คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : [OS] SOUNDS OF THE FOREST - KRISYEOL {1/1}
KRIS x CHANYEOL
SOUNDS OF THE FOREST
เสียงทำนองตามตัวโน๊ตบรรเลงไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ
จนทั่งป่าได้ยินเพียงเสียงดนตรีในท้วงทำนองที่ไพเราะเหล่าผีเสื้อน้อยใหญ่ต่างกระพือปีกขยับขึ้นลงตามท้วงทำนอง
เหล่าดอกไม้ต่างโยกก้านขยับโบกหวั่นยามที่ได้ยินเสียงบทเพลงอันเสนาะน่าฟัง
ความมืดที่เข้ามาครอบงำป่าทั้งป่าบอกถึงเวลาที่ทุกชีวิตในป่าได้รู้ว่า
การแสดงแสนสุดวิเศษจะถูกแสดงขึ้น
แม้แต่สัตว์ตัวเล็กเท่ามดยังเฝ้ามองไปยังลานหญ้ากว้างใต้ต้นไม้ต้นใหญ่
ชายหนุ่มรูปร่างโปร่งบางในชุดสีขาวบางเบาเรืองแสง
นั่งเล่นเปียโนด้วยท่าทางสง่างดงาม เปียโนที่ถูกเล่นเป็นเปียโนแก้ว
ทุกๆครั้งที่ปลายนิ้วเรียวบรรเลงเพลงแสงสว่างจะปรากกฎรอบๆข้างร่างโปร่งบางราวกลับเป็นออร่า
สิ่งมีชีวิตทุกตัวรู้ดีว่าชายผู้นั้นคือใคร....
‘ปาร์ค
ชานยอล’ บุตรชายของนางไม้ผู้ปกปักษ์รักษาผืนป่าแห่งนี้ ความงดงามและความงามราวกลับราชวงศ์องค์เจ้าได้รับมาจากทางแม่มาเต็มๆ
หากลองเข้าไปดูใกล้ๆเช่นเจ้าผีเสื้อหลากสีที่มักบินเกาะอยู่บนไหล่บางของร่างโปร่งจะสังเกตเห็นถึงความงดงามบนใบหน้าได้อย่างชัดเจน
ชานยอลไม่พูดและเงียบ....เขาถูกสาปให้ไม่สามารถยกยิ้มกว้างๆและไม่ไห้เอ่ยถ้อยคำใดๆออกมาได้
คือคำสาปที่นางแม่มดร้ายได้สาปไว้หลายปีก่อน
ทุกค่ำคืนชายหนุ่มจะปรากฏกายกลางป่าและเล่นเปียโนเพื่อให้ป่าทั้งป่าไม่สงบเงียบ
กล่อมทุกสิ่งมีชีวิตให้หลับใหลอย่างสบาย
หากอีกฝั่งหนึ่งของป่ากลับมีทูตสวรรค์สองตนที่กำลังถกเถียงกันอยู่ ชายผู้เป็นลูกขมวดคิ้วแน่น
โกรธผู้เป็นพ่อที่บังคับตน
“ข้าได้ให้สัญญาไว้แล้ว...เจ้าอย่าทำให้มันเสียเรื่องน้า...” ชายหนุ่มร่างสูงผู้เป็นลูกสะบัดหน้าหนีกับคำพูดของพ่อตน
“ยังไงเจ้าก็ต้องแต่งงานกับชานยอล”
.
.
.
ด้วยเหตุที่พ่อข้าบังคับข้าให้เข้าป่าครั้งนี้ว่าต้องมาตามหา
ชานยอลบุตรของนางไม้แห่งป่า ข้าเลยจำใจต้องเดินเข้ามาหาเพราะพ่อข้าสั่งเด็ดขาดว่า
หากข้ามิได้ตัวชานยอลผู้นั้นกลับออกมาจากป่า
พ่อข้าจะสาปข้าให้เป็นมนุษย์ที่แสนอ่อนแอเสีย
ข้ามิต้องการ....
ไม่นานนักข้าก็ได้เดินเข้ามาพบกับเป้าหมาย ชานยอลซึ่งข้าเคยได้พบบ้างตามงานเลี้ยงต่างๆกำลังนั่งเล่นเปียโนอยู่
ช่างงดงามเสียจริง....แต่ข้ามีผู้ที่ต้องใจอยู่แล้ว...พวกเจ้าคงเข้าใจข้า...
“ชานยอล...” ร่างโปร่งที่ถูกเรียกชื่อหันมาหาข้า
ก่อนดวงตากลมมนจะจับจ้องมาที่ข้า “แม่เจ้าคงได้บอกไว้แล้วว่า ข้าจะมารับตัวเจ้ากลับสวรรค์เพื่อ...แต่งงาน”
ข้ามิอยากแต่งงานเลย....ชานยอลมิใช่หัวใจของข้า...
.
.
.
.
ข้าพูดมิได้....หากหัวใจข้ากลับหลงรักเขาตั้งแต่แรกพบ....
“เจ้าต้องขึ้นไปกับข้า...”ชายที่กำลังเดินเข้ามาหาข้าช่างงดงามมิเคยเปลี่ยนแปลง
หากยามนี้ดูงดงามกว่ายิ่งนัก เราเคยพบกันยามเมื่อเยาว์วัย ในยามนั้นพี่ชายคนนี้เป็นคนสอนข้าเล่นเปียโน
และสอนข้าในเรื่องต่างๆ ข้าหลงรักเขาตั้งแต่ยามนั้น หากในยามนี้เขากลับจำข้ามิได้
มิได้เพียงเศษเสี้ยว
“ไปกันเถอะ....” คริสเดินเข้ามาจับข้อมือข้า
แล้วดึงข้าให้ลุกเดินตามเขาเบาๆ หากเพียงเท่านั้นหัวใจข้ากลับพลันเต้นแรง
ข้ารู้สึกดีเหลือเกินที่ใจของข้ามันกำลังเต้นให้ชายที่ข้าหลงรัก
แต่ก่อนที่ข้าจะเดินตามร่างสูงไป
ข้าหยุดเดินและยกมืออีกข้างขึ้นมาเขียนกลางอากาศแทนคำพูดของข้า
‘เล่นเปียโนกับข้านะ...คริส’
เราอาจจะพบกันหลายครั้งในยามโตขึ้นมา หากเขากลับจำข้าไม่ได้เลย
ในยามที่นัยน์ตาคมจับจ้องลายอักษรเรืองแสงบนอากาศที่ข้าเขียน
เขาเพียงถอดหายใจออกมาเสียงดัง และยอมเดินไปนั่งเพื่อจะบรรเลงบทเพลงกับข้า
มือของสองเราค่อยๆแตะลงบนเปียโน
ก่อนปลายนิ้วของข้าจะขยับบรรเลงบทเพลงเสียก่อน ตามมาด้วยมือใหญ่ที่เริ่มเล่นคลอตาม
มันช่างคล้ายกับในยามเยาว์นักท่านพี่ ข้าอยากยิ้มกว้างๆให้ชายข้างกายเหลือเกิน
อยากเอ่ยคำว่ารักเป็นพันครั้งให้เขาได้ยิน
แต่ข้าทำมิได้....เพราะข้ารู้ว่า
หัวใจของชายคนที่ข้ารักนั้นมิได้อยู่กับข้า
หากอยู่กับผู้อื่น.....
.
.
.
.
ชายร่างสูงอึดอัดยิ่งนักที่ต้องฝืนนั่งเล่นเปียโนกลับร่างโปร่ง
สีหน้าของร่างโปร่งข้างกายก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงจากเดิมมีเพียงความนิ่งและเฉยชาราวกลับหุ่นรูปปั้นไร้ชีวิต
สาเหตุนั้นคือ คริสไม่รู้ว่า ชานยอลถูกสาป เขาเข้าใจว่าร่างโปร่งเป็นคนหยิ่งผยอง
เพียงแค่เปิดปากพูดยังไม่อยากจะทำ
บทเพลงแสนไพเราะถูกบรรเลงไปเรื่อยๆจนกระทั่งมันจบลง
ทั้งสองได้เพียงเงียบจน คริสอดที่จะพูดออกมาไม่ได้
“กลับสวรรค์กันเถอะ...” ร่างสูงไม่ได้ฟังคำตอบรับของอีกคน
มือแกร่งเกี่ยวเอวคอดรวบเข้ามากอดแนบกายก่อนจะร่ายเวทหายตัวผ่านแสงระหว่างที่กำลังเดินทางผ่านแสง
ชานยอลเพียงยิ้มในใจ เขาชอบนักในยามที่ผิวของพวกเขาสัมผัสกัน
มือที่เกี่ยวเกาะบนเอวคอดเขาแน่นราวกลับกลัวเขาหลุดออกจากแสงนำทาง
มันช่างเป็นความรู้สึกที่ดียิ่ง
“มาถึงกันจนได้สินะ...”ครอบครัวทั้งสองที่นั่งในห้องโถงของปราสาทห้องหนึ่งเอ่ยขึ้นยามที่สายตาพบเข้ากับร่างของคนสองคนที่ยืนอยู่กลางห้องโถง
“เอาล่ะ....ข้าได้หารือกันเรียบร้อยแล้ว
พวกข้าจะจัดงานแต่งงานให้พวกเจ้าในวันพรุ่งนี้...”สิ้นประโยคมือแกร่งของร่างสูงกำแน่นทันที
เขาไม่อยากแต่งอยู่แล้ว แล้วยิ่งต้องมาแต่งในวันพรุ่งนี้
เขาจะบอกกับคนรักของเขาได้อย่างไง เอาเหตุผลใดไปขอร้องอ้อนวอนขอโทษคนรัก
ทางกลับกัน
ร่างโปร่งของชานยอลกับใช้ดวงตากลมโตของตนจับจ้องร่างที่สั่นด้วยความโกรธอยู่ข้างๆ
จากนั้นมือบางจึงเอื้อมไปวางบนมือหนาไว้ เมื่อปล่อยมือออกมาบนข้อมือของคริสก็มีตัวอักษรแทนคำพูดของร่างโปร่งประทับอยู่
และมันก็ค่อยๆจางลบลางไป หากสิ่งที่พึ่งได้อ่านกลับทำให้ในตัวเขาสับสน
‘ข้าจะบอกกับพวกท่านเองว่า
เรามิได้รักกัน ข้าจะไม่ขอแต่งเอง วางใจได้เลย...’
.
.
.
.
ข้ายิ้มมิได้ หากข้ากลับมีน้ำตาได้
ช่างมิยุติธรรมเสียจริง แม่มดผู้สาปข้า...
ข้าตัดสินใจก้าวขาไปหาท่านพ่อท่านแม่และท่านป้าท่านลุงทั้งสี่ที่นั่งอยู่เบื้องหน้า
หากทว่า...ก้าวได้เพียงไม่กี่ก้าวมือของข้าก็ถูกรั้งไว้เสียก่อน
อ่า...ผู้ที่รั้งข้าคือชายคนรักของข้า...
ทำไมเขามักทำให้ข้า...ต้องกลั้นน้ำตาอยู่เรื่อยเลยนะ
“เจ้ามั่นใจหรอ...” ข้ามิอาจรู้ว่าในนัยน์ตาคู่คมของคริสมองมาที่ข้าด้วยแววใด
เหตุใดเขาถึงได้เอ่ยเช่นนั้น....มิอาจรู้เลย
แต่คำตอบที่ข้ามอบให้เขาคือการพยักหน้าเบาๆ
และเดินเข้าไปหาผู้ที่ข้านับถือมาทั้งชีวิตทั้งสี่
ข้ายกมือขึ้นเขียนลายอักษรกลางอากาศเพื่อบอกพวกท่าน
“เจ้ามั่นใจหรือลูกข้า...”แม่ของข้าเอ่ยถามเสียงแผ่ว เพราะมีเพียงแม่ของข้าที่รู้ว่าใจของข้านั้นอยู่กับผู้ใด
ข้าอาจจะเจ็บเจียนตายที่ตัดสินใจครั้งนี้ให้มีผลลัพธ์ออกมาเช่นนี้
แต่ข้ากลับดีใจเสียมากกว่าที่ ท่านพี่ของข้ามีความสุข....
หรือเปล่านะ....
“ข้าว่า...เราควรให้พวกเขาอยู่ด้วยกันเสียก่อน อย่าพึ่งด่วนแต่งก็ได้
ข้าจะรอเวลาที่พวกเจ้ารักกัน และเมื่อถึงยามนั้นงานแต่งจะเริ่มขึ้น
ข้าเชื่อว่าข้ามองพวกเจ้าไม่ผิด...”
ทำไมท่านลุงถึงเอ่ยเช่นนั้นกันนะ....
ยามนี้ข้าได้กลับมาที่บ้านพักของข้าแล้ว บ้านหลังนี้อยู่ในป่าของข้า
หากครานี้ข้ากลับมิได้อยู่คนเดียวภายในบ้าน มีชายคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ด้วย
ท่านพี่ของข้านั่นเอง....
ร่างสูงเอาแต่นั่งเหม่อมองออกไปยังผืนป่า
มิยอมเหลียวกลับมามองข้าเสียเลย
ข้าเห็นเช่นนั้นจึงเดินไปเล่นเปียโนให้เสียงดนตรีขับกล่อมหัวใจของข้าและของเขาไปพร้อมๆกัน
“เจ้าคงรู้ว่าไม่มีวันที่เราจะรักกัน....เพราะข้าได้มีคนรักแล้ว...”
เสียงทุ่มเอ่ยขึ้นกลางเสียงดนตรีอันไพเราะ จนทำให้มือของข้าหยุดชะงัก
ข้ามองไปยังร่างสูงที่มองมาที่ข้า
“เจ้าทำไมไม่ยอมพูดอะไรบ้างล่ะ...” ข้าได้เพียงแค่ส่ายศีรษะไปมาเบาๆเพื่อเป็นคำตอบ
เขาคงมิรู้ว่าข้าโดนสาป ข้าเสียใจยิ่งนัก....
“ตอบสิ!!!” ข้ารู้ว่าเขากำลังโกรธ
และคงกำลังโกรธข้ามากยิ่ง ข้าควรทำเช่นไรดี ข้าทำอะไรไม่ได้เลย
ในยามนี้สิ่งที่ข้าทำได้คือร้องไห้...
‘ข้าเจ็บเหลือเกิน ท่านพี่ของข้า...’
.
.
.
.
ร่างสูงเบิกตากว้างทันทีที่เห็นหยาดน้ำใสไหลลงสองข้างแก้ม
ขายาวก้าวเข้าไปหาร่างโปร่งด้วยอาการสั่นเทาโดยมิร่วงรู้สาเหตุ
เมื่อมาถึงตัวร่างโปร่ง มือหนาถูกยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาออกให้อีกฝ่าย
ชานยอลก้มหน้าชิดอกพลางยกมือขึ้นเขียนตัวอักษรเรืองแสงกลางอากาศ คริสค่อยๆอ่านตามตัวอักษรที่ถูกเขียน
ระหว่างนั้นนัยน์ตาคมก็จับจ้องใบหน้านวลที่นิ่งเฉยหากนัยน์ตากลมกลับฉายความเศร้าหมองออกมาโดยมิได้ปกปิดใดๆ
‘ข้าถูกสาปให้มิสามารถยิ้มและเอ่ยคำใดๆออกมาได้
ข้าอยากจะพูดหลายถ้อยคำที่ใจต้องการ หากข้าทำไม่ได้ ข้าขอโทษที่ข้ามิได้ตอบท่านเป็นเสียงของข้า...ข้าขอโทษจริงๆ...’
คริสจับจ้องใบหน้านวลพลางเอื้อมมือขึ้นไปลูบปรางแก้มของร่างโปร่ง
จากนั้นจึงคุกเข่าลงไปนั่งเพื่อให้ตัวเองเท่ากับอีกคนที่นั่งบนเก้าอี้
“ข้าต่างหากที่ควรขอโทษ....”
เอ่ยจบประโยคแขนแกร่งจึงรั้งเอาร่างโปร่งเข้ามากอด
ในยามที่ทั้งสองกอดกัน แสงสว่างก็เปล่งประกายขึ้นรอบห้อง มันคือแสงของชานยอล
แสงแห่งความสุขของร่างโปร่ง คล้ายๆกับหิ้งห้อยตัวน้อยที่โผล่บินขึ้นกลางอากาศ
เปียโนที่ถูกตั้งกลางห้องถูกร่างสูงร่ายเวทย์ให้เล่นเองจนเกิดเป็นเสียงดนตรีท้วงทำนองสุดแสนโรแมนติก
แสงโคมไฟบนเพดานถูกดับลงด้วยฝีมือของร่างสูง ขณะเดียวกันร่างสูงก็ผละตัวออกมา
และจุมพิตบนหน้าผากเนียนแผ่วเบา ราวกลับปุยนุ่นยามล่องลอยไม่มีผิดเพี้ยน
“เรามาลองทำตามที่ท่านพ่อท่านแม่ของเราพูดกันเถอะ....”
นัยน์ตากลมเบิกกว้าง พลางไม่เชื่อหูของตัวเอง ทันที....
“อยู่ด้วยกันซักพักนะ....ชานยอล...”
.
.
.
THE END
t
h
e
m
y
b
u
t
t
e
r
ความคิดเห็น