คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : You're my Key!!! ตอนที่ 2 เธอไม่มีจริง
YOU'RE MY KEY!!!
ปรอทแตก
2
เธอไม่มีจริง
ฉันกลับเข้ามาในคอนโดคีย์ ตาก็มองสอดส่องรอบๆห้อง จริงๆฉันล่ะอยากจะตามเขาไปทุกที่ทุกเวลา แต่เมื่อย้อนไปไม่กี่นาทีที่แล้ว
‘เดี๋ยวฉันไปแต่งตัวก่อนนะ’คีย์ว่า
‘อืม ได้สิ’ฉันตอบปัดๆ และเดินตาม
‘ฉันจะไปแต่งตัว’คีย์ว่า
‘อืมรู้แล้ว’ฉันตอบปัดๆและเดินตาม
‘เธอเข้าใจที่ฉันพูดมั๊ย’คีย์ว่า
‘อะไร’ฉันเดินตาม
‘เธอไม่ต้องตามฉันมาก็ได้’คีย์ว่า
‘ไม่เป็นไรนี่ เราต้องตัวติดกันตลอดเวลา’ฉันเดินตาม ฮึๆเราต้องเคร่งครัดในกฎระเบียบ
‘อีฟก่อนๆ’คีย์ว่าพลางเกี่ยวนิ้วโชว์
‘เอางั้นหรอ’ฉันตอบด้วยใบหน้าที่บ่งบอกว่างงเต๊ก ‘ก็ได้’
‘ดีมากเด็กน้อย ว่าง่ายอย่างนี้เริ่มจะรักเธอแล้วสิ ฉันรักเธอนะ’คีย์ว่าพลางลูบหัวฉันก่อนจะมุ่งหน้าเข้าไปในห้องที่เดาว่าคงจะเป็นห้องแต่งตัว
เฮ้อ เรื่องมันก็เป็นเช่นนี้แล
หลังจากเดินวนไปวนมาอยู่หลายหนเพื่อรอคีย์ ฉันก็ได้เข้ามาอยู่ในห้องนอนซึ่งคงเป็นห้องนอนของเขา ห้องออกเป็นโทนขาว ดำ มีกำแพงด้านหนึ่งเป็นกระจกใสมองเห็นตึกราบ้านช่อง สวนสาธารณของกรุงโซล สวยเหมือนกันแฮะ นั่นตึกของค่าย XX ที่เขาอยู่ที่นี่เพราะเน้นใกล้ที่ทำงานสินะ กรี๊ดอยากไปเดินในนั้น น่าจะได้ลายเซ็นซูเปอร์สตาร์หลายคน หุๆ
ติ๊งต๊องน่า เราเป็นวิญญาณนะ ถึงจะได้เห็นแต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ตอนนี้ก็แค่ต้องปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน นึกถึงเรื่องนี้แล้วเหนื่อยเลย ไม่ง่ายอย่างที่คิด
งั้นเริ่มที่สำรวจของของเขานี่แหละ
สายตาฉันเริ่มสอดส่องไปที่โต๊ะข้างเตียง วะฮะฮ่า แม่จะค้นให้หมดเลย เมื่อคิดได้ดังนั้น มือที่รู้งานก็ค่อยๆเปิดลิ้นชักออก ขอดูหน่อยนะ
ค้นๆ มีแต่เอกสารบ้าบอที่ฉันอ่านออกแต่แปลไม่ค่อยออก(แปลออกบางประโยคนะ)
เฮ้อออ ดูอีกชั้นดีกว่า
นี่ก็มีแต่โน้ตเพลง ก็แหงล่ะเขาเป็นนักร้องนี่ คุ้ยๆ
เฮือก!!!
มือฉันแตะต้องของพวกนี้ไม่ได้แล้วอ่ะ แงๆ จับอะไรไม่ได้เลย สรุปคือฉันแถลไถลมาได้ชั่วโมงหนึ่งแล้ว เป็นยัยผีล่องหนซะแล้วสิ
ฉันนั่งพักที่เตียงพลางมองไปที่ลิ้นชักที่เพิ่งจะทำการตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองไปเมื่อครู่ ข้าวของยังกระจัดกระจาย ลิ้นชักก็ยังเปิดคาอยู่ ไม่ทันไรของทุกอย่างที่ฉันค้นก็ลอยขึ้นและต่อแถวเรียงหนึ่งยาวไปจนเกือบถึงหน้าประตูก่อนจะลงไปในลิ้นชัก ทีละชิ้นๆตามที่ได้ต่อแถวไว้ ของทุกออย่างที่ฉันเพิ่งค้นไปก็ถูกยัดเข้าไปในลิ้นชักและจัดการปิดให้เรียบร้อยทุกอย่าง นี่มันอะไรกัน ฉันลุกจากเตียงแล้วไปนั่งลงที่หน้าโต๊ะข้างเตียงก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปในลิ้นชัก หัวฉันผ่านเข้ามาในลิ้นชักราวกับว่าเป็นอากาศธาตุ ตาก็ปราดมองไปที่ข้าวของต่างๆนาๆ ที่เพิ่งเรียงตัวด้วยตัวของมันเองไปเมื่อครู่ ทุกอย่างอยู่ในสภาพก่อนที่ฉันจะไปรุ่มร่ามกับข้าวของพวกนี้
“อ๊าก ยัยเฮี้ยน!! ยัยผีหัวขาด เธอทำอะไรของเธอน่ะ”เสียงหลงๆของเขาที่บ่งบอกถึงอาการกลัวชนิดปอดแหก ฉันก็พอจะเดาออกหรอกนะที่เขาเห็นคงเห็นแค่ตัว เพราะตอนนี้หัวฉันยังคาอยู่ในลิ้นชัก วะฮะฮ่า ต่อจากนี่นายอยู่ไม่สุขแน่
“ฉันทำได้มากกว่านี้อีกนะ”ว่าจบฉันก็ขยับตัวไปนั่งอยู่ในตำแหน่งเดียวกันกับโต๊ะ และหันตัวออกไปหาเขา กลายเป็นว่า ตัวฉันหายเข้าไปในโต๊ะนั้นเหลือแต่หัวที่โด่เด่บนโต๊ะ “เป็นไงเลิศพอมะ”ฉันส่ายหัวไปมาล้อเลียนคีย์ซึ่งเริ่มจะมีเหงื่อตก และหน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด ไหนเคยบอกว่าไม่กลัวฉันแล้วไง
“ออกมานะ ออกมาเลย ทำบ้าอะไรของเธอ ทำทำไม”ควบคุมสติเต็มที่อ่ะ มีหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะพูดด้วย
“สนุกไง หน้านายตลกอ่ะ”โอ๋เอ๋ๆ ใจร่มๆไว้หนู
“ออกมา เดี่ยวนี้”
“ยิ่งพูดยิ่งยุ รู้ปะ”
“เฮอะ!”
“ว่าแต่นาย ทำไมเปลี่ยนชุดนานจัง ฉันรอจนรากงอกแล้ว”
“ก็นั่งภาวนาให้เธอไม่มีจริง”
“ผลล่ะ”
“กล้าถามนะ”
“ฉันยังยืนยันคำเดิมนะ มารักฉันและบอกรักฉันซะ แล้วจะไม่มาให้นายเห็นหัวอีกต่อไป โอเค?”ฉันว่า คีย์กลอกตาไปมา บ่งบอกได้ชัดว่าเขาเบื่อที่จะฟัง
“ฉันยังยืนยันคำเดิมว่าออกมาจากโต๊ะซะ”
“นายนี่ยังไงนะ ชอบย้อนคำพูดฉันอยู่เรื่อยเลย”
“ชั่งฉันเถอะ”
“ชิส์”
“ชิส์”คีย์ล้อเรียนก่อนจะนั่งลงบนเตียงนอนของเขา
“นายจอมก็อปปี้ เล่าเรื่องของนายให้ฟังหน่อยสิ”
“อย่างไหนล่ะ”
“ก็เช่น...ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร”
“ไม่มีเหตุผลที่จะตอบ”
“อยากได้เหตุผลหรอ ฮึๆ”ว่าจบฉันก็ยืดมือของฉันออกไปหาเขาทั้งที่ร่างของตัวเองยังนั่งอยู่ที่เดิม คีย์ถึงกับนิ่ง ร่างกายเกร็งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สายตาจ้องมองมือที่อยู่ตรงหน้า “อยากได้ไอ้นี่จัง”ฉันว่าและยื่นมือเข้าไปบริเวณท้องคล้ายว่าฉันกำลังล้วงไส้ของเขาอยู่ “ไอ้นี่ก็ด้วย”ฉันว่าและยื่นมือเข้าไปในอกข้างซ้ายก็คล้ายๆว่าฉันกำลังควักหัวใจเขาออกมา “ถ้าไม่ตอบ...นายตายแน่”
“กะ...ก็ได้...ชอบอะไรที่สนุกๆ”คีย์ว่าอย่างหวาดกลัว“แต่ที่ไม่ชอบคือผีอย่างเธอ”เวรกรรม ถ้านายมองข้ามสิ่งนี้ โลกจะถล่มเรอะ ขนาดกลัวตายยังกล้าพูดอีก
“นี่ๆขอร้องล่ะนะ อย่ามองฉันเป็นผีจะได้มั๊ย ยังไม่เคยตายซะหน่อย”
“ก็วิญญาณออกจากร่างแล้ว และคงไม่มีทางได้เข้าร่างอีก และอีกอย่างนะดูความเฮี้ยนของเธอสิ จะไม่ให้เรียกว่าผีได้ไง”เขาว่าในขณะที่มองมือยืดได้ของฉันเหมือนต้องการจะบอกว่าให้เอามือออกไปซะ เมื่อรู้ดังนั้นฉันจึงรีบดึงมือตัวเองกลับมา คีย์ถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอกทันที
“ไม่จริง! ถ้านายบอกรักฉันจากใจจริง ก็จะสามารถกลับไปเป็นคนได้อีกครั้ง”
“แล้วคิดว่าคนอย่างฉันจะรักเธอได้หรอ”
“ยังไงก็ต้องทำให้ได้ มันความเป็นความตายของฉัน”ทำไงได้ ฉันรับปากมาทำภารกิจแล้ว หยุดตอนนี้ฉันก็ต้องตาย สู้ทำต่อไปให้ถึงที่สุดดีกว่า “ช่วยกันหน่อยสิ ถ้านายพูดกับตัวเองว่าต้องรักฉัน สักวันหนึ่งนายก็จะรักฉันเองนั่นแหละ”คีย์นิ่ง ไม่พูดอะไร เขาหลับตาเหมือนพยายามรวบรวมสติกำลังตัดสินใจเรื่องฉันอยู่ล่ะสิ เดี๋ยวแม่จะช่วยเอง แม่มีวิธี
นั่นก็คือ
เป่าหู!
“หลังจากที่รู้ว่าตัวเองเป็นอย่างนี้ ก็ถูกความทุกข์รุมเร้าตลอด อยากกลับไปหาครอบครัวแต่ก็ทำไม่ได้”ฉันทำเสียงให้น่าสงสารที่สุด คีย์ยังคงหลับตาอยู่ ฮึๆ นายเสร็จแน่
“ทำไมผู้หญิงที่ชื่อ ไอ ถึงต้องมาตกระกำลำบากอย่างนี้ด้วย ฟ้าดิน ทำไมท่านไม่เคยเข้าข้างไอเลย”ฉันกลั่นเสียงเศร้าออกมาเต็มที่ คีย์ยังคงหลับตาฟังอยู่ “ฉันรู้นะว่านายไม่อยากให้ฉันเป็นอย่างนี้หรอก ช่วยฉันหน่อยสิ ฉันขอร้องนะ นะ ช่วยฉันด้วย ฉะ...”ยังไม่ทันพูดจบคีย์ก็ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินดุ่มๆออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ฉันอยู่ในห้องนี้อย่างเดียวดาย กร๊าซ!!! ไอ้คนไม่มีมารยาท
หรือว่าเขาจะใจอ่อนแล้ว ในขณะฉันกำลังนั่งวิเคราะห์ผลงานการแสดงของตนเอง ร่างสูงก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับหนังสือคู่มือภาษาในมืออีกสองสามเล่ม
“เมื่อกี้ที่เธอพูดมาน่ะ ฉันฟังไม่รู้เรื่องเลย ขออีกรอบได้หรือเปล่า”ร่างสูงตอบพร้อมกับโปรยยิ้มแก้เก้อพลางเขย่าหนังสือในมือให้ฉันเห็น คีย์พิงประตู สายตาก้มต่ำมองฉันที่ยังคงสิงอยู่ในโต๊ะข้างเตียงเขาซึ่งห่างจากเขาประมาณสามสี่เมตรได้
เฮ้อ เรื่องนี้มันยุ่งยากกว่าที่คิดเยอะเลย
ฉันลุกออกจากโต๊ะแล้วสาวเท้าอย่างรวดเร็วหวังจะไปหยิบหนังสือในมือเขามาอ่าน ร่างสูงตรงหน้าท่าทางจะรู้งานยื่นหนังสือมาวางไว้ในมือฉัน ระหว่างนั้นหนังสือกลับตกลงสู่พื้น
คีย์ยิ้มแกมหัวเราะน้อยๆกับความไม่รอบคอบของตัวเองและก้มตัวลงเก็บหนังสือที่กระจัดกระจายบนพื้น ส่วนฉันได้แต่ถอนหายใจหวังระบายความหงุดหงิดกับสถานะไร้ตัวตนของตัวเองในตอนนี้ แต่หลังจากนั้นก็มีแต่ความรู้สึกกระส่ำกระส่ายไม่สบายใจเข้ามาแทน
ใช่สิ ตอนนี้ฉันไม่ใช่คน เหมือนอย่างที่เขาบอกจริงๆด้วย วิญญาณยังไงก็คือผีอยู่วันยังค่ำ งานที่ต้องทำให้สำเร็จดูมีแววยากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่ได้เข้าร่างจริงๆอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆก็คงไม่ต่างกับคนที่ตายแล้ว คนที่ไหนจะมาชอบกับผีได้ ดูอย่างแม่นาคพระขโนงสิ ตอนยังมีชิวิตอยู่ก็รักกันปานน้ำค้างแข็ง เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่มีวันแยกจาก พอกลายเป็นผีฝ่ายชายกลับขับไล่ให้ไปผุดไปเกิด น้ำค้างแข็งอันทรงพลังกลับละลายกลายเป็นน้ำใสพร้อมจะไหลอาบดวงตาของฝ่ายที่ยังรักอยู่
บอกตามตรงฉันยอมรับสภาพความตายไม่ได้ ยังทำใจไม่ได้ด้วยซ้ำที่ร่างกายกลายเป็นแบบนี้ มีอีกหลายสิ่งที่อยากจะทำ แต่แล้วความตายกลับมาพรากทุกอย่างไป
นี่ฉันจะต้องตายจริงๆหรอ
ยังไงคนเราก็ต้องตายอยู่วันยังค่ำ แต่สำหรับฉันมันก็แค่เวลานั้นมาถึงเร็วกว่าคนทั่วไป
คีย์เก็บหนังสือเสร็จตั้งแต่ไหร่ไม่รู้ ร่างสูงยืนอยู่ตรงหน้าฉันพร้อมหนังสือในมือนั้น สายตาฉันจับจ้องมองเพียงหนังสือ พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบหนังสือในมือเขา แต่หนังสือก็ไม่ติดมือฉันมาตามคาด ภาพนั้นทำให้นึกย้อนไปถึงตอนที่ตนเองพยายามจะสัมผัสคนในครอบครัว ผลก็เป็นอย่างหนังสือนี้ ฉันหลับตาทำใจให้กลับมาเป็นปกติ พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบอีกรอบ ผลก็ยังเหมือนเดิม ทั้งที่รู้ว่าเป็นอย่างนี้มือเจ้ากรรมยังดึงดันคว้าสิ่งตรงหน้าให้ตัวเองช้ำใจขึ้นไปอีก
มือเรียวๆพยายามจะทำอย่างเดิมอีกครั้งแต่ทว่าคีย์ชักหนังสือหลบไม่ให้ฉันจับอีกต่อไป ฉันเงยหน้าสบตากับคนตรงหน้าที่เหมือนจะเข้าใจความรู้สึกดี จู่น้ำตาก็รื้นขึ้นรอบขอบตาในขณะที่ยังคงสบตามองเขาอยู่ คีย์ยิ้มน้อยๆ รอยยิ้มนั้นทำให้รู้สึกดีขึ้นอย่างน่าประหลาด
“มา เดี๋ยวฉันช่วย”เขาว่าพร้อมกับย้ายตัวเองไปนั่งลงบนเตียง และตบเบาะข้างๆตัวเป็นสัญญาณให้ฉันมานั่งข้างๆ ภาพร่างสูงที่พยายามช่วย ทำให้ฉันยิ้มรับทั้งๆน้ำตาที่รื้นเต็มขอบตาก่อนจะกลั้นมันไว้ไม่ให้ไหลออกมาและมานั่งข้างๆเขาแต่โดยดี
ฉันสาวเท้าพาร่างอันบางเบาของตัวเองมานั่งข้างๆเขา คีย์เปิดคู่มือภาษาอังกฤษ-เกาหลีกางแผ่หลาเต็มตักของเขา ทำให้ฉันต้องชะโงกมองเอนหัวไปใกล้ร่างสูงข้างๆ กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆของเขาโชยมาแตะจมูก คีย์พูดภาษาเกาหลีอะไรก็ไม่รู้ที่ฉันฟังจับประเด็นไม่ได้ ได้แต่พยักหน้าทั้งๆที่สมองๆฉันไม่ได้จดจ่ออยู่กับสิ่งที่เขาพูดมาเลยเอาแต่จดจ่อไปที่กลิ่นน้ำหอมนั้นที่เริ่มทำให้ใจสั่น แล้วทำไมเราต้องไปดมกลิ่นเขาด้วยเนี่ยไม่เอาๆ ตอนนี้สนใจอักษรเบื้องล่างเป็นดีที่สุด
“นี่ๆ We just talk about our personality first.(มาคุยกันเรื่องนิสัยของเราก่อนละกัน)”คีย์ว่าหลังจากที่เปิดหนังสือไปๆมาๆและจัดการปิดมันในที่สุดพร้อมขยับร่างนั้นมาทางฉันในท่านั่งขัดตะหมาด ฉันจึงหันตัวไปหาเขาอย่างว่าง่ายในท่าเดียวกัน
เราเล่นจ้องตาสลับกับมองโน่นมองนี่ไปสักพักราวกับว่าต่างคนต่างไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีจนสุดท้ายความอึดอัดได้บังเกิดขึ้น ฉันเลยเริ่มบทสนทนาเพื่อแก้สถานการณ์นั้น
“When were you born.(เกิดวันไหน)”หลังจากคิดจนไส้ติ่งบิดก็เลือกคำถามนี้ออกมา ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วแต่ทำไงได้ล่ะสถานการณ์มันบังคับนี่ก่อนจะมาคิดได้ว่ามันคนละเรื่องกับหัวข้อที่เขาบอกมาเลยแฮะ ถามไม่เข้าเรื่องซะแล้วสิเรา
“June 20,19xx”คีย์ตอบ สีหน้าไม่แสดงอารมณ์อะไรทั้งสิ้น ตัวเขาเริ่มเอียงไปข้างหลังและใช้มือค้ำเตียงเพื่อยึดเหนี่ยวร่างเขาไว้ ฉันยิงคำถามไปเรื่อยๆโดยไม่หยุดยั้ง ถึงแม้ฉันจะใช้ภาษาอังกฤษแบบถูๆไถแต่คนตรงหน้าก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
“What kind of food do you like?”
“Spicy food”
“Do you like movie?”ฉันถามคีย์ เขาไม่ตอบแต่พยักหน้าแทนคำตอบ
“What kind?”
“Sci-fi”
ฉันยังคงยิงคำถามใส่เขาไปเรื่อยๆ เขาก็ให้คำตอบได้ทุกข้อ ข้อแล้วข้อเล่า จนบางครั้งรู้สึกเหมือนกำลังเล่นเกมกับอับดุลถามคำตอบคำ ท่านั่งของเราทั้งคู่เริ่มเปลี่ยนไปตามความเมื่อยของแต่ละคน คีย์ก็เริ่มหยิบหนังสืออื่นมาอ่านไปด้วย ร่างนั้นพิงกับหมอนบนหัวเตียงในท่าทางสบายๆส่วนฉันนั่งเยื้องเขาอยู่บริเวณปลายเตียง
“ฉันทำไม่ได้ ความฝันแน่ๆ เธอมันไม่มีจริง”จู่ๆคีย์ก็พูดออกมาระหว่างที่ฉันกำลังคิดคำถามข้อต่อไป เขาพูดภาษาเกาหลีเสียงเบา รัวและเร็วเหมือนสบถกับตัวเอง มันคงจะดีกว่านี้ถ้าฉันแปลไม่ออก ‘ฉันทำไม่ได้...เธอมันไม่มีจริง’คำนั้นวนเวียนอยู่ในหัวเสียงเขานั้นก้องกังวานซ้ำแล้วซ้ำอีก
ไอ...วันนี้วันแรก จำไว้วันแรก ความรู้สึกคนไม่ได้เปลี่ยนได้ภายในวันเดียว
“Do you have girlfriend(นายมีแฟนหรือเปล่า)”ฉันถามเขาต่อไปราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดก่อนหน้า คีย์พยักหน้าน้อยๆ ก่อนที่ร่างเขาจะชะงักชั่วขณะ และหันขวับไปที่กระจกใส ฉันหันไปมองตาม
กระจกใสตอนนี้เริ่มเห็นวิวกรุงโซลที่พื้นฟ้าเป็นสีดำสนิท มีแสงไฟตามตึกตามถนน และน้ำพุสีที่ยิ่งดูยิ่งเพลินตา
ฉันค่อยๆเอนตัวนอนตะแคงข้างลงบนเบาะนุ่มๆทั้งๆที่สายตายังมองวิวนั้นข้างๆกับคีย์ที่ยังนั่งอยู่บนเตียง นี่มันกี่โมงกี่ยามกันแล้วเนี่ย แล้วเรามาทำภารกิจตั้งแต่เมื่อไหร่นะ บ่ายๆหรือเปล่า ฉันนี่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ
ฉันมองภาพผ่านกระจกใสนั้นได้สักพักหนึ่ง สายตาก็เริ่มเห็นภาพสะท้อนจากกระจกใสนั้นที่อีกเงาสะท้อนเป็นภาพภายในห้อง ภาพคีย์ในกระจกนั้นถึงแม้จะเป็นแค่เงารางๆแต่ใบหน้าในด้านข้างนั้นแลดูมีสีหน้ากังวล จมูกโด่งสวยนั้นพ่นลมหายใจหนักๆออกมา เบาะนุ่มๆที่ฉันนอนอยู่คลายตัวพร้อมกับเขาที่นั่งอยู่บนเตียงขยับตัวลุกขึ้น ฉันมองเขาผ่านกระจกใส เขาสาวเท้าอย่างรวดเร็วไปที่ประตูก่อนจะเปิดและปิดอย่างรวดเร็ว เสียงแว่วๆจากข้างนอกห้องดังขึ้นคล้ายข้าวของกระทบกันและค่อยๆเงียบหายไปในที่สุด
สายตาฉันที่มองประตูกวาดกลับมามองเตียง ซึ่งภาพตรงหน้านั้น ควรจะมีเงาของตัวเองนอนอยู่
ฉันทำไม่ได้...เธอมันไม่มีจริง
ภาพสะท้อนของกระจกใสสะท้อนภาพห้องโล่งๆ ไร้ซึ่งฉัน
ฉันมันไม่มีตัวตน
ฉันมันไม่มีจริง
ระหว่างนี้ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรมาดึงร่างกายเหมือนเมื่อสองสามชั่วโมงที่แล้ว แรงดึงนั้นเริ่มแรงขึ้นเป็นทวีคูณ ตอนนี้คีย์คงคิดถึงฉันอยู่...ไม่สินึกถึงฉันอยู่ คงเพราะกลัวล่ะสิ แรงดึงนั้นยังคงแรงขึ้นเรื่อยๆจนตัวเริ่มลอย เฮอะ! ไม่เอาไม่ไปแล้ว อย่ามาลากฉันอย่างนี้นะ ไม่ชอบ!!! แรงดึงที่ทวีความแรงขึ้นเรื่อยๆ ค่อยๆอ่อนลงและสลายหายไปแทน นี่เราคงควบคุมพลังนั้นได้ด้วยงั้นสิ ฉันเป็นตัวอะไรกันแน่เนี่ย
**************************************
อยากได้คอมเม้นอ่า TT^TT
ความคิดเห็น