คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #55 : เรื่องที่ขอ 1
เรื่องที่ขอ
“คุณจะอยู่เป็นเพื่อนเด่นที่นี่ก่อนก็ได้นะ
เดี๋ยวผมลางานให้”
โอฬารเอ่ยขึ้นเรียบๆ
แต่ท่าทีของเขาผ่อนคลายและเป็นกันเองมากขึ้น เบญจาเลยพลอยคลายความเกร็งลงด้วย
“ไม่เป็นไรค่ะ
อย่าดีกว่า วันนี้เบญเข้ากะบ่ายกว่าจะเลิกก็ดึก เป็นกะที่ไม่มีใครอยากแลกหรอกค่ะ
แต่ถ้าเบญลาโดยคุณโอฬารออกหน้าให้คนอื่นก็ต้องมาแทนโดยไม่กล้าเกี่ยง
เบญไปทำเองดีกว่า ฝากยายเด่นไว้ที่นี่ก่อนนะคะ” เบญจาอ้างไปงั้นแหละ
ความจริงเธออยากให้เขาลาให้ใจจะขาด แต่ไม่อยากขัดขวาง ‘โอกาส’ ของเพื่อน
“แล้วแม่กับพี่สาวเขาจะไม่เป็นห่วงเหรอ?” โอฬารถามเพราะคิดเช่นนั้นจริงๆ
แต่อีกส่วนก็มีนัยยะแอบแฝงเพราะรู้สึกได้ว่าเด่นดวงกับมารดาและพี่สาวเหมือนจะมีช่องว่างต่อกัน
“ไม่หรอกค่ะ
เด่นหายไปสามวันสามคืนแม่ใจกับพี่ตายังไม่ตามหาเลย
ถ้าเด่นออกจากบ้านไปได้ทั้งคู่คงดีใจมากกว่า เพราะพวกเขาระอากับความซวยของเด่น
แถมยังคอยย้ำว่าเด่นซวยจนทำให้พ่อต้องตายอีก
หายมาแค่นี้ยังไม่ทันรู้สึกกันด้วยซ้ำค่ะ”
เบญจาพูดออกไปเหมือนระบายความอัดอั้น
กว่าจะนึกได้ก็ตอนที่โอฬารครางในลำคอเป็นเชิงรับรู้ “เอ่อ
ขอโทษค่ะ เบญพูดมากไปหน่อย”
“งั้นคุณอยู่กับเด่นต่ออีกหน่อยก็ได้
เดี๋ยวใกล้เวลางานผมจะให้ภัทรไปส่ง”
“เอ่อ
ขอตัวกลับเลยได้ไหมคะ เบญไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาต้องกลับไปแต่งตัวก่อน
จากนี่ไปอพาร์ตเม้นท์ จากอพาร์ตเม้นท์ไปมินิมาร์ทต้องใช้เวลาพอสมควร
เดี๋ยวจะเข้างานสายแล้วยายหลิน...เอ้อ คุณหลินจะว่าเอาได้ค่ะ”
โอฬารมองอีกฝ่ายนิ่งๆ
ไม่แปลกใจทำไมเบญจากับเด่นดวงถึงเป็นเพื่อนกันได้ ทั้งคู่มีอะไรหลายอย่างคล้ายกัน
โดยเฉพาะเรื่องห่วงเข้างานสาย
และดูเหมือนว่าสองเพื่อนรักจะเป็นปรปักษ์กับผู้จัดการสาขาทั้งคู่เช่นกัน
“นายไปส่งแล้วรอรับเธอไปส่งที่มินิมาร์ทด้วยเลยนะภัทร
ค่อยกลับมา” โอฬารหันมาทางผู้ช่วยตัวเอง
“ไม่เป็นไรค่ะ
ไม่เป็นไรเลย เบญกลับเองดีกว่าค่ะ” เบญจารีบโบกมือปฏิเสธ
“คุณกลัวเหรอครับ?” เบญจภัทรหันไปถามอย่างรู้ทัน
“ไม่ได้กลัวสักหน่อย” เบญจาเชิดหน้าไม่ยอมรับ “แต่ฉันไม่อยากให้เสียเวลาต่างหากเล่า”
“ไม่เสียเวลาอะไรหรอก
ภัทรว่าง” โอฬารบอกแล้วลุกยืน “เอารถคันอื่นไปส่งก็แล้วกันนะภัทร” คำสั่งเจ้านายติดข่มขู่เล็กน้อย
เพราะมองออกว่าผู้ช่วยกำลังสนุกที่จะได้แกล้งเบญจา
“ครับ” เบญจภัทรตอบเสียงอ่อย หมดสนุกที่จะได้แกล้งคนตัวเล็กที่ไม่ได้แปลว่าผอม
โอฬารมาหยุดยืนมองคนที่หลับสนิทอยู่ข้างเตียง
ฟังสิ่งที่เบญจาเล่าแล้วเขาเริ่มเชื่อมากขึ้นว่าเด่นดวงเป็นคนดวงซวยขนาดหนักจริงๆ
ถึงว่าทำไมตอนเขาช่วยไม่ให้ตกรถตุ๊กๆ เธอถึงดีใจขนาดนั้น
และเขาได้รู้เพิ่มขึ้นอีกอย่างว่าภายใต้ท่าทีสดใสใจสู้ของเธอมีเรื่องเจ็บปวดเก็บกดเอาไว้
คนเราต้องเข้มแข็งขนาดไหน ถึงจะยิ้มได้ในขณะที่ชีวิตพบเจอเรื่องแย่ๆ
ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกวัน ร้ายกว่านั้นคือคนในครอบครัวกลับซ้ำเติมแทนที่จะเข้าใจ...
ขนาดเขาต้องทนอยู่ท่ามกลางญาติพี่น้องที่มองตัวเองเป็นศัตรูคู่แข่ง
และทนมองผู้หญิงที่รู้สึกดีด้วยไปรู้สึกดีกับคนอื่นก็ว่าหนักพอแล้ว
แต่อย่างน้อย...ครอบครัวเขายังคอยให้กำลังใจเสมอ บิดา มารดา
และน้องชายที่อยู่เมืองกาญจน์คอยส่งข้อความผ่านไลน์กลุ่มของครอบครัวถามสารทุกข์สุกดิบและให้กำลังใจกันทุกวัน
นั่นทำให้เขาไม่เคยรู้สึกเคว้งคว้างหรืออ้างว้างจนเกินไป
แต่เด่นดวง...นอกจากเบญจาแล้วดูเหมือนเธอจะไม่มีใคร
และการอยู่ใกล้เขาก็เหมือนจะทำให้เธอไม่ซวยอย่างที่เป็นมา
ชายหนุ่มถอนหายใจยาว...
นี่ได้เจอเธอแค่สองสามวัน
ชีวิตเรียบง่ายสงบนิ่งของเขาก็เปลี่ยนไปมาก
ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าต้องอยู่กันทั้งชีวิตจะเป็นยังไง
...ทั้งชีวิตเหรอ?
ที่ผ่านมาเขาเคยนึกถึงคำนี้สักครั้งไหม
เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้คิดถึงคำนี้หรือเปล่า?
ไม่มี...แม้แต่เด่นดวงก็ไม่ได้ทำให้เขาคิดถึงคำนี้
เพียงแต่อาจจะเป็นอะไรสักอย่างที่ทำให้เขาคิดขึ้นมา
อาจจะเป็นการที่เธอกล้าเอาชีวิตแลกกับชีวิตปู่ของเขา...อาจจะเป็นความรู้สึกแรกเริ่มที่ไม่รังเกียจต่อกัน
ไม่อึดอัดเวลาอยู่ใกล้ และไม่รู้สึกกดดันเวลาทำอะไรให้เธอ สำคัญที่สุดคือตอนนี้เธออาจตกอยู่ในอันตรายจากคนในครอบครัวเขาทั้งที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
เขารีบเดินกลับออกมาด้านนอกเพื่อรับสาย
“ครับ
คุณปู่”
“เป็นไงบ้าง” พออัศวินถามมาอย่างนั้นโอฬารก็เงียบไปครู่หนึ่ง
รู้ในทันทีว่าท่านคงรู้เรื่องจากเบญจภัทรแล้ว “น่า...ถ้าปู่ไม่สั่งให้ภัทรมันคอยรายงาน
แกจะยอมรายงานปู่เองงั้นเหรอ” อัศวินเองก็รู้ใจหลานชาย
“ยังหลับอยู่ครับ”
“แล้วแกล่ะ”
“ครับ?”
“แกน่ะเป็นไงบ้าง”
“ผมไม่ได้เป็นอะไรครับ
ปลอดภัยดี”
“แกจะเอายังไงต่อ” อัศวินถามหยั่งเชิง และโอฬารก็เงียบอย่างครุ่นคิด
น้อยครั้งมากที่เขาจะสับสนถึงขนาดตัดสินใจอะไรลำบากแบบนี้
“เราตอบแทนเด่นดวงด้วยวิธีอื่นได้ไหมครับ” พูดออกไปแล้วก็เงียบเสียเอง อัศวินก็ยังคงเงียบเพื่อรอฟัง “ผมไม่อยากใช้วิธีนี้ เพราะต่อให้ปกป้องชีวิตเธอได้จริงๆ
แต่ผมไม่มั่นใจว่าจะ...ปกป้องหรือดูแลความรู้สึกเธอได้หรือเปล่า”
“ยักษ์...แกอาจจะไม่เชื่อเรื่องรักแรกพบ
เรื่องพรหมลิขิตอะไรพวกนั้น แต่อย่างน้อยแกควรเชื่อนะว่าคนเราเจอกันได้
มีเหตุให้ต้องเกี่ยวข้องกันมันต้องมีวาสนาต่อกัน และถึงแม้วันนั้นแกจะเสนอตัวแต่งงานกับหนูเด่นเพราะผิดหวังจากนีรา
แต่แกควรพอแล้วยักษ์ หยุดเรื่องนีราไว้แค่นี้!”
โอฬารอึ้ง...แต่ไม่ได้อึ้งที่คนเป็นปู่ล่วงรู้ความรู้สึกเขา รู้แก่ใจดีว่าต่อให้พยายามเก็บซ่อนแค่ไหนมันก็ปิดไม่มิด ทว่าเขาอึ้งเพราะอัศวินไม่เคยก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวถึงขนาดสั่งห้ามเขาแบบนี้เลย
**********************************
เอาละนะพี่ยักษ์ อย่าให้คุณปู่ต้องใช้ไม้แข็งนะ รีบยอมซะดีๆ อิอิ
ความคิดเห็น