คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : หัวเดียวกระเทียมลีบ 3
“เรื่องปกป้องหลานรักคุณพ่อถนัด” อเนกอดปากไม่ไหว
“เรื่องไล่ลูกที่พูดไม่คิดออกไปจากธุรกิจฉันก็ถนัดเหมือนกัน”
ความเงียบที่โอบรัดบรรยากาศภายในห้องชวนให้เกิดความอึดอัดแก่ทุกคนครู่หนึ่ง “ที่วันนี้ฉันนัดแค่คนในมาประชุม นอกจากจะถามเรื่องงานแล้ว
เพราะฉันจะแจ้งให้รู้โดยทั่วกันว่า...อีกสามเดือนฉันจะเลือกทายาทที่จะมาแทนที่ฉัน”
ทุกคนตื่นตัวขึ้นมาทันทีโดยเฉพาะอนันต์
อเนกและภัคภณ ความจริงโอฬารก็ตื่นเต้นเช่นกัน
เพียงแต่เขาไม่หวังว่าตัวเองจะมีสิทธิ์ในจุดนั้นอีกต่อไปแล้ว จึงเฉยๆ ส่วนวรัทไม่เคยอยากได้ตำแหน่งใดๆ
เลย เขาจึงนั่งนิ่งรอฟัง
“หวังว่าคุณพ่อจะยุติธรรม” อนันต์เอ่ยกึ่งกล้ากึ่งเกรง
อัศวินหันมาจ้องลูกชายคนโต
แววตาฉายรอยผิดหวังอย่างไม่ปิดบัง
“อะไรคือความยุติธรรมที่แกพูดถึง
ลูกชายคนโตมีสิทธิ์มากกว่าคนอื่นๆ หลานชายคนโตต้องได้รับตำแหน่งเพราะเรียงลำดับอาวุโสงั้นเหรอ?”
“เปล่าครับ
ผมก็แค่อยากให้ตัดสินตามความสามารถ ไม่ใช่ตามความรู้สึก”
“แล้วแกคิดว่าความรู้สึกของฉันตัดสินความสามารถใครไม่แม่นงั้นเหรอ?”
“พอเถอะครับพ่อ” วรัทเอ่ยบอกบิดาเบาๆ
“เอาเถอะ
ฉันไม่ลำเอียงหรอก ไม่เคยเลย
ที่ผ่านมาฉันตัดสินตามความสามารถที่ฉันมองจากมุมของตัวเองเท่านั้น” อัศวินย้ำให้ทุกคนเข้าใจ ส่วนใครไม่เข้าใจเขาก็ไม่สน “คราวนี้ฉันจะให้มันยุติธรรมในความรู้สึกของทุกคน
ให้โอกาสทุกคนได้พิสูจน์ตัวเองเท่าๆ กัน”
“ยังไงครับคุณปู่” ภัคภณเป็นคนเอ่ยถาม แววตาเขาดูกระตือรือร้นกว่าใคร
“ฉันมีกฎเกณฑ์สองข้อในการตัดสิน
ข้อแรกอีกสามเดือนนับจากนี้
ใครสามารถทำยอดธุรกิจในกลุ่มของตัวเองให้เติบโตได้เปอร์เซ็นสูงสุด
คนนั้นจะมีสิทธิ์อันดับหนึ่ง
ทุกคนรู้แล้วนะว่าตอนนี้ธุรกิจที่ตัวเองดูแลอยู่เติบโตแค่ไหน
ไม่ต้องแข่งกับกลุ่มธุรกิจคนอื่น ทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่ก็พอ”
ภัคภณยิ้มกริ่ม
สำหรับเขาเรื่องนี้ไม่ยากเลยสักนิด
แค่ธุรกิจที่เพิ่งเปิดในเมืองจีนก็คงจะเติบโตไปไวได้ไม่ยาก
อย่าว่าแต่ให้มากที่สุดเลย ให้มันโตเต็มร้อยเขาก็คิดว่าตัวเองทำได้
วรัทฟังแล้วก็เฉยๆ
เขาไม่ตั้งใจแข่งอยู่แล้ว ไม่เคยอยากไปอยู่จุดนั้น ชีวิตที่มีอำนาจแต่ขาดอิสระ
ไม่ได้หอมหวานสำหรับคนที่ฝันอยากใช้ชีวิตตามใจตัวเองอย่างเขาเลยสักนิด
โอฬารสองจิตสองใจ
ใจหนึ่งไม่อยากลงแข่ง จะว่าท้อหรือยอมแพ้ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว
แต่คิดว่าตัวเองอยากทำงานให้ดีที่สุดมากกว่าต้องมาแก่งแย่งตำแหน่งกับบรรดาพี่น้อง
อีกใจหนึ่งเขาก็นึกถึงคำพูดของบิดา ‘ยักษ์อย่าทิ้งคุณปู่นะลูก
คุณปู่เขาต้องการยักษ์คอยช่วยเหลือ เชื่อพ่อนะ’
“แล้วอีกข้อละครับ” อเนกถามด้วยความอยากรู้ พาให้ทุกคนพร้อมใจกันหันไปมองประธานบริษัท
แม้แต่วรัทที่มีท่าทีเฉยๆ ก็ยังอยากรู้ด้วยเหมือนกัน
“ถึงเวลาแล้วฉันจะบอกอีกที
แต่ไม่ต้องกลัว...ฉันให้ความยุติธรรมกับทุกคนแน่นอน”
คำตอบของประมุขนอกจากไม่คลายความสงสัยแก่ทุกคนแล้วยังเพิ่มดีกรีความอยากรู้ให้พุ่งสูงขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
หลังประชุมเสร็จโอฬารถูกอัศวินเรียกไปพบที่ห้องทำงานเป็นการส่วนตัว
แม้ที่ผ่านมาจะรู้สึกว่าอัศวินโปรดปรานหลานคนกลางเป็นพิเศษ
แต่ตอนที่โอฬารทำงานชิ้นใหญ่พลาด ประธานบริษัทก็โกรธมาก จนอเนก
อนันต์และภัคภณคิดว่าการเรียกพบครั้งนี้เป็นการเรียกไป ‘ตำหนิ’
เรื่องใดสักเรื่องมากกว่าจะเรียกไปด้วยความเสน่หา
เพราะนับตั้งแต่วันที่ปลดโอฬารออกจากตำแหน่งรองประธานฯ
อัศวินก็ไม่เคยเรียกเขาไปพบเป็นการส่วนตัวเลยสักครั้ง
“คิดยังไงกับเรื่องตำแหน่งประธานบริษัท” อัศวินถามคนที่นั่งหน้าตาเรียบเฉยหน้าโต๊ะทำงานของตัวเอง
“ผมยึดถือเรื่องหน้าที่เป็นหลักอยู่เสมอ
ถ้าต้องเอาชนะเพื่อหน้าที่ ผมก็ทำได้ครับ”
คำตอบของเขาไร้อารมณ์เสียจนอัศวินถอนหายใจ
“แกเหมือนคนไม่เหลือพลังชีวิตใดๆ
ในตัวเลยนะยักษ์ ปู่เคยมีหลานที่เต็มไปด้วยพลังมหาศาล
ทำงานด้วยความมุ่งมั่นมากกว่านี้ ชีวิตอาจไม่ได้สดใสเหมือนอยู่กลางทุ่งดอกไม้
แต่แววตาของแกมีแต่ไฟฝัน แล้ววันนี้เกิดอะไรขึ้น”
พอคนตรงหน้าแทนตัวเองด้วยคำว่าปู่
เหมือนความอ่อนโยนในใจท่านวิ่งมาโอบล้อมหัวใจโอฬารเอาไว้จนเขาพูดไม่ออก “เรื่องผู้หญิงเหรอ?”
ร่างกายสูงใหญ่สมกับชื่อยักษ์เกร็งขึ้นทันที
เขาเมินหน้าไปทางอื่น
“ผมไม่มีเวลาคิดเรื่องนั้นหรอกครับ
แค่งานที่ต้องทำทุกวันนี้ก็ไม่เหลือเวลาให้คิดเรื่องไร้สาระอะไรแล้ว”
“ต่อให้ไม่คิด
คนเราก็มีความรู้สึก
แล้วแกอย่าลืมว่าผู้หญิงมักเป็นเบื้องหลังความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของผู้ชายเสมอ” อัศวินผ่อนลมหายใจออกยาว ทิ้งร่างกายเครียดเกร็งให้ผ่อนคลายลงพิงพนักเก้าอี้
“ดูอย่างไอ้โตสิ คิดว่าถ้ามันไม่มีนีราเป็นเลขา
มันจะทำอะไรได้คล่องขนาดนี้เหรอ”
โอฬารเผลอกำมือแน่น
ยังไม่ยอมหันมามองคนเป็นปู่ ไม่อยากให้ท่านเห็นความหวั่นไหวในแววตาที่ยากจะปกปิด
“แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกความสำเร็จต้องมีผู้หญิงอยู่เบื้องหลังนี่ครับ”
“ก็ใช่...งั้นปู่ขอถามในฐานะปู่
ไม่ใช่ประธานบริษัท...แกมีคนที่ชอบแล้วหรือยัง”
ชายหนุ่มหันขวับมามองคนเป็นปู่
ตั้งแต่เกิดมาจนตอนนี้อายุสามสิบห้าปี อัศวินไม่เคยถามคำถามนี้กับเขาเลย
เหตุใดวันนี้ถึงเรียกมาถาม ไม่ได้เสวนาเรื่องงานอย่างที่เขาคิดไว้
“ไม่มีครับ”
*******************************
อย่าลืมกดหัวใจ กดเข้าชั้นนะคะ จะได้ไม่พลาดตอนต่อไปค่า ^^
ความคิดเห็น