ตอนที่ 8 : [7] STEVE (2)
หนุ่มแขนเหล็กทำสีหน้าไม่พอใจอย่างมากเมื่อเห็นสตีฟที่กำลังก้าวขาเดินเข้าห้องมาในชุดอำพรางตัวสีดำเต็มตัว
" เล่นอะไร ฉันไม่เข้าใจ "
สตีฟเดินห่างจากอีกคน แต่อีกคนกลับพูดพลางเดินตามจี้จนสตีฟตัดรำคาญโดยการหลับหูหลับตาฟังให้พอผ่านๆไป
" อย่ามาตีหน้าซื่อไปหน่อยเลยสตีฟ คิดว่าฉันไม่รู้หรอว่านายไปช่วยไอ้บ้าสตาร์คนั่น ในขณะที่แผนของเรากำลังไปได้สวย แต่นายกลับทำแบบนั้น มันทำให้แผนเราเสียหาย "
" แต่ก็ได้ของมาครบนี่ แล้วก็อย่ามาพูดว่าเเผนของเรา มันเป็นแผนของนาย "
" มันต่างกันสตีฟ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะนาย ฉันคงไม่โดนจับได้ และถ้านายไม่ทำแบบนั้น ฉันคงขนมันออกมาได้ทั้งหมด "
" แต่มันก็พอ "
" นายยังจำหมอนั่นได้... "
" ไม่...ฉันจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น นั่นถูกต้องแล้วบัคกี้ "
" ถูกต้องที่สตาร์คควรตาย หรือถูกต้องแล้วที่นายไปช่วยให้สตาร์ครอดกันแน่สตีฟ "
".... "
" เป็นเพราะนายช่วยสตาร์คขึ้นมาจากที่นั่น ฉันเกือบจะถูกเจ้าหุ่นบ้านั่นตามฆ่า "
ทันทีที่บัคกี้พูดจบ สตีฟถึงกับเปลี่ยนสีหน้าเมื่อรู้ว่าหลังจากที่ตัวเองออกมาจากตรงนั้นแล้วบัคกี้เองก็เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย เขาเข้าไปใกล้อีกคนพลางกระชากคอเสื้อขึ้นสูง
" นายไปทำอะไรอีกบัคกี้ แค่เขาเกือบตายยังไม่พอใจอีกหรือไง "
" ไม่..ไม่พอใจ ฉันจะให้มันตายอย่างทรมาณที่สุด แต่นายกลับไปช่วยมันขึ้นมาอีก ! "
" บัคกี้ ฉันยอมทำตามที่นายบอกแล้ว ทำไมถึงยังตามระรานเขาอีก "
" เพราะนายไงสตีฟ เพราะนายยังรักมันไงสตีฟ ! "
".... "
" นายกล้าพูดต่อหน้าฉันไหมว่านายไม่ได้รักมันแล้วจริงๆ ฉันเห็นสีหน้านายตอนเห็นร่างหมอนั่นไร้สตินอนใกล้ตายอยู่ในนั้น ฉันเห็นตอนนายอุ้มหมอนั่นออกมา คิดว่าฉันมองไม่เห็นหรือไงสตีฟ ! "
" ฉันไม่ได้รักเขา... ฉันแค่เห็นสิ่งที่นายทำกับเขามันเกินความจำเป็น จริงๆภารกิจของเราที่เกี่ยวข้องกับเขามันจบลงไปตั้งนานแล้ว "
" ไม่มันยังไม่จบ "
.
.
.
" นายครับ! "
' จาวิส! '
ขณะที่ร่างกายผมรู้สึกตัว ก็รับรู้ได้ถึงแรงอัดกระเเทกจากทางด้านหลัง หลังของผมกระเเทกเข้ากับน้ำอย่างรุนเเรง เพราะร่างที่ไม่สามารถควบคุมได้นั้นกำลังดิ่งลงสู่มหาสมุทร น้ำที่กำลังหลั่งไหลโอบรอบตัวอย่างรวดเร็วนั้นยิ่งดึงผมลงสู่ก้นบึ้งของมหาสมุทรได้อย่างรวดเร็วเเละรุนแรงจนสัมผัสได้ทั้งๆที่ร่างกายแทบจะไม่รู้สึกอะไร
กระทั่งในเสี้ยววินาทีก่อนจะหลับตาลงผมก็เห็นชายผมบลอนด์ในชุดลายธงชาติที่คุ้นเคยกำลังจมดิ่งเช่นเดียวกับผม และมันง่ายมากสำหรับการตัดสินใจในเมื่อมีมือๆหนึ่งกำลังจะมาฉุดรั้งผมขึ้นไป คำสั่งสุดท้ายที่เปล่งออกมาจากลำคอก่อนจะจมดิ่งเป็นส่วนหนึ่งกับท้องทะเล...
" ช่วยเขาก่อน... "
จากนั้นในทุกๆโสตประสาทของผมได้หยุดการทำงานอย่างสิ้นเชิงเมื่อผมเห็นเขาอีกคนถูกช่วยและถูกพาขึ้นไปยังเหนือน้ำได้อย่างปลอดภัย ส่วนตัวผมเองก็ค่อยๆจมลงสู่ก้นทะเลลึกนั่นไปอย่างเงียบๆ ทั้งโลกไร้การตอบรับ ทุกเสียงที่เคยได้ยินถูกกระเเสน้ำพัดพาไปจนหมดสิ้น ดีแล้วล่ะ...ผมไม่ใช่คนดี ไม่ใช่คนที่ควรจะอยู่ต่อ...ผม...
.
.
.
" มื้อเช้าเย็นชืดแล้วนะครับนาย "
' ความฝันนี่ไม่ได้เลวร้ายอะไรนักสำหรับผม '
" อื้อ...จาวิสหรอ? "
" ครับ...ที่บ้านนี้มีคนอื่นอยู่ด้วยงั้นหรอครับ? "
" มีสิ...เจ้าดัมมี่นั่นไง "
' เพราะเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับผมสิที่เลวร้ายเสียมากกว่า '
.
.
.
ไม่ทันได้ตั้งตัวทำอะไร โทนี่จัดการตัวเองเปลี่ยนจากชุดนอนแขนสั้นขายาวของเขาเป็นชุดพร้อมจะทำงาน มื้อเช้าที่กินๆเขี่ยๆไปพอให้ท้องไม่ร้องระหว่างทำงานก่อนจะเดินเชิงวิ่งลงไปที่ห้องทำงานราวกับว่าคิดถึงห้องทำงานมากก็ว่าได้
" เอาล่ะ วันนี้ก็เหมือนเคย ทดลองรุ่นใหม่ป้ายแดงที่พึ่งคิดค้นให้มันเสร็จสมบูรณ์กันเถอะ " เขาพูดพร้อมกับเดินขึ้นไปบนเเท่นประกอบชุดของเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉยตามเเบบฉบับของเขา
" นายครับ "
" ว่าไงจาวิส...คงจะต้องปรับสมดุลอีกหน่อย บันทึก ใส่วันเวลาด้วย "
เขาพูดต่อโดยไม่ได้สนใจเสียงเรียกของอีกคนมากนัก เพราะตอนนี้ความสนใจของเขาพุ่งตรงไปยังอุปกรณ์บางอย่างที่มีขนาดใหญ่เท่าตัวมนุษย์
" นายไม่ได้พักผ่อนเลยนะครับ " จาวิสพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย
" ตามนั้นแหละจาวิส สั่งเจ้าดัมมี่ให้มัน... "
ไม่ทันที่โทนี่จะพูดจบ จาวิสกลับพูดเเทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงใหญ่ขึ้น เขารู้ว่าเจ้านายของเขาเอาการเอางาน กำลังไม่สนใจโลกภายนอกอย่างสุดติ่งลิงโลด(?) แต่ด้วยความเป็นห่วงสุขภาพของเจ้านาย จาวิสเองจึงพยายามดึงโทนี่ให้ออกมาจากโลกส่วนตัวของเขาอยู่เรื่อยๆ
" นายครับ! ผมแค่อยากเตือนว่าคุณไม่ได้นอนเต็มอิ่มมานานแล้ว จากที่ผมตรวจสอบข้อมูลกิจวัตรของนาย ร่างกายของนายจะทนไม่ไหวเอานะครับ "
สิ้นเสียงจาวิส ทั้งสองเงียบไปซักพัก จนเจ้าตัวคนถูกเป็นห่วงก็พูดขึ้นมาด้วยสายตาเลื่อนลอยเต็มไปด้วยความผิดหวังอย่างรุนแรง ใครมองก็คงจะรู้ว่าเขากำลังรู้สึกยังไง แล้วจะไม่ให้จาวิสเป็นห่วงได้ยังไงกัน...
" ไม่เห็นเป็นไรนี่จาวิส...ฉันพอแล้วกับการนั่งๆนอนๆเฉยๆเหมือนเคย ฉันพอแล้วงานเลี้ยงวุ่นวายเหมือนคราวก่อน มันไม่มีอีกแล้วจาวิส แค่นี้ก็พอ " เขาพูดด้วยสีหน้าเลื่อนลอยเช่นเดียวกับคนสิ้นหวัง " ขอแค่ให้ฉันได้ทำงาน ขอแค่ให้ฉัน... "
" ลืมงั้นสินะครับ "
โทนี่มองไปยังจอมอนิเตอร์ขนาดเล็กที่นาฬิกาพลางยิ้มให้กับมัน
" นายเก่งเกินไปอีกแล้วจาวิส เรื่องบางเรื่องนายก็รู้มากซะยิ่งกว่าฉันซะอีก "
" พอเถอะครับนาย "
" ไม่ดีงั้นหรอจาวิส โทษทีนะนายตามฉันไม่ทันอีกแล้ว ฉันกำลังจะลืมทุกอย่างจาวิส " เขาพูดพลางเดินไปจับอุปกรณ์บางอย่างที่มีลักษณะเหมือนเครื่องจับเท็จ เขามองมันด้วยสายตาวิงวอนต่อความหวังอันยิ่งใหญ่
" ลืม...ทุกอย่างที่อยากจะลืมเลย "
" คุณกำลังสร้าง? "
" ใช่ ไม่งั้นจะอดหลับอดนอนไปทำไมล่ะ คราวนี้ฉันจะลบอะไรก็ได้จาวิส ทั้งความทรงจำ ทั้งความรู้สึกแย่ๆ "
" แต่..." จาวิสลากเสียงยาว " มันจะถูกต้องหรอครับ "
" อย่าลืมสิจาวิส ฉันเป็นนักวิทยาศาสตร์ตัวร้ายเชียวนะ มันต้องไม่ถูกอยู่แล้วล่ะ "
' ใช่...สำหรับผมแล้วจะวิธีไหนก็ได้ ' โทนี่พูดกับตัวเองในใจ
" คุณจะทดลองกับตัวเองอีกเหมือนเคยหรอครับ? " จาวิสถามด้วยน้ำเสียงเรียบ แต่เขารู้ดีว่านั่นเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใยในตัวของเจ้านายตัวเองสุดๆจนสัมผัสได้
" ก็คงจะเป็นแบบนั้นล่ะจาวิส "
" มันต้องไม่ดีแน่ๆ "
" คุณอาจจะลืมเรื่องของผมแล้วก็คนอื่นๆที่อยู่รอบข้างคุณ "
" ครับนาย ยังไงซะผมก็คงห้ามอะไรคุณไม่ได้อยู่แล้ว แค่เตือนให้คุณทานข้าวเช้าให้ตรงเวลายังทำไม่ได้เลย ผมช่างไร้ประสิทธิภาพซะจริง "
" นายเก่งแล้วจาวิส นายทำให้ฉันเชื่อใจนายได้ นายควรจะดีใจนะ "
" ก็ไม่มีใครรับมือคุณได้เท่าผมนี่ครับ "
" พูดได้ดีนี่จาวิส ตอนระบบขัดข้องอย่ามาทำเสียงหวานใส่ก็แล้วกัน "
สิ้นสุดบทสนทนา เขาก็เดินไปนั่งประจำที่
" พอฉันบอกว่าเริ่มนายก็จัดการเจ้านั่นนะ " เขาพูดพลางชี้ไปที่แผงปฏิบัติการณ์เล็กๆ
" ครับนาย "
.
" การดำเนินการเสร็จสมบูรณ์ครับนาย ผมเกรงว่าคุณอาจจะจำชื่อตัวเองไม่ได้ ผมได้เตรียม... "
ไม่ทันที่จาวิสจะพูดจบเขาก็ชิงพูดตัดบทใส่
" เดี๋ยวก่อนจาวิส " เขาทำท่าแบมือสัญลักษณ์หยุด
" น่าแปลก คุณจำชื่อผมได้? " จาวิสทำน้ำเสียงสดใสปนตะลึงเล็กน้อย
" แล้วนี่ฉันลืมอะไรไปเนี่ย "
" เเม่นซะยิ่งกว่าถูกสลากเสียอีกจาวิส เอ๋? แล้วนี่ฉันลบความทรงจำส่วนไหนไปกันแน่ล่ะ? " เขาทำหน้ามึนกับตัวเอง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงคุณชายจาวิส
" นั่นสิ...ฉันกินอะไรไปนะ "
" ทราบแล้วครับ ลบความทรงจำช่วงเวลาตอนเช้าที่ผ่านมาซะเกลี้ยงเลยนะครับ "
" นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย!? แย่จริง!! พลาดได้น่าอายโครตๆ จะไปลบทำวิมารอะไรความทรงจำตอนเช้า "
" ความทรงจำตอนเช้านี้อาจจะเป็นความทรงจำเเย่ๆก็ได้นะครับ "
" เเย่ยังไงจาวิส ฉันว่ามันก็ปกติดีนะ "
" มื้อเช้ารสชาติแย่... "
" เฮ้ออ พอเลยจาวิส ฉันหวังว่าคราวหน้านายจะสามารถวิเคราะห์ได้ดีกว่านี้นะ "
" อาจจะต้องปรับแก้และทดสอบกับผู้ป่วยทางจิตแทนนะครับนาย "
" ก็คงจะต้องเป็นแบบนั้นแหละจาวิส "
โทนี่เดินออกมาจากห้องปฏิบัติการณ์ของเขาเงียบๆ พลางเดินออกไปที่ระเบียงกว้างขวางบริเวณชั้นบนที่มีพื้นที่มากเพียงพอสำหรับจัดงานปาร์ตี้งานเล็กๆงานหนึ่งในบ้านเลยทีเดียว ดวงตาทอดยาวไปยังท้องฟ้าสีดรามยามค่ำ ดาวทอแสงสีเงินประดับท้องฟ้าให้งดงาม ถึงเเม้เมฆจะมาบังไปซะส่วนใหญ่ก็ตามที
การที่เขาได้อยู่เงียบๆตามลำพังซักพักมันกลับทำให้เขาคิดอะไรบางอย่างขึ้นในหัวตามประสาหนุ่มนักประดิษฐ์ อันที่จริงความทรงจำแย่ๆมันไม่ได้มีเพียงเเค่เรื่องเขาคนนั้น แต่ยังมีเรื่องพ่อกับเเม่อีก เขาเองก็ผ่านมันมาได้ ในเวลาอันสั้นเขามองย้อนไปถึงอดีตแสนข่มขื่นนั่นพลางนั่งคิดถึงตอนตนยังเป็นเด็กคนหนึ่งที่ไร้ประสบการณ์ แต่กลับสามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้เกินวัย และเเน่นอนว่านั่นเป็นจุดเริ่มต้นและจุดจบที่เขาต้องเจอ
รอยช้ำนั้นยังคงอยู่ ซ้ำในใจยังพร่ำบอกกับตนเองว่าจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก นั่นทำให้เกิดเป็นชุดเกราะขึ้นมา มันไม่ได้ช่วยคนได้ทุกคนที่เขาอยากจะช่วย แต่มันก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลยเหมือนเช่นอดีต แต่แล้วทั้งพยายาม ทั้งอดทนมาเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ กลับเสียมันไปอีกครั้งจนได้ ทั้งรอยช้ำเก่าและรอยช้ำใหม่ที่เข้าไปซ้ำเติมให้กลายเป็นปากแผลใหญ่กลางใจมันทั้งยากจะลืมและไม่เคยคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นอีกครั้ง
แต่แล้วกลับมาคิดได้ในตอนนี้ว่าชีวิตของเขาเองก็ไม่ได้แย่ลงเลยซักนิด ทุกอย่างมันยังเหมือนเดิม ยังมีเพื่อน ยังมีสหายที่คอยช่วยต่อสู้อยู่เช่นเคย เพียงเเค่บางสิ่งบางอย่างมันหายไป หลายๆอย่างอาจจะต้องพยายามด้วยตัวเองมากขึ้น แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตแย่ลงไปกว่าเดิม เสียใจก็เป็นเรื่องปกติ แต่การจะมานั่งเปื่อยคิดแต่เรื่องคนที่จากไปแล้วไม่หวนกลับมามันก็ออกจะเป็นการทำร้ายตัวเองเสียมากกว่า แทนที่จะมานั่งเสียใจการพัฒนาสิ่งใหม่ๆจากประสบการณ์แย่ๆคราวนี้แล้วนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์กับคนอื่นก็คงจะดีไม่น้อย
" จาวิส... " เขาเรียกทั้งๆที่ยังนั่งกึ่งนอนอยู่บนเกาอี้ริมสระ
" ครับนาย " จาวิสตอบรับอย่างฉับไวสมเป็นระบบอัจฉริยะ
" ส่งเครื่องนั่นไปให้ทางโรงพยาบาลที่ต้องการทดลองเทคโนโลยีนี้ ให้ผู้ป่วยที่มีปัญหาทางสมองทดลองดู ได้ผลยังไงแจ้งด้วย "
" รับทราบครับ "
.
.
.
" จาวิสเตรียมน้ำอุ่นให้ฉันด้วยนะ "
" เรียบร้อยเเล้วครับนาย "
" อืม... "
พูดพลางยืดตัวคลายความอ่อนล้าของกล้ามเนื้อทั่วร่างกายที่เหมือนจะถูกฝืนให้ใช้งานมาจนล้าไปทั้งตัว การอาบน้ำคงช่วยให้ดีขึ้น ว่าแล้วก็เดินเข้าห้องน้ำปลดเสื้อผ้าพลางแช่ตัวในอ่างอาบน้ำที่คุ้นเคย ไออุ่นจากน้ำซึมผ่านไปทั่วร่างกายทำให้พอจะคลายความเหนื่อยล้าไปได้บ้าง
ซักพักตาก็เริ่มปรือลงเพราะไอน้ำ ดวงตาสีคาราเมลสวยนั่นปิดลงช้าๆพร้อมกับเอนกายไปด้านหลังทิ้งตัวลงบนขอบอ่าง แขนสองข้างประคองตัวเองวางข้างๆตัว เขาปล่อยให้ตัวเองอยู่ในช่วงเวลาที่ว่างเปล่าซักพักก่อนจะลืมตาขึ้นช้าๆหันกายไปทางประตู แต่แล้วภาพในความทรงจำนั่นกลับย้อนเข้ามาในหัวแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
' ทำไมคุณไม่ล๊อกประตูล่ะ '
' นายจะได้เข้ามาหาฉันได้ไง '
' ผมไม่ได้ตั้งใจซักหน่อย '
' แต่ฉันตั้งใจนะ '
' ถูกความร้อนเล่นงานแน่เลย ภาพเก่าๆถึงวนเข้ามาไม่ยอมหยุด ' โทนี่บ่นอุบอิบกับตัวเอง
' อ๊ะ...นี่คุณ!? '
' ไม่ต้องอดทนหรอก ทำตามที่หัวใจนายเรียกร้องสิ '
' เเย่จริง...ในเวลาแบบนี้... '
' โทนี่...กอดคอผมสิ '
.
.
.
" อ่า...อื้อ... "
เขาครางเบาๆ มือสองข้างของเขากอบกุมสิ่งนั้นไว้แน่นพอที่ร่างกายจะตอบสนองต่อความรู้สึก หากแต่เป็นสัมผัสของตัวเองแต่ภายในหัวกลับกลายเป็นภาพของเขาอีกคน นานเท่าไหร่แล้วที่เขาได้แต่รัดกุมตัวเองแบบนี้ นานเท่าไหร่แล้วที่ต้องมองม่านหมอกและคิดวนซ้ำไปซ้ำมาว่าอีกคนก็ยังคงต้องการเขาอยู่เคียงข้าง
' โทนี่...โทนี่... '
" อื้มม! "
ร่างของโทนี่สะดุ้งเฮือกเมื่อถึงจุดที่เขาต้องการ เขาหายใจหอบพร้อมกับซุกหน้าลงในน้ำกลั้นหายใจอยู่ซักพักจึงขึ้นมาสูดอากาศจากไอน้ำจนเต็มปอดเพื่อเรียกสติ
" มันชักจะเยอะเกินไปแล้ว... "
พูดจบก็ปรือตามองกระจกเพื่อให้เห็นภาพตัวเองสะท้อนออกมาให้ชัดเจน
" ฉันอยู่คนเดียว.. ฉันอยู่คนเดียวตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้ " พูดพลางมองกระจกไม่ยอมวางตา " ใช่...ไม่มีใครทั้งนั้น... "
พูดเสร็จก็ลุกพรวดออกจากอ่างน้ำ คว้าผ้าขนหนูตัวเก่งเช็ดตัวเดินออกไปห้องแต่งตัวพลางสวมเสื้อผ้าในชุดเสื้อกล้ามกางเกงขายาวสวมสบายเหมาะกับการนอนในแบบของเขา จนรู้สึกตัวอีกทีเขาก็มานั่งจัดแต่งตู้เสื้อผ้าตัวเองอยู่ได้ซักพักก่อนที่จะได้ยินเสียงจาวิสเรียกตนขึ้นมา
" นายครับ... "
" ว่าไงจาวิส " เขาพูดไปพร้อมๆกับเช็ดหน้าไปหน้าไปด้วย
" มีแขกมาพบครับ "
" มาพบฉัน...? ตอนนี้เนี่ยนะ ?? " โทนี่ขึ้นเสียงสูงเเสดงอาการตกอกตกใจที่ดึกขนาดนี้แล้วยังมีคนต้องการจะพบ ไม่แน่อาจจะเป็นคนที่กำลังเดือดร้อนก็ได้ไม่งั้นคงไม่ต้องการจะพบในยามวิกาลแบบนี้
" ครับ...แต่ผมไม่แนะนำให้คุณไปพบเขาจะเป็นการดีกว่า... "
จาวิสมีท่าทีกังวลเลิกลักเล็กน้อย จริงๆเขาไม่อยากบอกเสียด้วยซ้ำไปว่ามีคนมาหา แต่ด้วยหน้าทีของระบบที่ถูกจัดวางไว้นั่นทำให้จาวิสเลือกที่จะบอกไม่ได้ ได้แต่เพียงห้ามปรามและเเสดงความกังวลเพียงเท่านั้น
" ยังไงกันแน่จาวิส ที่มาบอกนี่ก็อยากให้ฉันไปคุยดูก่อนไม่ใช่หรือไง? "
" มันก็...แต่เขาคงไม่ต้องการหรอกครับ "
" อะไรของนายพูดวนไปวนมา ฉันจะไปดูก่อนถ้ามาแค่เรื่องเงินล่ะก็จะถีบส่งให้ถึงดาวอังคารเลย... "
" นายครับ ! "
ว่าแล้วเขาก็เดินดุ่มๆไปยังห้องรับแขกก่อนจะชะงักสะดุ้งเฮือกเมื่อเจอเข้ากับคนที่คุ้นเคยกำลังยืนมึนอยู่กลางห้อง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเรียกชื่ออย่างคุ้นเคยพร้อมรอยยิ้มเบาๆ
" โทนี่... "
สตีฟยืนเรียกเขาอยู่ แทนที่โทนี่จะดีใจ แต่เขากลับนิ่งเสียจนผิดปกติทิ้งให้สตีฟเอาแต่พูดอยู่คนเดียว
" ... "
" ขอโทษที่ผมเข้ามารบกวนตอนคุณกำลังจะนอนนะ แต่ผมก็ไม่รู้จะไปที่ไหนดีนอกจากที่นี่... "
.
.
.
' ย้อนกลับไปยังความทรงจำตอนที่ [6]BUCKY/STEVE '
' เฮลไฮดร้า... '
' สตีฟ...?! '
หมายความว่าไง ? สตีฟพูดว่าไฮดร้า!?
' มาตรงเวลาเหมือนเคยนะ '
แล้วสองคนนั่นก็กอดกันอย่างสนิทสนม สตีฟไม่ได้สนใจผมที่ถูกมัดติดอยู่กับเก้าอี้นั่นเลยแม้แต่น้อย เขาเอาแต่เดินพุ่งตรงไปยังบัคกี้อย่างกับถูกตั้งโปรแกรมให้ทำเเต่เรื่องนั้น
' นายทำอะไรเขา! ' ผมตะโกนโผลงด้วยความร้อนรน
' ทำอะไรหรอ ? ก็ไม่ได้ทำอะไรนี่ '
เขาตอนหน้าตาเฉยในขณะที่สตีฟมัวแต่ยืนนิ่งไม่พูดไม่จาอะไร
' สตีฟ ! สตีฟ ! มาช่วยฉันสิ สตีฟ !! '
ผมตะโกงสุดเสียงด้วยความพยายามที่จะลุกขึ้นจนล้มเทตัวมาด้านหน้าพร้อมทั้งเก้าอี้ไม่ติดอยู่แน่น แต่ดูเหมือนความพยายามของผมทั้งเสียงทั้งพยายามลุกขึ้นนั่นมันไม่ได้ผลเลย ทันทีที่เงยหน้าจากพื้นขึ้นไปมองสองคนที่ยืนอยู่ข้างกันนั่น จู่ๆน้ำตาที่มันตันไปนานแล้วกลับไหลพรากออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ทำไมกัน...แย่ที่สุด!...นี่มันบ้าอะไร!?!?
' กลับบ้านเรา '
' กลับบ้านของเรา '
สองคนนั่นจูบกัน...ต่อหน้าต่อตาผม...แล้วก็เดินจากไปพร้อมทิ้งคำถามไว้ให้กับตัวผมมากมายจนเเทบจะเป็นบ้า
.
.
.
" หมายความว่าไง... "
โทนี่พูดหลังจากที่เขาย้อนไปเห็นภาพในอดีตนั่นที่เกือบจะลืมมันไปได้แล้ว เเต่เพราะคำพูดนั่นทำให้ความทรงจำเลวร้ายนั่นกลับมาเล่นงานเขาอีกครั้งจนปากมันโผลงคำถามออกไปด้วยเสียงแหบพร่า บ่งบอกว่าเขาเองก็ไม่ได้อยากจะถามนักหรืออยากจะจดจำมันนัก
" คุณหมายถึงอะไร ? " สตีฟทำหน้างง
" ที่นายบอกว่า ' ไม่รู้จะไปไหน ' นั่นหมายความว่ายังไง " เขากัดฟันกรอดจนเสียงขู่แทบจะออกมาจากไรฟัน
" ผมไม่มีที่อื่นให้ไป... " สตีฟก้มหน้าพูดอย่างรู้สึกเจ็บใจขึ้นมา ตามมาด้วยเสียงของโทนี่ที่สั่นเครือเพราะพยายามอดกลั้นน้ำตาไม่ให้นองหน้าก่อนจะพูดจบ
" แล้วที่หายไปนี่หมายความว่าไง...คนไม่มีที่อื่นให้ไปทำไมถึงหายไปในเวลาแบบนั้น... "
สตีฟยื่นตัวมาใกล้จะไปจับแขนโทนี่ให้เข้ามาใกล้ตน แต่กลับถูกอีกคนปัดทิ้งพลางหยิบอุปกรณ์บางอย่างที่ติดอยู่บนฝ่ามือขึ้นมายกตั้งท่าพร้อมที่จะยิงทุกเมื่อที่อีกคนขยับเข้ามา
" อย่าเข้ามา!! " โทนี่ตะโกนลั่น " ตอนที่ฉันต้องการนายมากที่สุดนายกลับทิ้งฉันไป ทิ้งคำถามค้างคาใจฉันคิดมากจนหัวแทบระเบิด "
" .... "
" ฉันตามหานายจนแทบคลั่ง รู้ไหมฉันต้องแบกรับอะไรต่ออะไรบ้าง ทั้งสิ่งที่นายพูดไว้ตอนนั้นรู้ไหม " เขาพูดพร้อมน้ำตาที่ไม่สามารถอดทนรับกับเรื่องราวต่อจากนี้ได้ " มันฆ่าฉันจากข้างใน... "
" ผม...ไม่รู้ตัว "
โทนี่ได้ยินคำพูดนั่นจากปากอีกคนทั้งยังสีหน้าที่ดูเศร้าสลดของอีกคนทำให้เขาละมือลงช้าๆก่อนจะตั้งใจฟัง
" โทนี่ ฟังนะ ผมผิดเอง...ยอมรับผมมันแย่ที่ไม่สามารถควบคุมมันได้... "
" ควบคุม ? "
โทนี่ขวมดคิ้ว สตีฟพยักหน้าตอบรับ
" ใช่...ผมขอโทษ...ผมรู้ผมทำคุณเจ็บปวด คำขอโทษของผมอาจจะไม่เพียงพอที่จะบรรเทาความทุกข์ของคุณได้ แต่อย่างน้อยๆผมก็ได้มาที่นี่ พูดกับคุณอย่างเปิดอก "
" ... "
" ผมเข้าใจดี มันยากที่จะให้อภัย " สตีฟละคำพูดก่อนจะมองไปที่อีกคนที่ยังคงนิ่งไม่ไหวติงใดๆ เขาได้แต่ถอนหายใจก่อนจะพูดแล้วเดินหันหลังกลับ " ขอโทษที่ทำให้คุณต้องลำบากใจ ผมจะไปข้างนอก... "
ทันทีที่สตีฟหันหลังกลับทำท่าทีจะเดินออกจากที่นั่นมือเรียวของอีกฝ่ายกลับคว้าแขนของอีกคนเข้าก่อนที่อีกคนจะหยุดตามแรงดึง
" ฉันไม่ให้อภัยนายแน่... "
โทนี่กลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก พลางระบายความในใจด้วยน้ำตาที่หลั่งรดแก้มทั้งสองข้างอย่างไม่ใยดี
" ถ้านายจะหนีฉันไปอีก ฆ่าฉันให้ตายซะยังจะดีกว่า ถ้านายหายไปโดยไม่บอกกล่าวอีก ผลักฉันให้ลงหุบเหวไปเลยก็ยอม " " ตาแก่บ้า...ฉันรอนานจนจะบ้าตายอยู่แล้ว "
" ผมขอโทษ... "
" บอกฉันทีว่านายต้องการฉัน "
" ผม...ต้องการเพียงคุณ "
" กอดฉันสตีฟ...กอดฉัน... "
" โทนี่... "
" ให้ฉันทั้งหมดที่นายสามารถจะให้ฉันได้ทีสตีฟ "
เช้าวันต่อมา
แสงแดดยามเช้าทอแสงลอดผ่านกระจกบานใหญ่ ทำเอาเจ้าตัวที่ซุกอยู่ในฟูกผืนใหญ่นั่นต้องขึ้นตัวลุกขึ้นมาพิงกับผนังนั่น พลางหายใจสูดอากาศบริสุทธิ์
" อืม.. "
" อรุณสวัสดิ์โทนี่ " สตีฟที่นั่งอยู่ข้างๆเขาเอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นโทนี่ลุุกขึ้นมาขยี้ตา
" นี่ไม่ใช่ฝันใช่ไหม "
" ในฝันคุณเป็นยังไงกันนะ " สตีฟทำท่าทีสนอกสนใจ
" ก็เป็นสาวสวยผมทองนมโตกำลังอยู่ตรงหน้าฉัน... "
ไม่ทันที่โทนี่จะพูดขบก็ถูกแขนอีกคนล๊อกคอเอาไว้แน่น ก่อนจะแกล้งให้อีกคนดิ้นเล่นจนพอใจ
" ผิดคนเเล้วโทนี่ ผมต่างหากที่อยู่ตรงหน้าคุณ "
" อ๊ะ จริงด้วยสินะ...ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ " เขายิ้มหวานในท่าที่โดนแขนอีกคนล๊อกเอาไว้อยู่ ไม่ทันไรสตีฟก็ปล่อยเขาออกก่อนจะตั้งคำถามด้วยความเป็นห่วงเช่นเคย " คุณลุกไหวหรือเปล่า ? "
" ฉันโอเค ถึงจะไม่ค่อยไหวก็เถอะ " โทนี่ลูบสะโพกพลางทำหน้าทำตายกใหญ่
" นั่นไม่ได้แปลว่าโอเคนะ คุณนอนเถอะ ผมจะไปหาอะไรมาให้ทาน "
สตีฟพูดจบก็ไม่รีรอรีบลุกขึ้นก่อนจะไปก็หันมาดึงผ้าห่มให้กับอีกคน
" คิดถึงอาหารฝีมือคุณจังเลย ขอให้อร่อยแบบสุดชีวิตเลยนะกัปตัน "
" ผมทำซะอย่าง อย่าห่วงไปเลยโทนี่ "
หลังจากที่สตีฟเดินออกจากห้องตรงไปยังห้องครัว เหลือไว้แต่เพียงโทนี่ที่กำลังอิ่มเอิบอยู่บนเตียงนั่นยิ้มออกมา ก่อนจะถอนหายใจด้วยความสุขที่เอ่อล้นพลางพูดคุยกับจาวิส
" จาวิส...ฉันไม่ได้ฝันใช่ไหม "
" เช็คจากประสาทส่วนกลางของคุณแล้ว นี่ไม่ใช่ฝันครับ "
" อ่า...จาวิสฉันไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงดี " โทนี่ละสีหน้าปริ่มสุขนั่นมาเป็นสีหน้ากังวลเล็กน้อย เขากลัวทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิม
" ผมแนะนำให้ได้แค่ว่าควรจะทำตัวเป็นปกติ และมีความสุขให้เต็มที่ครับ "
" เป็นวันที่ดีจริงๆ สตีฟก็กลับมา นายเองก็ด้วยจาวิส นายพูดได้ดีกว่าปกติเยอะ "
" คุณสตีฟกำลังเข้ามาแนะนำให้... "
" ปิดเสียง "
ทันทีที่ปิดเสียงสตีฟก็เดินเข้าห้องมาพอดี พร้อมกับถาดอาหารที่ถือมาเสริฟ์ให้อย่างดีถึงเตียงกันเลยทีเดียว
" คุณทานได้ใช่ไหม? ออมเล็ตกับซุปเห็ด "
" ฉันไม่เกี่ยงเรื่องกินหรอกนะ ยิ่งบนเตียงละก็ไม่ปฏิเสธเลยล่ะ "
ทันทีที่โทนี่ตักออมเล็ตคำเเรกเข้าปากไปได้ซักพัก สตีฟที่กำลังมองอีกคนด้วยสายตาเอ็ดดูนั่นก็พูดขึ้นมาจนโทนี่แทบสำลักข้าวที่พึ่งทานเข้าไปเสียนี่
" ให้ผมป้อนคุณได้ไหม ? "
" เห๊!? เอาจริงหรอสตีฟ? " โทนี่ปิดปากด้วยความเขินของเขา
" จริงสิ ผมอยากจะลองดู คุณเองก็เหมือนกันใช่ไหม "
" อะ...อือ. "
โทนี่ปรือตาพร้อมใบหน้าที่กลายเป็นสีแดงเหมือนเชอรี่สีแดงสด พลางวางช้อนให้สตีฟหยิบไปตักซุปนั่นขึ้นมาก่อนจะจ่อไปที่ปากของโทนี่
" อ้าปากเร็วสิโทนี่ "
" อา.. "
ทันทีที่อ้าปากเท่านั้นก็โดนอีกคนเล่นเอาเข้าปากตัวเองซะงั้น โทนี่ก็โวยวายยกใหญ่ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของกัปตันอเมริกาคนดีที่จู่ๆก็ติดนิสัยการแกล้งคนมาจากอีกคนซะได้
" ดีจริงๆ " โทนี่พูดเบาๆกลับจากสิ้นเสียงหัวเราะของทั้งคู่ สตีฟได้ยินดังนั้นเขาก็ยิ้มกว้างพลางจับหัวอีกคนให้ซบที่ไหล่ขวาของเขาพร้อมทั้งพิงหัวของตัวเองเข้าแนบชิดกับคนข้างๆ
" ใช่...ดีมากๆเลย "
โทนี่ยิ้มกว้างมองอีกคนก่อนจะคว้าแขนอีกคนมากอดซุกไปที่ไหล่อย่างสนุกสนาน...
" เพื่อนๆคิดถึงนายนะ " โทนี่ทำลายความเงียบนั่นทันทีที่รู้สึก
" อเวนเจอร์ ? "
" อืม...ก่อนหน้านี้ฉันไม่กล้าไปเจอพวกเขา เพราะฉันตอบคำถามพวกเขาไม่ได้ " เขาพูดด้วยเสียงอู้อี้ๆ " ว่าสตีฟหายไปไหน "
สตีฟเห็นดังนั้นเขาก็เข้าไปจูบหน้าผากคนตรงหน้าเบาๆก่อนจะพูด
" ผมอยู่นี่แล้ว...ผมสัญญา จะไม่ไปให้ห่างจากคุณแล้ว "
" แต่ว่า... "
สตีฟเอียงคอประมาณว่าสงสัย
" เขาจะไม่กลับมาที่นี่อีกงั้นหรอ ? ฉันกลัวสตีฟ "
สตีฟที่ได้ยินคำถามนั่นเขาก็พึ่งจะนึกได้ถึงเรื่องที่เขาเคยกังวลมันอยู่ซักพัก มันทำให้เขาไม่กล้ามาพบกับโทนี่อยู่พักใหญ่ๆ แต่เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงไม่พยายามที่จะพูดถึงมันแล้วเบี่ยงไปอีกเรื่องทันทีที่ทำได้
" หลับเถอะนะ วันนี้คุณเพลียเเล้วล่ะ "
.
.
.
โทน่ตื่นขึ้นมากลางดึกมองไปทั่วบริเวณห้องก็ไม่เจอสตีฟแต่กลับเจอบัคกี้กำลังยืนหันหลังเหม่อมองกระจกอยู่ข้างๆเขา นั่นทำให้เขาที่พึ่งตื่นพยายามสงบสติอารมณ์พลางขยับตัวช้าๆเพื่อออกจากฟูกนอนแบบไม่ให้อีกคนรู้ตัว แต่ในขณะที่เขากำลังขยับตัวอยู่นั้นเสียงจากเจ้าตัวที่กำลังยืนอยู่ก็เปล่งเสียงขึ้น
" ถ้ายังอยากมีชีวิตก็อย่าดื้อแล้วนอนอยู่เฉยๆจะดีกว่านะ คุณสตาร์ค "
" ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคุณทหารโดนของ คราวนี้จะมาเอาอะไรอีกล่ะ จะมาเอาข้อมูล เงิน หรือว่าสตีฟ "
" ไม่ใช่ทั้งหมดนั่นหรอก "
" บอกไว้ก่อนนะ คราวนี้ฉันไม่พลาดเหมือนคราวก่อนหรอก... "
ไม่ทันที่โทนี่จะพูดจบ ร่างใหญ่ในชุดสีดำพร้อมหน้ากากที่ปิดใบหน้าไปกว่าครึ่ง แต่ก็ไม่สามารถจะปกปิดความชั่วร้ายที่ออกมาจากดวงตานั่นได้เลยแม้แต่น้อย เขาวิ่งเข้ามาประชิดตัวอีกคนก่อนจะใช้แขนเหล็กแกร่งข้างหนึ่งของเขาบีบคอของอีกคนไว้แน่นติดกับเตียงชนิดที่ว่าอีกคนถึงกับไม่ต้องคิดว่าจะหลุดไปได้ยังไงได้แต่พยายามดิ้นและพยายามหายใจเพื่อเอาชีวิตรอดไว้เพียงเท่านั้น
" คราวนี้ถึงตาคุณแล้ว "
" จาวิส ! สวมเกราะ !! "
สิ้นประโยคคำสั่งนั่นจาวิสก็จัดการสวมเกราะให้กับโทนี่
" บอกไปแล้วนี่ว่าจะไม่พลาด "
" คุณพลาดแล้ว "
" หมายความว่าไง ! "
" คุณลืมจุดอ่อนของคุณไง "
" อึ๊กก ! "
บัคกี้เข้าประชิดตัวอย่างรวดเร็วจนโทนี่จับการเคลื่อนไหวไม่ทัน ทำให้เขาใช้แขนเหล็กทะลุเข้าเกราะได้อย่างง่ายดายก่อนจะขยี้อาร์ครีแอคเตอร์จนแหลกเป็นจุล ทำให้โทนี่ในเกราะเหล็กนั่นล้มตึงไปได้อย่างง่ายดายกว่าที่คิด
" คุณใจดีเกินไป เอาหุ่นกระป๋องตกรุ่นติดอาวุธเบาแบบนี้คงตั้งใจจะเเค่อัดผมให้น่วมเฉยๆมากกว่าฆ่าสินะ เจตนารมณ์ของเราสองคนมันต่างกัน ผมจะฆ่าคุณ เพราะงั้นคุณจึงสู้ผมไม่ได้ "
เขาทุบเกราะส่วนหัวนั่นจนแหลกก่อนจะดึงออกให้เห็นสีหน้าของอีกคนที่ถูกแต่งเติมด้วยแววตาเจ็บปวดปนไปกับความโกรธแค้น ที่ถึงแม้จะพยายามแล้วแต่ก็ยังคงพลาดอยู่ดี เขาเห็นดังนั้นก็นั่งทับอีกคนไว้เหมื่อไม่ให้ลุกหนีได้พลางกอดอกพูดขึ้นมาอีก
" อยู่กับสตีฟมีความสุขดีนี่ ผมคิดแล้วว่าคุณจะต้องชอบของขวัญของผม แต่เมื่อถึงเวลาก็ต้องเอาคืน คงจะเข้าใจสินะ "
เขาพูดอยู่ซักพักจู่ๆก็มีน้ำหยดเล็กๆเข้าแปะลงที่หน้าผากของเขา เขาเช็ดมันก่อนจะมองมันอย่างงุนงง จนในที่สุดก็รู้ถึงต้นตอคือเจ้าตัวที่นอนฉีกยิ้มอยู่ข้างล่าง โทนี่เห็นดังนั้นก็หัวเราะยกใหญ่
" ถ้าคิดว่าเอาไปได้ ก็เอาไปเลยสิ "
เพล้งง !!
เสียงกระจกบานใหญ่แตกกระจาย ตามมาด้วยร่างของโทนี่ที่แทบจะอยู่ในสภาพลอยกระเด็นมาพร้อมๆกับกระจก โทนี่ที่ถูกอีกคนผลักให้ตกจากชั้นสองนั่นตกลงมาอยู่ที่ลานจอดรถด้านล่าง ร่างเขาแทบขยับไม่ได้ด้วยแรงกระเเทกอันมหาศาลที่ได้รับนั่นทำเอาร่างแทบจะแหลกเป็นจุล เขาโอดโอยอย่างเจ็บปวดจนตั้งสติได้ซักพัก ถึงแม้ดวงตาจะเบิกได้ไม่กว้างนัก ถึงร่างจะพังแทบขยับไม่ได้แล้วก็ตาม ภาพตรงหน้าเขากลับชัดเจนก่อนจะถูกกลบด้วยน้ำตาที่ย้อมเต็มม่านตาของเขา
' สตีฟ!! '
โทนี่หันไปมองอีกคนที่ร่างถูกฉโลมไปด้วยเลือดสีแดง จากผมสีบลอนด์ทองสวยนั่นกลับกลายเป็นสีแดงฉาน ร่างนั่นฟุบกับพื้นหมดสติ ดูจากสภาพแผลแล้วนั้นไม่ได้ต่างอะไรจากเขาเลย และคงผ่านมาได้ไม่นานนัก โทนี่เห็นดังนั้นเขาพยายามจะขยับตัวเข้าไปดูเพื่อให้มั่นใจว่าอีกคนยังมีชีวิตอยู่ มือที่กำลังจะพยายามเอื้อมไปจับกลับถูกเท้าอันหนักหน่วงของอีกคนนั่นขยี้ซะจนไม่เหลือชิ้นดี
" อ๊าคค!! "
" บอกแล้วไงว่าให้อยู่เฉยๆ "
" แก...แก... "
" ใจเย็นๆ...หมอนั่นไม่ตายหรอก ก่อนจะเป็นห่วงมันเป็นห่วงตัวเองก่อนจะดีกว่ามั้งคุณสตาร์ค "
" แกทำอะไรเขา ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วย ! "
" ก็มันไม่ยอมฟังนี่ ใช้คำสั่งแล้วแต่ก็ยังขัดขืนเลยต้องทำแบบนี้ เอาล่ะ... "
ว่าแล้วเขาก็พูดพร้อมกับลงมานั่งคร่อมโทนี่ไว้ก่อนจะกระชากร่างนั่นขึ้นมาจนถนัดมือ ก่อนจะรัวหมัดไปที่ใบหน้านั่นจนช้ำเลือด ดวงตาที่เปิดอยู่ก็ปิดลงเพราะทนความเจ็บไม่ไหว ทั่วใบหน้าถูกย้อมด้วยสีเลือดอย่างช่วยไม่ได้ จนอีกคนพอใจร่างนั่นก็หมดสติไปได้ซักพักแล้ว
บัคกี้ปล่อยมือจากร่างไร้สตินั่นก่อนจะก้มตัวลง ประกบริมผีปากนั่นลงบดขยี้พลางกัดลิ้นนั่นขึ้นมาเพื่อให้ได้สติขึ้นมา พออีกคนได้สติก็ปล่อยปากบางนั่นไปทั้งๆที่ยังไม่อยากจะปล่อยก่อนจะยิ้มอย่างมีนัยย์สำคัญ
" ตื่นขึ้นมาดูความตายของคุณก่อนสิ "
' ทันใดนั้นร่างของผมที่ไร้เกราะนั่นก็จมดิ่งสู่มหาสมุทรกว้าง แรกๆที่พยายามจะหายใจนั่นมันเป็นความพยายามเพียงเสี้ยววิ ก่อนจะลองขยับร่างกายนั่นดูแต่กลับขยับไม่ได้นั่นมันทำให้ผมเลือกที่จะปล่อยมันไป ลืมเรื่องที่คิดจะหายใจ ปล่อยตัวให้วนไปตามกระเเสน้ำที่ค่อยๆดึงผมลงสู่ก้นทะเล
แต่พอคิดแบบนั้นได้ซักพักผมกลับเห็นผิวน้ำด้านบนที่ยังพอจะมีแสงสว่างให้ผมได้เห็นนั่นกลายเป็นสีแดงจากร่างไร้สติของกัปตันนั่นร่วงตามผมลงมา พร้อมๆกับส่วนเกราะเเขนของเกราะไอออนแมนที่ยังพอจะใช้งานได้ตกลงมาด้วยที่ดูเหมือนจะถูกสั่งการโดยจาวิส เจ้าเกราะแขนนั่นกำลังพุ่งตรงลงมาที่ผม ทันใดนั้นผมไม่ได้คิดอะไร
" ช่วยเขาก่อน... "
จากที่มันกำลังจะตรงลงมารับผม มันพุ่งกลับไปอีกทางเพื่อคว้ามืออีกคน ภาพสุดท้ายที่ได้เห็นคือเขากำลังพุ่งตรงไปยังผิวน้ำ
ดีแล้ว...ให้มันจบแบบนี้แหละ...'
END
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

บัคกี้ ตกลงนายจะดีหรือจะร้าย อะไรคือการจูบปลุกแล้วไม่อยากปล่อย กรี๊สสสส //แอบฟิน แต่นายรุนแรงเหลือเกิน