คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : You're my Key!!! ตอนที่ 3 ขอโทษนะ แต่หลังจากนี้ นายอยู่ไม่เป็นสุขจริงๆแล้วล่ะ
ปรอทแตก
3
กริ๊งๆ!
กริ๊งๆๆ!!
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น เสียงนี้มันน่ารำคาญจัง คนจะนอน
เสียงนั้นดังสั่นประสาทขึ้นเรื่อยๆ
อ๋อย รอเดี๋ยวนะ อีกห้าวินาทีรับรองจะตื่นไปปิดเจ้าแน่ นาฬิกาตัวป่วน
กรี๊งๆๆๆ
อีกแป๊บเซ่!
ฉันทำท่ายันตัวขึ้นเตรียมจะคลานไปปิดเสียงสั่นประสาทนั้นแต่เพียงแค่ยันตัวขึ้นร่างเจ้ากรรมก็ทรุดลงนอนราบบนเตียงเหมือนเดิม
กริ๊งๆๆๆๆ
เกร็กๆ กึก
..................
เสียงนาฬิกาปลุกนั่นเงียบหายไป ลุกไม่ไหวอ่ะ ขอนอนอีกแปบนะ
ชินกูรานึน อีรึม ออนึแซ มีวอจินอีรึม~
“ยอโบเซโย อ่า เดะๆ”เสียงทุ้มต่ำนั่นทำให้ฉันสะดุ้งทันทีเพราะเสียงนั้นมันดังเหมือนมีคนมากระซิบข้างหู ไม่ต้องเดาอะไรเลยคีย์นอนข้างๆฉันแน่นอน เมื่อนึกได้อย่างนั้นความโกรธด้วยว่ารู้สึกเสียสาวได้ถาโถมเข้ามา กับผียังไม่เว้นจริงๆ กร๊าซ
มือฉันกำผ้าแน่นด้วยความโกรธ ยังไม่ทันได้สงบสติอารมณ์ มือของเขาที่ถือโทรศัพท์ก็พาดลงมาที่ตัวฉัน ความรู้สึกเสียสาวก็เพิ่มขึ้นเป็นกำลังสอง นายตายแน่คีย์
ร่างกายฉันหันไปทางฝั่งตรงข้ามหวังจะวีนใส่ให้หายโกรธสักนิด แต่เมื่อหันไป กลับกลายเป็นว่าใบหน้าฉันปะทะเข้ากับอกหนาของคีย์เข้าอย่างจังพร้อมกับร่างของตัวเองที่แข็งทื่อขึ้นมาดื้อๆ ระหว่างนั้นคีย์ก็รัดอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
ทำไมอยากจะยิ้มนะ ไม่เข้าใจตัวเองเลย
ที่ยอมก็เพราะอยากกลับไปหาครอบครัวเร็วๆหรอกนะ ไม่ใช่เพราะนายแน่นอน
ห้านาทีผ่านไป...ยังคงอยู่ในอ้อมกอดเขาเหมือนเดิม
สิบนาทีผ่านไป...เมื่อไหร่จะตื่นเนี่ย
หลังจากที่อยู่ในอ้อมกอดเขาสักพักคีย์ก็เริ่มขยับตัว จากนั้นไม่กี่วินาทีเขาผละฉันออกแล้วเด้งตัวขึ้นจากเตียงนอน ปฏิกิริยาของเขาแบบนั้นทำให้ฉันรีบหลับตาทันที ตอนนี้เดาว่าเขาคงกำลังมองฉันอยู่ล่ะสิ
ปัง!
ยังไม่ทันคิดจบ เสียงประตูก็ดังขึ้น เป็นที่แน่นอนแล้วว่าเขาไม่สนใจฉันเลย ที่ฉันคิดไปมันผิดทั้งหมด อะไรกัน เสียทั้งตัว เสียทั้งหน้า(หน้าแตก) โฮกก TTOTT
ฉันสาวเท้าเดินทะลุประตูออกมาอย่างเงียบๆหลังจากที่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงซะหลายรอบเพื่อจะโยนความรู้สึกอับอายเมื่อครู่ออกไป เฮ้อ แต่สุดท้ายมันก็ไม่ช่วยอะไรเลย
เดินตรงไปเรื่อยๆ แม้จะรู้ว่าตรงหน้ามีสิ่งกีดขวางอยู่ แต่มันไม่มีผลอะไรกับตัวเองอยู่แล้ว ก็ทะลุมันได้หมดนี่
แปลกจังทำไมมันเงียบชอบกล
จากที่เดินเรื่อยเปื่อยก็เริ่มกวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อหาคีย์
คีย์ไม่อยู่ที่นี่เหรอ ปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียวได้ยังไงเนี่ย!
ช่างเถอะ เขาไม่สนใจฉัน แล้วฉันจะไปสนใจเขาทำไม
คิดได้ดังนั้นขาก็ก้าวเดินฉับๆไปนั่งยังโซฟาก่อนจะพ่นลมหายใจหนักออกมาด้วยความหงุดหงิด
ครืดๆ
นั่งยังไม่ทันไร ท้องเจ้ากรรมส่งเสียงร้องครวญครางพร้อมกับอาการแสบร้อน
ไม่น่าเชื่อวิญญาณหิวก็ได้ด้วย
ฉันรีบวิ่งตรงดิ่งไปที่ตู้เย็นตรงโซนครัวเล็กๆ ทันที จัดการเปิดตู้เย็นอย่างรวดเร็ว ของในตู้เย็นของเขาชั่งอุดมสมบูรณ์ น่าแปลกแฮะเคยได้ยินว่าบ้านผู้ชายโสดข้าวของจะรกรุงรัง ตู้เย็นแทบไม่มีของกิน แต่นี่ตรงกันข้ามมาก
โอ๊ะ! คีย์ไม่โสดแล้วนี่นา ลืมไปได้ไงเนี่ย
ความคิดนั้นนำพาคำถามที่หนึ่ง สอง สามและอีกหลายต่อหลายคำถามพรั่งพรูออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง ก่อนที่เสียงท้องร้องจะฉุดให้สลัดความสงสัยข้องใจไปหมดจนเหลือแต่คำว่า
หิวจนไม่อยากจะคิดอะไรอีกแล้ว
สายตาเริ่มกวาดมองหาของที่ใช่ในหมู่อาหารที่มีมากมายแต่ทว่ามันเยอะจัดจนไม่รู้จะกินอะไรก่อนหลังดีน่ะสิ
ยังไม่ทันเลือกเสร็จที่เปิดตู้เย็นก็ปิดเองทั้งๆที่ศีรษะของฉันยังอยู่ในตู้นั้น
กรี๊ด!! เวลาหมดอีกแล้วหรอ
ถึงจะคิดอย่างนั้นแต่ตาก็ยังคงมองหาอาหารอยู่
แซนวิชก็แล้วกัน กินง่ายดี
มือที่รู้งานยกขึ้นหวังจะหยิบแซนวิชแฮมชีสออกมา แต่ทว่ามันหยิบไม่ติดมืออย่างที่ใจปรารถนา ไม่มีครั้งที่สองหรือสามที่จะพยายามหยิบของตรงหน้า เพราะรู้ดีว่าเมื่อเวลาหนึ่งชั่วโมงหมด อย่าหวังจะได้แตะต้องสิ่งใดเชียว
แต่ก่อนที่จะหมดเวลา ทำไมต้องยังไม่ได้กินข้าวด้วย!!
ฉันถอยหลังออกมาจากตู้เย็นเล็กน้อยพอให้ทุกส่วนของร่างกายออกมาจากตู้เย็น ก่อนจะสังเกตเห็นร่างตัวเองนั้นยืนทับซ้อนกับร่างร่างหนึ่ง ก่อนที่มือของร่างนั้นจะเอื้อมเปิดตู้เย็นแล้วใส่ของกินต่างๆ ลงไปในนั้น ตู้เย็นที่อุดมสมบูรณ์อยู่แล้วกลายเป็นซูเปอร์อุดมสมบูรณ์อย่างถนัดตา
ฉันถอยห่างจากร่างปริศนา(ที่เพิ่งเห็นว่าเป็นผู้หญิง)เล็กน้อย ก่อนที่ร่างนั้นจะเดินทะลุผ่านร่างฉันไปยังเคาน์เตอร์ที่มีถุงอาหารพวกผัก ผลไม้อยู่ไม่กี่ใบไม่ไกลจากตู้เย็นนัก ฉันเพ่งมองร่างบางที่หิ้วถุงด้วยไปหน้าเปื้อนยิ้ม ร่างนั้นจะทะลุผ่านฉันอีกระลอกแต่ดีที่ขาก้าวหลีกทางออกมาอย่างรู้งานทั้งๆที่สายตาก็ยังคงไม่ละออกจากร่างบางที่กำลังใส่ถุงผลไม้ในมือลงไปในตู้เย็นพลางจัดของในนั้นให้เข้าที่เข้าทาง
ผมสีดำยาวตรงไปถึงกลางหลัง สังเกตดีๆจะเห็นผมด้านในเป็นสีบลอนด์ รูปหน้าทรงวีเชป ผิวขาวซีด ริมฝีปากอวบอิ่มสีอ่อนกับจมูกไม่โด่งมากแต่เรียวสวยในแบบของผู้หญิง ฉันเคยเห็นเธอในจอแต่นอกจอสวยกว่าโข
ยูโซฮี!!
นักแสดงและนางแบบสาวพราวเสน่ห์ เจ้าของฉายาสโนว์ไวท์เกาหลีที่มาจากริมฝีปากสีสดของเธอเวลาออกงานต่างๆ ถึงแม้ว่าตอนนี้เจ้าตัวจะทาแค่ลิปกลอสสีอ่อนมาแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสวยหายไปเลย
หรือ...เธอจะเป็นแฟนคีย์
แม้ว่าเปอร์เซ็นต์ความเป็นไปได้มีเหยียดร้อย แต่ฉันก็พยายามหาบทบาทอื่นนอกจากนั้นออกมา ถ้าต้องมาสู้กับยัยปากสียาพิษนี่ฉันคงต้องโดนริบเท้าแล้วกลายเป็นผีอีกแน่ๆ
คงไม่ใช่แฟนหรอก เธอแค่รับจ๊อบมาขนผักให้คีย์ก็เท่านั้น ไม่ยักรู้ว่าดาราสมัยนี้นิยมขายผัก
กรี๊ด!! ไม่เคยได้ยินกระแสดาราขายผักเลย
ไม่ใช่แฟนหรอก พวกเขาเป็นพี่น้องกันต่างหาก แต่เพราะโซฮีไม่อยากจะดังเพราะพี่ตัวเองจึงไม่เปิดเผยเรื่องนี้ให้ใครรู้
กรี๊ด!! ชื่อก็บอกอยู่ คิม ฮวาคยอง ยู โซฮี พี่น้องที่ไหนคนละนามสกุลกัน พี่น้องคนละพ่อหรอ
ใครก็ได้ช่วยยืนยันว่ายัยนั่นไม่ใช่แฟนคีย์ที
ฉันมองยูโซฮี อย่างไม่วางตา ในขณะที่ร่างที่ถูกมองอยู่เพิ่งจะจัดของในตู้เย็นเสร็จ เธอเดินออกไปนอกโซนครัวและตรงดิ่งไปที่โซฟาแล้วทิ้งตัวลงพร้อมใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม ฉันยังอยู่ที่โซนครัว สายตามองตามตำแหน่งของ ‘ผู้ต้องสงสัย’ ก่อนที่ ‘ผู้ต้องสงสัย’ จะหยิบโทรศัพท์ของเธอเองที่วางไว้บนโต๊ะรับแขกตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้มาถือไว้ ใบหน้าก็ยังคงเปื้อนยิ้มอยู่เหมือนเดิม
นี่เจ้าหล่อนคิดว่าตัวเองเป็นมิสโคเรียหรือไงไม่ทราบ
เธอแตะๆจิ้มๆไม่ถึงห้าวินาทีก็ยกของในมือขึ้นออกห่างจากตัวเองในระยะพอเหมาะที่จะคุยเห็นหน้ากับปลายสาย
(โซฮีอ่า มีอะไรครับ) รอยยิ้มนั้นเผยกว้างขึ้นเมื่อปลายสายตอบกลับและฉันแน่ใจเหลือเกินว่าคนๆนั้นคือคีย์
“ทำไมต้องขึ้นด้วยประโยคนี้ทุกทีเลย ชักจะงอนแล้วนะ”โซฮียู่หน้าน้อยๆพอน่ารัก ก่อนจะกลับมามีรอยยิ้มมิสโคเรียเหมือนเดิม
(อ่าขอโทษนะ)
“ชั่งเถอะค่ะ พี่ต้องให้ฉันตอบกลับเหมือนเดิมมั๊ย... อยากได้ยินเสียงพี่นั่นแหละ”เสียงหัวเราะของปลายสายดังลอดออกมา ประโยคนั้นทำให้ฉันต้องก้าวขาฉับๆ ตรงรี่ไปหามิสโคเรีย ทันทีเพื่อจะคอนเฟิร์มเรื่องคนที่คุยด้วยอีกครั้ง เพราะประโยคที่เธอว่ากับปลายสาย บทบาทมันมากกว่าเพื่อนหรือแม้กระทั่งน้องแน่นอน
ศัตรูฉันคือยัยปากสียาพิษนี่จริงๆหรอ
ถึงจะหวั่นๆแต่เพื่อให้แน่ใจฉันค่อยๆเอี่ยวตัวลงไปมองจอ ความเสียวแปลบแล่นเข้าร่างกายทุกส่วนก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมา แล้วหลีกไปนั่งลงที่อาร์มแชร์อย่างหมดแรง สายตาเริ่มมองต่ำ
เท้าจ๋า อย่าเพิ่งจากกันนะ TT^TT
“เมื่อวานที่พี่ปล่อยให้รอ ฉันยังไม่ลืมนะ เพราะฉะนั้นฉันจะให้โอกาสพี่แก้ตัว”เสียงงอนน้อยๆของโซฮีเอ่ยออกมา “วันนี้สี่โมงเย็นพี่ว่างใช่มั๊ยล่ะ รีบกลับคอนโดเลยนะคนดี ไว้มาทำอาหารทานกัน”ฉันละสายตาจากเท้าของตัวเองและมองไปยังโซฮีที่เอาแต่ยิ้มตลอดเวลา นี่ถ้าฉันคุยกับเธอได้คงต้องแนะนำให้ไปตรวจสภาพจิตสักหน่อย ยิ้มนานขนาดนี้คนบ้ายังพ่ายแพ้อ่ะ
(ได้ครับแล้วจะไปก่อนสักครึ่งชั่วโมงเลย)คีย์ว่าด้วยน้ำเสียงสดใส
“แฟนใครเนี่ยขี้โม้จังเลย”ยิ้มจนเหงือกจะแห้งแล้วแม่คุณ
(ถ้าไม่มีใครมาโม้ให้ฟังแล้วจะเสียใจ)
“ไม่เสียใจหรอก แต่ถ้าสี่โมงพี่ยังมาไม่ถึงคอนโดตัวเองนะ ฉันจะเสียใจมากแล้วจะไม่คุยกับพี่เลย”
(เดี่ยวนะ ทานข้าวที่คอนโดพี่)น้ำเสียงตกใจดังขึ้นจากปลายสาย เสียงดังนั่นทำเอาฉันและยัยมิสโคเรียสะดุ้งตัวด้วยกันทั้งคู่ ยังไม่ทันได้กลับมาตั้งตัวใหม่ฉันก็รู้สึกถึงแรงดึงดูดที่เริ่มจะแรงขึ้นเป็นทวีคูณ
ก็น่าอยู่หรอก
ตอนนี้คีย์คง...
คิด(/นึก)ถึงฉัน
แรงดึงดูดนั้นเหวียงฉันจนล้มลงไปนอนกองกับพื้นอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะพยุงตัวเองขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วพบว่าคีย์หลุบตาต่ำจากโทรศัพท์ลงมามองฉันที่เพิ่งจะยืนทรงตัวได้ ห้องสีขาวที่มีกระจกติดเต็มฝาผนังด้านหนึ่งที่ฉันคิดว่าคงเป็นห้องแต่งตัว ประกอบกับคีย์ที่ยืนสูงอยู่ทำให้เดาได้ทันทีว่าฉันได้ถูกแรงดึงดูดพามาถึงอีกที่หนึ่งเรียบร้อย
(อื้ม ทำไมคะ ฉันตกใจนะเนี่ย ... พี่มองอะไรอยู่คะ)เสียงหวานจากปลายสายดังขึ้น คีย์ก็ยังคงจ้องมองมาทางฉันที่อยู่ห่างจากเขาไม่ถึงคืบอย่างไม่ละสายตา ร่างสูงนั้นค้างนิ่งราวกับรูปปั้น
(โอป้า...ฮวาคยองง่า!)โซฮีเพิ่มระดับความดังขึ้น เสียงนั่นสะกิดให้ทั้งฉันและคีย์ถอยเท้าออกห่างจากกันแทบจะทันที
“โซฮี พี่ต้องวางสายแล้วพอดีสตาร์ฟเรียกพี่น่ะ”คีย์ว่าพร้อมจ้องมองเข้าไปในโทรศัพท์ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มแต่ก็ยังเหลือบสายตามามองฉันอยู่เป็นระยะ
(อา...เข้าใจแล้วค่ะ งั้นเย็นนี้เจอกันนะคะ)โซฮีว่าด้วยเสียงเนือยๆ จากนั้นสายก็ถูกตัดไป คีย์ละสายตาจากโทรศัพท์แล้วกลับมาสนใจฉันที่ยืนกอดอกอยู่ตรงหน้า
การสนทนาของสองคู่รักจบลงแล้วสินะ
“ไงคีย์...นายคิดถึงฉันหรอ”ฉันทักทายทั้งที่แขนสองข้างยังกอดอกอยู่ คีย์ในชุดสูทแฟชั่นมองฉันด้วยสายตาหวาดระแวง
ฉันยกยิ้มออกมาแต่ก็ไม่ได้ทำให้คนตรงหน้าดูผ่อนคลายขึ้นเลย
คีย์กับโซฮีรักกัน
ส่วนฉันต้องการให้คีย์บอกรักฉันจากใจจริง ดังนั้นสิ่งที่พอทำได้ตอนนี้คือโยนยัยมิสโคเรียออกไปจากชีวิตคีย์ซะ
แม้จะรู้ว่ามันผิดศีลธรรมอย่างรุนแรง แต่ก็ใช่ว่าอนาคตพวกเขาจะไม่มีวันเลิกกันสักหน่อย และที่สำคัญลองชั่งนำหนักสิ
ระหว่าง...
ชีวิตทั้งชีวิตของฉัน
กับความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวที่ไม่รู้ว่าจะเสื่อมสลายไปเมื่อใด
อย่างไหนสำคัญกว่ากัน
ฉันมองคนตรงหน้าพลางคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมด ก่อนจะถอนหายใจออกมาหวังระบายความรู้สึกผิดแล้วส่งยิ้มให้ใบหน้าคมคายของคนตรงหน้าที่เหมือนกำลังเดาความคิดของฉันอยู่
หวังว่าคำนี้ นายจะรู้ว่ามันหมายความถึงอะไร
“ขอโทษนะ แต่หลังจากนี้...นายอยู่ไม่เป็นสุขจริงๆแล้วล่ะ”
*************************
ความคิดเห็น