คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 9
Chapter 9
ซองมินที่กำลังชำระล้างร่างกายอย่างสบายใจอยู่ที่ห้องข้างๆ พลันรู้สึกถึงสายตาที่มองมาจากที่ใดที่หนึ่ง ถึงจะไม่เห็นว่าคืออะไร แต่เซนส์มันบอก
“ไม่มีอะไรหรอกมั้ง - -” ปลอบใจตัวเองก่อนจะล้างสบู่ออกจากตัวให้หมด แล้วเอาผ้าคลุมมาใส่ แต่ถึงกระนั้นความรู้สึกที่โดนมองก็ยังไม่หายไป ซองมินจึงตัดสินใจลองมองสำรวจดูรอบๆห้องซักหน่อย
“อ๋อ~ ตรงนี้มีรู” ดูไปดูมาไปเจอรูที่อยู่ข้างประตูเข้าจึงคลายข้อสงสัยว่าฮีชอลเห็นได้ยังไงตอนที่ฮยอกแจแอบแลบลิ้นใส่
“ตรงนี้ก็มีรู -*- แล้วจะสร้างกำแพงไว้ทำไมฟะ งี้ไม่ให้อาบกลางแจ้งไปเลยล่ะ ! อ๊ะ~!” บ่นกับตัวเองอย่างหงุดหงิด ก่อนจะร้องออกมาด้วยความแปลกใจ เมื่อดูไปถึงรูที่อยู่ด้านตรงข้ามกับประตูทางเข้า แต่ดันมองทะลุออกไปข้างนอกไม่ได้
อะไรมันบังวะ? หาอะไรจิ้มๆดูดีกว่า.... ว่าแล้วก็มองซ้ายมองขวา สอดส่องหาบางสิ่งที่จะเอามาแหย่ทะลุรูนั่นได้ จนไปเจอ ..แปรงขัดคอห่าน !!
“อันนี้แหละวะ -*-”
คยูฮยอนอาบน้ำเสร็จพอดี ใส่เสื้อคลุมแล้วเดินออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าพลางสงสัยว่าทำไมร่างบางที่อยู่ห้องข้างอาบน้ำนานจังแต่ก็เดินออกไปไม่คิดอะไร เป็นจังหวะเดียวกับที่ซองมินเอาไม้ทะลุรูนั้นเต็มแรง !!
“โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกก ผี!! ผีๆๆๆ !! ช่วยด้วยยยยยยย !!”
เดินไปไม่เท่าไรก็ได้ยินเสียงโวยวายมาจากอีกห้อง พอนึกได้ว่าซองมินยังอยู่ข้างใน คยูฮยอนก็รีบพุ่งไปสุดแรงข้าวต้ม(?)ทันที !!
“ซองมิน !! ซองมินครับ!! เป็นอะไรรึเปล่า ?? ซองมิน เปิดประตู!!” รัวเคาะประตูอย่างบ้าคลั่ง เพราะห่วงว่าอีกฝ่ายจะเป็นอะไรไป ยิ่งอีกฝ่ายไม่ยอมเปิดประตูแล้วด้วย คยูฮยอนยิ่งร้อนใจเข้าไปใหญ่
ปึงๆๆๆๆๆๆๆๆ
“ซองมินนน เปิดประตูสิครับ !! คุณเป็นอะไรรึเปล่า ?? ซองมินนน !!” เมื่อคิดว่าให้มาเปิดเองคงไม่ได้ผล คยูฮยอนจะตัดสินใจว่าควรจะพังประตูเข้าไปก่อนที่ซองมินจะเป็นอะไรไป
“ผมจะพังเข้าไปแล้วนะครับบ”
“อ้ากกกกกกกกก ว้ากกกกกกกก”
ตึง !! ตึง !!
ได้ยินเสียงร้องดังออกมา คยูฮยอนยิ่งฮึดมีแรงกระแทกเข้าใส่(ประตู)ให้เปิดออกเข้าไปอีก แต่เพราะประตูทำมาจากเหล็กโลกันต์รึอย่างไรก็ไม่ทราบได้ ถึงไม่ยอมเปิดออกสักที แม้ว่าคยูฮยอนจะกระแทกเต็มแรงไปหลายครั้ง อย่างมากก็แค่ขยับเล็กน้อยเท่านั้น
ตึง!! ตึง !!
“ซองมินครับ เปิดประตูให้ผมหน่อย !!ซองมินครับบบ !!”
แอ๊ดด ~ วืดดดด ~!
“ซอง.... เหวออออออ O_O!!”
ประตูเปิดออกอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่เหมือนจะเปิดผิดเวลาไปหน่อย คยูฮยอนที่กำลังวิ่งเข้าใส่ประตูเต็มแรงเหมือกระทิงเห็นผ้าแดงเลยลอยวืดดด ลงไปก้นจ้ำเบ้าที่พื้น ท่ามกลางความงงงวยของซองมินที่มองค่างสูงด้วยดวงคาที่มีน้ำใสคลอนิดๆ
“นาย....?”
“เอ่ออ .. ซองมินเป็นอะไรรึเปล่าครับ” รีบเปลี่ยนเรื่องเพราะกลัวจะโดนล้อเรื่องหน้าแตกแบบนี้ แต่ผิดคาด เมื่อจบประโยคของร่างสูงซองมินกลับโผเข้ากอดคยูฮยอนซะเต็มรัก จนแทบจะล้มลงไปอีกรอบ ร่างบางเอาหน้าซกกับแผงอกกำยำแล้วเริ่มร้องไห้ฟูมฟายอีกครั้ง
“เมื่อกี้ ....ฮึกก ..ฮืออ ..อะไรไม่รู้ ....เมื่อกี้ ..มัน..มัน.... แง้ ~ TTOTT ”
“อะไรนะครับ เมื่อกี้อะไรนะ ??” คยูฮยอนถามซองมินอีกครั้งเพราะฟังไม่รู้เรื่อง แหงล่ะ ใครฟังรู้เรื่องก็เทพเกินไปแล้ว ทั้งเล่า ทั้งร้องไห้ซะขนาดนั้น
“เมื้อกี้... ฮึกกก รูนั้น...ฮือออออ. ขาวๆ... แล้วพอเอาไม้จิ้มมันก็ร้องโอ๊ย ...แง้~ TTOTT ”
หา?? ขาวๆ ??? แล้วพอเอาไม้จิ้มมันก็ร้องโอ๊ย?? ตัวบ้าอะไรของเขาวะนั่นน่ะ - - ??
“เอาใหม่นะครับ สูดหายใจลึดลึ๊กกกกกกก ”
“ฟื้ดดดดดดดดดดดด” ทำตามดีซะด้วย ทั้งอากาศ น้ำมงมูก คุณเธอก็สูดเข้าไปหมด
“เอาล่ะ ที่นี้ค่อยๆเล่านะครับ ” ซองมินพยักหน้าตามแล้วเริ่มเล่าอย่างว่าง่าย ภายในอ้อมกอดของคยูฮยอน
“ก็..เมื่อกี้ ฮึกก ..เจอรูนั้นอ่ะ เอาไม้ๆจิ้มไปแล้วมันก็ร้องโอ๊ยด้วย อ่ะ ฮึกกก มันต้องเป็นผีแน่ๆ เลย ผี~ แง้ ~ TTOTT ”
“โอ๋ ๆ ไม่เป็นไรนะครับๆ ผมอยู่ตรงนี้แล้วนะ ^^” คยูฮยอนพูดปลอบแล้วทำเนียนลูบไปเรื่อย ลูบหัวบ้าง หลังบ้าง ลูบตัวทั่วไปหมด ปากก็พร่ำปลอบคนที่กำลังเสียขวัญ ส่วนคนที่โดนแต๊ะอั๋งอยู่ก็ไม่ได้เอะใจอะไรสักนิด
“ไม่มีหรอกครับ ไม่ต้องร้องไห้นะ ผีที่ไหนร้องโอ๊ยได้ล่ะ ไม่มีหรอก ~” ปากก็พูดปลอบไปเรื่อยเปื่อย มือก็เนียนไปเรื่อย จมูกก็ดมนู่นนี่ฟุดฟิดไปหมด
.....หื้มมมม หอมจังน้า ~ ใช้สบู่ยี่ห้ออะไรเนี่ย เหมือนสบู่เด็กเลย ...ผมก็ห้อมมหอมม~ เอ๊ะ ! รึว่ากลิ่นเจ้าตัวหอมอยู่แล้วว้า > <
..
“เออ จริงด้วย! ผีที่ไหนร้องโอ๊ยได้ล่ะ ไม่ใช่ละ ปล่อยเลยๆ ไม่กลัวแล้ว จะไปดู -_ -+++”
ว่าแล้วแกะมือกาวของคยูฮยอนออก ผละจากอ้อมกอดร่างสูงแล้วสะบัดบ๊อบใส่ทันที เตรียมมุ่งหน้าไปยังรูเจ้าปัญหา เตรียมก็ต้องหยุดชะงักกึกเสียก่อนเมื่อเห็นหนูน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มผมสั้นกระโปรงบาน ยืนยิ้มเผล่ให้ที่หน้าประตูห้องน้ำ
“เอ่อออ ....หนูมาทำอะไรจ๊ะ?”
ด้านคยูฮยอนก็ยังคร่ำครวญไม่เลิก ที่ปากตัวเองดันพูดไม่ดี ทำให้ร่างบางนึกได้แล้ว จากไป ไม่ได้อยู่ให้แต๊ะอั๋งนานๆ
.....ไม่น่าเลยกรู ปากบ้า ปากดี เอ้ย! ปากไม่ดี นี่แน่ะๆ สั่งสอนซะให้เข็ด พูดอะไรไม่รู้จักคิด นี่!!นี่!! >3<..... ในใจคิดด่าตัวเอง มือก็ยกขึ้นตีปากเผียะๆอย่างเจ็บใจ ไม่ได้สนใจแขกที่มาใหม่เลย
“สวัสดีค่ะ ^^ หนูชื่อเยอึน พาเจ้าตัวการมาส่งแล้วค่ะ !!” หนูน้อยพูดเสียงดังฉะฉาน ทำให้คยูฮยอนหลุดออกมาจากโลกของตัวเองแล้วกลับมาสนใจโลกภายนอกบ้าง
หนูน้อยเยอึนพูดจบแล้วกระดึ๊บบตัวออกมาด้านข้าง เผยให้เห็น เด็กชายตัวเล็กๆ ผมหยิกแก้มป่องท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู กำลังยืนเอามือกุมเป้าตาด้วยสีหน้าเหยเก
“อ้าวว น้องคนนี้เป็นอะไรล่ะครับ?”
“คนนี้ชื่อซอกฮยอน คนที่โดนพี่สาวเอาไม้จิ้มตาเมื่อกี้ค่ะ ” เยอึนตอบเสียงดังฟังชัดอีกครั้ง
“เอาไม้จิ้มตา?? คนนี้?? รูนั้น?? เห้ยยยย !! O_O ” ซองมินทวนคำแล้วหันไปมองรูนั้นที่ มองซอกฮยอนที่ แล้วร้องออกมาด้วยความตกใจ
“น้องคนนี้ น่ะหรอ น้องคนนี้แอบดูพี่อาบน้ำหรอ !!!!????? ”
“แอบดูซองมินอาบน้ำ?? ไอ้เด็กเปรตตตตตต -_- ++++”
“ไม่จริงนะ ก็แค่จะมาดูว่าตัวอะไรอยู่ในนั้นแค่นั้นเอง ก็มันไม่ถึงเลยต้องใช้เก้าอี้ต่อ จู่ๆก็มาโดนป้าคนเนี้ยเอาไม้จิ้มตา ตกลงมาจากเก้าอี้ ตาก็เจ็บ ตูดก็เจ็บ ผมเสียหายนะเจ๊ - -”
“ต...ตัวอะไร? ป้า?? เจ๊?? หนอยย~ เด็กแสบ แบบนี้ต้องสั่งสอนให้เข็ด” คาดโทษจบคว้าคอเสื้อเด็กน้อยซอกฮยอนตัวลอยแล้วเดินจ้ำอ้าว กลับไปหาพวกพ้องทันที แต่ก็มิวายมีเสียงเถียงกันไม่จบไม่สิ้น แม้ว่าตัวจะหายลับไปแล้ว
“แล้วนายคือคนที่มาหลอกผีเมื่อคืนด้วยรึเปล่า?? ”
“เปล่า ~ ก็แค่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ -0-”
“ห๊ะ !! ตอนตีสองเนี่ยนะเด็กบ้า ~!”
“พี่สาวคนนั้นเค้าเป็นแบบนี้ตลอดเลยหรอคะ??” หนูน้อยเยอึนมองตามด้วยสายตาบ๊องแบ๊วก่อนจะหันหน้ามาถามคยูฮยอน
“ก็ไม่รู้สิ เพิ่งเคยเจอแบบนี้ครั้งแรกเหมือนกัน ...แต่เมื่อกี้หนูว่าไงนะ พี่สาวหรอ??”
“ก็ใช่น่ะสิคะ หนูหมายถึงพี่สาวที่ลากคอซอกฮยอนไปน่ะค่ะ หนูพูดอะไรผิดหรอ??” หนูน้อยเยอึน หันมาถามหน้าตาบ๊องแบ๊วอีกครั้ง คยูฮยอนจูงมือเล็กๆแล้วลุกขึ้นเดินตามซองมินและซอกฮยอนไป ก่อนจะหันกลับมาตอบข้อสงสัยเด็กหญิง
“ไม่หรอก ๆ ก็พี่สาวจริงๆนั่นแหละ คึๆ ^^
___________________:+: Hesitant Love :+:______________________
ร่างอ้วนท้วนสูงใหญ่ก้าวผ่านประตูเข้ามาในโรงเรียนฮยางซู พลางกวาดสายตามองตึกเรียนสูงใหญ่ 3-4ตึก ที่เว้นที่ไว้เป็นทางเดินกว้างขวางได้อย่างพอดี บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบาย เพราะว่ายังเป็นเวลาพักกลางวันจึงมีเสียงนักเรียนคุยกันจอแจ บ้างก็เล่นบาส จับกลุ่มคุย ไปจนถึง พวกกลุ่มนักเรียนเสื้อหลุดลุ่ยที่เดินตามอาจารย์ต้อยๆเตรียมรับโทษ ร่างใหญ่ก้มมองซองเอกสารสีน้ำตาลในมือแล้วคิดในใจ
...นี่สินะ โรงเรียนที่ว่า....
เพราะมัวแต่ก้มหน้าลงมองซองเอกสารที่ว่าทำให้ไม่ได้ดูทาง รู้ตัวอีกทีก็เดินชนกับชายที่กำลังเดินสวนทางมา ทั้งสองรีบก้มลงเก็บกระดาษที่ปลิวว่อน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นขอโทษขอโพยกัน
"เอ่ออ ขอโทษนะๆ ฉันเดินไม่ดูเองแหละ" เงยหน้าขึ้นมาเจอเด็กหนุ่มรูปร่างผอมสูง ผิวขาวใส หน้าตาขี้เล่น ท่าทางทะเล้นๆ เล็กน้อย กำลังช่วยตนเก็บเอกสารอยู่เช่นกัน
"ไม่เป็นไรครับ ผมก็ต้องขอโทษเหมือนกัน ว่าแต่จะไปไหนครับ??" เด็กหนุ่มสอบถามตามมารยาท พลางยื่นเอกสารของคนตรงหน้าในมือไปให้ อีกใจก็อยากรู้ว่าคนแปลกหน้าคนนี้มาทำอะไรที่โรงเรียนของเขา
"ขอบใจนะ อ๋ออ จะมาพบเลขาฯของครูใหญ่น่ะ ว่าแต่ห้องอยู่ทางไหนหรอ?? " พูดขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือก่อนจะบอกถึงธุระของตน
"เอ่อ.. ทางนั้นครับ เดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้าย ขึ้นตึกนั้นไปเลย เป็นตึกของครูใหญ่ครับ"
"อ่อ ขอบคุณมากๆ ฉันไปละ" กล่าวขอบคุณแล้วรีบเดินไปทางที่เด็กหนุ่มชี้บอกทันที โดยไม่ฟังคำตอบรับ เด็กหนุ่มคนเดิมยืนส่ายหัวงงๆกับท่าทางรีบร้อนก่อนที่เพื่อนของเขาจะร้องเรียก
"เฮ้ย! ฮงกิ เหม่ออะไรอยู่วะ ทางนี้โว้ยยๆ "
"รีบไปไหนของเขาวะ .....เออๆๆ ไปแล้วโว้ยย" หันไปตะโกนตอบเพื่อนแล้วรีบวิ่งไปหา คิดในใจว่าคงไม่มีอะไร เรื่องของชาวบ้านเขาเราอย่ายุ่ง แล้วไปร่วมกลุ่มเล่นฟุตบอลกันต่อ
'ห้องเลขานุการ'
ร่างอ้วนรีบวิ่งกระหืดกระหอบเปิดประตูเข้าไป ทำเอาเลขาฯสาวตกใจหน้าเหวอ เมื่อตั้งสติได้แล้วจึงรีบถาม
"มีธุระอะไรรึเปล่าคะ?"
"เลขานุการครูใหญ่คังโฮดงใช่มั้ยครับ"
"ใช่ค่ะ หรือว่าคุณคือ......"
ร่างอ้วนยิ้มอย่างพอใจก่อนจะเอาซองเอกสารที่ถือมาวางลงบนโต๊ะ แล้วเลื่อนให้เลขานุการสาวได้เห็นชัดๆ
"ผมชินดงฮี จะมาเป็นอาจารย์ฝึกสอนที่โรงเรียนนี้ครับ !!"
___________________:+: Hesitant Love :+:______________________
“มานี่เลยเด็กแสบ -_-^^ !!”
"โอ๊ย! ป้า ช้าๆดิ ขาก็สั้นแค่นี้ทำไมเดินเร็วจัง"
"ป้าหรอ?? นี่แน่ะ! ป้า -_- "
เด็กชายได้แต่เอามือกุมหัวป้อยๆ หลังจากโดนมะเหงกที่หัวไปหนึ่งที ก่อนจะจำใจเดินตามร่างอวบที่ลากคอเสื้อเล็กๆอยู่อย่างช่วยไม่ได้ ร่างอวบทำหน้าขึงขังเดินปึงปัง เข้ามาหากลุ่ม พี่ๆน้องๆที่ทำท่างงๆด้วยท่าทางเหมือนกระทิงเดือดเตรียมขวิด
"เอ้าๆ ไปโมโหอะไรมาน่ะ ซองมิน แล้วนั่นเด็กที่ไหน??"ฮีชอลเปิดปากถามก่อน เด็กชายได้ทีรีบกระตุกคอเสื้อตัวเองออกจากมือนางมาร ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาคนที่คิดว่าใจดีที่สุดในนั้น ซึ่งซอกฮยอนก็เลือกไม่ผิด รีบวิ่งเข้าไปหาอีทึกที่มีประกายแห่งความใจดีวิ้งๆอยู่รอบตัวทันที
"เด็กบ้า ! ออกมานะ" ซองมินขึ้นเสียงอย่างโมโห เมื่อเด็กชายวิ่งหนีจากเงื้อมมือพญามารไปหลบอยู่หลังนางฟ้าสุดสวยโดยทีเขาเองไม่สามารถคว้าตัวไว้ทัน
"ออกก็โง่ดิ...พี่ครับๆ ป้าแกล้งผม" ตะโกนกลับแล้วไปกระตุกชายเสื้ออีทึกยิกๆพร้อมสายตาออดอ้อน
"ป้า ! ป้าอีกแล้ว...พี่ดูเด็กนี่สิ" ทนไม่ไหวจนต้องหันไปฟ้องฮีชอล โดยที่เหล่าเมะทัมแบได้แต่ยืนมองตาปริบๆ
"เฮ้ย เอาหน่า ~ เด็กน่ะเด็ก " ฮยอกแจและดงเฮรีบวิ่งเข้ามาล็อกตัว ไม่ให้ซองมินกระโจนเข้าไปฉีกเนื้อเด็กน้อยกินซะก่อน
"ป้าแกล้งผม ๆๆๆๆ >< "
"ย้ากกกกกกกกกกกกกกก ! จะไม่ทนแล้วนะเว้ยยยย! " ซองมินตะโกนพร้อมจะกระโดดไปงับคอเด็กน้อยเต็มที่
"ฉันก็ไม่เคยเห็นแกทนอะไรซักที -*- "
"เออ นั่นดิ - - "
"ฮึ่ยยย ! ตกลงแกพวกใครเนี่ย -_- +++++"
"คิกๆ หนูชื่ออะไรจ๊ะ ?" อีทึกเลิกสนใจคนเดือดตรงหน้าก่อนจะเอี้ยวตัวมาถามหนูน้อยด้วยรอยยิ้มนางฟ้า
" ซอกฮยอนฮะ "
"อ๋อ~ ซอกฮยอน หิวรึยัง? ไปกินข้าวกันมั้ย? ^^ "
"ไปฮะๆ ซอกฮยอนหิวแล้ว โดนพลังหมูบ้าของป้าคนนั้นลากคอมา ยังไม่ได้กินอะไรเลยฮะ ><!"ไม่ว่าเปล่าเอานิ้วชี้มาที่ซองมินจนดิ้นพล่านๆ
“ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกก >O<”
"ไม่เอาๆ อย่าเรียกคุณป้านะจ๊ะ ^^"อีทึกพูดปรามพลางจับมือเล็กๆ เดินไปที่โต๊ะที่มีอาหารวางเรียงรายอยู่
"งั้นเรียกคุณยายได้ใช่มั้ย? *-* "
"ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ^_^ "
"ซอกฮยอนกินนี่สิ" ดงเฮพูดพลางตักเนื้อปลาใส่จานให้
"ขอบคุณฮะ ^^ " เด็กน้อยยิ้มรับ
"ซอกฮยอนเอาลูกชิ้นไหม?" ฮยอกแจถามพลางคีบลูกชิ้นใส่จานให้อีก
"ขอบคุณฮะ ^^ " ยิ้มรับอีกเช่นเคย
" ซอกฮยอนเติมน้ำไหม" ไม่รอให้ตอบอีทึกเอาแก้วของซอกฮยอนมารินน้ำให้ทันที
"ว้าว~ นางฟ้าใจดีจังเลย ^^ "
" >< " ไม่พลาดยอให้ได้เขินกันอีก
"นี่ๆ อ่ะ กินผักซะบ้าง ...รู้มั้ย? ฉันไม่เคยตักอาหารให้ใครเลยนะ แม้แต่น้องในไส้ก็เหอะ"ฮีชอลพูดพลางตักผักชิ้นโตใส่จานซอกฮยอนไม่ยั้ง จนหนูน้อยเริ่มหน้าเบ้ แต่ก็ไม่ลืมพูดยอร่างสวย
" -0- " << หน้าของดงเฮ
"ดีใจจังเลย ~ ผมเป็นคนแรกของพี่หรอฮะเนี่ย ~?"
"คนแรกของฉัน ? อ๊ายย~ เด็กบ้า พูดอะไรเนี่ยยย >///<"ฮีชอลบิดไปบิดมาก่อนจะตามด้วยเสียงหัวเราะอย่างชอบใจ(?)
"ดูแก้มสิ ~ น่ารักน่าหยิกเป็นบ้าเลย ~" เรียวอุคพูดแล้วเอามือมาหยิกแก้มซอกฮยอนบิดไปมา ทำเอาเยซองตาร้อนผ่าวๆ ....แก้มผมมีเยอะกว่าเด็กนั่นอีก ไม่เห็นหยิกบ้างเลย เหอะ -3-.....
" ^^ "
" =_________________________________= ^^^^^ "
ซองมินนั่งหน้าบึ้งเพราะได้แต่นั่งมองเด็กแสบถูกเอาใจต่างๆนาๆ จนน่าหมั่นไส้ ไม่มีใครเขาเลยซักคน ฮึ้ยๆๆๆ พูดแล้วมันน่าโมโห !! (แต่ก็ทำอะไรไม่ได้)
"อาหารไม่อร่อยหรอ ซองมิน?"คยูฮยอนทักขึ้นเมื่อเห็นท่าทางของร่างอวบ
"อร่อย ! อร่อยแทบอ้วกเลย !!"
"แหะๆ เอานี่ไหมครับ อร่อยน้า~" คยูฮยอนว่าพลางตักเนื้อหมูมาให้
"ไม่เอา ! จะเอาฟังทอง !!"ซองมินเสียงดังกลับไป พลางคิดในใจ ...อะไรวะ จะตีซี้เรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้ ใช้ไม่ได้จริงๆ ....(ใครเขาจะไปรู้กับเธอฮะมิน - -)
"เอ...ฟักทอง ไม่มีนี่ฮะ ^^;;;;"
"ว่าแต่นายเหอะ ไม่มีใครคุยด้วยแล้วรึไง? มายุ่มย่ามกับฉันเนี่ย - -"
คยูฮยอนไม่ตอบอะไร ได้แต่นักไหล่ขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะปรายตาไปรอบๆ ซองมินมองตามก่อนจะเข้าใจความหมาย ก็เหล่าเมะที่เหลือทั้งหหมดกำลังจ้องเขม็งปล่อยรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตไปที่เด็กน้อยซอกฮยอน ที่กำลังถูกเอาใจจากเหล่าเคะที่ตนหมายตาเอาไว้อย่างน่าอิจฉาจนไม่เป็นอันกิน พอทีเผลอไอ้เด็กแสบของทุกคนก็หันมายักคิ้วเยาะเย้ยกวน(ตรีน) ทำเอาแทบอยากจะจับไปขึงพืดแล้วจั๊กจี้ทำโทษซะให้เข็ด (โหดจริงๆ -*-)
"ซอกฮยอน ตักอะไรให้พี่ซองมินหน่อยสิ" เสียงหนูน้อยเยอึนดังขึ้นมา ดึงความสนใจของทุกคนรวมถึงซองมินด้วย พอเงยหน้าขึ้นมาก็ป๊ะกับหน้าตายิ้มแย้มของซอกฮยอนก่อนจะเลื่อนสายตามามองที่ตะเกียบของเด็กชายแล้วก็ต้องตกใจถึงขีดสุด !!
"แมลงสาปมั้ยฮะ ? ^^ ++"
"ว้ากกกกกกกกกกกก แมลงสาปปปปปปปปป !!!"
ถึงกับวงแตกฮือกันทั้งโต๊ะ เมื่อต้องมาประสบพบเจอกับแมลงสาปส่ายหนวดดุ๊กดิ๊กๆได้ของซอกฮยอน เด็กน้อยได้แต่หัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจจนท้องแข็ง ก็ขนาดเมะตัวบึกๆทั้งหลายยังกระโจนไปเกาะหลังเหล่าเคะกันให้วุ่น ไม่ฮาได้ไง
"อ...ไอ้ .....ไอ้..." ซองมินชี้หน้าจะด่าแต่ก็นึกไม่ออก
"อะไร~ อะไร~ ทำไม~ ทำไม~" ซอกฮยอนพูดล้อแล้วทำแลบลิ้นเล่นหูเล่นตากวนประสาทซองมินกลับ
"ไอ้เด็กมีปัญหา !!!" ซองมินตะโกนออกไปในที่สุด
ตึง !!!
มือเล็กๆกระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง ก่อนจะตามด้วยเก้าอี้ที่ล้มหงายไปด้านหลังทันทีที่ร่างเล็กๆลุกขึ้น สายตาของเด็กน้อยตอนนี้มีแต่ความก้าวร้าว มิใช่สายตาขี้เล่นเหมือนที่แล้วมา มือน้อยของซอกฮยอนคล้าแมลงสาปที่อยู่ข้างตะเกียบขึ้นมาแล้วเขวี้ยงใส่ซองมินอย่างแรงก่อนจะวิ้งหนีไป ซองมินผละเล็กน้อยก่อนจะก้มลงมองแมลงสาปที่ตกอยู่ .....แมลงสาปปลอมงั้นหรอ?.........
"นี่ ผู้ชายอะไรเนี่ย มาหลบหลังฉันได้ไง - -" ฮยอกแจหันไปพูดกับคนตัวโตที่มามุดอยู่ข้างหลังตน
"เรื่องอื่นฉันไม่ว่านะ แต่เรื่องเนี้ยขอเหอะ ไม่ไหวจริงๆ "ซีวอนอ้อมแอ้มตอบ
"อ๋อ ~ เผยธาตุแท้กันหมดแล้วใช่มะ?" ฮีชอลพูดพลางหัวเราะหึๆ
"ธ....ธาตุแท้อะไร ไม่ได้กลัวซะหน่อย โด่ - - ;;;" ฮันกยองตอบก่อนจะค่อยๆยืดตัวแล้วเดินออกมาจากข้างหลังฮีชอล
"อ๋อหรอ ~~ -*-"
"เฮ้ นาย ! อะไรเนี่ย หน้าซีดเลยเรอะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ" ดงเฮเข้าไปกระทุ้งสีข้างคิบอมอย่างล้อๆ แล้วหัวเราะชอบใจ เพราะถึงจะมีคิบอมคนเดียวที่ไม่วิ่งมาหลบเหมือนคนอื่น แต่ก็ยืนหน้าซีดเป็นไก้ต้มปิดอาการไม่มิดเช่นกัน
"นี่ๆ ฉันไม่ได้กลัวนะ เชื่อสิ" เยซองกระตุกเสื้อเรียวอุคจึกๆก่อนพูดแก้ตัว
"เอ่อ...จะพยายามนะ"
"TT^TT"
“นี่มันแมลงสาปปลอมนี่” อีทึกหยิบขึ้นมาดู แล้วพลิกสำรวจไปมา
“อึ๋ยย อีทึกสกปรกน่ะ อย่าจับเลยๆๆ” คังอินพูดพลางจะปัดแมลงสาปออกจากมือเรียว
“ของปลอม !! ของปลอมน่ะไม่ได้ยินหรอ?? หูหนวกอีก ของปลอมโว้ยยยยยย !!” ฮีชอลเดินมาตะโกนใส่หูคังอินอย่างหงุดหงิด จนร่างใหญ่สะดุ้ง แล้วรับเอามือปิดหู
“ตะโกนทำไมเล่า >3< แล้วของปลอมที่ไหนส่ายหนวดดุ๊กดิ๊กได้ล่ะ??”
“ก็ที่มันเหมือนจริงหน่อยไง ถ้ามีแต่ที่มันหนวดแข็งๆตัวดำๆ เด็กอนุบาลที่ไหนมันจะกลัวล่ะ นี่ก็...ไปอยู่โพลงไหนมา เฮ้ออ ผู้ชายสมัยนี้นิ -*- สมองน่ะมีไว้คั่นหูรึไง จะถามอะไรอ่ะคิดซะก่อน ตามีก็มองมั่งไม่ใช่เอาแต่วิ่งหลบหลังคนอื่น บลาๆๆๆ งึมงำๆๆๆ” ฮยอกแจอธิบายปนกัดแล้วบ่นยาวเป็นหางว่าวทันที
"นี่ ซองมิน พี่ว่านายพูดแรงเกินไปนะ" อีทึกพูดขึ้นหลังจากเห็นซองมินเงียบอยู่นาน
"อืมใช่ เขายังเด็กอยู่นะ นายอย่าโกรธเขาเลย" ดงเฮพูดขึ้นบ้าง
"เขาก็น่ารักดีออก แกล้งนิดๆหน่อยๆน่า ขำๆ"
"ดูเขาสิ ตัวเล็กนิดเดียวเอง"
"พี่ซองมินอะ TT" พี่ๆน้องๆช่วยกันปลอบประโลมให้ซองมินใจเย็นและเปลี่ยนความคิด แต่ซองมินก็ทำท่าจะแย้งขึ้นอีก
"แต่พี่ดูเด็กนั่น............"
"มีอีกหลายอย่างที่พี่ยังไม่รู้นะคะ เอาไว้ถึงเวลาเดี๋ยวหนูจะบอกพี่เอง เชื่อว่าพี่ต้องเข้าใจเขามากกว่านี้แน่" หนูน้อยเยอึนพูดขึ้นก่อนจะขอตัววิ่งตามซอกฮยอนไป พอดีกับที่ครูใหญ่คิมคูราเดินมาบอกให้ไปทำงานในค่ายกับพวกคเยจอลได้แล้ว ทั้งหมดจึงจำใจเดินออกจากโต๊ะอาหารไปทำงาน เสียงบ่นดังมาไม่หยุด แต่ซองมินที่ปกติเป็นตัวบ่นขาประจำกลับเงียบและครุ่นคิดถึงสิ่งที่เพื่อนๆและหนูน้อยเยอึนพูด จนคยูฮยอนที่เดินตามมาด้านหลังอดเป็นห่วงไม่ได้
“โอ๊ย~เหนื่อยจังเลย อะไรกันวะเนี่ย =*=”
“หน้ามันเยิ้มเลย ถ้าสิวขึ้นใครจะรับผิดชอบเนี่ย=____=:;”
“หิวน้ำง่า~TOT”
เสียงพวกเพื่อนๆของผมบ่นหงุงหงิงกันระงมเพราะงานที่ทำอยู่ หลังจากที่อาจารย์คิมคูรามาเรียกให้พวกเราไปทำงานกับพวกค่ายจอล และงานที่ให้ทำก็คือ.................แอ่น...แอ๊น........พรวนดิน!!!...ฮูเร่!! (ดีใจเพื่อ??) พวกเราต้องพลิกหน้าดินอะไรซักอย่างกลางแดดร้อนๆช่วงบ่าย .....สงสัยป่ะ ? ทำไมผมถึงไม่ออกอาการหงุดหงิดบ่นนู่นบ่นนี่เหมือนทุกที ก็ผมตอนนี้น่ะ ไม่มีเวลามาทำอะไรอย่างนั้นหรอกนะ ผมกำลังคิดเรื่องเรื่องนึงอยู่ คิดหนักจนลืมอากาศร้อนๆกับความเหนื่อยไปเลยล่ะ.....ใช่แล้ว (พูดเองเออเอง-*-) เรื่องของเด็กคนนั้นนั่นแหละ เด็กหัวหยิก แก้มป่อง ตัวเล็ก น่ารัก แต่โคตรแสบ ดูแต่ละอย่างที่ทำกับผมสิ แอบดูผมอาบน้ำ(ไม่รู้เห็นอะไรบ้าง = - =:;) เรียกผมว่า ป้า บ้างล่ะ เจ๊ บ้างล่ะ อันนั้นเนี่ยพอทนได้ แต่เรื่องเอาแมลงสาปมาแกล้งเนี่ย ผมไม่ไหวจริงๆนะ
“นี่ ฉันรู้นะว่านายเกลียดแมลงสาปมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ไม่เห็นต้องโกรธขนาดนั้นเลยนี่ ยังไงมันก็แมลงสาปปลอม” ดงเฮ เพื่อนผมเดินเข้ามาตบบ่าผมเบาๆก่อนพูด...ใช่แล้วล่ะ ก็ผมมีเรื่องฝังใจกับสัตว์น่าขยะแขยงนั่นนี่นา ก็เลยวีนไปขนาดนั้น
“ก็ใช่ ถึงมันจะเป็นแมลงสาปปลอม แต่ฉันก็ไม่ชอบอยู่ดี”
“อ้าวเหรอ? ฉันนึกว่านายเกลียดแต่แมลงสาปจริง”
“นี่แกไม่รู้เหรอเนี่ย?”
“แน่นอน ฉันก็ไม่รู้ว่าแกไม่ชอบแมลงสาปปลอมด้วย ขนาดฉันที่เป็นเพื่อนแกมาตั้งนานยังไม่รู้เลย แล้วเด็กที่เพิ่งอายุไม่กี่ปี แถมไม่เคยเจอแกมาก่อนมันจะไปรู้ได้ไงว่าแกชอบอะไร ไม่ชอบอะไร” ฮยอกแจเดินเข้ามาสมทบ ก่อนจะพูดประโยคเมื้อกี้ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด (สงสัยอากาศร้อน ).....อืม แต่ที่มันบอกก็ถูกนะ เด็กนั่นก็เพิ่งเจอผมครั้งแรก คนที่เพิ่งเจอกันไม่มีทางรู้หรอกว่าอีกฝ่ายชอบอะไรไม่ชอบอะไรบ้าง
“แต่ก็ไม่ควรแกล้งคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกนี่” ผมไม่ยอมเลิก ยังหาข้ออ้างมาเรื่อยๆ ทั้งๆที่ยังจัดการความคิดตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ
“อย่าเถียงฉันนะว่าตอนเด็กนายไม่เคยแกล้งใครน่ะ วิธีทำความรู้จักของแต่ละคนมันไม่เหมือนกันนะโว้ย เด็กคนนั้นไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากเข้าหาเรา เขาเป็นแค่เด็กที่เป็นตัวของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องคิดว่าต้องพูดอะไรหรือทำอะไร เขาทำแบบที่เขาอยากทำจากความคิดของเด็กคนนึง มันไม่ได้ทำให้เดือดร้อนมากมาย ในอนาคตพอพวกนายสนิทกัน มันอาจจะกลายเป็นความทรงจำดีๆสำหรับพวกนายก็ได้นะ” พี่ฮีชอลเดินเข้ามาอีกคน ตามด้วยพี่ลีทึกและเรียวอุค ....ถึงแม้ว่าพี่เขาจะดูเป็นคนเฮฮา บ้าบอ แรงๆ หรือขี้วีน แต่สิ่งที่พี่เขาพูดทำให้ผมคิด...พี่เขาพูดถูกแฮะ ซอกฮยอน....ก็แค่เด็ก (หัวหยิก)คนนึง..
...............
T______T
“เรียวอุค ร้องไห้ทำไม??!!!O[ ]O” พี่อีทึกหันไปถามเรียวอุคอย่างตกใจที่อยู่ก็สะอื้นน้ำตาไหลพรากซะงั้น ทุกคนงงเป็นฮยอก (ไก่) ตาแตก
“ก้อพี่ฮีชอลพูดซึ้งนี่นาT____T”
“ฮีชอล!!! แกทำน้องฉันร้องไห้!!!!!” พี่อีทึกตะโกนว่า ก่อนจะฟาดแขนพี่ฮีชอลไปหนึ่งป้าบ โดยที่พี่ฮีชอลยังคงหน้าเอ๋อไม่รู้เรื่อง
“นี่ฉันผิดชิมิ =_____=:;”
“
.=*=
..”
“...เออนี่ซองมินฉันว่าเด็กซอกฮยอนคนนั้นไม่ธรรมดานะ” พี่อีทึกพูดขึ้น
“เปลี่ยนเรื่องเร็วจริงนะแก แล้วทำไมแกถึงคิดว่าเด็กนั่นไม่ธรรมดา มันปล่อยพลังคลื่นเต่าได้เรอะ”
“อือๆ เจ้าเด็กนั่นแปลงร่างเป็นซุปเปอร์แมนได้ด้วยนะ.....จะบ้าเรอะ!!!!!! นี่แกใช้สมองส่วนไหนคิดไม่ทราบ -_- ++ ฉันหมายถึงตอนที่เขาโมโหอ่ะ สายตาเขาน่ากลัวมากเลยนะ ต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ นายไปพูดไม่ดีใส่เค้ารึเปล่าฮะ เด็กตัวแค่นั้นไม่ควรไปทำให้เขาเครียดมากนะ เดี๋ยวเขาจะกลายเป็นเด็กมีปัญหา ติดยา เสเพล เที่ยวกลางคืน ก่อการร้ายข้ามชาติ แล้วก็ฆ่าตัวตาย~(อะไรจะปานนั้น)” พี่อีทึกพูดออกมาอย่าห่วงใยสุดซึ้ง(??) ........มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ เรื่องที่ทำให้เด็กตัวแค่นั้นมีสายตาที่น่ากลัวขนาดนี้ ผมคิดและก็อดรู้สึกเป็นห่วงเด็กคนนั้นไม่ได้
“มะ...ไม่หรอกมั้ง เด็กตัวกะเปี๊ยกจะมีอะไรต้องเครียดเล่า”
“อายุต่างกัน แต่ประสบการณ์ชีวิตมันต่างกัน เด็กนั่นอาจจะเคยเจออะไรร้ายๆมาก็ได้นะ ฉันจำได้ว่าตอนที่แกอายุเท่าเด็กนั่น แกยังแย่งอมยิ้มฉันอยู่เลย”
.....ไม่ต้องพูดก็ได้นะไอ้ปลาเน่า =*=.....
“เอ้อ!!..แล้วก็นอกจากแย่งอมยิ้มฉันแล้ว แกก็ยังชอบแกล้งเปิดกระโปรงครู ดึงหางจิ้งจก ตีหัวหมา หาเรื่องเด็กโรงเรียนอื่นแล้วพอเค้าจะต่อยแก แกก็วิ่งร้องไห้กลับมาฟ้องครูว่าโดนแกล้ง กินกล้วยแล้วทิ้งเปลือกที่พื้นจนมีคนเหยียบลื่นหัวฟาดพื้นเย็บ 10 เข็ม ลืมทำการบ้านก็ตอแหลบอกครูไม่สบายทำการบ้านไม่ได้.........”
“ ไอ้ด๊อง!!!...หุบปาก ณ บัดนาว=________=:;”
“เรื่องอะไร..แกไม่ใช่สามีชั้นสักกะหน่อย ทำไมชั้นต้องหุบปาก”
“......เริ่มไร้สาระอีกแระ งั้นพวกพี่ไปทำงานต่อก่อนนะ ทำงานกันไปละกันนะ^-^”
“ค้าบผม~ แล้วไว้เจอกันนะพี่” ผมตะโกนไล่หลังพวกพี่ๆไป
“ไอ้กระต่ายอ้วนมาทำงานได้แล้วโว้ย ห้ามอู้!!”
“แกจะไปไหนก็ไปเถอะไอ้ปลาเน่า
.”
“เค้าเป็นนีโม่ตะหากล่ะ”
“-*-..อย่ามาตอแหลแอ็บแบ็วได้มั้ยวะ หน้าอย่างแกอ่ะปลาทูก็หรูแล้ว”
“งื้อ~ พี่ทึกค้าบ ไอ้กระต่ายอ้วนมันด่าผมหน้าเหมือนปลาทูอ่า~ ~ ~”
แล้วปลาทู เอ้ย! ไอ้ด๊องก็วิ่งตามพี่ทึกไป..
“ฮือ~ ~”
แล้วใครมาร้องให้แถวนี้อีกฟะ..
“พี่ซะ..ซองมิน..ฮือ ~”
..ระ เรียวอุค ยังไม่ไปอีกเหรอเนี่ย
“อ้าว ทำไมยังอยู่อีกล่ะเรียวอุค”
“ผะ..ผมโดนทิ้งฮะT__T”
“ก็วิ่งตามพี่ๆเค้าไปสิ”
“อะ..อือ...พี่อีทึก พี่ฮีชอล รอผมด้วยสิฮะ~ ~ ~ ~”
แล้วเรียวอุคก็วิ่งตามไป เฮ้อ~ เด็กจริงๆเล้ย ......จะว่าไปที่พี่ฮีชอลพูดมามันก็ถูกนะเนี่ย เด็ก..ก็คือเด็ก อืม..ผมเองก็ยังถือว่าเด็กอยู่นะเนี่ย
“นี่ๆ...”
...หืม? ใครอีกล่ะเนี่ย
“ไงจ๊ะที่รัก คิดอะไรอยู่เหรอ คิ้วผูกเป็นโบว์แล้ว ระวังหน้าเหี่ยวน้า^-^”
“ใครเป็นที่รักนายไม่ทราบ แล้วนายไม่ยุ่งสักเรื่องจะเป็นอะไรมั้ยฮะ” คยูฮยอนเจ้าเก่านี่เองอ่ะ มาทำไมเนี่ยฮะ
“คุณไงที่รักผม แล้วก็ผมไม่ยุ่งไม่ได้หรอก คุณเครียดเพราะทนคิดถึงผมไม่ไหวใช่มั้ยล่า~ 55+^____^”
“นี่นาย!!!!!...”
“โอ๋ๆ อย่าโกรธสิคับ ตีนกาขึ้นหน้าแล้ววววว”
“อะไร!! ไม่มีสักหน่อย อย่ามั่ว หน้านายนั่นแหละ!! หน้าหื่นเป็นบ้า!!!”
“ใครหน้าหื่นเหรอ พิสูจน์ป่ะจะได้รูว่าหื่นจริงมั้ย -.,- หุหุ”
“O////O ปะ..ไปไกลๆเลย ไอ้บ้า!”
“55+ ล้อเล่นน่า อย่าเขินดิ เดี๋ยวผมอดใจไม่ไหว..................”
“//O-O//”
“
.อดใจไม่ไหวที่จะบอกว่า คุณยิ่งเขินตีนกายิ่งขึ้นชัดเลยอ่า 55555+”
“=[ ]=:;!!!!
.มะ ไม่มีสักหน่อย จะบ้าเรอะ!!” แต่ผมก็ไม่วายแอบยกมือสำรวจหน้าตัวเอง ถ้ามีตีนกาแล้วผมจะทำไงเนี่ย มีหวังโดนไอ้ด๊องล้อไปสิบแปดชั่วโคตรแน่T[ ]T
“55+ มานี่มา เดี๋ยวผมชี้ให้ดูว่าตีนกาคุณอยู่ตรงไหน ยื่นหน้ามานี่ดิ”
=_=..... จะเชื่อมันดีมั้ยเนี่ย
“เหอะน่า.. หน้ายังกะกระต่ายขึ้นอืดงี้ ผมไม่ทำอะไรหรอก”
=____=*** ผมยื่นหน้าไปหาคยูฮยอนช้าๆ ไอ้บ้าเอ้ย รู้หรอกนะว่าผมอวบ (ระยะสุดท้าย) แต่ไม่ต้องพูดก็ได้นี่ เสียอารมณ์...
“^_____^”
คยูฮยอนยื่นมือมาจับแก้มผมเบาๆแล้วลูบไปทั่วหน้า เฮ้ยๆ รู้สึกว่าตีนกามันอยู่ตรงหางตาไม่ใช่เหรอฮะ=_= จะลูบทำไมเนี่ยขนลุก.......เอ๊ะ!!!!!!
จุ๊บ!
“^[ ]^”
“/////O[]O/////
.เฮ้ย!!!!!!...นะ นาย นายหอมแก้มฉะ..ฉัน>/////<”
“นิ่มดีนะ หอมด้วยแหละ55+”
“นาย!!!!!!”
“ค้าบบบบบบบบ”
“ฮึ่ย ฝากไว้ก่อนเถอะ!!!”
“ฝากอะไร..หัวใจคุณอ่ะเหรอ ยินดีครับ แต่หัวใจเนี่ย ฝากแล้วฝากเลยไม่ให้คืนนะ^^”
“......ไอ้บ้า!!”
ผมคว้าจอบแล้วรีบวิ่งออกมา ..แทนที่คนหอมจะอาย แต่คนถูกหอมกลับต้องวิ่งหนีคนหอมจอมหน้าด้าน>////< ชิ! ช่างเถอะผมไม่มีเวลามาเล่นกับไอ้หื่นนั่นหรอก ผมต้องคิดว่าจะไปขอโทษไอ้เด็กคนนั้นยังไงดี ....ตะ แต่ว่ามันหอมแก้มผมเชียวนะ ต้องหาทางหอมคืน .เอ้ย!!! เอาคืน ..แต่ว่าผมต้องไปขอโทษเด็ก...........
แง้!!T___T เอายังไงดีล่ะ!!!!
ในขณะที่คยูมินกะลังสวีทกันหวานแหวว....=*=
“เฮ้ยๆ ไอ้ด๊อง แกเห็นนั่นป่ะ ทำไมไอ้คนที่หน้าแลหื่นๆนั่นชอบมาจีบไอ้กระต่ายอ้วนวะ...ท่าทางตามันคงอยู่ที่ตาตุ่ม (ตาต่ำ) ถึงได้มาจีบไอ้กระต่ายถึก จีบเข้าไปด้ายยยยยย”
ไก่น้อยฮยอกจี้ที่กำลังขุดดินอยู่ใกล้ๆดองเฮนินทาซองมินอย่างออกนอกหน้า หลังจากเห็นซองมินถูกหอมแก้ม
“อือๆ ไม่รู้จีบเข้าไปได้ไง ฉันน่ารักกว่าตั้งเยอะ ทำไมไม่เห็นมีใครมาจีบฉันเลยวะ แกว่างั้นป่ะเหงือก” ดงเฮบ่นกับฮยอกแจ
“.........อย่าเรียกฉันว่าเหงือกได้มะ ฉันหล่อก็เพราะเหงือก อย่ามาเรียกเหงือกสุดที่รักของฉันเล่นๆแบบนี้ รู้ป่ะว่าเหงือกฉันเหมือนเหงือกวอนบินเชียวนะ เท่ป่ะล่ะ^___^”
“-*-
.เออๆ แกหล้อหล่อ ยิ้มก็ส้วยสวย ยิ้มทีเหงือกบาน เดินมาไกลๆนี่เห็นเหงือกนำมาเลย”
“555+ ขอบใจมากปลาเน่า แกก็หล่อดี แต่ก็น้อยกว่าฉันนะ ทำไมแกไม่ไปทำศัลยกรรมเหงือกบ้างล่ะ จะได้หล่อสักครึ่งของฉันบ้าง^^”
“=-=*********.....ขอบใจ ฉันซาบซึ้งสุดๆที่มีเพื่อนอย่างแก”
“ไม่เป็นไร^______^”
“=_______=*********************”
“เฮ้ยๆ...สองตัวนั้นน่ะ มาช่วยฉันหน่อยดิ อย่าพึ่งกัดกัน ดินตรงนี้แข็งเป็นบ้าเลย ฉันขุดจนหมดสวยแล้วโว้ย” พี่ฮีชอลตะโกนเรียกดองเฮกะฮยอกแจที่มัวแต่แง่งๆใส่กัน
“ฮึ้บบบบบบบบบบบบ!!....ขึ้นสิโว้ย เกร็งจนขี้จะแตกอยู่แล้วววววววว>[]<”
สามสาว (???)ช่วยกันสุดฤทธิ์
“อ๊ากกกกกกกกกกส์
.ขึ้นแล้วโว้ยยยยย โอ๊ะ!!!!!!!O[]O”
ฟิ้วววววววววว~ ~
แผละ! แผละ! โผล๊ะ!
“เฮ้ย! / โอ๊ย! / อึ๊ก!”
“O_____O:; / O[]o / O_ O”
ไม่ทราบบุพเพสันนิวาสหรือบุพเพอาละวาดที่ทำให้ดินที่ทั้งสามคนช่วยกันขุดกระเด็นลอยไปหา คิบอม ซีวอน คังอินที่ขุดดินอยู่ใกล้ๆ และฮันกยองที่กำลังนั่งพักอยู่ จนดินก้อนแรกตกใส่หัวฮันกยองเต็มๆ ก้อนที่สองตกใส่เท้าคิบอม และอีกก้อนตกใส่เป้าของชายช้อยซีวอน (กรี๊ด>.,<) ส่วนคังอินกระโดดหลบได้อย่างฉิวเฉียด
“พวกคุณ!!!” ฮันกยองที่ตอนนี้หมดหล่อ เละทั้งหัว ตวาดใส่ทั้งสามคนที่ตอนนี้ยืนทำหน้าจ๋อยอยู่
“..ขะ..ขอโทษอ่ะ ไม่ได้ตั้งใจ” ฮีชอลออกโรงขอโทษคนแรกใส่จริตทำหน้าน่าสงสารสุดฤทธิ์ จนฮันกยองที่เตรียมด่าเต็มที่อดใจอ่อนไม่ได้
“.......ไม่เป็นไร ทีหลังคุณก็ระวังหน่อยละกัน”
“อือ^^” ฮีชอลยิ้มหวานเจี๊ยบให้ฮันกยอง
“O/////O” ฮันกยองที่เจอยิ้มพิฆาตของฮีชอลเข้าไปถึงกับยืนเซ่อไปเลย
ในขณะที่คู่แรกตกลงกันได้ คู่ที่สองก็ยังคง......
“...............”
“..............”
“...............”
“...............”
“นี่!!! ทำไมนายไม่ว่าอะไรชั้นสักคำล่ะ เตรียมขอโทษเต็มที่แล้วเนี่ย...”
“..............”
“นายหูหนวกรึไง ทำไมไม่ตอบฮะ”
“..............”
“เจ็บเท้าเปล่า ไหนมาดูหน่อยสิ”
“..............”
“เจ็บมากจนพูดไม่ออกเลยเหรอ”
“..............”
“..............”
“...............”
“TOT~ ~ ~”
“เฮ้ย!! นายร้องไห้ทำไม O[]O”
“ก็นายไม่ยอมพูดกับฉันนี่ TOT”
“ฉันขอโทษ!! หยุดร้องได้แล้ว”
“ไม่!!! นายไม่พูดกับฉัน นายแกล้งฉัน!! ฉันจะฟ้องแม่ ฟ้องพี่ฮีชอล ฟ้องพี่ทึก ฟ้องฮยอกแจ ฟ้องซองมิน ฟ้องเรียวอุค ฟ้องมันให้หมดเลย!!!! ฮืออออออTOT”
“..............”
“TOT”
“......เอางี้นะ นายหยุดร้องซะ ฉันจะให้อมยิ้ม เอาป่ะ?”
“นายเห็นฉันเป็นเด็กรึไงเล่า!!! ฮือ~ ~”
“....งั้นให้สองอัน....”
“ไม่!!!!!!!!!!”
“
สามอัน”
“........ตกลง ฉันหยุดก็ได้-.,-”
“=[]=**”
“^[]^”
และคู่สุดท้าย.........
“55555555555”
“...หยุดหัวเราะซะ-*-”
“55555555555555555 ก๊ากๆๆๆ”
“=__=*****”
“คิกๆๆๆ.....โอ๋ๆ หะ..หยุดก็ได้..อุ๊บส์ 555555”
“...มันจะขำอะไรนักหนาฮะ”
“กะ..ก็เป้านาย 555+.....”
“.................”
“555555+”
“...................”
ผมซีวอนนะครับท่านผู้อ่าน ผมก็ไม่เข้าใจว่าไอ้เปี๊ยกเหงือกบานตรงหน้าผมมันจะขำอะไรนักหนา แต่สภาพผมตอนนี้น่าสมเพชมากเลยอ่ะT_T มือนึงปัดดินออกจากกางเกง อีกมือเอาถุงพลาสติก(ใส่น้ำแข็ง)ประคบเป้า T____T สาเหตุก็มาจากดินที่ลอยมาตกใส่เป้าผมนั่นแหละ ถ้ามีแต่ดินอย่างเดียวก็ไม่เป็นไรหรอกแต่มันมีหินก้อนเท่าควายอยู่ในดินอ่ะดิ จะตกที่ไหนไม่ตกดันตกใส่เป้า=*= จุกเป็นบ้า น้องชายผมระบมหมดแล้วมั้งเนี่ย ยังดีที่ไอ้เปี๊ยกยังวิ่งไปหาน้ำแข็งมาให้ผม เฮ้อ~ แต่ผมไม่เข้าใจทำไมมันต้องมานั่งหัวเราะผมด้วย.... ถ้าเกิดน้องชายผมใช้งานไม่ได้อีกจะทำยังไงฮะ!!!!-*-
“ซะ...ซีวอน55+ ทำไมนายเงียบไปล่ะ น้องชายนายสูญพันธุ์แล้วรึไง555+”
“...........นายอยากจะลองพิสูจน์ดูมั้ยว่ามันสูญพันธุ์ไปรึยัง-*-”
“555.....หา!!! ทะลึ่ง!!!!!//// ”
“ทะลึ่งอะไร ก็นายอยากรู้ไม่ใช่เหรอ มามะมาพิสูจน์กัน^^”
“เฮ้ยๆๆๆๆๆ ถอยไปเลยนะ!!! ”
“ก็นายอยากรู้ว่ามันสูญพันธุ์รึยังไม่ใช่เหรอ มามะ...^3^” ผมแกล้งทำปากจุ๊บๆใส่ไอ้เปี๊ยกแล้วก็เดินเข้าไปหาทำท่าเหมือนจะจูบ หน้าไอ้เปี๊ยกตอนนี้ฮาเป็นบ้าเลยอ่ะ55+
“ถอยไปน้า~ ~ ~ โอ๊ะ! แว้กกกกกกกกกกกก”
หมับ!
“เฮ้ย!!!! ” ผมอุทาน เพราะว่าตอนนี้ไอ้เปี๊ยกกระโดดกอดผม แถมติดหนึบแกะไม่ออกอีก เป็นบ้าอะไรเนี่ยฮะ
“ตรงนั้นมีกิ้งกือออออออออออออออT[]T”
“กะ..กิ้งกือเรอะ!!O[]O” เวรตะไล ผมไม่ค่อยถูกกับไอ้ตัวนี้เท่าไหร่ด้วยดิ แมงมุม จิ้งจก ตุ๊กแก ผมไม่กลัวนะ แต่กิ้งกือนี่ผมไม่ไหวง่ะ ขามันยุ่บยั่บๆ ผมดูขามันแล้วขนลุกยังไงไม่รู้ ถ้ามีใครรู้ว่าผมกลัวกิ้งกือ ภาพพจน์คุณชายของผมวินาศสันตะโรหมดแน่ๆT[]T
“เอามันออกไปปปปปปปปปป” ไอ้เปี๊ยกเขย่าคอผมอย่างบ้าคลั่ง แล้วจะเอามันออกไปยังไงวะเนี่ย ผมก็กลัวเหมือนกันนี่หว่า T____T
“อ...อยู่นิ่งๆดิ เดี๋ยวเขี่ยออกไปให้” ผมทำใจกล้า(กลัวเสียฟอร์ม) ใช้เท้าเขี่ยๆกิ้งกือให้มันออกไปไกลๆ หวา~ อย่าไต่มาบนรองเท้าสิเฟ้ย ผมกลั้นใจเตะมันออกไปไกลพอสมควร
“ฟู่~ ขอบใจนะซีวอน^^” ไอ้เปี๊ยกหันมายิ้มให้ผม เฮ้ยๆทำไมต้องยิ้มน่ารักขนาดนั้นด้วยอ่ะ-////-
“อ...อือ”
“แล้วก็ขอโทษเรื่องดินด้วยนะ นายไปอาบน้ำเปลี่ยนกางเกงใหม่ดิ มาๆเดี๋ยวฉันพาไปส่งนะ” ไอ้เปี๊ยกเดินมาคว้ามือผมไปจูงแล้วลากผมไปด้วย .....มือนิ่มๆดีแฮะ ว่าแต่ว่างานนี้ได้กำไรหลายต่อนะเนี่ย ทั้งกอด ทั้งจับมือ55555+ ขอบคุณนะคุณกิ้งกือออออออออ ผมจะไม่กลัวคุณอีกแล้วค้าบบบบบบบบบบ^______^
หลังจากผู้โชคดีในความโชคร้าย(???) ทั้งสามต่างแยกย้ายกันอาบน้ำจนอาบเสร็จหมดแล้ว ทุกคนก็มารวมตัวกันที่ลานกว้าง และตอนนี้ซองมินกำลังนั่งมองความวุ่นวายตรงหน้าด้วยอารมณ์บูดๆ
....ผมซองมินนะครับ ตอนนี้ผมรู้สึกห่อเหี่ยวเล็กๆ เพราะทุกคนรอบๆตัวผมกำลังมีความสุข(มาก)กันซะเหลือเกิน พี่ฮีชอลกำลังเล่นหนังอินเดียอยู่กับคนที่ชื่อฮันกยอง เพราะพอพี่ฮีชอลยิ้มให้ คนที่ชื่อฮันกยองก็หลบ ยิ้มหลบ ยิ้มหลบ อยู่อย่างเงี้ย ยังดีที่พี่แกยังไม่ถึงขั้นวิ่งหลบกันตามเสา หรือวิ่งไล่กันข้ามภูเขา-*- ไอ้ฮยอกกะไอ้ด๊องก็กำลังนั่งเถียงกันเรื่องใครน่ารักกว่ากัน ปัญญาอ่อนมากๆ ก็รู้ๆอยู่ว่าคนที่น่ารักที่สุดคือผมอยู่แล้ว-.,- (เข้าตัวเองตลอดอ่ะมิน =_= : ไรท์เตอร์) พี่ทึกกับเรียวอุคกำลังเตรียมข้าวเย็น แล้วก็พวกคเย จอล เยซอง กับไอ้หื่นคยูฮยอน-///- กำลังช่วยอาจารย์ยูกะอาจารย์มงขนไม้ไผ่กับก้อนหิน พวกที่เหลือก็นั่งคุยกันเฉยๆ แต่ถึงจะนั่งคุยกันเฉยๆก็ดีกว่าผมที่นั่งหน้าบูดอยู่คนเดียว.....
ผมลุกออกมาแล้วเดินไปเรื่อยๆ ผมเดินมาจนถึงบนเนินเขาเล็กๆ แล้วจึงทิ้งตัวนั่งลงบนหญ้า นั่งมองวิวแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ.....
“พี่คะ”
“..หืม?” เด็กผู้หญิงตัดหน้าม้า แก้มป่องๆ ผิวขาวๆมาเรียกผม
..เยอึนนี่เอง
“สวัสดีอีกครั้งค่ะ” เธอนั่งลงข้างๆผม เราทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันเป็นเวลานานจนเธอพูดกับผมว่า
“พี่......อยากจะรู้เรื่องซอกฮยอนรึเปล่าคะ?”
“.......................อยากสิ บอกพี่มาทุกเรื่องเลยนะ” ผมนิ่งคิดแล้วจึงตอบเธอไป
..เธอยิ้มออกมา แล้วเริ่มเล่า เท่าที่ฟังเธอมา ซอกฮยอนไม่มีทั้งพ่อและแม่ ไม่เคยเห็นหน้าพ่อแม่ แม้แต่ชื่อก็ไม่รู้ เขาอาศัยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็ก มีอาจารย์ทั้งสี่คนคอยดูแล และเขาเป็นเพื่อนกับเยอึนมาตั้งแต่เด็ก พวกเขาสนิทกันมาก เพราะเยอึนเป็นลูกคนเดียวจึงไปเล่นกับซอกฮยอนบ่อยๆ เลยสนิทกัน และรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับซอกฮยอน....
.....อย่างนี้นี่เอง ผมรู้สึกเสียใจยังไงไม่รู้แฮะ ผมทำร้ายจิตใจของเด็กคนหนึ่งเพราะอารมณ์โมโหเพียงชั่ววูบ...................
“พี่สาวคะ มันจะมืดแล้ว หนูต้องขอกลับก่อนนะคะ” เยอึนหันมายิ้มให้ผมน้อยๆ แล้วก็วิ่งจากไป ....เดี๋ยวนะ พี่สาวเหรอ??
“เฮ้!!เยอึน พี่เป็นผู้ชายนะ” ผมตะโกนไล่หลังเธอไป แต่เธอคงไม่ได้ยินแล้วละมั้ง...ช่างเถอะ!! พรุ่งนี้ผมจะไปขอโทษซอกฮยอน สู้โว้ย(*_*)V
“ดึกแล้ว ไปนอนซะ ไปๆๆๆๆๆ” อาจารย์คังโฮดงเดินไล่ต้อนนักเรียนให้ไปนอน เพราะตอนนี้ดึกมากแล้ว ผมก็กำลังจะไปนอนอยู่พอดี-_-
“นายๆ” ผมรู้สึกว่าถูกกระตุกแขนเสื้อเบาๆผมเลยหันไปมอง...........อ้าว ดงเฮนี่เอง
“นายชื่อคิบอมใช่มะ” เสียงใสๆถามผม อยู่กันมาเป็นชาติยังไม่รู้อีกเรอะ-*-
“......มีอะไร” ผมถาม
“อมยิ้มฉันอ่ะ อมยิ้ม 3 อันที่นายบอกว่าจะให้ฉันอ่ะ-.,-”
“-*-............” .....นึกว่าเรื่องอะไร ทีชื่อผมละจำไม่ได้ แต่เรื่องของกินนี่จำแม่นเป็นบ้า
“....พรุ่งนี้ค่อยมาเอา....” ผมเตรียมจะหันหลังกลับไปที่เต้นท์
“อ๊าๆๆๆ เดี๋ยวดิ~ ฉันไปด้วย~ ~” ร่างเล็กรีบคว้าแขนผม
“...ไม่ต้อง” จะไปทำไมฮะ-*-
“เพราะว่านายจะเบี้ยวฉัน -3-”
“ฉันเนี่ยนะ ?” ผมพูดไปงั้นแหละ ความจริงก็กะจะเบี้ยวอยู่เหมือนกัน =_____=
“ใช่ หน้าตานายมันขี้โกง -__- ++” เสียงใสๆยังไม่เลิกกล่าวหาผม
“หาาา ?” หน้าตาผมเนี่ยนะขี้โกง ออกจะพระเอ๊กพระเอกขนาดนี้ ไปจำจากเรื่องไหนมามิทราบ -*-
“ช่ายยยยย ไอ้คนหน้าเข้มๆ ตาคมๆ แก้มบวมๆ ตัวสูงๆแบบเนี้ย มันขี้โกงนักกกก ~” คนตัวเล็กข้างหน้าพูดพลางเอามือนิ่มๆมาบิดแก้มผมไปมาจนหน้าผมยื้ดย้วยเหมือนถุงเท้าหมดอายุ แล้วเผยรอยยิ้มน่ารักไร้เดียงสา จนใจผมเต้นแรงแบบไม่เคยเป็นมาก่อน
“@_______@” ผมออกอาการเอ๋อชั่วขณะ
“นี่ๆ เป็นไรไปอ่ะ” ดงเฮถามเสียงดัง แล้วเปลี่ยนจากมือที่บิดแก้มผมมาตบแก้มเบาๆเพื่อเรียกสติ
“หะ...หาา อ..อะไรนะ ?” สติผมกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับคนตรงหน้าที่ทำหน้างงตาบ๊องแบ๊วใส่
“เป็นไรไปอ่ะ ? อ้าว..แล้วนี่เห็นซึงรีมั้ย ?” คนตัวเล็กว่าพลางหันซ้ายหันขวาหาเจ้าของชื่อ
“.................”
“ไม่เห็นหรอ.. เอ แล้วเขาอยู่ไหนน้า จะเรียกมานอนด้วยกันซักหน่อย =3=”
“เห......เฮ้ยย !!!”กว่าผมจะตีความประโยคนั่นได้ คนหน้าง่วงก็เดินเกาหัวแกรกๆไปตามทางแล้ว ผมรีบวิ่งไปคว้าตัวบางๆไว้ ก่อนจะถามเสียงดังว่า
“เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ!!?”
“อ...อะไรล่ะ”
“เมื่อกี้น่ะ ..พูดว่าอะไร?? ”
“ก็แค่บอกว่าจะตามซึงรีมานอนด้วยกัน ..จะเสียงดังทำไมเล่า !”
“นี่ ... คิดว่าตัวเองอายุเท่าไรกัน ถึงจะไปตามผู้ชายมานอนด้วยเนี่ย !!!” ผมตวาดเสียงดัง ..มีอย่างที่ไหน ไปเรียกผู้ชายมานอนด้วย จะบ้ารึไง ....
“อะไรเล่า ! ก็เขานอนเต้นท์เดียวกับเราไม่ใช่รึไง ไม่ตามเขาแล้วจะตามหมาที่ไหนมานอนล่ะ !” ดงเฮเริ่มเสียงดังขึ้นมาบ้าง แต่ประโยคนั่นทำให้ผมหยุดคิด ....เออ ก็จริง มันนอนเต้นท์กับเรา อ้ากกกกกกกก นี่ผมเป็นบ้าอะไรไปเนี่ยยยยยย??? .......
“...............”
“เรื่องแค่ทำไมต้องโมโหด้วยเล่า ! ” ผมเริ่มเห็นน้ำใสๆคลอที่ดวงตาสวยจนจะทะลักออกมา
“...............”
“ฮึกก.....แง้ ~TT” ร้องไห้แล้ว ผมควรทำไงดี
“...............”
“ฮึกๆ นายมันบ้า นายมันขี้โมโห นายมันปัญญาอ่อนที่สุดเลย แง้ๆๆๆๆ TOT” ปากก็ด่าผมไป มือเล็กๆก็ไม่อยู่เฉย ยกขึ้นมาทุบอกผมดังปั่กๆ ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง จึงยอมให้เขาทุบแต่โดยดี
“ไม่พูดกับฉันอีกแล้วนะ ” ดวงหน้าเล็กเงยขึ้นมามองหน้าผม ก่อนที่คิ้วจะขมวดมุ่นอย่างไม่เข้าใจก่อนที่จะ....
“แง้ ~~~~ TTOTT”
“ล..แล้วจะให้ทำไงล่ะ ถึงจะหยุด” ผมไม่เคยเลี้ยงเด็กนี่นา น้องก็ไม่มี ยิ่งเด็กขี้แยแบบนี้ยิ่งเอาใจยาก
“โอ๋ฉันสิ -3-”
“หา?”
“จะไม่ทำหรอ ? TOT” คนตัวเล็กพูดดัก แล้วเริ่มน้ำตาปริ่มอีกครั้ง
“โอ๋ๆ หยุดร้องนะหยุดร้อง ~” ผมยกมือขึ้นพลิกไปมาเหมือนโอ๋เด็กอนุบาล พร้อมกับโปรยยิ้มที่คิดว่าใจดีที่สุดที่โลก ในที่สุดเด็กขี้แยข้างหน้าก็เผยรอยยิ้มน่ารักพร้อมหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจที่บังคับให้ผมทำอะไรปัญญาอ่อนๆได้ -*-
“โอเคแล้วนะ”
“ไม่ !!!”
“อะไรอีก -___-”
“แค่นี้ใครจะไปหยุดกันเล่า คนมันเสียใจนะ โดนเข้าใจผิดเนี่ย มันชอกช้ำนะรู้มั้ย มัน....”
“จะให้ทำอะไรอีกล่ะ” นี่อุตส่าห์ยอมโอ๋ตามใจไปแล้วนะ คนอย่างคิบอมเคยทำอะไรอย่างนี้ที่ไหน
“กอดฉันสิ”
“....!!!.....”
“กอดปลอบน่ะ นายทำฉันเสียใจนะ”
“...........” เอ่ออ แบบนี้มันก็ปฏิเสธยาก เอ้ย ! ไม่ใช่ แค่เข้าใจผิดนิดเดียวเนี่ยต้องกอดปลอบเลยหรอฟะ
“จะไม่ทำหรอ TT” ตามด้วยคำถามเดิมๆ พร้อมกับดวงตาปริ่มน้ำอีกรอบ
“...........”
“จะไม่ทำจริงๆเหรอ TOT ฮึก งะ~”
“อ่ะ กอดๆ” ในที่สุดผมก็ต้องคว้าคนตัวนิ่มๆขาวๆมากอดไว้ตามที่เขาต้องการ ก่อนจะลูบที่แผ่นหลังบอบบางไปสองสามที ขณะเดียวกันแขนเรียวๆก็เอื้อมมาแตะหลังผมไว้เช่นกัน พร้อมกับพึมพำว่า ‘แก้มบวมตลกที่สุดเลย ฮะๆ ให้อมยิ้มฉันเพิ่มด้วย’ทำเอาผมอดยิ้มตามไม่ได้..ยังจะห่วงกินอีกนะ... กลิ่มหอมอ่อนๆของสบู่ลอยมาแตะจมูกทันทีที่ร่างบางๆของเขาเข้ามาอยู่ในอ้อนแขนผม ทำเอาผมเคลิ้มไปเกือบสองนาทีจนไม่ทันสังเกตุว่าเจ้าของร่างบางๆนั้นหลับคาอกผมไปแล้ว
“อ้าว หลับซะงั้น”
ผมพูดทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีใครได้ยิน ก่อนจะอุ้มคนตัวเล็กขึ้นแล้วพาไปที่เต้นท์ของพวกเรา พอเปิดประตูเต้นท์ไปก็เจอเจ้าตัวปัญหาที่ดงเฮกำลังจะไปตามนอนอ้าขาแผ่แม่เบี้ยกินเนื้อที่อย่างสบายใจ จนผมอยากจะบรรจงเอาฝ่าทีนยันหน้าให้จมดินกันเลยทีเดียว ผมเอาเท้าเขี่ยๆซึงรีให้ไปนอนชิดด้านซ้าย ก่อนที่จะวางดงเฮลงตรงกลางแล้วล้มตัวนอนด้านขวา แต่คิดไปคิดมา รู้สึกไม่อยากให้ดงเฮนอนตรงกลาง เดี๋ยวตื่นมาตอนเช้าไปนอนทับกันมันจะยุ่ง (ทับกันเฉยๆนะห้ามคิดลึก-*-) เพราะเด็กขี้แยอย่างนี้ไม่พ้นต้องนอนดิ้นแน่นอน เลยย้ายดงเฮมาไว้ด้านขวาแล้วผมนอนตรงกลางแทน ...เฮ้อ แบบนี้สบายใจขึ้นเยอะ.. ผมคิดในใจก่อนจะล้มตัวนอนด้วยความเหนื่อยล้า
ในขณะที่ทุกคนกำลังหลับสบาย ยังมีอีกเต้นท์ที่เกิดความวุ่นวายแบบเงียบๆไม่เปิดเผย
รังสีอมหิตที่แผ่กระจายอยู่ทั่วเต้นท์จากสายตาไม่ประสงค์ดีของคนๆหนึ่งสู่คนๆหนึ่ง ทำให้แทยังนอนอย่างไม่เป็นสุข ขณะที่เรียวอุคนอนเอาขาป่ายไปป่ายมาสบายใจเฉิบ ไม่รับรู้สิ่งใด ทั้งที่ต้นเหตุก็มาจากตนเอง
“-_____-+++”
เป็นเวลาเกือบชั่วโมงแล้วที่แทยังต้องนอนตัวแข็งหันหลังให้เยซองเจ้าของสายตาน่ากลัวนั้นเพราะว่าแทยังและเยซองนอนคนละฝั่งกัน แทยังจึงรู้สึกปลอดภัยได้บ้างเพราะคนตรงข้ามคงไม่ลำบากคว้ามีดเอื้อมมาแทงเขา แต่ถึงแม้จะมีคนนอนคั่นกลางก็ใช่ว่ารังสีอำมหิตจะกระจายพลังน้อยลงเลย
......บ้าอะไรวะเนี่ย ? กูผิดอะร๊ายยยยยย ......
ได้ยินมาว่าอีกฝ่ายเป็นถึงนักเลงของแก๊งทัมแบผู้ยิ่งใหญ่ ไอ้เด็กเกโดดเรียนโดดร่ม อย่างแทยังคงไม่กล้าหือ ยิ่งมาโดนสายตาที่เหมือนกับไปทำความผิดอะไรรุนแรงมา ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่
....จะว่าไปเขาก็ไม่ใช่เล่นๆนี่หว่า กูก็มีแก๊งนะโว้ยยย ไหนๆก็ไหนๆล่ะ ศักดิ์ศรีนักเลงด้วยกันจะกลัวไปไย หันหน้าไปคุยให้รู้เรื่องเลยดีกว่า จะได้รีบๆขอโทษเขาไป (อ้าว กรรม -*-)......
คิดได้ดังนั้นแทยังก็พลิกตัวไปประจันหน้ากับเยซอง (มีเรียวอุคคั่นกลางอยู่) แต่ก็ยังสติลแกล้งหลับต่อ ทันทีที่คิดว่าจะลืมตาขึ้นพูด ขาเล็กๆก็ฟาดป้าบมาที่เอวเขาทันที
“อั่ก”
.....อ้ากกกกก ไอ้ลีบบ้า เจ็บนะโว้ยย !..........
กะจะสะกิดปลุกแล้วด่าซักหน่อย แต่ยังไม่ทันลืมตาจนสุดก็ต้องรีบหลับตาปี๋ลงไปอีกครั้ง เพราะเสี้ยววินาทีที่เปลือกตาเปิดขึ้น ก็ปรากฎสายตาคมกริบจ้องมาที่เขาอย่างไม่พอใจ จากที่ขึ้นคำว่า ‘ไอ้’แล้วกำลังจะต่อด้วยคำด่า ก็ต้องแสร้งละเมองึมงำไปตามเรื่อง...... อนาถตัวเองแท้ๆ
“อ่า...แท..ย....มา...จู..ด๊วฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ U3U” คนตรงกลางเริ่มพูดพึมพำงึมงำไม่ได้ศัพท์ ก่อนจะเอาขาของตัวเองเปลี่ยนมาเตะก้นผมเบาๆสองสามที -*- มือเล็กๆแต่แรงเยอะ คว้าเอาหัวของผมไปทึ้งอย่างเมามันส์ ซึ่งผมก็ทำได้แค่อดทนอยู่เฉยๆเหมือนเดิม (กลัวคนตรงข้ามจะยอมลำบากหยิบมีดข้ามมาแทง)
“จะปายหนายล่ะ แทยางงงงงงงงง มามะๆ มา..จูดู๊บบ กันก่อนนนน ม๊วฟๆๆๆ U3U”
“...........” รังสีอำมหิตเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทันที อ้ากกกก ! ไอ้เตี้ยแผลงฤทธิ์แล้วว T_T ทำไงดี ทำไงดี ? ทางที่ดีผมควรจะปิดปากไอ้เตี้ยตูดหมึกนี่ก่อน ว่าแล้วผมก็แกล้งละเมอเอามือไปอุดปากเรียวอุคที่หาเหาใส่หัวผมทันที (ตอนนี้เรียวอุคกำลังหาเหาออกให้ด้วยการทึ้งหัวแทยังไปมา)
“อุ๊บ .... อ่อก.....งั่บบ !” ทุรนทุรายได้ไม่ถึงครึ่งนาที จู่ๆมันก็เปลี่ยนมางับมือผมแทนซะงั้นTTOTT ไม่คิดถึงจุดนี้เลยว่าไอ้เตี้ยจะทำ บอกได้คำเดียวว่า
........เจ็บโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย !!..................
แต่ก็ทำได้แค่กรีดร้องในใจ ต้องกัดฟันทนต่อไป ขืนเขารู้ว่าผมแกล้งหลับ มีหวังได้อยู่เฝ้าป่าแน่ (นี่แกกลัวขนาดนั้นเลยเรอะ -*- : ไรท์เตอร์)
“ แทยังงงง อย่าหนีพ่อสิลูกกก มาจ๊วบๆกันก่อนน ร้องเหมียวๆด้วยแทยังงงง ~” ......อะไรนะ ? ไอ้เตี้ยนี่เอาชื่อผมไปตั้งเป็นชื่อแมว มันน่าเอาไปตั้งตรงไหนชื่อแทยังเนี่ยออกจะไฮโซ รู้ก็รู้ว่าไม่ชอบแมว ตื่นมาจะจับบีบคอๆๆๆ....
“เอ๊ยยยยยย ! ร้องเหมียวได้งายยย ร้องโฮ่งๆสิลูกก หนูเป็นไอ้ตูบของป๊ะปี๊น้าาา ~”......ขอบคุณที่ไม่ใช่แมว แต่เป็นหมา !! โฮ่ รู้สึกเป็นเกลียดอย่างมาก ไม่ต้องคิดถึงกรูขนาดนั้นก็ได้ T_T....
“หึ ..คิกๆ... ฮ่าๆ” คนที่เคยส่งสายตาอำมหิตมาให้คงจะกลั้นหัวเราะต่อไปไม่ไหวจะหลุดขำพรืดออกมา แต่เสียงก็เงียบไปโดยเร็ว
..เออ ตลกนักใช่ไหม? ชื่อเดียวกับหมาเนี่ยยยย ตลกนักกก นี่ๆๆๆ.......
ในเมื่อใช้มือแล้วไม่ได้ผล ก็คงต้องใช้ทีนส่งไปปราบแทน ผมค่อยๆดึงมือตัวเองออก ก่อนจะบรรจงส่งเท้าขึ้นไปแหย่รูจมูกให้มันดม ถอดถุงเท้าให้ด้วยเผื่อกลิ่นมันเข้มข้นไม่พอ วะฮะฮะฮ่าา ^O^ สะใจจจจ ว่าแต่ไอ้เตี้ยนี่กัดแรงซะจนห้อเลือด -*- นี่ขนาดหลับยังทำร้ายกรูได้ สามารถจริงๆ -*-
“แหวะ ~ กลิ่นไรเนี่ย เหม็นฉิบขี้!! U. .U” เรียวอุคตะโกนออกมาเสียงดังแล้วเบี่ยงตัวหลบ ฮ่าๆๆๆๆ สะใจโว้ยยยยย !! ไม่รู้แสนยานุภาพกลิ่นเท้ามหาปะลัยของแทยังซะแล้ว กร๊ากกกกกกกก!! คนตรงข้ามเจ้าของคลื่นพลังอำมหิตแอบหัวเราะอีกครั้ง... เอ่อ ว่าแต่ ผมไปทำภาพพจน์อันแสนบอบบางของไอ้เตี้ยมันเสียป่ะวะ แอบรู้สึกผิดนิดๆแฮะ .....
ช่างมันเซะ เกี่ยวไรกะผมล่ะ ก๊ากกกกกกกกกกกกกกก ~ ^O^
(ซาดิสม์ว่ะพวกนี้ -*- : ไรท์เตอร์)
คาดว่าทุกคนคงสงสัยแล้วใช่มั้ยล่ะครับว่า ผมกับเรียวอุค ตกลงมีความสัมพันธ์ยังไงกันแน่ ดูแต่ละอย่างที่ทำอย่างกับเกลียดกันเข้าไส้ เข้ากระดูกดำ เข้าตับ เข้าม้าม ทะลุออกลำไส้ใหญ่จะเป็นจะตาย แต่ความจริงแล้วพวกเราเป็นเพื่อนกันครับ เพื่อนที่สนิทแล้วก็ร๊ากกกกันม๊ากกก แต่ก็พร้อมที่จะเผาได้ทุกเมื่อ มิตรภาพพิศวงนี่เกิดขึ้นได้ตอนที่เราอยู่ป.1 ผมกำลังโดนรุ่นพี่รุมยำอยู่ครับ จู่ๆเด็กผู้ชายตัวเล็กน่ารัก ก็วิ่งเข้ามาตะโกนเสียงแหลมว่าตำรวจ ๆ เล่นเอาวิ่งกันกระเจิง แล้วเด็กคนนั้นก็เดินมาหาผม แล้วความเป็นเพื่อนระหว่างเราก็เกิดขึ้น
‘นี่ เป็นไรไหม’ เขาถามพลางยื่นมือมาฉุดผมให้ลุกขึ้น
‘ไม่เป็นไร ขอบคุณนะที่ช่วยฉัน’ ผมตอบไปทั้งๆที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยแผลถลอก
‘อื้อ ก็เพื่อนกันนี่’ ผมไม่รู้ว่าเราเคยรู้จักกันตอนไหน เอาเถอะ เขาให้เป็นก็เป็นละกัน
ตอนนั้นผมปิ๊งไอ้เตี้ยตั้งแต่แรกพบ เพราะด้วยตัวมันเล็กๆ หน้าตาน่ารัก ตากลมบ๊องแบ๊ว แถมยังชื่อว่าเป็นผู้มีพระคุณให้ผมรอดมาถึงทุกวันนี้ ทำให้ผมซาบซึ้งใจซะจนเกือบหลงผิดตกหลุมรักมัน แต่พอได้มาเป็นเพื่อนสนิทกันแล้ว นิสัยจริงๆของมันทำให้ผมทำใจรักไม่ลงจริงๆครับ =__________=;; อ๊ะๆ อย่างเพิ่งด่าว่าผมตาถั่วสิ ดูแต่ละอย่างของมันก่อน ชอบตะโกนเสียงแหลม ขี้แกล้ง บ้าบอ ปัญญาอ่อน แถมยัง ตอแหลหน้าซื่อเก่งเป็นที่หนึ่ง -*- มีอยู่ครั้งนึงมันแอบเอาวิกผมของครูที่หัวล้านไปซ่อน พอครูถามก็ทำหน้าซื่อตาใส บอกว่า ‘ผมไม่รู้เรื่องจริงๆฮะ*-* ว่าแต่โลกเรามีพระอาทิตย์สองดวงเมื่อไรกัน?’ ผมงี้กลั้นฮาจนขี้แทบแตก ฮ่าๆ เรียนว่ายน้ำก็แอบเอากางเกงในเพื่อนไปยัดใส่กระเป๋าอาจารย์ก็มี ดูสิครับแต่ละอย่าง อุบาทว์ๆทั้งนั้น แต่คงเพราะผมก็อุบาทว์พอๆกับมัน เลยคบกันได้เนี่ยแหละ แล้วมันก็ขี้แย ขี้งอน บลาๆ ตัวมันเล็กเลยชอบโดนพวกตัวใหญ่แกล้งอยู่เรื่อย ผมต้องออกโรงปกป้องเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดนี่ทุกที(จนเพื่อนในห้องล้อว่าเป็นแฟนกัน แต่เป็นไปไม่ได้หรอกครับ กับไอ้เตี้ยนี่ผมไม่ไหวจริงๆ -0- แล้วไอ้เตี้ยก็คงไม่ไหวกับผมเหมือนกัน ฮ่าๆ) พอถามไปถามมากลายเป็นว่าไอ้เตี้ยนี่ไปแกล้งเขาก่อน แล้วเขาดันจับได้ ยังมีหน้าเอานิ้วชี้จิ้มจึ๋งๆบอกว่าไม่ได้ทำอีก เฮ้ออ บางครั้งก็อยากให้มันโดนรุมไปซักที.. แต่ไม่ได้หรอก คนนี้เพื่อนผม ^^
แต่กับพี่อีทึกเขาไม่รู้หรอกครับว่าเรียวอุคสนิทกับผม แล้วผมกับพี่เขาก็ไม่ค่อยได้เจอกันซะด้วย เพราะว่าพี่อีทึกไม่สบายบ่อย ผมกับพี่เขาได้เจอกันครั้งสุดท้ายตอนป.3นู่นนนน ซึ่งก็ยังเด็กม๊ากกมากก ไม่ผิดที่พี่เขาจะจำผมไม่ได้ครับ (แถมไอ้เตี้ยตัวดียังแนะนำผมว่าเพื่อนร่วมโลกซะด้วย -*-) จนกระทั่งตอนป.6 ครอบครัวผมต้องย้ายบ้าน เราเลยไม่ได้อยู่ใกล้กันครับ ผมต้องย้ายไปเรียนที่อเมริกาตามพ่อผมที่ย้ายไปทำงานที่นั่น แต่เราก็ยังติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ จนผมย้ายกลับมาตอนม.ปลายปี1นี่แหละครับ ก็ยังซ่าเหมือนเดิมจนต้องมาเข้าค่ายนี่แหละ แต่ก็ทำให้ผมรู้อีกอย่างนึงว่า ถึงกาลเวลาจะผ่านไปก็ไม่ได้ทำให้ไอ้เตี้ยตูดหมึกเปลี่ยนตามเลย ยังคงสติลทำร้ายผมได้ทุกครั้งที่มีโอกาส ถึงจะไม่มีโอกาส มันก็หาจนได้เหมือนตอนนี้ไงครับ -__- ++
ตอนนี้ดูเหมือนไอ้เตี้ยลีบเรียวอุคจะสงบไปแล้วนะ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ผมคงต้องขอตัวสลีปปิ้งก่อนล่ะครับ
เพราะมีลางสังหรณ์ว่าพรุ่งคงต้องเจองานเข้าน่ะ คุณไปแอบดูเต็นท์อื่นบ้างเหอะ -3-
กลับมาที่เต็นท์ของคนขี้แง คนแก้มป่อง และ เอ่อ .........=_=
ท่าทางความคิดของคนตัวสูงแก้มป่อง จะแม่นจริงจนน่าเอาไปแทงหวย เพราะนอนนิ่งได้ไม่ถึงห้านาทีคนสวยก็ออกลาย เท้างามๆ เริ่มยกขึ้นมายันหน้าท้องแข็งแรงของร่างสูง ก่อนจะถีบแล้วบิดตัวไปมา พลางละเมอหาลูกอมๆ ไม่หยุด ไม่รู้ว่าห่วงกินขนาดนี้แล้วทำไมยังตัวเล็กผอมบางอยู่อีก ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ คนตัวเล็กที่ว่าก็ค่อยๆขยับทำท่าจะคลานออกจากเต็นท์ไป
“เห้ยยย ! จะไปไหนวะเนี่ย ?” ร่างสูงร้องตามด้วยความตกใจ แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวอีกครั้งเพราะเสียงละเมอของอีกคนที่เหลือที่เหมือนด่าร่างสูงกลายๆ
“โว้ยยยย พูดมากอยู่ได้ หุปปากเด๊ะ !! คนจะ..ดู...บอ.. ล. .ล” ปรายตามองด้วยความเอือมระอา จบลงด้วยการเอาถุงเท้ายัดปากกันละเมออีกด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะรีบวิ่งตามร่างบางออกไปนอกเต็นท์
อร่อยมั้ย...ซึงรี ?
“อะราย ยย วะ .....อาหย่อยดี UoU ~ ~”
“นี่ จะไปไหนน่ะ หยุดเดี๋ยวนี้นะ ” คิบอมที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามดงเฮที่ละเมออกมานอกเต็นท์ แต่ตามเท่าไรก็ไม่ทันซะที ไม่รู้ไปกินอะไรมาวิ่งเร็วชะมัด
“ลูกอม ลูกอม ....ไหนลูกอมมมมม ” นอกจากจะไม่ฟังแล้วยังเดินหนีอีกต่างหาก ดงเฮเดินเป๋ไปเป๋มา ละเมอหาลูกอมไม่หยุดจนคิบอมชักเหนื่อย
“ชั้นผิดใช่ไหมที่ไปสัญญากับนายไว้น่ะ ใครจะไปคิดว่าจะจริงจังขนาดนี้ล่ะวะ -*-” ร่างสูงบ่น แต่ก็ยังไม่หยุดวิ่งตาม เพราะกลัวร่างบางจะหลงเข้าป่าไป
“สายรุ้งงง สายรุ้งสวยจังเลยยยยยย ” ละเมออีกครั้งก่อนจะเอามือกวาดทั่วฟ้า ที่มีสายรุ้งในจินตนาการ โดยไม่รู้เลยว่า มีอีกคนวิ่งตามจนเหงื่อตกขาลากเพราะความเป็นห่วง
“ว๊าววว อมยิ้ม ลูกกวาดดด ก้อนเมฆ ...นั่นไงคิบอมมมม คิบอมมาด้วยเหรอ ? ห้ามแย่งอมยิ้มเค้านะ แง่มมมๆ =o= ~”
‘ นั่นคิบอมที่ไหนเล่า คิบอมอยู่นี่ ! อยู่นี่โว้ยยยยยย T_T’ แทบจะร้องไห้เป็นสายเลือดกันเลยทีเดียว ที่ร่างบางยังอุตส่าดึงตัวเองเข้าไปอยู่ในฝัน ทั้งๆที่ตัวจริงก็วิ่งตามหลังต้อยๆแทบขาดใจแบบนี้ เอ๊ะ...แต่คิดไปคิดมา
...นี่ดงเฮคิดถึงเราขนาดเก็บไปฝันเลยหรอเนี่ย แอบดีใจแหะ ^^
หยุดยิ้มน้อยๆให้ตัวเองอยู่พักนึง ถึงจะสังเกตุเห็นว่าเสียงละเมอหายไปแล้ว ร่างสูงมองหาดงเฮด้วยความร้อนรน ก่อนที่จะหยุดสายตาคมที่ร่างเล็กบนเนินหญ้าเขียวชอุ่มหลังบริเวณเต็นท์ติดกับป่าหลังค่าย ที่ลมพัดเย็นสบายชวนเคลิ้มหลับ
“ให้ตายเถอะ นึกอยากจะหยุดก็หยุดรึไงเนี่ย ..แล้วมาหลับตรงนี้ได้ไง เดี๋ยวยุงก็กัดตัวลายพอดี” คำบ่นที่ปนความห่วงใยแบบที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวถูกปล่อยออกมา ก่อนที่สองแขนแข็งแรงจะค่อยๆช้อนร่างเล็กขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน พลางคิดจะพากลับเต็นท์ไปนอนดีๆ แต่ร่างบางจอมซนดันดิ้นหลุดจากอ้อมแขน พร้อมละเมออีกรอบ
“ไม่อาววว ...พ..ดงฮวา อ่า.. ขออีก 15 นาทีน้า ~ ..ลมกำลังเย็นเลยยย”
ดงฮวา ? ใครกันนะ ?
“นี่ดงเฮ กลับไปนอนดีๆเถอะ” ร่างสูงพูดด้วยความเหนื่อยใจ
“ห๊าาา .. ม่ายยยย ขอนอนตักหน่อยสิ ..ดงฮวาอ่าา ~” หื๊มมม ? สนิทกันจนถึงขั้นนอนตักกันได้เลยเหรอ ? ใครกันๆ ดงฮวา ใครกันนะ ชักอยากรู้แล้วสิ
“ดงฮวา..ขอนอนตักไม่ได้หรอ? จะไปไหนน่ะ ฮึกก ..ไม่อาววนะ ไม่นะ ... ฮึก...” ร่างบางเบะหน้าเหมือนจะร้องไห้ จนร่างสูงอดใจอ่อนไม่ได้
“ก็ได้วะ ..ยอมให้วันนึง ” พูดพลางจัดที่ทางให้หัวเล็กๆของร่างบางหนุนนอนตักตน ก่อนจะลูบหัวเบาๆ แล้วปลอมตัวเองเป็นคนที่ชื่อดงฮวาเสร็จสรรพ
“ไม่ได้ไปไหนนะ ..อยู่นี่แล้วไง นอนซะนะ ”
“งืม...” ร่างเล็กครางเบาๆก่อนจะหลับไปอย่างว่าง่าย คิบอมมองใบหน้าสวยหวานน่ารักที่กำลังเคลิ้มหลับอย่างเพลินตา ก่อนจะเผยยิ้มเล็กๆ กับความน่ารักของคนตรงหน้าแม้กระทั่งยามหลับ พลางคิดว่า ตอนตื่นกับตอนหลับนี่ต่างกันสุดขั้วโลกเลยจริงๆ ตอนตื่นก็วุ่นวายเป็นที่สุด เอาแต่ใจมากมายแต่ก็น่ารักดี ตอนหลับดูเรียบร้อย ละเมอเอาลูกอม สายรุ้งเหมือนเด็กๆ แต่ก็ยังน่ารักอยู่ดี พอถึงตอนนี้ คิบอมพอจะหาข้อสรุปได้แล้วว่า นอกจากจะน่ารักทั้งตอนตื่นและตอนหลับแล้ว ไม่ว่าเวลาไหนถ้าร่างบางตรงหน้าร้องขออะไร เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย
อาจเป็นเพราะสายลมเย็นสบายทำให้เคลิ้ม หรือเพราะดวงหน้าหวานของคนตรงหน้าก็ไม่อาจทราบได้ แต่ใบหน้าคมของคิบอมเหมือนกับถูกแม่เหล็กแห่งความหลงใหลดึงดูด ริมฝีปากที่มักจะเหยียดตรงเสมอค่อยๆสัมผัสถูกแก้มใสของร่างบางอย่างแผ่วเบา กว่าที่เจ้าของร่างสูงที่ดงเฮหนุนอยู่จะรู้ตัว จมูกโด่งก็เผลอสูดกลิ่นหอมของร่างบางเข้าไปแล้วเต็มปอด ก่อนที่สะดุ้งแล้วถอนใบหน้าออกมาอย่างตกใจ แล้วรีเพลย์ความคิดว่าเมื่อกี้ทำอะไรไปบ้าง
.....เมื่อกี้เราทำอะไรไปน่ะ ?? ให้ตายเถอะ ถ้ายัยตัวเล็กนี่ตื่นมาแล้วรู้ว่าเราแอบหอมแก้มไปโดนฆ่าตายแน่ !! ......
มองข้ามความคิดที่จะหาสาเหตุว่าทำไมถึงได้แอบหอมแก้มร่างบางไปซะสิ้น ในเวลานี้คิบอมเอาแต่คิดว่าถ้า’ยัยตัวเล็ก’ของเขาตื่นขึ้นมาแล้วจะโกหกว่าอะไรดี บอกว่ารู้สึกไปเอง? ฝันไป? เพ้อ ? หรือจะบอกว่า ดงเฮหลงตัวเองดี? ให้ตายเถอะ ไม่เข้าเค้าซักอย่าง ก็เขาทำไปจริงๆนี่ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ข่มใจตัวเองนะ เอาแค่ว่าถ้าศัตรูที่เกลียดกันตั้งแต่ชาติปางก่อน มาเห็นดงเฮแบบนี้ก็ไม่รู้จะอดใจไหวหรือเปล่าเลย เพราะว่าตอนนี้เลยเที่ยงคืนมานานแล้ว และคิบอมก็ควรจะนอนตั้งนานแล้ว นั่งคิดข้ออ้างที่จะใช้กับดงเฮไปเรื่อยๆ ร่างสูงก็ค่อยๆโน้มตัวลงใช้ลำตัวของร่างบางต่างหมอน ก่อนที่เปลือกตาหนักอึ้งจะค่อยๆปิดสนิท
--------------------------
ให้ตายเถอะ ! มีแอบคิเฮๆ (ไม่แอบแล้วล่ะ ชั้นว่าที่แกอัพน่ะ คิเฮเต็มๆ : เสียงตะโกนดังมาไกลๆ)
ไม่คิดเลยว่าบอมจะเป็นคนชอบแอบแต๊ะอั๋งแบบนี้ แอร๊ยยย อะไรกันเนี่ย
พรุ่งนี้เช้าจะตื่นมาในสภาพไหน ? -//- 55555 แต่งเองเขินเองค่ะ
ว่าแต่ก็นะ แอบสงสารซึงรี นอนเฉยๆก็ดันโดนถุงเท้ายัดปาก -0-
ตอนนี้ก็เฉลยความสัมพันของแทยังกับน้องเรียวอุคไปเรียบร้อยแล้ว
เหมือนเป็นการพลิกคาแรคเตอร์ของอุคเลยแฮะ ภายใต้ใบหน้าบ๊องแบ๊วและแสนซื่อ
ใครจะรู้ว่ามันจะซุกซนและแสนแสบขนาดนี้ 555555555 เรียกได้ว่าแทยังแฉหมดเปลือก
แบบไม่ให้เหลือเค้าความอินโนเซนต์ไว้เลยทีเดียว แอบสงสารนิดนึงละเนอะ แต่ทำไงได้ อยู่แก๊งค์ฮยางซูนี่นา ธรรมดาๆได้ที่ไหน คึๆ
แต่นึกหน้าอุคตอนเอากางเกงในไปยัดใส่กระเป๋าอาจารย์ไม่ออกจริงๆอ่ะ
แต่ตอนนี้พอคิดออก
คงจะเป็นแบบนี้
'ผมไม่รู้จริงๆฮะ ว่าแต่โลกเรามีดวงอาทิตย์สองดวงเมื่อไรกัน ?'
ให้ตายเถอะ หน้าพี่แกจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อแล้วนั่น ..ที่สุดจริงๆ 555555
เอาล่ะค่ะ ไรท์เตอร์ไปนอนก่อนนะ
วันนี้มาเพื่อจัดเรียงให้เรียบร้อยนิดหน่อย แล้วไรท์เตอร์จะรีบเค้นฟิคที่อยู่ในก้นบึ้งของจิดแล้วมาอัพต่ออีกนะคะ
ขอบคุณที่ติดตาม รับรองว่าจะมีเรื่องให้ตื่นเต้นกันอีกแน่นอน ^^
ขอบคุณทุกคอมเมนต์นะคะ
ความคิดเห็น