คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #46 : แค่วันแรกเองนะ 4
‘ทุกอย่างโชคชะตาจะเป็นคนกำหนด
สิ่งที่เราทำได้คือดูแลเขาให้ดีที่สุด...ยักษ์ดูแลตัวเองดีๆ
และปู่ขอให้ดูแลหนูเด่นให้ดีด้วย ซินแสหวังบอกว่าดวงหนูเด่นกับยักษ์หนุนกัน
ถ้าอยู่ใกล้กันก็จะมีแต่เรื่องดีๆ อย่าปล่อยให้เขาอยู่ไกลตัวนะ ถือว่าปู่ขอร้อง’
โอฬารรู้ดีว่าอัศวินเชื่อซินแสหวังหมดหัวใจ
ดังนั้นการขอให้เขาตัวติดกับเด่นดวงก็แปลว่าท่านห่วงความปลอดภัยเขาอย่างมาก
เชื่อว่าดวงของเด่นดวงจะทำให้เขาแคล้วคลาดปลอดภัย
แม้จะหนักใจและไม่อยากให้คนนอกอย่างเด่นดวงมาเกี่ยวข้อง
แต่สิ่งที่ทำได้เพียงแค่ตอบรับกลับไปเท่านั้น
“อาจจะไม่มีอะไรก็ได้
ธิเบตอาจจะมีธุระทางนี้”
โอฬารพูดอย่างนั้นเพราะธิเบตคือผู้ช่วยคนสนิทของวรัท พี่ชายที่เขาไม่มีทางคิดหรือเชื่อว่าจะทำผิดคิดร้ายต่อใครได้
“แต่เวลานี้ธิเบตควรจะอยู่กับคุณใหญ่ไม่ใช่เหรอครับ
แล้วรถคันนี้ไม่ใช่รถของคุณใหญ่ เป็นรถธิเบตเอง
แปลว่าเขาน่าจะไม่ได้มากับคุณใหญ่นะครับ” โอฬารคิดตาม “เมื่อกี้ผมลองชะลอรถสลับกับเร่งความเร็วดู ธิเบตก็ไม่ยอมแซงไป
กลับเร่งความเร็วและชะลอตามผมทุกอย่าง มันน่าแปลก”
“ขับไปตามปกติเรื่อยๆ
ดูก่อนแล้วกัน”
โอฬารสั่งผู้ช่วยแล้วเหลือบมองรถคันข้างหลังทางกระจกครู่หนึ่ง ก่อนจะละสายตาหันไปมองคนที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราว
หัวเล็กๆ โยกคลอนไปมาตามการเคลื่อนไหวของรถ
ชายหนุ่มเลื่อนมือไปประคองศีรษะเธอให้เอนมาพิงไหล่
ปรับท่าให้เธอนั่งได้สบายและมั่นคงมากขึ้น
นี่ไม่ใช่การสร้างความผูกพันหรือสายใยใดๆ
ทั้งสิ้น...แต่เธอกลายเป็นหน้าที่สำคัญที่เขาต้องรับผิดชอบให้ดีที่สุดในชีวิตอีกอย่างหนึ่งแล้ว
“คุณปู่บอกนายแล้วใช่ไหม”
“ครับ
เจ้าสัวบอกให้ผมดูแลคุณยักษ์กับคุณเด่นให้ดีที่สุด
ถ้าคิดว่าไม่ไหวให้หาบอดีการ์ดมาเพิ่มครับ”
“ไม่ต้องหรอก
ทุกอย่างยังเป็นแค่ข้อสันนิษฐาน ถ้าทำอะไรตื่นตูมมากไปจะเหมือนแหวกหญ้าให้งูตื่น”
“แล้วคุณยักษ์คิดว่า...เป็นใครเหรอครับ” เบญจภัทรถามอย่างระมัดระวัง โอฬารสีหน้าเครียดขึ้นกว่าเดิม
แม้ในเรื่องของการทำงานเขากับลุงและอารวมถึงลูกพี่ลูกน้องจะแข่งขันกัน
แต่สำหรับเขา ทุกคนเป็นเพียงคู่แข่งในการทำผลงานให้ดีขึ้น ไม่ใช่ศัตรูคู่อริ
หรือคู่แข่งที่ต้องหักล้างกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
จึงคิดเอาเองว่าคนอื่นๆ
ก็คงเหมือนเขา คงไม่มีใครบ้าถึงขนาดจะฆ่าคนที่ร่วมสายเลือดสายตระกูลกันเพียงเพื่อสมบัติที่ต่อให้แบ่งกันครบทุกคนก็ยังนับว่ามากอยู่ดี
แต่วันนี้อัศวินทำให้รู้ว่าเขาคิดผิด
จริงอยู่ว่ายังไม่มีหลักฐานแน่ชัด แต่อัศวินจะไม่เอ่ยปรักปรำใครถ้าไม่มั่นใจมากพอ
“ไม่รู้สิ
ฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ เลยเดาไม่ออกว่าใคร...ที่กล้าถึงขนาดจะฆ่าคุณปู่ได้ลงคอ”
เบญจภัทรเคลื่อนรถไปจอดนิ่งด้านหน้าตึกสูงยี่สิบชั้น
บทสนทนาจึงหยุดลง
โอฬารก้มมองคนข้างตัวที่เมื่อได้พิงไหล่เขายิ่งหลับสบายไม่มีทีท่าว่าจะตื่น
“เด่น...” เขาเอ่ยเรียก รู้สึกแปลกๆ ไปบ้างเหมือนกันยามเรียกชื่อเล่นคนที่ไม่สนิท
แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกด้วยคำไหน “ตื่นได้แล้ว” คนหลับราวกับนอนในห้องนอนที่บ้านยังนิ่ง
โอฬารจึงจำเป็นต้องยื่นมือไปเขย่าแขนเธอเบาๆ
“ฮื่อ!
ทำไมต้องกวนตอนกำลังหลับสบายด้วย”
น้ำเสียงเธอหงุดหงิดแหงนหน้าขึ้นแต่ยังไม่ยอมลืมตา
“ถ้าอยากนอนมากนักจะให้ภัทรขับไปส่งที่บ้าน
ร้านอาหารบนดาดฟ้าอะไรก็ไม่ต้องขึ้นไปแล้ว”
แม้น้ำเสียงจะราบเรียบเจือแววดุ แต่คำที่เอ่ยออกไปเหมือนกำลังล่อลวงเด็กชัดๆ
“อื้อๆ
ไม่เอา อยากขึ้นไปดูก่อน”
เธอเถียงแล้วพยายามลืมตาที่แสนหนักอึ้งขึ้นอย่างฝืนๆ
เมื่อคืนเธอนอนแทบไม่หลับทั้งคืนด้วยเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นในชีวิต
มีรถคันหนึ่งเคลื่อนมาจอดด้านหลัง แสงไฟจากรถคันนั้นสาดเข้ามาทางกระจกด้านหลัง
แสงสีส้มของมันมลังเมลืองคล้ายภาพโบเก้ทาทาบลงบนใบหน้าคมของโอฬาร
คนที่หรี่ตาขึ้นมองยิ้มจนปรากฏรอยบุ๋มเล็กๆ บนแก้ม “ทำไมคุณดูดีจัง” เธอเอ่ยคล้ายละเมอ ทำเอาโอฬารอึ้ง เบญจภัทรถึงกับอมยิ้มจนเกือบจะเป็นหัวเราะ
“ตื่น
แล้วนั่งดีๆ จะได้ลงจากรถเสียที” ชายหนุ่มทำเสียงดุ
ทั้งที่กำลังรู้สึกแปลกๆ ใบหน้าเธอเองก็โดนแสงไฟสีส้มสาดมากระทบไม่ต่างกัน
และถ้ามีใครสักคนบอกว่าไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง ผู้หญิงสวยได้เพราะเมคอัพ
เขาก็อยากบอกว่านั่นไม่เคยอยู่ในความคิดเขาเลย
ผู้หญิงที่น่ารักและสวยในสายตาเขาคือตอนที่เธอคนนั้นเป็นธรรมชาติมากที่สุด
เหมือนที่เด่นดวงกำลังเป็นอยู่ตอนนี้...
ท่าทางง่วงแบบไม่เสแสร้ง
แลคล้ายเด็กขี้เซา พอเธอยิ้มและเอ่ยชมเขาอย่างเผลอไผลจึงแลดูทั้งน่าเอ็นดูและออดอ้อนในคราเดียวกัน
“งื้อออ
อุ้มไปได้มั้ย” เด่นดวงนั่งโงนเงน ยังเรียกสติกลับมาไม่ครบ
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังนั่งอยู่กับใคร
แต่เหตุการณ์อย่างนี้คลับคล้ายคลับคลาเหมือนเวลานั่งรถกับบิดาเลยพูดออกไปแบบนั้น
คราวนี้เบญจภัทรหลุดขำพรืดอย่างกลั้นไม่อยู่
โอฬารเลยถอนหายใจแล้วแกล้งเปิดประตูรถลงไปยืนรอ เด่นดวงจึง ‘วืด’ ลงไปบนเบาะที่เขาเคยนั่ง
รถคันหลังบีบแตรไล่ หญิงสาวจึงสะดุ้งได้สติ ดีดตัวนั่งหลังตรงมองซ้ายมองขวา
จนได้เห็นว่าร่างใหญ่ยืนรอพร้อมตีหน้าขรึม
“รีบลงไปเร็วครับ
เดี๋ยวคุณยักษ์ไม่รอนะ” เบญจภัทรขู่ขำๆ
เด่นดวงเลยรีบคว้ากระเป๋าแล้วเปิดประตูฝั่งตัวเองลงไปอย่างรวดเร็ว
เบญจภัทรเคลื่อนรถออกไป
รถคนหลังจึงมาจอดแทนที่ กลายเป็นว่าคั่นกลางคนทั้งคู่ไว้ โอฬารหมุนตัวทำท่าจะเดินเข้าไปในตึกโดยไม่รอ
“เดี๋ยวสิคะ
รอฉันด้วย อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวสิ” โอฬารหยุดกึกทันที คำว่า
‘อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวสิ’
เตือนให้เขาระลึกว่าไม่ควรทำอย่างนั้นจริงๆ
ชายหนุ่มหันกลับมาแล้วมองจนเธอเดินข้ามถนนมาหยุดยืนตรงหน้า “นึกว่าจะไม่รอซะแล้ว” เธอแหงนหน้าขึ้นยิ้มกว้างให้เขา ท่าทางดีใจราวกับเด็กๆ นั้นช่างน่ามอง
โอฬารมองเธอนิ่งๆ
พลางคิดในใจ...นี่แค่วันแรกเองนะ...แค่วันแรกเท่านั้น...
ความคิดเห็น