ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมียนำโชค

    ลำดับตอนที่ #48 : ครั้งแรกของกันและกัน 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 20.44K
      1.18K
      10 ต.ค. 63


    พอคนขับรถเตือนด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ เอียงตัวมามองด้วยสายตาคล้ายระอา ผู้โดยสารทั้งสองจึงก้มลงมอง และเห็นว่าแขนของโอฬารยังโอบรอบเอวเด่นดวงอยู่ ชายหนุ่มรีบดึงแขนกลับเข้าหาตัว ส่วนเด่นดวงรีบก้าวลงจากรถ พอเขาจ่ายค่าโดยสารเสร็จก็ตามลงมา ทั้งคู่เดินเคียงกันมาเงียบๆ จนเกือบถึงบันไดทางขึ้นรถไฟฟ้า

    ฉันขอโทษนะคะ เล่นมากไปจนเกือบซวยเลย

    บางทีมันอาจไม่ใช่ความซวย แต่เป็นความซุ่มซ่ามไร้สติมากกว่านะ เขาเอ่ยเป็นเชิงดุ

    เฮ้ย! เมื่อกี้ฉันพูดว่า เกือบซวย คุณได้ยินไหมคะ อยู่ๆ เธอก็ทำหน้าตาตื่นเต้น หยุดเดินแล้วหันมาทางเขา โอฬารงงๆ แต่ก็พยักหน้าให้ ฮื้ออออ ดีใจจังเลย นี่ถ้าคุณไม่ช่วยไว้ฉันต้องพูดว่า ซวยอีกแล้ว ไม่ใช่เกือบซวยเลย โอ๊ย! ดีใจที่สุดเลย ขอบคุณนะคะ ขอบคุณที่ทำให้ฉันไม่ซวยเหมือนที่ผ่านมา

    เด่นดวงเดินนำขึ้นบันไดสถานีรถไฟฟ้าไปด้วยท่าทางมีความสุข โอฬารมองตามแล้วเผลอคิดเปรียบเทียบกับใครอีกคน

    นีรา...ไม่เคยแสดงท่าทีอย่างนี้กับเขา แม้แต่ตอนที่พาไปกินข้าว ซื้อดอกไม้ให้ หรือทำอะไรดีๆ ให้ เธอเพียงแค่ยิ้มเขินๆ เล็กน้อย ซึ่งเขาก็รู้สึกดี แต่เหมือนมีบางอย่างคลุมเครืออยู่ตลอดเวลา เหมือนไม่สุด ทั้งที่ทุกอย่างที่ทำให้ ตั้งใจ กว่านี้มาก ผิดกับเด่นดวง แค่ได้นั่งตุ๊กๆ กับเขา แค่เขาช่วยไม่ให้ตกรถ หญิงสาวกลับทำราวกับว่าเขาทำสิ่งมีค่ามหาศาลให้

    คนที่ให้อะไรก็ตาโตไปหมดอย่างเด่นดวง เอาเข้าจริงเธอกลับไม่ได้ให้คุณค่ากับสิ่งของที่มีมูลค่าสูง มากไปกว่าการกระทำดีๆ เลย...

    ริมฝีปากหยักได้รูปยกขึ้นเล็กน้อย

    โอฬารไม่ทันคิดหรอกว่านั่นเรียกว่า ยิ้ม แต่เบญจภัทรที่นั่งคร่อมเน็กเก็ตไบค์ สปอร์ตเฮอร์ริเทจสีดำอยู่ไม่ไกลเห็นชัดและรู้ดี เขาจึงยกโทรศัพท์ขึ้นกดหาเจ้าสัวอัศวินเพื่อรายงาน สภาพอาการเช้านี้

     

    รถไฟฟ้ายังคงแน่นเหมือนทุกวันและวันนี้เด่นดวงก็ยืนจับแขนโอฬารเองโดยที่เขาไม่ต้องบอก ชายหนุ่มเหลือบมองคนที่ยืนยิ้มตลอดเวลาแล้วได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ ดูท่าทางเธอคงจะซวยมาจนนับไม่ถ้วนจริงๆ แค่ไม่ซวยครั้งเดียวถึงได้ดีใจขนาดนี้

    เอ้อ แล้วคุณเคยนั่งรถไฟฟ้าไหมคะ จู่ๆ เธอก็เงยหน้าถามเขาเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้

    เคย เขาตอบสั้นๆ แต่สีหน้าเธอฉายแววผิดหวังราวกับเขาพังโลกของเธอจนถล่มทลาย ก่อนจะหันกลับไปมองผ่านหน้าต่างรถไฟฟ้าตามเดิม สองครั้ง...ครั้งก่อนกับครั้งนี้

    เท่านั้นเอง คนผิดหวังก็หันขวับกลับมามองเขาตาเป็นประกาย รอยยิ้มเปิดกว้างขึ้นอีกครั้ง

    นี่ฉันเป็นครั้งแรกของคุณทุกอย่างเลยเหรอเนี่ย เธอเอ่ยด้วยท่าทางปลาบปลื้มออกนอกหน้า เสียงกระแอมจากชายหนุ่มสองคนที่ยืนด้านหลังเธอฟังคล้ายเสียงหัวเราะ และเพราะสองคนนั้นยืนด้านหลัง เด่นดวงจึงมองไม่เห็น แต่โอฬารเห็นชัดว่าทั้งคู่กำลังกลั้นหัวเราะ รู้ไปถึงว่าพวกนั้นกำลังกลั้นหัวเราะด้วยเหตุใด

    ไม่รู้อุปาทานไปเองหรือเปล่า ที่เขารู้สึกว่าอุณหภูมิภายในรถไฟฟ้าร้อนขึ้นกว่าเดิม

    ยืนดีๆ แล้วเลิกยิ้มตาลอยแบบนั้นได้แล้ว เขาบอกเสียงเข้ม แต่เด่นดวงไม่สะทกสะท้านแถมยังเงยขึ้นส่งสายตาวิบวับให้เขาเสียอีก

    คุณก็เป็นครั้งแรกของฉันเหมือนกันนะคะ บอกแล้วหัวเราะคิกคักเองคนเดียว และแม้ระดับเสียงของเธอจะเบา แต่ความแน่นหนาของผู้โดยสารก็มากถึงขนาดต้องยืนเบียดกัน คราวนี้สองหนุ่มที่กลั้นหัวเราะเมื่อสักครู่จึงได้ยินชัดจนหลุดขำออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เด่นดวงเอียงมองงงๆ สองคนนั้นเลยพยายามกลั้นหัวเราะแล้วเมินมองไปทางอื่น

    เลิกพูด แล้วยืนเฉยๆ เถอะน่า

    ทำไมต้องทำเสียงดุด้วย ก็ฉันไม่เคยนั่งตุ๊กๆ ไม่เคยนั่งรถไฟฟ้ากับผู้ชายคนไหนเลยจริงๆ นี่คะ ไม่สิ ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนตามรับตามส่งฉันแบบนี้เลยต่างหาก เธอพยายามอธิบายแต่โอฬารก็ยังส่งสายตาดุให้ โอเคๆ ไม่พูดแล้วก็ได้ ย่นจมูกใส่เขาแล้วคนไม่รู้ตัวว่าคำพูดส่อให้คิดในทางไม่ดีก็หันกลับไปยิ้มกับทัศนียภาพนอกหน้าต่างรถตามเดิม

    โอฬารลอบมองเธอแล้วได้แต่ถอนหายใจเบาๆ นึกอยากให้ถึงสถานีปลายทางไวๆ เพราะตอนนี้เขารู้สึกว่าภายในรถร้อนเหลือเกิน!

    ออกจากรถไฟฟ้ามาถึงบันไดทางลง เด่นดวงเห็นแม่ค้าแซนด์วิชที่เธออุดหนุนเป็นประจำจนคุ้นเคยกันแล้วหันกลับไปหาคนที่เดินเยื้องด้านหลัง

    คุณกินอะไรมาหรือยังคะ โอฬารส่ายหน้าแทนคำตอบ งั้นไปกินแซนด์วิชกับกาแฟที่มินิมาร์ทเนอะ เธอแกล้งแหย่และแค่เห็นเขาทำหน้าตาดุเธอก็หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี

    นอกจากแซนด์วิชร้านนี้แล้ว ปกติมื้อเช้ากินอะไรอีกบ้าง เขาถามขณะเดินตามเธอลงบันไดมา

    ส่วนใหญ่ไม่ได้กินหรอกค่ะ เพราะรีบเข้างาน ไปกินทีเดียวเที่ยงเลย แต่ถ้าไม่กินแซนด์วิชร้านนี้ก็...เอ้อ มีขนมปังนึ่งร้านนึงอร่อย แต่มันอยู่เลยมินิมาร์ทไปนิดหนึ่ง คุณอยากลองไหมคะ เธอหยุดเดินตอนเหลือบันไดสองขั้นสุดท้าย เงยขึ้นถามด้วยสีหน้าแววตาตื่นเต้น ทว่าโอฬารกลับมองตอบด้วยท่าทางไม่วางใจ

    ยังกล้าแนะนำของอร่อยคนอื่นอีกนะ

    คราวนี้อร่อยจริงๆ ค่ะ ไม่ต้องเชื่อก็ได้ แต่ไปลองนะคะ...นะ เธอชวนราวกับได้ค่าโฆษณาจากร้านที่กล่าวถึง โอฬารพยักหน้ารับ หญิงสาวจึงยิ้มกว้างหมุนตัวเดินลงไปจนสุดบันได ทำท่าจะเดินผ่าน แม่ค้าขายแซนด์วิชก็ร้องถามขึ้นเสียก่อน

    วันนี้ไม่ซื้อแซนด์วิชเหรอจ๊ะ ถามแล้วก็เผื่อแผ่สายตาไปยังชายหนุ่มที่เดินตามหลังมาด้วย เมื่อวานเขาเหมาไปจนหมดแถมยังจ่ายเงินแบบไม่ต้องทอนเสียด้วย เด่นดวงเหลือบมองโอฬารแล้วยิ้ม

    วันนี้ไม่ซื้อค่ะ พอดีแฟนจะพาไปกินอย่างอื่น ไปก่อนนะคะ คำตอบเต็มไปด้วยความสดใสทั้งสีหน้าและรอยยิ้ม โบกมือให้แม่ค้าแล้วเดินเริงร่านำไปโดยไม่หันกลับไปมองว่าคนที่โดนแอบอ้างจะว่าอย่างไร

    โกหกไม่ดีนะ เสียงคนด้านหลังเปรยขึ้นเด่นดวงจึงหยุด และรอให้เขามายืนเคียง

    โกหก? ตอนไหนคะ ทำหน้าซื่อตาใสถาม

    เมื่อกี้ไง ไปบอกแม่ค้าแบบนั้นได้ไง

    เรื่องแฟน? เธอแกล้งถามและเขาแค่พยักหน้าตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย โกหกตรงไหนคะ ซินแสกับคุณปู่ก็บอกว่าให้เราศึกษาดูใจกัน แล้วคุณก็มาตามรับตามส่งฉัน ถ้าไม่ใช่แฟนแล้วทำไปในฐานะอะไรละคะ?



    ต้องการติดตามเจียมใจกดที่รูปเลยค่ะ

    หรือพิมพ์ตามในภาพได้เลยเน้อ ^^


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×