คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [OS] THE OGRE - CHANBAEK {1/1}
[1/1]
- CHANBAEK -
‘ยักษ์’ ในความคิดของพวกคุณคือรูปลักษณ์เช่นไร แน่นอนย่อมเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใหญ่และน่าเกลียด มันสมองน้อย ใช่...ทุกอย่างที่ว่าถูกเรียกว่ายักษ์ และมันก็อยู่ในเทพนิทานไม่มีอยู่จริง หากใครจะรู้ล่ะว่าบนโลกเรากลับมีเผ่าพันธุ์ยักษ์หลงเหลืออยู่ เผ่าพันธุ์เล็กๆที่อยู่ในหุบเขาอันไกลโผลน...
---------------------
ร่างกายขาวนวลดั่งน้ำนมถูกสายน้ำไหลผ่านจนผิวลื่นขึ้นมันวาววับน่าสัมผัสแตะต้อง กลิ่นหอมของดอกกุหลาบป่าซึ่งร่ายรอบอยู่บริเวณรอบๆขับกล่อมคนซึ่งจมอยู่กับความเย็นสบายของสายน้ำให้หลับพริ้ม ขณะเดียวกันมือเรียวเองก็เอื้อมขึ้นไล้ผิวเนียนอย่างเบามือ ใบหน้างดงามของเจ้าของร่างกายในบ่อน้ำยิ้มหวานขณะที่หลับตา หากรู้ไหมว่ามีสิ่งมีชีวิตบางตัวกำลังจับจ้องตนอยู่
ชานยอลค่อยๆดึงใบไม้ในมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเอง ถึงแม้จะรู้ว่าใบไม้ในมือไม่ได้มีประโยชน์กับตนเท่าที่คิดก็ตามแต่ นัยน์ตาสีนิลจับจ้องร่างเล็กซึ่งกำลังแช่น้ำในบ่อน้ำพุร้อนอย่างไม่วางตา เพียงต้องตาหัวใจของยักษ์หนุ่มพลันเต้นระรัวจนเกินจะหักห้าม
ชานยอลหลงรักเจ้าของร่างเล็กนี้มานานมากแล้ว นานมากจนจำไม่ได้ว่าตั้งแต่ตอนไหน อาจจะตั้งแต่ฤดูร้อนของปีก่อนหรือไม่ก็ฤดูหนาวเมื่อสองปีที่ผ่านมา หากแม้เวลาที่จับจ้องร่างเล็กจะยาวนานเพียงใด หัวใจของยักษ์หนุ่มก็ไม่เคยแปรเปลี่ยน ยังคงหลงรักอยู่เสมอ
เฝ้าแอบมองราวกลับพวกจิตวิตถาร ยามใดที่ร่างเล็กมาอาบน้ำชานยอลย่อมรู้ดี เขาเพียงแค่หาที่เหมาะๆในการนั่งเฝ้าภัยให้อีกคน ระหว่างที่เฝ้าก็ขอแอบมองร่างเล็กเป็นระยะๆพอให้หายคิดถึงในช่วงข้ามวัน ข้ามคืน
เพราะชานยอลรู้ดี หากร่างเล็กเห็นตนเขาคงได้ตกใจผวาและคงหวาดกลัวจนไม่กล้าเข้าป่ามาแช่บ่อน้ำพุร้อนเป็นแน่ รูปร่างใบหน้าของตนตนย่อมรู้ดีเสมอว่า น่าเกลียดยิ่งกว่าสัตว์ทั้งปวงในป่า เช่นนั้นจึงทำได้เพียงแอบเฝ้ามองอยู่ห่างๆ
จนกระทั่งวันหนึ่งระหว่างที่ยักษ์หนุ่มกำลังนั่งเฝ้ารอเวลาให้ร่างเล็กมาอาบน้ำ เขาก็พบกับชายคนหนึ่งซึ่งมีใบหน้ารูปโฉมงดงามราวกลับเจ้าชายเมืองใดเมืองหนึ่งเดินนำหน้าร่างเล็กมา มือของทั้งสองกุมกันแน่น จากนั้นชายคนนั้นก็ค่อยๆปลดเปลื้องเสื้อผ้าของร่างเล็กซึ่งเป็นดั่งดวงใจของยักษ์หนุ่ม จนแล้วจนรอดร่างทั้งสองจึงเปลือยต่อหน้ากัน ทั้งสองค่อยๆหย่อนตัวลงในบ่อ ก่อนจะเริ่มบทรักกันอย่างสุขสม
หากเกรงใจสายตาของยักษ์หนุ่มไม่ หัวใจของชานยอลเต้นระรัวจนแทบกระเด็นออกจากอก มือไม่สั่นเทาไปหมด ด้วยความโกธรเกรี้ยวกับภาพปาดตาจึงลุกขึ้นแล้วกระโดดลงไปในบ่อน้ำจนคนทั้งสองซึ่งอยู่ในบ่อแตกตื่น ร่างเล็กเห็นยักษ์ตัวใหญ่อยู่เบื้องหน้าที่กำลังคำรามเกรี้ยวกราดเสียงดังจึงกรีดร้องอย่างหวาดกลัว ชานยอลเห็นเช่นนั้นจึงรีบหุบปากแล้วเตรียมจะเอื้อมมือเข้าปลอบอีกคน หากชายเคียงข้างร่างเล็กกลับรีบคว้าเอาดาบขึ้นมาฟันเข้าที่มือของชานยอล จนเกิดปาดแผลใหญ่
“รีบขึ้นไปเร็ว”ชายถือดาบรีบผลักตัวร่างเล็กให้ขึ้นฝั่ง หากทว่า ยักษ์ตัวโตกลับเร็วกว่าออกแรงเหวี่ยงมือใส่ร่างชายหนุ่มจนร่างนั้นกระเด็นเข้าโพลงหญ้าสูง เมื่อเห็นว่าชายคนนั่นยังลุกขึ้นมาได้จึงรีบก้าวเข้าไปหาร่างเล็กซึ่งกำลังสั่นกลัวบนบก มือใหญ่จึงอุ้มร่างเล็กขึ้นมาบนท่อนแขนสกปรก ก่อนจะออกวิ่งไปในที่ที่ใดที่หนึ่งซึ่งเป็นที่ของเขาและหัวใจของเขา
เมื่อมาถึงจุดหมายปลายทางซึ่งคือ ถ้ำแห่งหนึ่ง ท่อนแขนยักษ์หนุ่มค่อยๆวางร่างเล็กที่กำลังกลัวจนสั่นลงพื้น แล้วตัวเองรีบส่ายหน้าไปมาราวกลับจะบอกว่า ‘อย่ากลัวฉันเลย’
ร่างเล็กมองมือที่กำลังเอื้อมขึ้นมาหวังจะเช็ดน้ำตาให้ จึงรีบถอยกายหนี ดีที่ตอนขึ้นบกตัวเขาคว้าเสื้อมาใส่ทันไม่งั้นคงได้เปื้อนโคลนในถ้ำเป็นแน่
หัวใจชานยอลคล้ายจะแตกสลายเพียงเห็นใบหน้าเล็กที่เขาเฝ้ารักมาโดยตลอดเปื้อนหยดน้ำตา แถมร่างเล็กยังถอยห่างจากเขาอีก
‘อย่ากลัวฉันเลย’ ชานยอลพยายามพูดออกมา หากมันกลับเป็นเสียงคำรามต่ำที่ทำให้อีกคนกลัวจนร้องไห้ออกมามากกว่าเดิม
เขานี้มันน่าเกลียดจริงๆ...ชานยอลคิด พร้อมกับยกมือขึ้นตีปากตัวเองที่คำรามใส่คนตรงหน้าจนทำให้เขากลัว ถึงแม้ว่าหัวใจเขาจะเจ็บแค่ไหนแต่ถ้าเขาอยู่ห่างๆร่างเล็กไว้ก็คงดีกว่าการขยับเข้าใกล้
ชานยอลเดินออกมานอกถ้ำ แล้วเดินไปหาผลไม้ป่ามาให้อีกคนในถ้ำกิน มือใหญ่ค่อยๆวางผลไม้อยู่ระหว่างตัวเขาและร่างเล็ก จากนั้นจึงทำท่าให้ร่างเล็กกินเข้าไป แบคฮยอนเมื่อเห็นเช่นนั้นจึงยอมขยับตัวเข้าไปกินผลไม้ด้วยความหิว ยักษ์หนุ่มมองตามก่อนจะยิ้มให้ถึงแม้ในสายตาของแบคฮยอนจะเป็นการยิงฟันโชว์เขี้ยวเหลืองน่ากลัวก็ตาม
คืนนั้นแบคฮยอนไม่กล้าหนีออกไปเลย ถึงต่อให้คิดจะหนีอยู่ก็ตาม แต่เขากลัวยักษ์ตัวโตที่นั่งเฝ้าอยู่ห่างๆมากกว่า เพียงแค่ตาเล็กมองไปยังยักษ์หนุ่ม ยักษ์ตัวนั้นก็รีบหันหลังให้ ราวกลับจะซ่อนใบหน้าอันน่าเกลียดนั้นไม่ให้ใครได้เห็น
เมื่อแบคฮยอนหลับลงบนโขนหิน ชานยอลจึงหันตัวกลับมามองแล้วรีบออกไปหาใบไม้มาห่มให้อีกคนจนหนา เมื่อคิดว่ายังไม่พอคลายหนาวจึงเริ่มก่อกองไฟ เพื่อให้ความอบอุ่นมากขึ้น คืนนั้นทั้งคืนชานยอลเอาแต่นั่งมองใบหน้าเล็กที่หลับพริ้ม คล้ายกับตอนที่แช่น้ำในทุกๆครั้งที่เจอไม่มีผิด เขาอยากเอื้อมมือขึ้นไปสัมผัสใบหน้านวลสวยซักครั้ง หากก็ทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะกลัวอีกคนจะตื่นขึ้นมาเห็นเสียก่อน
วันรุ่งขึ้น ยักษ์หนุ่มได้หาผลไม้ป่ามาให้ร่างเล็กในถ้ำไว้แล้ว เมื่อแบคฮยอนตื่นขึ้นมาก็พบเพียงกองผลไม้นานาชนิด หากไม่เห็นยักษ์...
เท้าใหญ่กำลังย้ำไปข้างหน้าอย่างไม่ลดละ มองหาดอกกุหลาบป่าไปทั่ว เมื่อพบตามทางที่เดินก็เด็ดมันขึ้นมารวมกับดอกที่เคยเด็ดไว้ก่อนในกำมือ ทว่า...โชคร้ายกลับเกิดขึ้น เมื่ออยู่ๆ เหล่าทหารที่เข้ามาตามหาคนหายก็พบกับยักษ์อย่างชานยอล พวกเขาระดมยิงธนูใส่หลังและอกใหญ่จนเกิดบาดแผล หากชานยอลกลับทำเพียงวิ่งหนีหายเข้าไปในป่าไพร เมื่อวิ่งมาไกลแล้วไม่พบว่ามีทหารตามมาจึงก้มลงมองแผ่นอกตัวเองซึ่งมีเลือดซึมเป็นจุดๆ หากเพียงเบนสายตาลงมามองกำมือที่ถือช่อดอกกุหลาบป่ากลิ่นหอมกลับทำให้ยักษ์หนุ่มหยันยิ้มได้
เมื่อเดินเข้ามาถึงถ้ำ ชานยอลตกใจเป็นอย่างมากเมื่อไม่พบคนตัวเล็กนั่งอยู่ ร่างใหญ่ยักษ์เดินไปทั่วถ้ำเพื่อค้นหา หากก็ยังไม่พบจึงเดินออกมาจากถ้ำแล้วมองไปรอบๆ หัวใจเขาเต้นถี่เร็วจนกลัวว่าตัวยักษ์หนุ่มอาจจะช๊อคตายก็ได้หากยังไม่ใจเย็นกว่านี้
“อยู่ไหนนะ...” ชานยอลบ่นเสียงแผ่ว สมองพลางคิดไปถึงการลักหนีของร่างเล็ก ก็ใช่นะสิ...เขาเป็นยักษ์ที่น่าเกลียดน่ากลัวใครเขาจะอยากอยู่ด้วย...
-----------------------
“ดีนะที่ท่านแบคฮยอนลักลอบออกมาได้ ท่านนี้เก่งจริงๆ” แบคฮยอนฟังคำชื่นชมของเหล่าทหารที่ค้นพบตัวเขาอย่างเข้าหูซ้ายทะลุหัวขวา เมื่อหลายนาทีก่อนเขาได้ลักหนีออกมาหลังจากทานผลไม้พออยู่ท้อง หากก่อนที่จะได้พบกับกองทหารในวัง ร่างเล็กเองก็แอบซุ่มมองยักษ์ตัวโตที่เดินถ้ำไปแล้วไม่นานก็เห็นว่าเดินออกมา ใบหน้าซึ่งดูน่าเกลียดหมองเศร้าจนใจดวงน้อยเต้นช้าลง ในมือของยักษ์ตัวนั้นมีช่อดอกกุหลาบป่าซึ่งเป็นดอกไม้ที่แบคฮยอนโปรดปรานที่สุด
เมื่อยามนั้น...ยักษ์ตัวนั้นเพียงยกมือขึ้นจับใบหน้าตัวเองอย่างสิ้นหวังและเศร้าโศก เสียงบ่นครางต่ำของมันดังอยู่ตลอด หากแต่น้ำเสียงต่ำที่เปล่งออกมากลับเต็มไปด้วยความเศร้า แบคฮยอนอาจจะรู้สึกผิดที่เดินออกมา แต่ถ้าให้เขาเลือกเดินกลับไปอยู่กับยักษ์ตัวโตที่ไม่รู้ว่าชะตากรรมชีวิตตนจะตายวันไหนไม่รู้ ร่างเล็กคงต้องเลือกกลับวังเสียดีกว่า
เมื่อกลับมาถึงวัง แบคฮยอนซึ่งเป็นบุตรเพียงคนเดียวของกษัตริย์เมืองก็ได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ คู่หมั้นคู่หมายของเขาเองที่เคยต่อสู้กับยักษ์อย่างหาญกล้าก็เข้ามาโอบกอดด้วยความเป็นห่วงปนดีใจ
ฝ่ายราชาของเมืองเมื่อเห็นว่าลูกชายเพียงหนึ่งกลับมารอดปลอดภัยจึงคิดจะจัดงานเลี้ยงครั้งใหญ่ ทุกคนในเมืองต่างตื่นเต้นกับงานที่จะถูกจัดขึ้น ข่าวของการจัดงานดังสะพัดสะพรึงไปทั่ว ทั้งเมืองอื่นๆและเมืองที่อยู่ห่างไกล
โดยข่าวนั้นเองก็ไปถึงหูของยักษ์หนุ่มผู้กำลังสิ้นหวังอยู่เช่นกัน ชานยอลได้ยินเช่นนั้นจึงมีความคิดที่จะเข้าไปร่วมงานในเมือง หากเมื่อมองดูรูปลักษณ์ตัวเองแล้วก็ทิ้งตัวลงนั่งลงเช่นเดิม ยักษ์น่าเกลียดอย่างเขาจะเข้าไปในงานเช่นไรกัน
เทวดาซึ่งอยู่ในป่าเห็นยักษ์ตัวโตเศร้าหมองและได้ยินความคิดของเจ้ายักษ์หนุ่มเต็มสองรูหูจึงปรากฏกายต่อหน้ายักษ์หนุ่ม แล้วยื่นข้อเสนอให้เจ้ายักษ์
“หากเจ้าอยากเข้าไปในงานเลี้ยงฉลองเพื่อพบบุตรของเจ้าเมือง ข้าสามารถให้เจ้าขอพรกับข้าได้หนึ่งขอ...” ชานยอลเงยหน้าขึ้นอย่างมีความหวัง ก่อนจะพยักหน้ารับข้อเสนอ “แต่เมื่อเจ้าได้พรตามที่ต้องการ เมื่อเวลาถึงเที่ยงคืนของคืนวันงาน ร่างกายของเจ้าจะหลับใหลไปชั่วกัปชั่วกัลป์ เจ้าจะยอมหรือไม่” ชานยอลดูลังเลในคราแรก หากเมื่อลองจินตนาการไปถึงการเต้นรำของตนและร่างเล็กที่เป็นดั่งดวงใจจึงตอบตกลงไป เทวดาหนุ่มจึงร่ายพรให้แก่ยักษ์
ร่างกายของยักษ์หนุ่มค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นเจ้าชายรูปงาม ผ้าขี้ริ้วที่เคยสวมเป็นเครื่องนุ่งห่มถูกเปลี่ยนเป็นชุดเจ้าชายเต็มยศ ใบหน้าซึ่งเคยน่าเกลียด แปรเปลี่ยนยามแสงสีทองโปรยผ่านเป็นใบหน้าอันหล่อเหลา ทุกส่วนของร่างกายแปลงเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์
“ขอบคุณครับ!” ชานยอลเมื่อเห็นร่างกายตนงดงามยิ่งจึงรีบก้มตัวต่ำเพื่อแสดงการขอบคุณ
“อย่าลืมเสียล่ะ...ว่าเจ้ามีเวลาเพียงถึงเที่ยงคืนของวันงาน จงใช้เวลาในการเดินทางไปยังเมืองโดยเร่งเร็วหากอยากไปทันงาน...” สิ้นเสียงของเทวดา ร่างซึ่งมีแสงเรืองรองก็หายไป ชานยอลยกยิ้มปราบปลื้มปิติในใจ ก่อนจะออกเดินไปยังเมืองซึ่งเป็นที่ตั้งของงานเลี้ยงฉลอง
ยามที่ชานยอลมาถึงคือเช้าอีกวันของวันเดินทาง ในมือหนามีช่อดอกกุหลาบป่าช่อหนึ่ง เขาเดินเข้าเมืองด้วยท่าทางเกร็งนิดๆ ด้วยเหตุที่ชายหนุ่มมีรูปโฉมงดงามจึงทำให้เหล่าหญิงสาวชาวบ้านต่างมองกันอย่างสนอกสนใจ ทั้งวันชานยอลเตร็ดเตร่ไปทั้งเมืองเพื่อรอเวลา
และแล้วงานเลี้ยงก็เริ่มขึ้น ประตูปราสาทงามถูกเปิดเพื่อให้เจ้าชายต่างเมืองที่รอด้านนอกได้เข้าไปในวัง รวมทั้งชานยอลด้วยที่ถูกเทวดาแปลงโฉมให้เป็นเจ้าชาย ร่างสูงเดินไปกับกลุ่มมนุษย์ซึ่งเล่อโฉมเช่นกัน หากกลับมองดีๆตัวของชานยอลเองต่างหากที่ดูดีที่สุด เมื่อเข้ามายังตัววังเพลงบรรเลงเบาๆจึงเริ่มขึ้น ตาคมจับจ้องไปยังเจ้าของงานซึ่งกำลังร่ายรำกับชายคนนั้นที่เขาเห็นในป่า
ขายาวแทบพุ่งเข้าไปพลักตัวของทั้งสองแยกออกจากกัน หากไม่ติดว่ามีคนมากมายยืนอัดตัวเขาอยู่ อาศัยร่างกายที่สูงมองไปยังลานเต้นรำ โดยร่างเล็กซึ่งสวมชุดน่ารักสีขาวกำลังยิ้มหัวเราะมีความสุข เพียงแค่นั่นหัวใจของชายหนุ่มก็เต้นระรัวแล้ว
เมื่อเพลงจบลง แบคฮยอนโค้งให้คู่หมั้นตัวเอง แล้วจึงเดินออกจากลานเต้นรำเพื่อให้คนอื่นๆได้ร่วมเต้นด้วยกัน ร่างเล็กหาได้สังเกตไม่ ว่ามีร่างสูงเดินตามอยู่ เมื่อมาถึงสวนข้างวัง คู่หมั้นของร่างเล็กจึงขอตัวไปคุยกับเพื่อนต่างเมือง เหตุนั้นจึงเป็นช่องว่างให้ ยักษ์ซึ่งแปลงกายเป็นเจ้าชายรูปงามเดินเข้ามาทักทาย
ชานยอลไม่รู้ว่าตัวเองควรพูดเช่นไรเวลาเจอกันครั้งแรก จึงทำได้เพียงยื่นช่อดอกกุหลาบป่าให้ เมื่อแบคฮยอนเห็นเช่นนั้นจึงยกยิ้มกว้าง หากรู้ไหมว่า รอยยิ้มหวานได้ทำลายระบบการเต้นของหัวใจร่างสูงเสียแล้ว
“ข้าชอบมัน...” แบคฮยอนเอ่ย พร้อมกับก้มลงสูดดมกลิ่นหอมของดอกไม้ในกำมือ ซึ่งหากสังเกตหรือไม่ว่าชานยอลกำลังยิ้มอย่างมีความสุข ตนดีใจยิ่งที่ไม่ต้องหลบซ่อนใบหน้าอย่างเมื่อคราวที่แล้ว ไม่จำเป็นต้องอยู่ห่างไกลกันเพื่อเส้นระยะห่าง ไม่ต้องทำให้คนตัวเล็กหวาดกลัว
“เต้นรำกับข้าได้หรือไม่” แบคฮยอนนึกถูกใจเจ้าชายต่างแดนคนนี้ขึ้นมา แล้วจึงเอ่ยปากถามออกไป ร่างสูงยกยิ้มอ่อนโยนให้ก่อนจะยกมือขึ้นมาให้มือเล็กวางลง อีกข้างค่อยๆเลื่อนขึ้นโอบหลังบางจนร่างเล็กขยับเข้ามาใกล้ หากก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดจนแบคฮยอนต้องผลักไส มือเล็กเคลื่อนขึ้นไปจับบนบ่ากว้างแผ่วเบา ก่อนทั้งสองจะสบตากันแล้วจึงโยกกายไปพร้อมๆกับจังหวะเพลงที่เบาคลออยู่ไกลแสนไกล
“ท่านมาจากเมืองไหนหรอ?” แบคฮยอนถามร่างสูงระหว่างที่ก้าวเท้าไปตามจังหวะ นัยน์ตาเรียวช้อนขึ้นมองใบหน้าหล่ออย่างต้องการคำตอบ หากแวบหนึ่งแบฮยอนกลับรู้สึกว่าคุ้นเคยกับดวงตาคู่นี้ยิ่งนัก ปากเล็กอยากเอ่ยถามอีกว่า เราเคยรู้จักกันไหม หากถามไปไม่ได้
“ผมไม่ตอบได้ไหม” ชานยอลไม่ได้ต้องการคำตอบ หากต้องการจะบอกว่า เขาไม่ต้องการให้เรื่องนั้นกลายเป็นหัวข้อในการพูดคุย ร่างเล็กจึงพยักหน้าแล้วยกยิ้มให้ร่างสูง
สายลมอ่อนๆโชยพัดผ่านร่างทั้งสองซึ่งเต้นรำอยู่ เป็นเหตุให้กลิ่นของกุหลาบป่าที่ร่างเล็กชื่นชอบนักกระจายทั่วไปทั้งบริเวณ ความหอมของมันคล้ายจะขับกล่อมร่างทั้งสองให้แนบชิดกันมากขึ้น จากที่เคยยืนห่างกันอยู่ ตอนนี้กลับยืนแนบชิดกันจนเนื้อผ้าเสียดสีกัน
ชานยอลเห็นว่าร่างเล็กเบื้องหน้ากำลังหลับตาพริ้มชื่นชมกับบรรยากาศจึงเอียงศีรษะลงไปเพื่อให้หน้าผากแนบกับร่างเล็กจนอีกคนสะดุ้งลืมตา หากก็ไม่ผลักไสร่างสูงออก
“ผมชอบเวลาคุณหลับตาจัง..” เสียงทุ่มเอ่ยเสียงแผ่วขณะที่เปลือกตาก็หลับพริ้มลง เป็นฝ่ายร่างเล็กบ้างที่ใช้ดวงตาเจ้าเสน่ห์มองใบหน้าหล่อซึ่งอยู่ใกล้ๆ ลมหายใจร้อนรินรดผิวแก้มเนียนจนชวนให้การเต้นของหัวใจผิดแพลกแปลกไป
“เวลาคุณยิ้มเช่นกัน...” ชานยอลผลักหน้าออกมา แล้วจึงยกมือข้างที่ถูกร่างเล็กวางพาดมาเค้นคลึงกลีบปากบาง “มันทำให้ผมมีความสุขทุกครั้ง” ชานยอลยังคงพูดในสิ่งที่ตนต้องการ เพราะไม่มียามใดแล้วที่จะเหมาะเท่ากับยามนี้ เพียงไม่นานเวลาของเขาก็จะหมดลงเขารู้ดี
“ท่านช่างเป็นคนปากหวาน...” แบคฮยอนยิ้มขำ พร้อมเลื่อนสายตามองไปยังมือของตัวเองที่ถูกปล่อยทิ้งข้างลำตัวอย่างขลาดเขิน “ข้าคุ้นท่านยิ่งนัก เจ้าชาย...” สุดท้ายจึงเป็นแบคฮยอนที่เอ่ยปากบอก คุ้นในดวงตาสีนิลคู่นี้ยิ่ง ฝ่ายชานยอลจึงได้แต่เพียงยกยิ้ม แล้วร่างทั้งสองจึงโยกไปตามจังหวะเพลงต่อไป
เวลาล่วงมาจนถึงเกือบเที่ยงคืน ชานยอลเหลือบมองดูนาฬิกาตลอด แต่ก็ไม่เคยแสดงท่าทางพิรุธออกมา เพราะตอนนี้เขาได้เต้นรำกับเจ้าหญิงน้อยของเขาอยู่
แม้เพลงหลายเพลงจะผ่านพ้นไปจนขาทั้งสองของแบคฮยอนอยากนั่งพัก แต่ร่างเล็กกลับรู้สึกแปลกตัวเองที่ยังอยากเต้นต่อ เพื่อให้ได้ยืนอยู่กับชายตรงหน้า
“ผมขอจูบได้ไหมครับ...” ชานยอลถามขึ้นเมื่อเห็นเข้มยาวของเข้มนาฬิกายักษ์ชี้บอกเวลาว่าเหลือเวลาให้เขาเดินออกไปจากวังเพียงสิบห้านาที
“จะดีหรอ?” ร่างเล็กเองก็มีคู่หมั้นแล้ว มันจะดีหรือไงถ้าจูบชายอื่นที่ไม่ใช่คู่หมายตัวเอง ชานยอลได้ยินดังนั้นจึงหัวใจกระตุกวูบวาบ มันคือครั้งสุดท้ายของชีวิตแล้วที่จะได้พบเจอร่างเล็กเบื้องหน้า เวลาหลายปีที่เฝ้ามองนั้นมันยังคงตรึงในความรู้สึกของชานยอล แต่ถ้าการจากลาของเขาเป็นเพียงการเดินออกไปโดยไม่ทำอะไรเลย ไม่ได้บอกเลยว่าตัวเขารู้สึกเช่นไรกับร่างเล็กคงน่าเศร้านักกับชีวิตนี้
แต่ถ้าร่างเล็กคิดเช่นนั้น....
“ครับ...ผมเข้าใจแล้ว..” ดวงตาชานยอลฉาบไปด้วยความเศร้าสร้อยจนร่างเล็กสะดุดตา กลีบปากเล็กกัดแน่น เมื่อร่างสูงกำลังคลายมือจากตัวเขาเพื่อจะเดินจากไป หัวใจดวงน้อยคล้ายจะหยุดเต้นเมื่อชายคนเบื้องหน้าเดินถอยห่าง
“เดี๋ยวสิท่าน..” เรียกไว้ ก่อนจะวิ่งเข้าไปกอดร่างสูงเต็มแรง คราวนั้นหัวใจของทั้งสองเต้นแรงจนทั้งคู่ได้ยินชัด แบคฮยอนค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาจากอกกว้าง ก่อนจะเขย่งปลายเท้าขึ้นไปมอบจูบอันหวานล้ำให้กับยักษ์ผู้ต่ำต้อย
เพราะเหตุใดไม่ทราบว่าทำไมน้ำตาของทั้งคู่ถึงไหลพร้อมกัน ปากที่ยังเชื่อมกันยังคงแน่นิ่งไม่ยอมห่างออก น้ำสีใสไหลจากหางตาของทั้งคู่ราวกลับเป็นการจากลาที่ไม่มีวันหวนย้อนมา ความคิดของแบคฮยอนก็คิดเช่นนั้น
“พอเถอะครับ...ผมต้องไปแล้ว...”ชานยอลผละออก ก่อนจะรีบหลบสายตาของอีกคนที่เฝ้ามองมาละห้อย แบคฮยอนเองก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงได้ไม่อยากให้ชายคนนี้ไปนัก อาจจะเพราะชายคนนี้ปากหวานดั่งที่เคยกล่าวหา หรือไม่ อาจจะเพราะชายคนนี้หล่อเอามากๆ หรือว่า ชายคนนี้อยู่ด้วยแล้วทำให้เขาสนุก หรือไม่ก็....ชายคนนี้มีดวงตาอันแสนคุ้น
“ท่านจะกลับมาเยี่ยมข้าไหม?” ชานยอลซึ่งหันหลังให้ร่างเล็ก ทิ้งน้ำตาลงสองข้างแก้มอย่างแสนเศร้า หากหัวใจกลับเต้นระรัวด้วยความสุขที่ท่วมล้น ร่างสูงตัดสินใจหันกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มที่แสร้งปั้นขึ้นให้อีกคน เพื่อในยามสุดท้ายหัวใจดวงน้อยตรงหน้าจะได้จำเขาในรูปลักษณ์ที่ดี
“แน่นอน...ผมจะต้องมาอยู่แล้ว” เพียงสิ้นคำกล่าว ชานยอลก็รีบเดินออกมาจากวังโดยสองข้างแก้มเต็มไปด้วยน้ำแห่งความเศร้าโศก ไม่อยากจะเดินออกมา ไม่อยากจะห่างจากร่างเล็ก ไม่อยากให้เรื่องทั้งหมดต้องเป็นแบบนี้ ชานยอลเอาแต่คิดเช่นนั้น จนกระทั่งเดินมาถึงปลายหน้าผาซึ่งอยู่สูงจากเมืองมาก จากมุมนี้สามารถมองเห็นเมืองได้อย่างทั่วถึง ร่างสูงทิ้งกายลงนั่งกับพื้น ก่อนจะมองลงไปยังเมืองที่มีแสงสีมากมาย เป็นเวลาเดียวกันกับเสียงระฆังเมืองที่ตีดังขึ้นตีคู่กับพุ่งจำนวนมากที่ถูกจุดขึ้นสู่ท้องฟ้ายามค่ำคืน
เปล็ง เปล็ง!
หอนาฬิกากลางเมืองกำลังบอกคนทั้งเมืองว่าถึงเวลาเที่ยงคืนแล้ว ซึ่งเมื่อนั้นเองร่างของชายหนุ่มซึ่งแปลงมาจากยักษ์ก็ค่อยๆปิดเปลือกตาลง หัวใจของเขายังคงเต้นและเขาก็พูดประโยคสุดท้ายในใจตัวเองแผ่วเบาก่อนจะหลับใหลไปตลอดกาล
“มีความสุขมากๆนะครับ เจ้าหญิงของผม...”
t
h
e
m
y
b
u
t
t
e
r
ความคิดเห็น