ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] Fiction Singular #Fever+

    ลำดับตอนที่ #2 : ลำดับตอนที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ค. 55







           Chapter 01 | Hate at first sight.







       Tosaphorn Achawanuntagul {Sincere}  

     

    "ทด-สะ-พอน...อะ-ชา-วัน-อัน-ทา-กูน?...หรือ อัน-ทะ-กุน?" นักดนตรีหนุ่มไล่สายตาอ่านตัวหนังสือภาษาอังกฤษที่เขียนแบบเขี่ยๆบนแผ่นกระดาษขาวด้วยใบหน้าไม่สมอารมณ์...อยากจะถามเจ้าของชื่อเสียเหลือเกินว่าเขียนภาษาไทยแบบคนปกติไม่เป็นหรือไงกัน หรือไม่อย่างน้อยๆถ้าอยากจะโชว์สกิลการเขียนภาษาสากลขั้นเทพ(?) ทำไมไม่ถึงไม่เลือกใช้ตัวพิมพ์ที่มันอ่านง่ายกว่านี้วะ

     

    แม่งล่อตัวเขียนมาทั้งดุ้น....อ่านยากชิบหาย...

     

    "อ่านว่า อา-ชะ-วา-นัน-ทะ-กุน" ปากเรียวบางขยับบอกด้วยน้ำเสียงติดกระชาก ก่อนจะเก็บแผ่นเดโม่ที่เพิ่งอัดเสร็จใส่กระเป๋าสะพายสีน้ำตาลเข้ม "ขอตัวก่อนนะครับ ขอบคุณสำหรับไลน์กีต้าร์"

     

    "เดี๋ยวสิคุณ...ชื่ออะไรนะ...ซินเซียร์ใช่ปะ?"ประโยคหลังโชติวุฒิว่าพลางมองแผ่นกระดาษในมือ รั้งให้คนที่เตรียมลุกต้องหยุดนั่งลงฟังอีกรอบ "เห็นพี่โดมบอกว่าคุณมีเพลงที่จะให้ช่วยใส่ไลน์กีต้าร์อีกไม่ใช่หรือไง หรือจะไม่ทำเดโม่แล้ว?"

     

    ...ทำ!! แต่ไม่ทำกับมึง!...

     

    ร่างบางคิดในใจ ก่อนตีหน้านิ่งนึกหาคำปฏิเสธที่ฟังดูนุ่มนวลที่สุดเท่าที่สมองจะประมวลได้ "พอดีหลังจากช่วงนี้ไปผมไม่ค่อยว่าง เลยเลื่อนโปรเจคเอาไว้ก่อนหนะ" ตอบทั้งๆที่เลี่ยงไม่สบตา จนคนที่นั่งมองอยู่พอจะจับเค้าได้ลางๆ

     

    "ไม่ใช่ว่าไม่พอใจผมหรอกใช่ไหม?"กีต้าร์แมนถามออกไปตรงๆตามนิสัยขวานผ่าซากของเขา ซึ่งมันเป็นคำพูดที่ทำเอาทศพรสะอึกนิดหน่อย...จะว่าไม่พอใจก็ไม่เชิง เพียงแต่รู้สึกไม่ถูกชะตาด้วยเท่าไหร่นัก ถ้าเลี่ยงได้ก็อยากเลี่ยง...เขาค่อนข้างเลือกคบคน ไม่ว่าจะฐานะเพื่อนทั่วไปหรือเพื่อนร่วมงาน

     

    ใจจริงก็อยากจะบอกดนัยตั้งแต่ต้นแล้วว่า เขาไม่อยากทำงานร่วมกับนักดนตรีคนนี้ต่อ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธคำชวนยังไง เพราะทางดนัยเองก็ดูเหมือนจะอยากให้พวกเขาสองคนเซ็ทวงกันเสียเหลือเกิน ถึงได้พยายามพรีเซ็นต์ข้อดีของรุ่นน้องตัวเองจนหมดเปลือก ไม่ว่าจะเป็นผลงานก่อนๆที่นายโชติวุฒิเคยทำมา หรือรางวัลจากการแข่งขันต่างๆที่เคยได้รับ

     

    ก็ต้องยอมรับแหละนะถ้าหากวัดกันจากชิ้นงาน เพราะฝีมือของผู้ชายคนนี้มันจัดได้ว่า...ดีมาก...แถมในเพลงของเขายังมีอีกหลายจุดที่ได้คนตรงหน้าช่วยแก้ไขให้ โดยเฉพาะบางท่อนที่ทำนองฟังดูแปลกๆ ก็ได้มือกีต้าร์คนนี้เรียบเรียงให้ใหม่ทั้งหมด เขาเองที่ไม่ค่อยรู้เรื่องดนตรีถ้าไม่ได้มันช่วยเอาไว้ก็คงแย่เหมือนกัน

     

    พอมานั่งนึกๆดู ก็แอบอยากร่วมงานต่อด้วยหรอก...ถ้าไม่ติดว่า...

     

    "ตอบสิคุณ มีอะไรอุดปากอยู่หรือไง?"

     

    ไอ้ห่านี้...สันดานเสียเป็นบ้า!!!

     

    "ขอตัวก่อนนะครับ ผมว่าเราคงทำงานร่วมกันไม่ได้"มารยงมารยาทไม่จำเป็นต้องรักษากันอีกต่อไปเมื่อคู่สนทนาของเขาทำตัวเหมือนไม่เห็นค่ามันมาตั้งแต่ต้น ร่างบางกระชับกระเป๋าสะพานบนไหล่ก่อนจะลุกขึ้นเตรียมเดินไปบอกลาดนัยที่ชั้นล่าง แต่หากยังไม่ทันจะได้ก้าวขาออกจากห้องอัดเสียง ก็โดนคนตัวสูงกว่าดึงแขนเอาไว้เสียชิบ

     

    "อย่าเพิ่งสิคุณซินเซียร์ คุยกันให้มันรู้เรื่องก่อนดีกว่าไหม? ขืนคุณลงไปทั้งๆที่อารมณ์เสียแบบนี้มีหวังผมโดนพี่โดมเล่นตาย"

     

    "ขอสงวนชื่อซินเซียร์ไว้ให้คน 'สนิท' เรียกเท่านั้นครับ ช่วยเรียกว่า 'ซิน' หรือไม่ก็ 'คุณ' เหมือนเดิมเถอะ" พูดจบก็สะบัดแขนออกจากฝ่ามือของอีกฝ่าย เล่นเอาคนที่จับอยู่เมื่อครู่หลุดหัวเราะออกมาด้วยความขบขันกับอาการหวงตัวเกินเหตุของผู้ชายตรงหน้า

     

    "ก็คุณเขียนให้ผมแบบนั้น ผมก็แค่เรียกไปตามชื่อที่คุณเขียน"โชติวุฒิชูกระดาษโน้ตให้เจ้าของลายมือดู "งั้นขออณุญาติเรียกว่าซินแล้วกัน ส่วนคุณจะเรียกผมว่านัทก็ได้ไม่มีปัญหา เพราะผมไม่หวงชื่อเล่นและก็ไม่สงวนสิทธิไว้ให้ใครเรียกทั้งนั้น"

     

    "นี้คุณ!!"

     

    "ว่าไงครับ ซิน?" รอยยิ้มยียวนอ้อนบาทาเล่นเอาคนมองอยากจะกระทืบคนตรงหน้าให้จมดิน...ไอ้เด็กเปรตนี้มัน!!

     

    "ให้มันน้อยๆหน่อยผมไม่ใช่เพื่อนเล่น แถมยังอายุมากกว่าคุณด้วยซ้ำ อย่ามาปีนเกลียว!"

     

    "งั้นคุณก็ช่วยกลับไปนั่งที่ คุยกับผมให้เคลียร์ก่อนไม่ใช่ลุกหนีแบบ 'เด็กๆ' เหมือนเมื่อกี้...ตกลงไหมครับ?" ร่างสูงบอกก่อนจะผายมือไปทางโซฟาตัวเดิมที่อีกฝ่ายเคยนั่งอยู่เมื่อครู่ ทศพรเองที่อารมณ์เสียจนเริ่มเข้าขั้นหงุดหงิด(มาก)ก็ได้แต่กัดฟันเดินไปทิ้งตัวนั่งลงอย่างจำใจ...อาจเพราะไม่อยากโดนสบประมาณจากคนที่เด็กกว่าอีกเป็นครั้งที่สอง

     

    "ช่วยพูดให้จบภายในห้านาทีด้วย ผมมีนัดทานข้าวกับที่บ้านตอนเย็น"

     

    "ผมเองก็มีสอนเหมือนกัน แถมยังเลยเวลามาเกือบสิบนาทีแล้วด้วยซ้ำ"ถึงจะปากบอกไปแบบนั้น แต่กีต้าร์แมนก็จัดการส่งเมสเสจขอเลื่อนวันเรียนกับลูกศิษย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว...ไม่บ่อยนักหรอกที่จะได้เห็นครูโชผิดนัด ถ้าไม่ใช่เพราะเขารู้สึกถูกชะตากับนักร้องหนุ่มตรงหน้าหละก็นะ

     

    ...จะพูดว่าไงดี...

     

    ร่างบางตรงหน้าเป็นผู้ชายที่ดูมีเสน่ห์แบบแปลกๆ ทั้งเสียงพูด เสียงร้อง บุคลิกภาพ รูปร่างหน้าตา ชวนให้เขารู้สึกอยากเข้าหาอย่างน่าประหลาด...เรือนผมหยักโสกสีน้ำตาลเข้มยาวระคอล้อมรอบใบหน้ารูปไข่ที่ติดไปทางหวานเสียมากกว่าหล่อ กับน้ำเสียงที่ฟังดูกังวานกว่าเสียงของผู้ชายทั่วๆไป ถ้าบอกว่าถูกใจก็คงจะใช่ แต่ไม่หมายความว่าเขาจะนึกชอบผู้ชายด้วยกันเองขึ้นมานะ... เพียงแต่อยากคบหาในฐานะเพื่อนร่วมงานตามที่ดนัยแนะนำเท่านั้น

     

    ...ถ้าได้ทำวงด้วยกันมันคงสนุกพิลึก...ส่วนจะรุ่งหรือร่วงนั้นไว้ค่อยมาลุ้นกันอีกที

     

    "เหอะ พวกไม่ตรงต่อเวลา" ทศพรพูดเสียงขึ้นจมูกอย่างนึกดูถูก ไม่ว่าไอ้เด็กบ้าตรงหน้าเขาจะพูดจะจาอะไรในตอนนี้ก็ดูขัดหูขัดตาไปเสียหมด ทั้งที่ปกติเขาไม่ใช่คนที่จะรู้สึกอคติหรือเหม็นขี้หน้าใครง่ายๆ แต่กับไอ้ห่านี้....อย่าให้พูดเลยเถอะ!!

     

    "ใครกันนะ....ที่กว่าจะมาถึงห้องอัดก็เลตไปเกือบครึ่งชั่วโมง?" รอยยิ้มแบบผู้เหนือกว่าของคนที่นั่งเอามือรวบไว้บนตักบ่นออกมาลอยๆ เล่นเอาคนฟังฉุนกึกจนแทบจะเหวี่ยงกระเป๋าสะพายข้างตัวใส่หน้าไอ้คนพูดด้วยความหมั่นไส้

     

    ...คนมันไม่เคยมา!! ก็ต้องมีหลงทางกันบ้างสิวะ! แปลกนักหรือไง!!...  




    "จะเข้าเรื่องได้ยัง!" ยิ่งหงุดหงิดก็ยิ่งรู้สึกแพ้ เขาเลี่ยงที่จะต่อล้อต่อเถียงต่อด้วยความระอา(หรืออีกนัยคือสู้ไม่ได้) ปล่อยให้คนสันดานเสียหัวเราะหึๆในคอ ชวนให้อารมณ์ขุ่นมัวจนอยากจะลุกหนี...แต่ก็นะใครจะยอมโดนด่าว่า 'เด็ก'  ซ้ำสองกันหละ!

     

    "ผมก็แค่จะบอกว่า ถ้าเราสองคนจะทำวงร่วมกั----"

     

    "ผมขอปฏิเสธ" น้ำเสียงหวานแทรกขึ้นมาโดยที่ไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ "หมดธุระของคุณแล้วใช่ไหม ผมจะได้กลับ"

     

    "เดี๋ยวก่อนสิคุณ!" โชติวุฒิรีบห้ามเมื่อว่าที่เพื่อนร่วมวงคนใหม่ทำท่าจะหนีเขาไปอีกรอบ "ทำตัวคิดมากเหมือนพวกผู้หญิงไปได้....ถ้าผมทำอะใรให้ไม่พอใจก็ขอโทษด้วยแล้วกัน" ใช่จะไม่รู้ตัวว่าวันนี้เขาเผลอยั่วโมโหร่างบางบ่อยแค่ไหน ทั้งที่ปกติเขาไม่ใช่พวกยียวนกวนประสาทคนอื่นพร่ำเพื่อ กาลเทศะเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้จัก มารยาทก็มีอยู่มากพอตัว...แต่เป็นเพราะ 'ซิน' อีกนั้นแหละ ที่แสดงท่าทางออกอาการเวลาโดนแหย่ได้น่ามองเสียเหลือเกิน โดยเฉพาะเวลาขมวดคิ้วเบะปากเหมือนที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้

     
    "เหอะ ก็รู้ตัวนิ"

     

    "..."

     

    "ขอรับคำขอโทษไว้แล้วกัน ยังไงซะผมก็ไม่ถือสา 'เด็ก' หรอก" พูดจบก็ขยับมุมปากยิ้มด้วยความพึ่งพอใจ รู้สึกว่าชนะขึ้นมาบ้างก็ตอนที่ได้เอาคืนมันด้วยคำพูด ถึงแม้ฝ่ายที่โดนสบประมาณจะยักไหล่เหมือนไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรก็ตาม

     

    "งั้นรบกวน 'พี่ซิน' ช่วยพิจารณาเรื่องทำวงของเราอีกรอบได้ไหม?"

     

    "...เรื่องนั้นผมขอพูดตรงๆเลยนะว่าผมค่อนข้างไม่สะดวกใจ


    "..."


    "เพราะคำว่า 'วง' ของผมมีไว้สำหรับคนที่มีนิสัยเข้ากันกับผมได้ แค่ข้อนี้ 'น้องนัท' ก็ไม่ผ่านแล้ว...ไม่ผ่านอย่างแรงด้วย" ปากเรียวยกยิ้มให้กีต้าร์แมนตรงหน้า "ถือว่าเป็นคำตอบที่เคลียร์แล้วนะครับ ขอโทษที่ทำให้เสียเวลา"ร่างบางลุกขึ้นยืนพลางสะบัดชายเสื้อยืดที่ยับย่นให้เข้าที่ หันมาปรายตามองคู่สนทนาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินออกจากห้องที่ทนขลุกอยู่มาเกือบห้าชั่วโมง นับตั้งแต่เริ่มอัดเดโม่  

     


    ...ทิ้งให้มือกีต้าร์ขั้นเทพนั่งทำหน้าปั้นยากด้วยอารมณ์หงุดหงิดแบบบอกไม่ถูก



    เหอะ!!...คิดว่าง้อหรอวะ มีอีกเป็นล้านคนบนโลกที่ร้องเพลงได้!


     

    "...ไร้สาระ" ถึงจะบ่นออกมาแบบนั้น แต่ตอนที่ลุกไปจัดการเก็บกีต้าร์ตัวโปรดใส่กระเป๋า เขากลับเผลอออกแรงเหวี่ยงลูกรักไปชนกับขอบเหล็กตรงมุมกล่องแอมป์อย่างจัง เล่นเอาบอดี้ไม้ลายสวยยุบตัวเข้าไปด้านในเกือบเซน...


    สำหรับคนรักกีต้าร์แล้ว ไม่จำเป็นต้องสรรหาถ้อยคำใดๆมาบรรยายกับเหตุการณ์สดที่เพิ่งเกิดขึ้นตรงหน้า เพราะนอกจากจะอึ้งจนพูดไม่ออก โชติวุฒิยังหัวเสียเสียจนต้องรีบยัดเครื่องดนตรีคู่ใจใส่กระเป๋าให้พ้นตา... รอยลึกขนาดนี้ไม่มีทางกลับไปซ่อมเองที่บ้านได้แน่ๆ มีหวังต้องเอาไปทิ้งไว้ที่ร้านพี่โชคอีกเป็นอาทิตย์แหง่ซะ

    .
    .

     



    "ไอ้เหี้ยนัท! ทำเรื่องแล้วไงหละมึง!!" เสียงที่ดังมาก่อนตัวของดนัย ทำเอาชายหนุ่มยิ่งรู้สึกหงุดหงิดหนักขึ้นไปอีก แต่หากพอรุ่นพี่เจ้าของห้องอัดเสียงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า เตรียมจะอ้าปากด่ารุ่นน้องตัวดีต่อก็มีอันต้องชะงัก...เพราะคนโดนด่ามันหันมาปั้นหน้ายักษ์ใส่เสียดื้อๆ

     

    "พี่โดม!!"

     

    "อ...อะ..อะไร!?"  

     

    "เด็กพี่เสร็จผมแน่!!!" น้ำเสียงทุ่มประกาศกร้าว ก่อนจะยกกระเป๋ากีต้าร์ขึ้นพาดบ่าปล่อยผู้อาวุโสกว่ายืนอึ้ง

     

    "เชี้ยนัท มึงจะทำอะไรซิน!! นั้นมันรุ่นน้องไอ้ยอดเพื่อนกูนะเว้ยยยย ใจเย็นก่อนมึง!! แดรกกาแฟอะๆกูยกให้เลย!" ดนัยรีบห้ามเพราะพอจะรู้จักนิสัยของเด็กคนนี้ดี เขายัดกระป๋องกาแฟเย็นที่ดื่มไปเกือบครึ่งใส่มือคนอารมณ์ร้อนด้วยความกังวล แต่หากคนรับกลับส่งคืน แล้วเดินออกจากห้องไปแบบไม่พูดไม่จา



    "ไอ้นัทอย่าเพิ่งไป!! มึงๆ เห้ยยยๆ ไอ้จั๊กจับเชี้ยนัทไว้ กูยังไม่อยากไปโรงพักกกกกกก" 



    แม่งเอ้ย...ไร้สาระเป็นบ้า!!!
















    To Be Continue.


    Talk: ประโยคสุดท้ายที่นัทคิดในฟิค...ขอมอบให้คนแต่ง(ฮา)

    วันนี้อิปลั๊กขอแอบออกมาทอล์คนิดนึงนะคะ...เรื่องชื่อฟิค Fever+ ชื่อเต็มของมันคือ Fever Plus ความหมายตรงตัวเลยค่ะ จะแปลว่าตื่นเต้น คลั่งไคล้ เป็นไข้(?)หรืออะไรก็ตามสะดวกเลย ส่วนคำว่า Plus อิปลั๊กใส่มา เป็นการขยายความให้มันดูเยอะเป็นพิเศษ เพราะอยากจะสื่อว่าอารมณ์ของตัวละครฟิคเรื่องนี้ ดูป่วยๆ55 ป่วยมากๆไม่ก็คลั่งมากๆ...อ่านไปเรื่อยๆแล้วจะเข้าใจเองว่ามันดูเพ้อๆป่วยๆยังไง ^ ^ ขอบคุณนักอ่านที่ติดตามนะคะ แต่ขอแอบแจ้งไว้อีกนิดนึงว่าแต่ละตอนที่อัพจะสั้นยาวไม่เท่ากันนะ เพราะเขียนเสร็จก็อัพเลย...ถ้าบางตอนดูสั้นๆก็อย่าตกใจไปเน้อ จะพยายามอัพถี่ๆแทนแล้วกัน

     



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×