ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FICEXO] my sadness Room - KAIHUN,KRISYEOL,CHANBAEK,HUNHAN,ETC

    ลำดับตอนที่ #30 : Radio - KAIHUN

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 220
      8
      18 ต.ค. 62












         
    Radio

         Kim Jongin x Oh Sehun






                                                                                 






    “ฉันบอกคุณไปกี่รอบแล้วว่าให้เลิกดื่มมันซักที!!” 


    เพล้ง!!


    วัตถุใสแตกเป็นเสี่ยงๆเมื่อกระทบลงกับพื้นอย่างจัง น้ำสีอำพันที่ถูกบรรจุด้านในไหลหกเลอะไปทั่วพื้นพรหมแค่มองก็รู้ว่าทำความสะอาดยากแค่ไหน แต่เจ้าของห้องกลับไม่ได้คิดสนใจมันเลยแม้แต่น้อย นัยน์ตากลมอันเปื้อนมาสคราร่าสีดำสนิทตวัดขึ้นมองผู้ชายตรงหน้าอย่างเหลืออด รองเท้าส้นสูงย่ำผ่านเศษแก้วเข้าไปยืนประชิดอีกคนก่อนนัยน์ตาสีอ่อนจะคลอหน่วงด้วยหยาดน้ำตา


    “ถ้ายังไม่เลิกเหล้าคุณก็เลิกกับฉันเถอะ ฉันทนคุณไม่ได้อีกต่อไปแล้ว”



    จบคำขาดน้ำตาหยดใสไหลผ่านแก้มขาว คนตรงหน้าที่ยังไม่สร่างเมาได้แต่หัวเราะออกมาเยาะเย้ย เดินหลีกออกมาโดยไม่คิดจะตอบโต้อะไรกลับไป ไม่ใช่ว่ายอมรับในสิ่งที่ผู้หญิงคนนั่นพูด แต่โกธรจนเลือดขึ้นหน้าเลยต่างหาก เขาไม่อยากทำร้ายใครและยัยคนนั่นก็ไม่ใช่คนคุมชีวิตเขา คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้มาสั่งให้เขาเลิกยุ่งกับตัวเอง 



    ร่างหนาโยนกระเป๋ากีต้าขึ้นรถ ก่อนจะขับออกจากหน้าบ้านมุ่งตรงไปยังบาร์ เพียงรถแล่นมาจอดเทียบหน้าร้าน เจ้าตัวก็รุดเข้าไปโดยไม่ได้สนใจเวลาที่ตัวเองเข้างานเลย เดินจ้ำอ้าวขึ้นเวทีเล็กๆหน้าบาร์ พร้อมกับตีคอร์ดเพลงไปเรื่อยๆ หวังในพายุในอกเย็นลงบ้าง 



    เวลาเดียวกันในขณะที่ใครนึงคนในร้านกำลังหัวเสียและหาที่ระบาย อีกหนึ่งคนในร้านที่เต็มไปด้วยผู้คนกลับมีคนคนนึงกำลังยืนจับจ้องคนที่อยู่ในสภาพตีคอร์ดเพลงไม่ลืมหูลืมตาบนเวที จังหวะที่ประตูหลังร้านถูกผลักเข้ามาเต็มแรงเรียกให้คนทั้งบาร์หันไปดูและ โอเซฮุนก็คือหนึ่งในนั่น 


    ผู้ชายคนที่อยู่บนเวทีเตี้ยๆนั้นกำลังตีคอร์ดเพลง Labrinth - Jealous แม้ไม่ได้ออกเสียงร้อง คนที่ฟังเพลงมาเยอะอย่างเขาก็พอจะรู้ แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีโอกาสได้นั่งฟังอย่างลูกค้าในร้าน 


    “โต๊ะบีสอง” มือเรียวหยาบกระด้างรับถาดเบียร์แก้วใหญ่มาไว้ในมือ ก่อนจะเดินไปตามตำแหน่งที่ถูกสั่ง ใช่...โอเซฮุนเป็นเด็กเสิร์ฟในบาร์แห่งนี้ และก็ชอบแอบมองคนคนนั่นเอามากๆ 


    เคยได้ยินว่าชื่อ คิมจงอิน เป็นคนเกาลีอเมริกันที่แสนจะมีเสน่ห์ ผิวใหม้แดดคล้ำน่ามองกับองค์ประกอบของใบหน้าที่หล่อเหลาคล้ายดาราหนังยุคเก้าศูนย์ ทุกๆอย่างทำให้ลบล้างนิสัยอันไม่เอาไหนได้เป็นอย่างดี แต่ไหนแต่ไรคนคนนั้นก็เมาหัวราน้ำ น้อยครั้งนักที่จะเห็นอีกคนสร่างเมา แล้วพูดจาได้ศัพท์กับคนอื่น คนเดียวที่เห็นจะพูดดีด้วยก็เห็นจะเป็นแฟนสาวสุดสวย ยัยเจสเด็กเสิร์ฟอีกคนในร้านนั้นแหละ 


    “ไปบอกให้มันร้องสักเพลงสิ จะเกากีต้าร์ทำเหี้ยไรนักหนา” ลุงเจ้าของร้านนึกหงุดหงิดขึ้นมาเมื่อผ่านไปได้เกือบชั่วโมงคนบนเวทีก็ยังไม่เลิกเล่นคอร์ดไปเรื่อยๆ หน้าที่จำเป็นจึงถูกส่งให้โอเซฮุนเดินผ่านลูกค้าไปหน้าเวทีแล้วเอื้อมมือเคาะพื้นไม้สองสามที


    “ขอเพลง11 MinutesของYUNGBLUD กับ Halsey หน่อยครับ” 


    นัยน์ตาคมกริบตวัดขึ้นมามองอย่างไม่พอใจจังหวะเดียวกันกับที่เขาบอกชื่อเพลงออกไป คิ้วหนาขมวดไปพักนึงก่อนจะพยักหน้าส่งๆเหมือนเข้าใจเมื่อลากสายตาไปมองหลังเคาน์เตอร์บาร์แล้วเห็นลุงเจ้าของร้านยืนเท้าสะเอวอยู่

    โอเซฮุนเดินถอยออกมาพิงสะโพกรอออเดอร์ที่เคาเตอร์ จับจ้องไปยังร่างหนาบนเวที นึกน่าสนใจขึ้นมาเมื่อเพลงที่เคยเป็นเพลงร็อกถูกปรับให้เป็นเพลงอคูสติกจนแถบจำไม่ได้ น้ำเสียงติดขึ้นจมูกเปล่งออกมาอย่างเอาแต่ใจรู้ได้ทันทีว่าอารมณ์ของคนร้องกำลังเดือดอยู่ 


    “เกิดอะไรขึ้นทำไมไอ้จงอินสภาพแบบนั้น?” แต่ทว่า...น้ำเสียงของคนเวทีกลับถูกแทรกด้วยบทสนทนาของใครบางคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง พอได้ยินชื่อของคนคนนั้นจึงเอี้ยวตัวไปมอง 

    “ทะเลาะกันปัญหาเดิมๆ” หญิงสาวใบหน้าสละสวยเดินมาทิ้งตัวพิงเคาน์เตอร์ข้างกัน ก่อนจะส่งสายตาไปมองคนบนเวที ไม่วายลุงเจ้าของร้านที่รู้จักทั้งคู่มานานก็ถามต่อ


    “ถ้ามันยังไม่เลิกสักทีสักวันเดี๋ยวก็ตายห่า” น้ำเสียงติดไม่พอใจดังขึ้นพร้อมเสียงถอนหายใจของหญิงสาวก่อนรับเอาถาดเบียร์มาไว้ในมือเดินไปเสิร์ฟให้โต๊ะหน้าเวที 


    จากมุมนี้โอเซฮุนมองได้ชัดเจนว่า จงอินที่อยู่บนเวทีจับจ้องเจสนานแค่ไหน นัยน์ตาคู่นั้นอันเป็นดั่งกองไฟกำลังโอนอ่อนลงอย่างไม่น่าเชื่อ เช่นเดียวกับน้ำเสียงที่ผ่อนเบาลง มันน่าหงุดหงิดแบบนี้ทุกๆคืนจริงๆ 






    หลังเวลาเลิกงานงานอดิเรกของโอเซฮุนคือทำความสะอาดร้านก่อนจะเป็นคนปิดบาร์เอง และเพราะแบบนั่นเลยทำให้หลายๆครั้งที่เขาต้องมาเห็นว่าพื้นที่หลังร้านถูกจับจองด้วยคิมจงอินและแฟนสาว 


    สองคนนั่นกำลังนัวเนียกันได้ที่ ระหว่างที่พยายามทำเป็นชินเดินถือถุงขยะผ่านทั้งคู่ไป ตอนนั้นเองที่เขาเผลอสบเข้ากับนัยน์ตาคมกริบ ก้อนเนื้อในอกกระตุกวูบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน  ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนเกือบหยุดเดินและแสดงท่าทีพิรุธออกมา 


    “แล้วยังจะเลิกไหม?” 


    “จะกินให้น้อยลง” 


    ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้ไอ้ถังขยะบ้าที่เคยเปิดง่ายๆวันนี้ทำไมมันเปิดไม่ออก แล้วทำให้ตัวเองต้องมายืนฟังสิ่งที่คนสองคนนั้นพูดกัน และมันก็น่าเจ็บใจที่เขาดันเข้าใจคำว่าเลิกนั้นดี 


    “สัญญา”


    “...” 






    Can I go where you go?

    Can we always be this close?

    Forever and ever

    Take me out

    And take me home

    You're my, my, my, my...

    Lover









    ร่างทั้งร่างทิ้งลงกับกำแพงเย็นเฉียบด้านนอก เอียงศรีษะพิงกับอิฐสีแดงบล็อกเล็ก คลอไปพร้อมกับเสียงเพลงในร้านที่เปิดทิ้งไว้ อีกฝั่งนึงของกำแพงจะเป็นยังไงบ้างนะ จงอินจะตอบว่ายังไง เขาเดาไม่ถูกเลยเพราะตั้งแต่ได้ยินคำว่าสัญญา เสียงจากด้านในก็เงียบไปแล้ว



    “...”






    “ยิ้มมาแต่ไกลเลยนะ” 


    “แน่นอน คนมันอารมณ์ดี” 



    ร่างผอมเอี้ยวตัวไปยังน้ำเสียงคุ้น ก่อนจะเห้นคิมจงอินเดินมานั่งเก้าอี้ตรงบาร์ถัดจากเขานิดหน่อย ซึ่งกำลังคุยกับคุณลุงเจ้าของร้านอย่างอารมณ์ดี วันนี้ดูแปลกหูแปลกตาไปเพราะดูเหมือนอีกคนจะไม่ได้เมามาอย่างเกือบทุกวัน สังเกตุได้จากผมที่วันนี้เซตมาทรงเสียหล่อเอาเรื่อง 


    “วันนี้จะขอเพลงอะไรไหมไอ้หนู” ไม่ทันได้ตั้งตัวร่างหนาบนเก้าอี้ทรงสูงกลับหันมาถามกันหน้าตาเฉย ด้วยสมองที่พยายามประมวลอย่างเร็วสั่งให้ตอบออกไปเป็นเพลงที่พึ่งฟังก่อนออกมาทำงาน 


    “I Don't Love You ของ-”


    “My Chemical Romance ใช่ไหม?” ไม่รอให้ได้ตอบจบประโยค เจ้าของคำถามก็เอ่ยชื่อวงดนตรีเจ้าของเพลงขึ้นมาเสียก่อน และมันก็เป็นของวงตรงกับใจของโอเซฮุน


    “..ครับ”


    “เพลงเพราะเลยนะ” ว่าจบก็ยกเบียร์ขึ้นจนหมดแก้วเล็ก รอยยิ้มจางๆผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาก่อนที่ร่างหนาจะเดินผ่านเขาไป ตรงไปยังเวที ลองเสียงกีต้าร์ไฟฟ้าที่นานๆทีจะเห็นจับขึ้นมาเล่น แล้วจึงเริ่มร้องเพลงเป็นเวลาเดียวกับที่คนเริ่มถยอยเข้ามานั่งในร้าน 






    Down in the valley where the church bells cry.

    I'll lead them over to your eyes.

    Whoa, oh, I am one, I am one.









    ซึ่งเพลงบางเพลงที่ถูกเล่นก็เป็นเพลงที่โอเซฮุนไม่คุ้นหุ อย่างเพลงที่คนผิวเข้มกลางร้านกำลังร้อง ไม่แน่ใจว่าต้นฉบับของเพลงเป็นแนวไหน แต่อีกคนเล่นเป็นอคูสติกกลับเพราะอย่างลงตัว แล้วเนื้อเพลงก็เศร้าเหลือเกิน เศร้าจนคนทั้งบาร์พากันนั่งนิ่งไปหลายนาที 


    เขาชอบที่จงอินเลือกเพลงมาเล่นในแต่ละคืนไม่ซ้ำกัน และเห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวฟังเพลงเยอะมากๆถึงสามารถร้องและเล่นได้เกือบทุกเพลงที่ลูกค้าขอ บางเพลงก็เก่ามากบางเพลงก็เป็นเพลงที่พึ่งถูกปล่อยออกมาไม่กี่วัน น่าทึ่งจริงๆผู้ชายคนนี้ 


    ก่อนเพลงจบเป็นจังหวะที่ร่างผอมเดินเข้าไปเสิร์ฟโต๊ะหน้าเวทีพอดี ทำให้เลี่ยงไม่ได้ที่จะยืนฟังอีกคนร้องอยู่หน้าเวที เฝ้ามองนัยน์ตาคมกริบคู่นั้น ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ยืนอยู่อย่างนั้น ได้สติอีกทีก็ตอนที่นัยน์ตาคู่นั้นหันไปสนใจคนอีกคนข้างเวที 



    เจสกำลังยกนิ้วโป้งขึ้นชื่นชมคนเป็นแฟน แล้วรอยยิ้มจางๆก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา ภาพทั้งหมดเกิดขึ้นเชื่องช้าในความคิดเขา เหมือนภาพยนต์สักเรื่อง เหมือนเอ็มวีดังๆหลายเพลง เพลงรักไม่ก็...หนังรัก




    โอเซฮุนชักจะเริ่มสงสัยขึ้นมาว่าคนสองคนจะรักกันได้หรือไหม 


    ไม่สิต้องถามว่า จะมีวันที่จงอินหันมาสนใจเขาบ้างไหม 






    ท่ามกลางเสียงเพลงภายในร้านเวลาหลังเลิก โอเซฮุนยังนั่งอยู่เคาน์เตอร์ในมือมีแก้วใสบรรจุน้ำสีอำพันไว้ ออกแรงแกว่งไปมาให้หัวได้คิดอะไรไปเรื่อย จนไม่ทันได้สังเกตว่ามีคนเดินเข้ามา ร่างหนาในสภาพมึนเมาทิ้งตัวนั่งลงข้างกับอีกคน เสียงดังของเก้าอี้กระทบกับพื้นทำให้ร่างผอมสะดุ้งตื่นจากภวัง หันควับไปทันที 


    ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกไป คนที่ยังเมาก็คว้าขวดเบียร์ขึ้นกระดกเหมือนดื่มน้ำเปล่า โอเซฮุนถอนหายใจออกมาเฮือกใจเมื่อเห็นว่าคนที่เมาเป็นหมาตรงหน้าคือคนคนเดียวกันกับคนที่เขาคิดไม่ตกเมื่อครู่



    “ผมจะปิดร้านแล้ว กลับไปเถอะครับ” 

    “...” 

    ไม่มีใครยอมแพ้ใคร เมื่อจงอินตวัดสายตาขุ่นเคืองขึ้นมองอีกคน ส่วนโอเซฮุนก็มองตรงไปนิ่งๆ ได้ยินแต่เพียงเสียงหายใจของกันและกันที่คนละจังหวะ 


    “รอเจส”


    ยังดีหน่อยที่วันนี้อีกคนยอมบอกความต้องการออกมา ถ้าเป็นอย่างปกติก็คงนั่งทำหน้ามึนจนร้านปิดโน่นแหละ เป็นแบบนี้ก็ง่ายหน่อยจะได้โทรตามยัยนั้นให้มารับได้ 

    แต่ยังไม่ทันได้ล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้ยมากดเบอร์ อีกคนก็พูดขึ้นมาดักไว้ก่อน 


    “ทำไมผู้หญิงแม่งงี่เง่าจังว่ะ แค่แดกเหล้ามันจะอะไรนักหนา” 


    น้ำเสียงร่างหนากระแทกอย่างออกรสออกชาติ จนเขายอมทิ้งความตั้งใจที่จะโทรออกหาอีกคนมารับ แล้วยอมหมุนตัวไปนั่งฟังอีกคนดีๆ วางแขนพาดกับเคาน์เตอร์ก่อนจะซบหัวลงกับแขนตัวเองเอียงหน้าไปมองอีกคน


    “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน...”


    “ทำงานร้านเหล้าแม่งก็ต้องแดกเหล้าอยู่ดีป่ะ จะให้กูเลี่ยงได้ยังไง”


    “...” เบียร์ในขวดถูกยกขึ้นกระดกอีกคราว จนมันแถบจะหมดขวดในคราวเดียว 






    When the sun goes down

    And the band won't play

    I'll always remember us this way








     เสียงเร่อดังขึ้นแผ่วเบาพอกับเสียงบ่นงึมงำในลำคอ ร่างหนาทิ้งหัวลงกับแขนตัวเองที่พาดบนเคาน์เตอร์ท่าเดียวกันกับร่างผอม หากแต่หนึ่งคนยังมีสติแต่อีกคนกลับแทบไม่เหลือสติให้ได้เห็นแล้ว ขวดแก้วสามขวดบนเคาร์เตอร์เป็นคำตอบได้ดี 


    เพลงกำลังวนมาเพลงแรกของเพลลิสอีกรอบ และเพลงท้ายๆของเพลลิสก็เป็นเป็นเพลงประกอบหนัง อย่างที่เขาชอบบอกว่าชีวิตของจงอินเหมือนหนังรัก ตั้งแต่ตัวเขาไปจนถึงคนที่เป็นคนที่ผู้ชายคนนี้รัก คนรอบข้างผู้ชายคนนี้ และอีกมากมายที่เขามั่นใจว่ายังมีอยู่แต่เขาไม่มีโอกาสได้เห็น 


    มือบางเอื้อมออกไปเกลี่ยปอยผมด้านหน้าของคนที่กำลังจะหลับไปมาแผ่วเบา กลัวว่าจะทำให้อีกคนตื่นขึ้นมาซึ่งมันเป็นไปได้ยาก นึกอิจฉาคนที่ได้นอนมองหน้าจงอินใกล้ๆ ได้กอด ได้สัมผัสผู้ชายคนนี้ 


    “...”


    ไล้ปลายนิ้วตั้งแต่คิ้วหนาได้ทรงเปลือกตาสีเข้ม ลากไล้ตามผิวแก้มกร้านจนมาหยุดชิดริมฝีปากหยักน่าสัมผัส สามารถจินตนาการได้ไม่ยากว่าถ้าขยับตัวเข้าไปสัมผัสจะรู้สึกเช่นไร แค่คิดหัวใจก็พลันเต้นแรง เซฮุนกระตุกยิ้มกับอาการหวั่นไหวของตนเองก่อนจะละมือออกห่างคนตรงหน้า






    “ขอบใจที่โทรบอกนะ”


    เจสเดินเข้ามาในบาร์เอ่ยเสียงส่งๆ ก่อนจะเดินเข้าไปประคองร่างหนาของอีกคน ตอนแรกกะจะเข้าไปช่วยอยู่หรอกเพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิงร่างบอบบาง แต่เห็นจากท่าทางที่คุ้นเคยถนัดถนีกันดีแล้วก็พอจะเข้าใจว่าเจสน่าจะรับมือกับสถานการณ์แบบนี้อยู่เป็นประจำ



    คล้อยหลังทั้งคู่ เซฮุนได้แต่คิดว่าจะอีกนานแค่ไหนกันที่เขายังสามารถเป็นคนดี ทำเป็นหลับหูหลับตาต่อความเจ็บปวดข้างในใจ มันไม่มากนักหรอกแต่ก็ไม่ได้น้อยลง ถ้าวันนึงเขาตัดสินใจพูดความรู้สึกออกไปจะมีอะไรเปลี่ยนไปหรือเปล่า คนคนนั่นจะยังมองมาที่เขาด้วยแววตาเดิมหรือเปล่า หรือว่าจะรังเกียจกัน 





    ซ่า!




    เสียงห่าฝนด้านนอกดังเข้ามาในบาร์จนแทบไม่ได้ยินเสียงเพลงที่เปิดผ่านเครื่องขยายเสียง แถมลูกค้าวันนี้ก็น้อย ดูเงียบเหงาลงถนัดตา วันนี้ลุงเจ้าของบาร์เองก็ไม่เข้าบาร์ส่วนเจสก็ขอลาเพราะติดธุระ ไม่รู้ว่าแฟนของยัยนั่นจะลาด้วยหรือเปล่า 




    เพลงเก่าอย่าง Future, Miley Cyrus - Real and True ถูกเปิดแทนการขึ้นแสดงสดอย่างทุกคืน เพราะรอกว่าชั่วโมงหลังเปิดบาร์ก็ยังไม่มีวี่แววของลูกจ้างอย่างคิมจงอินโผล่หน้ามา ทำให้ในร้านเหลือเพียงโอเซฮุนคนเดียวที่ทำทั้งหน้าที่คนดูแลบาร์ เสิร์ฟและชงเอง ขอบคุณวันฝนตกที่คนไม่ได้แน่นร้านอย่างหลายๆวันให้หลังมานี้ เพราะถ้าเป็นแบบนั่นโอเซฮุนคงเอาใจลูกค้าทุกคนไม่ได้ทั่วถึง


    เพลงวนแล้ววนเล่าทั้งเพลงเก่าและเพลงใหม่ก็แล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววของคนที่ใจถามหา ลึกๆก็พอจะรู้อยู่หรอกว่า ทั้งเจสและจงอินก็คงนอนกกกอดกันอยู่บนเตียงนุ่มๆในวันฝนพร่ำแบบนี้ แต่ก็นะ...วันนี้เหนื่อยเป็นบ้าจนอยากจะเจอหน้าคนคนนั้นมากกว่าวันปกติ


    คงทำให้วันสีหม่นๆอย่างวันนี้ของเขาดีขึ้นไม่น้อย



    แต่วันหม่นๆของเขาก็ยังคงหม่นอยู่ดีแถมมันชักจะเริ่มดำทมิฬขึ้นลางๆเพียงเพราะลูกค้าคนหนึ่งย่างเข้ามาในบาร์ นัยน์ตาหวานเชื่อมคู่นั่นจ้องมาที่เขาไม่ปล่อย เหมือนเสือที่ต้องการตะครุบเหยือไว้ในกรงเล็บไม่เพี้ยน


    “วันนี้เฝ้าบาร์คนเดียวหรอ?” 

    ชานยอล หรือแบล็คลิสของโอเซฮุน เดินเข้ามานั่งบนเก้าอี้ทรงสูงข้างเคาน์เตอร์บาร์ ทอดสายตาข้ามเคาน์เตอร์มา คนถูกทักถามทำเพียงยักไหล่ให้แสดงออกชัดเจนว่าไม่ได้อยากต่อปากต่อคำมากนัก และเพราะคนตรงหน้าคือชานยอลไม่ใช่ลูกค้าทั่วไปเขาถึงกล้าทำเสียมารยาทในฐานะเด็กเสิร์ฟ


    “ไม่เอาหน่า...หายไปไม่กี่อาทิตย์ลืมฉันแล้วหรือไง” คนอายุเกือบสามสิบเอ่ยน้ำเสียงติดตลก ไวเท่าความคิดมือหยาบเอื้อมเข้ามาคว้าศอกเขาไว้เพื่อรั้งให้ตัวเขาขยับเข้าไปหาจนร่างชิดเคาน์เตอร์ พยายามสะบัดท่อนแขนออกจากการเกาะกุมไปหลายทีแต่ก็ไม่เป็นผล จนต้องยอมเอ่ยอะไรออกมา


    “ปล่อยผม” 

    “โอ้...”

    “ไม่งั้นผมไล่คุณออกจากบาร์แน่”


    “ก็ได้….” ในวินาทีสุดท้ายเจ้าของมือหยาบก็ยอมปล่อยท่อนแขน พร้อมเสียงหัวเราะชอบใจในลำคอ เซฮุนไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่ได้เห็นคนคนนี้ในบาร์ถึงหมอนี้จะอายุมากกว่ามากแถมยังเป็นคนสนิทของลุงเจ้าของบาร์ เหอะ...ขัดกับนิสัยที่ต่างกันลิบลับของลุงเจ้าของบาร์ ไม่รู้ว่าเพราะงานนักร้องที่เจ้าตัวเคยพูดให้ฟังหรือเปล่าที่ทำให้คนตัวสูงใหญ่ตรงหน้าเป็นพวกมือไวใจไว อยากได้อะไรก็ต้องได้ 


    หลายครั้งที่ต้องระวังตัวเองอยู่ตลอดเพียงเพราะในร้านมีชานยอลอยู่ อย่างวันนี้ที่เขาพลาดไปเพราะมัวแต่เก็บขยะไปทิ้งหลังร้าน ไม่ทันได้สังเกตและระวังตัวอย่างทุกครั้ง ทำให้ตอนนี้โดนชานยอลลากเข้ามาในห้องเก็บของไม่ทันได้ตั้งหลัก






    Cause sometimes I just feel like I'm a freak

    When I wake up, I just don't like what I see

    All the way from my head right down to my feet

    I wish that I thought differently








    เพลงจากในร้านดังเข้ามาตอกย้ำกันให้เจ็บใจเล่น มือเรียวยกขึ้นปัดปายไปทั่วทั้งพยายามพลัก ทุบ ตี เข้ากับแผ่นอกกว้างใต้เชิ้ตสีเข้มปลดกระดุมลึกลงมาจนถึงกลางอก ให้ตายสิ ถ้ายัยเจสเห็นหมอนี้ในสถานการณ์นี้ก็คงกรี๊ดสลบ แต่ไม่ใช่กับเขา 


    “ออกไปเดี๋ยวนี้นะ!”


    “หึ!” รอยยิ้มมาดร้ายกระตุกขึ้นมุมปาก ก่อนฝ่ามือหยาบจะกระชากเสื้อเชิ้ตสีขาวสำหรับใส่มาทำงานจนกระดุมขาด ออกแรงกระแทกร่างเขาเข้ากับผนังสร้างความเจ็บร้าวไปทั่วทั้งแผ่นหลัง 


    “ยะ อย่า!” ไม่ทันได้ตั้งตัว มือหยาบก็ขยับไปกระชากกางเกงยีนเขาพยายามดึงรั้งให้ร่นลงต่ำ เซฮุนคว้ามือใหญ่ไว้ พร้อมทั้งอ้อนวอนผ่านนัยน์ตาสีอ่อน น้ำเสียงสั่นเครือที่ส่งออกไปบอกได้ดีว่าเจ้าของน้ำเสียงหวาดกลัวมากแค่ไหน


    “ทีแบบนี้ไม่เก่งเหมือนตอนหัวค่ำล่ะ” เสียงหัวเราะเยาะในลำคอดังขึ้น เป็นจังหวะเดียวกันที่ลมหายใจเขาขาดห้วงเพราะมือหยาบกระชากออกจากมือเขาจนหลุดพร้อมกับออกแรงดึงยีนลงสมใจ 


    พลั่ก!



    ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ไม่ทันเสี้ยววินาทีที่มือหยาบกำลังจะลากสัมผัสร่างกาย ร่างทั้งร่างของชานยอลก็เซถลาเข้ากับตู้เก็บของด้านข้าง ภาพตรงหน้าถูกซ้อนด้วยร่างของคิมจงอิน เกินความคาดหมาย นั่นคือความรู้สึกแรกที่โอเซฮุนอุทานกับตัวเอง ยังไม่ทันที่ชานยอลจะได้ตั้งตัว ข้อมือบางก็ถูกคว้าไว้ ออกแรงกระชากวิ่งผ่านประตูด้านหลังบาร์ออกไป


    “วิ่ง!” ขาทั้งคู่ออกแรงสับไม่คิดชีวิตเมื่อพ้นประตูออกมาและเห็นว่าชานยอลวิ่งตามออกมาพร้อมปืนในมือเล็งมาทางนี้ คนตรงหน้าออกแรงวิ่งเร็วจนอดแปลกใจไม่ได้ว่าคนที่เอาแต่เมาหัวราน้ำตลอดเอาแรงที่ไหนมาวิ่งได้เร็วขนาดนี้ 



    ทั้งคู่หักเลี้ยวเข้าไปในห้องน้ำสวนสาธารณะ มองหลังตลอดว่าชานยอลไม่ได้ตามมาแล้วและคงต้องหลบกันในนี้อีกพักใหญ่ๆเพราะหมอนั่นเล่นถือปืนขู่แบบนั้น


    “มึงนี้หน่า” ร่างบางถูกพลักเข้าไปด้านในก่อนแล้วเจ้าของน้ำเสียงดุดันจึงตามเข้ามา นัยน์ตาคมกริบปราดมองอีกคนผ่านกระจกกลมบนผนัง “แม่งล่อลูกค้าได้ดีอย่างที่เจสพูดจริงๆ” ประโยคเมื่อกี้ทำเอาคนที่กำลังแต่งตัวให้เข้าที่ เงยขึ้นมองผ่านกระจกสบตากับอีกคนพร้อมขมวดคิ้วเป็นปมไม่เข้าใจ 


    “ห่ะ?”


    “ช่างแม่งเถอะ คงต้องอยู่นี้กันก่อนแล้วค่อยออกไป” มีหลายคำถามที่เซฮุนอยากถามแต่ต้องเก็บไว้ในใจก่อน เพราะเขาอยากใช้เวลานี้เก็บเกี่ยวไว้ เวลาแบบนี้โอเซฮุนเอาไปโรแมนติกได้ยังไง คงต้องมีสงสัยกันบ้าง แน่ล่ะว่าถ้าเป็นคนปกติคงขวัญกระเจิงและคงนั่งร้องไห้อยู่ แต่กับเขาแล้ว...ชานยอลคือคนที่คอยหาเศษหาเลยกันมาอยู่ตลอด และมีหลายครั้งที่มันเลยเถิดมาอย่างวันนี้แต่ทุกครั้งก็มักจะถูกขัดจังหวะไว้ โชคไม่ดีกับผู้ชายคนนั่นอยู่เสมอ


    เขากล้าพูดว่าชินกับเหตุการณ์บ้าๆนี้ 


    ถึงทุกครั้งจะเล่นให้เขากลัวจนแทบจะเป็นบ้าก็ตาม 



    แตกต่างกันกับวันนี้มันดีใจเพราะคนที่คอยทั้งคืนกลับมาโผล่เอาในนาทีที่ต้องการ เซฮุนไม่ได้เว่อ เพราะตัวเขาชอบอีกคนมากจริงๆและวาดภาพอะไรต่อมิอะไรไว้หลายๆอย่าง หลายเดือนที่ผ่านมาเขาสมเพชตัวเองด้วยซ้ำที่เอาแต่ฝันถึงความสัมพันธ์ที่เป็นไปไม่ได้ จนเอามาเก็บคิดเองเออเอง รู้สึกสนิทสนมกับอีกคนทั้งๆที่ก็มีแต่เขาที่รู้สึก






    ------------





    “ไม่ออกไปเล่นดนตรีหรอ?” 


    “ไว้ค่อยไปดึกๆขี้เกียจ”


    “ได้ที่ไหนล่ะ” เจสพลิกตัวไปมองหน้าคนที่กอดกันจากด้านหลังบนเตียงนุ่มในวันที่ฝนตก เธอดีใจที่วันนี้กลิ่นที่โชยฟุ่งอยู่ใกล้ไม่มีกลิ่นของแอลกอฮอล์ นึกขอบคุณที่เชื่อฟังกันบ้างโน้มหน้าลงไปกดจูบลงบนจมูกคมอย่างหยอกล้อ เรียกร้อยยิ้มหยักได้เป็นอย่างดี







    So I think I better go

    I never really know how to please you

    You're looking at me like I'm see through

    I guess I'm gonna go

    I just never know how you feel

    Do you even feel anything?







    “ของBillie Eilishไม่ใช่หรอ?” คิมจงอินเอ่ยขึ้นเมื่อเพลงที่เปิดดังในห้องวนมาถึงเพลง


    เพลงหนึ่งทำให้คิดถึงคนบางคนนอกจากคนข้างกายตอนนี้ 


    “cover by Sara King” เจสตอบไปทั้งๆที่ยังคลอเคลียใบหน้าหล่อเหลาไม่ห่าง ปลายนิ้วเรียวลากไปมาผ่านแก้มกร้าน กดจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่าบนริมฝีปากหยักด้วยความรักที่มีให้ทั้งหมด


    “เพราะดี” ทั้งคู่เป็นคนพวกฟังเพลงกันเยอะเอามากๆ หลายครั้งที่ต่างฝ่ายต่างหาเพลงปล่อยใหม่มาพูดคุยกัน โดยเฉพาะเจสที่ฟังเพลงในยุคปัจุบัน ส่วนเขานั่นฟังเพลงเก่า ทำให้หลายๆเพลงบนเวลาในบาร์ถูกสลับสับเปลี่ยนเก่าบ้างใหม่บ้างและเพลงทั้งหมดเจสก็ร้องเกือบได้ทั้งหมด ในสายตาคิมจงอินผู้หญิงคนตรงหน้าดูลงตัวเอามากๆในชีวิตรักของเขา ถึงแม้ว่าหลังๆจะทะเลาะกันเรื่องที่เขาทำตัวเสเพล ปากดีไปทั่ว แต่ก็นั้นแหละ เขาเมา...ไม่มีสติพอจะคิดอะไรให้รอบคอบหรอก


    หากแต่มีคนอีกคนที่ทำให้เขารู้สึกแปลกใจอยู่เกือบทุกครั้งที่ตัวเองพอจะมีสติไม่เมาหน่ะนะ 


    โอเซฮุน เด็กเสิร์ฟในบาร์ที่มักจะเป็นคนขอเพลงแปลกๆจากเขา ทุกครั้งมันก็เกือบจะเป็นเพลงที่เขาฟังมันมาจากที่อื่นนอกจากในห้องนี้ หรือกับเจส เพลงที่ไม่ค่อยติดหู แต่พอฟังทีไรก็ทำให้คิดถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมา


    เขาไม่รู้ว่าเด็กคนนั่นสร้างความรู้สึกแบบนี้ให้กับเขาได้นานแค่ไหนแล้ว พอรู้ตัวอีกทีก็คาดหวังเข้าเสียแล้วว่าวันนี้เด็กคนนั่นจะขอเพลงร็อก บ๊อป หรือแนวไหนกัน พอกลับมาถึงห้องก็เห็นเจสที่เป็นเครื่องคอยย้ำอะไรในชีวิตหลายๆอย่าง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นทำให้เขาสับสนและหันมาดื่มหนักขึ้น เมาทุกวันเพื่อให้ลืมความรู้สึกมากมายนั้น 


    โคตร...เหมือนคนบ้าเลย



    “จะออกไปไหนล่ะ ฝนยังตกปอยๆอยู่เลยนะ” เสียงคนบนเตียงเอ่ยถามเมื่อเห็นคนที่เดินเข้าไปในห้องน้ำเดินกลับออกมาพร้อมเสื้อผ้าใหม่พร้อมออกไปข้างนอก 

    “บาร์ เจ้าของบาร์ตามออกไปล่ะ” คนโกหกเอ่ยบอกพร้อมยกโทรศัพท์ขึ้นโชว์ทั้งๆที่ไม่มีใครตามทั้งสิ้น ดึกป่านนี้แล้วบาร์นั้นก็คงใกล้ปิดเต็มทีแล้วล่ะ 

    พอเห็นเจสพยักหน้าเข้าใจร่างหนาจึงก้าวออกจากห้อง ในหัวเอาแต่คิดว่าตอนนี้คนที่อยู่ในร้านจะเป็นยังไง  ยังเก็บร้านอยู่แล้วเปิดเพลงแบบไหนอยู่ เป็นเพลลิสไหนที่เปิด 

    คิมจงอินไม่อยากจะยอมรับว่า หลายต่อหลายคืนที่กลับห้องช้าเพราะยืนสูบบุหรี่หน้าบาร์เพื่อฟังเพลงตอนที่เด็กนั่นเก็บร้าน เสียงร้องคลอตามมักดังขึ้นเป็นระยะ เขารู้สึกมันทุกอย่าง รู้สึกถึงความรู้สึกที่ส่งผ่านนัยน์ตาสีอ่อนคู่นั่น มันนิ่งสงบอย่างทะเลสาบก็จริง แต่มันไม่ได้เย็นยะเยือกอย่างที่ควระจะเป็น ในนั่นเหมือนบอกเล่าทุกอย่างแทนคำพูดทุกอย่าง เหมือนได้ยินเสียงเพลงดังออกมาจากคนคนนั้นทุกครั้งที่สบเข้ากับนัยน์ตาคู่นั่น



    เมื่อขับรถออกมาจนถึงบาร์นึกแปลกใจที่ยังเห็นไฟด้านหน้าเปิดแต่ไม่ได้ยินเสียงเพลงดังออกมา ยิ่งเดินเข้าข้างในยิ่งรู้สึกแปลกเมื่อเก้าอี้ทุกตัวถูกเก็บยกขึ้นเรียบร้อยดี แต่กลับไร้การเคลื่อนไหวใดๆ ด้วยความเคยชินจึงเดินออกไปทางด้านหลังเพื่อจะหาเหตุผลของความว่างเปล่าเมื่อครู่



    “ยะ...อย่า” เสียงสั่นเครือดังออกมาจากห้องเก็บของ จงอินจำได้ว่าเป็นเสียงของคนที่ตัวเองกำลังตามหา และเสียงเอะอะก็ดังตามมา รีบสาวเท้าเข้าไปใกล้ จนเห็นกับตาว่าคนที่เขากำลังตามหากำลังถูกทำเรื่องชั่วๆอยู่ ไม่ทันได้คิดดีเขาก็กระโจนเข้าไปแยกตัวเซฮุนออกมา เสี้ยววินาทีออกแรงวิ่งสุดชีวิตเมื่อตาเหลือบเห็นกระบอกปืนด้านหลังของไอ้ชั่วนั่นที่มักทำตัวอ้อนตีนกันอยู่ตลอดในบาร์



    เราทั้งคู่ออกแรงวิ่งมาหลบด้านในห้องน้ำสวนสาธารณะ เป็นห้องน้ำเดี่ยวแยกชายหญิงที่ติดกัน อยากจะจับตัวอีกคนเขย่าเค้นเอาคำตอบในความสงสัยมากมายจากเรื่องเมื่อครู่ แต่ก็ทำได้เพียงเหน็บออกไปอย่างที่ชอบทำ 


    มองผ่านกระจกจากตรงนี้ โอเซฮุนสภาพดูไม่ได้เอาเสียเลย กางเกงที่เจ้าตัวกำลังจัดเข้าที่ทำให้คนแอบมองใจวูบๆวาบๆไม่เป็นตัวของตัวเองไปชั่วขณะ เลื่อนสายตาขึ้นมาใบหน้าเรียวซึ่งกำลังมองตรงมาเช่นกัน 


    “ช่างแม่งเถอะ คงต้องอยู่นี้กันก่อนแล้วค่อยออกไป” 



    จงอินไม่ได้กำลังเมา วันนี้เขามีสติทุกอย่างครบ และเขาก็รู้สึกได้ว่านัยน์ตาคู่นั่นกำลังพูดอะไรสักอย่าง แม้เราจะห่างกันเกือบเมตรกว่าๆ แถมในห้องน้ำก็มีความสว่างที่ไม่ได้เอื้อต่อการมองเห็นมากนัก ขยับไหล่กว้างสะบัดเสื้อนอกออกแล้วโยนไปคุมหัวอีกคนเพื่อหลบหนีบางสิ่งบางอย่างที่กำลังเข้ามาปะทะอย่างจัง


    “ใส่เข้าไปซะ สภาพอย่างกับหมา” 

    “ครับ” เสียงอู้อี้ดังมาจากด้านในเสื้อที่ยังคลุมหัวกลมกลึกไว้ หลายนาทีจริงๆที่เขายืนนิ่งมองเสื้อตัวนั้นที่ยังอยู่ในสภาพเดิมอย่างตอนที่โยนไป ก่อนที่อีกคนจะดึงมาลงมาใส่ พร้อมกับหลบซ่อนนัยน์ตาคู่นั้นไว้



     มีแค่เรื่องนี้เท่านั่นที่ไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเอง


    Be My Mistake -The 1975 



    เขาได้ยินเพลงหนึ่งดังออกมาจากโอเซฮุนทันทีที่นัยน์ตาคู่นั้นเงยขึ้นมาสบกัน ปากบางกำลังเม้มแน่นราวกลับพยายามเก็บทุกๆอย่างไว้ข้างในไม่ให้มันดังออกมา จนนัยน์ตาคู่นั้นมีน้ำตารื้อขึ้นมา 


    “ฮ่าๆ ผมว่ามันนานพอแล้วล่ะเราน่าจะปลอดภัยแล้ว...”น้ำเสียงสั่นเครือเปล่งออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะทีไม่ได้รู้สึกเลยว่ามันเป็นประโยคที่น่าหัวเราะ 


    “เซฮุน...”ก่อนที่ร่างบางจะเดินพ้นประตูห้องน้ำออกไปนั้นเอง เขาจึงตัดสินใจพูดอะไรออกมา เพื่ออย่างน้อยตัวเขาเองก็ควรซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเองบ้าง








    “ระวังตัวด้วยล่ะ”

      










    -end-


    ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้เศร้ามาก ทั้งๆที่เขียนตอนแรกไม่ขนาดนี้ พอเขียนจบปุ๊บ จุกในอกแปลกๆ แล้วเรื่องนี้ก็ใช้เพลงมหาศาลมาก ฮ่าาา 


    ถ้าอยากรู้ว่าโอเซฮุนฟังเพลงแบบไหน ลองเอาเพลงไปเสิร์ทฟังได้นะ 



    ซึ่งอินสไปร์ตัวจงอินในเรืองนี้ได้จากเด็กคนหนึ่งที่เล่นกีต้าร์ผ่านยูทูบแล้วก็ได้มีคอนเสิร์ตเป็นของตัวเองเล็กๆในบาร์ตรงหัวเมือง ซึ่งมันเป็นความสำเร็จของเขามาก 


    นานๆทีมาลง เพราะไม่ว่าง เจอกันเรื่องอื่นๆในวันว่างๆค้า :)




     






     



     


    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×