คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ลำดับตอนที่ 3
Chapter 02 | Trespasser
แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ่านขอบผ้าม่านสีขาวสะอาดตา ภายในห้องพักที่เงียบสงบมีเพียงเสียงลมหายใจของร่างบางที่กำลังหลับใหลอยู่ในห้วงนิทรา นาฬิกาทรงกลมสีเทาขุ่นบนหัวเตียงกระดิกเข็มนาทีสั้นยาวตามหน้าที่ของมัน...ถึงแม้ว่าจะโดนเจ้าของกดหยุดเสียงปลุกที่ดังไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนแล้วก็ตาม
อาจเป็นเพราะเมื่อคืนเขามัวแต่เห่อเดโม่แผ่นใหม่ที่เพิ่งทำเสร็จ จนเกือบลืมจัดเตรียมแบบงานที่ต้องส่งให้ลูกค้าดูในวันนี้ กว่าจะเคลียร์ทั้งกองเอกสารและชิ้นงานออกแบบให้ครบ เวลานอนของกราฟฟิคดีไซเนอร์หนุ่มก็แทบจะล่วงเลยเข้าสู่เช้าวันใหม่ไปเสียแล้ว...ถ้าให้พูดกันตรงๆก็คือเขาเพิ่งจะได้ทิ้งตัวลงบนเตียงก็ตอนก่อนพระอาทิตย์จะขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วนี้เอง
.
.
ก๊อก ก๊อก
"ซินตื่นได้แล้วลูก...วันนี้ไม่ไปทำงานหรือไง?"
"....อือออ"คนถูกปลุกครางเสียงงัวเงีย ซุกตัวหนีเสียงเรียกของผู้เป็นแม่ใต้ผ้านวมผืนหนา...แต่เขาคงจะลืมไปว่า 'หม่าม๊า' ไม่ใช่นาฬิกาปลุก เพราะทันทีที่เขาไม่ให้คำตอบ สุพินยาก็เปิดผลักบานประตูเข้ามาภายในห้อง
ตามจริงแล้วถึงหล่อนจะหวงลูกชายเพียงคนเดียวของหล่อนมาก แต่ก็ไม่บ่อยนักหรอกที่หล่อนจะกล้าถือวิสาสะล่วงล้ำพื้นที่ส่วนตัวของเขา เพราะรู้ดีว่าเจ้าตัวเป็นคนเซนซิทีฟเรื่องอนาเขตมาก ถึงขั้นว่ายอมทำความสะอาดห้องนอนเองทั้งๆที่ไม่ถูกกับงานบ้านสักเท่าไหร่....ถ้าหากไม่ใช่เพราะในวันนี้มีเหตุจำเป็นจริงๆละก็ หล่อนคงไม่บุกเข้ามาในห้องนอนของลูกชายเป็นแน่
"ตื่นได้แล้วซิน ถึงจะไม่มีงานแต่เราก็ต้องลงไปรับแขกข้างล่างนะ...ลุกเร็ว"
"อืออออ อีกห้านาทีนะฮะม๊า"น้ำเสียงหวานครางตอบอีกครั้งเพียงแต่คราวนี้เขาคว้าหมอนใบโตเข้าไปอุดหูใต้ผืนผ้านวมด้วย เรียกเสียงหัวเราะอย่างนึกเอ็นดูจากหม่าม๊าที่ยืนมองอยู่ข้างเตียง...ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปสักกี่ปี หล่อนก็ยังคงเห็นลูกชายของหล่อนเป็นเหมือนเด็กเล็กไม่มีผิด จะว่าว่าหล่อนเลี้ยงดูไม่ดีก็คงไม่ใช่ ถึงแม้ 'ซินเซียร์' จะตัวเล็กผิดจากผู้ชายวัยเดียวกันไปบ้าง แต่เขาก็แข็งแรงดี...ถ้าไม่นับเรื่องที่ความดันต่ำแถมยังป่วยง่ายหนะนะ
"ไม่เอาหน่าอย่าดื้อสิซิน วันนี้เพื่อนอุตส่าห์มาหาที่บ้านทั้งที"ว่าแล้วก็ดึงผ้าห่มสีครีมออกจากตัวลูกชายที่ยังคงหลับพริ้มไม่ได้สติ "ถ้ายังไม่ตื่นอีกหม่าม๊าจะให้เพื่อนซินขึ้นมาปลุกนะ...ไม่อายเพื่อนหรือไง?"
"เพื่อน...?" นัยน์ตาสีน้ำผึ้งปรือขึ้นด้วยความขัดใจ แสงไฟจากหัวเตียงที่สุพินยาเปิดเมื่อครู่ส่องกระทบจนคนนอนไม่พอขมวดคิ้วมุ่ย ตอนเพิ่งตื่นใหม่ๆไม่เคยมีครั้งไหนที่สมองเขาจะประมวลผลได้เป็นปกติสักรอบ...ร่างบางขยับตัวลุกขึ้นนั่งพิงพนักเตียง ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำหวานที่ชงไว้อย่างเจือจางขึ้นมาดื่ม
เพราะความดันในร่างกายเขามันไม่ปกติ ทำให้วิธีนี้กลายเป็นหนึ่งในกิจวัตประจำวันของเข้าไปเสียแล้ว
"จัดการตัวให้เรียบร้อยแล้วเจอกันข้างล่างนะจ้ะ" สุพินยาก้มลงหอมแก้มลูกรักฟอดใหญ่ เธอผละตัวเดินออกจากห้องโทนสีขาวไปรอที่ชั้นล่าง ทิ้งให้เจ้าของห้องนั่งกระพริบตาปริบๆ ไล่ความง่วงที่ยังหลงเหลืออยู่ในหัวรวมทั้งพยายามนึกให้ออกว่าเขาไปนัด 'เพื่อน' คนไหนให้มาหาในวันนี้กัน?
"เทมงั้นหรอ?....."
.
.
"ขอบคุณมากครับ" เด็กหนุ่มในชุดนักศึกษาเอ่ยเมื่อหญิงสาวเพียงคนเดียวของบ้านอาชวานันทกุลยกน้ำดื่มกับขนมทานเล่นในจานแก้วลายสวยมาให้
"ไม่เป็นไรจ้ะ ว่าแต่คุยกันถูกคอเชียวนะหนุ่มๆคู่นี้"สุพินยาแซวเสียงขัน มองไพบูลย์ที่นั่งคุยกับเพื่อนใหม่ของลูกชายอย่างออกรส นานๆทีเธอจะเห็นสามีถูกใจเด็กหนุ่มวัยรุ่นสักหน เพราะส่วนใหญ่ไพบูลย์มักจะเอาแต่บ่นว่าเด็กสมัยนี้มันเฉื่อยฉา ไม่มีความกระตือรือร้นในเรื่องดีๆ ต่างจากสมัยที่เขายังหนุ่มยังแน่น
"ไอ้นี้มันแสบนัก! ฮ่าๆ แล้วสรุปว่าวันนั้นจบสวย?ไม่สวย?"
"คิดว่าไม่นะครับ เพราะสุดท้ายผมก็โดนพ่อจับได้แถมยังถูกสั่งกักบริเวณอีกสองอาทิตย์"เล่าจบคนฟังก็ตบเข่าฉากหัวเราะร่าอย่างถูกอกถูกใจ ส่วนคนเล่าก็ยิ้มตามเมื่อนึกถึงเรื่องสมัยม.ต้นที่เขาเคยขโมยรถยนต์ของคุณพ่อมาขับ เหตุผลในตอนนั้นคือตั้งใจจะเอาไปช่วยตามหาเพื่อนสนิทที่หนีออกจากบ้าน แต่ดันกลายเป็นว่าโดนมันหลอกให้ไปช่วยแข่งรถบนทางด่วนแถมขากลับยังขับไปเจอกับด่านตรวจอีก...เป็นประสบการณ์ที่ซวยซ้ำซวยซ้อนจริงๆ
"ว่าแต่เรียนอยู่มหาลัยไหนหนะเรา"ไพบูลย์ถาม เขารู้สึกถูกชะตากับคนตรงหน้าแบบบอกไม่ถูก...เหมือนกับได้เห็นภาพของตัวเองสมัยก่อนซ้อนทับมันอย่างไงอย่างงั้น...ยิ่งได้คุยยิ่งรู้สึกได้ว่าเจ้าตัวไม่ใช่คนเกเรเหมือนหน้าตา แต่หากเป็นเด็กที่มีหัวคิด รู้จักใช้ชีวิตในแบบที่ชอบแถมยังไม่ทำให้ใครเดือดร้อน
ที่สำคัญมันยังรู้จักเข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ รู้ตัวว่าจะพูดจะจาอย่างไรให้ผู้อาวุโสกว่านึกเอ็นดู
"มศว. เอกเครื่องดนตรีกีต้าร์แจ๊สปี4...จบปีนี้แล้วครับ"
"เอกดนตรี เห็นที่แรกเจ้าซินก็บ่นๆว่าอยากเรียนอยู่เหมือนกัน แต่ไปๆมาๆดันเลือกเข้าสถาปัตย์ซะงั้น" แววตาของไพบูลย์อ่อนลงเมื่อเอ่ยถึงชื่อของลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ซึ่งคนมองเองก็พอจะเดาออกได้ไม่ยากว่าบ้านนี้ทั้งรักและทั้งห่วงลูกขนาดไหน...มิน่าหละ ลูกชายคนเดียวของปะป๊ากับหม่าม๊าถึงได้มีแววตาที่ดื้อเงียบเสียเหลือเกิน
"ว่าแต่ไปรู้จักกับเจ้าซินได้ไงหนะ เป็นทั้งรุ่นน้องแถมยังเรียนกันคนละที่อีก"
"อ่อ พอดีพี่ที่ผมรู้จั---....."
"อรุณสวัสดิ์ครับป๊า" น้ำเสียงหวานที่ดังมาก่อนตัวของทศพรเอ่ยขัดประโยคคำตอบที่แขกกำลังจะพูด อีกทั้งยังเรียกให้ไพบูลย์กับคนที่อ้างตัวว่าเป็นเพื่อนหันไปมองเจ้าของเสียงที่เพิ่งสาวเท้าลงมาจากบันไดบ้านชั้นสองเมื่อครู่
"เทมมาหาซินหรอ?" บ่นออกมางึมๆงัมๆโดยที่ไม่ได้หันไปมองผู้มาเยือนสักนิด...ง่วงนอนชะมัด...พอคิดว่าคนที่มาเป็นปรัชญาเพื่อนสนิทของเขา ทศพรจึงไม่ได้ล้างหน้าล้างหรือเปลี่ยนชุดนอนก่อน สองมือเล็กจับปลายผมที่ยาวระบ่ารวบไว้ด้วยยางรัดสีดำที่หยิบติดมือลงมาจากบนห้อง "อือออออ" แขนเรียวบางยกขึ้นสูงยืดเส้นสายให้หายตึงจนชายเสื้อตัวบางเลิกขึ้นเผยให้เห็นผิวเนื้อขาวใสกับหน้าท้องแบนราบไร้ริ้วรอย
"......" คนที่ถูกเข้าใจผิดอยากพูดออกไปเสียเหลือเกินว่าไม่ใช่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเขาถึงเลือกที่จะนั่งเงียบแล้วมองดู อีกฝ่ายบิดขี้เกียจอย่างเพลินตา...ก็เหมือนกับที่เคยบอกไว้ว่าคนๆนี้มีเสน่ห์แบบแปลกๆ...วันนี้ 'ซินเซียร์' อยู่ในชุดที่ดูสบายๆคล้ายๆกับชุดเมื่อวาน เพียงแต่เปลี่ยนจากเสื้อยืดกับเดฟยีนส์สีเข้ม เป็นเสื้อยืดกับบ็อกเซอร์สีฟ้าอ่อนที่กลืนเข้ากันกับสีผิวขาวสวยน่ามอง
"อือ มีธุระอะไรอ----..หะ....เห้ย!!"
"ไง" อยากจะหัวเราะชะมัด ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจคุณปะป๊าของชายหนุ่มตรงหน้าหนะนะ
"ม--มึง....เอ้ย!! คุณ.......นัท!?"แววตากลมโตเบิกกว้าง ก่อนปากเรียวจะขยับเรียกอีกฝ่ายด้วยสรรพนามที่ฟังดูสับสน...ไอ้บ้านี้มัน! ชื่อนัทใช่ปะ? ไม่สิ!! ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ชื่อ!! แต่ปัญหาคือไอ้ห่านี้มันโผล่มาที่บ้านของเขาได้ไงกัน!?
"เอ้า! ตื่นสายจนลืมชื่อเพื่อนเลยหรือไง"
"นั้นสิครับ น่าน้อยใจนักเชียว"กีต้าร์แมนรับมุขตามไพบูลย์มองคนตัวเล็กกว่าที่ดูกระส่ายกระส่ายคล้ายลูกแมวที่ถูกแกล้งโยนใส่กล่องปล่อยให้หาทางออกไม่เจอ
"ไม่ใช่นะป๊า!!ไอ้นี้มัน!---..."
"กว่าจะลงมาข้าวต้มกุ้งที่ม๊าทำไว้ให้เราเย็ดชืดหมดแล้วมั่ง"สุพินยาที่เดินออกมาจากห้องครัวว่า เล่นเอาลูกชายที่กำลังจะเอ่ยปากเถียงมีอันต้องชะงักไปอีกรอบ "จะให้ม๊าอุ่นให้ใหม่ไหม? น้องนัทเองก็ด้วยเดี๋ยวรอทานข้าวพร้อมน้องซินเลยนะจ้ะ"
"อ่าครับ ขอบคุณนะครับหม่าม๊า"
...หม่าม๊าอะไรกัน...นั้นมันแม่กู!!!
"แปปนะฮะม๊าเดี๋ยวซินมา!"พูดจบก็รีบเดินไปลากคนที่นั่งอยู่บนโซฟาให้ลุกขึ้นยืน ท่ามกลางสายตางงงวยของไพบูลย์และสุพินยา ส่วนคนถูกกระชากก็ได้แต่หันไปผงกเป็นเชิงว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงเพื่อให้ผู้ใหญ่ทั้งสองสบายใจ
"เดี๋ยวมานะครับปะป๊า สงสัยพี่ซินมีเรื่องด่วนอยากจะคุยด้วย"
"ตามสบายๆ" ไพบูลย์โบกมือให้เด็กหนุ่ม เขาเองก็ไม่ใคร่อยากจะรู้ปัญหาระหว่างลูกชายของเขากับเจ้าหนุ่มคนนั้นนักหรอก ยังไงเสียมันก็เป็นเรื่องของวัยรุ่นเขาแหละนะ คงจะทะเลาะกันตามประสาเพื่อนสนิททั่วๆไป "ม๊า อย่าลืมข้าวเช้าส่วนของป๊าหละ" หันไปส่งยิ้มให้ภรรยาสุดที่รัก ก่อนหันกลับมาคลี่แผ่นกระดาษหนังสือพิมพ์ อ่านข่าวสารประจำวันนี้...
□ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □ □
"เฮ้! เดี๋ยวก่อนสิคุณ! เสื้อผมจะหลุดอยู่แล้ว" ขาเรียวยาวชะงักการเดินหลังจากที่โดนฉุดกระชากลากถูให้ตามหลังคนตัวเล็กมาหยุดอยู่ตรงสวนหย่อมข้างบ้าน "ผมมีเรียนต่อนะคุณ...ปล่อยได้แล้วหน่า ไม่มีใครอยากใส่เสื้อขาดๆยับๆเข้าเรียนหรอกนะ"
"มาได้ไง!"
"จะเสียงดังทำไม อยากให้ป๊ากับม๊าคุณตกใจหรือไง"
"กูถามว่ามาได้ไง!!?"สรรพนามการเรียกแทนตัวเองที่ต่างไปจากคราวก่อนทำให้โชติวุฒิรับรู้ได้โดยไม่ต้องเดาว่าอีกฝ่ายกำลังหงุดหงิดมากกกกก...หรืออันที่จริงคงหงุดหงิดตั้งแต่ตอนที่หันมาสบตากับเขาในบ้านแล้วแหละ "ตอบสิวะ!! มึงมาได้ไง?!!"
"ขับรถมาครับ"
"ไอ้เชี้--------ย....อุ๊บ!!"
"บอกว่าอย่าตะโกน! เป็นนักร้องประสาอะไรไม่รู้จักดูแลตัวเอง!" ว่าจะกวนประสาทให้เสียงหวานนั้นต่อล้อต่อเถียงเล่นอีกสักหน่อย แต่ดูท่าว่าคงเป็นไปได้ยากเมื่อว่าที่นักร้องนำของเขาตั้งแง่ดับเครื่องชนเตรียมตะโกนด่าเขาเต็มที่...โชติวุฒิจำต้องอุดปากคนเสียงดีเกินเหตุด้วยฝ่ามือ ก่อนจะล็อคคอให้อีกฝ่ายอยู่นิ่งๆ "ใจเย็นก่อนคุณ ทำยังกับว่าผมจะมาเผาบ้านคุณไปได้"
"อั้ยเอี้ย!! อ่อยอู!!!"
"เชิญดิ้นตามสบายเลยแต่ไม่รับประกันนะว่าผมจะรั้งคุณไหว ระวังได้ลงไปเล่นกับปลาในสระแบบไม่รู้ตัว"เด็กหนุ่มว่าเสียงขัน อ้างถึงบ่อปลาคาร์พที่อยู่ห่างจากจุดที่พวกเขายืนอยู่ไม่ถึงเมตร ซึ่งเป็นคำขู่ที่ได้ผลชะงักเพราะเจ้าของบ้านที่เคยดิ้นอยู่เมื่อครู่หยุดนิ่งทันตาเห็น...ถึงเขาจะอยากหลุดพ้นจากพันธนาการของไอ้เด็กบ้าที่กอดรัดเขาไว้แค่ไหน แต่ก็ไม่อยากจะเสี่ยงลงไปยุ่งกับลูกชายสุดรักสุดหวงของปะป๊าในบ่อสักนิด
...ให้ตายสิ! ขืนตกลงไปแล้วทำระบบน้ำเสียมีหวังโดนป๊าบ่นจนหูชาแน่ๆ
"หายบ้าแล้วใช่ไหม? ถ้าคุณสัญญาว่าจะไม่ตะโกนอีก ผมจะได้ปล่อย"
ใครกันแน่วะที่บ้า!! ไอ้เวรนี้!!
"..." ถึงจะคิดออกไปแบบนั้น แต่ทศพรก็จำต้องทำใจให้สงบก่อนจะพยักให้หน้าอีกฝ่ายแบบส่งๆ เมื่อคนหน้าผิดกฏหมายยอมคลายมือออกร่างบางก็รีบสะบัดตัวหนีเว้นระยะห่างจากอีกฝ่ายเกือบเมตร แถมยังขมวดคิ้วยุ่งจ้องมองด้วยสายตาไม่ไว้วางใจอย่างแรง ทำเอาโชติวุฒิรู้สึกเหมือนกับกำลังโดนแมวขู่ใส่ไม่มีผิด
"น้ำลายเหนียวเป็นบ้า แปรงฟันยังเนี้ย?"
"เสือก!"
"เห้! บอกว่าอย่าตะโกน!!"
...เสียงมึงเบามากเลยงั้นสิ...!
"มึงมาได้ไง!"คำถามเดินถูกรีเพลย์อีกครั้งเป็นรอบที่สาม คนฟังเองที่เริ่มจะอารมณ์ขุ่นตามก็ได้แต่ยืนทำหน้ากวนตีนใส่พลางเช็ดคราบน้ำลายของแมวพยศเมื่อครู่ลงบนกางเกงตัวเอง "ตอบสิวะ!!"
"ก็บอกว่าขับรถมา"
"ไม่ใช่...โอ้ย!!...อย่ากวนประสาทได้ไหม?! กูหมายถึงมึงรู้ได้ไง มาได้ไง มาบ้านกูได้ไง!!?"
"อย่าเพิ่งสติแตกสิคุณ เป็นถึงนักร้องนำทั้งทีหัดถนอมเส้นเสียงในคอหน่อย...เดี๋ยว'วงของเรา'มันจะล่มตั้งแต่ยังไม่เริ่ม" ว่าแล้วก็เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงด้วยท่าทางสบายๆ มองดูคนถูกยัดเยียดตำแห่งให้ยืนกัดฟันกรอดๆ "ถึงผมจะไม่ใช่พนักงานประจำของพี่โดม แต่ก็ไม่ได้หมายความจะเปิดแฟ้มข้อมูลเช็คประวัติลูกค้าไม่ได้นะครับ"
"...."
"ถือว่าผมตอบคำถามคุณแล้วนะ เพราะงั้นเข้าบ้านได้ยังอะ? ผมหิว"
"..."
"เฮ้ คุณ?..."
"...." ดวงตากลมโตสั่นระริกจ้องมองคนไร้มารยาทตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา...นี้มันอะไรกัน ตลกร้ายยามเช้าหรือไง? หรือว่าเป็นความผิดพลาดในชีวิตของเขาที่ดันไปขอร้องให้พี่ยอด พี่ชายในสายรหัสของคณะมาช่วยจัดการเรื่องทำแผ่นเดโม่ให้...หรือไม่ก็เป็นเพราะความซวยที่ดันได้ผู้ชายคนนี้มาร่วมงาน?! แค่คิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ภาพในหัวมันก็ตีกันให้ยุ่งไปหมด
...ปวดหัวเป็นบ้า...
"กลับไปซะ"
"...."
"กูบอกให้กลับไปไง!...อึก!..." ทันทีที่พูดจบโชติวุฒิรีบถลามาช่วยประคองร่างบางที่ทำท่าเหมือนจะล้มพับลงไปบนพื้นเสียดื้อๆ แต่หากพอคนถูกช่วยตั้งสติได้ก็รีบสะบัดตัวออกจากเขาจนร่างเซไปซบกับขอบรั้วบ้าน... "อย่ามาจับ" เจ้าตัวว่าก่อนพยายามฝืนทรงตัวให้ยืนนิ่งๆเหมือนเดิม
"เข้าบ้านเถอะ หน้าคุณซีดมาก" กีต้าร์แมนเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงไปกว่าครึ่ง
"เสือก!"
"นี้คุณ...ผมพูดด้วยดีๆ เมื่อวานคุณเองก็ไม่เห็นจะหยาบคายแบบนี้หรือว่าความจริงแล้วชอบแบบเถื่อนๆ? ผมจัดให้ได้นะ"
นัยน์ตาสีสวยตวัดมองคนพูดอย่างไม่สบอารมณ์...มันไม่รู้ตัวหรอว่าการที่มันแอบหาข้อมูลส่วนตัวของเขา แถมยังบุกรุกมาถึงที่บ้านเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล!! แล้วยังจะมาเรียกร้องให้ฝ่ายเสียหายแบบเขาพูดจาถนอมน้ำใจมันอีกหรือไง!! ไอ้ควายเอ้ย!
"กลับไปซะ ก่อนที่กูจะแจ้งความ!"
"ข้อหาอะไรไม่ทราบ ป๊ากับม๊าคุณก็ต้อนรับผมเป็นอย่างดี...เหอะ!! เป็นการขู่ที่สิ้นคิดมากกกก" เสียงทุ่มลากยาวพลางถอนหายใจกับความหัวรั้นของอีกฝ่าย... "ผมว่าคุณกลับเข้าไปในบ้านเถอะ" ทั้งหน้าซีดแถมยังตัวสั่น เขาไม่รู้หรอกนะว่าสั่นเพราะโกรธหรือเพราะเริ่มจะยืนไม่ไหว แต่ที่แน่ๆถ้ายังไม่รีบพาคนตรงหน้าเข้าบ้านในตอนนี้ มีหวังอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเขาคงได้อุ้มคนเป็นลมเข้าไปให้ปะป๊ากับหม่าม๊าเจ้าตัวตกใจเล่นแหง่ซะ
"บอกว่าให้กลั---เห้ยยย!" ไม่จำเป็นต้องปล่อยให้อีกฝ่ายได้อ้าปากเถียงต่อ...ยังไงเสียก็คงจะพูดแต่ประโยคเดิมซ้ำไปซ้ำมา คือไล่ให้เขากลับไปอีกนั้นแหละ...นึกว่าจะตื้อง่ายกว่านี้ซะอีก หรือว่าแผนการรุกโดยการบุกมาหาถึงบ้านจะได้ผลตรงข้ามกับเขาที่คิดเอาไว้วะ?
กีต้าร์แมนเดินไปคว้าข้อมือบางก่อนจะออกแรงลากให้เดินตามเขาไปทางประตู...แต่ก็นะแมวที่ไม่คุ้นคนมีหรือจะยอมปล่อยให้โดนลากไปได้ง่ายๆ ทศพรทั้งสะบัดมือ ทั้งขืนตัวไม่ยอมเดินตามและที่สำคัญคือเตรียมจะง้างปากตะโกนด่าไอ้คนที่บังอาจมาแตะตัวเขาเต็มที่
เพียงแต่ยังไม่ได้ทันจะได้เปร่งเสียงพูดก็โดนจับล็อคคอไว้เสียชิบ
"ซิน! อย่าทำให้กูโมโห!!"
...ตะ...ตะคอกงั้นหรอ?!...อย่านึกว่ากูจะกลัวนะว้อย!!
"ปล่อย!!"
"เออ! ไว้เข้าไปในบ้านแล้วกูปล่อยแน่ คิดว่าอยากจับนักหรือไง?!" พูดพลางผ่อนแรงที่มือออก เมื่อเห็นว่าผิวเนื้อนอกเสื้อขึ้นสีเข้มเพราะถูกเขาบีบไว้ "เลิกทำตัวงี่เง่าสักที เก่งแต่ปากไม่ได้เจียมสังขารตัวเองเลย"ว่าแล้วก็อาศัยจังหวะที่ทศพรยืนอึ้ง(นึกคำด่า)กระชากตัวให้เดินตามเขามาอีกรอบ...คราวนี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอีกฝ่ายเลิกต่อต้านหรือเริ่มจะหมดแรงถึงได้ยอมเดินตามหลังเขามาแต่โดยดี แม้ว่าจะยังไม่หยุดสะบัดมือออกจากการจับกุมก็ตาม
.
.
พอกลับมาถึงภายในห้องรับแขก คนหน้ามึนก็จัดการปล่อยมือลูกชายประจำบ้านอาชวานันทกุลออกก่อนจะยกยิ้มให้ไพบูลย์ที่เตรียมเดินเข้าไปในห้องครัว "คุยรู้เรื่องแล้วก็มากินข้าวกินปลาซะ จะเก้าโมงอยู่รอมร่อ เดี๋ยวก็ไม่ทันงานทันเรียนกันหรอก"
"วันนี้ผมขอตัวก่อนดีกว่าครับ...ขืนอยู่ต่อจะพาลทำให้ใครบางคนทานข้าวไม่ลงเอา" ประโยคหลังเขาว่าพลางเหล่มอง 'ใครบางคน' ที่ยืนอยู่ข้างๆ
"อ้าว ไม่อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนหรอจ้ะน้องนัท"
"ขอโทษนะครับหม่าม๊า พอดีวันนี้ผมมีเรียนสิบโมงกลัวว่าจะไปไม่ทัน ไว้โอกาสหน้ารับรองว่าไม่พลาดแน่ๆ" เด็กหนุ่มหันไปตอบสุพินยาในชุดผ้ากันเปื้อนสีหวานด้วยรอยยิ้มที่ทำให้หล่อนรู้สึกกระชุ่มกระชวย...เป็นรอยยิ้มที่ดูหล่อตามประสาทผู้ชายทั่วๆไป แตกต่างจากรอยยิ้มของลูกชายหล่อนที่ค่อนไปทางสวยเกินกว่าจะดูเท่
"ช่วยเอา 'โอกาสหน้า' โยนใส่รถกลับไปด้วยเถอะ!" ว่าแล้วก็เขม่นตาใส่จนร่างสูงได้แต่ระบายยิ้มให้อย่างอ่อนใจ กีต้าร์แมนดันหลังให้คนปากเก่งแต่หน้าซีดเซียวนั่งลงบนโซฟา ก่อนตัวเขาจะหันกลับมายกมือไหว้บอกลาผู้ใหญ่ทั้งสองอีกรอบ
"ขอตัวก่อนนะครับ"
"ขับรถดีๆนะจ้ะ"
เป็นครั้งแรกที่ทศพรเห็นแล้วรู้สึกอยากสาปแช่งให้เพื่อนร่วมโลกรถคว่ำตายไปเสีย ในตอนนี้เขาทั้งหงุดหงิด โมโห ไม่สบอารมณ์ แถมความคิดต่างๆในหัวยังตีกันให้ยุ่งไปหมด มันเป็นความรู้สึกเหมือนโดนแย่งอนาเขตความเป็นส่วนตัวไปโดยที่ไม่เต็มใจแบ่งให้สักนิด!! ไม่อยากแม้แต่จะคิดว่ามันจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกซ้ำสอง...เพื่อนก็ไม่ใช่! แถมเขายังเกลียด เกลียด!! เกลียดไอ้คนที่เพิ่งเดินออกจากประตูบ้านเขาไปจนอยากจะฆ่ามันให้ตายๆไปซะ!!
คิดแล้วก็ปวดหัวจนอยากจะหลับเสียให้รู้แล้วรู้รอด "...อึก..." ปากบางขบแน่นเมื่ออาการบีบรัดตรงขมับตึงจนรู้สึกชาไปทั่วร่าง ใบหน้าหวานซีดเซียวลงจนคนเป็นแม่ต้องรีบรุดตัวเข้ามานั่งข้างๆ ก่อนจะเอามือทาบทั่วหน้าของลูกชายที่เย็นเฉียบเสียจนสุพินยารู้สึกตกใจ หล่อนถามไถอาการของคนป่วยด้วยความเป็นห่วง
"ไม่เป็นไรฮะม๊า ซินแค่ปวดหัวนิดหน่อย"
"นอนไม่พออีกหละสิ รู้ว่าตัวเองเป็นความดันต่ำก็ยังจะนอนดึกๆดื่นๆอีก" ไพบูลย์บ่นแต่หากก็เดินไปเปิดตู้ยา หยิบซองวิตามินซีออกมาฉีกชงให้
"ก็เมื่อคืนซินมีงานที่ต้องเคลียร์อะ แล้วบ่ายนี้มีนัดกับลูกค้าที่บริษัทอีก...ไปส่งซินด้วยนะฮะป๊า" เบื่อโรคประจำตัวของตัวเองเป็นบ้า...แต่ปกติแล้วต่อให้เขาจะนอนไม่พอก็เถอะ อาการก็ไม่เห็นจะกำเริบหนักขนาดนี้เสียหน่อย ถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้ต้องมาปวดประสาทแถมยังต้องออกแรงแต่เช้ากับไอ้เชี้ยนั้น...ให้ตายสิ บ้าชะมัด บ้า!!บ้า!!บ้า!!
...โอ้ย!! หงุดหงิด!!
"ม๊า! หมอนั้นไม่ใช่เพื่อนซินนะ!! ถ้ามันโผล่หัวมาอีกห้ามประตูให้เข้ามาในบ้านเราเด็ดขาด!!" คิ้วเรียวขมวดมุ่ยมองหน้าหม่าม๊าที่พยักหน้ารับคำ พลางรับแก้ววิตามินซีกลิ่นส้มที่ปะป๊ายื่นมาให้
"ทานแล้วก็ไปนอนพักซะ เดี๋ยวสายๆหม่าม๊าจะขึ้นไปปลุก" สุพินยาบอกเสียงหวาน หล่อนกับไพบูลย์มองหน้ากันก่อนจะหลุดยิ้มออกมาด้วยความขบขัน
นานๆทีจะได้เห็นชายหนุ่มน็อตหลุดถึงขั้นประกาศตัดขาดกับเพื่อนตัวเองแบบนี้...ในฐานะคนเป็นพ่อเป็นแม่ถึงจะแอบเป็นห่วงแต่ก็อดคิดไปไม่ได้ว่า เป็นเพราะ 'สนิทกันมาก' เลยทำให้แคร์(?)มากสินะ เนื่องด้วยนิสัยเดิมของลูกชายถ้าคิดจะเกลียดใครจริงๆหละก็ คงเลือกที่จะเงียบและไม่พูดด้วยเสียมากกว่า...การแสดงออกว่าโกรธทั้งทางกายและวาจาแบบนี้ 'ซินเซียร์' ของพวกเขาไม่ได้ทำให้ได้เห็นกันบ่อยๆ
เอาเถอะ ยังไงเสียก็เป็นเรื่องของวัยรุ่นเขานั้นแหละ ถ้าคุณลูกแสนดีที่อยู่ในโอวาทมาโดยตลอดจะนึกอยากหันมาลองเหวี่ยงดูบ้าง มีหรือพ่อแม่ที่ตามสปอยแทบทุกเรื่องจะกล้าขัดใจ...พวกเขาคงได้แต่หวังว่าหนุ่มๆจะคืนดีกันได้ในเร็ววันนี้ เพราะทั้งไพบูลย์และสุพินยารู้สึกชอบเพื่อนสนิทคนใหม่ของลูกชายเสียเหลือเกิน
To Be Continue.
Talk: ฮัลโหล่วววว ปลั๊กอินบินได้(?)ขอทอล์ค...อีกแล้ว
แต่ในตอนที่ 2 หลังจากอ่านจบก็พอจะมองออกกันแล้วใช่ไหมคะ ว่าตัวละครในเรื่องป่วยยังไง?55 มีอย่างที่ไหนบุกรุกบ้านคนอื่นหน้าด้านๆ = * = เห็นคุณซินในเรื่องเธอดูโมโหแบบน่ารักๆ(?) แต่ความจริงแล้วเธอโมโหมากนะคะ (ลองมองในมุมกลับกัน ถ้าเราโดนคนที่เกลียดขี้หน้า บุกมาหาถึงบ้านดูสิ...แม่จ้าว...เหอ ไม่อยากจะคิด...) เพราะงั้นอิปลั๊กจึงนิยามนิสัยมือกีต้าร์ในเรื่องนี้ว่า "ป่วยมาก" และมันจะป่วยหนักยิ่งขึ้นไปอีกในต่อถัดๆไป - . , -
ปล.ชื่อคุณพ่อคุณแม่ซินเป็นนามสมมติ..คือตามจริงชื่อป๊าน่าจะถูกแหละ(มั้ง) แต่เก๊าไม่รุ้ชื่อม๊างะ55 ใครรู้บอกหน่อยน้า!!
ปล.ถ้าเห็นไม่อัพเกินหนึ่งอาทิตย์ แปลว่ากำลังตบมอนเก็บเวลในเกมทริคเตอร์อยู่นะคะ(แย่55) ตามจิกตบตีได้ที่ @pluginnnn
รักคนอ่านเน้อ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์อีกรอบ เวิ่นยาวมาก ขออภัย555
ความคิดเห็น