ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมียนำโชค

    ลำดับตอนที่ #2 : หัวเดียวกระเทียมลีบ 1

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ย. 63


    หัวเดียวกระเทียมลีบ

     

    แรกเริ่มเดิมทีบริษัทดับเบิ้ลเอกรุ๊ปดำเนินธุรกิจหลักสองอย่าง คือกลุ่มการเงินการธนาคารและกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมีอัศวินเป็นหัวเรือใหญ่ และลูกชายอีกสองคนช่วยบริหาร เพราะลูกชายอีกคนเลือกที่จะไปทำในสิ่งที่ตัวเองชอบนั่นก็คือบริหารรีสอร์ตใหญ่ที่กาญจนบุรี หากยังคงอยู่ภายใต้การดูแลของกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทใหญ่

    และเมื่อสามปีก่อนอัศวินได้เพิ่มธุรกิจเข้ามาอีกสองกลุ่ม นั่นก็คือกลุ่มธุรกิจค้าปลีกและกลุ่มธุรกิจการสื่อสารและโทรคมนาคม ดังนั้นรุ่นหลานที่ช่วยงานเหล่าบรรดาพ่อๆ จึงต้องก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักในการดำเนินธุรกิจอย่างเต็มตัวมากขึ้น

    การประชุมครั้งสำคัญครั้งนั้น บรรดาลูกๆ และผู้ถือหุ้นลงความเห็นว่าควรให้คนรุ่นใหม่มีบทบาทหลักในการบริหาร ดังนั้นสองธุรกิจหลักจึงตกเป็นของทายาทเพียงคนเดียวในการดูแล ส่วนสองกลุ่มธุรกิจใหม่ ที่ต้องการเร่งพัฒนาให้ทัดเทียมกลุ่มธุรกิจหลักมากที่สุดต้องแบ่งให้ทายาทอีกสองคน คนละกลุ่ม

    ในตอนนั้นอัศวินเลือกให้ โอฬาร อัศววงศ์ธรรม หลานชายคนรองที่เรียนจบบริหารมาจากต่างประเทศ ทั้งปริญญาตรีและปริญญาโทเป็นคนดูแลสองกลุ่มธุรกิจหลักในตำแหน่งรองประธานกรรมการ เนื่องจากเขาสามารถพูดภาษจีนได้ และขณะนั้นกลุ่มธุรกิจหลักกำลังขยายไปยังประเทศจีน ผู้บริหารต้องเดินทางไปติดต่อกับทางนั้นค่อนข้างบ่อยเรื่องภาษาจึงค่อนข้างสำคัญ

    ส่วนกลุ่มธุรกิจการสื่อสารและโทรคมนาคม ยกให้ วรัท อัศววงศ์ธรรม หลานชายคนโต เป็นคนบริหาร ร่วมกับอนันต์ผู้เป็นบิดา และสุดท้ายกลุ่มธุรกิจค้าปลีก ยกให้  ภัคภณ อัศววงศ์ธรรม หลานชายคนเล็กบริหารร่วมกับอเนกผู้เป็นบิดา

    ทุกคนเห็นด้วย หรือต่อให้ไม่เห็นด้วยก็ไม่มีใครคัดค้าน กระทั่งเมื่อปลายปีที่แล้ว โอฬารพลาดนัดสำคัญกับผู้บริหารทางประเทศจีน ทำให้เกิดความเสียหายครั้งใหญ่ อนันต์ ลูกชายคนโต กับอเนก ลูกชายคนเล็กจึงเรียกร้องให้ลูกชายของพวกเขาได้มีโอกาสพิสูจน์ฝีมือในการบริหารงานกลุ่มธุรกิจหลักบ้าง อัศวินจึงจำเป็นต้องให้ความยุติธรรมแก่ทุกคน

    ในการตัดสินใจครั้งนั้นคนที่ได้ดูแลสองกลุ่มธุรกิจหลักตกเป็นของ ภัคภณ หลานชายคนเล็ก ด้วยเหตุผลเดียวกับตอนที่โอฬารได้ นั่นคือเขาพูดภาษาจีนได้ อนันต์ค่อนข้างไม่พอใจ เพราะเขาเป็นพี่คนโต ลูกชายเขาควรได้รับตำแหน่งนั้น แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ ในเมื่ออเนกแอบส่งลูกชายไปเรียนภาษาจีนมาจนสามารถสื่อสารได้ ในขณะที่วรัทลูกชายเขาได้แค่ภาษาอังกฤษเท่านั้น

    ตอนนี้ธุรกิจกลุ่มธนาคารของเราที่ประเทศจีนกำลังไปได้ดีเลยทีเดียวค่ะ นีรา เลขาประจำตำแหน่งรองประธานกรรมการรายงานด้วยน้ำเสียงสดใสน่าฟัง ใบหน้าเรียวสวยล้อมด้วยเส้นผมสีน้ำตาลเข้มม้วนลอนอ่อนๆ ตรงปลายขับให้ใบหน้าดูละมุนมากยิ่งขึ้น ริมฝีปากบางเอ่ยทุกคำได้อย่างเป็นจังหวะ น่าฟังและน่ามอง

    ดีขนาดไหนเชียว อนันต์ถามด้วยน้ำเสียงติดเย้ยหยัน แต่ไม่ทำให้คนฟังหน้าเจื่อนหรือชะงักแต่อย่างใด หญิงสาวหันมายิ้มให้เขา ก่อนเอ่ยตอบ

    คุณโตซื้อหุ้นบริษัทประกันใหญ่ของที่นั่นได้เรียบร้อยแล้วค่ะ น้ำเสียงของนีราเต็มไปด้วยความชื่นชมและภาคภูมิใจ ทำเอาอนันต์หน้าตึง และคนหน้าเรียบเฉยอีกคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามถึงกับเบือนหน้าไปทางอื่นชั่วขณะ

    ผมคุยกับทางนั้นแล้วว่าจะพัฒนาธุรกิจให้มีบริการทางการเงินครบวงจร ทั้งประกันภัย ธนาคาร การลงทุน และหลักทรัพย์ เพื่อครอบคลุมตลาดให้กว้างและใหญ่มากที่สุด ซึ่งเขาก็เห็นด้วยอย่างมากครับ ภัคภณเอ่ยต่อจากเลขาด้วยท่าทางภาคภูมิใจกึ่งโอ้อวด ทำเอาคนเป็นพ่ออย่างอเนกพลอยยืดอกภาคภูมิใจตามไปด้วย

    ดี แต่ก็อย่าประมาท ทุกการเติบโต ย่อมมีปัญหาและอุปสรรคที่ใหญ่หลวงตามมาเสมอ ฉันย้ำกับทุกคนอยู่ตลอด...ว่าต่อให้เก่งแค่ไหน ก็มีโอกาสพลาดได้ทุกเมื่อ ถ้าเราประมาทแม้เพียงนิดเดียว

    โอฬารเผลอถอนหายใจออกยาวจนต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่นอีกครั้ง รู้ว่าคนเป็นปู่ไม่ได้จงใจตำหนิหรือต่อว่าเรื่องที่เขาเคยประมาทจนพลาด แต่มันก็เป็นเรื่องที่สร้างปมในใจเขาไม่มีวันลบเลือน ยิ่งได้ยินเสียงภัคภณกับอเนกและอนันต์มีเสียงคล้ายหัวเราะในลำคอ ชายหนุ่มยิ่งต้องเพิ่มความอดทนให้นั่งประชุมจนจบมากยิ่งขึ้น

    พอหันกลับมาสู่โต๊ะประชุมอีกครั้งจึงได้เห็นว่านีรามองมาทางเขาพร้อมยิ้มให้

    ทว่าเขาไม่ได้ยิ้มตอบ...เขาชอบรอยยิ้มเธอ แต่เกลียดรอยยิ้มที่เหมือนให้กำลังใจเขาทั้งที่นั่งอยู่ข้างๆ ภัคภณและเพิ่งชื่นชมฝ่ายนั้นไปไม่นาน

    เพราะตำแหน่งของเธอคือเลขารองประธานกรรมการ ดังนั้นไม่ว่าใครจะดำรงตำแหน่งนั้นก็จะได้เธอเป็นเลขาประจำตำแหน่ง แน่นอนว่าก่อนหน้านี้เธอเคยเป็นเลขาเขามาก่อน

    แต่มันกลายเป็นอดีตไปแล้ว

    เลขากิตติมศักดิ์...เพราะเป็นหลานสาวของเพื่อนอัศวิน กลายเป็นเลขาประจำตัวของภัคภณไปเรียบร้อยแล้ว!

    ใหญ่ล่ะเป็นไงบ้าง อัศวินหันไปถามหลานชายคนโตที่มักจะนั่งเงียบๆ ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับคนอื่นเสมอเวลาร่วมประชุม เขาจะสนแต่งานในส่วนของตัวเอง ไม่เคยคิดแข่งขันหรือแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกับใคร คิดแค่ว่าทำหน้าที่ตัวเองให้ดีก็พอแล้ว

    กลุ่มโทรคมนาคมเติบโตต่อเนื่องครับ ผมเร่งขยายในส่วนต่างๆ มากขึ้น คิดว่าภายในปีนี้เราจะขยายเสาสัญญาณได้ครอบคลุมทั่วประเทศ อย่างน้อยก็ภาคละห้าจังหวัดครับ

    อเนกหัวเราะก่อนจะหันไปทางหลานชาย

    โธ่ อาก็นึกว่าใหญ่จะขยายได้ครบทุกจังหวัดซะอีก ปีนึงภาคละห้าจังหวัดน้อยไปรึเปล่า

    ******************************************************

    ฝากกดหัวใจ กด Fav. ทักทายเป็นกำลังใจให้เจียมใจหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ ^^



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×