ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Yaoi)ชักเยอร์หัวใจ แรงๆ!! ร้ายๆ!! วุ่นวายยกกำลัง 3 ! ! !

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 26 ม.ค. 56


    บทที่ 2

     

     

                น่านฟ้าสีนิลถูกประดับประดาด้วยแสงระยิบระยับจากดวงดาว และแสงสียามราตรีของพื้นแผ่นดิน        ท่ามกลางความเงียบบนเครื่องบินมีชายผู้หนึ่งที่ยังไม่ข่มตาหลับเพียว

                เพียวเสมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ร่างบางที่นอนซบไหล่เขาอยู่ตรงนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นศัตรูคู่อาฆาตของเขาซีน

                ตอนนี้แขนแกร่งของเพียวถูกซีนครอบครอง ต้นแขนสัมผัสกับหน้าอก การเต้นของหัวใจจังหวะสม่ำเสมอเป็นเครื่องยืนยันว่าซีนกำลังหลับสนิท ท่อนแขนของเพียวสัมผัสเข้ากับหน้าท้องที่ถูกกั้นไว้เพียงผ้ายืดบางๆ และที่สำคัญที่สุดในตอนนี้หลังมือของเพียวกำลังสัมผัสอยู่ที่ ตรงนั้น ของซีน

                เพียวพยายามจะดึงมือออก แต่มีเหรอจะหลุดรอดพ้นมือตุ๊กแกของซีนไปได้ ซีนกอดลำแขนแกร่งนั้นแน่นขึ้น แน่นขึ้น จนเพียวเริ่มรู้สึกอึดอัด

                เพียวมองบรรยากาศสีทึบที่นอกหน้าต่างนั้น แต่แล้วบรรยากาศนั้นก็ถูกกลุ่มเมฆบดบัง ทำเอาเพียวหัวเสียไปชั่วขณะ

                เพียวละความสนใจจากหน้าต่างแล้วกลับมามองร่างของคนในอ้อมแขน พลางคิดเรื่องไร้สาระไปเพลินๆ

                “ผมเส้นเล็กจัง ผิวก็ขาว ขนตาก็ยาว ริมฝีปากอ๊ะ”

                มือของเพียวเผลอไปแตะริมฝีปากของซีนเบาๆ เพียวรีบชักมือออก เขาประหลาดใจประหลาดใจกับความอ่อนนุ่มที่เขาเพิ่งสัมผัสไปเมื่อครู่

                “ถ้ามีคนมาบอกว่านายเป็นผู้หญิงชั้นคงเชื่อสนิทแน่ๆเลย- -*

                เพียวละสายตาจากซีนไปมองหน้าต่างอีกครั้ง น่านฟ้าสีนิลเริ่มเปลี่ยนสีทีละนิด แสงสีอ่อนจากดวงอาทิตย์เริ่มปรากฏให้เห็น

                “อะไรกัน อีกตั้งหลายชั่วโมงนี่”

                เพียวพิงหัวเข้ากับกระจกก่อนจะค่อยๆหลับตาลง ช้าๆช้าๆไม่นานนักทุกอย่างรอบตัวก็เงียบลง

               

    [Pure’s Part]


     

    “เพียวเพียว!...เพียว!!!

                “อืม

                เสียงใครกันน่ารำคาญจริง

                “นาย!...นายเพียว!!..เพียว! ตื่นได้แล้ว!!

                เสียงนี้คุ้นจัง เคยได้ยินที่ไหนนะ

                ผมค่อยๆปรือขึ้น ภาพที่เห็นตรงหน้ามันเบลอๆใครน่ะเธอคนนั้นเหรอไม่สิ นั้นใครน่ะ

                ขอบคุณ…^^’

              “เธอ!!!

                ผมรีบลืมตาโพลง อ อะไรกันก็แค่ซีนเองหรอกเหรอ

                “นายเป็นอะไรของนายน่ะ แต่ช่างเถอะ มันไม่เกี่ยวอะไรกับชั้นอยู่แล้วนี่ เอาเป็นว่ารีบๆตื่นเลยเครื่องกำลังจะลงจอดแล้ว”

                ซีนหลับตาปี๋แล้วหันกลับไปด้านในของเครื่อง เจ้าหมอนี่กลัวความสูงขนาดนั้นเลยงั้นเหรอป๊อดจริง!

                ไม่นานหลังจากผมตื่นเครื่องก็ลงจอดที่สนามบิน ถ้าเป็นคนปกติคงจะต้องยื่นพาสปอร์ต ตรวจคนเข้าเมือง กรอกเอกสารและอะไรอีกมากมาย แต่เพราะพวกเราเป็นลูกของนักธุรกิจชื่อดังล่ะมั้งครับ ขั้นตอนทุกอย่างเลยเสร็จสิ้นพียงแค่ตรวจคนเข้าเมือง เป็นลูกคนรวยมันก็สบายงี้แหละครับ~

                “พี่เพียว เราจะไปเกาะกันใช่มั้ย เราแวะซื้อของเยอะๆไปกินที่บ้านกันนะ นะ*-*

                “เอาสิครับ พี่ไม่ขัดอะไรอยู่แล้ว ^^

                อ๋า~ พีชนี่ไม่ว่าจะมองกี่ครั้งๆก็น่ารักน่าหยิกทุกทีเลย เพราะงี้ล่ะนะผมถึงได้รักได้หลงน้องชายคนนี้จนโงหัวไม่ขึ้น >///<

                “พี่ซีน เมื่อคืนหลับสบายมั้ย? แล้วหนาวหรือเปล่า? แล้วๆๆๆ”

                คำถามร้อยแปดถูกพ่นออกมาจากน้องชายคนเล็กของซีน ไม่รู้จะห่วงอะไรนักหนา

                “คือ..

                ซีนเผลอสบตากับผมแว๊ปหนึ่งก่อนจะหลุบตาต่ำ น้องชายคนเล็กของเขามองผมด้วยสายตาไม่ไว้ใจ ซีนตัดปัญหาโดยการไม่ตอบอะไรเดินไปรอโหลดกระเป๋าแทน

                “พี่เพียวมอง คนอื่น ด้วยสายตาแบบนั้น ถ้าพีชเห็นเข้าจะว่ายังไง”

                พั้นช์เหยียดยิ้มผมล่ะเกลียดกริยาของน้องชายคนนี้ที่สุดเลยเจ้าเล่ห์เหมือนหมาจิ้งจอก!

                แต่จะว่าไป ตอนนั้นผมเห็นซีนซ้อนกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งตอนนั้นผมยังเด็กมาก เด็กมากจริงๆ ผมเคยไปเที่ยวที่ไหนสักที่แล้วก็ได้พบกับเธอ เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารัก ครั้งแรกที่ผมพบเธอนั้นเธอเกิดอุบัติเหตุ เธอพลัดตกลงมาจากของเล่น เธอร้อง ร้อง ร้องอยู่อย่างนั้น แต่กลับไม่มีใครสนใจเธอ ผมที่ทนมองไม่ได้ก็เข้าไปปลอบเธอ

                ผมปลอบเธออย่างที่คุณพ่อเคยปลอบผม เข้าไปกอดเธอไว้แล้วลูบหัวเธอเบาๆ แล้วร่ายคาถาที่จะทำให้หายเจ็บ เงียบนะเด็กดี อย่าร้องนะเด็กดีเธอเงยหน้าขึ้นมามองผม ดวงตาที่รื้นไปด้วยน้ำตานั้นช่างสวยงาม ราวกับมีประกายแสงส่องสว่างอยู่ในนั้น พวกแก้มสีกุหลาบนั้นช่างน่าสัมผัส ริมฝีปากอิ่มที่เผยอนิดหน่อย ก่อนจะกลายเป็นรอยยิ้มที่ผมไม่มีวันลืม ไม่เคยลืมเลยสักครั้งเดียว แม้เพียงเสี้ยววินาที

                เสียงหวานเอื้อนเอ่ยภาษาที่ผมในตอนนั้นไม่เข้าใจ ผมรู้สึกเหมือนว่าเราอยู่กันคนล่ะโลก แต่นั้นก็เป็นเหตุทำให้ผมพยายามเรียนภาษาอังกฤษให้ได้คะแนนดีตลอด เพราะผมเชื่อว่าสักวันผมต้องได้พบกับเธอคนนั้นอีกครั้งไม่ว่าจะนานแค่ไหนผมก็จะรอ

                “หาเรื่องไงว่ะ!!!! ไอ่ต้นมะพร้าว!!!!

                ผมหลุดจากภวังค์เพราะเสียงดังทะลุตับของน้องชายตัวเอง

                “มึงดิเริ่มก่อน!! ไอ่เตี้ย!!!

                =[ ]=!!!!

                เฮ้อออ อยู่สงบๆไม่ได้เลยหรือไงนะทั้งสองคนผมเดินเข้าไปห้ามให้พีชใจเย็นๆ ซึ่งตรงข้ามกับซีน เขาเพียงแค่มองไปยังน้องชายที่ส่งเสียงดังเท่านั้น น้องชายของเขาก็ทำท่าสงบลงเป็นอย่างมาก

                “ชั้นเป็นคนนอกก็ไม่อยากจะพูดอะไรมาก แต่ตามใจน้องเกินไประวังเขาจะเสียคนนะ”

                “พี่ฮะ อย่าพูดแบบนั้นสิ”

                น้องชายคนรองของซีนปราม จริงสิ ผมไม่เคยคิดเรื่องเสียนิสัยของพีชเลยทำไมเรื่องง่ายๆแค่นี้ผมถึงคิดไม่ออกกันนะ!! แต่ถ้าไม่อยากให้พีชเสียนิสัยผมก็ต้องดุเขาน่ะสิไม่เอา! ผมจะไม่ทำร้ายจิตใจน้องตัวเองอีกแล้ว

                “เอาเถอะ คนเราต่างบ้าน ต่างครอบครัว ต่างคำสอน นายจะดูแลน้องนายยังไงก็ช่าง แต่บ้านชั้นสั่งสอนแบบนี้..

                ซีนยกมะเหงกเขกลงไปกลางหัวของน้องชายที่ตัวสูงกว่า พีชที่เห็นแบบนั้นแทบจะกระโดดออกห่างจากซีนทันที น่ากลัว!

                “พี่ซีนผมเจ็บ TOT

                “แกคิดว่าชั้นทำเพราะอยากให้แกลอยหน้าลอยตาหรือไงโทษฐานที่เสียงดัง แกไปแบกกระเป๋าให้ชั้นไป”

                ซีนว่าพลางชี้ไปที่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่สีดำแซมด้วยสีส้มสด ตามมาด้วยกระเป๋าเดินทางสีเอิร์ทโทนของพวกผม

                “ถึงพี่ไม่สั่งผมก็ทำให้อยู่แล้วครับ^[+++]^

                ซันยิ้มกว้างทั้งๆที่เมื่อกี้เขายังทำหน้ามุ่ยเพราะพี่ชายเขาอยู่เลย

                ผมเดินตามซันไปขนกระเป๋า เขามองผมอย่างไม่ไว้ใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

                “เมื่อกี้ เจ็บมากมั้ย”

                ผมถาม เขามองหน้าผมงงๆแต่เขาก็ยิ้มกว้างพร้อมคำตอบ

                “ไม่เลยสักนิด ^[+++]^

                ผมไม่เข้าใจคนบ้านนี้เลยจริงๆ- -*

                รถเข็นคันโตถูกลากมาโดยน้องชายคนรองของซีน เขาคนนี้มันจะมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเสมอ เพราะไม่ว่าจะที่โรงเรียนหรือนอกโรงเรียนเวลาผมพบเขาเขาจะยิ้มตลอดอยากรู้จริงว่าตอนอาบน้ำกับตอนนอนเขาจะยิ้มแบบนี้อยู่มั้ย- -?

                “ทำหน้าสงสัยอะไรอยู่ครับพี่เพียว”

                “เอ่อก็สงสัยว่าเด็กคนนั้นไม่เจ็บเหรอ โดนซีนเขกหัวเสียงดังขนาดนั้น”

                “ฮะๆ นึกว่าเรื่องทำไมผมถึงได้ยิ้มซะอีก ถ้าเป็นเรื่องนั้นล่ะก็หายห่วงเลยครับ พี่ซีนไม่ได้ลงแรงอะไรขนาดนั้นหรอกครับ แค่พี่เขามีเทคนิคที่ทำให้เสียงมันดังเฉยๆ^^

                ไอ่หมอนี่แม่นเว่อร์ -0-! ไปเป็นหมอดูเหอะน้อง พี่แนะนำ รุ่งชัวร์!

                “อย่างนั้นหรอกเหรอ

                ผมกับน้องชายของซีนทั้งสองคนช่วยกันขนกระเป๋าขึ้นรถเข็น ซีนที่ดูจะเกรงใจพอทำท่าเข้ามาช่วยน้องชายทั้งสองของเขาก็กันไม่ให้ช่วยท่าเดียวจะถนอมกันเกินไปแล้วมั้ยล่ะเนี่ย!

                ระหว่างทางออกไปหน้าสนามบินซีนเดินเข้าไปแวะร้านขนมเค้กหลายที่ทำให้พวกผมต้องเสียเวลายืนรออยู่นานสองนาน พีชบ่นกระปอดกระแปดส่วนผมก็ทำได้แค่คอยปลอบให้น้องใจเย็นเพียงเท่านั้น= =*

                “ต้องขอโทษด้วยนะที่ทำให้เสียเวลา แต่ที่นี้มีแต่ขนมเค้กน่ากินทั้งนั้นเลย >O<

                ซีนทำหน้าตื่นเต้นได้น่ารักสุดๆไปเลย!!!

                นี่ผมเป็นอะไรไป สีหน้าที่ต่างไปจากปกติของซีนทำให้ผมหัวใจกระตุกวูบได้ถึง 2 ครั้ง 2 คราโดยที่เวลาห่างกันไม่ถึง 24 ชั่วโมงเนี่ยนะ! มันเกิดอะไรกับผมงั้นหรือไง!!

                “พี่ฮะ แค่นั้นจะพอเหรอ?”

                “ห๋า! นี่แกเห็นพี่เป็นตัวกินเค้กหรือไง?! ขนาดนี้ก็คงพออยู่ได้เกือบ 4 วัน ล่ะนะ”

                “เฮ้อออ พี่เนี่ยน้า! เดี๋ยวพอกินหมดก่อนก็มาบ่นอีก”

                “เห้ยย! ไม่บ่นๆ สัญญาๆ^^;!!

                “เฮ้ออ~ ขอให้มันจริงเถอะ”

                ประโยคสุดท้ายนั้นน้องชายทั้งสองของซีนพูดขึ้นพร้อมกันตามด้วยเสียงตะหวาดแว๊ดๆของซีนดังตามไม่หยุด ผมได้แต่ยืนตะลึงครับผมไม่ได้ตะลึงคำด่าที่ซีนช่างสรรหามาด่าน้องชายตัวเองนะครับ ผมตะลึงกับจำนวนกล่องขนมหวานที่ซีนถืออยู่ต่างหาก!!!

                มันเยอะมาก! มากพอที่จะกินได้เป็นเดือนเลยสำหรับผม! แต่ซีนกลับพูดได้เต็มปากว่าอยู่ได้แค่ 4 วัน แถมดูท่าว่าจะยังไม่พออีก!...ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วล่ะสิว่า ซีนนั้นเป็น คนหรือ ตัวกินขนมหวานกันแน่…!?

                ลีมูซีนคันยาวถูกจอดรอพวกเราอยู่ที่หน้าสนามบิน ทันทีที่เราออกมาจากโซนผู้โดยสารก็มีแม่บ้าน พ่อบ้าน2-3คนมาขนกระเป๋าของพวกเราขึ้นรถ ก่อนจะออกเดินทางไปเกาะพวกผมแวะห้างสรรพสินค้ากันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเราก็แวะตลาดทะเลกันก่อนจะขึ้นเรือ

                ที่รู้มาคือเราจะนั่งเรื่อเพื่อไปยังเกาะ แต่..!! ผมไม่รู้นี่ครับว่ามันจะเป็นเรือท้องกระจก!!!  ไม่รู้มาก่อนเลยครับ!!!!!!!!!!!!

                เพราะมันเป็นเรือท้องกระจก แถมรอบข้างก็เต็มไปด้วยน้ำทะเลสีคราม ทำเอาผมแทบกรี๊ดเลยครับ!!!!!! ผมได้แต่นั่งคุดคู้อยู่ท้ายเรือ ผมตัดขาดกับโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์แบบเลยครับตอนนี้!! เพราะผมกลัวน้ำโคตร!! ตอนเด็กๆผมเคยจมน้ำ หลังจากนั้นผมก็กลัวน้ำ พ่อผมเลยส่งผมไปเรียนว่ายน้ำ แต่ไม่รุ่งครับ แค่ตีขาผมยังทำไม่ได้เลย TTOTT!!! หลังจากนั้นศัตรูคู่อาฆาตของผมจริงๆเลยก็คือ น้ำ!

                ตอนอยู่บนเครื่องบินผมไม่น่าหาว่าซีนป๊อดเลย กรรมตามสนองผมแล้วสินะ T^T

                ผมซึ่งนั่งซึมผิดกับซีนเขาแทบจะกระโดดลงน้ำแล้วว่ายไปให้ถึงเกาะ ถ้าไม่ติดตรงที่ว่าลุงคนขับเรือไม่ห้ามไว้ เขาคงทำจริงๆ- -*

                “ชอบทะเลเหรอ”

                ผมถามแต่ไม่มองหน้าเขา ก้มหน้ามองกระดูกงูลูกเดียว ซีนหัวเราะคิกคักก่อนจะร่ายคำตอบซะยาว

                “นายกลัวน้ำงั้นสินะ ชั้นน่ะชอบทะเลมาก! ตอนนั้นแม่เพิ่งคลอดซันน่ะพ่อเลยพาพวกเราไปเที่ยวทะเล พ่อพาชั้นดำน้ำล่ะ เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่ชั้นได้รู้จักทะเล น้ำสีฟ้าครามที่ถ้าดูจากผิวน้ำมันดูไม่มีความลึกเลยซักนิด แต่พอดำลงไปมันเหมือนชั้นได้เจอโลกอีกโลกหนึ่งเลยล่ะ! มันทั้งกว้าง ทั้งสวย! แล้วก็น่ากลัว! ยิ่งลึกเท่าไหร่ก็ยิ่งมืดและอันตราย แต่ยิ่งอันตรายเท่าไหร่ชั้นก็ยิ่งชอบ ในน้ำเป็นที่ๆไม่ร้อนมันก็ถือว่าดีสำหรับคนอย่างชั้นล่ะนะ^^

                พอร่ายจบเขาก็เดินไปนั่งดูประการังผ่านกระจกใต้ท้องเรือ เขาลุกขึ้นยืนอย่างไม่หวาดหวั่นกับความโครงเครงของเรือเลยสักนิด ผมเผลอคิดว่าเขาอาจเป็นเงือกกลับชาติมาเกิดก็ได้เฮ้ย!!! ผมรู้นะว่าพวกคุณน่ะคิดว่าผมบ้า ต แต่ผมคิดแบบนั้นจริงๆนี่- -*!

                แล้วในที่สุดผมก็ได้ลงจากเรือสักทีครับ! บอกตามตรงโคตรดีใจเลยTT^TT!!!

                “คุณซีนค่ะ! อย่าเพิ่งลงทะเลสิค่ะ!

                “เอาน่า แค่นิดเดียวไม่เป็นไรหรอก :^P

                ไม่ว่าเปล่าเจ้าตัวหันมาแลบลิ้นให้แม่บ้านคนนั้นอย่างสดใส เด็กน้อยจริงๆเลย

                “ผมเตือนพี่แล้วนะพี่เพียว วันนี้พี่มองพี่ซีนเยอะเกินไปจริงๆนั้นแหละ”

                รอยยิ้มน่ารังเกียจนั้นถูกฉายลงบนใบหน้านั้นอีกครั้งแต่ก็จริงอย่างที่พั้นช์ว่า วันนี้ผมมองซีนเยอะเกินไปจริงๆนั้นล่ะ

                เสียงหัวเราะร่าดังมาไม่หยุดหย่อน ทั้งๆที่เล่นอยู่คนเดียวแท้ๆแต่ทำไมกลับทำท่าทางสนุกขนาดนั้นเชียว ไม่นานเสียงนั้นก็เงียบลง เงียบซะจนผมอดสงสัยไม่ได้ ผมมองลอดออกไปทางหน้าต่างห้องนั่งเล่นไม่อยู่!!

                ซีนไม่ได้อยู่ตรงนั้น!!

                ผมทิ้งของทุกอย่างลงพื้นแล้ววิ่งไปที่ๆซีนเคยเล่นน้ำอย่างลืมตัว ผมที่ระลึกได้ว่าตัวเองกลัวน้ำสุดขีดก็แทบลมจับ แต่แล้วจู่ๆก็มีมือของใครไม่รู้เอื้อมมาจากด้านหลังแล้วคว้าตัวผมออกจากรัศมีของน้ำทะเล

                “ซีน..O_O!!

                “ไม่ต้องมาทำหน้าจกใจเลยไอ่เจ้าบ้า!! ข้าสิต้องตกใจ!! รู้ตัวว่ากลัวน้ำทะเลแล้วยังจะวิ่งลงไปอีก ถ้าเกิดโดนซัดไปตายห่าที่ไหนไม่รู้ขึ้นมาจะว่ายังไงห๊า!!!

                โป๊ก!!

                แล้วผมก็โดนจนได้ครับ มะเหงกที่ดังแต่เสียงแต่ไม่มีความเจ็บอะไรเลย- -* ผมล่ะอยากรู้จริงๆที่น้องซันเขาทำท่าเจ็บเจียนตายนั้น..เขาจะโอเว่อร์แอคติ้งไปเพื่ออะไร- -?

                “นายนั้นแหละ อยู่ๆก็เงียบไป นึกว่าเป็นลมโดนทะเลซัดหายไปซะแล้ว”

                “บ้าดิ! ชั้นนอนอยู่ที่พื้นเนี่ย! ตอนนายวิ่งมาเกือบเหยียบชั้นแล้วด้วยซ้ำ! แล้วการหาคนในทะเลน่ะเข้าให้มองต่ำเว้ยย!!

                เท่านั้นแหละครับผมถึงกับเงียบเลยตอนที่ผมไม่เห็นซีนอยู่ตรงที่ๆเคยอยู่เท่านั้นแหละทำให้ผมคิดว่าต้องหาซีนให้เจอ โดยลืมไปเลยว่านี่มันทะเล ผมต้องมองต่ำเข้าไว้..นี่ผมเป็นอะไรไปเนี่ย!!

                “เฮ้อ ไม่ต้องมาเป็นห่วงคนอย่างชั้นขนาดนั้นเลย รีบๆกลับบ้านกันเหอะ หนาวแล้วว่ะ”

                ไม่ว่าเปล่าซีนลากๆดึงๆผมไปด้วย นี่เขาเห็นผมเป็นห่วงยางเป่าลมหรือไง! ลากไม่ถนอมกันเลย!!..ว่าแต่เขาลากผมจริงๆนะแรงเยอะโคตรO[ ]O!!!

                ตอนนี้แม่บ้านกำลังจัดเตรียมอาหารเย็นอยู่ในครับ ส่วนพ่อบ้านก็ช่วยกันขนกระเป๋ากับของที่ซื้อก่อนมาเกาะขึ้นไปไว้บนห้องพัก และแล้วพวกเราก็แทบกรีดร้องออกมาเป็นภาษาเขมรเมื่อรู้ว่าต้องนอนห้องเดียวกันทั้ง 6 คนพระเจ้า!!!!

                “เห้ย!! แล้วไมเตียงมีแค่ 3 เตียง!!

                พีชตะคอกใส่พ่อบ้านอย่างลืมตัว พ่อบ้านคนนั้นหน้าซีดเป็นไก่ต้มเลยครับ! แล้วจะให้ผมทำไงได้ล่ะ ก็ต้องเข้าไปห้ามพีชอยู่แล้วสิครับ!

                “ใจเย็นนะพีช อาจจะผิดพลาดอะไรนิดหน่อยก็ได้^^

                “หึ! เชิญพวกเรามาแล้วเกิดผิดพลาดงั้นเหรอ! งั้นแสดงว่าคนบ้านนี้มันไม่ได้มาตรฐานไร้คุณภา

                เพี๊ยะ!!

                ฝ่ามือของซีนกระทบกันผิวแก้มด้านซ้ายของพีชอย่างแรง ใบหน้าเรียบนิ่งของซีนทำเอาผมผวาไปไม่มากก็น้อย แววตาของเขาสามารถทำให้คนรอบข้างหวาดกลัวได้ขนาดนี้เชียว?!

                “นี่แกทำอะไรว่ะ! ตบชั้นทำไม!!

                “ที่นี่….เป็นบ้านของชั้น แกมันก็แค่คนนอกแกไม่มีสิทธิ์มาพล่ามอะไรทั้งนั้นลีย์ไปเตรียมห้องเพิ่ม เอาให้ครบจำนวนคนเลยนะ ชั้นไม่ทนนอนห้องเดียวกับเจ้าชิวาว่านั้นแน่!!

                ว่าจบซีนก็เดินออกจากห้องไปโดยไม่ลืมที่จะปิดประตูเสียงดังเป็นการส่งท้าย

                พีชที่ล้มลงจากแรงตบก็นั่งลูบแก้มข้างที่โดนตบป้อยๆ บนแก้มละเอียดมีรอยมือเรียวประทับอยู่ผมว่าครั้งนี้คงจะไม่เบาเหมือนที่เขาเขกหัวผมเป็นแน่

                “พี่ซีนตบ

                ซันพึมพำเบาๆ โซมองมาทางพีชก่อนจะกล่าวขอโทษซีนตบงั้นเหรอ ทำไมเขาไม่ต่อยนี่ซีนเป็นผู้ชายจริงๆหรือเปล่าเนี่ย?

                “ความสัมพันธ์ติดลบซะแล้ว~

                ซันพูดอย่างไม่แยแสพีช ผมได้แต่มองสองคนนั้นด้วยความไม่เข้าใจสรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย

                “ข้างนอกร้อนจังเลยนะครับ

                พั้นช์เดินไปเปิดประตูระเบียง ไอร้อนพัดเข้ามาในห้องจนผมแสบตา ร้อนเกินไปแล้ว!!

                “แย่ล่ะ!...หวังว่าพี่ซีนคงไม่ได้ออกไปนอกบ้านหรอกนะ!”      

                “เหอะ! จะถนอมกันเกินไปหน่อยล่ะมั้ง! แค่ออกไปโดนแดด โดนร้อนแค่นี้ไม่ตายหรอก คนนะไม่ใช่ผีดูดเลือด”

                พีชแขวะ โซยิ้ม แต่มันไม่ใช่ยิ้มแบบที่จะหาดูได้ทั่วไป เขายิ้มทั้งทีสายตาไม่ได้ยิ้มด้วยเลยสักนิด

                “ซันไปหาข้างนอกนะ พี่จะลองหาในบ้านดู”

                “เข้าใจล่ะ พวกนายอย่าออกไปไหนเชียว รอในนี้แหละ”

                น้องซันหันมาสั่งก่อนจะวิ่งพรวดออกไป ตามด้วยน้องโซที่เดินอาดๆออกไป ตอนนี้ในห้องเหลือเพียงผมกับน้องชายอีก 2 คน

                “พวกนั้นเป็นอะไรกันไปนะ”

                พีชถามอย่างไม่ต้องการคำตอบแล้วเดินไปนั่งบนโซฟา พีชเปิดทีวีดูอย่างเซ็งๆ พั้นช์ก็ยืนดูวิวอยู่ที่ระเบียง ส่วนผมก็หยิบหนังสือนิยายที่อ่านค้างไว้ขึ้นมาอ่าน ว่าแต่ทำไมผมถึงรู้สึกร้อนใจแปลกๆนะ!         

                เวลาผ่านไป 2 ชั่วโมงก็ยังไม่มีใครกลับมา ผมก็ยังไม่ได้เอะใจอะไร

                เมื่อเวลาล่วงเลยไปถึงมื้อเย็น ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีนิล เสียงแม่บ้านเคาะประตูเรียกพวกเราลงไปทานอาหารเย็น สีหน้าของเธอดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยแฮะ

                “ขอโทษนะครับ พวกนั้นหายไปไหนกันเหรอครับ”

                “เอ๊ะนี่คุณไม่รู้เหรอค่ะว่าคุณซีนหายตัวไป ตอนนนี้คุณโซกับคุณซันกำลังช่วยกันตามหาอยู่ในป่า”

                “ว่าไงนะ!!

                ผมกับพีชโผลงออกมาแทบจะพร้อมๆกัน

                “เห๋~ ที่วิ่งเข้าไปในป่ากันก็เพราะงี้หรอกเหรอ~

                พั้นช์พึมพำหรือว่าเขาเห็นทุกๆอย่าง แต่เขาไม่คิดจะบอกอะไรเลย!!

                เกิดเรื่องแบบนี้จะให้ผมมานั่งกินมื้อเย็นกับน้องอย่างสบายใจน่ะเหรอ! ไม่มีทาง!!

                นายหายไปไหนน่ะซีน! นายหายไปไหนกัน!!

                “พี่จะออกไปตามหาซีน พวกนายรออยู่ในบ้านนะ”

                วินาทีนั้นผมคิดแค่จะหาซีนในเจอ ความรู้สึกนี้มันความรู้สึกเดียวกับเมื่อตอนเย็น!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×