คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : หัวเดียวกระเทียมลีบ 4
“ไม่มีครับ”
เขาไม่ได้โกหก
เขาเองยังไม่รู้เลยว่าความรู้สึกที่มีต่อ ‘ผู้หญิงคนนั้น’
เรียกว่าอะไร มันอาจเป็นแค่ความรู้สึกชื่นชมในความเก่งของเธอ
ไม่ใช่ความชอบฉันชู้สาวก็เป็นได้
อัศวินมองหลานตรงหน้านิ่งๆ
ทว่าแววตาเหมือนมีร่องรอยระยับไหว จนโอฬารต้องเสหลบตา
“ไปเถอะ
ปู่ไม่มีอะไรจะถามแล้ว”
คนเป็นหลานหันมามองเหมือนจะถามว่า
‘แค่นี้เองเหรอ’ แต่แล้วก็ไม่พูดอะไร ลุกยืนก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากเก้าอี้
“ยักษ์...” อัศวินเรียกแล้วรอให้หลานชายหันกลับมา “ปู่หวังว่าแกจะไม่ยอมแพ้...ไม่ว่าเรื่องอะไรนะ”
เกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นในอกของโอฬาร
คล้ายๆ ว่าความรู้สึก ‘หัวเดียวกระเทียมลีบ’
ตอนอยู่ในห้องประชุมจะเลือนหายไป
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอาชนะได้มั้ย
แต่ผมจะไม่หยุด และไม่ถอยแน่ๆ ครับ”
พูดจบก็เดินออกจากห้องไป
ไม่ยอมอยู่มองรอยยิ้มของท่านประธานบริษัทที่นานแล้วไม่ได้ยิ้มแบบนี้ ถ้าลูกหลานคนไหนสักคนจะบอกว่าเขาลำเอียงก็คงกล่าวโทษคนๆ
นั้นไม่ได้ เพราะในทางความรู้สึกเขาเอาใจช่วยโอฬารมากเป็นพิเศษจริงๆ
หลานคนกลางของเขาเป็นคนเก่ง รั้นไปบ้าง แต่เป็นคนจริง มุ่งมั่นตั้งใจ
สำคัญที่สุดคือซื่อสัตย์ ซึ่งหลานอีกสองคนอาจจะมีบางอย่างที่โอฬารมี แต่ก็ขาดบางอย่างที่เขามีเช่นกัน
แต่ในทางปฏิบัติอัศวินไม่เคยลำเอียง
ต่อให้มีสิทธิ์ตัดสินใจทุกอย่างได้ตามความพอใจ ต่อให้รู้ว่าใครสมควรได้รับ
ใครไม่สมควรให้อะไรก็ตาม
แต่เมื่อเป็นสายเลือดเขาเหมือนกัน...ทุกอย่างก็ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตาร่วมด้วย
“คุณยักษ์ครับ...” เบญจภัทรที่ยืนรอหน้าห้องรีบพุ่งเข้าไปหาเจ้านายทันที
“อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลยภัทร
ฉันอยากกลับคอนโดฯ ละ นายไปเอารถมารอข้างหน้าได้เลย
เข้าห้องน้ำเสร็จแล้วฉันจะออกไป”
“ครับ” ผู้ช่วยวัยสามสิบปีรับคำแล้วถอยไป
รู้ว่าเวลาอย่างนี้โอฬารคงอยากคิดอะไรเงียบๆ คนเดียว
ก้าวได้เพียงสามก้าวเสียงเรียกจากทางด้านหลังก็ทำให้ขาของชายหนุ่มชะงักกึกแล้วยืนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น
ไม่ยอมหันกลับไปมองที่มาของเสียงเรียก
“คุณยักษ์คะ
อุ๊ย!” คนที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาเขาสะดุดเท้าตัวเองจนเซล้ม
เขาจึงต้องยื่นมือออกไปรับตามสัญชาตญาณ
ไม่ได้ตามความรู้สึกเลยสักนิด...ไม่เลยจริงๆ
นีราเงยหน้ามองคนที่ช่วยประคองแล้วยิ้มกว้าง
ใบหน้าที่ปกติสวยอยู่แล้วยิ่งดูสวยขึ้นไปอีก ทว่าคนได้รับรอยยิ้มกลับทำหน้าเฉยเมย
พอเธอตั้งหลักได้ก็รีบหดมือกลับราวกับเธอเป็นของร้อนก็ไม่ปาน
“ขอบคุณมากนะคะ” กล่าวแล้วขยับตัวกะเผลกๆ เพราะข้อเท้ารู้สึกเจ็บ
ร่างใหญ่ยืดตัวเต็มความสูง
ยัดมือทั้งสองข้างลงกระเป๋ากางเกงราวกับจะบอกว่ายังไงเขาก็จะไม่ช่วยเธออีก “นีราจะมาบอกว่าถึงเราจะไม่ได้เป็นเจ้านายลูกน้องโดยตรงกันแล้ว
แต่ถ้ามีอะไรที่นีราพอจะช่วยได้ คุณยักษ์บอกได้เลยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ
ยังไงนีราก็ถือว่าเป็นพนักงานของบริษัทคุณคนนึงเหมือนกัน”
“บริษัทเป็นของคุณปู่
ไม่ใช่ของผม”
น้ำเสียงเครียดขรึมทำเอานีราหน้าเจื่อนไปนิดหนึ่ง แต่แล้วก็ยิ้มขึ้นอีกครั้ง
“ค่ะ
แต่นีราก็ยินดีจะช่วยคุณในฐานะลูกน้องเหมือนเดิมนะคะ”
พูดกันแค่แป๊บเดียวเธอก็ย้ำถึงฐานะของตัวเองกับเขาถึงสองครั้ง
คงกลัวว่าใครจะเข้าใจผิดละสินะ
“ถึงผมจะไม่ได้เก่งขนาดทำให้ใครมั่นใจได้
แต่ผมก็คิดว่าผมสามารถทำงานของตัวเองได้ด้วยตัวเอง ส่วนคุณ...ทำหน้าที่ของคุณให้ดีก็พอ
เพราะนอกจากผมจะไม่ยอมให้เจ้านายคุณทำอะไรผมได้อีกเป็นครั้งที่สอง
ผมก็อาจจะหาจังหวะเอาคืนให้สมกับที่เขาทำไว้กับผมก็ได้”
นีรามองคนพูดทุกคำด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นแล้วสีหน้าของเธอก็หงอยจนเกือบจะเป็นร้องไห้
โอฬารเมินภาพนั้นไปทางอื่น
“ได้จังหวะเมื่อไหร่ก็เอาคืนได้เลยนะยักษ์
ฉันรอแกทุกเมื่อ พร้อมมากด้วย” ภัคภณเดินมาหยุดยืนใกล้นีรา
สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความรื่นรมย์ เขามีศักดิ์เป็นลูกน้องของโอฬารก็จริง
แต่อายุเท่ากัน เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ จึงไม่จำเป็นต้องเรียกพี่เรียกน้องกัน
โอฬารเลือกเงียบ
ไม่ใช่เขาไม่มีคำพูดจะโต้ตอบหรือสู้ไม่ไหว
แต่เพราะไม่อยากเสวนากับคนที่แย่งทุกอย่างไปจากเขาด้วยวิธีสกปรก
จึงตั้งท่าจะออกเดิน
“หวังว่าสนามแข่งตำแหน่งประธานบริษัทคงจะมีนายร่วมด้วยนะ” คำพูดของภัคภณหยุดขาของโอฬารไว้อีกครั้ง เขาหันมามองลูกพี่ลูกน้องด้วยแววตาเยียบเย็นคมลึก
“เอ่อ...คุณโตมีดินเนอร์กับลูกค้าที่สาทรนะคะ
ถ้าออกช้ารถอาจจะติดได้” นีรารีบเอ่ยกับเจ้านายโดยตรง
“อ้อ
จริงสินะ งั้นเรารีบไปกันเถอะครับนีรา ผมกลัวว่าจะพลาดนัดสำคัญ
จนเสียตำแหน่งรองประธานเหมือนใครบางคนเอาได้”
นีราพยักหน้าแล้วก้าวขาออกเดินแต่กลับลงเท้าได้ไม่เต็มน้ำหนัก “เป็นอะไรครับ”
ภัคภณก้มลงถามจนปลายจมูกชิดขมับหญิงสาว
“นีราขาแพลงนิดหน่อยค่ะ
แต่ไม่เป็นไร เราไปกันเถอะค่ะ”
“นิดหน่อยผมก็ต้องดูแล
ผมไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ ‘คนของผม’ ผมต้องดูแลให้ดีที่สุดสิครับ” ภัคภณบอกพลางเหลือบมองโอฬารนิดหนึ่ง
ก่อนจะรวบเอวนีรามาประคองแล้วพาเดินออกไปด้วยกัน
โอฬารมองตามหลังทั้งสองคนด้วยแววตาว่างเปล่า
ทว่ามือทั้งสองข้างที่ล้วงกระเป๋าอยู่กลับกำแน่นจนสั่น
***************************************************
ฝากกดหัวใจ กดเข้าชั้น ติชมเป็นกำลังใจให้เจียมใจหน่อยนะคะ ถ้าผิดพลาดตรงไหนแนะนำได้ค่ะ ^^
ความคิดเห็น