ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hesitant Love รักลังเล นักเลงของฉัน

    ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 7

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.พ. 53


    Chapter 7

    ตะวันใกล้ลับขอบฟ้าแล้ว แสงสว่างลดน้อยลงเรื่อย ๆ ยิ่งในป่าแล้วแสงสว่างยิ่งน้อยลงไปอีก เพราะมีต้นไม้มาช่วยบดบัง อีทึกรู้สึกหมดแรงและเหนื่อยมาก ทว่าคนข้างหน้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเดิน ร่างหนาหันหน้ากลับมามองร่างบางที่เดินตามอยู่ เพราะได้ยินเสียงหอบหายใจถี่หนัก อย่างผิดสังเกตุ

    เป็นอะไรไป เหนื่อยหรอ?” คังอินถามสีหน้าเป็นห่วง

    เปล่า ไม่ได้เหนื่อยร่างบางยังฝืนใจตอบแล้วเดินต่อ พยายามค่อยๆปลดปล่อยลมหายใจออกมาให้เป็นธรรมชาติที่สุด แต่เขารู้สึกอึดอัดเหลือเกิน ด้วยความไม่อยากให้คนตรงหน้ารู้ จึงอดทนต่อไป

    กลั้นหายใจทำไม?คังอินถามขึ้นอีกครั้ง เพราะเสียงหายใจหนักๆนั้นหายไป ไม่ใช่ว่ากลับเป็นเสียงลมหายใจเหมือนเดิม มันเหมือนไม่ได้ปล่อยลมหายใจออกมาเลยมากกว่า

    ฮึบ ปะ..เปล่าอีทึกหอบหายใจ ก่อนเปิดปากพูดอีกครั้งอย่างตะกุกตะกัก

    เหนื่อยก็บอก” ..หน้าแดง เหงื่อแตกพลั่กขนาดนั้นยังบอกไม่เหนื่อย โกหกไม่เนียนจริงๆ - -...

    เปล่า

    โกหกคังอินไล่ต้อนอย่างจับผิด เท้ายังเดินต่อไปเรื่อย ๆ

    ไม่ได้โกหก

    แล้วทำไมเดินช้า

    ก็นายเดินเร็ว อีทึกตอบอย่างหงุดหงิดใจ ..จะสงสัยอะไรนักหนา แรงจะเดินยังไม่มีเลย ชวนคุยอยู่ได้ ....

    ชั้นผิด ??คังอินหันหน้ามาถาม

    เออ !! หยุดพูดซะที เดินไปเงียบๆไม่ได้รึไง อีทึกแหวขึ้นอย่างรำคาญ พลันรู้สึกหน้ามืดขึ้นมากะทันหัน อีทึกทำท่าจะเซล้ม คังอินตวัดแขนประคองได้ทันด้วยความตกใจ

    เห้ย!! เป็นอะไร??” เพราะแขนติดกันอยู่ทำให้คังอินต้องใช้มืออีกข้างประคองเอวอีทึกไว้ ทำให้ทั้งคู่ต้องหันหน้าเข้าหากันอย่างช่วยไม่ได้ ระยะห่างระหว่างใบหน้าทั้งสองในตอนนี้..ใกล้กันจนรู้สึกถึงลมหายใจแล้ว!!

    ...พูดอะไรไม่ออกทั้งสองคน อีทึกหน้าแดงขึ้นไปอีกเมื่อได้สบตากับร่างสูงใกล้ๆ เรี่ยวแรงที่ใกล้จะหมดเต็มทียิ่งหดหายเข้าไปอีก

    ปะ เป็นอะไรมั้ย ??คังอินถามทำลายความเงียบ เขาเองก็รู้สึกเขินๆอยู่เหมือนกัน ถึงแม้เหตุการณ์แบบนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นกับเขาเป็นครั้งแรกก็ตาม หากแต่จะเป็นอีกฝ่ายมากกว่าที่เขินอายม้วนต้วน ส่วนเขาก็มีหน้าที่ทำสายตาปิ๊งๆ โปรยเสน่ห์ตามฉบับ แต่กับคนๆนี้เท่านั้น ทำเอาคังอินอายหน้าแดงเหมือนเด็กชายโดนพี่สาวหอมแก้ม

    มะ..ไม่ ไม่เป็นไรแล้วอีทึกตอบตะกุกตะกักเช่นกัน

    ดะ..เดินต่อกันเถอะคังอินตัดบท คลายวงแขนจากเอวเล็ก แล้วเดินนำหน้าไปทันทีไม่ให้ร่างบางข้างหลังเห็นหน้าแดงๆของตน

      ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ห้วงรักสีชมพูเมื่อครู่จะทำให้หายจากอาการผิดปกติก่อนหน้านี้ไป แต่เมื่ออีทึกที่เดินตามคังอินอยู่หันมองรอบข้าง ก็เห็นเพียงเงาทึบดำของต้นไม้รอบตัว มิหนำซ้ำมองไปด้านหลังก็เจอแต่เส้นทางมืดทึบ ก็ตระหนักได้ว่าตนเองยังอยู่ในป่า อีกทั้งแสงสว่างก็ลดลงทุกทีๆเพราะเป็นเวลาย่ำค่ำแล้ว ร่มไม้เย็นสบายกลับเหมือนเงาดำอันแสนน่ากลัวสำหรับเขา  อาการที่เหมือนจะหายไปแค่ชั่วคราวกลับมาอีกครั้ง อีทึกรู้สึกหมดแรง และหน้ามืดแต่ยังฝืนเดินต่อ คังอินรีบเดินเร็วเพราะยังเขินไม่หาย ไม่ทันสังเกตุร่างบางด้านหลังที่ทำท่าจะเป็นลมอยู่ร่อมร่อ

    รีบเดินสิคังอินส่งเสียงบอกอีทึกแต่ไม่ทันหน้ากลับมา เพราะรู้สึกว่าอีทึกเดินช้าลง

    อะ..อื้มอีทึกตอบอย่างหมดแรง ขาเรียวอ่อนปวกเปียก จนเหมือนโดนคังอินลากมากกว่าเดินตามมาด้วยกัน

    ความกลัวความมืดของอีทึก ระยะทางที่เดินมาไกล และแรงที่ใกล้จะหมดเต็มที่ทำให้อีทึกไม่สามารถฝืนทนไหวแล้ว ร่างบางทรุดลงกับพื้นทันทีอย่างอ่อนแรง ขาของเขาไม่มีแรงพอที่จะลุกขึ้นยืนได้ แรงกระตุกจากกุญแจมือทำให้คังอินหันมามองอย่างตกใจ อารมณ์เขินเมื่อกี้หายไปหมดสิ้น เมื่อเห็นร่างบางทรุดลงไป ใบหน้าซีดขาว เหงื่อกาฬแตกพลั่ก ดวงตาปรืออย่างอ่อนแรง คังอินทรุดลงตามถามไถ่อย่างเป็นห่วง แต่ไม่ได้คำตอบอย่างใจคิด อีทึกไม่มีแรงพอที่จะพูดตอบเขาเลย

    จะให้ฉันลากนายไปก็กระไรอยู่ คังอินพูดขึ้นอย่างหาทางออก พลับความคิดก็พุ่งขึ้นมา ...อุ้ม ต้องอุ้มเท่านั้น....เหลือหนทางสุดท้ายแล้วนะ...

    ขอโทษนะคังอินพูดขอโทษก่อนถือวิสาวะอุ้มอีทึกขึ้นมา แต่กุญแจมือเป็นอุปสรรค เขาไม่สามารถอุ้มอีทึกท่าเจ้าหญิง ขี่หลัง หรือประคองไปได้ คังอินคิดอย่างหนักใจ แล้วภาพที่เขาดูรายการเด็กวันนั้นก็ผุดขึ้นมา คังอินคิดได้แล้วรีบอุ้มอีทึกท่าแม่อุ้มลูกพาดไหล่ทันที มือของเขาเกาะเกี่ยวต้นขาของร่างบางเอาไว้กันไม่ให้หลุด วงแขนเล็กของอีทึกตวัดโอบรอบคอคังอินทันทีอย่างหาที่ยึดเพราะความตกใจ อีกทั้งขาเรียวทั้งสองตวัดเกี่ยวเอวคังอินไว้อัตโนมัติเช่นกัน อีทึกที่ตาจะปิดร่อมร่อ รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายร้องค้านทันที

    นะ..นี่! ฉันไม่ใช่..แฮ่ก เด็กนะอีทึกพูดไปด้วยหอบไปด้วย ไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน

    แล้วจะให้ทำไงเล่า ??

    ไม่รู้ อุ้มแบบนี้ ฉะ..ฉัน แฮ่ก ..ไม่เรอหรอกนะพูดจบฟุบหน้าลงกับไหล่กว้างของคังอินทันที เขาไม่ใช่เด็กทารกนะ จะได้อุ้มพาดไหล่เพื่อให้เรอหลังกินนม - -

    ฮึๆๆ จะเป็นลมแล้วยังจะเล่นอีกนะ ถ้าจะโทษก็ไปโทษครูโฮดงนู่นไป” ..เด็กหรอ ? หึๆ เหมือนลิงมากว่านะ ฮ่าๆๆๆ... คังอินคิดแล้วหัวเราะในใจ

    “…” มีเพียงความเงียบตอบกลับมา คังอินคิดว่าอีทึกคงหลับไปแล้ว จึงรีบเดินต่อ อีทึกลอบยิ้มบางๆให้อย่างขำๆ ทำไมจะไม่รู้ว่าเขิน ก่อนเข้าสู่ห้วงนิทราจริงๆอย่างเหนื่อยอ่อน

     

     

    นายว่าพี่ทึกเค้าจะเป็นอะไรมั้ยอ่ะ ฉันเป็นห่วงพี่เขาจังเรียวอุคเอ่ยถามเยซองพลางทำหน้ากังวลเพราะเป็นห่วงพี่ชายมาก
    คงไม่เป็นไรหรอกน่า พี่นายอยู่กับคังอินเชียวนะ ไม่เป็นไรหรอกเยซองพูดให้กำลังใจ แล้วทำหน้าสบายๆ
    อืม...แล้วพี่คังอินเป็นคนยังไงอ่ะ?เรียวอุคถามด้วยความสงสัย ทำไมเยซองถึงได้สบายใจนัก การที่เขาจะฝากคนที่เขารักไว้กับใครก็ขอให้รู้จักนิสัยใจคอซักหน่อยแล้วกัน
    มันก็เป็นคน...ที่ดีในระดับนึงนะ” …แต่เรื่องนั้นคงไม่นับหรอกมั้ง...
    อ้อ...หรอ แต่ดูหมอนั่นไม่น่าไว้ใจเลยอ่ะ T^T” พูดแล้วทำหน้าจะร้องไห้ ทำไมเขาไม่บอกให้ไวกว่านี้นะ จะได้ฝากให้ช่วยดูแลกันได้ มานึกได้ตอนนี้ สายไปซะแล้ว  เรียวอุคคิดอย่างโทษตัวเอง ทำเอาเยซองตกใจพูดปลอบยกใหญ่
    เอาน่า ๆๆ ไม่เป็นไรหรอก ไอ้คังอินมันแข็งแรงจะตาย ถ้าพี่นายไม่สบายขึ้นมา มันแบกไปค่ายได้สบายๆเลย ^^” เยซองพูดปลอบแล้วยิ้มให้กำลังใจ แล้วหันมองร่างบางที่ทำท่างอแงเป็นเด็กๆอย่างนึกเอ็นดู ...น่ารักดี....

    จริงนะ ??เรียวอุคถามเพื่อความแน่ใจ

    จริงสิ ^^ ” เยซองก็ตอบให้เพื่อย้ำความมั่นใจเหมือนกัน

    อื้อ ! ขอบคุณมากนะ ><” เรียวอุคเอ่ยขอบคุณแล้วก้มหน้าเขิน เขาไม่กล้าสู้สายตาเมื่อกี้จริงๆ จึงต้องเป็นฝ่ายหลบตาก่อน ก็สายตาเมื่อกี้ มันเหมือนแฝงความหมายอะไรอยู่ ซึ่งเขาก็แปลไม่ออก รู้แต่ว่ามองแล้วหน้าแดงร้อนผ่าวเลย
    อืม ไม่เป็นไรพูดแล้วจับมือเรียวอุคข้างที่ติดกันแล้งบีบเบาๆอย่างล้อๆ ทำเอาเรียวอุคร้องโวยวาย
    นี่ ! ไม่ต้องมาแอบจับมือเลย >0< !!”
    ไม่ได้แอบซักหน่อย อีกอย่าง แบบนี้ก็อุ่นดีออก ^^ ” เยซองพูดแกล้ง
    ร้อนนนน ปล่อยเลยน้าาาา~”
    แต่ฉันหนาวนะ ฮะๆๆๆๆเยซองยังไม่เลิกแกล้ง
    นี่ !! –3-เรียวอุคทำท่าจะงอนตุ้บป่องเข้าแล้ว

    เฮ้ ล้อเล่นน่ะ อย่างอนสิ โอ๋ๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆเยซองง้อไปหัวเราะไปอย่างอารมณ์fu…ตอนงอนนี่ก็น่ารักดี....
    ไม่ต้องมาหัวเราะเลย ฉันงอนนายอยู่....
    อ๊ากกกกกกกก!! ย๊ากกก!! ว๊ากกกก!!” ยังไม่ทันที่เรียวอุคจะพูดจบเสียงประหลาดๆก็ดังขึ้น ดรียวอุคเงยหน้ามองร่างสูงข้างๆอย่างงงๆ เมื่อกี้ไม่ใช่เสียงตานี่แน่นะ?? เยซองก็หันหน้ามองเรียวอุคเหมือนกัน ต่างคนต่างงง
    ตุ้บ! ตั้บ! โอ๊ยย!!!!”
    นี่ไอ้บ้าเอ๊ย !! แกแกล้งฉันรึไง? ห๊าาาาาา !!!”
    ใครว่าฉันแกล้งนาย อย่าโวยวายได้มั้ย แม่งเอ๊ย !!”

    เสียงประหลาดๆยังดังขึ้นเรื่อยๆ ทำเอาคนตัวเล็กข้างๆเยซองมีสีหน้าหวั่นกลัว เริ่มจินตนาการไปไกลแล้ว
    นี่ ๆ นายได้ยินเสียงอะไรมั้ยเยซองเรียวอุคถามพลางจับมือของเขากับเยซองให้แน่นขึ้น หลังจากได้ยินเสียงเหมือนคนทะเลาะกันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ...เมื่อกี้ยังโวยวายไม่ให้จับอยู่เลยนะ ทีงี้จับซะแน่นเชียว ฮึๆ.. เยซองคิด
    เออ นั่นดิ เสียงมันเหมือนจะอยู่แถวๆนี้นะเยซองพูดแล้วมองไปที่ทางเดินข้างหน้า
    หรือว่าจะเป็น ผ...ผะ... ว๊ากก!!” เรียวอุคคิดเองเออเองแล้วซุกหน้าเข้ากับแขนแกร่งของเญซองด้วยความกลัว
    ไม่ใช่หรอกมั้งพูดปลอบแล้วขำในใจ พูดเองกลัวเองก็ได้ด้วยนะคนนี้
    หนอยแน่ะ แก๊ !! ตายซะเถอะ !! ย๊ากกกกกกกก !!!!!!” เสียงโวยวายเมื่อครู่เริ่มดังขึ้นอีกครั้ง แต่ตอนนี้มันเหมือนอยู่ตรงหน้าเยซองและเรียวอุคแล้ว

    เห้ยย ! นั่นมันพี่ฮีชอลนี่เรียวอุคตกใจเมื่อเห็นร่างทั้งสองโผล่ออกมาจากทางโค้งอยู่ตรงหน้าเขา

    อ้าว ไอ้ฮัน มานี่ได้ไงวะเยซองทักขึ้น

    เห้ย ! ไอ้เย่ ไม่รู้ว่ะ กูก็เดินตามทางมาเรื่อยๆ แล้วมาเจอมึงเนี่ย โอ๊ยย! หยุดชกก่อนได้มั้ย?ฮันกยองพูดพลางเอนตัวหลบกำปั้นของฮีชอลที่ระดมปล่อยมาที่เขาอย่างต่อเนื่อง

    นี่ ! นายกล้าหลบฉันหรอ ?? ไปตายซะเถอะ !! ..อ้าว ? เรียวอุคมาอยู่นี่ได้ไงอ่ะ ?ฮีชอลที่เพิ่งหยุดทุบไหล่ฮันกยองถามขึ้นอย่างงงๆ

    ไหนๆก็เจอกันแล้ว ผมว่าเรารีบเดินหาทางไปค่ายกันดีกว่าครับเรียวอุคเสนอขึ้น

    เอาสิๆๆๆ ฮุยเลฮุย !!” ฮีชอลตอบรับอย่างดีใจ ..มีเพื่อนไปด้วยอีกสองคนแล้ว ไม่ต้องเดินกับไอ้ตี๋แผ่นดินใหญ่นี่ตามลำพังแล้วววว!!! เย้!!!…..

    “…” ฮันกยองไม่รู้จะพูดอะไร ใจจริงเขาอยากเดินกับฮีชอลสองคนมากกว่า กัดกันไปกัดกันมา สนุกดี ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ทั้งๆที่เขาออกจะรักความสงบ (จริงง่ะ ?? - -)

     ไปกันเร็วเถอะ Let’s Gooooooo!!!!!” ฮีอชอลปลุกระดม(?)อย่างเริงร่า เรียวอุคทำหน้าเอือมเล็กน้อยกับพี่คนนี้ (อย่าให้เจ้รู้นะเดี๋ยวโดนเหมือนด๊อง TT – ดงเฮ (มาได้ไงงง?? แกต้องอยู่กับบอมไม่ใช่หรอยะ ???))

    .....เห้อ ~ หาทางไปค่ายนะ ไม่ใช่ไปขุดสมบัติ ร่าเริงไปไหนเนี่ย ยัยติ๊งต๊องเอ๊ยย... ฮันกยองคิดอย่างอ่อนใจ แต่ก็อดยิ้มไม่ได้กับท่าทางปัญญาอ่อนๆของคนหน้าสวยคนนี้

     

     

     

    ด้าน วอนมิน และ คยูฮยอก

         “ย๊ากกกกก  เมื่อไรจะถึงเนี่ย” ฮยอกแจบ่นออกมาหลังจากเดินสัปหงกมาเป็นเวลานาน

    “จะบ่นทำไมเนี่ย ตัวเองก็หลับมาตลอดทาง”คยูฮยอน บ่นฮยอกแจอย่างรำคาญ

    “โอ๊ย!เมื่อยขาแล้วอ่ะ เมื่อไรจะถึงเนี่ยพี่ซีวอนT_T”ซองมินบ่นบ้าง

    “ให้ผมอุ้มไหมครับ”คยูฮยอนพูดขึ้น

    “อย่ามาเสี่ยว”ซองมินและฮยอกแจตะโกนออกมาพร้อมกันอย่างหมั่นไส้

    “เดินๆไปเหอะน่าอย่ามาบ่น จะให้ฉันโทรหาพ่อให้ส่งเฮลิคอปเตอร์มาป่ะล่ะ??”

    “เออใช่!!!”คยูฮยอน ซีวอนและซองมินตะโกนออกมาพร้อมกัน

    “โทรเลยๆๆๆ”คยูฮยอนและซองมินเร่งส่วนฮยอกแจก็เริ่มเอ๋อรับประทานว่าเขา คุยเรื่องอะไรกัน

    “โหลๆๆ...ตู๊ด..ตู๊ด..ตู๊ด โธ่โว้ยย!! ไม่มีสัญญาณอ่ะ”ซีวอนพูดอย่างหัวเสีย

    “เออๆงั้นเดี๋ยวลองโทรหาพี่คังอินหน่อยดีกว่า”คยูฮยอนพูด

    “ตู๊ดดๆ ไม่มีสัญญาณอีกแล้ว”

    ทำไงดีเนี่ย เมื่อย ๆๆๆ อยากกลับบ้านนนนนนนซองมินโวยวาย

    “เอ๊ะ! นั่นใช่ประตูรึเปล่า”ฮยอกแจอุทานออกมา ขณะที่ซีวอนกำลังจะเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้ง

    “เฮ้ย! อย่าๆถ้านายไม่เอา ฉันขอ”ฮยอกแจพูด (ไม่ค่อยเลยนะฮยอกนะ - ไรเตอร์)

    “พอได้แล้วๆ รีบเดินไปทางประตูนั่นดีกว่า เผื่อมันจะเป็นประตูทางเข้าค่าย”ซองมินพูดอย่างรำคาญ ไม่ใช่รำคาญเสียงทะเลาะหรอกนะแต่รำคาญสายตาไอ้หมาป่าบ้าที่มองอย่างหื่นๆ

    “นั่นสิ ทะเลาะกันอยู่ได้ ใช่ไหมครับซองมิน?”คยูฮยอนเสี่ยวใส่

    “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ”ซองมินพูดตัดรำคาญ

    “รีบเดินเข้าไปเถอะ!

    “นี่!พวกนายเป็นใครน่ะ?บุคคลภายนอกห้ามเข้านะ”ยามหน้าตาป่วงๆที่นั่งอยู่ที่ป้อมทางเข้าพูดขึ้น

    “พวกเราเป็นนักเรียนจากโรงเรียนฮยางซูและทัมแบซีวอนพูดเสียงเข้มใส่ทำเอายามหวั่น(เพราะขนาดตัว ฮ่าๆๆ:ไรเตอร์)

    “โอเคๆๆๆ เข้าไปได้ๆ”ยามรีบพูดแล้วพยักหน้าหงึกหงักทันทีอย่างกลัวๆ

    ...ทำไมให้เข้าง่ายขนาดนี้วะ ถ้าเป็นโจรอ้างมาไม่ระเบิด บึ้ม! ตายกันทั้งค่ายหรอวะเนี่ย?... ฮยอกแจคิดอย่างหงุดหงิดใจกับความไม่เอาไหนของยามที่นี่

     

     

     

    “นี่!เราต้องเดินอีกไกลแค่ไหนเนี่ย?”เสียงที่ปกติดูร่าเริงบ่นออกมา

    “ไม่รู้”คำตอบง่ายๆสั้นๆหลุดออกจากปากของคนที่ถูกล็อคข้อมืออยู่ด้วยกันอย่างคิบอม  ตลอดระยะทางที่เดินมาก็นับว่าไกลพอสมควรแล้ว  แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าพวกเขาจะถึงค่ายดัดสันดานงี่เง่านั่นซักที

    “โธ่เอ้ย!” คำสบถออกมาจากปากของร่างบาง

    “นี่!นายไม่คิดจะพูดอะไรเลยหรือไง ห๊ะ?”ดงเฮขึ้นเสียง

    “ไม่!!!”คิบอมตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา

    “โธ่เว้ย!! ชวนคุยน่ะ ชวยคุย ทำเป็นไหมไอ้บ้า”

    “ไม่”  มีเพียงคำตอบเดิมๆกลับมา

    พรึ่บๆ!!! เสียงเหมือนมีตัวอะไรบางอย่างเคลื่อนผ่านพุ่มไม้อยู่หลังพวกเขา

    “เห้ย! นายได้ยินอะไรไหม?”ดงเฮทำท่าตกใจ

    “ไม่”

    “นี่!!นายไม่ได้ยินหรือไง หัดไปเช็คหูบ้างนะเสียงออกจะดัง เหมือนมีอะไรอยู่หลังพุ่มไม้ตรงนั้นเลยอ่ะ”ร่างบางพูดแล้วทำท่าคิด

    “อ้อออออ...คิดออกแล้วมันต้องเป็น...นกอีก๋อยแน่ๆเลย ฮ่าๆๆ เอ๋! หรือว่าจะเป็นเจ้าหมาพูดได้ มันชื่ออะไรนะ อืมมมมม...อ้อ ดั๊ก ใช่ดั๊ก ฮ่าๆๆๆ”ดงเฮพูดพร้อมกับอธิบายท่าทางประกอบไปด้วย

    คิบอมมองหน้าดงเฮอย่างงงๆ อะไรวะ?นกอีก๋อย?ดั๊ก?

    “นี่!ไม่ต้องมาทำหน้างง อย่าบอกนะว่านายไม่เคยดูอ่ะ??”ดงเฮจ้องจับผิด

    “ไม่เคยดูอะไร?”คิบอมมองหน้าร่างบางพร้อมกับทำหน้างง

    “โห!!บ้านนายอยู่หลังเขาหรือไง ก็เรื่อง UP ไง ไม่ต้องทำหน้างงเลย บ้านนายไฟฟ้าเข้าถึงไหม ห๊ะ??ฮ่าๆๆ”

    “อะไรของนาย!”คิบอมทำเสียงเข้มกลบเกลื่อน

    “ไอ้หลังเขาๆๆๆ” ดงเฮดูร่าเริงอีกครั้ง

    “นี่!หยุดเลยนะ ลีดงเฮ!!”คิบอมขึ้นสียงเพราะร่างบางข้างๆเอาแต่ล้อเขาอยู่นั่นแหละ แค่เค้าไม่ค่อยสนใจดูหนังปัญญาอ่อนแบบนั้น ดงเฮนายมันโตแต่ตัวจริงๆ

    อายุเท่าไร??”คิบอมพูดขึ้นเสียงเรียบ

    “ห๊า!อะไรอายุฉันหรอ...ก็...สิบ..” 

    “เปล่า อายุสมองของนายน่ะ”

    “อ่ะ…0_0”ดงเฮค้างไปทันที อึ้งที่โดนคิบอมหลอกด่าซึ่งๆหน้า

    “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”คิบอมหัวเราะเสียงดังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อารมณ์ดีที่ได้แกล้งร่างบาง

    “เฮ้ย!นั่นตัวอะไรอะ”คราวนี้เป็นตาของคิบอมที่ร้องออกมาบ้าง

    “ไหน!!??ตัวอะไร???”

    “นั่นไงอยู่ทางที่เราเดินผ่านมาทางนี้ไง เห็นหรือเปล่า เมื่อกี้มันมีแสงวิบวับด้วยนะ!!”คิบอมได้ทีก็แกล้งร่างบางกลับ

    “มัน...ก็อาจจะเป็นคนถือไฟฉายตามเรามาก็ได้หรือว่าจะเป็นนกอีก๋อย”ดงเฮพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อย ตัวแข็งทื่อไม่ยอมหันไปข้างหลังตามที่คิบอมบอก

    “จะบ้าหรอ...มืดแล้วใครจะออกมาเดินเล่นกลางป่ากลางเขาแบบนี้ แล้วนกอีก๋อยบ้าบออะไร ดูการ์ตูนมากไปรึป่าว”คิบอมหยอกร่างบางพร้อมกับกลั้นขำไปด้วย

    แต่คราวนี้ไม่มีเสียงโวยวายตอบกลับมา

    “นี่ดงเฮ...ดงเฮ เป็นอะไร”คิบอมเห็นร่างบางเงียบไปก็เป็นห่วงจึงหันหน้าไปทางด้านข้างเขย่าตัวร่างบางเบาๆ

    “ฮึ...ฮึก...ฮือๆๆ”เสียงสะอื้นของดงเฮเริ่มดังขึ้น

    “นี่ฉันแค่ล้อเล่นเอง หลอกๆนายเงียบได้แล้ว”คิบอมพยายามปลอบร่างบาง

    “ก็นายนั่นแหละ...แกล้งกันอยู่ได้ ฮึกๆฮือๆ”ดงเฮยังไม่หยุดร้อง

    “พอได้แล้วเดี๋ยวก็เจอของจริงหรอก”คิบอมเริ่มขึ้นเสียง

    ฮึกๆฮือๆๆแฮะๆๆอ่าๆ....

    “นี่!!ดงเฮ...นายหยุดร้องได้แล้ว”คิบอมเริ่มอารมณ์เสีย

    “อะไรของนายคิบอม...ฉันหยุดร้องไปตั้งนานแล้ว!!!”(0.0)!! ทั้งสองคนมองหน้ากันแล้วค่อยๆหันไปข้างหลัง

    “วิ่ง!”คิบอมตะโกน

    “ย๊ากกกก  ไม่อยู่แล้วโว้ย เผ่นโลดดดดดดดดด!”ดงเฮตะโกนด้วย   พูดจบก็พากันวิ่งอย่างสุดชีวิต

         ตึกๆๆ...ตึก...ตึก...ตึก

    คิบอมและดงเฮวิ่งมาด้วยกันก่อนจะชะลอความเร็วและหยุดในที่สุด ทั้งคู่มองหน้แดงๆเพราะความเหนื่อยของกันและกันแล้วหัวเราะออกมาพร้อมๆกันเสียงดัง

    “ฮ่าๆๆสนุกจังเลย><”ดงเฮพูด

    “อืม ฮ่าๆๆ”คิบอมตอบแล้วหัวเราะออกมาอีก เขาไม่เคยได้ทำอะไรที่สนุกๆแบบนี้มาก่อน ชีวิตประจำวันของเขสมีแต่จืดชืดไปวันๆพอมาเจอคนตัวเล็กนี่ เรื่องป่วนๆก็เข้ามาไม่หยุดไม่หย่อน เมื่อกี้ที่วิ่งด้วยกันเหมือนอะดรีนาลีนหลั่งออกมาทำให้เขาอารมณ์ดีสุดๆ

    “ฮ่าๆๆๆฮะ..ฮะ...เฮ้!นั่นมันประตูอะไรนะ?”ดงเฮหัวเราะก่อนจะโพล่งขึ้นเสียงดัง ก็สิ่งที่อยู่ด้านหน้าเขาเหมือนกับประตูอะไรสักอย่าง มันดูรกไปด้วยไม้เลื้อยดูน่ากลัว

    “ประตูเข้าค่ายหรือเปล่า?”

    “ไม่ใช่หรอกมั้ง รกขนาดนี้ ไปทางอื่นเถอะ!”ดงเฮพูดแล้วทำท่าจะเดินไปทางอื่น

    “เดี๋ยวสิ!ลองเข้าไปดูก่อน”คิบอมดึงร่างบางกลับมาพาเดินไปเปิดประตูที่ดูโทรมเหมือนไม่ได้ใช้มาหลายปี ค่อยๆเปิดมันออกเบาๆ

    “ย๊าาา! นี่อะไรอ่ะ??”ดงเฮร้องโวยวาย

    “แค่ต้นไม้น่า อย่ากลัวไปหน่อยเลย”

    “ก็กลัวนี่ ถ้าต้นไม่สวยๆเหมือนในเรื่องอวตารจะไม่ว่าเลย เชอะ!><”ดงเฮพูด

    ...เอาอีกแล้ว มาอีกแล้ว เรื่องอะไรอีกเนี่ย ปวดหัว - - จะบันเทิงไปไหนดูมันทุกเรื่องเลย...

    “อย่าบอกว่าไม่รู้จัก”ดงเฮดัก

    “ไม่ได้บอก”คิบอมตอบ ขายังพาร่างเล็กเดินฝ่าไม้เลื้อยรกๆไปเรื่อยๆ

    “แสดงว่ารู้จัก”

    “ไม่ได้ไม่รู้จัก แต่ไม่เคยดู”

    “ไอ้บ้าเอ๊ย!!

    “อ้าว!ดงเฮ!!!

    “ห๊ะ หา ..ใครเรียก”ดงเฮหน้าเหวอเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเอง

    “ฮะ..ฮะ..ฮะ..ฮะ..ฮยอกแจจจจ ..แอ..แอ..แอ”ร้องชื่อเพื่อนเสียงดัง แถมเอคโค่ให้ด้วย

    “ดะ...ดะ..ดงเฮฮฮฮฮฮฮฮ”

    “ฮยอกแจจจจจจจจจจ”ตะโกนเรียกชื่อแล้วอ้าแขนวิ่งมากอดกันอย่างสุดซึ้ง ทำเอาพี่ๆน้องๆที่ยืนอยู่ด้านหลังซึ้งใจแทบอ้วก!

    “ทำไมนายมาช้าจังเนี่ยดงเฮ”ฮยอกแจถาม

    “อ่อ...หลงมั้ง? หรือว่าฉันเข้าข้างหลัง??” ดงเฮตอบงงๆ

    “เข้าข้างหลัง!!!???” ทั้งหมดตะโกนถามกัน (พวกนี้ก็คิดลึก- - ++ - ไรเตอร์)

    “เอ่อ...ไม่ใช่หมายถึงเข้าทางประตูหลังค่ายน่ะ- -;;”คิบอมรีบแก้ให้  คำพูดของคนตัวเล็กนี้ทำเอาทุกคนคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

    “อ้าว!ทุกคนมากันครบแล้วใช่มั้ย??”เสียงคังโฮดงถามขึ้นแล้วเดินมาที่กลุ่มนักเรียน

    “เหลือคู่พี่คังอินยังไม่มาครับ”คยูฮยอนตอบให้

    “พี่อีทึกยังไม่มาอีกหรอ”เรียวอุคพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล

    “ไม่ต้องเป็นห่วงพี่นายน่ะอยู่ในห้องพยาบาลแล้ว”คังโฮดงพูดขึ้นแล้วลอบยิ้ม

    “อ้าวว ใครเป็นอะไรละครับ?”ฮีชอลถามขึ้น

    “อีทึกเขาเป็นลมน่ะ”คังโฮดงตอบ “คังอินช่วยดูแลอยู่”

    “ช่วยดูแลจริงป่ะวะไอ้ฮัน?”ซีวอนกระซิบกับฮันคยอง

    “เออนั่นดิ เปอร์เซ็นต์มีน้อยวะ”ฮันคยองตอบ

    “จริงหรออ!!”ฮีชอลที่แอบเอียงหูฟังโพล่งออกมาเสียงดัง

    “เห้ย!”ซีวอนและฮันคยองตะโกนขึ้นพร้อมกันอย่างตกใจ

    “ไหนบอกว่าพี่เขาจะช่วยดูแลไง”เรียวอุคบ่นใส่เยซอง

    “แต่ก็มาถึงได้ปลอดภัยไม่ใช่หรอ”เยซองก็เถียงกลับ

    “มีเหตุผล ช่างเถอะ”เรียวอุคพูด แล้วพยักหน้าหงึกหงัก

    “ไปหาพี่อีทึกกันเถอะ! ทุกคนนนน”ดงเฮตะโกนบอกอย่างร่าเริง แต่ตัวเองวิ่งไปนำไปก่อนแล้ว - -

     

    ทางด้านคังทึก

    “อือ...อืม”เสียงอีทึกงัวเงียเพราะได้ยินเสียงกุกกักๆอยู่ข้างตัว

    “นายตื่นแล้วหรอ”

    “อืม ทำไมฉันมาอยู่ที่นี่ได้อะ”อีทึกถามด้วยความสงสัยเพราะเขาจำได้ว่ากำลังเดินคุยกับคังอินอยู่แล้วก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย

    “ก็ใครล่ะปากเก่ง บอกว่าไม่เป็นไรๆแล้วอยู่ดีๆก็เป็นลมไปเนี่ย”คังอินบ่นเล่นกับอีทึกเพราะเป็นห่วง

    “ฉัน...ขอโทษนะที่ทำให้นายลำบาก อีทึกก้มหน้าลง

    เห้ย ไม่ลำบากหรอก ตัวนายก็เล็กนิดเดียวคังอินรีบโบกมือไปมาเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร

    เอ่อ แล้วใครเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฉันเนี่ย”อีทึกถามออกไปเพราะเสื้อผ้าของเขาถูกเปลี่ยนหมดเลย

    “เอ่อ...อ้อ! เรียวอุคน่ะ”คังอินตอบอย่างอึกอักเล็กน้อย

    “เอ้า..อีทึกนายสบายดีขึ้นบ้างหรือยัง?”คังโฮดงชะโงกหัวเข้ามาหาในห้องพยาบาล

    “ครับ ก็ดีขึ้นแล้ว”

    “อืม งั้นก็ไปรวมตัวได้แล้วยังมีอีกโรงเรียนจะแนะนำด้วย”

    “เอิ่ม...ครับเดี๋ยวผมตามไป แล้วพวกน้องๆของผมละครับ”อีทึกถามถึงน้องๆที่เหลือ

    “ก็อยู่ข้างนอกนั่นไง เสียงดังยังกับคอนเสิร์ตพี่บี้”

    “อ่า ครับๆ”อีทึกผงกหัวรับ

    “นี่นายเป็นลม หรือหูหนวกกันแน่เนี่ย เสียงดังขนาดนี้ยังจะถาม”คังอินกวนประสาท

    “ไอ้...”ยังไม่ทันที่อีทึกจะได้ด่าคังอินเสียงโหวกเหวกโวยวายจากข้างนอกก็เริ่มเข้ามาใกล้

    “พี่อีทึกกกกกกกฮะๆๆเป็นอะไรมากหรือเปล่า”ดงเฮจอมจุ้นเข้ามาหาอีทึกคนแรก

    “พี่ไม่เป็นไรแล้ว^_^

    “เอ้าๆๆไปกันได้แล้วนักเรียนยังมีอีกโรงเรียนนึงที่รอพวกเราอยู่เร็วๆๆ”คุณครูโฮดงรีบไล่นักเรียนที่ดูเหมือนจะเป็นฝูงลิงซะมากกว่าให้ออกจากห้องพยาบาลไปโดยเร็ว

     

     -------------------------------------------------
    มาอัพแล้ววววววววว ครบ100% เลยน้าาา
    หายไปนานอ่ะ รู้สึกผิด ฮึกๆ T^T แต่ตอนนี้ย๊าววยาว เนอะ!  
    (ไรเตอร์นั่งแต่งกันมันส์เลยค่ะ 5555.) คังแต๊ะอั๋งทึกอ่ะ >< ด้วยท่าที่ฮาสุดๆ 555.
    มีใครนึกภาพทึกไม่ออกมั้ย จะเอารูปแม่อุ้มลูกแบบนั้นมาลงให้ จะได้จิ้นกันถูกนะ ^^

    อ้อ ! ได้เวลาเปิดเผยเส้นทางจริงกันแล้วววววววววววว แอ๊ว แอ๊วว แอ๊ววว
    คาดว่ามีหลายๆคน คงจะงงกันทางเดินที่วกๆวนๆ คนนู้นเจอคนนี้ คนนี้เจอคนนู้น
    แท๊ แด่นนนนนนนนนน (อั๊กลี่สุด ๆ ใครคิดว่าเข้าใจแผนที่แล้ว อย่ากดดูนะ พลีสสสส T^T)
    http://upic.me/show.php?id=2f47ad2ffab406a19d11fa5ff6a2aec7
    ขึ้นป่ะเนี่ย ?? เดี๋ยวมาดูอีกที (ที่เขียนKhuk หมายถึง คยูฮยอกนะคะ กลัวจะซ้ำกับ KH คิเฮ เดี๋ยวงงกัน)
    เอ๊~! แล้วอีก โรงเรียนนึงจะเป็นโรงเรียนอะไรน้า ??? ติ๊กต๊อก ๆ

    ไม่บอก -3- ปล่อยให้งงเล่นอีกแล้วว 555555555555.
    ลองทายกันมานะ ว่าโรงเรียนในตอนต่อไปจะเป็นโรงเรียนอะไร 
    แล้วตอนหน้าจะตามมาเร็วๆนี้ ><

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×