คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 1 + เล่านิดนึง ตามดุสิตเมื่อวาน
Chapter 1
ดงเฮเดินมาโรงเรียนด้วยอารมณ์หงุดหงิด สภาพใบหน้าเขียวช้ำและศีรษะที่แปะปลาสเตอร์ไว้ สาเหตุน่ะหรอ หลังจากที่เขาทำความหวังสูงสุดของฮีชอลล้มเหลว เขาก็โดนไม่ยั้ง ทั้งหมอนบิน เสื้อบิน จานบิน แก้วบิน ซีดีบิน รองเท้าบิน เผลอๆพี่แกจะให้ทีวีบินอีก เรียกได้ว่าของใช้บ้านเขาแทบจะติดปีกบินกันทุกอย่าง T_T ร่างบางเดินผ่านสนามบาสซึ่งสามารถเห็นระเบียงห้องเรียนเขาได้อย่างชัดเจน สายตาเหลือบไปเห็นเพื่อนรักทั้งสองกำลังคุยกันกระหนุงกระหนิง
“ซองมินนนนนนนนนน ฮยอกแจจจจจจจจจ เค้ามีเรื่องจะฟ้องงงงงงงงงงงง~~!!”
ดงเฮตะโกนชื่อเพื่อนสุดเสียง(ทั้งๆที่ตัวเองอยู่กลางสนามบาส - -) ต่างจากเพื่อนรักทั้งสองคนที่กำลังถูกมองเป็นจุดเด่น รีบโกยเข้าห้องทันทีทำเป็นเหมือนว่าไม่รู้จัก
.....อะไรฟะ?? ทำงี้ได้ไง ต้องรีบไปเคลียร์ ทีเพื่อนมีความทุกข์จะระบายละไม่เคยฟัง เอาแต่เดินหนีตลอด...
ทั้งๆที่ความจริงแล้วเพื่อนรักทั้งสองไม่ได้ไม่อยากฟัง แค่อายที่ดงเฮทำให้เป็นจุดสนใจของคนทั้งโรงเรียน หน้าหวานขมวดคิ้วเป็นปม ทำหน้ามุ่ย เดินบ่นพึมพำๆอย่างอารมณ์เสียไปคนเดียว โดยไม่สนใจสายตาคนรอบข้าง และเสียงซุบซิบที่ดังขึ้นประมาณว่า ‘ไอ้นี่มันกล้าจัง’
ปึงง!!
“ซองมิน !! ฮยอกแจ!! นายเดินหนีชั้นทำไมมมมมมมมม?? !!!” ปลาน้อยเริ่มออกอาการสะบัดครีบสะบัดหาง ลมออกหูดังปู๊นๆ ตะโกนถามเพื่อนรัก
ตุ้บ! เสียงวางกระเป๋ากระแทกกับโต๊ะของคนหน้าหวานที่แสดงท่าทางหงุดหงิดแต่เช้า
“ฉันไม่ได้หนีซะหน่อย”
“ใช่ พวกเราไม่ได้หนีนะ”
“แล้วทำไมต้องรีบเดินเข้าห้องด้วยล่ะ”
“ก็ลมมันเย็น...เอ่อ..โอเค บอกความจริงก็ได้” ฮยอกแจลองยั่งเชิงโกหกดู แต่เมื่อเห็นสายตาอำมหิตจากดงเฮ เขาก็รีบเปลี่ยนความคิดแทบไม่ทัน ...ถอดจากพี่มาชัดๆเลยนี่หว่า สายตาแบบนี้น่ะ...
“ก็ใครใช้ให้นายตะโกนเรียกซะลั่นโรงเรียนขนาดนั้นล่ะ ฉันก็อายเป็นนะเว้ย เห็นแบบนี้อ่ะ” ซองมินส่ายหน้ากับความไม่เนียนของฮยอกแจ แล้วอธิบายความจริงให้ฟัง แต่เหมือนยิ่งพูดยิ่งเข้าตัวเองยังไงก็ไม่รู้ ก็ไอ้’เห็นแบบนี้น่ะ’ ไม่รู้ว่ามันแบบไหน ละไว้ในฐานที่เข้าใจละกัน
“เชอะ” ดงเฮทำปากยู่อย่างงอนๆ ก็ถ้าไม่เรียกจะเห็นบ้างมั้ยล่ะ เพื่อนตัวเองยืนอยู่กลางสนามบาสขนาดนี้เนี่ย (ไม่ใช่เหตุผลเลยนะเนี่ย ด๊อง - -)
“โอเค เย็นนี้พาไปกินหนม เลิกงอนได้แล้ว มีเรื่องอะไรก็เล่ามาเลย อยากรู้ *-*” ซองมินพูดตาเป็นประกาย การได้รู้เรื่องคนอื่นเป็นสิ่งที่เขาชอบนัก
“ก็ได้ แต่ว่าไปร้าน...”
“ร้านพายฟักทอง!!” ซองมินพูดขัดขึ้นมา
“โห ฉันอยากกินซันเดย์”
“ไม่งั้นฉันไม่เลี้ยง-3-”
“เออ ก็ได้ 3ถ้วยอย่างต่ำนะ” ดงเฮจำใจยอม ด้วยความงกส่วนตัว (เด็กและสตรีมีครรภ์มิควรเอาเยี่ยงอย่าง - -+++)
“เหอะน่า เรื่องมากจัง ไอ้ขี้งกนี่ -*- เมื่อไรจะเล่าซะที ไม่เล่าภายในสามวินาทีนี้ หมดสิทธิ์กิน!!”
“ก็เรื่องมันเป็นแบบนี้ ฉอดๆๆๆๆๆๆ แว้ดๆๆๆๆ นายดูไอ้นั่นนะ..มันกล้าเกินไปแล้ว ฉอดๆๆๆๆ”
ดงเฮใช้เวลาตลอดคาบเรียนช่วงเช้าในการเล่าเรื่องทั้งหมด พร้อมทั้งรับประทานชอล์กมาจากอาจารย์แล้วไม่ต่ำกว่า2กล่อง ในใจนึกอยากจะหยิบหมวกกันน็อคขึ้นมาใส่ซะ จะได้หมดตัวมารขวางการเล่าซะที คราวนี้ปาอีกกี่กล่องดงเฮก็ไม่หวั่น แม้วัน(พกชอล์ก)มามาก ฮ่า ๆๆๆๆ ตอนนี้ทั้งสามกำลังกินข้าวกลางวันอยู่ในโรงอาหาร ดงเฮก็เอาแต่เล่า ๆๆ ไม่สนใจก๋วยเตี๋ยวในชามซักนิด ว่ามันจะอืดขนาดไหนแล้ว ทำให้ซองมินและฮยอกแจแอบจิ้มลูกชิ้นในชามดงเฮกินกันสนุกปาก
“แล้วไอ้แผลบนหน้านี่ล่ะ มาได้ไง” ซองมินถามขึ้น หลังจากเขมือบลูกชิ้นลูกสุดท้ายในชามดงเฮหมดแล้ว
“อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ ว่าแต่ปลาสเตอร์ลายนี้น่ารักใช่ม้า??” แน่นอนว่าดงเฮไม่ได้เล่าเรื่องเมื่อคืนกับฮีชอลให้ฟัง พยายามเปลี่ยนเรื่องโดยการโอ้อวดปลาสเตอร์ลายปลานีโม่แสนจะแอ๊บแบ๊วนี่
“เหอะ ไม่เห็นน่ารักเลย สู้ลายกระต่ายสีชมพูของฉันไม่ได้” ซองมินพูดพลางชูนิ้วชี้โอ้อวดปลาสเตอร์ลายกระต่ายน่ารักสีชมพู ที่ตัวเองติดไว้เฉยๆ เท่ห์ดี
“ลายโงกุนน่ารักกว่า” ฮยอกแจพูดขึ้นขณะกำลังคีบเกี๊ยวในชามดงเฮมากิน
“อ๊ะ ๆๆๆ หยุดนะฮยอกแจ นายกำลังขโมยเกี๊ยวชั้น ลูกชิ้นล่ะ?? ลูกชิ้นฉันหายไปไหน?? เอาลูกชิ้นฉันคืนมานะ !!!” ดงเฮพูดขณะที่มือกำลังคีบลูกชิ้นในจานฮยอกแจ
“เฮ้ยย อย่าโทษฉันคนเดียวเซ่ ไอ้กระต่ายอ้วนนี่ก็กินนะ”
“ห๊ะ!! ซองมิน นายด้วยหรอ? เอาคืนมานะ”
แล้วทั้งพักกลางวันที่โรงอาหารก็เต็มไปด้วยเสียงโหวกเหวกโวยวาย ด้วยเสียงของเจ้าสามคนนี้
“เย็นนี้พวกนายต้องไปกับฉันนะ” ดงเฮพูดขึ้นในเวลาพักกลางวันหลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว
“ไปไหน??”
“ก็ไปเจอกับแก๊งของโรงเรียนทัมแบไง”
“เห๊ออออออออ ไม่ไปๆๆ จะพาชั้นไปมีเรื่องอีกแล้วหรอเนี่ย” เมื่อสามวันที่แล้วก็เพิ่งไปมา ดีนะที่อีกฝ่ายเห็นความน่ารักจนไม่กล้าทำอะไร คิกๆ
“ถ้าไปนายไม่ต้องเลี้ยงขนมฉัน อ่ะ” ดงเฮกลั้นใจยื่นข้อเสนอ...3ถ้วยของกรู หายไปทันตาเลยT_T
“จริงป่ะ” ซองมินถามอย่างดีใจ เพราะวันนี้เขาก็ไม่ได้เอาเงินมา (แล้วแกไปรับปากจะเลี้ยงเขาทำไมฟะ?)
“จริง แถมฉันจะเลี้ยงแกด้วยนะ สะ..สา..สองถ้วย” ดงเฮยื่นข้อเสนอจูงใจอีกที ตอนแรกกะบอกจะเลี้ยง3ถ้วย แต่เปลี่ยนใจไปเฉยๆ
“....” กระต่ายน้อยกำลังครุ่นคิดอย่างหนักใจ
“พี่ฮีชอลก็ไปด้วยนะ พี่ทึกกี้ก็ไป เรียวอุคก็ไป” ดงเฮพูดเปรยๆถึงคนในแก๊ง
“โอเค ไปก็ไป” ซองมินคิดถึงผลลัพธ์ที่ตัวเองจะได้...เอาน่า แค่ไปนิดๆหน่อยๆ ได้กินขนมฟรีตั้ง2ถ้วย ก็คุ้มล่ะวะ....
“ไปไหนกัน?” ฮยอกแจที่เพิ่งกลับมาจากห้องน้ำ ถามขึ้นอย่างงงๆ
“ไปเจอกับแก๊งโรงเรียนทัมแบเย็นนี้!!” ซองมินและดงเฮให้คำตอบพร้อมกันเสียงดัง ฟังชัด
“ห๊ะ!? พวกนายเคยถามความเห็นชั้นบ้างม๊ายยยยยยยยยยยยยย???????”
ตอนเย็น ซอกตึกที่เดิมที่ดงเฮเดินชนคิบอม
“ดงเฮ ไอ้เบื๊อกนั่นยังไม่มาอีกหรอ?”ฮีชอลถามอย่างหัวเสีย พวกเขามารอกันตั้งนานแล้วนะ พวกไร้มารยาทเอ๊ยยย !!
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” ดงเฮตอบอย่างหงุดหงิด ...นี่มารอเป็นชั่วโมงแล้วนะเฟ้ยย รึว่าจะปอดจริงๆวะ?...
สาเหตุที่ดงเฮหงุดหงิดอยู่ขณะนี้ก็เพราะว่าเขารู้อยู่เต็มอกว่าโรงเรียนฮยางซูของเขาและโรงเรียนทัมแบของฝั่งนั้นเลิกเรียนพร้อมกัน เพราะทั้งสองโรงเรียนเป็นโรงเรียนในเครือพี่น้อง คนก่อตั้งคนเดียวกัน แต่ครูใหญ่ที่คุมโรงเรียนนั้นคนละคน เพื่อจะได้ควบคุมได้ทั่วถึง ซึ่งโรงเรียนฮยางซูนั้น ครูใหญ่คือ คังโฮดง และโรงเรียนทัมแบมีครูใหญ่อีกคนคือ คิมคูรา ทั้งๆที่ตอนนี้โรงเรียนเลิกแล้ว พวกนั้นมันหายหัวไปไหนกันวะ รึว่าจะลืม? ไม่จริงน่า ไม่งั้นกลับบ้านไปโดนพี่ฮีชอลอัดเละเลยนะ โทษฐานทำให้เสียเวลาทะล่มรังบอส ยิ่งวันนี้ลงทุนหยุดเรียนเล่นอีกวัน แต่ดันไม่ชนะ ส่งผลให้ฮีชอลมาตามนัดด้วยสีหน้าบึ้ง เตรียมแรงมาระบายเต็มที่
ตอนนี้ทุกคนในแก๊งค์ซึ่งประกอบด้วย ฮีชอล อีทึก ซองมิน ดงเฮ ฮยอกแจ และเรียวอุคกำลังรอด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ฮีชอลยืนถือไม้หน้าสามพาดบ่าด้วยสีหน้าเซ็งๆ อีทึกยืนพิงกำแพงหน้านิ่ง ดงเฮใช้เท้าเหยียบลังไม้อย่างหงุดหงิด ซองมินกำลังกินพายฟักทองที่ถือติดมือมา เรียวอุคสพายกระเป๋ายืนรอเฉยๆ ส่วนฮยอกแจนั่งชันเข่าเล่นPSPไปเรียบร้อย (ทำอะไรให้เข้ากับสถานการณ์หน่อยสิฟะฮยอก - -*:คนเขียน)
“โอ๊ยยยยยยยยยย !! ชั้นจะไม่ทนแล้วนะโว้ยยยย จะกลับไปฆ่าบอสแล้ววว”ฮีชอลตะโกนเสียงดังระบายความหงุดหงิด
“ใจเย็นดิพี่ เดี๋ยวพวกมันก็มา” ดงเฮพูดพลางตบบ่าพี่ชายให้ใจเย็นลง
“ถ้าวันนี้มันไม่มานะ พรุ่งนี้ฉันจะทำใบปลิวแจกความปอดให้รู้กันทั่วโรงเรียนเลย” ฮีชอลคาดโทษ
“จุ๊ๆๆๆ ขนาดนั้นเลยหรอคนสวย โหดไปม้างงงง” เสียงกวนประสาทดังขึ้น ทำให้ฮีชอลหันไปค้อนวงใหญ่ บังอาจมาเล่นกับท่านฮีชอลเวลาโมโหแบบนี้เดี๋ยวสวย แต่พวกนั้นมัน..........
“ใครวะ??” ฮีชอลถามขึ้น
ผู้ที่มาใหม่แทบจะเอาหัวโขกกำแพงตายกันยกกลุ่ม เล่นซะท่าที่เก็กๆมาหายหมด ยัยบ้านี่!!- -*
“ก็แล้วนัดใครมาละโว้ย ก็มาตามนัดแล้วนี่ไง ปั๊ดโธ่!!” เจ้าของเสียงกวนประสาทแต่หน้าหล่อพูดขึ้น ...ยังจะมาถามว่าใคร มันน่าจับจูบให้เข็ด ฮึ่ยๆ... ส่วนคิบอมกลับคิดว่า ..เออ ให้ได้อย่างนี้ พอกันทั้งพี่ทั้งน้อง...
“ก็พวกโรงเรียนทัมแบไงพี่” ดงเฮกระซิบบอกฮีชอลเสียงเบา หลังจากที่พี่ชายเขาปล่อยไก่ตัว เบ้อเร่อ
“อ้าวหรอ พวกไร้มารยาทนี่เอง หึๆ” เมื่อรู้ว่าเป็นคนที่กำลังคอย ก็ไม่จำเป็นต้องมีความเกรงใจอีกต่อไป (เคยมีด้วยหรอฟะ ?? - -*)
ฝ่ายตรงข้ามสะอึกกับคำพูดที่ตรงเกินไปของหน้าสวย ..คิดยังไงก็พูดหรอฟะ รึว่าพูดก่อนค่อยคิด - - เจอกันครั้งแรกก็สร้างสัมพันธไมตรีซะแล้ว..ทั้งกลุ่มเหมือนจะคิดตรงกัน กลุ่มของโรงเรียนทัมแบ ประกอบไปด้วย ฮันกยอง หัวหน้ากลุ่มหน้าหล่อและเจ้าของเสียงกวนประสาทของฮีชอล คังอิน ผู้ขึ้นชื่อเรื่องพลังกำลัง เยซอง หนุ่มนิ่งยิ้มยากแต่ร้ายลึก คยูฮยอน คนที่เด็กที่สุดในกลุ่ม แต่เรื่องความเฉลียวฉลาดและเจ้าเล่ห์ยกให้เป็นที่หนึ่ง เรื่องเอาผลประโยชน์เข้าตัวด้วยเหมือนกัน - -* ทันคน ความรู้สึกไว คิบอม คู่กรณีของดงเฮ เย็นชา ยิ้มยาก และซีวอน หนุ่มเพลย์บอยไม่โจ่งแจ้ง เจ้าชู้เงียบ แต่มีความเป็นสุภาพบุรุษ
“อ๊ะ ..” ซองมินร้องขึ้นอย่างตกใจ เมื่อเห็นหน้าหนึ่งในกลุ่มของโรงเรียนทัมแบ
“มีอะไรหรอซองมิน” ฮยอกแจถามขึ้นงงๆ เพราะอยู่ๆเพื่อนตัวอวบของเขาก็ร้องขึ้นมา
“เปล่าๆ ไม่มีอะไรหรอก” ซองมินตอบด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“เห้ยยย!!” ซีวอนร้องขึ้นเบาๆ
“มีไรวะ” คังอินถามขึ้น
“เอ่อ ...เปล่า” ซีวอนตอบเลี่ยงๆ
.....ใช่ไอ้เด็กอวบนั่นเปล่าวะ?....
......ใช่ไอ้ตัวสูงหัวตั้งนั่นป่ะวะ?....
ยิ่งมองก็ยิ่งใช่ ยิ่งเพ่งก็ยิ่งเหมือน ......
.
.
.
‘เชี่ยเอ๊ยยยยยยย!! นั่นลูกพี่ลูกน้องกู !!!!!!!!!!!!’
--------------------------------------------------------
เมื่อวาน ไรท์เตอร์และเพื่อนไปตามที่ดุสิตมา รอตั้งแต่ประมาณ4โมง ถึง2ทุ่มกว่าๆ
แอบไปวีนการ์ดมาด้วย (ไม่แน่ใจนะ ใส่สูทดำ) การ์ดก็แบบ ผมไม่รู้ครับ ๆๆออกไปครับๆๆ ไม่รู้สักอย่าง - -* เอามือดันกันแบบนี้เลย T^T เลยออกมารอข้างนอก ซักพักเขาก็เอารั้วมากั้นอ่ะ เลยแบบ เออ มาแน่ๆๆ แล้วรถตู้ก็วิ่งผ่านไปอ่ะ (ก่อนรถตู้มานี่เสียงมาก่อนเลย 'โอป้า โอป้าซารางเฮ') แต่ว่าเห็นไม่ชัด เห็นแต่เงาวอนเหมือนเล่นไอโฟนอยู่ ไรท์เตอร์ไม่ได้อยู่ฝั่งที่มีป้ายนะ อยู่ฝั่งป้อมยามอ่ะ รถอีก2คันที่เหลือไม่เปิดม่านเลย แต่อีกฝั่งไม่รู้เปิดป่าวนะ แต่คันแรกเห็นวอนคนเดียว เสร็จแล้ว..เลยนั่งมอไซต์พ่อเพื่อนไปมาบุญครอง ไปหาแม่....แบบวันนี้ทุ่มทุนมากๆ ได้เห็นแว๊บบเดียว ก็โอเคฟะ T_T ใครไปก็เม้นเล่ากันบ้างนะ ครั้งนี้ yamaha ไม่บอกอะไรเลยจริงๆTT^TT
ปล.ตอนนั่งรอเล่าประสบการณ์ที่เจอเอลฟ์กับเพื่อน ซึ้ง แถมมาเจออีกทีที่นั่น สดๆร้อนๆ ซึ้งมาก เอลฟ์น้ำใจดี ^^
ความคิดเห็น