คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : [SF] S Bars. - KAIHUN {2/-}
Kim Jongin x Oh Sehun
BGM : the worst taste (channel on youtube)
S Bars.
‘กลับไปเถอะ
ผมอยากอยู่คนเดียว...’
กว่าห้านาทีที่จงอินไม่ไหวติงหลังจากประโยคนั่นหลุดออกจากปากของคนที่นั่งข้างกาย
ตัดสินใจเอนหลังลงกับเปลเหมือนก่อนหน้า หน่ำซ้ำยังล้วงเอาบุหรี่ม้วนใหม่ขึ้นมาจุดสูบ
ในหัวย้อนถามตัวเองจนพอว่าทำอะไรผิดไปถึงทำให้อีกคนเอ่ยปากออกมาแบบนั่น
-
ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาในตอนเช้าอีกวัน
ไฟตรงหน้ามอดไปตั้งแต่ตอนไหนแล้วก็ไม่รู้
เบนความสนใจมาที่เปลข้างกายก่อนจะหัวเราะออกมา ไม่อยากเชื่อว่าจะได้เห็นภาพตรงหน้า
คนปากดีเมื่อคืนตอนนี้กำลังหลับบนเปลสีรุ้ง
ใบหน้าเรียวในรุ่งเช้าน่ามองกว่าตอนกลางคืนกว่าเป็นไหนๆ เราทั้งคู่ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหน
ไม่รู้ว่าใครหลับไปก่อนใครด้วยซ้ำ อดทำให้นึกถึงชีวิตตอนวัยรุ่นขึ้นมา
รู้สึกดีแปลกๆแค่การแอบมองคนนอนแบบนี้
ไล่สายตาไปทั่วใบหน้าเรียว แผงขนตา จมูกรั้น แก้มซีด
และปากเล็กๆที่เมื่อคืนขโมยจูบจากเขาไปต่อหน้าต่อตา
หลุดยิ้มออกมาอีกครั้งเพียงนึกไปถึงสัมผัสเบาบางที่อีกคนมอบให้
คิมจงอินไม่ได้ทำอะไรมากกว่าย้ายตัวลงมาจากดาดฟ้า
ไม่ลืมแวะเข้าไปในร้านที่บังเอิญได้ยินเสียงทำความสะอาด แล้วบอกเด็กที่อยู่เคาน์เตอร์ให้ขึ้นไปดูเจ้านายเสียหน่อย
ก่อนจะขับรถกลับบ้านสบายอารมณ์
รอยยิ้มหยักหยันขึ้นเมื่อเริ่มสนใจในตัวเจ้าของบาร์ขึ้นมาเสียแล้ว
อาจจะไม่ใช่ในเชิงที่อยากจะได้มาเป็นแฟนหรอกนะ
เขาแค่อยากรู้จักอีกคนให้มากกว่านี้ ถึงเราทั้งคู่จะยังไม่รู้จักชื่อกันก็ตาม
-
ไม่น่าเชื่อว่าปีนี้จะเข้าหน้าหนาวเต็มตัว
หลายปีที่ผ่านมาดูจะไม่หนาวเท่านี้ มาปีนี้หนาวจนหิมะตกติดต่อกันหลายวัน เป็นเหตุให้หิมะหนาจนไม่อาจออกไปไหนได้
และโชคร้ายที่ของในตู้เย็นของคิมจงอินดันมาหมดเอาในอาทิตย์มหาโหดนี้
มือหนาคลี่ม่านหน้าต่างดูเมืองทั้งเมืองที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะหนากว่ายี่สิบเซ็น
วันก่อนตัวเขาก็พึ่งขึ้นไปกวาดหิมะลงจากหลังคา แล้ววันนี้ก็ต้องลุยหิมะออกไปซื้อของสด
เบื่อสภาพอากาศเต็มทน
หากกลับเลี่ยงเอาเสียไม่ได้เมื่อครึ่งชั่วโมงต่อมาตัวเองต้องเดินฝ่ากองหิมะออกมาซื้อของ
เส้นทางจากบ้านไปที่ซูปเปอร์ไม่ไกลกันมาก ใช้เวลาเพียงห้านาทีก็มาถึง
โค้ดหนาสะบัดไล่หิมะออกเล็กน้อยหลังจากพาตัวเองเดินเข้ามาภายในซุปเปอร์
หยิบตระกร้าขึ้นมาเดินตรงไปยังโซนของสด อย่างแรกที่มาหยุดคือโซนเนื้อเกรดพรี่เมี่ยม
หน่วยตาคมกริบไล่มองป้ายราคาแต่ละส่วนของชั้นวาง
ขณะเดียวกันก็มองหาเนื้อสันในหวังจะทำสเต็กกินยามเย็น
ทว่าก่อนจะได้เลื่อนมือขึ้นไปหยิบเนื้อเกรดพรี่เมี่ยม
เสียงจากชั้นวางข้างหลังที่ถูกกั้นด้วยไม่อัดแบ่งห้องสำหรับพนักงานก็ทำให้เขาต้องเดินเข้าไปใกล้ชั้นวางมากขึ้น
“อ๊ะ-”
ดูเหมือนเสียงนั่นจะคุ้นหูเสียเหลือเกิน
ด้วยความสงสัยพลักให้ชายหนุ่ม รุดกายเคลื่อนมาหยุดที่ข้างชั้นวาง สอดสายตามองเข้าไปตรงช่องหน้าต่างซึ่งถูกเจาะทะลุให้มองเห็นความเคลื่อนไหวของพนักงานด้านในด้
หัวใจเขาอาจจะเย็นยะเยือกจนชาเพราะหิมะข้างนอกก็เป็นได้
นั่นคือความคิดแรกของเขาที่ดังก้องในหัว
มันอาจจะเป็นแบบนั่นเพราะตอนนี้นอกจากหัวใจที่เริ่มชาในตอนนี้
ทั้งร่างของเขาได้ชาไปหมด เพียงเพราะนัยน์ตาสีดำสบเขากับนัยน์ตาสีอ่อนแสนคุ้นเคย
และเจ้าของนัยน์ตางดงามนั่นก็กำลังมีความสุขกับหนุ่มหล่อสุดฮอตของเหล่าพนักงานที่นี้
ขาเรียวที่เกี่ยวบริเวณเอวสอบของหนุ่มน้อยผิวขาวหุ้นล้ำสั่นเทาด้วยความเสียวซ่าน
ใบหน้าของหนุ่มคนนั่นกำลังไซ้ไปทั่วลำคอระหงส์ที่เขาพึ่งสัมผัสมันไปได้ไม่ถึงอาทิตย์
และเขาเองก็รู้ดีว่ามันน่าฝากรอยไว้มากแค่นั่น
วินาทีที่ปากบางกำลังจะร้องขึ้นนั่น
นัยน์ตาคู่นั่นดันสบเข้ากับคนขี้เสือกอย่างเขา จงอินกระตุกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
พร้อมกับก้มหัวให้เพื่อแสดงความรู้สึกผิดที่ดันเข้ามาขัดจังหวะอะไรแบบนั่น
เขาเดินออกมาจากชั้นวางไม่วายคว้าเอาเนื้อสักชิ้นมา
ไม่ได้เหลืบตาดูด้วยซ้ำว่ามันดีพอที่จะเอามาทำเสต็กหรือเปล่า
เพียงแค่ออกห่างจากชั้นวางนั่น หรือไม่ก็เสียงร้องนั่นให้เร็วที่สุดก็พอแล้ว
-
S Bars.
“ถ้าเอสไม่ได้ย่อมาจากชื่อคุณ
แล้วมันมาจากคำว่าอะไร...”
คำถามน่าสนใจ
ชายหนุ่มร่างผอมบางเจ้าของบาร์ที่พึ่งเป็นหัวข้อในการสนทนา
และที่ซุกหัวนอน ยกเบียร์ในมือขึ้นกระดก
หยักยิ้มขึ้นเล็กน้อยนึกชอบใจในความเฉลียวฉลาดของคู่นอนตัวเอง
“ถ้าฉันเป็นนาย
ฉันจะไม่ถาม”
และคำตอบแสนธรรมดาที่มาพร้อมกับรอยยิ้มหวานก็สามารถฆ่าใครได้จริงๆ
ชายหนุ่มซึ่งเป็นเพียงแค่คู่นอน
พร้อมทั้งเป็นเก้าอี้อันนุ่มให้เจ้าของก้นงอนงามบนตักนั่งอยู่นั่น
หัวเราะในลำคอออกมา ถ้าใครสักคนจะน่าสนใจที่สุดในเมือง หนุ่มน้อยคนนี้ก็คงต้องตอบได้เลยว่า
คนที่กำลังนั่งบนตักเขานี้แหละ ทั้งงดงามและร้ายกาจในเวลาเดียวกัน
“ถ้าคำพูดมันฆ่าคนได้
ผมก็คงตายไปเพราะประโยคเมื่อกี้นี้แล้วล่ะ”
โน้มหน้าลงไปจุมพิตหัวไหล่มนที่โผล่พ้นออกมาจากสเวตเตอร์ย้วยๆที่เจ้าตัวชอบสวมอยู่บ่อยๆ
มือใหญ่ลากขึ้นมาวางบนเอวคอด เมื่อปากเจ้ากรรมดันไม่รู้จักพอ
และมันกำลังหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี
โอ เซฮุน – คนที่ไม่มีใครรู้จัก
ประชากรคนใหม่ที่พึ่งย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองเล็กๆที่ทำการค้าขายทางเรือแห่งนี้
เพราะไม่มีใครรู้จักเขาดี เขาเลยเลือกย้ายมาอยู่ที่นี้
แสงสีชมพูอมส้มของหลอดนีออนที่ถูกประดับเป็นชื่อบาร์นอกหน้าต่าง
ดึงความสนใจจากเด็กหนุ่มอายุน้อยบนร่างกายไปเสียหมด
ภาพสั่นสะเทือนตามจังหวะรักเพิ่มความรู้สึกให้คนมอง
ทั้งเจ็บปวดและโดดเดี่ยวในเวลาเดียวกัน
ร่างกายผอมบางโผเข้าหาคนบนร่าง
ปิดดวงตาโง่ๆของตัวเองลงพร้อมกับปล่อยให้ความปราถนาในกายอยู่เหนือสติทุกอย่าง
แค่ปล่อยให้เรื่องบนเตียงนี้ดำเนินไปเรื่อยๆ กลบความรู้สึกทั้งหมดไป
แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ต้องโถมกลับเข้าใส่เขาอยู่ดี
และบนใบหน้าแสนงดงามก็จำต้องเปื้อนด้วยรอยคราบน้ำตาทุกค่ำคืน
ชายวัยยี่สิบสองที่รู้สึกเจนโลกเป็นอย่างดีถอนหายใจออกมาเฮือกยาว
ทรุดกายลงข้างเตียง ขาเรียวชันขึ้นมาก่อนจะใช้ใบหน้าซุกซ่อนความรู้สึก
-
จะเข้าอาทิตย์ที่สองแล้วละมั้งที่คิมจงอินจำได้ว่าตัวเองไม่เจอกับเจ้าของบาร์
หลังจากที่เจอกันในสถานการณ์แบบนั่นที่ซุปเปอร์
ถึงแม้ว่าวันต่อมาหิมะจะหยุดตกและเริ่มละลายไปอย่างรวดภายในไม่กี่วัน เขาแวะไปที่ผับเกือบทุกวันและบนดาดฟ้านั่นก็ไม่มีคนที่เขากำลังตามหา
บางทีอาจจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากหิมะพัดผ่านเข้ามา
และเขาเองก็ไม่มีความคิดดีๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ได้แต่ขับรถมาจอดที่บาร์ในทุกๆคืน
แต่วันนี้ชักจะแปลกไปเสียหน่อย
ตรงที่ตัวเขามาบาร์ในเวลาดึกกว่าปกติ มันทำให้ตัวเขาได้เจอกับสิ่งที่กำลังตามหา – ดูที่ระเบียงชั้นสองโน่นสิ
คนคนนั่นกำลังยืนสูบบุหรี่สบายใจอยู่โน้น
สะโพกหนาพิงลงกับรถ
เงยหน้าขึ้นมองคนบนระเบียงจากลาดจอดที่อยู่ห่างไม่มาก จากมุมนี้ที่มืด
คนคนนั่นคงไม่ทันสังเกตเห็นตาแก่วัยใกล้สามสิบยืนชมเชยความงดงามเหมือนพวกโรคจิตในทีวี
“ฉันทำอะไรผิดไปหรือเปล่า...”
เอ่ยถามตัวเองอย่างประหม่า
ก่อนห้านาทีต่อมาคนอายุมากจะเดินออกจากมุมมืด ไปยืนหน้าบาร์
ตั้งใจให้แสงหนีออนของตัวหนังสือหน้าร้านสาดส่องตัวเอง
และมันก็ได้ผลเมื่อคนที่กำลังจ้องเจ้าไฟสีสดนั่นเบนสายตามาที่เขา
ดูแววตาคู่นั่นสิ
โอเซฮุน
เอ่ยกับตัวเองเมื่อภาพตรงหน้าเป็นตาลุงนักเดินเรือยืนมองขึ้นมาที่ระเบียง
แววตาเรียบเฉยแบบนั่นกับท่าทางสงบแบบนั่นอ่านยากเสียเหลือเกิน
หรือบางทีเซฮุนอาจจะเยาว์เกินกว่าจะเข้าใจท่าทางของอีกคน
ได้ยินจากเด็กในร้านบอกมาว่าตาลุงนั่นถามหาเขาอยู่เกือบทุกคืน
มันทำให้เขาอดที่จะรู้สึกแย่ไม่ได้ เด็กหนุ่มยังจำสัมผัสจากฝ่ามือหยาบกร้านนั่นได้
มันร้อนผ่าวราวกลับไฟยามสัมผัสผิวกายเขา
นัยน์ตาสีดำขลับคู่นั่นน่าค้นหาคล้ายคนที่เขารู้จัก และมันช่างอันตรายต่อเขาเสียเหลือเกินที่กลับมารู้สึกสนใจอะไรพวกนั่นอีกครั้ง
รู้ตัวอีกทีก็สายไปเสียแล้ว
เมื่อตัวเองมาหยุดยืนอยู่ที่ดาดฟ้าของบาร์ ตรงหน้าก็เป็นตาลุงแก่นั่นยืนอยู่หน้ากองไฟอย่างวันแรกที่เราเจอกัน
“ผมได้ยินจากเด็กในบาร์
ว่าคุณถามหา-”
เสียงที่จะเอ่ยแหบแห้งไปเสียหมดยามนัยน์ตาสีอ่อนดันเผลอสบเข้ากับดวงตาคู่ตรงหน้าระหว่างที่เดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่เปลตัวโปรดสีรุ้ง
แววตาที่เหมือนกำลังตำหนิกันแบบนั่นอดทำให้รู้สึกผิดไม่ได้เลยจริงๆ
“ช่างมันเถอะ
คุณอยู่นี้แล้ว”
น้ำเสียงเข้มมาพร้อมกับเสียงถอนหายใจเฮือกยาวทำให้เซฮุนหลุดหัวเราะออกมา
นึกไปถึงคนแก่ที่มักทำยามหนักใจกับอะไรสักอย่างที่ไม่สามารถระบายมันออกมาได้เป็นคำพูด
แต่ดูเหมือนการกระทำเมื่อกี้จะทำให้อีกคนเข้าใจผิด
เพราะขายาวกำลังก้าวผ่านเปลเขาไปและถ้าเดาไม่ผิดมันกำลังมุ่งไปยังบันไดลงจากที่นี้
นี้เขาออกจากห้องมาเพื่อโดนเมินแบบนี้หรอ?
“เฮ้
คุณต้องการอะไรจากผมกันแน่”
ประโยคนั่นหรือเปล่าที่เขาต้องพูดมันออกมา
ปั่นหัวกันเล่นแบบนี้สนุกมากหรือเปล่า
นี้ต่างหากที่เขาควรพูด
ทำให้เขารู้สึกบ้าได้ทุกๆวัน เพียงแค่คิดถึงจูบเด็กๆคืนนั่น
เป็นห่วงคิดไปต่างๆนาๆว่าอาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็เป็นได้ระหว่างที่ไม่ได้เจอกัน
และมันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดที่เขากลับไม่รู้อะไรเลย ทำได้แค่มาเหยียบที่บาร์นี้
เพื่อเจอกับอีกคน
บางทีเขาอาจจะต้องการอะไรที่มากกว่านี้
ต่างกันกับคนคนนี้ที่รักอิสระเกินจะเอ่ยอะไรออกมา เพราะแบบนั่นเขาจึงตัดสินใจไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนว่า
เขาควรจะเลิกมาที่นี้อีก ไอ้ความรู้สึกที่มีก็ช่างหัวมัน
“ช่างมันเถอะ...”
“คุณเป็นบ้าอะไรของคุณเนี่ย!?” เสียงแอบทุ่มดังขึ้นจากด้านหลัง
ไม่หันกลับไปก็รู้ว่าอีกคนคงกำลังไม่พอใจมากๆ
อาจจะกำลังทำหน้าตาเบื่อหน่ายเต็มทนก็ได้ “หงุดหงิดใส่ผมงั้นหรอ ผมไปทำอะไรให้คุณ!”
“...”
นายกำลังทำให้ฉันเป็นบ้า
“แล้วไอ้สายตาที่เหมือนด่าผมแบบนั่นอีก
คุณเป็นบ้าอะไร ห่ะ!?”
“...” ใช่ นายพูดถูก
ฉันกำลังจะบ้า
“คุณมัน-”
เขาทนฟังต่อไม่ได้อีกแล้ว
ร่างหนาหมุนกลับไปชั่ววินาทีก้าวขาไปหาคนที่ไม่รู้ว่าลุกจากเปลตั้งแต่ตอนไหนยืนห่างจากเขาแค่ไม่กี่ก้าว
พึ่งรู้วันนี่ว่าใบหน้าตอนโกธรของอีกคนน่ามองเหมือนกัน
มือหนาเอื้อมออกมาคว้าตัวคนตรงหน้าเข้ามาในอ้อมแขน
ก่อนจะใช้มืออีกข้างรองท้ายทอยขยับให้ใบหน้าอีกคนรับสัมผัสจากจูบเอาแต่ใจ
อื้อ...
อัตราการหายใจชักจะหนักหน่วงขึ้นยามอีกคนปรับตัวได้
ร่างผอมบางเอนตัวเข้าหาอ้อมแขนแกร่งมากขึ้น จนมือเรียวยกขึ้นเกี่ยวคล้องรอบลำคอสีแทน
รั้งให้เข้ามาป้อนจูบที่ไม่ใช่เพียงเป็นจูบเด็กๆอย่างเมื่อคราวที่แล้ว ซ้ำแล้วซ้ำอีก
จนเมื่ออากาศในปอดชักหมดและต่างฝ่ายต่างต้องถอยมาตั้งหลักหากไม่กลัวว่าจะตายเพราะขาดออกซิเจนเสียก่อน
เอาล่ะ
พอสังเกตในระยะใกล้
คิมจงอินกล้าบอกได้เต็มปากว่าคนตรงหน้าดึงดูดและได้ทุกๆอย่างจากเขาในทันที
ตาสีอ่อนหวานฉ่ำที่มาพร้อมกับกลีบปากสีหวานตรงหน้าซึ่งกำลังผ่อนลมหายใจเข้าออก นั่นมันเซกซี่เป็นบ้า
“นายกำลังทำฉันบ้า...”
“หึ”
รอยยิ้มร้ายวาดขึ้นบนใบหน้าเรียว
ก่อนริมฝีปากนุ่มหยุ่นจะจรดลงบนปากเขา สัมผัสแล้วสัมผัสเล่า
คลอเคล้าไปกับเสียงเพลงด้านล่าง
ความอบอุ่นของกองไฟที่สัมผัสกับอากาศหนาวเกือบติดลบ ไอหมอกจากผืนน้ำยังลอยขมุกขมัวเหมือนอย่างเคย
มันยังคล้ายกับนัยน์ตาสีอ่อนคู่ตรงหน้าเขาเช่นเคย
บางครั้งร่างกายมันก็ต้านทานแรงดึงดูดแบบนี้ไม่ไหว
จนเราทั้งคู่ต้องพากันลงมาที่ชั้นสอง มาจบลงที่เตียงนอนภายในห้องพัก
แสงนีออนด้านนอกสาดเข้ามาในห้องกระทบกับเสี้ยวหน้าเซกซี่ของอีกคน เพิ่มให้น่ามองกว่าปกติเป็นเท่าตัว
“ฮ้ะ”
ขาเรียวเกี่ยวเข้าที่เอวสอบเมื่ออีกคนมาอยู่ตรงกลางหว่างขาพอดี
เสื้อตัวนอกถูกถอดออกเผยให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นสัดส่วนงดงาม ผิวสีดาร์กช็อกโกแลตรสเข้มข้นแตกต่างจากคนแถวนี้น่าหลงไหลจนอดเอื้อมมือขึ้นไปลูบไล้ไม่ได้
รสชาติของความหลงไหลในกามอารมณ์ยังเป็นรสชาติที่เหมือนเคย
ร่างบางสามารถตอบได้ว่าตัวเขาเคยรู้สึกแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน
และน่าเสียดายที่คนบนร่างที่ยังไม่ทันเอ่ยถามชื่อกันเป็นหนึ่งในรสชาติที่เขาเคยพบพาลมาแล้ว
“มันจะง่ายกว่านี้ถ้าคุณลืมมันซะ”
โอเซฮุนรู้ว่าไม่ควรพูดอะไรแบบนั่นออกมาหลังจากที่เรามีอะไรกัน
และเราทั้งคู่ก็ต่างมีความสุขกับเซกซ์ครั้งนี้ แต่การผูกมัดคือสิ่งเดียวที่เขาเกลียดที่สุด
– กายผอมหยิบเสื้อสเวตเตอร์ขึ้นมาสวมพอลวกๆก่อนจะพาตัวเองไปยืนสูบบุหรี่หน้าระเบียงห้อง
มองออกไปที่ป้ายบาร์
ย้ำกับตัวเองให้ชัดว่าทั้งหมดมันคือกำไรของชีวิต
คือชีวิตพักร้อนที่เหลือของเขา การคาดหวังกับอะไรสักอย่างจะนำพามาซึ่งความเจ็บปวด
และเขาก็เลิกคาดหวังกับอะไรไปตั้งนานแล้ว
“นายเองก็ไม่ได้ต่างจากฉันหรอก”
หมุนตัวกลับไปในห้องตามน้ำเสียงเข้ม สอดสายตามองร่างหนาที่กำลังสวมเสื้อผ้าให้เข้าที่
และเดินเข้ามาหากัน
มือหนาคว้าเข้าที่เอวออกแรงรั้งมันเข้าไปรับจูบเบาบางหากกลับเร่าร้อน
“...”
“รู้ไหม
เราไม่มีทางหนีตัวเองได้หรอก”
TBC.
ไม่น่าจะจบง่ายๆ55555555
ชอบบรรยากกาศเรื่องนี้มาก แต่งทีไรก็รู้สึกเหงา
ไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ
ความคิดเห็น