ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมียนำโชค

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ ดวงนารี...

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ย. 63


    สวัสดีค่ะ คุยก่อนอ่านสักนิดเนาะ ก่อนหน้านี้เจียมใจลงนิยายไปสองเรื่อง

    แต่เขียนไปแล้วรู้สึกว่าต้องปรับพล็อตใหม่ทั้งสองเรื่องเลย

    แต่ทีนี้ดันมีไฟอยากเขียนเรื่องนี้ และก็เขียนได้เยอะพอสมควรแล้ว ก็เลยตั้งใจเขียนเรื่องนี้ให้จบก่อน

    ซึ่งเรื่องนี้ NC อาจจะน้อยและเบามากนะคะ คงไปอยู่ท้ายๆ เรื่องเลย แจ้งให้ทราบไว้ก่อน 

    แต่ก็หวังว่าทุกคนจะเปิดใจอ่านงานของเจียมใจเน้อ อาจจะไม่เก่ง เขียนไม่ดีมากมาย

    แนะนำกันได้ค่ะ เจียมใจยินดีน้อมรับไปปรับปรุง 

    เนื้อหาที่ลงจะอยู่ราวๆ 60% - 70 % เท่านั้นนะคะ ที่เหลือจะเปิดขายอีบุ๊คค่ะ 

    ฝากติดตาม กดหัวใจ กดเฟบและพูดคุยเป็นกำลังใจกันหน่อยนะคะ ^^

    ขอบคุณจากหัวใจค่ะ 

    ***********************


    บทนำ

    ดวงนารี...

             

              เจ้าสัวอัศวิน อัศววงศ์ธรรม ในวัยเจ็ดสิบสองปี เจ้าของบริษัทดับเบิ้ลเอ กรุ๊ป กำลังนั่งเซ็นเอกสารอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ บุคลิกของเขายังดูดีแม้จะอยู่ในวัยชรา สุขภาพร่างกายก็ยังคงสมบูรณ์แข็งแรง อย่างคนที่ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ทั้งเรื่องกิน นอน และสุขภาพจิต เพราะถือคติว่า จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว เขาจึงมักไม่ปล่อยให้อารมณ์เสียง่ายๆ กับเรื่องใด ยกเว้น...

              ปากกาหมึกหมด? เสียงทุ้มกังวานไร้ความแหบแห้งอย่างคนอายุเยอะ คิ้วดกขมวดเข้าหากัน เหลือบมองผู้ช่วยประจำตัวที่ยืนอยู่ไม่ไกล ยิ่งยศสะดุ้งด้วยรู้ว่าเจ้านายถือเรื่องนี้มาก ซึ่งความจริงปากกาด้ามนี้เขาเพิ่งเปลี่ยนมาเมื่อวาน ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่อยู่ๆ หมึกจะหมด ราคาของมันสมกับแบรนด์ที่สลักไว้บนด้าม แต่ทำไมถึง...

     เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะดังขึ้น ยิ่งยศรีบกดสปีกเกอร์โฟนทันที

    ซินแสหวังมาถึงแล้วค่ะเจ้าสัว อุบลเลขาวัยสี่สิบปีของอัศวินเอ่ยรายงาน

    ให้เข้ามาได้เลย เพียงเจ้าของห้องเอ่ยอนุญาตประตูห้องก็เปิดเข้ามาทันที

    ชายชราวัยเดียวกันสวมเสื้อสีแดงคอจีนเดินข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและท่าทีสนิทสนม เขาเดินมาหาอัศวินที่ลุกยืนต้อนรับ พยักหน้าให้แล้วทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ที่ยิ่งยศเลื่อนให้

    ซินแสหวังกวาดสายตามองห้องทำงานแล้วยิ้มพอใจ ทุกอย่างถูกตกแต่งและจัดวางตามฮวงจุ้ยที่เขาเพิ่งแนะนำไปเมื่อต้นปี เป็นการปรับฮวงจุ้ยตามปีเพื่อหนุนดวงและนำโชค กระทั่งสายตามาหยุดอยู่ที่ปากกาบนโต๊ะทำงานของอัศวิน รอยยิ้มก็จางลงเล็กน้อย ยิ่งยศสังเกตเห็นพอๆ กับอัศวิน ผู้ช่วยหนุ่มวัยสามสิบหกปีกลืนน้ำลายฝืดๆ ลงคอ ภาวนาอย่าให้ซินแสรู้ว่าปากกาด้ามนั้นหมึกหมด ไม่งั้นเขาชะตาขาดแน่ๆ

    ปากกาหมึกหมด วางไว้บนโต๊ะทำไม มันไม่ดี ของใช้ใช้หมดแล้วก็ทิ้งไป เปลี่ยนใหม่ซะสิ

    เอ่อ ซินแสรู้ได้ไงครับ ยิ่งยศถามกล้าๆ กลัวๆ เหลือบมองเจ้านายก็เห็นว่าเขาส่งสายตาดุมาให้

    ถามได้ดี นั่นไง ดูสิ เอกสารที่คุณอัศวินเซ็นอยู่ หางลายเซ็นขาดไป รู้มั้ยว่ามันเป็นลางไม่ดี

    ยิ่งยศหลับตาปี๋ ปากพาซวยแท้ๆ ไม่น่าถามเลย ยิ่งแย่กว่าเดิมไปอีก

    ยังไม่เอาไปทิ้งอีก อัศวินเอ่ยเตือนผู้ช่วย ฝ่ายนั้นรีบเข้ามาหยิบออกไปทิ้งด้านนอกอย่างรวดเร็ว

    ผู้ช่วยลื้อคนนี้ทำงานเก่งไม่ใช่เหรอ เรื่องแค่นี้ไม่น่าบกพร่องนะคุณอัศวิน ซินแสเอ่ยนัยน์ตาเหมือนยิ้มได้ อัศวินเลยคิดว่านั่นไม่ใช่คำถามหรือการตำหนิ แต่เป็นการสื่อนัยบางอย่าง

    ซินแสต้องการจะบอกอะไรผม

    อ่า ไม่มีอะไรซับซ้อน แค่จะบอกว่าลื้อควรพักได้แล้ว อายุเลยวัยเกษียณมาหลายปีแล้ว ทำงานเกินอายุแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องดี ปากกามันก็มีอายุของมัน แต่บางทีซื้อมาเดี๋ยวเดียวใช้ไม่ได้ก็มี เหมือนชีวิตคนเรา มันพร้อมจะหยุดได้ทุกเมื่อ

    ซินแสกำลังจะบอกว่าผมกำลังจะตายงั้นเหรอ เขาถามตรงๆ ไม่ได้โมโหหรือไม่พอใจแต่อย่างใด

    ไม่ใช่ อั๊วบอกความเป็นความตายใครไม่ได้หรอก ที่พูดนี่เตือนในฐานะเพื่อนเฉยๆ ลูกหลานก็มีตั้งหลายคน วางใจให้เขาทำงานบ้างซี ไม่ต้องเอาเรื่องดวงมาเกี่ยว อายุอย่างเราๆ ก็มีโอกาสป่วยโอกาสไปได้ทุกเมื่อนั่นแหละ

    ผมเข้าใจ นี่แหละถึงเชิญซินแสมา คราวนี้ซินแสหวังเลิกคิ้วแปลกใจ อัศวินเลยลุกยืนแล้วเชิญเขาไปนั่งที่โซฟามุมห้องแทน เอาแฟ้มที่ให้เตรียมไว้มาให้ซินแสด้วยนะ หันไปสั่งยิ่งยศที่เพิ่งเดินกลับเข้ามา และอุบลยกชาเกรดดีกลิ่นหอมมาให้ซินแสแล้วถอยออกไปอย่างรู้หน้าที่

    ซินแสหวังสูดดมกลิ่นชาก่อนจะดื่มแล้วพยักหน้าเป็นเชิงว่าชื่นชอบ พอวางแก้วลงยิ่งยศก็นำแฟ้มมายื่นให้พอดี เขาไม่ถามอัศวินว่าเป็นแฟ้มอะไร แต่เปิดออกดู มีเอกสารแนบอยู่ด้านในทั้งหมดสามชุด เปิดดูคร่าวๆ จนครบ จึงเงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งตรงข้าม

    ลื้อต้องการให้อั๊วทำอะไร

    บริษัทผมใหญ่ก็จริง มีบริษัทในเครือมากพอจะแบ่งให้หลานทั้งสามคน แต่ก็อย่างที่รู้ อำนาจใหญ่สุดมีได้แค่หนึ่งเดียวเท่านั้น...

    ลื้อรู้จักหลานตัวเองดีทุกคน ไม่เห็นต้องพึ่งอั๊วเลย

    ถ้าไม่ยุติธรรม คนที่ได้อำนาจไปอาจจะอยู่ยาก ผมแค่อยากได้ตัวช่วยในการตัดสินใจ

    ซินแสหวังยิ้ม พยักหน้ารับว่าเข้าใจแล้วก้มลงเปิดแฟ้มอีกครั้ง ไล่ดูเอกสารประวัติแบบละเอียดของชายหนุ่มทั้งสามทีละคน อัศวินอดทนรออย่างใจเย็น ซินแสขอปากกาจากยิ่งยศเพื่อจดบางอย่างลงบนเอกสาร กระทั่งผ่านไปครึ่งชั่วโมงแฟ้มในมือซินแสหวังก็ถูกปิดลง

    ทำไมอยู่ๆ ลื้อถึงคิดจะวางมือ ซินแสกล้าถามเพราะนอกจากเขาจะเป็นซินแสประจำตระกูลอัศววงศ์ธรรมแล้ว ยังเป็นเพื่อนของอัศวินอีกด้วย

    คนถูกถามมีสีหน้าหนักใจเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบอย่างไม่ปิดบัง

    เมื่อสามวันก่อนผมไปตรวจสุขภาพประจำปี หมอบอกว่าหัวใจเต้นผิดจังหวะ เลยนัดตรวจอีกครั้งอาทิตย์หน้า

    อาการเจ็บป่วยไม่หนักหนาสาหัสหรอก ถ้ามีเหลนสักคน คงทำให้แข็งแรงขึ้นนะ ซินแสหวังพูดด้วยรอยยิ้มจนอัศวินไม่แน่ใจว่านั่นคือการหยอกล้อประสาเพื่อน หรือเมื่อครู่เขาแอบดูดวงให้ตนเองด้วยหรือเปล่า ปีนี้หลานชายลื้อทั้งสามคนมีดวงนารีเข้ามาเกี่ยวข้อง คนนึง...มีดวงนารีอุปถัมภ์ นำโชคมาให้ ปีนี้เขาจะรุ่งโรจน์ หยิบจับอะไรก็ดีไปหมด แต่นั่นหมายถึงว่าหลังจากตกลงแต่งงานแล้วนะ อีกคน...ดวงนารีจะทำให้ฉิบหาย ความจริงจะพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกซะทีเดียว คนใจร้อน โลภมาก ก็ต้องแพ้ภัยตัวเองเป็นธรรมดา แต่นารีแค่เป็นคนทำให้เขาได้รับโทษเร็วขึ้นก็เท่านั้น และคนสุดท้าย...ดวงนารีนำรักแท้มาให้ เขาจะได้เจอเนื้อคู่ที่ไปกันได้ดี และจะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองฝันไว้จริงๆ

    แล้วดวงใครเป็นของคนไหน

    อั๊วเขียนไว้ในนี้หมดแล้ว แต่ถ้าลื้ออยากให้การมอบตำแหน่งเป็นไปด้วยความยุติธรรม ก็อย่าเพิ่งเปิดแฟ้มนี้ออกดู เก็บไว้ให้ดี ค่อยเปิดเมื่อถึงเวลา

    แล้วนารีทั้งสามคนนั้นเป็นใคร อัศวินถามด้วยความแปลกใจ เท่าที่เห็นหลานชายเขาแต่ละคนยังไม่มีใครมีแฟนเป็นตัวเป็นตนเลยสักคน

    ไม่ใช่สามคน...ซินแสหวังพูดแล้วหัวเราะเบาๆ ยกชากลิ่นหอมขึ้นจิบอย่างรื่นรมย์ นารีที่อั๊วพูดถึงเป็นคนๆ เดียวกัน

    ฮื่อ!” อัศวินตกใจ ยิ่งยศที่ยืนร่วมรับฟังก็ตกใจไม่แพ้กัน อย่าบอกว่าหลานผมจะต้องแย่งผู้หญิงคนเดียวกัน

    ใช่ แต่คงแย่งกันไม่เอานะ ฟังซินแสแล้วยิ่งยศรีบตะครุบปากตัวเองที่เกือบหลุดหัวเราะออกมา

    ทำไมเป็นแบบนั้น ซินแสหมายความว่าไง ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันแน่

    ซินแสวางแฟ้มลงบนโต๊ะแล้วใช้ปลายนิ้วดันไปตรงหน้าอัศวิน

    ลื้อไม่ต้องกังวลเรื่องสุขภาพ ถ้ามีเหลน เหลนคนนี้จะช่วยส่งเสริมให้สุขภาพลื้อแข็งแรง ซินแสลุกยืน อัศวินเลยลุกตาม ทั้งสองคนออกเดินเรื่อยๆ ไปทางประตูห้อง ซินแสหวังหยุดก่อนถึงประตูสามก้าว หันไปจับแขนอัศวินแล้วบีบเบาๆ ช่วงนี้ไปไหนก็ระวังตัวหน่อย...นารีที่อั๊วบอกเป็นคนดวงซวยขั้นสุด แต่ชีวิตเธอจะแลกชีวิตลื้อเอาไว้

    ซินแสเดินออกจากห้องไปแล้ว แต่คำพูดสุดท้ายของเขายังเหมือนลอยวนอยู่ในอากาศ อัศวินรู้สึกใจโหวงอย่างประหลาด เขาไม่ใช่คนงมงายจนเสียสติ แต่มีความเชื่อเรื่องดวงและโชคชะตาพอสมควร

    ซึ่งที่ผ่านมาซินแสหวังไม่เคยพูดอะไรผิดเลยแม้แต่อย่างเดียว!


    ************************

    ปรับปรุงอายุตัวละครใหม่แล้วนะคะ



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×