คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : UNKNOWN : 2 : เจอยักษ์แล้ว
เจอยักษ์แล้ว :)
เจอยักษ์แล้ว
เสียงฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีของเจ้าของเสียงหวานดังแว่วผ่านสายลมไปยังทั่วห้องทำงานขนาดกะทัดรัดที่จัดตกแต่งอย่างสวยงามและน่ารักตามแบบฉบับของเจ้าของร่างสวย ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษจนทำให้บรรยากาศรอบตัวที่ดูเหมือนจะเป็นใจให้เจ้าของเรียวขายาวคู่สวยที่กำลังพาดอยู่บนพนักพิงโซฟานั้นดูน่ามองยิ่งขึ้น
‘จาง อี้ชิง’
นักเขียนคนสวยที่เป็นที่หมายปองของ บก.ทุกสำนักพิมพ์ ไม่ว่าจะแก่หรือหนุ่มก็พร้อมจะสยบลงแทบเท้า สำหรับจางอี้ชิงแล้วนอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยงามน่าหลงใหล สติปัญญายังไม่เป็นสองรองใคร
แต่ถึงอย่างนั้น แม่คนสวยจอมดื้อก็ไม่เคยชายตามองใคร ไม่ว่าจะมุขหยอดแสนหวานจนน้ำตาลเรียกพี่ การเทคแคร์อย่างดีราวเจ้าหญิงก็ไม่สามารถทลายกำแพงน้ำแข็งอันแข็งแกร่งของอี้ชิงได้เลย
Rrrrrrrrrrrrrrr !!!
เสียงโทรศัพท์เครื่องสวยแผดเสียงดังขึ้น พร้อมกับมือเรียวที่กดรับสายอย่างรวดเร็ว
“ว่าไงครับ บก.” เสียงหวานเอ่ยขึ้นรับสายคนที่เป็นเจ้านาย พร้อมกับน้ำเสียงที่แสดงความกังวลเล็กน้อยเมื่อพบว่าใครเป็นคนโทรเข้ามา แต่กระนั้นก็ยังคงความหนักแน่นตามแบบฉบับของเจ้าตัว
[อี้ชิง คือผมจะบอกคุณว่าพล็อตนิยายที่เรื่องใหม่ของคุณได้เริ่มเค้าโครงอะไรบ้างหรือยัง?]
ตายแน่ จางอี้ชิงนายตายแน่ ….
“เอ่อ… คือบก.ครับ คือผมยังไม่ได้เริ่มเลยครับ ขอโทษจริงๆครับ”
[โอ้เปล่าๆ ผมไม่ได้โทรมาเร่งรัดอะไรอะไร แค่อยากจะบอกว่าทางสำนักพิมพ์อยากจะได้แนวเรื่องประมาณพระเอกความจำเสื่อมประมาณนี้น่ะ]
ใครจะไปกล้าเร่งรัดคุณจางคนสวยได้กัน
“อ๋อ ได้ครับบก. ”
[โอเค ตั้งใจทำงานล่ะ]
“ครับ สวัสดีครับ”
เฮ้อ….. นึกว่าจะโดนดุซะแล้วอี้ชิง
ถึงแม้ว่าจางอี้ชิงจะเป็นนักเขียนที่มีฝีมือดีคนหนึ่ง แต่ก็ไม่อาจได้รับการยกเว้นให้มีสิทธิพิเศษใดใดที่มากกว่าคนอื่น ดังนั้นการที่บก.ของสำนักพิมพ์โทรเข้ามานั้น ก็เป็นเรื่องที่หน้าหวาดหวั่นของนักเขียนทุกคน ไม่เว้นแม้กระทั้งอี้ชิงเอง
ตลอดชีวิตการทำงานเป็นเป็นนักเขียนของอี้ชิง เรื่องราวของตัวละครแต่ละเล่มเปรียบเสมือนตัวถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของตนเองได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ทั้งลักษณะนิสัยของตัวละครแต่ละตัว ทั้งหมดถูกถ่ายทอดสู่นิยายในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป กลายเป็นเรื่องราวที่เรียงร้อยออกมาในรูปถ้อยคำที่เรียบง่าย แต่ยังคงความมีเสน่ห์ในตัวของมันเสมอมา
ตลอดทั้งวันเวลาล่วงเลยมาถึงตอนเย็น ท้องน้อยๆของนักเขียนคนสวยได้ประท้วงขึ้นมาว่าถึงเวลาที่จะต้องหาอะไรใส่ท้องเสียแล้ว
ขาเรียวสวยก้าวผ่านกองกระดาษที่ตนเองเป็นคนทิ้งไว้เกลื่อนห้อง พร้อมตรงดิ่งไปยังห้องครัวเล็กๆที่ตอนนี้ถูกปล่อยทิ้งไว้เพราะก่อนหน้านี้งานของเจ้าของนั่นยุ่งเสียจนไม่มีเวลาดูแล
ดูท่าว่าคงจะต้องลงไปซื้อของที่ซุปเปอร์ใต้คอนโดซะแล้ว ซุปเปอร์ใต้คอนโดคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ เพราะดูเหมือนผักในตู้เย็นก็เน่าจนแทบส่งกลิ่นเหม็นเต็มแก่ คิดแล้วก็ไม่รอช้าหยิบกระเป๋าเงินแล้วรีบลงไปก่อนที่ท้องน้อยๆจะประท้วงไปมากกว่านี้
ติ๊ง !!
เสียงของประตูอัตโนมัติที่เลื่อนเปิดออกทันทีเมื่อถึงหน้าซุปเปอร์ที่ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่นัก ร่างบางสาวเท้าเข้าไปอย่างไม่รีบร้อนเท่าไหร่นัก พร้อมกันเดินดูอาหารสำเร็จเพียงอุ่นก็พร้อมทาน มื้อนี้คงต้องฝากท้องไว้กับอาหารง่ายๆก่อนเพราะถ้ามัวแต่ทำอาหารอย่างปกติมีหวังคงจะเป็นลมเป็นแล้งไปซะก่อน
ขณะที่ร่างบางกำลังเดินเลือกซื้อของอย่างเพลิดเพลิน ก็มีชายคนหนึ่งที่ดูรีบร้อนราวกับจะไปปล้นธนาคารวิ่งตัดหน้าไปขณะที่ร่างบางกำลังเดินข้ามล็อกคนสมัยนี่นะ ไม่มีมารยาเอาซะเลย
รีบไปไหนนักหนา…ขอบโทษสักคำยังไม่มี ร่างบางได้แต่บ่นพึมพำอยู่ในใจ
หลังจากที่ซื้อของจนครบตามที่ต้องการแล้ว ร่างบางก็เดินกำลังห้องทันทีแต่ก็เป็นอันต้องหยุดชะงัก เพราะจู่ๆก็มีผู้ชายคนหนึ่งนอนเป็นลมหมดสติอยู่ที่พื้น
เมื่อพิจารณาดูจากลักษณะภายนอกแล้วดูไม่น่าจะเป็นพวกคนเสียสติอะไรจำพวกนั้น ดูออกจะดูดีเสียด้วยซ้ำจากเสื้อผ้าที่ใช้ ไม่แน่อาจจะเป็นนักธุรกิจหรือคนมีหน้ามีตาในวงไฮโซที่อี้ชิงไม่รู้จัก เทือกๆนั้น อีกทั้งจมูกโด่งเป็นสัน ปากกระจับนั้นรับกับใบหน้าและสันกรามได้รูปนั่น ปฏิเสธได้ไม่เลยว่าหนุ่มนิรนามคนนี้ดูดีไม่ใช่น้อย ทำเอาหัวใจอันเย็นชาของนักเขียนร่างสวยสั่นคลอนเลยทีเดียว
ควรจะช่วยดีไหมนะ ถ้าฟื้นขึ้นมาแล้วหาว่าเราเป็นคนทำร้ายล่ะ
แต่ว่า…..ถ้าปล่อยไว้ตรงนี้ก็ดูจะใจร้ายเกินไป หันซายหันซ้ายเพื่อจะเรียก รปภ.มาช่วยก็หายไปไหนกันหมด ไหนบอกว่าคอนโดนี้ดีนักหนา แต่พอเวลาต้องการความช่วยเหลือนี่หายไปกันหมด ร่างบางได้แต่บ่นในใจอีกครั้งพร้อมกับพยุงร่างสูงใหญ่ของคนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนพื้นขึ้นมาด้วยความทุลักทุเล
ถ้าอย่างนั้น แบกก็เองก็ได้ ฮึบสู้นะจางอี้ชิง นายทำได้
ฟู่วววว…. แค่ยดขึ้นก็ทำเอาเกือบหมดแรงเลยนะ แล้วทีนี้จะแบกไปไว้ที่ไหนดีล่ะเนี่ยตัวก็ไม่ใช่เบาๆ
อืม…… งั้นแบกไปไว้ที่คอนโดก่อนละกันตื่นมาค่อยไปส่งที่บ้านละกัน
18.00 pm.
“งืม….”
เสียงงึมงำของร่างสูงที่นอนอยู่บนเตียงดังออกมา ทำให้ต้องละมือจากงานตรงหน้า
เขาลืมมองผมด้วยสายตาที่ว่างเปล่า แต่ก็ยังไม่ลุกขึ้นจากที่นอน
“เป็นยังไงบ้าง”
“……” ร่างสูงเงียบแต่ก็ยังไม่ละสายตาไปจากใบหน้าของผม ราวกับพิจารณาบางอย่างอยู่
“นี่…. ฉันถามว่าเป็นยังไงบ้าง”
อ๊ะ !
อยู่ๆคนตัวโตที่นอนมองหน้าผมอยู่เมื่อกี้ก็รวบผมไปกอดหน้าตาเฉย นี่มันมากไปแล้วนะเป็นใครกันถึงได้มากอดคนอื่นมั่วซั่ว
“นี่ปล่อยนะไอ้บ้า กอดคนอื่นสุ่มสี่สุ่มห้าได้ยังไง บ้าไปแล้วหรอห๊ะ !”
ผมโดนใส่ผมพร้อมกับผลักอกคนที่ยังกอดผมไม่ปล่อย ดื้อด้านจริงๆ
“……..”
ผ่านไปซักพักหลังจากที่ปล้ำ(?)กอดกันอยู่นาน ผมสู้จนหมดแรงสู้จึงเลือกจะนอนเฉยๆดีกว่า
“นี่ ไอ้ยักษ์ปล่อยได้แล้ว” นิ่งสนิท
“ปล่อยให้ปล่อยไงโว้ยย หายใจไม่ออกเดี๋ยวก็ตายกันพอดี” ผมร้องแหกปากทั้งกระโกนใส่ทั้งด่าว่า สุดท้ายจนต้องบอกว่าจะตายหายใจไม่ออกไอ้ยักษ์ที่ทำซึนกอดคนอื่นอยู่ถึงจะปล่อย
“……” เงียบ
“ไม่มีปากรึไง”
“……” ไอ้คนตัวโตที่นอนอยู่บนเตียงหลังจากปล่อยก็ไม่พูดไม่จา ทำเอาผมเป็นไอ้บ้าอยู่คนเดียว
“ถ้าไม่พูดอะไร ก็ออกจากห้องฉันไปซะ”
“…..ไม่” เอ๊ะ ! ไปยักษ์นี่ วอนซะแล้วกวนตีนหรอ
“จะออกไม่ออก ถ้าไม่ออกฉันจะซัดด้วยกระทะจริงๆนะ”
ผมขู่พร้อมกับทำท่าจะเดินไปหยิบกระทะ แต่ไอ้ยักษ์นี่ก็ไม่ไหวติงยืนสงบนิ่งทำตัวเป็นตอไม้อยู่เหมือนเดิม
“ได้แกได้ ฉันจะโทรเรียกยาม”
นี่ขนาดบอกว่าจะโทรเรียกยามมันยังยืนนิ่งไม่ห้ามซักนิด นี่เป็นคนจริงป่ะเนี่ย
ตู๊ด…..
“ฮัลโหล พี่ยามครับช่วยมาเอาไอ้โรคจิตที่ห้องผมโยนออกไปหน่อย หน้ากลัวมากเลย …. ครับ …. ขอบคุณครับ”
ผมพูดรัวๆใส่โทรศัพท์ แต่ที่จริงแล้วผมไม่ได้โทรหายามหรอก แค่ขู่ไปงั้นแหละ แล้วก็ได้ผลซะด้วย
“จะออกไปก่อนที่ยามจะมาไหม”
“ก็ได้…”
บทจะง่ายก็ง่าย อะไรของมัน
แต่ช่างเถอะไปอาบน้ำดีกว่า J
23.00
ผมนอนอ่านหนังสือเพลินๆจนดูเวลาว่าสมควรว่าน่าจะนอนได้แล้ว
พรึ่บ !
ปิดไฟแล้วนอนดีกว่า ป่านนี้ไอ้ยักษ์บ้านั่นคงกลับบ้านไปแฃ้วมั้ง
“…..งืม” อะไรเนี่ย คนจะหลับจะนอน
กึกๆๆ
อะไรวะ !
ขโมยเรอะ กล้ามากเข้าห้องใครไม่เข้ามาเข้าห้องจางอี้ชิง เดี๋ยวจะได้เจอตีนสวิงนะจ๊ะ
ผมเดินย่องไปที่หน้าต่างที่เชื่อมกับระเบียง ที่เป็นที่มาของเสียงแปลกๆนั้นเห็นหัวใครซักคนผลุบๆโผล่อยู่
ใช่แน่ๆ ขโม้ยยยยยยยยยยยยยยย
“ตายซะเถอะไอ้เลวววววว”
“เดี๋ยว!.....หยุดก่อน”
ทำไมขโมยเสียงคุ้นๆ เหมือนพึ่งเคยได้ยินเมื่อเย็น
“แกเป็นใคร” ต้องถามเพื่อความแน่ใจ
“…….ไม่รู้”
“กวนตีนหรอห๊ะ !”
“ผมไม่รู้จริงๆ”
อะไรของมันเนี่ย ปีนเข้าห้องคนอื่นแล้วยังไม่รู้ชื่อตัวเองอีกเนี่ยนะ บ้า ต้องบ้าแน่ๆ ผมเอี้ยมมือไปเปิดไฟเพื่อจะได้เห็นหน้าไอ้บ้านี่ชัดๆ
“ชัด ชัดเลย ไอ้ยักษ์ !”
“….อืม”
“นี่กลับมาทำไมอีก ฉันไล่นายไปแล้วนะ”
“ไม่มีที่ไป….”
“นายเห็นห้องฉันเป็นสถานสงเคราะห์หรอ กลับบ้านนายซะ”
“…..”
ไอ้ยักษ์ข้างหน้าผมก็ยังเงียบไม่พูดไม่จาอยู่ดี พร้อมกับทำหน้าทำตาเหมือนว่า ก็ไม่รู้สินะ
“ชื่ออะไร บ้านอยู่ไหน เป็นใคร ต้องการอะไร กลับมาทำไม”
“ไม่รู้….”
“พูดเป็นอยู่คนเดียวรึไง โว้ยยย”
หงุดหงิด หงุดหงิดๆๆ บอกได้คำเดียวถูกปลุกให้ตื่นจากเสียงบ้าๆกลางดึก แล้วยังเจอคนบ้าๆนี่อีกโอยอี้ชิงจะบ้าตาย
“….ผมไม่รู้ว่า ชื่ออะไร บ้านอยู่ไหน เป็นใคร ต้องการอะไร แต่กลับมาเพราะคุณ”
“เพราะ….ฉัน ทำไม ?”
“ผมรู้จักแค่คุณ”
“คือตกลงว่านายไม่รู้อะไรซักอย่าง รู้แค่ฉันว่างั้น”
“….อืม”
“โอย นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย โอเคๆ ฉันชื่ออี้ชิงเอาเป็นว่าตอนนี้เรานอนกันก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน โอเค๊”
“ครับ”
“ส่วนนายคืนนี้นอนที่เตียงกับฉันก่อน ถ้าจะอาบน้ำก็หยิบผ้าเช็ดตัวไปได้เลย จะเอาอะไรก็หยิบได้เลย ฉันจะนอนละ”
ผมพูดใส่เขารัวๆพร้อมกับล้มตัวลงนอน ร่างสูงไม่แต่พยักหน้าเบาๆ แล้วเดินหายไปในห้องน้ำ ผมล้มนอนลงนอนและไม่รับรู้อะไรอีก
ไม่รู้ทำไมผมถึงไว้ใจให้เขาเข้ามา ทำไมกันนะ…..
100 %
ฝากติดตามด้วยนะคะ
พึ่งฝึกเขียน comment ติชมกันบ้าง
ขอบคุณมากๆค่ะ
ความคิดเห็น