ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FICEXO] my sadness Room - KAIHUN,KRISYEOL,CHANBAEK,HUNHAN,ETC

    ลำดับตอนที่ #27 : [SF] S Bars. - KAIHUN {2/-}

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 188
      10
      7 ม.ค. 62

     

     



    Kim Jongin x Oh Sehun


    BGM : the worst taste (channel on youtube)


    S Bars.







    กลับไปเถอะ ผมอยากอยู่คนเดียว...

     

     

     

    กว่าห้านาทีที่จงอินไม่ไหวติงหลังจากประโยคนั่นหลุดออกจากปากของคนที่นั่งข้างกาย ตัดสินใจเอนหลังลงกับเปลเหมือนก่อนหน้า หน่ำซ้ำยังล้วงเอาบุหรี่ม้วนใหม่ขึ้นมาจุดสูบ ในหัวย้อนถามตัวเองจนพอว่าทำอะไรผิดไปถึงทำให้อีกคนเอ่ยปากออกมาแบบนั่น

     

     

     

    -

     

     

     

    ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาในตอนเช้าอีกวัน ไฟตรงหน้ามอดไปตั้งแต่ตอนไหนแล้วก็ไม่รู้ เบนความสนใจมาที่เปลข้างกายก่อนจะหัวเราะออกมา ไม่อยากเชื่อว่าจะได้เห็นภาพตรงหน้า

     

    คนปากดีเมื่อคืนตอนนี้กำลังหลับบนเปลสีรุ้ง ใบหน้าเรียวในรุ่งเช้าน่ามองกว่าตอนกลางคืนกว่าเป็นไหนๆ เราทั้งคู่ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหน ไม่รู้ว่าใครหลับไปก่อนใครด้วยซ้ำ อดทำให้นึกถึงชีวิตตอนวัยรุ่นขึ้นมา

     

    รู้สึกดีแปลกๆแค่การแอบมองคนนอนแบบนี้ ไล่สายตาไปทั่วใบหน้าเรียว แผงขนตา จมูกรั้น แก้มซีด และปากเล็กๆที่เมื่อคืนขโมยจูบจากเขาไปต่อหน้าต่อตา หลุดยิ้มออกมาอีกครั้งเพียงนึกไปถึงสัมผัสเบาบางที่อีกคนมอบให้

     

     

    คิมจงอินไม่ได้ทำอะไรมากกว่าย้ายตัวลงมาจากดาดฟ้า ไม่ลืมแวะเข้าไปในร้านที่บังเอิญได้ยินเสียงทำความสะอาด แล้วบอกเด็กที่อยู่เคาน์เตอร์ให้ขึ้นไปดูเจ้านายเสียหน่อย ก่อนจะขับรถกลับบ้านสบายอารมณ์

     

    รอยยิ้มหยักหยันขึ้นเมื่อเริ่มสนใจในตัวเจ้าของบาร์ขึ้นมาเสียแล้ว

     

    อาจจะไม่ใช่ในเชิงที่อยากจะได้มาเป็นแฟนหรอกนะ เขาแค่อยากรู้จักอีกคนให้มากกว่านี้ ถึงเราทั้งคู่จะยังไม่รู้จักชื่อกันก็ตาม

     

     

     

    -

     

     

     

    ไม่น่าเชื่อว่าปีนี้จะเข้าหน้าหนาวเต็มตัว หลายปีที่ผ่านมาดูจะไม่หนาวเท่านี้ มาปีนี้หนาวจนหิมะตกติดต่อกันหลายวัน  เป็นเหตุให้หิมะหนาจนไม่อาจออกไปไหนได้ และโชคร้ายที่ของในตู้เย็นของคิมจงอินดันมาหมดเอาในอาทิตย์มหาโหดนี้ 

     

    มือหนาคลี่ม่านหน้าต่างดูเมืองทั้งเมืองที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะหนากว่ายี่สิบเซ็น วันก่อนตัวเขาก็พึ่งขึ้นไปกวาดหิมะลงจากหลังคา แล้ววันนี้ก็ต้องลุยหิมะออกไปซื้อของสด

     

    เบื่อสภาพอากาศเต็มทน หากกลับเลี่ยงเอาเสียไม่ได้เมื่อครึ่งชั่วโมงต่อมาตัวเองต้องเดินฝ่ากองหิมะออกมาซื้อของ เส้นทางจากบ้านไปที่ซูปเปอร์ไม่ไกลกันมาก ใช้เวลาเพียงห้านาทีก็มาถึง

     

    โค้ดหนาสะบัดไล่หิมะออกเล็กน้อยหลังจากพาตัวเองเดินเข้ามาภายในซุปเปอร์ หยิบตระกร้าขึ้นมาเดินตรงไปยังโซนของสด อย่างแรกที่มาหยุดคือโซนเนื้อเกรดพรี่เมี่ยม หน่วยตาคมกริบไล่มองป้ายราคาแต่ละส่วนของชั้นวาง ขณะเดียวกันก็มองหาเนื้อสันในหวังจะทำสเต็กกินยามเย็น

     

     

    ทว่าก่อนจะได้เลื่อนมือขึ้นไปหยิบเนื้อเกรดพรี่เมี่ยม เสียงจากชั้นวางข้างหลังที่ถูกกั้นด้วยไม่อัดแบ่งห้องสำหรับพนักงานก็ทำให้เขาต้องเดินเข้าไปใกล้ชั้นวางมากขึ้น

     

    “อ๊ะ-

     

    ดูเหมือนเสียงนั่นจะคุ้นหูเสียเหลือเกิน ด้วยความสงสัยพลักให้ชายหนุ่ม รุดกายเคลื่อนมาหยุดที่ข้างชั้นวาง สอดสายตามองเข้าไปตรงช่องหน้าต่างซึ่งถูกเจาะทะลุให้มองเห็นความเคลื่อนไหวของพนักงานด้านในด้

     

    หัวใจเขาอาจจะเย็นยะเยือกจนชาเพราะหิมะข้างนอกก็เป็นได้

     

    นั่นคือความคิดแรกของเขาที่ดังก้องในหัว มันอาจจะเป็นแบบนั่นเพราะตอนนี้นอกจากหัวใจที่เริ่มชาในตอนนี้ ทั้งร่างของเขาได้ชาไปหมด เพียงเพราะนัยน์ตาสีดำสบเขากับนัยน์ตาสีอ่อนแสนคุ้นเคย และเจ้าของนัยน์ตางดงามนั่นก็กำลังมีความสุขกับหนุ่มหล่อสุดฮอตของเหล่าพนักงานที่นี้

    ขาเรียวที่เกี่ยวบริเวณเอวสอบของหนุ่มน้อยผิวขาวหุ้นล้ำสั่นเทาด้วยความเสียวซ่าน ใบหน้าของหนุ่มคนนั่นกำลังไซ้ไปทั่วลำคอระหงส์ที่เขาพึ่งสัมผัสมันไปได้ไม่ถึงอาทิตย์ และเขาเองก็รู้ดีว่ามันน่าฝากรอยไว้มากแค่นั่น

    วินาทีที่ปากบางกำลังจะร้องขึ้นนั่น นัยน์ตาคู่นั่นดันสบเข้ากับคนขี้เสือกอย่างเขา จงอินกระตุกยิ้มขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับก้มหัวให้เพื่อแสดงความรู้สึกผิดที่ดันเข้ามาขัดจังหวะอะไรแบบนั่น

     

     

    เขาเดินออกมาจากชั้นวางไม่วายคว้าเอาเนื้อสักชิ้นมา ไม่ได้เหลืบตาดูด้วยซ้ำว่ามันดีพอที่จะเอามาทำเสต็กหรือเปล่า เพียงแค่ออกห่างจากชั้นวางนั่น หรือไม่ก็เสียงร้องนั่นให้เร็วที่สุดก็พอแล้ว

     

     

     

     

     

    -

     

     

     

     

    S Bars.

     

     

     

    “ถ้าเอสไม่ได้ย่อมาจากชื่อคุณ แล้วมันมาจากคำว่าอะไร...” 

     

    คำถามน่าสนใจ

     

    ชายหนุ่มร่างผอมบางเจ้าของบาร์ที่พึ่งเป็นหัวข้อในการสนทนา และที่ซุกหัวนอน ยกเบียร์ในมือขึ้นกระดก หยักยิ้มขึ้นเล็กน้อยนึกชอบใจในความเฉลียวฉลาดของคู่นอนตัวเอง

     

    “ถ้าฉันเป็นนาย ฉันจะไม่ถาม”

     

    และคำตอบแสนธรรมดาที่มาพร้อมกับรอยยิ้มหวานก็สามารถฆ่าใครได้จริงๆ ชายหนุ่มซึ่งเป็นเพียงแค่คู่นอน พร้อมทั้งเป็นเก้าอี้อันนุ่มให้เจ้าของก้นงอนงามบนตักนั่งอยู่นั่น หัวเราะในลำคอออกมา ถ้าใครสักคนจะน่าสนใจที่สุดในเมือง หนุ่มน้อยคนนี้ก็คงต้องตอบได้เลยว่า คนที่กำลังนั่งบนตักเขานี้แหละ ทั้งงดงามและร้ายกาจในเวลาเดียวกัน

     

    “ถ้าคำพูดมันฆ่าคนได้ ผมก็คงตายไปเพราะประโยคเมื่อกี้นี้แล้วล่ะ” โน้มหน้าลงไปจุมพิตหัวไหล่มนที่โผล่พ้นออกมาจากสเวตเตอร์ย้วยๆที่เจ้าตัวชอบสวมอยู่บ่อยๆ มือใหญ่ลากขึ้นมาวางบนเอวคอด เมื่อปากเจ้ากรรมดันไม่รู้จักพอ และมันกำลังหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี

     

    โอ เซฮุน คนที่ไม่มีใครรู้จัก ประชากรคนใหม่ที่พึ่งย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองเล็กๆที่ทำการค้าขายทางเรือแห่งนี้ เพราะไม่มีใครรู้จักเขาดี เขาเลยเลือกย้ายมาอยู่ที่นี้

     

    แสงสีชมพูอมส้มของหลอดนีออนที่ถูกประดับเป็นชื่อบาร์นอกหน้าต่าง ดึงความสนใจจากเด็กหนุ่มอายุน้อยบนร่างกายไปเสียหมด ภาพสั่นสะเทือนตามจังหวะรักเพิ่มความรู้สึกให้คนมอง ทั้งเจ็บปวดและโดดเดี่ยวในเวลาเดียวกัน

     

    ร่างกายผอมบางโผเข้าหาคนบนร่าง ปิดดวงตาโง่ๆของตัวเองลงพร้อมกับปล่อยให้ความปราถนาในกายอยู่เหนือสติทุกอย่าง แค่ปล่อยให้เรื่องบนเตียงนี้ดำเนินไปเรื่อยๆ กลบความรู้สึกทั้งหมดไป

     

     

    แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ต้องโถมกลับเข้าใส่เขาอยู่ดี และบนใบหน้าแสนงดงามก็จำต้องเปื้อนด้วยรอยคราบน้ำตาทุกค่ำคืน ชายวัยยี่สิบสองที่รู้สึกเจนโลกเป็นอย่างดีถอนหายใจออกมาเฮือกยาว ทรุดกายลงข้างเตียง ขาเรียวชันขึ้นมาก่อนจะใช้ใบหน้าซุกซ่อนความรู้สึก

     

     

     

     

    -

     

     

    จะเข้าอาทิตย์ที่สองแล้วละมั้งที่คิมจงอินจำได้ว่าตัวเองไม่เจอกับเจ้าของบาร์ หลังจากที่เจอกันในสถานการณ์แบบนั่นที่ซุปเปอร์ ถึงแม้ว่าวันต่อมาหิมะจะหยุดตกและเริ่มละลายไปอย่างรวดภายในไม่กี่วัน เขาแวะไปที่ผับเกือบทุกวันและบนดาดฟ้านั่นก็ไม่มีคนที่เขากำลังตามหา

     

    บางทีอาจจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากหิมะพัดผ่านเข้ามา และเขาเองก็ไม่มีความคิดดีๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ได้แต่ขับรถมาจอดที่บาร์ในทุกๆคืน

    แต่วันนี้ชักจะแปลกไปเสียหน่อย ตรงที่ตัวเขามาบาร์ในเวลาดึกกว่าปกติ มันทำให้ตัวเขาได้เจอกับสิ่งที่กำลังตามหา ดูที่ระเบียงชั้นสองโน่นสิ คนคนนั่นกำลังยืนสูบบุหรี่สบายใจอยู่โน้น

     

     

    สะโพกหนาพิงลงกับรถ เงยหน้าขึ้นมองคนบนระเบียงจากลาดจอดที่อยู่ห่างไม่มาก จากมุมนี้ที่มืด คนคนนั่นคงไม่ทันสังเกตเห็นตาแก่วัยใกล้สามสิบยืนชมเชยความงดงามเหมือนพวกโรคจิตในทีวี

    “ฉันทำอะไรผิดไปหรือเปล่า...”

     

    เอ่ยถามตัวเองอย่างประหม่า ก่อนห้านาทีต่อมาคนอายุมากจะเดินออกจากมุมมืด ไปยืนหน้าบาร์ ตั้งใจให้แสงหนีออนของตัวหนังสือหน้าร้านสาดส่องตัวเอง และมันก็ได้ผลเมื่อคนที่กำลังจ้องเจ้าไฟสีสดนั่นเบนสายตามาที่เขา

     

     

    ดูแววตาคู่นั่นสิ

     

     

    โอเซฮุน เอ่ยกับตัวเองเมื่อภาพตรงหน้าเป็นตาลุงนักเดินเรือยืนมองขึ้นมาที่ระเบียง แววตาเรียบเฉยแบบนั่นกับท่าทางสงบแบบนั่นอ่านยากเสียเหลือเกิน หรือบางทีเซฮุนอาจจะเยาว์เกินกว่าจะเข้าใจท่าทางของอีกคน

     

    ได้ยินจากเด็กในร้านบอกมาว่าตาลุงนั่นถามหาเขาอยู่เกือบทุกคืน มันทำให้เขาอดที่จะรู้สึกแย่ไม่ได้ เด็กหนุ่มยังจำสัมผัสจากฝ่ามือหยาบกร้านนั่นได้ มันร้อนผ่าวราวกลับไฟยามสัมผัสผิวกายเขา นัยน์ตาสีดำขลับคู่นั่นน่าค้นหาคล้ายคนที่เขารู้จัก และมันช่างอันตรายต่อเขาเสียเหลือเกินที่กลับมารู้สึกสนใจอะไรพวกนั่นอีกครั้ง

     

    รู้ตัวอีกทีก็สายไปเสียแล้ว เมื่อตัวเองมาหยุดยืนอยู่ที่ดาดฟ้าของบาร์ ตรงหน้าก็เป็นตาลุงแก่นั่นยืนอยู่หน้ากองไฟอย่างวันแรกที่เราเจอกัน

     

    “ผมได้ยินจากเด็กในบาร์ ว่าคุณถามหา-

     

    เสียงที่จะเอ่ยแหบแห้งไปเสียหมดยามนัยน์ตาสีอ่อนดันเผลอสบเข้ากับดวงตาคู่ตรงหน้าระหว่างที่เดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่เปลตัวโปรดสีรุ้ง แววตาที่เหมือนกำลังตำหนิกันแบบนั่นอดทำให้รู้สึกผิดไม่ได้เลยจริงๆ

     

    “ช่างมันเถอะ คุณอยู่นี้แล้ว”

     

    น้ำเสียงเข้มมาพร้อมกับเสียงถอนหายใจเฮือกยาวทำให้เซฮุนหลุดหัวเราะออกมา นึกไปถึงคนแก่ที่มักทำยามหนักใจกับอะไรสักอย่างที่ไม่สามารถระบายมันออกมาได้เป็นคำพูด

     

    แต่ดูเหมือนการกระทำเมื่อกี้จะทำให้อีกคนเข้าใจผิด เพราะขายาวกำลังก้าวผ่านเปลเขาไปและถ้าเดาไม่ผิดมันกำลังมุ่งไปยังบันไดลงจากที่นี้

     

    นี้เขาออกจากห้องมาเพื่อโดนเมินแบบนี้หรอ?

     

    “เฮ้ คุณต้องการอะไรจากผมกันแน่”

     

     

     

    ประโยคนั่นหรือเปล่าที่เขาต้องพูดมันออกมา

                                

    ปั่นหัวกันเล่นแบบนี้สนุกมากหรือเปล่า

     

    นี้ต่างหากที่เขาควรพูด ทำให้เขารู้สึกบ้าได้ทุกๆวัน เพียงแค่คิดถึงจูบเด็กๆคืนนั่น เป็นห่วงคิดไปต่างๆนาๆว่าอาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็เป็นได้ระหว่างที่ไม่ได้เจอกัน และมันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดที่เขากลับไม่รู้อะไรเลย ทำได้แค่มาเหยียบที่บาร์นี้ เพื่อเจอกับอีกคน

     

    บางทีเขาอาจจะต้องการอะไรที่มากกว่านี้ ต่างกันกับคนคนนี้ที่รักอิสระเกินจะเอ่ยอะไรออกมา เพราะแบบนั่นเขาจึงตัดสินใจไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนว่า เขาควรจะเลิกมาที่นี้อีก ไอ้ความรู้สึกที่มีก็ช่างหัวมัน

     

     

    “ช่างมันเถอะ...”

     

    “คุณเป็นบ้าอะไรของคุณเนี่ย!?” เสียงแอบทุ่มดังขึ้นจากด้านหลัง ไม่หันกลับไปก็รู้ว่าอีกคนคงกำลังไม่พอใจมากๆ อาจจะกำลังทำหน้าตาเบื่อหน่ายเต็มทนก็ได้ “หงุดหงิดใส่ผมงั้นหรอ ผมไปทำอะไรให้คุณ!

     

    “...” นายกำลังทำให้ฉันเป็นบ้า

     

    “แล้วไอ้สายตาที่เหมือนด่าผมแบบนั่นอีก คุณเป็นบ้าอะไร ห่ะ!?

     

    “...” ใช่ นายพูดถูก ฉันกำลังจะบ้า

     

    “คุณมัน-

     

     

    เขาทนฟังต่อไม่ได้อีกแล้ว

     

     

    ร่างหนาหมุนกลับไปชั่ววินาทีก้าวขาไปหาคนที่ไม่รู้ว่าลุกจากเปลตั้งแต่ตอนไหนยืนห่างจากเขาแค่ไม่กี่ก้าว พึ่งรู้วันนี่ว่าใบหน้าตอนโกธรของอีกคนน่ามองเหมือนกัน

    มือหนาเอื้อมออกมาคว้าตัวคนตรงหน้าเข้ามาในอ้อมแขน ก่อนจะใช้มืออีกข้างรองท้ายทอยขยับให้ใบหน้าอีกคนรับสัมผัสจากจูบเอาแต่ใจ 

     

    อื้อ...

     

    อัตราการหายใจชักจะหนักหน่วงขึ้นยามอีกคนปรับตัวได้ ร่างผอมบางเอนตัวเข้าหาอ้อมแขนแกร่งมากขึ้น จนมือเรียวยกขึ้นเกี่ยวคล้องรอบลำคอสีแทน รั้งให้เข้ามาป้อนจูบที่ไม่ใช่เพียงเป็นจูบเด็กๆอย่างเมื่อคราวที่แล้ว ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนเมื่ออากาศในปอดชักหมดและต่างฝ่ายต่างต้องถอยมาตั้งหลักหากไม่กลัวว่าจะตายเพราะขาดออกซิเจนเสียก่อน

     

    เอาล่ะ

     

    พอสังเกตในระยะใกล้ คิมจงอินกล้าบอกได้เต็มปากว่าคนตรงหน้าดึงดูดและได้ทุกๆอย่างจากเขาในทันที ตาสีอ่อนหวานฉ่ำที่มาพร้อมกับกลีบปากสีหวานตรงหน้าซึ่งกำลังผ่อนลมหายใจเข้าออก นั่นมันเซกซี่เป็นบ้า

     

    “นายกำลังทำฉันบ้า...”

     

    “หึ”

     

    รอยยิ้มร้ายวาดขึ้นบนใบหน้าเรียว ก่อนริมฝีปากนุ่มหยุ่นจะจรดลงบนปากเขา สัมผัสแล้วสัมผัสเล่า คลอเคล้าไปกับเสียงเพลงด้านล่าง ความอบอุ่นของกองไฟที่สัมผัสกับอากาศหนาวเกือบติดลบ ไอหมอกจากผืนน้ำยังลอยขมุกขมัวเหมือนอย่างเคย มันยังคล้ายกับนัยน์ตาสีอ่อนคู่ตรงหน้าเขาเช่นเคย

     

    บางครั้งร่างกายมันก็ต้านทานแรงดึงดูดแบบนี้ไม่ไหว จนเราทั้งคู่ต้องพากันลงมาที่ชั้นสอง มาจบลงที่เตียงนอนภายในห้องพัก แสงนีออนด้านนอกสาดเข้ามาในห้องกระทบกับเสี้ยวหน้าเซกซี่ของอีกคน เพิ่มให้น่ามองกว่าปกติเป็นเท่าตัว

     

    “ฮ้ะ”

     

    ขาเรียวเกี่ยวเข้าที่เอวสอบเมื่ออีกคนมาอยู่ตรงกลางหว่างขาพอดี เสื้อตัวนอกถูกถอดออกเผยให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นสัดส่วนงดงาม ผิวสีดาร์กช็อกโกแลตรสเข้มข้นแตกต่างจากคนแถวนี้น่าหลงไหลจนอดเอื้อมมือขึ้นไปลูบไล้ไม่ได้

     

    รสชาติของความหลงไหลในกามอารมณ์ยังเป็นรสชาติที่เหมือนเคย ร่างบางสามารถตอบได้ว่าตัวเขาเคยรู้สึกแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน และน่าเสียดายที่คนบนร่างที่ยังไม่ทันเอ่ยถามชื่อกันเป็นหนึ่งในรสชาติที่เขาเคยพบพาลมาแล้ว

     

    “มันจะง่ายกว่านี้ถ้าคุณลืมมันซะ”

     

    โอเซฮุนรู้ว่าไม่ควรพูดอะไรแบบนั่นออกมาหลังจากที่เรามีอะไรกัน และเราทั้งคู่ก็ต่างมีความสุขกับเซกซ์ครั้งนี้ แต่การผูกมัดคือสิ่งเดียวที่เขาเกลียดที่สุด กายผอมหยิบเสื้อสเวตเตอร์ขึ้นมาสวมพอลวกๆก่อนจะพาตัวเองไปยืนสูบบุหรี่หน้าระเบียงห้อง มองออกไปที่ป้ายบาร์

     

    ย้ำกับตัวเองให้ชัดว่าทั้งหมดมันคือกำไรของชีวิต คือชีวิตพักร้อนที่เหลือของเขา การคาดหวังกับอะไรสักอย่างจะนำพามาซึ่งความเจ็บปวด และเขาก็เลิกคาดหวังกับอะไรไปตั้งนานแล้ว

     

    “นายเองก็ไม่ได้ต่างจากฉันหรอก” หมุนตัวกลับไปในห้องตามน้ำเสียงเข้ม สอดสายตามองร่างหนาที่กำลังสวมเสื้อผ้าให้เข้าที่ และเดินเข้ามาหากัน มือหนาคว้าเข้าที่เอวออกแรงรั้งมันเข้าไปรับจูบเบาบางหากกลับเร่าร้อน

     

    “...”

     

    “รู้ไหม เราไม่มีทางหนีตัวเองได้หรอก”






    TBC.


    ไม่น่าจะจบง่ายๆ55555555 

    ชอบบรรยากกาศเรื่องนี้มาก แต่งทีไรก็รู้สึกเหงา 

    ไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ







    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×