คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #70 : เจ็บปวดแต่ไม่อ้างว้าง 4
...หน้าที่...คำนั้นคือคำตอบที่ชัดเจนที่สุด
ทว่าความเงียบที่ทำให้ได้ยินเสียงน้ำไหลจากฝักบัว
เสียงคนในห้องน้ำหยิบจับนั่นนี่ ก่อให้เกิดความรู้สึกแสนประหลาด
คล้ายว่าการได้รับรู้ความเคลื่อนไหวของใครอีกคน กำลังบ่งบอกถึงชีวิตที่ไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป
และกำลังสร้างความคุ้นเคยให้เขาสัมผัสถึงคำว่า...ชีวิตคู่
“เพ้อเจ้อ...” ชายหนุ่มพึมพำต่อว่าตัวเองเบาๆ แล้วตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อ
เพียงไม่นานเด่นดวงก็ออกมาจากห้องน้ำในสภาพสวมเสื้อยืดกับกางเกงผ้าขายาวอันหมายถึงชุดนอน
และโอฬารคงจะไม่สนใจ ถ้ากลิ่นสบู่ กลิ่นแป้งจากตัวเธอจะไม่ตลบอบอวลไปทั่วอากาศเย็นฉ่ำภายในห้องนอนแคบๆ
ของเธอจนทำลายสมาธิเขา
ทว่าเด่นดวงคงจะไม่รู้ตัว
เธอเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางขนาดกลางข้างตู้เสื้อผ้ามากางออก
จัดเก็บเสื้อผ้าที่มีไม่มากนักพับใส่ลงไป ก่อนจะหยิบของใช้จำเป็นอีกเล็กน้อยใส่ตาม
และสิ่งสุดท้ายคือกรอบรูปสองรูป รูปแรกเป็นรูปรวมครอบครัว
อีกรูปคือรูปที่เธอถ่ายกับบิดาสองคน
โอฬารแอบมองคนที่นั่งหันหลังให้บนพื้นเงียบๆ
เห็นเธอเก็บรูปรวมใส่กระเป๋า แล้วจ้องรูปคู่นานเป็นพิเศษ
กระทั่งได้ยินเสียงสูดน้ำมูก ชายหนุ่มจึงรู้ว่าเธอคงกำลังร้องไห้
ความตั้งใจทำงานอย่างไร้กำหนดเวลาหยุด
ถูกเปลี่ยนไปทันที เขาจัดการเซฟงานและปิดโน้ตบุ๊กเก็บใส่กระเป๋าพร้อมกับเอกสารและแฟ้มทั้งหมดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ
จากนั้นลุกยืนบิดตัวคลายอาการปวดเมื่อยเล็กน้อย
หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาเบญจภัทร
Yak : เป็นไงบ้าง
เขาตกลงกับเบญจภัทรไว้ว่า
ให้ผู้ช่วยหนุ่มหาที่พักแถวนี้ เพื่อดูลาดเลาว่าธิเบตมาทำอะไร และจะอยู่นานแค่ไหน
การที่เขาปล่อยให้เวลาผ่านมาถึงสามวันหลังจากได้รู้ฤกษ์ยกน้ำชาถึงค่อยมาหามารดาของเด่นดวง
เพราะอัศวินต้องการปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แม้แต่คนในครอบครัวก็ยังไม่มีใครรู้
เพื่อป้องกัน ‘งานล่ม’ โอฬารเห็นด้วยกับคนเป็นปู่ แต่ไม่คิดว่าธิเบตจะกล้าถึงขนาดมาวนเวียนแถวนี้
Pat : ยังไม่มีอะไรเคลื่อนไหวครับ ธิเบตยังจอดรถที่เดิม และไม่ได้ลงมา
คุณยักษ์ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะเฝ้าไม่ให้คลาดสายตา
Yak : อืมม์ ขอบใจมาก
จบการสนทนากับผู้ช่วยแล้วถือโทรศัพท์ไปวางไว้บนโต๊ะตัวเล็กข้างหัวเตียง
ทิ้งตัวลงนอนตะแคงฝั่งที่ตกลงว่ายกให้เป็นส่วนของเขาในคืนนี้
หันหลังให้คนที่นั่งบนพื้นอยู่อีกฝั่งของเตียงโดยไม่พูดอะไร
เมื่อรู้สึกว่าโอฬารนอนเรียบร้อยแล้วเด่นดวงก็เก็บรูปใส่กระเป๋าปิดสนิท
เลื่อนไปวางไว้ข้างตู้ จ้องมองมันอีกครู่ก่อนจะสูดหายใจเข้าเต็มปอด
เรียกความกล้าเรียกพลังให้ตัวเองแล้วปิดไฟนีออนเหลือเพียงโคมไฟตัวเล็กข้างหัวเตียงฝั่งเธอ
ค่อยๆ เดินไปทิ้งตัวลงนอนตะแคงหันหลังให้อีกคนตรงฝั่งของตัวเอง
เกิดมาจนอายุยี่สิบสองปีเธอไม่เคยนอนร่วมเตียงกับผู้ชายคนไหนเลยนอกจากบิดา
ความรู้สึกที่ได้นอนร่วมเตียงกับผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นว่าที่สามีเป็นครั้งแรกจึงแปลกๆ
ผสมตื่นเต้นไม่น้อย หากสิ่งที่เธอกำลังโฟกัสไม่ใช่เรื่องเขา
แต่เป็นเรื่องที่เธอจะต้องจากบ้านหลังนี้ไปจริงๆ
บ้าน...ที่เคยเป็นวิมานแสนสุขของเธอ
เคยมีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะ มีพ่อ มีแม่และพี่สาว เคยมีอ้อมกอด
ความรักห่วงหาอาทรต่อกัน มีความผูกพันมากมายมาตลอดยี่สิบกว่าปี
แต่นับจากพรุ่งนี้...เธอจะกลายเป็นคนอื่นสำหรับบ้านนี้เสียแล้ว
แค่คิดก็ใจหาย
แค่คิดก็เจ็บปวด น้ำตารินไหลอย่างห้ามไม่อยู่...ถ้าวันนี้ยังมีบิดา
เธอคงได้เข้าร่วมพิธียกน้ำชาโดยไม่ขาดญาติผู้ใหญ่อย่างแน่นอน
ยิ่งคิดร่างเล็กยิ่งสั่นสะท้าน กระนั้นเธอก็พยายามเก็บกลั้นเสียงสะอื้นไว้ไม่ให้รบกวนคนที่นอนอยู่ด้านหลัง
“เธอไม่มีหมอนข้างเหรอ?” จู่ๆ เสียงคนด้านหลังก็ถามขึ้น เด่นดวงยกมือขึ้นเช็ดน้ำมูกน้ำตา
กระแอมกระไอปรับเสียงให้ปกติมากที่สุด
“ไม่มีค่ะ” ถึงอย่างนั้นเสียงของเธอก็ยังฟังออกชัดว่าคัดจมูก “คุณอยากได้เหรอคะ”
“อืมม์
ไม่มีหมอนข้างเหมือนจะนอนไม่หลับ”
“แล้วทำไมไม่บอกให้คุณภัทรเอามาให้ด้วยละคะ”
“ลืม” เขาตอบสั้นๆ เด่นดวงระบายลมหายใจออกยาว
ยกหัวขึ้นแล้วดึงหมอนที่ตัวเองหนุนอยู่ออกมา พลิกตัวมาหาเขาก่อนเอ่ยบอก
“เอาหมอนฉันไปกอดก็ได้ค่ะ”
ชายหนุ่มพลิกตัวกลับมามองเธอด้วยสายตาเรียบนิ่งเหมือนทุกที
หากคราวนี้เด่นดวงกลับลมหายใจสะดุด หลุบตาไม่กล้ามองเขา
“ถ้ายกหมอนให้ฉันแล้วเธอจะหนุนอะไร”
“ไม่หนุนก็ได้ค่ะ
ฉันนอนหลับ”
“ไม่ล่ะ
ฉันไม่อยากเอาเปรียบเธอ” เขาคว้าหมอนมาแล้วยกหัวเธอขึ้น
จัดการสอดมันกลับไปใต้ศีรษะเล็กตามเดิม แล้วทำในสิ่งเด่นดวงไม่คาดคิด
นั่นคือคว้าตัวเธอมากอดไว้แน่น...แน่นจนใบหน้าของเธอซุกจมอยู่กับอกเขา
“ฮึก!”
หญิงสาวตกใจพูดไม่ออก ตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ
กระทั่งได้ยินเสียงหัวใจเขาเต้นและลมหายใจอุ่นจัดที่รดอยู่เหนือขมับ
จึงพยายามจะดันตัวไปด้านหลัง
“แค่ยืมเป็นหมอนข้าง
ไม่ได้จะทำอะไรหรอกน่า และฉันมีปัญหาแค่เรื่องหมอนข้างเท่านั้น
เรื่องเสียงหรืออื่นๆ ไม่มีปัญหา ถ้าเธอร้องไห้ทั้งคืนฉันก็นอนหลับได้”
พอได้ยินเขาพูดอย่างนั้นร่างเล็กก็หยุดขยับโดยฉับพลัน
และอ้อมแขนแข็งแรงที่รัดแน่นเมื่อสักครู่ก็คลายออกเหลือเพียงโอบไว้หลวมๆ
แต่เด่นดวงกลับไม่ดิ้นรนถอยหนี หนำซ้ำยังกดหน้าไปบนอกเขาแน่นขึ้น
ปล่อยให้น้ำตารินไหล และร่างกายสะท้านไหวด้วยแรงสะอื้นอย่างเต็มที่
โอฬารรู้ว่าตัวเองปลอบใครไม่เก่ง
เขาไม่รู้ว่าต้องใช้คำพูดดีๆ คำไหนในการพูดกับใครสักคนให้รู้สึกดีจากเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่สาหัสถึงขนาดทำให้คนๆ
นั้นบอบช้ำได้ แม้กระทั่งสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ก็ไม่เคยทำกับใคร
ไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่ามันจะได้ผลหรือไม่
แต่ก็ทำไปแล้ว...ทำไปโดยสัญชาตญาณดิบแบบไม่ทันได้คิดวางแผนใดๆ
ทั้งสิ้น
เด่นดวงเองก็ไม่รู้ว่าเขาทำแบบนี้ทำไม
แต่แค่มีใครสักคนโอบกอดเธอไว้ยามที่ใจกำลังอ่อนแอ แค่ใครสักคนที่ยอมให้เธอได้ปลดปล่อยความเศร้าออกมาโดยไม่ต้องพูดอะไร
แค่ไออุ่นที่โอบเธอไว้ไม่ให้อ้างว้างหรือเจ็บปวดตามลำพัง แค่นั้นก็พอแล้ว...ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลอะไรมารองรับเลย...
++++++++++++++++++++++++
เตรียมชุดแดงเข้าพิธียกน้ำชากันได้เลยค่ะ
ความคิดเห็น