ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FICEXO] my sadness Room - KAIHUN,KRISYEOL,CHANBAEK,HUNHAN,ETC

    ลำดับตอนที่ #9 : [OS] SOUNDS OF THE FOREST - KRISYEOL {1/1}

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 843
      12
      19 ส.ค. 58

    KRIS x CHANYEOL

     SOUNDS OF THE FOREST







    เสียงทำนองตามตัวโน๊ตบรรเลงไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนทั่งป่าได้ยินเพียงเสียงดนตรีในท้วงทำนองที่ไพเราะเหล่าผีเสื้อน้อยใหญ่ต่างกระพือปีกขยับขึ้นลงตามท้วงทำนอง เหล่าดอกไม้ต่างโยกก้านขยับโบกหวั่นยามที่ได้ยินเสียงบทเพลงอันเสนาะน่าฟัง

     

    ความมืดที่เข้ามาครอบงำป่าทั้งป่าบอกถึงเวลาที่ทุกชีวิตในป่าได้รู้ว่า การแสดงแสนสุดวิเศษจะถูกแสดงขึ้น แม้แต่สัตว์ตัวเล็กเท่ามดยังเฝ้ามองไปยังลานหญ้ากว้างใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ ชายหนุ่มรูปร่างโปร่งบางในชุดสีขาวบางเบาเรืองแสง นั่งเล่นเปียโนด้วยท่าทางสง่างดงาม เปียโนที่ถูกเล่นเป็นเปียโนแก้ว ทุกๆครั้งที่ปลายนิ้วเรียวบรรเลงเพลงแสงสว่างจะปรากกฎรอบๆข้างร่างโปร่งบางราวกลับเป็นออร่า

     

     

    สิ่งมีชีวิตทุกตัวรู้ดีว่าชายผู้นั้นคือใคร....

     

     

    ปาร์ค ชานยอลบุตรชายของนางไม้ผู้ปกปักษ์รักษาผืนป่าแห่งนี้  ความงดงามและความงามราวกลับราชวงศ์องค์เจ้าได้รับมาจากทางแม่มาเต็มๆ หากลองเข้าไปดูใกล้ๆเช่นเจ้าผีเสื้อหลากสีที่มักบินเกาะอยู่บนไหล่บางของร่างโปร่งจะสังเกตเห็นถึงความงดงามบนใบหน้าได้อย่างชัดเจน

     

     

    ชานยอลไม่พูดและเงียบ....เขาถูกสาปให้ไม่สามารถยกยิ้มกว้างๆและไม่ไห้เอ่ยถ้อยคำใดๆออกมาได้ คือคำสาปที่นางแม่มดร้ายได้สาปไว้หลายปีก่อน

     

     

    ทุกค่ำคืนชายหนุ่มจะปรากฏกายกลางป่าและเล่นเปียโนเพื่อให้ป่าทั้งป่าไม่สงบเงียบ กล่อมทุกสิ่งมีชีวิตให้หลับใหลอย่างสบาย

     

     

    หากอีกฝั่งหนึ่งของป่ากลับมีทูตสวรรค์สองตนที่กำลังถกเถียงกันอยู่ ชายผู้เป็นลูกขมวดคิ้วแน่น โกรธผู้เป็นพ่อที่บังคับตน

     

    “ข้าได้ให้สัญญาไว้แล้ว...เจ้าอย่าทำให้มันเสียเรื่องน้า...” ชายหนุ่มร่างสูงผู้เป็นลูกสะบัดหน้าหนีกับคำพูดของพ่อตน “ยังไงเจ้าก็ต้องแต่งงานกับชานยอล”

    .

    .

    .

     

    ด้วยเหตุที่พ่อข้าบังคับข้าให้เข้าป่าครั้งนี้ว่าต้องมาตามหา ชานยอลบุตรของนางไม้แห่งป่า ข้าเลยจำใจต้องเดินเข้ามาหาเพราะพ่อข้าสั่งเด็ดขาดว่า หากข้ามิได้ตัวชานยอลผู้นั้นกลับออกมาจากป่า พ่อข้าจะสาปข้าให้เป็นมนุษย์ที่แสนอ่อนแอเสีย

     

    ข้ามิต้องการ....

     

     

     

    ไม่นานนักข้าก็ได้เดินเข้ามาพบกับเป้าหมาย ชานยอลซึ่งข้าเคยได้พบบ้างตามงานเลี้ยงต่างๆกำลังนั่งเล่นเปียโนอยู่ ช่างงดงามเสียจริง....แต่ข้ามีผู้ที่ต้องใจอยู่แล้ว...พวกเจ้าคงเข้าใจข้า...

     

     

     

    “ชานยอล...” ร่างโปร่งที่ถูกเรียกชื่อหันมาหาข้า ก่อนดวงตากลมมนจะจับจ้องมาที่ข้า “แม่เจ้าคงได้บอกไว้แล้วว่า ข้าจะมารับตัวเจ้ากลับสวรรค์เพื่อ...แต่งงาน”

     

     

    ข้ามิอยากแต่งงานเลย....ชานยอลมิใช่หัวใจของข้า...

    .

    .

    .

    .

    ข้าพูดมิได้....หากหัวใจข้ากลับหลงรักเขาตั้งแต่แรกพบ....

     

     

    “เจ้าต้องขึ้นไปกับข้า...”ชายที่กำลังเดินเข้ามาหาข้าช่างงดงามมิเคยเปลี่ยนแปลง หากยามนี้ดูงดงามกว่ายิ่งนัก เราเคยพบกันยามเมื่อเยาว์วัย ในยามนั้นพี่ชายคนนี้เป็นคนสอนข้าเล่นเปียโน และสอนข้าในเรื่องต่างๆ ข้าหลงรักเขาตั้งแต่ยามนั้น หากในยามนี้เขากลับจำข้ามิได้ มิได้เพียงเศษเสี้ยว

     

     

    “ไปกันเถอะ....” คริสเดินเข้ามาจับข้อมือข้า แล้วดึงข้าให้ลุกเดินตามเขาเบาๆ หากเพียงเท่านั้นหัวใจข้ากลับพลันเต้นแรง ข้ารู้สึกดีเหลือเกินที่ใจของข้ามันกำลังเต้นให้ชายที่ข้าหลงรัก

     

     

    แต่ก่อนที่ข้าจะเดินตามร่างสูงไป ข้าหยุดเดินและยกมืออีกข้างขึ้นมาเขียนกลางอากาศแทนคำพูดของข้า

     

     

     

    เล่นเปียโนกับข้านะ...คริส

     

     

     

    เราอาจจะพบกันหลายครั้งในยามโตขึ้นมา หากเขากลับจำข้าไม่ได้เลย ในยามที่นัยน์ตาคมจับจ้องลายอักษรเรืองแสงบนอากาศที่ข้าเขียน เขาเพียงถอดหายใจออกมาเสียงดัง และยอมเดินไปนั่งเพื่อจะบรรเลงบทเพลงกับข้า

     

     

    มือของสองเราค่อยๆแตะลงบนเปียโน ก่อนปลายนิ้วของข้าจะขยับบรรเลงบทเพลงเสียก่อน ตามมาด้วยมือใหญ่ที่เริ่มเล่นคลอตาม มันช่างคล้ายกับในยามเยาว์นักท่านพี่ ข้าอยากยิ้มกว้างๆให้ชายข้างกายเหลือเกิน อยากเอ่ยคำว่ารักเป็นพันครั้งให้เขาได้ยิน

     

    แต่ข้าทำมิได้....เพราะข้ารู้ว่า

     

     

    หัวใจของชายคนที่ข้ารักนั้นมิได้อยู่กับข้า หากอยู่กับผู้อื่น.....

    .

    .

    .

    .

     

    ชายร่างสูงอึดอัดยิ่งนักที่ต้องฝืนนั่งเล่นเปียโนกลับร่างโปร่ง สีหน้าของร่างโปร่งข้างกายก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงจากเดิมมีเพียงความนิ่งและเฉยชาราวกลับหุ่นรูปปั้นไร้ชีวิต สาเหตุนั้นคือ คริสไม่รู้ว่า ชานยอลถูกสาป เขาเข้าใจว่าร่างโปร่งเป็นคนหยิ่งผยอง เพียงแค่เปิดปากพูดยังไม่อยากจะทำ

     

     

    บทเพลงแสนไพเราะถูกบรรเลงไปเรื่อยๆจนกระทั่งมันจบลง ทั้งสองได้เพียงเงียบจน คริสอดที่จะพูดออกมาไม่ได้

     

     

    “กลับสวรรค์กันเถอะ...” ร่างสูงไม่ได้ฟังคำตอบรับของอีกคน มือแกร่งเกี่ยวเอวคอดรวบเข้ามากอดแนบกายก่อนจะร่ายเวทหายตัวผ่านแสงระหว่างที่กำลังเดินทางผ่านแสง ชานยอลเพียงยิ้มในใจ เขาชอบนักในยามที่ผิวของพวกเขาสัมผัสกัน มือที่เกี่ยวเกาะบนเอวคอดเขาแน่นราวกลับกลัวเขาหลุดออกจากแสงนำทาง มันช่างเป็นความรู้สึกที่ดียิ่ง

     

     

     

    “มาถึงกันจนได้สินะ...”ครอบครัวทั้งสองที่นั่งในห้องโถงของปราสาทห้องหนึ่งเอ่ยขึ้นยามที่สายตาพบเข้ากับร่างของคนสองคนที่ยืนอยู่กลางห้องโถง

     

     

    “เอาล่ะ....ข้าได้หารือกันเรียบร้อยแล้ว พวกข้าจะจัดงานแต่งงานให้พวกเจ้าในวันพรุ่งนี้...”สิ้นประโยคมือแกร่งของร่างสูงกำแน่นทันที เขาไม่อยากแต่งอยู่แล้ว แล้วยิ่งต้องมาแต่งในวันพรุ่งนี้ เขาจะบอกกับคนรักของเขาได้อย่างไง เอาเหตุผลใดไปขอร้องอ้อนวอนขอโทษคนรัก

     

    ทางกลับกัน ร่างโปร่งของชานยอลกับใช้ดวงตากลมโตของตนจับจ้องร่างที่สั่นด้วยความโกรธอยู่ข้างๆ จากนั้นมือบางจึงเอื้อมไปวางบนมือหนาไว้ เมื่อปล่อยมือออกมาบนข้อมือของคริสก็มีตัวอักษรแทนคำพูดของร่างโปร่งประทับอยู่ และมันก็ค่อยๆจางลบลางไป หากสิ่งที่พึ่งได้อ่านกลับทำให้ในตัวเขาสับสน

     

     

    ข้าจะบอกกับพวกท่านเองว่า เรามิได้รักกัน ข้าจะไม่ขอแต่งเอง วางใจได้เลย...

    .

    .

    .

    .

    ข้ายิ้มมิได้ หากข้ากลับมีน้ำตาได้ ช่างมิยุติธรรมเสียจริง แม่มดผู้สาปข้า...

     

    ข้าตัดสินใจก้าวขาไปหาท่านพ่อท่านแม่และท่านป้าท่านลุงทั้งสี่ที่นั่งอยู่เบื้องหน้า หากทว่า...ก้าวได้เพียงไม่กี่ก้าวมือของข้าก็ถูกรั้งไว้เสียก่อน อ่า...ผู้ที่รั้งข้าคือชายคนรักของข้า...

     

     

    ทำไมเขามักทำให้ข้า...ต้องกลั้นน้ำตาอยู่เรื่อยเลยนะ

     

     

    “เจ้ามั่นใจหรอ...” ข้ามิอาจรู้ว่าในนัยน์ตาคู่คมของคริสมองมาที่ข้าด้วยแววใด เหตุใดเขาถึงได้เอ่ยเช่นนั้น....มิอาจรู้เลย

     

     

    แต่คำตอบที่ข้ามอบให้เขาคือการพยักหน้าเบาๆ และเดินเข้าไปหาผู้ที่ข้านับถือมาทั้งชีวิตทั้งสี่ ข้ายกมือขึ้นเขียนลายอักษรกลางอากาศเพื่อบอกพวกท่าน

     

     

    “เจ้ามั่นใจหรือลูกข้า...”แม่ของข้าเอ่ยถามเสียงแผ่ว เพราะมีเพียงแม่ของข้าที่รู้ว่าใจของข้านั้นอยู่กับผู้ใด ข้าอาจจะเจ็บเจียนตายที่ตัดสินใจครั้งนี้ให้มีผลลัพธ์ออกมาเช่นนี้ แต่ข้ากลับดีใจเสียมากกว่าที่ ท่านพี่ของข้ามีความสุข....

     

     

    หรือเปล่านะ....

     

     

    “ข้าว่า...เราควรให้พวกเขาอยู่ด้วยกันเสียก่อน อย่าพึ่งด่วนแต่งก็ได้ ข้าจะรอเวลาที่พวกเจ้ารักกัน และเมื่อถึงยามนั้นงานแต่งจะเริ่มขึ้น ข้าเชื่อว่าข้ามองพวกเจ้าไม่ผิด...”

     

     

     

    ทำไมท่านลุงถึงเอ่ยเช่นนั้นกันนะ....

     

     

     

     

    ยามนี้ข้าได้กลับมาที่บ้านพักของข้าแล้ว บ้านหลังนี้อยู่ในป่าของข้า หากครานี้ข้ากลับมิได้อยู่คนเดียวภายในบ้าน มีชายคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ด้วย ท่านพี่ของข้านั่นเอง....

     

     

    ร่างสูงเอาแต่นั่งเหม่อมองออกไปยังผืนป่า มิยอมเหลียวกลับมามองข้าเสียเลย ข้าเห็นเช่นนั้นจึงเดินไปเล่นเปียโนให้เสียงดนตรีขับกล่อมหัวใจของข้าและของเขาไปพร้อมๆกัน

     

     

    “เจ้าคงรู้ว่าไม่มีวันที่เราจะรักกัน....เพราะข้าได้มีคนรักแล้ว...” เสียงทุ่มเอ่ยขึ้นกลางเสียงดนตรีอันไพเราะ จนทำให้มือของข้าหยุดชะงัก ข้ามองไปยังร่างสูงที่มองมาที่ข้า

     

    “เจ้าทำไมไม่ยอมพูดอะไรบ้างล่ะ...” ข้าได้เพียงแค่ส่ายศีรษะไปมาเบาๆเพื่อเป็นคำตอบ เขาคงมิรู้ว่าข้าโดนสาป ข้าเสียใจยิ่งนัก....

     

    “ตอบสิ!!!” ข้ารู้ว่าเขากำลังโกรธ และคงกำลังโกรธข้ามากยิ่ง ข้าควรทำเช่นไรดี ข้าทำอะไรไม่ได้เลย ในยามนี้สิ่งที่ข้าทำได้คือร้องไห้...

     

     

    ข้าเจ็บเหลือเกิน ท่านพี่ของข้า...

    .

    .

    .

    .

    ร่างสูงเบิกตากว้างทันทีที่เห็นหยาดน้ำใสไหลลงสองข้างแก้ม ขายาวก้าวเข้าไปหาร่างโปร่งด้วยอาการสั่นเทาโดยมิร่วงรู้สาเหตุ เมื่อมาถึงตัวร่างโปร่ง มือหนาถูกยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาออกให้อีกฝ่าย

     

    ชานยอลก้มหน้าชิดอกพลางยกมือขึ้นเขียนตัวอักษรเรืองแสงกลางอากาศ คริสค่อยๆอ่านตามตัวอักษรที่ถูกเขียน ระหว่างนั้นนัยน์ตาคมก็จับจ้องใบหน้านวลที่นิ่งเฉยหากนัยน์ตากลมกลับฉายความเศร้าหมองออกมาโดยมิได้ปกปิดใดๆ

     

     

    ข้าถูกสาปให้มิสามารถยิ้มและเอ่ยคำใดๆออกมาได้ ข้าอยากจะพูดหลายถ้อยคำที่ใจต้องการ หากข้าทำไม่ได้ ข้าขอโทษที่ข้ามิได้ตอบท่านเป็นเสียงของข้า...ข้าขอโทษจริงๆ...

     

     

     

    คริสจับจ้องใบหน้านวลพลางเอื้อมมือขึ้นไปลูบปรางแก้มของร่างโปร่ง จากนั้นจึงคุกเข่าลงไปนั่งเพื่อให้ตัวเองเท่ากับอีกคนที่นั่งบนเก้าอี้

     

     

    “ข้าต่างหากที่ควรขอโทษ....”

     

     

    เอ่ยจบประโยคแขนแกร่งจึงรั้งเอาร่างโปร่งเข้ามากอด ในยามที่ทั้งสองกอดกัน แสงสว่างก็เปล่งประกายขึ้นรอบห้อง มันคือแสงของชานยอล แสงแห่งความสุขของร่างโปร่ง คล้ายๆกับหิ้งห้อยตัวน้อยที่โผล่บินขึ้นกลางอากาศ เปียโนที่ถูกตั้งกลางห้องถูกร่างสูงร่ายเวทย์ให้เล่นเองจนเกิดเป็นเสียงดนตรีท้วงทำนองสุดแสนโรแมนติก แสงโคมไฟบนเพดานถูกดับลงด้วยฝีมือของร่างสูง ขณะเดียวกันร่างสูงก็ผละตัวออกมา และจุมพิตบนหน้าผากเนียนแผ่วเบา ราวกลับปุยนุ่นยามล่องลอยไม่มีผิดเพี้ยน

     

     

    “เรามาลองทำตามที่ท่านพ่อท่านแม่ของเราพูดกันเถอะ....” นัยน์ตากลมเบิกกว้าง พลางไม่เชื่อหูของตัวเอง ทันที....

     

     

     

    “อยู่ด้วยกันซักพักนะ....ชานยอล...”

    .

    .

    .

    THE END

     

     



     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ©
    t
    h
    e
    m
    y
    b
    u
    t
    t
    e
    r
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×