คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : intro I
แสงอาทิตย์ในตอนเช้ากระทบเข้ากับร่างสูงแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามที่ผู้ชายหลายคนอยากจะมีและหญิงสาวทั้งหลายอยากจะได้ใกล้ชิดชายหนุ่งขยับตัวเล็กน้อยก่อนกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับสายตาให้คุ้นชิน เมื่อตื่นเต็มตาดีแล้วจึงหันมองสาวสวยหุ่นดีที่หิ้วมาจากผับเมื่อคืน แล้วหันหน้าไปหยิบบุหรี่ยี่ห้อดังขึ้นมาสูบ ไม่นานนักนักหญิงสาวข้างกายก็ขยับตัวตื่นตาม
คนที่นั่งสูบบุหรี่หันหน้ามามองนิดหน่อยก่อนเอ่ยเสียงเรียบ
“ตื่นแล้วก็ไปจัดการตัวเองซะ เสร็จแล้วก็ออกไปได้แล้ว” หญิงสาวเดินไปทำตามคำพูดนั้นอย่างไม่กล้ามีปากมีเสียงถึงแม้จะเจ็บใจอยู่นิดหน่อยก็ตาม แต่ใครจะจะกล้าขัดใจ “คุณชายวอดก้า” แค่คั้นมาควงเธอก็นับว่าโชคดีมากแล้วล่ะ
หลังจากหญิงสาวกลับไปแล้วร่างสูงเจ้าของนาม วอดก้า ก็เดินไปหยิบโทรศัทพ์เครื่องหรูก่อนต่อสายหาคนสนิท
“พายุ แกจัดการจองตั๋วกลับไทยไว้ให้ชั้นแล้วใช่มั้ย” เสียงทุ้มลอดผ่านสายโทรศัพท์ก่อนจะตอบรับเสียงคนสนิททีตอบกลับมาว่าจักการให้เรียบร้อยแล้ว
“ กี่โมง” ถามกลับพร้อมจุดบุหรี่ม้วนใหม่แล้วจัดการอักสารนิโคตินเข้าปอดอย่างไม่ได้รีบเร่งอะไรนัก
“อือ งอีกครึ่งชั่วโมงใช่มั้ยแล้วป๊ารู้หรือยัง อืม งั้นก็ดี” หลังจากวางสายเสร็จร่างสูงก็เดินไปจัดการตัวเอง พร้อมกับแต่งตัวเดินทางไปสนามบิน.....เพื่อกลับมายังประเทศไทย เอาล่ะเรามารู้จักกันหน่อยมั้ย
“วอดก้า” นั่นคือชื่อของผม นายวาคินทร์ อนันตนกุล หรือคุณชายวอดก้านั่นแหละ ผมเป็นพี่คนโตแล้วก็มีน้องอีกคนชื่อ
เคียนติ สำหรับตระกูลผมก็ไม่มีอะไรมาก แม่ของผมเสียตั้งแต่เคียนติอายุเพียง5ขวบ และป๊าก็เอาแต่บ้างาน ดังนั้นผมกับเคียนติจึงสนิทกันเป็นพิเศษ เพราะจริงๆแล้วผมกับเคียนอายุก่างกันแค่2ปีเท่านั้น ดังนั้นในช่วงเวลา3ปีที่ผมอยู่ที่ไทยทำให้เราสนิทกันมาก 3ปีใช่คุณอ่านไม่ผิดหรอกเพราะหลังจากที่ผม10ขวบคุณป๊าสุดที่รัก(กัดฟัน)ก็ส่งผมไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษทันทีเนื่องด้วยว่าผมถูกตามฆ่าแบบรายวันแค่นั้นเอง หืมทำไมถึงถูกตามฆ่านะหรอกนั่นก็เพราะธุรกิจยังไงล่ะ ครอบครัวผมเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลด้านอืม....มาเฟียหรือทำนองนี้ ความจริงแล้วธุรกิจก็ไม่มีอะไรมากนะ อสังหาริมทรัย์ใหญ่ที่สุด แล้วก็มีโรงแรมในเครือใหญ่เป็นหนึ่งใน4ของประเทศ แล้วก็กิจการจิปาถะเล็กน้อย ส่วนเคียนที่มันไม่ถูกส่งให้ห่างจากลูกปืนก็เพราะมันเรียนในบ้านตลอดถ้ามันดักฆ่าเคียนได้ให้รู้ไปสิ
หลังจากนั่งเครื่องติดกันมาหลายต่อหลายชั่วโมงในที่สุดล้อเครื่องบินก็สัมผัสกับพื้นประเทศไทย ร่างสูงที่ใส่เสื่อยืดสีดำ และกางเกงสีสนิมมีรอยขากเล็กน้อยพอเป็นแฟชั่นใบหล่อเหลา ถูกปกปิดด้วยแว่นตาดำยี่ห้อหรู ก่อนเดินออกมาจาเกต พลางเหลือบไปเห็นพายุลูกน้องคนสนิทกำลังเดินมาทางตัวเอง
“ยินดีต้อนรับครับ คุญชาย เชิญทางนี้เลยดีกว่าครับ”พายุเอ่ยทักทาย ก่อนจะเดินนำร่างสูงไปยังรถสำดำสนิทติดฟิล์มทึบรอบด้าน
“พายุ ที่บ้านรู้หรือยังว่าชั้นกลับวันนี้” ร่างสูงเอ่ยถามในขณะที่ สายตาก็มองนู่นนี่เป็นระยะ .
คุณท่านทราบแล้วครับ แต่คุณหนูเคีนยติคงยังไม่ทราบเนื่องจากต้องจัดการเรื่องมหาวิทยาลัยนะครับ”
“’งั้นหรอ อืม” ร่างสูงพยักหน้ารับรู้ก่อนเดินไปยังรถของที่บ้านมารับ
“งั้นคุณชาย จะแวะที่ไหนก่อนมั้ยครับ ถ้าไม่ผมจะแวะรับคุณหนูเคียนติไปด้วยเลย ”พายุเอ่ยถามหลังจากที่ออกมาจากสนามบินได้สักพัก วอดก้านิ่งไปสักพักก่อนตอบ
“ทำไมนายต้องมารับเคียน แล้วคนอื่นไปไหน” วอดก้าถามกลับเพราะถึงแม้ว่าตนจะเป็นคนสั่งให้พายุคอยดูแลเคียนติแต่การที่ต้องมารับมาส่งมันต้องเป็นหน้าที่ของคนขับรถไม่ใช่หรือไงกัน
“พอดีคุณท่านให้ผมเป็นคนดูแลรับส่งคุณหนูนะครับ หลังจากที่เมื่อ2-3เดือนก่อนคุณหนูถูกลอบยิงนะครับ”
.”นายว่าไงนะ เคียนถูกลอบยิงงั้นหรอ แล้วทำไมไม่มีใครรายงานชั้น” เสียงของวอดก้าเย็นยะเยียบขึ้นมาในทันที พายุจึงได้รู้ตัวว่าพูดอะไรที่ไม่สมควรไปซะแล้ว
“คือคุณท่านสั่งห้ามรายงานคุณชายนะครับ อีกอย่างคุณหนูเคียนติเองก็บอกว่าไม่อยากให้คุณชายเป็นห่วง” พายุอธิบายอย่างใจเย็น
“งั้นหรอ...ก็ดี”เสียงตอบรับพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากนั่นพายุรู้สึกว่ากำลังมีอะไรที่.....ต้องเลวร้ายเกิดขึ้นแน่ๆๆ
“พายุ...นายจัดการโอนย้ายหน่วยกิตของชั้นจากโฮลี่ครอสไปมหาลัยเดียวกับเคียนซะ”ร่างสูงเอ่ยสั่ง
“แต่..วะ ว่า”
“ไม่มีแต่!! เดี๋ยวกับป๊าชั้นคุยเอง” พายุที่กำลังเอ่ยค้านต้อง หุบปากลง เพราะถ้าคุณชายขั้นเสียงนั่นแปลว่าทุกอย่างห้ามขัดไม่งั้นตาย!!!
............................................................................................................................................................................
ม.เดสยู
“เฮ้ยไอ้เคียนเอางานมาดูดิ” “ เออแม่งผ่านอยู่คู่เดียวสัด” “นั่นดิ แม่งเลว อ.แม่งลำเอียง”
และอีกสารพัดคำสรรเสริญที่สวดส่ง?? พร้อมกับเสียงเฮฮาเป็นระยะเพราะตอนนี้คลาสต่างๆเริ่มลงมากันแล้ว ทำให้บรรยายกาศใน ม.คึกคักมากขึ้น
“เออว่าแต่ ไอ้เคียนมึงทำไงให้งานแม่งผ่านว่ะ”เสียงไอ้เมฆดังขึ้นถามทำให้ผมเงยหน้าจากเล่มรายงานในมือ
“ไม่รู้ว่ะ”ผมตอบก่อนนั่งอ่านรายงานต่อ
“ได้ไงว่ะ รายงานมึงนะไอ้เคียน” เสียงไอ้ไม้แฝดไอ้เมฆดังขึ้นอีก ผมเลยปิดรายงานแล้วเงยหน้าคุยกับมัน
“กูจะรู้ได้ไง กูไม่ได้ทำโน่นไอ้ ‘เมจิก’ โน่นทำหน้าอย่างกูหรอจะทำ” ผมยักคิ้วตอบมัน
“จริงอ่อว่ะไอ้เม เม่งไม่บอกกูเลยนะสัด”เสียงไอ้เมฆบ่น
“เออ กูทำแล้วมึงช่วยเรียกชื่อกูดีๆได้มั้ยว่ะ กูชื่อเมจิก ไม่ใช่เม สัดเรียกกูซะหญิงจ๋า”
“จริงๆเรียกเมก็ไม่น่ามีปัญหานะ มึงออกจะสวย 555 ”เสียงไอ้ไม้ดังขึ้นก่อนจะมีเสียง โครมดังตามมมา
“สัด ม่านไม้อยากรับประทานตีนเพื่อนก็ไม่บอก” ไอ้เมจิกแม่งถีบไอ้ไม้ลงไปนอนกับพื้นเลยเสียงหัวเราะเลยตามมาเป็นพรวน อายมั้ยว่ะนั่น
“เมจิก มึงคิดว่ากูอายมั้ยว่ะ”
“จะไปรู้มึงหรอก แต่ก็นะมึงอายแต่กูไม่ว่ะ”
“เออ ว่าแต่ทำไมวันนี้พี่พายุของเคียนติ มารับช้าจัง” เมจิกหันมาถามผม
“ไม่รู้เหมือนกัน ว่าแต่พี่พายุเป็นของเคียนตอนไหนห๊ะ เมเจิ” ผมหันไปแหวในขณะที่มือก็คว้านหาโทรศัทพ์ในกระเป๋าเพื่อที่จะโทรหา พี่พายุไปด้วย
“อ้าวไม่ใช่หรอ เห็นพอพี่พายุมารับที่ไรแล้วมีสาวๆส่งสายตาให้พี่พายุนี่แทบจะเดินไปตบเลยมั้ง”
“ไม่ขนาดนั้นซะหน่อยเมจิกก็พูดไป....”
“นั่นเคียนติพี่พายุมาแล้ว แหมตายยากจริง แต่ว่าใครนั่งมาด้วย” ผมหันไปมองก็เป็นรถของที่บ้านแลวก็มรคนนั่งมาด้วยจริงๆ แต่ใครล่ะป๊าไม่ได้บอกว่าจะมานี่ อีกอย่างฟิลืมดำขานดนั้นคงจะมองเห็นหรอกเนอะ
“นั่นดิใครมาด้วย....”ผมพำพัมก็ที่รถจะหยุดใกล้กับโต๊ะที่พวกผมนั่งกันอยู่ก่อนที่พี่พายุจะลงมาพร้อมกับ
“พี่วอดก้า!!!!”
มาลงไว้แบบสั้นๆๆก่อนเเล้วเดี๋ยวจะรีบมาแต่งต่อนะ
ชอบไม่ชอบยังไง ติชมได้นะ เค้าไม่ว่าเน้อ
ความคิดเห็น