลุดออกมาจากนิทานก่อนนอนหรอกเด็ก ต้นคิดของน้องสองล่ะก็ผมจะใส่ชุดนอนไปให้รู้แล้วรู้รอด
แต่ก็ต้องเข้าใจเค้าหน่อย ปริญญาใบแรกก็อยากจัดอะไรเว่อร์ๆเพ้อฝันตามแบบเจ้าตัวเขานั่นแหละ ดูซิว่าคืนนี้จะออกมาเป็นยังไง
“มึงเต้นรำเป็นใช่ไหมนัท”
“ห๊ะ? ! ! อะไรนะ? !”
“เต้นรำไงมึง ใต้แสงจันทร์ดวงโตในปราสาทหรูล้อมแสงเทียน อย่าเผลอเหยียบชุดราตรีไอ้สองนะเว้ย” แม่งเพ้อฝันตามน้องสาวมันแน่นอน
“กูเต้นครั้งล่าสุดตอนวิชาบังคับมอปลาย ทำคู่เต้นล้มหัวแตกมาแล้ว ประวัติย่อๆแค่นี้มึงวางใจได้ใช่มั้ย?”
“ชิบหาย! ไม่รู้แหละ งานเริ่มสี่ทุ่มนะมึงไปรื้อฟื้นมา ไปละกูรีบยังแต่งบ้านไม่เสร็จเลย”
เสียงเครื่องยนต์ดับสนิทหน้ารั้วบ้านหลังใหญ่คุ้นตา ผมเอื้อมไปหยิบของขวัญพิเศษท้ายรถแล้วก็รู้สึกอึดอัดชอบกล ไม่ถนัดกับชุดแบบนี้เท่าไหร่เลยตัดสินใจปลดเนคไทน์ออกโยนไว้เบาะหลังกับคลายกระดุมเชิ้ตขาวตัวในอีกซักสองเม็ด เช็คความเรียบร้อยของตัวเองเตรียมเข้างาน
รั้วไม้เนื้อดีแทบจะตีทึบจนมองไม่เห็นด้านในแต่ก็ได้ยินเสียงเพลงคลอแผ่ว ผมตัดสินใจผลักประตูเล็กอีกด้านเข้าไปแล้วก็แทบจะเดินกลับออกมาให้รู้แล้วรู้รอด
ให้ตายเถอะ!
ถ้ามึงจะจัดงานได้อลังการขนาดนี้นะสาม อย่าชวนกูมาเลย!
บ้านมันรวย...ผมรู้
น้องแม่งโคตรน่ารักและโคตรเพ้อ...ผมก็รู้
แต่ที่ไม่รู้คือ...มันลงทุนจัดพื้นที่ตรงสระว่ายน้ำหน้าบ้านเสียใหม่ ทั้งน้ำพุกลางสระและสวนไม้ดอกส่งกลิ่นหอมรอบงาน ไหนจะไอ้ที่ระโยงระยางลายลูกไม้ขาว ให้แสงไฟด้วยเชิงเทียนนับไม่ถ้วน แม้ชุดของแต่ละคนจะราตรีฟูฟ่องและสูทเต็มยศไม่ต่างจากที่คิดไว้ แต่วงทั้งไวโอลินเปียโนและอีกนานับประการบนพื้นสูงเหนือสระน้ำนั่นน่ะ
มึงบ้าแล้วสาม!
“พี่นัท! ! พี่สาม พี่นัทมาแล้ว!” เด็กสาวร่างเล็กพยายามสำรวมกริยารวบชายกระโปรงวิ่งมาหาผมทั้งที่ในมือยังถือแก้วบรรจุน้ำสีสวย ผมส่งยิ้มให้เธอขณะที่คนแทบทั้งงานเริ่มหันมามอง ชีพจรข้างขมับเต้นเป็นจังหวะถี่แต่ก็ยังควบคุมตัวเองได้ยื่นช่อดอกไม้และของขวัญกล่องใหญ่ส่งให้เธอ
“ยินดีด้วยสอง...จบซักทีนะ สามมันลุ้นตั้งนาน” เธอทำปากยื่นก่อนจะโน้มคอผมเข้าไปใกล้
“ขอบคุณสำหรับความยินดีที่ดูรักน้องเหลือเกินนะพี่ แต่ตอนนี้ช่วยน้องหน่อย ไอ้พี่สามมันประกาศไปทั่วงานแล้วว่าเราเป็นแฟนกัน คนที่สองเล็งมานานจะเข้าใจว่าไง!”
“เห้ย! จริงดิ่? คนไหน”
“สิบนาฬิกา” โอ๊ะโอ หนุ่มหล่อตาคมซะด้วยครับ มองมาที่เราเขม็งท่าทางไม่สบอารมณ์ดั่งจะงาบหัวใคร
“พี่นัทต้องช่วยให้เขาหึงนะ” พี่ว่าไม่ต้องช่วยมันก็หึงว่ะสอง
“ไปเต้นรำกัน! !”
“เห้ย! สองพี่เต้นไม่เป็น” น้องสาวเพื่อนผมทำหน้าตกใจเกินจริงมากครับ
“งั้นพี่ต้องรีบแล้ว ป้ะ!”
“ไปไหน?”
“ไปหาครูของสอง”
เรื่องราวของค่ำคืนนี้เพิ่งเริ่มต้นขึ้นครับ...เริ่มต้นอย่างสวยงามโดยกามเทพสาวตัวแสบที่พาผมตัดผ่านตัวบ้านเข้าสู่สวนสวยด้านหลัง...เธอส่งผมแค่ประตูด้านหลัง บอกเพียงสั้นๆว่าครูอยู่ตรงศาลากลางสวนไม่ปล่อยโอกาสได้ซักถามเจ้าหญิงของงานก็สะบัดปลายชุดราตรียาวสวยจากไปทิ้งไว้เพียงคนที่ไม่รู้ถูกระบุในฐานะอะไรให้ยืนเคว้ง
แต่ผมคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้เกินกว่าจะหลงไปกับความมืดมิด...
สวนกว้างยังถูกเปลี่ยนโฉมประดับไม้ดอกส่งกลิ่นหอมเสียหลายแห่ง ลานน้ำพุตรงกลางส่งสายน้ำสูงลอยเหนือพื้นเป็นเส้นสวยสะท้อนแสงอ่อนจากทั้งโคมไฟและเชิงเทียนรอบด้าน...ด้านหนึ่งของสวนสวยเป็นที่ตั้งของซุ้มศาลาสีขาวสะอาดแต่งลายและไม้เลื้อยสีอ่อน... “ครู” ที่สองว่าคงอยู่ในนั้น
ผมพยายามลงจังหวะเท้าแผ่วเบาทั้งที่ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเลยซักนิด ก่อนที่จังหวะเท้าของตัวเองจะหยุดกระทันหันเพราะเรือนร่างที่สะท้อนแสงจันทร์เข้าสู่สายตา
“ขอโทษที่ทำให้ตกใจครับ”
“ไม่เป็นไรครับ...ผมกำลังจะไปพอดี” เจ้าของดวงตาเรียวที่มองมา...ถ้าผมยังมองเขาเพลินจนเผลอต้องรั้งไว้ไม่ทันแน่
“เดี๋ยวครับคุณ” ทันได้รวบข้อมือเล็กไว้ก่อนที่จะจากไป ผมเพิ่งรู้เดี๋ยวนั้นเอง...ว่ามือตัวเองสั่นจนต้องฝืนใจละออกมาเพราะเกรงว่าเจ้าของผิวกายนุ่มจะรู้ตัว
“สองบอกว่า...คุณเป็นครูของเขา” ริมฝีปากสวยคลี่ยิ้มบาง
“ครับ...ผมชื่อซิน...เป็นครูสอนเต้นรำ”
“นะ นัทครับ...เป็นเพื่อนของพี่ชายสอง หมายถึงสามน่ะครับ เอ่อ...อาจจะงงๆแต่คือ...ผมยังเต้นรำไม่เป็น” พอพูดไปแบบนั้นก็เผลอยกหลังมือปัดปลายจมูกตัวเองเรียกเสียงหัวเราะใสจากอีกคนได้ไม่ยาก อ่า...เขาต้องรู้แน่ว่าผมกำลังเขิน
“ซินจะสอนหลักสูตรเร่งรัดให้” ทุกคนครับ...ผมไม่เคยอยากเรียนเต้นรำเท่าวันนี้มาก่อนเลยจริงๆ
“คุณนัท นัท ได้ยินหรือเปล่า” ผมสะดุ้งน้อยๆจนคุณครูต้องคลี่ยิ้มเหมือนจะแอบขำ ให้ตายเถอะ ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย พยายามไม่มองตาก็เจอจมูกโด่งของเขา...ละจากเครื่องหน้าได้ก็ไปสะดุดตรงผมยาวสวยเผลอมองจนถึงเรือนกายบางถ้าเขาไม่เรียกสติไว้เสียก่อนคงได้มองตลอดคืน
ผมไม่เคยเป็นแบบนี้ สาบานกับแสงจันทร์ดวงโตไว้ตรงนี้เลย...ผมไม่เคยอยากมองใครตลอดเวลาเท่านี้มาก่อน ผม...ไม่อยากละสายตาไปจากเขา
“ต้องก้าวตรงนี้นะครับ ถอยหลังไป...ไม่ใช่นัท คุณต้องก้าวขาซ้ายออกมาก่อน ก้าว ชิด แล้วถอยขาขวา โอเคๆหยุดก่อน” ผมยิ้มแหย...แต่คุณครูใจเย็นเพียงแค่เกลี่ยผมด้านหน้าของตัวเองแล้วยิ้มหวานให้ผม
“คุณเต้นในตำแหน่งผู้ชาย..ผมจะเต้นในตำแหน่งผู้หญิงเอง...วางมือตรงนี้ครับ”
อะ อะไรนะครับ?! ผมไม่ได้เข้าใจหรือได้ยินอะไรผิดไปใช่มั้ย
“วางมือตรงนี้ครับ..ซินจะจับคุณไว้ตรงนี้ ก้าวตามนะ” กลิ่นหอมนี้มาจากไหนครับ...เรือนผมนุ่มที่เผลอแตะผ่าน หรือข้างแก้มหอม...รู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าผิวเนื้อใต้เชิ้ตสีขาวตัวสวยร้อนผ่าว ฝ่ามือนุ่มที่กุมประสานไว้ เรียวมือสวยที่เกาะวางบนไหล่ผม...แรงเต้นของหัวใจจะส่งไปถึงให้เขาหวาดกลัวหรือเปล่า...
ยิ่งระยะห่างของเราใกล้ชิดมากเท่าไหร่เหมือนผมจะยิ่งควบคุมตัวเองไม่ได้เท่านั้น
“ได้ยินเสียงเพลงมั้ยครับ ก้าวตามจังหวะนั้นนะ” ไม่ได้ยิน! ใจผมตอบไปว่าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นนอกจากเสียงของซิน
“เวลาเต้นอย่าก้มมองเท้านะครับ ไม่งั้นจะทำให้คุณติดและชินต้องมองตลอด”
“แล้วผมต้องมองตรงไหน?”
“มองหน้าคู่ของคุณสิครับ” ซิน...ผมจะถือว่าคุณอนุญาตแล้วนะ
“ทำไมคุณไม่ออกไปรวมกับพวกข้างนอก” ถ้าไม่เริ่มสานสัมพันธ์ตอนนี้ พรุ่งนี้เช้าก็ใช่ที่ครับ
“ซินไม่ค่อยชอบ...อีกซักพักป๊าก็จะมารับแล้ว เลยกะว่าจะมาสอนน้องสองอีกแป้บเดียว”
“เลยมานั่งหลบมุมอยู่ตรงนี้...”
“ไม่ได้หลบนะครับ แต่ชอบน้ำพุแล้วก็ดอกไม้ตรงนี้ต่างหาก”
“ไม่กลัวดอกไม้เฉาเลยนะคนเรา”
“หืม?” เรียวคิ้วสวยขมวดเข้าหากัน เขาสงสัยจริงครับ ไม่ได้แกล้งทำอย่างใคร
“เคยมีคนบอกไหม...ว่าคุณสวยกว่าผู้หญิง”
“คนล่าสุดที่พูดแบบนั้นนอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่ครับ”
“คุณต่อยเข้าหลอ?” บอบบางขนาดนี้
“ป่าวครับ...เขาป่วยเอง ไม่เกี่ยวกับซิน” เราสองคนหัวเราะพร้อมกัน แข่งกับเสียงไวโอลินด้านนอกและเสียงของน้ำพุที่ฉีดขึ้นสู่ที่สูงก่อนปล่อยตัวลงมาตามแรงโน้มถ่วง จังหวะก้าวเท้ายังสม่ำเสมอ ผมเลือกที่จะกระชับให้เรือนกายบางใกล้ชิดตัวเองมากขึ้นตามเวลาที่ล่วงเลยผสานเสียงเครื่องสาย สัตว์กลางคืนและเสียงน้ำไหลเอื่อย สายลมอ่อนพัดเอากลิ่นหอมของดอกไม้เข้ามาโอบล้อมเราสองคนไว้แต่มันกลับหอมไม่เท่ากลิ่นกายคนที่อยู่ในอ้อมกอด
เหนือการควบคุมจากคำสั่งสมอง โทษหัวใจเถอะครับที่สั่งให้ผมแตะมือกับปอยผมก่อนเกลี่ยไปทัดไว้ข้างหูขาว พอเจ้าของเขาเงยมอง ข้างขมับก็แตะพอดีกับปลายจมูกโดยไม่ได้ตั้งใจเรียกสีชมพูเรื่อบนแก้มขาวได้น่ามองกว่ากลีบสวยของไม้ดอกไหน โทษเสียงเพลง โทษบรรยากาศเถอะครับที่ส่งผลให้เขาปิดเปลือกตาลง แต่คุณจะโทษผมก็ได้ที่เลือกแตะกลีบปากลงบนเปลือกตาบางเกลี่ยไล้เรื่อยกับแพรขนตาก่อนจะเป็นเจ้าของเรือนกายนุ่มที่ผละตัวออกไป หากยังทิ้งกลิ่นหอมติดปลายจมูกไว้ไม่คล้าย
“คุณบอกผมเองว่าให้มองคู่เต้นแต่คุณกลับก้มจนผมมองไม่เห็น”
“เต้นเก่งแล้วนะครับ...หวังว่าคงไม่ไปเหยียบชายชุดราตรีสาวที่ไหน” เขาหมายความว่ายังไง รู้ไหมทำให้ใจผมกระตุกผิดจังหวะแค่ไหน
“ผมไม่ได้อยากเต้นรำกับใคร”
“น้องสองคงรออยู่ครับ ผมต้องไปแล้ว”
“เดี๋ยวซิน!” ไม่ทันแล้วครับ เขารีบคว้ากระเป๋าของตัวเองตัดผ่านพุ่มไม้ทรงสูงทางประตูด้านหลังบ้านออกไปแล้ว ทิ้งใครคนหนึ่งไว้กับบรรยากาศแสนหวานที่เคยมีเขา เหมือนแขนขาไม่ใช่ของตัวเอง ผมทำอะไรไม่ถูกขยับไปไหนไม่ได้นานหลายนาทีจวบจนเสียงเพลงสากลดังแผ่วให้ตามหาก่อนพบว่ามันส่องแสงสลับแรงสั่นบนเก้าอี้ไม้เลื้อยในศาลา
ผมยิ้มให้กับตัวเอง
คุณรู้ไหมครับว่า...ซินเดอเรลล่าของผมเขาทิ้งอะไรเอาไว้
“สวัสดีครับ”
((ขอโทษนะครับ ผมลืมมือถือไว้...ไม่ทราบว่าพอจะไปรับคืนได้ที่ไหนบ้างครับ))
“ซิน...กลับมาหานัทนะ”
The End.
ผลงานอื่นๆ ของ plural ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ plural
ความคิดเห็น