คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2
บทที่ 2
น่านฟ้าสีนิลถูกประดับประดาด้วยแสงระยิบระยับจากดวงดาว และแสงสียามราตรีของพื้นแผ่นดิน ท่ามกลางความเงียบบนเครื่องบินมีชายผู้หนึ่งที่ยังไม่ข่มตาหลับ…เพียว
เพียวเสมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ร่างบางที่นอนซบไหล่เขาอยู่ตรงนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นศัตรูคู่อาฆาตของเขา…ซีน
ตอนนี้แขนแกร่งของเพียวถูกซีนครอบครอง ต้นแขนสัมผัสกับหน้าอก การเต้นของหัวใจจังหวะสม่ำเสมอเป็นเครื่องยืนยันว่าซีนกำลังหลับสนิท ท่อนแขนของเพียวสัมผัสเข้ากับหน้าท้องที่ถูกกั้นไว้เพียงผ้ายืดบางๆ และที่สำคัญที่สุดในตอนนี้…หลังมือของเพียวกำลังสัมผัสอยู่ที่ ตรงนั้น ของซีน
เพียวพยายามจะดึงมือออก แต่มีเหรอจะหลุดรอดพ้นมือตุ๊กแกของซีนไปได้ ซีนกอดลำแขนแกร่งนั้นแน่นขึ้น แน่นขึ้น จนเพียวเริ่มรู้สึกอึดอัด
เพียวมองบรรยากาศสีทึบที่นอกหน้าต่างนั้น แต่แล้วบรรยากาศนั้นก็ถูกกลุ่มเมฆบดบัง ทำเอาเพียวหัวเสียไปชั่วขณะ
เพียวละความสนใจจากหน้าต่างแล้วกลับมามองร่างของคนในอ้อมแขน พลางคิดเรื่องไร้สาระไปเพลินๆ
“ผมเส้นเล็กจัง ผิวก็ขาว ขนตาก็ยาว ริมฝีปาก…อ๊ะ”
มือของเพียวเผลอไปแตะริมฝีปากของซีนเบาๆ เพียวรีบชักมือออก เขาประหลาดใจ…ประหลาดใจกับความอ่อนนุ่มที่เขาเพิ่งสัมผัสไปเมื่อครู่
“ถ้ามีคนมาบอกว่านายเป็นผู้หญิง…ชั้นคงเชื่อสนิทแน่ๆเลย- -*”
เพียวละสายตาจากซีนไปมองหน้าต่างอีกครั้ง น่านฟ้าสีนิลเริ่มเปลี่ยนสีทีละนิด แสงสีอ่อนจากดวงอาทิตย์เริ่มปรากฏให้เห็น
“อะไรกัน อีกตั้งหลายชั่วโมงนี่”
เพียวพิงหัวเข้ากับกระจกก่อนจะค่อยๆหลับตาลง ช้าๆ…ช้าๆ…ไม่นานนักทุกอย่างรอบตัวก็เงียบลง
[Pure’s Part]
“เพียว…เพียว!...เพียว!!!”
“อืม…”
เสียงใครกัน…น่ารำคาญจริง
“นาย!...นายเพียว!!..เพียว! ตื่นได้แล้ว!!”
เสียงนี้…คุ้นจัง เคยได้ยินที่ไหนนะ…
ผมค่อยๆปรือขึ้น ภาพที่เห็นตรงหน้ามันเบลอๆ…ใครน่ะ…เธอคนนั้นเหรอ…ไม่สิ นั้นใครน่ะ
‘ขอบคุณ…^^’
“เธอ!!!”
ผมรีบลืมตาโพลง อ อะไรกัน…ก็แค่ซีนเองหรอกเหรอ
“นายเป็นอะไรของนายน่ะ แต่ช่างเถอะ มันไม่เกี่ยวอะไรกับชั้นอยู่แล้วนี่ เอาเป็นว่ารีบๆตื่นเลยเครื่องกำลังจะลงจอดแล้ว”
ซีนหลับตาปี๋แล้วหันกลับไปด้านในของเครื่อง เจ้าหมอนี่กลัวความสูงขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ…ป๊อดจริง!
ไม่นานหลังจากผมตื่นเครื่องก็ลงจอดที่สนามบิน ถ้าเป็นคนปกติคงจะต้องยื่นพาสปอร์ต ตรวจคนเข้าเมือง กรอกเอกสารและอะไรอีกมากมาย แต่เพราะพวกเราเป็นลูกของนักธุรกิจชื่อดังล่ะมั้งครับ ขั้นตอนทุกอย่างเลยเสร็จสิ้นพียงแค่ตรวจคนเข้าเมือง เป็นลูกคนรวยมันก็สบายงี้แหละครับ~
“พี่เพียว เราจะไปเกาะกันใช่มั้ย เราแวะซื้อของเยอะๆไปกินที่บ้านกันนะ นะ*-*”
“เอาสิครับ พี่ไม่ขัดอะไรอยู่แล้ว ^^”
อ๋า~ พีชนี่ไม่ว่าจะมองกี่ครั้งๆก็น่ารักน่าหยิกทุกทีเลย เพราะงี้ล่ะนะผมถึงได้รักได้หลงน้องชายคนนี้จนโงหัวไม่ขึ้น >///<
“พี่ซีน เมื่อคืนหลับสบายมั้ย? แล้วหนาวหรือเปล่า? แล้วๆๆๆ”
คำถามร้อยแปดถูกพ่นออกมาจากน้องชายคนเล็กของซีน ไม่รู้จะห่วงอะไรนักหนา
“คือ..”
ซีนเผลอสบตากับผมแว๊ปหนึ่งก่อนจะหลุบตาต่ำ น้องชายคนเล็กของเขามองผมด้วยสายตาไม่ไว้ใจ ซีนตัดปัญหาโดยการไม่ตอบอะไรเดินไปรอโหลดกระเป๋าแทน
“พี่เพียว…มอง ‘คนอื่น’ ด้วยสายตาแบบนั้น ถ้าพีชเห็นเข้าจะว่ายังไง”
พั้นช์เหยียดยิ้ม…ผมล่ะเกลียดกริยาของน้องชายคนนี้ที่สุดเลย…เจ้าเล่ห์เหมือนหมาจิ้งจอก!
แต่จะว่าไป ตอนนั้นผมเห็นซีนซ้อนกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง…ตอนนั้นผมยังเด็กมาก เด็กมากจริงๆ ผมเคยไปเที่ยวที่ไหนสักที่แล้วก็ได้พบกับเธอ เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารัก ครั้งแรกที่ผมพบเธอนั้นเธอเกิดอุบัติเหตุ เธอพลัดตกลงมาจากของเล่น เธอร้อง ร้อง ร้องอยู่อย่างนั้น แต่กลับไม่มีใครสนใจเธอ ผมที่ทนมองไม่ได้ก็เข้าไปปลอบเธอ
ผมปลอบเธออย่างที่คุณพ่อเคยปลอบผม เข้าไปกอดเธอไว้แล้วลูบหัวเธอเบาๆ แล้วร่ายคาถาที่จะทำให้หายเจ็บ ‘เงียบนะเด็กดี อย่าร้องนะเด็กดี’ เธอเงยหน้าขึ้นมามองผม ดวงตาที่รื้นไปด้วยน้ำตานั้นช่างสวยงาม ราวกับมีประกายแสงส่องสว่างอยู่ในนั้น พวกแก้มสีกุหลาบนั้นช่างน่าสัมผัส ริมฝีปากอิ่มที่เผยอนิดหน่อย ก่อนจะกลายเป็นรอยยิ้มที่ผมไม่มีวันลืม ไม่เคยลืมเลยสักครั้งเดียว แม้เพียงเสี้ยววินาที
เสียงหวานเอื้อนเอ่ยภาษาที่ผมในตอนนั้นไม่เข้าใจ ผมรู้สึกเหมือนว่าเราอยู่กันคนล่ะโลก แต่นั้นก็เป็นเหตุทำให้ผมพยายามเรียนภาษาอังกฤษให้ได้คะแนนดีตลอด เพราะผมเชื่อ…ว่าสักวันผมต้องได้พบกับเธอคนนั้นอีกครั้ง…ไม่ว่าจะนานแค่ไหนผมก็จะรอ
“หาเรื่องไงว่ะ!!!! ไอ่ต้นมะพร้าว!!!!”
ผมหลุดจากภวังค์เพราะเสียงดังทะลุตับของน้องชายตัวเอง
“มึงดิเริ่มก่อน!! ไอ่เตี้ย!!!”
=[ ]=!!!!
เฮ้อออ อยู่สงบๆไม่ได้เลยหรือไงนะทั้งสองคน…ผมเดินเข้าไปห้ามให้พีชใจเย็นๆ ซึ่งตรงข้ามกับซีน เขาเพียงแค่มองไปยังน้องชายที่ส่งเสียงดังเท่านั้น น้องชายของเขาก็ทำท่าสงบลงเป็นอย่างมาก
“ชั้นเป็นคนนอกก็ไม่อยากจะพูดอะไรมาก แต่ตามใจน้องเกินไประวังเขาจะเสียคนนะ”
“พี่ฮะ อย่าพูดแบบนั้นสิ”
น้องชายคนรองของซีนปราม จริงสิ ผมไม่เคยคิดเรื่องเสียนิสัยของพีชเลย…ทำไมเรื่องง่ายๆแค่นี้ผมถึงคิดไม่ออกกันนะ!! แต่ถ้าไม่อยากให้พีชเสียนิสัยผมก็ต้องดุเขาน่ะสิ…ไม่เอา! ผมจะไม่ทำร้ายจิตใจน้องตัวเองอีกแล้ว
“เอาเถอะ คนเราต่างบ้าน ต่างครอบครัว ต่างคำสอน นายจะดูแลน้องนายยังไงก็ช่าง แต่บ้านชั้นสั่งสอนแบบนี้..”
ซีนยกมะเหงกเขกลงไปกลางหัวของน้องชายที่ตัวสูงกว่า พีชที่เห็นแบบนั้นแทบจะกระโดดออกห่างจากซีนทันที น่ากลัว!
“พี่ซีนผมเจ็บ TOT”
“แกคิดว่าชั้นทำเพราะอยากให้แกลอยหน้าลอยตาหรือไง…โทษฐานที่เสียงดัง แกไปแบกกระเป๋าให้ชั้นไป”
ซีนว่าพลางชี้ไปที่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่สีดำแซมด้วยสีส้มสด ตามมาด้วยกระเป๋าเดินทางสีเอิร์ทโทนของพวกผม
“ถึงพี่ไม่สั่งผมก็ทำให้อยู่แล้วครับ^[+++]^”
ซันยิ้มกว้าง…ทั้งๆที่เมื่อกี้เขายังทำหน้ามุ่ยเพราะพี่ชายเขาอยู่เลย
ผมเดินตามซันไปขนกระเป๋า เขามองผมอย่างไม่ไว้ใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“เมื่อกี้ เจ็บมากมั้ย”
ผมถาม เขามองหน้าผมงงๆแต่เขาก็ยิ้มกว้างพร้อมคำตอบ
“ไม่เลยสักนิด ^[+++]^”
ผม…ไม่เข้าใจคนบ้านนี้เลยจริงๆ- -*
รถเข็นคันโตถูกลากมาโดยน้องชายคนรองของซีน เขาคนนี้มันจะมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเสมอ เพราะไม่ว่าจะที่โรงเรียนหรือนอกโรงเรียนเวลาผมพบเขาเขาจะยิ้มตลอด…อยากรู้จริงว่าตอนอาบน้ำกับตอนนอนเขาจะยิ้มแบบนี้อยู่มั้ย- -?
“ทำหน้าสงสัยอะไรอยู่ครับพี่เพียว”
“เอ่อ…ก็สงสัยว่าเด็กคนนั้นไม่เจ็บเหรอ โดนซีนเขกหัวเสียงดังขนาดนั้น”
“ฮะๆ นึกว่าเรื่องทำไมผมถึงได้ยิ้มซะอีก ถ้าเป็นเรื่องนั้นล่ะก็หายห่วงเลยครับ พี่ซีนไม่ได้ลงแรงอะไรขนาดนั้นหรอกครับ แค่พี่เขามีเทคนิคที่ทำให้เสียงมันดังเฉยๆ^^”
ไอ่หมอนี่…แม่นเว่อร์ -0-! ไปเป็นหมอดูเหอะน้อง พี่แนะนำ รุ่งชัวร์!
“อย่างนั้นหรอกเหรอ…”
ผมกับน้องชายของซีนทั้งสองคนช่วยกันขนกระเป๋าขึ้นรถเข็น ซีนที่ดูจะเกรงใจพอทำท่าเข้ามาช่วยน้องชายทั้งสองของเขาก็กันไม่ให้ช่วยท่าเดียว…จะถนอมกันเกินไปแล้วมั้ยล่ะเนี่ย!
ระหว่างทางออกไปหน้าสนามบินซีนเดินเข้าไปแวะร้านขนมเค้กหลายที่ทำให้พวกผมต้องเสียเวลายืนรออยู่นานสองนาน พีชบ่นกระปอดกระแปดส่วนผมก็ทำได้แค่คอยปลอบให้น้องใจเย็นเพียงเท่านั้น= =*
“ต้องขอโทษด้วยนะที่ทำให้เสียเวลา แต่ที่นี้มีแต่ขนมเค้กน่ากินทั้งนั้นเลย >O<”
ซีนทำหน้าตื่นเต้น…ได้น่ารักสุดๆไปเลย!!!
นี่ผมเป็นอะไรไป สีหน้าที่ต่างไปจากปกติของซีนทำให้ผมหัวใจกระตุกวูบได้ถึง 2 ครั้ง 2 คราโดยที่เวลาห่างกันไม่ถึง 24 ชั่วโมงเนี่ยนะ! มันเกิดอะไรกับผมงั้นหรือไง!!
“พี่ฮะ แค่นั้นจะพอเหรอ?”
“ห๋า! นี่แกเห็นพี่เป็นตัวกินเค้กหรือไง?! ขนาดนี้ก็คงพออยู่ได้เกือบ 4 วัน ล่ะนะ”
“เฮ้อออ พี่เนี่ยน้า! เดี๋ยวพอกินหมดก่อนก็มาบ่นอีก”
“เห้ยย! ไม่บ่นๆ สัญญาๆ^^;!!”
“เฮ้ออ~ ขอให้มันจริงเถอะ”
ประโยคสุดท้ายนั้นน้องชายทั้งสองของซีนพูดขึ้นพร้อมกันตามด้วยเสียงตะหวาดแว๊ดๆของซีนดังตามไม่หยุด ผมได้แต่ยืนตะลึงครับ…ผมไม่ได้ตะลึงคำด่าที่ซีนช่างสรรหามาด่าน้องชายตัวเองนะครับ ผมตะลึงกับจำนวนกล่องขนมหวานที่ซีนถืออยู่ต่างหาก!!!
มันเยอะมาก! มากพอที่จะกินได้เป็นเดือนเลยสำหรับผม! แต่ซีนกลับพูดได้เต็มปากว่าอยู่ได้แค่ 4 วัน แถมดูท่าว่าจะยังไม่พออีก!...ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วล่ะสิว่า ‘ซีน’ นั้นเป็น ‘คน’ หรือ ‘ตัวกินขนมหวาน’ กันแน่…!?
ลีมูซีนคันยาวถูกจอดรอพวกเราอยู่ที่หน้าสนามบิน ทันทีที่เราออกมาจากโซนผู้โดยสารก็มีแม่บ้าน พ่อบ้าน2-3คนมาขนกระเป๋าของพวกเราขึ้นรถ ก่อนจะออกเดินทางไปเกาะพวกผมแวะห้างสรรพสินค้ากันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเราก็แวะตลาดทะเลกันก่อนจะขึ้นเรือ
ที่รู้มาคือเราจะนั่งเรื่อเพื่อไปยังเกาะ แต่..!! ผมไม่รู้นี่ครับว่ามันจะเป็นเรือท้องกระจก!!! ไม่รู้มาก่อนเลยครับ!!!!!!!!!!!!
เพราะมันเป็นเรือท้องกระจก แถมรอบข้างก็เต็มไปด้วยน้ำทะเลสีคราม ทำเอาผมแทบกรี๊ดเลยครับ!!!!!! ผมได้แต่นั่งคุดคู้อยู่ท้ายเรือ ผมตัดขาดกับโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์แบบเลยครับตอนนี้!! เพราะผมกลัวน้ำโคตร!! ตอนเด็กๆผมเคยจมน้ำ หลังจากนั้นผมก็กลัวน้ำ พ่อผมเลยส่งผมไปเรียนว่ายน้ำ แต่ไม่รุ่งครับ แค่ตีขาผมยังทำไม่ได้เลย TTOTT!!! หลังจากนั้นศัตรูคู่อาฆาตของผมจริงๆเลยก็คือ น้ำ!
ตอนอยู่บนเครื่องบินผมไม่น่าหาว่าซีนป๊อดเลย กรรมตามสนองผมแล้วสินะ T^T
ผมซึ่งนั่งซึมผิดกับซีน…เขาแทบจะกระโดดลงน้ำแล้วว่ายไปให้ถึงเกาะ ถ้าไม่ติดตรงที่ว่าลุงคนขับเรือไม่ห้ามไว้ เขาคงทำจริงๆ- -*
“ชอบทะเลเหรอ”
ผมถามแต่ไม่มองหน้าเขา ก้มหน้ามองกระดูกงูลูกเดียว ซีนหัวเราะคิกคักก่อนจะร่ายคำตอบซะยาว
“นายกลัวน้ำงั้นสินะ ชั้นน่ะชอบทะเลมาก! ตอนนั้นแม่เพิ่งคลอดซันน่ะพ่อเลยพาพวกเราไปเที่ยวทะเล พ่อพาชั้นดำน้ำล่ะ เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่ชั้นได้รู้จักทะเล น้ำสีฟ้าครามที่ถ้าดูจากผิวน้ำมันดูไม่มีความลึกเลยซักนิด แต่พอดำลงไปมันเหมือนชั้นได้เจอโลกอีกโลกหนึ่งเลยล่ะ! มันทั้งกว้าง ทั้งสวย! แล้วก็น่ากลัว! ยิ่งลึกเท่าไหร่ก็ยิ่งมืดและอันตราย แต่ยิ่งอันตรายเท่าไหร่ชั้นก็ยิ่งชอบ ในน้ำเป็นที่ๆไม่ร้อน…มันก็ถือว่าดีสำหรับคนอย่างชั้นล่ะนะ^^”
พอร่ายจบเขาก็เดินไปนั่งดูประการังผ่านกระจกใต้ท้องเรือ เขาลุกขึ้นยืนอย่างไม่หวาดหวั่นกับความโครงเครงของเรือเลยสักนิด ผมเผลอคิดว่าเขาอาจเป็นเงือกกลับชาติมาเกิดก็ได้…เฮ้ย!!! ผมรู้นะว่าพวกคุณน่ะคิดว่าผมบ้า ต แต่ผมคิดแบบนั้นจริงๆนี่- -*!
แล้วในที่สุดผมก็ได้ลงจากเรือสักทีครับ! บอกตามตรงโคตรดีใจเลยTT^TT!!!
“คุณซีนค่ะ! อย่าเพิ่งลงทะเลสิค่ะ!”
“เอาน่า แค่นิดเดียวไม่เป็นไรหรอก :^P”
ไม่ว่าเปล่าเจ้าตัวหันมาแลบลิ้นให้แม่บ้านคนนั้นอย่างสดใส เด็กน้อยจริงๆเลย…
“ผมเตือนพี่แล้วนะพี่เพียว วันนี้พี่มองพี่ซีนเยอะเกินไปจริงๆนั้นแหละ”
รอยยิ้มน่ารังเกียจนั้นถูกฉายลงบนใบหน้านั้นอีกครั้ง…แต่ก็จริงอย่างที่พั้นช์ว่า วันนี้ผมมองซีนเยอะเกินไปจริงๆนั้นล่ะ
เสียงหัวเราะร่าดังมาไม่หยุดหย่อน ทั้งๆที่เล่นอยู่คนเดียวแท้ๆแต่ทำไมกลับทำท่าทางสนุกขนาดนั้นเชียว ไม่นานเสียงนั้นก็เงียบลง เงียบซะจนผมอดสงสัยไม่ได้ ผมมองลอดออกไปทางหน้าต่างห้องนั่งเล่น…ไม่อยู่!!
ซีนไม่ได้อยู่ตรงนั้น!!
ผมทิ้งของทุกอย่างลงพื้นแล้ววิ่งไปที่ๆซีนเคยเล่นน้ำอย่างลืมตัว ผมที่ระลึกได้ว่าตัวเองกลัวน้ำสุดขีดก็แทบลมจับ แต่แล้วจู่ๆก็มีมือของใครไม่รู้เอื้อมมาจากด้านหลังแล้วคว้าตัวผมออกจากรัศมีของน้ำทะเล
“ซีน..O_O!!”
“ไม่ต้องมาทำหน้าจกใจเลยไอ่เจ้าบ้า!! ข้าสิต้องตกใจ!! รู้ตัวว่ากลัวน้ำทะเลแล้วยังจะวิ่งลงไปอีก ถ้าเกิดโดนซัดไปตายห่าที่ไหนไม่รู้ขึ้นมาจะว่ายังไงห๊า!!!”
โป๊ก!!
แล้วผมก็โดนจนได้ครับ มะเหงกที่ดังแต่เสียงแต่ไม่มีความเจ็บอะไรเลย- -* ผมล่ะอยากรู้จริงๆที่น้องซันเขาทำท่าเจ็บเจียนตายนั้น..เขาจะโอเว่อร์แอคติ้งไปเพื่ออะไร- -?
“นายนั้นแหละ อยู่ๆก็เงียบไป นึกว่าเป็นลมโดนทะเลซัดหายไปซะแล้ว”
“บ้าดิ! ชั้นนอนอยู่ที่พื้นเนี่ย! ตอนนายวิ่งมาเกือบเหยียบชั้นแล้วด้วยซ้ำ! แล้วการหาคนในทะเลน่ะเข้าให้มองต่ำเว้ยย!!”
เท่านั้นแหละครับผมถึงกับเงียบเลย…ตอนที่ผมไม่เห็นซีนอยู่ตรงที่ๆเคยอยู่เท่านั้นแหละทำให้ผมคิดว่าต้องหาซีนให้เจอ โดยลืมไปเลยว่านี่มันทะเล ผมต้องมองต่ำเข้าไว้..นี่ผมเป็นอะไรไปเนี่ย!!
“เฮ้อ ไม่ต้องมาเป็นห่วงคนอย่างชั้นขนาดนั้นเลย รีบๆกลับบ้านกันเหอะ หนาวแล้วว่ะ”
ไม่ว่าเปล่าซีนลากๆดึงๆผมไปด้วย นี่เขาเห็นผมเป็นห่วงยางเป่าลมหรือไง! ลากไม่ถนอมกันเลย!!..ว่าแต่เขาลากผมจริงๆนะ…แรงเยอะโคตรO[ ]O!!!
ตอนนี้แม่บ้านกำลังจัดเตรียมอาหารเย็นอยู่ในครับ ส่วนพ่อบ้านก็ช่วยกันขนกระเป๋ากับของที่ซื้อก่อนมาเกาะขึ้นไปไว้บนห้องพัก และแล้วพวกเราก็แทบกรีดร้องออกมาเป็นภาษาเขมรเมื่อรู้ว่าต้องนอนห้องเดียวกันทั้ง 6 คน…พระเจ้า!!!!
“เห้ย!! แล้วไมเตียงมีแค่ 3 เตียง!!”
พีชตะคอกใส่พ่อบ้านอย่างลืมตัว พ่อบ้านคนนั้นหน้าซีดเป็นไก่ต้มเลยครับ! แล้วจะให้ผมทำไงได้ล่ะ ก็ต้องเข้าไปห้ามพีชอยู่แล้วสิครับ!
“ใจเย็นนะพีช อาจจะผิดพลาดอะไรนิดหน่อยก็ได้^^”
“หึ! เชิญพวกเรามาแล้วเกิดผิดพลาดงั้นเหรอ! งั้นแสดงว่าคนบ้านนี้มันไม่ได้มาตรฐาน…ไร้คุณภา…”
เพี๊ยะ!!
ฝ่ามือของซีนกระทบกันผิวแก้มด้านซ้ายของพีชอย่างแรง ใบหน้าเรียบนิ่งของซีนทำเอาผมผวาไปไม่มากก็น้อย แววตาของเขาสามารถทำให้คนรอบข้างหวาดกลัวได้ขนาดนี้เชียว?!
“นี่แกทำอะไรว่ะ! ตบชั้นทำไม!!”
“ที่นี่….เป็นบ้านของชั้น แกมันก็แค่คนนอก…แกไม่มีสิทธิ์มาพล่ามอะไรทั้งนั้น…ลีย์ไปเตรียมห้องเพิ่ม เอาให้ครบจำนวนคนเลยนะ ชั้นไม่ทนนอนห้องเดียวกับเจ้าชิวาว่านั้นแน่!!”
ว่าจบซีนก็เดินออกจากห้องไปโดยไม่ลืมที่จะปิดประตูเสียงดังเป็นการส่งท้าย
พีชที่ล้มลงจากแรงตบก็นั่งลูบแก้มข้างที่โดนตบป้อยๆ บนแก้มละเอียดมีรอยมือเรียวประทับอยู่…ผมว่าครั้งนี้คงจะไม่เบาเหมือนที่เขาเขกหัวผมเป็นแน่
“พี่ซีนตบ…”
ซันพึมพำเบาๆ โซมองมาทางพีชก่อนจะกล่าวขอโทษ…ซีนตบ…งั้นเหรอ ทำไมเขาไม่ต่อย…นี่ซีนเป็นผู้ชายจริงๆหรือเปล่าเนี่ย?
“ความสัมพันธ์ติดลบซะแล้ว~”
ซันพูดอย่างไม่แยแสพีช ผมได้แต่มองสองคนนั้นด้วยความไม่เข้าใจ…สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย…
“ข้างนอกร้อนจังเลยนะครับ…”
พั้นช์เดินไปเปิดประตูระเบียง ไอร้อนพัดเข้ามาในห้องจนผมแสบตา ร้อนเกินไปแล้ว!!
“แย่ล่ะ!...หวังว่าพี่ซีนคงไม่ได้ออกไปนอกบ้านหรอกนะ!”
“เหอะ! จะถนอมกันเกินไปหน่อยล่ะมั้ง! แค่ออกไปโดนแดด โดนร้อนแค่นี้ไม่ตายหรอก คนนะไม่ใช่ผีดูดเลือด”
พีชแขวะ โซยิ้ม แต่มันไม่ใช่ยิ้มแบบที่จะหาดูได้ทั่วไป เขายิ้มทั้งทีสายตาไม่ได้ยิ้มด้วยเลยสักนิด
“ซันไปหาข้างนอกนะ พี่จะลองหาในบ้านดู”
“เข้าใจล่ะ พวกนายอย่าออกไปไหนเชียว รอในนี้แหละ”
น้องซันหันมาสั่งก่อนจะวิ่งพรวดออกไป ตามด้วยน้องโซที่เดินอาดๆออกไป ตอนนี้ในห้องเหลือเพียงผมกับน้องชายอีก 2 คน
“พวกนั้นเป็นอะไรกันไปนะ”
พีชถามอย่างไม่ต้องการคำตอบแล้วเดินไปนั่งบนโซฟา พีชเปิดทีวีดูอย่างเซ็งๆ พั้นช์ก็ยืนดูวิวอยู่ที่ระเบียง ส่วนผมก็หยิบหนังสือนิยายที่อ่านค้างไว้ขึ้นมาอ่าน ว่าแต่ทำไม…ผมถึงรู้สึกร้อนใจแปลกๆนะ!
เวลาผ่านไป 2 ชั่วโมงก็ยังไม่มีใครกลับมา ผมก็ยังไม่ได้เอะใจอะไร
เมื่อเวลาล่วงเลยไปถึงมื้อเย็น ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีนิล เสียงแม่บ้านเคาะประตูเรียกพวกเราลงไปทานอาหารเย็น สีหน้าของเธอดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยแฮะ
“ขอโทษนะครับ พวกนั้นหายไปไหนกันเหรอครับ”
“เอ๊ะ…นี่คุณไม่รู้เหรอค่ะว่าคุณซีนหายตัวไป ตอนนนี้คุณโซกับคุณซันกำลังช่วยกันตามหาอยู่ในป่า”
“ว่าไงนะ!!”
ผมกับพีชโผลงออกมาแทบจะพร้อมๆกัน
“เห๋~ ที่วิ่งเข้าไปในป่ากันก็เพราะงี้หรอกเหรอ~”
พั้นช์พึมพำ…หรือว่าเขาเห็นทุกๆอย่าง แต่เขาไม่คิดจะบอกอะไรเลย!!
เกิดเรื่องแบบนี้จะให้ผมมานั่งกินมื้อเย็นกับน้องอย่างสบายใจน่ะเหรอ! ไม่มีทาง!!
นายหายไปไหนน่ะซีน! นายหายไปไหนกัน!!
“พี่จะออกไปตามหาซีน พวกนายรออยู่ในบ้านนะ”
วินาทีนั้นผมคิดแค่จะหาซีนในเจอ ความรู้สึกนี้มัน…ความรู้สึกเดียวกับเมื่อตอนเย็น!!
ความคิดเห็น