ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมียนำโชค

    ลำดับตอนที่ #5 : หัวเดียวกระเทียมลีบ 4

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ย. 63



    ไม่มีครับ

    เขาไม่ได้โกหก เขาเองยังไม่รู้เลยว่าความรู้สึกที่มีต่อ ผู้หญิงคนนั้น เรียกว่าอะไร มันอาจเป็นแค่ความรู้สึกชื่นชมในความเก่งของเธอ ไม่ใช่ความชอบฉันชู้สาวก็เป็นได้

    อัศวินมองหลานตรงหน้านิ่งๆ ทว่าแววตาเหมือนมีร่องรอยระยับไหว จนโอฬารต้องเสหลบตา

    ไปเถอะ ปู่ไม่มีอะไรจะถามแล้ว

    คนเป็นหลานหันมามองเหมือนจะถามว่า แค่นี้เองเหรอ แต่แล้วก็ไม่พูดอะไร ลุกยืนก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากเก้าอี้

    ยักษ์... อัศวินเรียกแล้วรอให้หลานชายหันกลับมา ปู่หวังว่าแกจะไม่ยอมแพ้...ไม่ว่าเรื่องอะไรนะ

    เกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นในอกของโอฬาร คล้ายๆ ว่าความรู้สึก หัวเดียวกระเทียมลีบ ตอนอยู่ในห้องประชุมจะเลือนหายไป

    ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอาชนะได้มั้ย แต่ผมจะไม่หยุด และไม่ถอยแน่ๆ ครับ

    พูดจบก็เดินออกจากห้องไป ไม่ยอมอยู่มองรอยยิ้มของท่านประธานบริษัทที่นานแล้วไม่ได้ยิ้มแบบนี้ ถ้าลูกหลานคนไหนสักคนจะบอกว่าเขาลำเอียงก็คงกล่าวโทษคนๆ นั้นไม่ได้ เพราะในทางความรู้สึกเขาเอาใจช่วยโอฬารมากเป็นพิเศษจริงๆ หลานคนกลางของเขาเป็นคนเก่ง รั้นไปบ้าง แต่เป็นคนจริง มุ่งมั่นตั้งใจ สำคัญที่สุดคือซื่อสัตย์ ซึ่งหลานอีกสองคนอาจจะมีบางอย่างที่โอฬารมี แต่ก็ขาดบางอย่างที่เขามีเช่นกัน

    แต่ในทางปฏิบัติอัศวินไม่เคยลำเอียง ต่อให้มีสิทธิ์ตัดสินใจทุกอย่างได้ตามความพอใจ ต่อให้รู้ว่าใครสมควรได้รับ ใครไม่สมควรให้อะไรก็ตาม แต่เมื่อเป็นสายเลือดเขาเหมือนกัน...ทุกอย่างก็ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตาร่วมด้วย

    คุณยักษ์ครับ... เบญจภัทรที่ยืนรอหน้าห้องรีบพุ่งเข้าไปหาเจ้านายทันที

    อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลยภัทร ฉันอยากกลับคอนโดฯ ละ นายไปเอารถมารอข้างหน้าได้เลย เข้าห้องน้ำเสร็จแล้วฉันจะออกไป

    ครับ ผู้ช่วยวัยสามสิบปีรับคำแล้วถอยไป รู้ว่าเวลาอย่างนี้โอฬารคงอยากคิดอะไรเงียบๆ คนเดียว

    ก้าวได้เพียงสามก้าวเสียงเรียกจากทางด้านหลังก็ทำให้ขาของชายหนุ่มชะงักกึกแล้วยืนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น ไม่ยอมหันกลับไปมองที่มาของเสียงเรียก

    คุณยักษ์คะ อุ๊ย!” คนที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาเขาสะดุดเท้าตัวเองจนเซล้ม เขาจึงต้องยื่นมือออกไปรับตามสัญชาตญาณ ไม่ได้ตามความรู้สึกเลยสักนิด...ไม่เลยจริงๆ

    นีราเงยหน้ามองคนที่ช่วยประคองแล้วยิ้มกว้าง ใบหน้าที่ปกติสวยอยู่แล้วยิ่งดูสวยขึ้นไปอีก ทว่าคนได้รับรอยยิ้มกลับทำหน้าเฉยเมย พอเธอตั้งหลักได้ก็รีบหดมือกลับราวกับเธอเป็นของร้อนก็ไม่ปาน

    ขอบคุณมากนะคะ กล่าวแล้วขยับตัวกะเผลกๆ เพราะข้อเท้ารู้สึกเจ็บ ร่างใหญ่ยืดตัวเต็มความสูง ยัดมือทั้งสองข้างลงกระเป๋ากางเกงราวกับจะบอกว่ายังไงเขาก็จะไม่ช่วยเธออีก นีราจะมาบอกว่าถึงเราจะไม่ได้เป็นเจ้านายลูกน้องโดยตรงกันแล้ว แต่ถ้ามีอะไรที่นีราพอจะช่วยได้ คุณยักษ์บอกได้เลยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ ยังไงนีราก็ถือว่าเป็นพนักงานของบริษัทคุณคนนึงเหมือนกัน

    บริษัทเป็นของคุณปู่ ไม่ใช่ของผม น้ำเสียงเครียดขรึมทำเอานีราหน้าเจื่อนไปนิดหนึ่ง แต่แล้วก็ยิ้มขึ้นอีกครั้ง

    ค่ะ แต่นีราก็ยินดีจะช่วยคุณในฐานะลูกน้องเหมือนเดิมนะคะ

    พูดกันแค่แป๊บเดียวเธอก็ย้ำถึงฐานะของตัวเองกับเขาถึงสองครั้ง คงกลัวว่าใครจะเข้าใจผิดละสินะ

    ถึงผมจะไม่ได้เก่งขนาดทำให้ใครมั่นใจได้ แต่ผมก็คิดว่าผมสามารถทำงานของตัวเองได้ด้วยตัวเอง ส่วนคุณ...ทำหน้าที่ของคุณให้ดีก็พอ เพราะนอกจากผมจะไม่ยอมให้เจ้านายคุณทำอะไรผมได้อีกเป็นครั้งที่สอง ผมก็อาจจะหาจังหวะเอาคืนให้สมกับที่เขาทำไว้กับผมก็ได้

    นีรามองคนพูดทุกคำด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นแล้วสีหน้าของเธอก็หงอยจนเกือบจะเป็นร้องไห้ โอฬารเมินภาพนั้นไปทางอื่น

    ได้จังหวะเมื่อไหร่ก็เอาคืนได้เลยนะยักษ์ ฉันรอแกทุกเมื่อ พร้อมมากด้วย ภัคภณเดินมาหยุดยืนใกล้นีรา สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความรื่นรมย์ เขามีศักดิ์เป็นลูกน้องของโอฬารก็จริง แต่อายุเท่ากัน เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ จึงไม่จำเป็นต้องเรียกพี่เรียกน้องกัน

    โอฬารเลือกเงียบ ไม่ใช่เขาไม่มีคำพูดจะโต้ตอบหรือสู้ไม่ไหว แต่เพราะไม่อยากเสวนากับคนที่แย่งทุกอย่างไปจากเขาด้วยวิธีสกปรก จึงตั้งท่าจะออกเดิน

    หวังว่าสนามแข่งตำแหน่งประธานบริษัทคงจะมีนายร่วมด้วยนะ คำพูดของภัคภณหยุดขาของโอฬารไว้อีกครั้ง เขาหันมามองลูกพี่ลูกน้องด้วยแววตาเยียบเย็นคมลึก

    เอ่อ...คุณโตมีดินเนอร์กับลูกค้าที่สาทรนะคะ ถ้าออกช้ารถอาจจะติดได้ นีรารีบเอ่ยกับเจ้านายโดยตรง

    อ้อ จริงสินะ งั้นเรารีบไปกันเถอะครับนีรา ผมกลัวว่าจะพลาดนัดสำคัญ จนเสียตำแหน่งรองประธานเหมือนใครบางคนเอาได้ นีราพยักหน้าแล้วก้าวขาออกเดินแต่กลับลงเท้าได้ไม่เต็มน้ำหนัก เป็นอะไรครับ ภัคภณก้มลงถามจนปลายจมูกชิดขมับหญิงสาว

    นีราขาแพลงนิดหน่อยค่ะ แต่ไม่เป็นไร เราไปกันเถอะค่ะ

    นิดหน่อยผมก็ต้องดูแล ผมไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ คนของผมผมต้องดูแลให้ดีที่สุดสิครับ ภัคภณบอกพลางเหลือบมองโอฬารนิดหนึ่ง ก่อนจะรวบเอวนีรามาประคองแล้วพาเดินออกไปด้วยกัน

    โอฬารมองตามหลังทั้งสองคนด้วยแววตาว่างเปล่า ทว่ามือทั้งสองข้างที่ล้วงกระเป๋าอยู่กลับกำแน่นจนสั่น 


    ***************************************************

    ฝากกดหัวใจ กดเข้าชั้น ติชมเป็นกำลังใจให้เจียมใจหน่อยนะคะ ถ้าผิดพลาดตรงไหนแนะนำได้ค่ะ ^^



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×