ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    You're my Key!!!

    ลำดับตอนที่ #3 : You're my Key!!! ตอนที่ 3 ขอโทษนะ แต่หลังจากนี้ นายอยู่ไม่เป็นสุขจริงๆแล้วล่ะ

    • อัปเดตล่าสุด 22 ต.ค. 56


    YOU'RE MY KEY!!!

    ปรอทแตก

    3

    ขอโทษนะ แต่หลังจากนี้ นายอยู่ไม่เป็นสุขจริงๆแล้วล่ะ

     

     

     

    กริ๊งๆ!

                กริ๊งๆๆ!!

                เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น เสียงนี้มันน่ารำคาญจัง คนจะนอน

    เสียงนั้นดังสั่นประสาทขึ้นเรื่อยๆ

                อ๋อย รอเดี๋ยวนะ อีกห้าวินาทีรับรองจะตื่นไปปิดเจ้าแน่ นาฬิกาตัวป่วน

                กรี๊งๆๆๆ

                อีกแป๊บเซ่!

                ฉันทำท่ายันตัวขึ้นเตรียมจะคลานไปปิดเสียงสั่นประสาทนั้นแต่เพียงแค่ยันตัวขึ้นร่างเจ้ากรรมก็ทรุดลงนอนราบบนเตียงเหมือนเดิม

                กริ๊งๆๆๆๆ

                เกร็กๆ กึก

                ..................

                เสียงนาฬิกาปลุกนั่นเงียบหายไป  ลุกไม่ไหวอ่ะ ขอนอนอีกแปบนะ

                ชินกูรานึน อีรึม ออนึแซ มีวอจินอีรึม~

                “ยอโบเซโย อ่า เดะๆ”เสียงทุ้มต่ำนั่นทำให้ฉันสะดุ้งทันทีเพราะเสียงนั้นมันดังเหมือนมีคนมากระซิบข้างหู ไม่ต้องเดาอะไรเลยคีย์นอนข้างๆฉันแน่นอน เมื่อนึกได้อย่างนั้นความโกรธด้วยว่ารู้สึกเสียสาวได้ถาโถมเข้ามา กับผียังไม่เว้นจริงๆ กร๊าซ

                มือฉันกำผ้าแน่นด้วยความโกรธ ยังไม่ทันได้สงบสติอารมณ์ มือของเขาที่ถือโทรศัพท์ก็พาดลงมาที่ตัวฉัน ความรู้สึกเสียสาวก็เพิ่มขึ้นเป็นกำลังสอง นายตายแน่คีย์

    ร่างกายฉันหันไปทางฝั่งตรงข้ามหวังจะวีนใส่ให้หายโกรธสักนิด แต่เมื่อหันไป กลับกลายเป็นว่าใบหน้าฉันปะทะเข้ากับอกหนาของคีย์เข้าอย่างจังพร้อมกับร่างของตัวเองที่แข็งทื่อขึ้นมาดื้อๆ ระหว่างนั้นคีย์ก็รัดอ้อมกอดให้แน่นขึ้น

    ทำไมอยากจะยิ้มนะ ไม่เข้าใจตัวเองเลย

    ที่ยอมก็เพราะอยากกลับไปหาครอบครัวเร็วๆหรอกนะ ไม่ใช่เพราะนายแน่นอน

    ห้านาทีผ่านไป...ยังคงอยู่ในอ้อมกอดเขาเหมือนเดิม

    สิบนาทีผ่านไป...เมื่อไหร่จะตื่นเนี่ย

    หลังจากที่อยู่ในอ้อมกอดเขาสักพักคีย์ก็เริ่มขยับตัว จากนั้นไม่กี่วินาทีเขาผละฉันออกแล้วเด้งตัวขึ้นจากเตียงนอน ปฏิกิริยาของเขาแบบนั้นทำให้ฉันรีบหลับตาทันที ตอนนี้เดาว่าเขาคงกำลังมองฉันอยู่ล่ะสิ

    ปัง!

    ยังไม่ทันคิดจบ เสียงประตูก็ดังขึ้น เป็นที่แน่นอนแล้วว่าเขาไม่สนใจฉันเลย ที่ฉันคิดไปมันผิดทั้งหมด อะไรกัน เสียทั้งตัว เสียทั้งหน้า(หน้าแตก) โฮกก TTOTT

     

    ฉันสาวเท้าเดินทะลุประตูออกมาอย่างเงียบๆหลังจากที่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงซะหลายรอบเพื่อจะโยนความรู้สึกอับอายเมื่อครู่ออกไป เฮ้อ แต่สุดท้ายมันก็ไม่ช่วยอะไรเลย

    เดินตรงไปเรื่อยๆ แม้จะรู้ว่าตรงหน้ามีสิ่งกีดขวางอยู่ แต่มันไม่มีผลอะไรกับตัวเองอยู่แล้ว ก็ทะลุมันได้หมดนี่

    แปลกจังทำไมมันเงียบชอบกล

    จากที่เดินเรื่อยเปื่อยก็เริ่มกวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อหาคีย์

    คีย์ไม่อยู่ที่นี่เหรอ ปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียวได้ยังไงเนี่ย!

    ช่างเถอะ  เขาไม่สนใจฉัน แล้วฉันจะไปสนใจเขาทำไม

    คิดได้ดังนั้นขาก็ก้าวเดินฉับๆไปนั่งยังโซฟาก่อนจะพ่นลมหายใจหนักออกมาด้วยความหงุดหงิด

    ครืดๆ

    นั่งยังไม่ทันไร ท้องเจ้ากรรมส่งเสียงร้องครวญครางพร้อมกับอาการแสบร้อน

    ไม่น่าเชื่อวิญญาณหิวก็ได้ด้วย

    ฉันรีบวิ่งตรงดิ่งไปที่ตู้เย็นตรงโซนครัวเล็กๆ ทันที จัดการเปิดตู้เย็นอย่างรวดเร็ว ของในตู้เย็นของเขาชั่งอุดมสมบูรณ์ น่าแปลกแฮะเคยได้ยินว่าบ้านผู้ชายโสดข้าวของจะรกรุงรัง ตู้เย็นแทบไม่มีของกิน แต่นี่ตรงกันข้ามมาก

    โอ๊ะ! คีย์ไม่โสดแล้วนี่นา ลืมไปได้ไงเนี่ย

    ความคิดนั้นนำพาคำถามที่หนึ่ง สอง สามและอีกหลายต่อหลายคำถามพรั่งพรูออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง  ก่อนที่เสียงท้องร้องจะฉุดให้สลัดความสงสัยข้องใจไปหมดจนเหลือแต่คำว่า

    หิวจนไม่อยากจะคิดอะไรอีกแล้ว

    สายตาเริ่มกวาดมองหาของที่ใช่ในหมู่อาหารที่มีมากมายแต่ทว่ามันเยอะจัดจนไม่รู้จะกินอะไรก่อนหลังดีน่ะสิ   

    ยังไม่ทันเลือกเสร็จที่เปิดตู้เย็นก็ปิดเองทั้งๆที่ศีรษะของฉันยังอยู่ในตู้นั้น

    กรี๊ด!! เวลาหมดอีกแล้วหรอ

    ถึงจะคิดอย่างนั้นแต่ตาก็ยังคงมองหาอาหารอยู่

    แซนวิชก็แล้วกัน กินง่ายดี

    มือที่รู้งานยกขึ้นหวังจะหยิบแซนวิชแฮมชีสออกมา แต่ทว่ามันหยิบไม่ติดมืออย่างที่ใจปรารถนา ไม่มีครั้งที่สองหรือสามที่จะพยายามหยิบของตรงหน้า เพราะรู้ดีว่าเมื่อเวลาหนึ่งชั่วโมงหมด อย่าหวังจะได้แตะต้องสิ่งใดเชียว

    แต่ก่อนที่จะหมดเวลา ทำไมต้องยังไม่ได้กินข้าวด้วย!!

                ฉันถอยหลังออกมาจากตู้เย็นเล็กน้อยพอให้ทุกส่วนของร่างกายออกมาจากตู้เย็น ก่อนจะสังเกตเห็นร่างตัวเองนั้นยืนทับซ้อนกับร่างร่างหนึ่ง ก่อนที่มือของร่างนั้นจะเอื้อมเปิดตู้เย็นแล้วใส่ของกินต่างๆ ลงไปในนั้น ตู้เย็นที่อุดมสมบูรณ์อยู่แล้วกลายเป็นซูเปอร์อุดมสมบูรณ์อย่างถนัดตา

                ฉันถอยห่างจากร่างปริศนา(ที่เพิ่งเห็นว่าเป็นผู้หญิง)เล็กน้อย ก่อนที่ร่างนั้นจะเดินทะลุผ่านร่างฉันไปยังเคาน์เตอร์ที่มีถุงอาหารพวกผัก ผลไม้อยู่ไม่กี่ใบไม่ไกลจากตู้เย็นนัก ฉันเพ่งมองร่างบางที่หิ้วถุงด้วยไปหน้าเปื้อนยิ้ม ร่างนั้นจะทะลุผ่านฉันอีกระลอกแต่ดีที่ขาก้าวหลีกทางออกมาอย่างรู้งานทั้งๆที่สายตาก็ยังคงไม่ละออกจากร่างบางที่กำลังใส่ถุงผลไม้ในมือลงไปในตู้เย็นพลางจัดของในนั้นให้เข้าที่เข้าทาง

                ผมสีดำยาวตรงไปถึงกลางหลัง สังเกตดีๆจะเห็นผมด้านในเป็นสีบลอนด์ รูปหน้าทรงวีเชป ผิวขาวซีด ริมฝีปากอวบอิ่มสีอ่อนกับจมูกไม่โด่งมากแต่เรียวสวยในแบบของผู้หญิง ฉันเคยเห็นเธอในจอแต่นอกจอสวยกว่าโข

                ยูโซฮี!!

                นักแสดงและนางแบบสาวพราวเสน่ห์ เจ้าของฉายาสโนว์ไวท์เกาหลีที่มาจากริมฝีปากสีสดของเธอเวลาออกงานต่างๆ ถึงแม้ว่าตอนนี้เจ้าตัวจะทาแค่ลิปกลอสสีอ่อนมาแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสวยหายไปเลย 

                หรือ...เธอจะเป็นแฟนคีย์

    แม้ว่าเปอร์เซ็นต์ความเป็นไปได้มีเหยียดร้อย แต่ฉันก็พยายามหาบทบาทอื่นนอกจากนั้นออกมา ถ้าต้องมาสู้กับยัยปากสียาพิษนี่ฉันคงต้องโดนริบเท้าแล้วกลายเป็นผีอีกแน่ๆ

    คงไม่ใช่แฟนหรอก เธอแค่รับจ๊อบมาขนผักให้คีย์ก็เท่านั้น ไม่ยักรู้ว่าดาราสมัยนี้นิยมขายผัก

    กรี๊ด!! ไม่เคยได้ยินกระแสดาราขายผักเลย

    ไม่ใช่แฟนหรอก พวกเขาเป็นพี่น้องกันต่างหาก แต่เพราะโซฮีไม่อยากจะดังเพราะพี่ตัวเองจึงไม่เปิดเผยเรื่องนี้ให้ใครรู้

    กรี๊ด!! ชื่อก็บอกอยู่ คิม ฮวาคยอง  ยู โซฮี  พี่น้องที่ไหนคนละนามสกุลกัน พี่น้องคนละพ่อหรอ

    ใครก็ได้ช่วยยืนยันว่ายัยนั่นไม่ใช่แฟนคีย์ที

    ฉันมองยูโซฮี อย่างไม่วางตา ในขณะที่ร่างที่ถูกมองอยู่เพิ่งจะจัดของในตู้เย็นเสร็จ เธอเดินออกไปนอกโซนครัวและตรงดิ่งไปที่โซฟาแล้วทิ้งตัวลงพร้อมใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม ฉันยังอยู่ที่โซนครัว สายตามองตามตำแหน่งของ ผู้ต้องสงสัยก่อนที่ ผู้ต้องสงสัยจะหยิบโทรศัพท์ของเธอเองที่วางไว้บนโต๊ะรับแขกตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้มาถือไว้ ใบหน้าก็ยังคงเปื้อนยิ้มอยู่เหมือนเดิม

    นี่เจ้าหล่อนคิดว่าตัวเองเป็นมิสโคเรียหรือไงไม่ทราบ  

    เธอแตะๆจิ้มๆไม่ถึงห้าวินาทีก็ยกของในมือขึ้นออกห่างจากตัวเองในระยะพอเหมาะที่จะคุยเห็นหน้ากับปลายสาย

    (โซฮีอ่า มีอะไรครับ) รอยยิ้มนั้นเผยกว้างขึ้นเมื่อปลายสายตอบกลับและฉันแน่ใจเหลือเกินว่าคนๆนั้นคือคีย์

    “ทำไมต้องขึ้นด้วยประโยคนี้ทุกทีเลย ชักจะงอนแล้วนะ”โซฮียู่หน้าน้อยๆพอน่ารัก ก่อนจะกลับมามีรอยยิ้มมิสโคเรียเหมือนเดิม

    (อ่าขอโทษนะ)

    “ชั่งเถอะค่ะ พี่ต้องให้ฉันตอบกลับเหมือนเดิมมั๊ย... อยากได้ยินเสียงพี่นั่นแหละ”เสียงหัวเราะของปลายสายดังลอดออกมา ประโยคนั้นทำให้ฉันต้องก้าวขาฉับๆ ตรงรี่ไปหามิสโคเรีย ทันทีเพื่อจะคอนเฟิร์มเรื่องคนที่คุยด้วยอีกครั้ง เพราะประโยคที่เธอว่ากับปลายสาย บทบาทมันมากกว่าเพื่อนหรือแม้กระทั่งน้องแน่นอน

    ศัตรูฉันคือยัยปากสียาพิษนี่จริงๆหรอ

    ถึงจะหวั่นๆแต่เพื่อให้แน่ใจฉันค่อยๆเอี่ยวตัวลงไปมองจอ ความเสียวแปลบแล่นเข้าร่างกายทุกส่วนก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมา แล้วหลีกไปนั่งลงที่อาร์มแชร์อย่างหมดแรง สายตาเริ่มมองต่ำ

    เท้าจ๋า อย่าเพิ่งจากกันนะ TT^TT

    “เมื่อวานที่พี่ปล่อยให้รอ ฉันยังไม่ลืมนะ เพราะฉะนั้นฉันจะให้โอกาสพี่แก้ตัว”เสียงงอนน้อยๆของโซฮีเอ่ยออกมา “วันนี้สี่โมงเย็นพี่ว่างใช่มั๊ยล่ะ รีบกลับคอนโดเลยนะคนดี ไว้มาทำอาหารทานกัน”ฉันละสายตาจากเท้าของตัวเองและมองไปยังโซฮีที่เอาแต่ยิ้มตลอดเวลา นี่ถ้าฉันคุยกับเธอได้คงต้องแนะนำให้ไปตรวจสภาพจิตสักหน่อย ยิ้มนานขนาดนี้คนบ้ายังพ่ายแพ้อ่ะ

    (ได้ครับแล้วจะไปก่อนสักครึ่งชั่วโมงเลย)คีย์ว่าด้วยน้ำเสียงสดใส

    “แฟนใครเนี่ยขี้โม้จังเลย”ยิ้มจนเหงือกจะแห้งแล้วแม่คุณ

    (ถ้าไม่มีใครมาโม้ให้ฟังแล้วจะเสียใจ)

    “ไม่เสียใจหรอก แต่ถ้าสี่โมงพี่ยังมาไม่ถึงคอนโดตัวเองนะ ฉันจะเสียใจมากแล้วจะไม่คุยกับพี่เลย”

    (เดี่ยวนะ ทานข้าวที่คอนโดพี่)น้ำเสียงตกใจดังขึ้นจากปลายสาย เสียงดังนั่นทำเอาฉันและยัยมิสโคเรียสะดุ้งตัวด้วยกันทั้งคู่ ยังไม่ทันได้กลับมาตั้งตัวใหม่ฉันก็รู้สึกถึงแรงดึงดูดที่เริ่มจะแรงขึ้นเป็นทวีคูณ

    ก็น่าอยู่หรอก

    ตอนนี้คีย์คง...

     

    คิด(/นึก)ถึงฉัน

     

    แรงดึงดูดนั้นเหวียงฉันจนล้มลงไปนอนกองกับพื้นอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะพยุงตัวเองขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วพบว่าคีย์หลุบตาต่ำจากโทรศัพท์ลงมามองฉันที่เพิ่งจะยืนทรงตัวได้ ห้องสีขาวที่มีกระจกติดเต็มฝาผนังด้านหนึ่งที่ฉันคิดว่าคงเป็นห้องแต่งตัว ประกอบกับคีย์ที่ยืนสูงอยู่ทำให้เดาได้ทันทีว่าฉันได้ถูกแรงดึงดูดพามาถึงอีกที่หนึ่งเรียบร้อย

                (อื้ม ทำไมคะ ฉันตกใจนะเนี่ย ... พี่มองอะไรอยู่คะ)เสียงหวานจากปลายสายดังขึ้น คีย์ก็ยังคงจ้องมองมาทางฉันที่อยู่ห่างจากเขาไม่ถึงคืบอย่างไม่ละสายตา ร่างสูงนั้นค้างนิ่งราวกับรูปปั้น   

    (โอป้า...ฮวาคยองง่า!)โซฮีเพิ่มระดับความดังขึ้น เสียงนั่นสะกิดให้ทั้งฉันและคีย์ถอยเท้าออกห่างจากกันแทบจะทันที

    “โซฮี พี่ต้องวางสายแล้วพอดีสตาร์ฟเรียกพี่น่ะ”คีย์ว่าพร้อมจ้องมองเข้าไปในโทรศัพท์ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มแต่ก็ยังเหลือบสายตามามองฉันอยู่เป็นระยะ

    (อา...เข้าใจแล้วค่ะ งั้นเย็นนี้เจอกันนะคะ)โซฮีว่าด้วยเสียงเนือยๆ จากนั้นสายก็ถูกตัดไป คีย์ละสายตาจากโทรศัพท์แล้วกลับมาสนใจฉันที่ยืนกอดอกอยู่ตรงหน้า

    การสนทนาของสองคู่รักจบลงแล้วสินะ

     

    “ไงคีย์...นายคิดถึงฉันหรอ”ฉันทักทายทั้งที่แขนสองข้างยังกอดอกอยู่ คีย์ในชุดสูทแฟชั่นมองฉันด้วยสายตาหวาดระแวง

    ฉันยกยิ้มออกมาแต่ก็ไม่ได้ทำให้คนตรงหน้าดูผ่อนคลายขึ้นเลย

    คีย์กับโซฮีรักกัน

    ส่วนฉันต้องการให้คีย์บอกรักฉันจากใจจริง ดังนั้นสิ่งที่พอทำได้ตอนนี้คือโยนยัยมิสโคเรียออกไปจากชีวิตคีย์ซะ

    แม้จะรู้ว่ามันผิดศีลธรรมอย่างรุนแรง แต่ก็ใช่ว่าอนาคตพวกเขาจะไม่มีวันเลิกกันสักหน่อย และที่สำคัญลองชั่งนำหนักสิ

    ระหว่าง...

    ชีวิตทั้งชีวิตของฉัน

    กับความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวที่ไม่รู้ว่าจะเสื่อมสลายไปเมื่อใด

    อย่างไหนสำคัญกว่ากัน

     

    ฉันมองคนตรงหน้าพลางคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมด ก่อนจะถอนหายใจออกมาหวังระบายความรู้สึกผิดแล้วส่งยิ้มให้ใบหน้าคมคายของคนตรงหน้าที่เหมือนกำลังเดาความคิดของฉันอยู่

    หวังว่าคำนี้ นายจะรู้ว่ามันหมายความถึงอะไร

     

    “ขอโทษนะ แต่หลังจากนี้...นายอยู่ไม่เป็นสุขจริงๆแล้วล่ะ”


    *************************
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×