ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Yaoi)ชักเยอร์หัวใจ แรงๆ!! ร้ายๆ!! วุ่นวายยกกำลัง 3 ! ! !

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 26 ม.ค. 56


    บทที่ 1

    [Zeen’s Part]

     

     

                วันหยุดที่แสนสงบสุขของผมต้องหายวับไป 1 สัปดาห์เต็ม เพราะพ่อดันพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องออกไปนั้นแหละ- -*

     

                3 วันสุดท้ายของการอยู่อย่างสงบสุขของผมหมดไปอย่ารวดเร็ว ตอนนี้พวกเราอยู่ที่สนามบินครับ ตอนนี้เกิดเรื่องโคตรจะไม่คาดฝันขึ้นครับ คือว่านะครับ

     

                “หมายความว่าไง! จะให้ผมไปเที่ยวกับไอ่เจ้าพวก….พวกนั้นตามลำพังเนี่ยนะ!!! ให้ตายก็ไม่เอา!

     

                “เห้ย! อย่ามาทำเหมือนชั้นอยากไปกับแกมากกกกกกจะได้มั้ยว่ะ!!!

     

                คนตัวเล็กชื่ออะไรนะ พี พีช? เออๆ พีชกับซันเปิดศึกน้ำลายกันกลางสนามบินทันทีที่รู้ว่าพวกผู้ใหญ่ผิดนัด สรุปก็คือทริปนี้มีผู้เดินทางเพียง 6 คน ประกอบไปด้วยพวกผม 3 คน แล้วก็เจ้าพวกนั้น 3 ตัว เอ้ย คน -.-

     

                “บ่นไปก็เท่านั้นแหละซัน รักกันไว้มากๆดีกว่าเนาะ ^^

     

                โซเป็นพระเอกอีกแล้ว *0* เอ้ยยย!!! ผมสิต้องเป็นพระเอกแล้วให้โซเป็นนาย(?)เอกของโผ้มม *-*!!!

     

                “พี่เพียว! พีชไม่อยากไป!!

     

                พีชหันไปแหวใส่พี่ชายคนโต เพียว(ใช่มั้ยว่ะ)ได้แต่หว่านล้อม จนสุดท้ายก็ได้ผล ไอ่ซันหันมามองหน้าผมเหมือนกับจะให้ทำแบบพี่น้องคู่นั้น ผมเลยประเคนมะเหงกกับคำขู่ให้มันไปแทนครับ

     

                “พี่ซีนอ่า! เจ็บนะ(ว่ะ)ครับ!!!

     

                “ข้ามะเหงกให้เอ็งเจ็บน่ะสิว่ะ!

     

                เอ้ยย!! ผมเผลอใช้สรรพนามนี้อีกแล้วว โฮกกกก TTOTT

     

                “หน้าตาออกจะสวยทำไมดุจัง”

     

                อย่าคิดว่าตูไม่ได้ยินนะเว้ยไอ่เ_ยเพียว- -*!

     

                “คนเรามันก็ดูกันจากภายนอกไม่ได้อยู่แล้วล่ะน้า จริงมั้ยครับ น้องซัน ^^

     

                ผมเปรยเบาๆแต่ดังพอจะให้เจ้าตัวโตที่อยู่ด้านหลังได้ยิน ก่อนจะหันไปหาแนวร่วม และด้วยรอยยิ้มบาดใจขั้นเทพแล้ว มีรึเจ้าน้องชายจะปฏิเสธ(ได้ข่าวว่ามันปฏิเสธไม่ได้อ่ะนะ- -‘)

     

                ตอนนี้พวกผมอยู่คนเครื่องเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ผมเป็นโรคกลัวความสูงเอามากๆ แต่กลัวผีมากกว่า- -*

     

                พวกเราแบ่งกันนั่งเป็นคู่ๆตามเก้าอี้บนเครื่อง แต่เจ้าโซ(ของผม)กลับยื่นข้อเสนอให้จับตั๋วแลกที่นั่งกันครับ มันเป็นความคิดที่ถ้าเป็นไอ่ซันเสนอมาผมจะจับมันโยนลงเครื่องทันที- -* แต่ในเมื่อโซ(ของผม)เป็นผู้เสนอ มีหรือที่ผมจะไม่สนอง ฮุฮุ ^..^

     

                ผลการจับฉลากออกมาน่าพอใจซะเมื่อไหร่กันเล่า!!!!!!!

     

                ผมได้นั่งกับไอ่ตัวโตปากเสียนี่ ซันนั่งกับคู่กัดมัน ส่วนโซ(ของผม)ต้องนั่งกับไอ่หน้าหวานนั่นอ่า ฮรืออออ TT^TT!!!!

     

                “ผลออกมาแล้วนะครับ เจอกันอีกทีตอนลงเครื่องนะครับ ^^

     

                ว่าแล้วโซ(ของผม)ก็กุมมือไอ่หน้าหวานนั้นเดินไป ฮรือออ TTATT

     

                อ่อที่นั่งมันแยกกันครับ พวกผมเลือกที่จะนั้นมีเดียมคลาส หรือว่าชั้นปกตินั้นแหละครับ ไม่อยากจะใช้ตังค์ฟุ่มเฟือย เพราะตั๋วระดับเฟิร์สคลาสมันสามารถซื้อเค้ก และขนมหวานมากมายของผมได้เกิน 3 เดือนเลยยย =.=

     

                “โชคร้ายชะมัด”

     

                ShXt!! คิดว่าคนอย่างข้าอยากนั่งกับเอ็งนักหรือไงว่ะ! โถ่เฟ้ยย!! ถ้าไม่ใช่เพราะโซ(ของผม)เป็นคนเสนอผมฆ่าหมกห้องน้ำเครื่องไปแล้วว TTOTT

     

                “เอ่อขอนั่งด้านนอกได้มั้ย”

     

                ผมถามเสียงค่อย จริงๆผมไม่อยากจะพูดหรอกน้า!  ต แต่ว่ามันกลัวอ่ะ T T’

     

                “ไม่

     

                “ไม่ปฏิเสธใช่มั้ย^^

     

                ผมยิ้มกว้างพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้ แต่แล้วก็โดนไอ่ซันที่ยังไม่ยอมเดินไปไหนลากกลับมาอยู่ในอ้อมเต่าของมัน

     

                “ไอ่เจ้าซันบ้า! ปล่อย!

     

                ผมดิ้นคลุกๆอยู่ในอ้อมเต่าของไอ่ซัน ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนผมไม่ใช่พี่มันเลยอ่า ; w ;

     

                “ให้พี่ซีนนั่งข้างนอกเถอะนะ พี่ซีนเขากลัวความสู

     

                พลั่ก!!!~~

     

                ผมประเคนหมัดตรงเข้าที่คางเรียวๆนั้นทันที ใครจะไปอยากให้หมอนี่รู้กันเล่าว่าเรากลัวเรื่องบ้าๆบอๆแบบนี้อ่า ผมคนนึงล่ะที่ไม่ย๊อมไม่ยอม>O<!!!

     

                “เห๊….กลัว ความ สูง”

     

                มันเน้นๆย้ำๆทีละคำแล้วหัวเราะหึหึ ฮรืออออ ผมพลาดเองที่ไม่ไล่ไอ่เจ้าซันออกไปก่อนนน TTOTT

     

                “ไปไกลๆเลยไอ่ซัน พี่เกลียดแก TTOTT

     

                ผมว่าเอื่อยๆพลางดันหลังไอ่ซันให้ไปตามทาง แต่ไอ่ซันดันหยุดเดินแล้วหันหน้ามาทางผมเย้ยยย ใกล้ไป!!!

     

                “คือ

     

                “ไม่ต้องพูดอะไรเลย ไปนั่งที่แกได้แล้ว!!!

     

                “คือที่นั่งของผมไปทางนั้น- -)/

     

                เพล้ง!

     

                เป็นครั้งแรกเลยที่ผมอยากได้กาวที่ทนทึกกว่ากาวตราช้างสารมาสมานเศษหน้าที่แตกไป อายฉิบบบบTT^TT!!

     

                “ฮะๆ เบอะชะมัด”

     

                ย๊ากกกกก!! ถ้าผมพ่นไฟได้แกเกรียมไปแล้วไอ่ตัวโต!!!

     

                “ดูแลตัวเองดีๆนะพี่ ระวังฝุ่นด้วย ถ้าแอร์มันเย็นก็ใส่เสื้อ แล้วอย่าลืมห่มผ้านะ!

     

                นี่ใครเป็นพี่ใครกันแน่ครับแต่ผมดีใจนะที่น้องชายห่วงผมแบบนี้ แต่มีเร๊อะที่ผมจะพูดออกไป

     

                “แกคิดว่าแกกำลังสั่งใครห๊า!!!!~ ไปได้แล้วไป ชิ่ว-3-

     

                ผมไม่รอให้มันบ่นมาก เดินเข้าไปนั่งด้านในโดยที่ลืมไปเลยว่าตัวเองกลัวความสูง ผมพลาดอีกแล้วTT^TT
     

                “แน่ใจนะว่านั่งได้ ชั้นไม่อยากรังแกคนอ่อนแอ”

     

                ปิ๊ด!

     

                อ ไอ่….- -*!!!!!!

     

                “ชั้นไม่ชอบให้ใครมาดูถูก แต่ครั้งนี้มันจำเป็นจริงๆขอบใจล่ะกันที่เห็นใจ”

     

                “ไม่ใช่ๆ ไม่ใช่เห็นใจ แต่เป็น สม-เพช ต่างหาก”

     

                ปิ๊ด! ปิ๊ด!

     

                “งั้นก็ไม่เป็นไร ข้านั่งตรงนี้ก็ได้เว้ย!!

     

                อ๊ากก!!! สรรพนามนี้อีกแล้วว TTOTT

     

                “ตามใจ”

     

                ไอ่ตัวโตนั่งลงที่นั่งข้างๆแล้วหยิบหนังสือนวนิยายเล่มหนาปึกขึ้นมาอ่าน หนาไม่หนาก็ทำเอาผมที่ชอบอ่านนวนิยายผวาไปเลยอ่ะครับ- -*

     

                “เรื่องไรอ่ะ”

     

                ผมถามเบาๆ

     

                “ไม่รู้ ของพ่อหยิบมายังไม่ได้อ่านเลย คงจะเป็นนิยายสมัยสงครามของญี่ปุ่นนั้นแหละชอบเหรอ?”

     

                “อื้อ ชอบมาเอ้ย! ป่าว ไม่ ไม่ได้ชอบเลยสักนี้ด!

     

                อ๊ากก! เกือบแล้วๆ จะบอกได้ไงว่าชอบนวนิยายสมัยสงครามถึงขนาดเมื่อก่อนใช้สรรพนามเรียกเอ็งๆข้าๆเลย ถึงทุกวันนี้จะซาลงบ้างแต่ก็ยังมีหลุดออกมาบ้างล่ะนะ -.-

     

                “ไม่ชอบจริงดิ? ที่บ้านชั้นมีแต่นิยายสมัยสงครามทั้งนั้นเลย มีตั้งแต่สมัยนู้นนน~ แบบว่าพ่อชั้นชอบสะสมน่ะนะ ชั้นเลยติดนิสัยมาจากพ่อ”

     

                “เหรอ! ดีจัง! บ้านข้าไม่มีใครชอบแนวนี้เลย แต่ว่านะข้าน่ะชอบมากเลย ทั้งกล้ามเนื้อตอนฝึกวิชา ทั้งดินโคลนที่เปื้อนตัวตอนประลอง ทั้งคราบเลือดและชัยชนะตอนเผด็จศึก! ข้าน่ะฝันอยากจะเป็นทหาร แต่ก็ต้องล้มเลิกไปเอ้ยย!! แล้วข้า เอ้ย! ชั้นมาเล่าเรื่องแบบนี้ให้แกฟังทำไมเนี่ยยย!

     

                “ฮะๆ นายนี่เหมือนเด็กที่ไม่เข้าใจตัวเองเลยแฮะ”

     

                “แกว่าใครเด็กนะ!!!

     

                “ชู่! เสียงดังไม่ได้นะ!

     

                “อู้แอ้วๆ อ่อยอืออ่อน!!

     

                แล้วเจ้าตัวโตก็ปล่อยมือในที่สุด ตอนมันปล่อยผมแทบอยากจะจุดพลุฉลอง ถ้าไม่ติดว่าอยู่บนเครื่องบินผมทำจริงๆนะเห้ย!!

     

                ว่าแต่ทำไม ทำไมหัวใจของผมต้องกระตุกวูบตอนเขาสัมผัสด้วยเล่า!

     

                เวลาผ่านไปผมกับเขาไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีกเลย จนถึงเวลาจอดพักเครื่อง ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ใต้หวันครับ เครื่องจอดรับคนอยู่พักหนึ่งก่อนจะออกตัวอีกครั้ง

     

                คนที่เมื่อครู่มีอยู่ประปรายตอนนี้แน่นเอี๊ยดเลยครับ! นี่ผมคิดถูกหรือคิดผิดกันนะที่เลือกนั่งชั้นธรรมดา TT_TT

     

                ตลอดทางผมพยายามไม่หันไปทางกระจกเลยครับ และดูเหมือนไอ่คนข้างๆมันจะรู้ว่าผมกำลังกั้นใจอยู่ มันเลยขอแลกที่นั่งกับผม แบบนี้ผมจะคิดว่าเขาก็เป็นคนดีได้ไหมนะ

     

                “อย่าเพิ่งเข้าใจผิดล่ะ ชั้นแค่อดสมเพชนายไม่ได้เท่านั้นเอง”

     

                แค่นั้นแหละครับผมรีบสะบัดหัวไล่ความคิดเมื่อกี้ออกไปเลย! อุส่าห์มองว่าเป็นคนดี ถุ้ยย!! ไอ่เลววว !!!

     

                หลังจากที่ผมก่นด่าไอ่เลวข้างๆนี่จนพอใจผมก็หลับครับ ตอนหลับไปได้สักพักผมรู้สึกหนักๆที่หัวไหล่ผมเลยค่อยๆปรือตามองครับ ผมเห็น

     

                หน้าต่างงง!!!!!!!!!

     

                ม่ายยยยยยยยยยยยยยยย!!!! มันๆๆๆๆๆ มันกำลังบินอยู่เหนือแผ่นดินนน!! และมันมัน….มันสูงงงงงงงงงงงงงง TTOTT!!!!!!!!

     

                “อึกเพียว….เพีย..ว”

     

                ผมร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางเขย่าไอ่คนตัวโตที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมเรียกอยู่นานเลยครับกว่ามันจะตื่น ไม่รู้ว่านานแค่ไหน ผมรู้อย่างเดียวคือผมร้องไห้ ร้องไห้ และร้องไห้หนักขึ้น พอเพียวลืมตามาเห็นผมร้องไห้เท่านั้นแหละเขาแทบจะกระโจนเข้ามากอดแล้วโอ๋ผมแบบเด็กๆ ถ้าไม่ติดตรงที่ผมตัวโตเท่าควาย(แต่เล็กกว่าเพียวมานิดนึง)เขาคงทำจริงๆ

     

                “ป เป็นอะไร!
     

                เขาถามเสียงกระซิบ

     

                ผมไม่ตอบอะไรแต่ชี้ไปที่หน้าต่าง เพียวมองอย่างตะลึงแต่แล้วเขาก็ส่ายหน้าเอือมระอาแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่

     

                “ข ข้ารู้นะว่าเอ็ง เอ็งกำลังสมเพชข้าต แต่ข้าอึกเพียวข้ากลัว TTOTT

     

                ผมปล่อยโฮเลยครับ! ไม่สนเรื่องอะไรแล้ว ก็ผมกลัว TTOTT

     

                เพียวเลิกลั่กอยู่พักใหญ่แต่แล้วเขาก็ตัดสินใจดึงผมเข้าไปกอดแล้วลูบหัวเหมือนเด็กๆเลยครับ แค่นั้นยังไม่พอนะ! เขาลูบหลังผมเบาๆแล้วพูดว่า เงียบนะเด็กดี อย่าร้องนะเด็กดีข้างหูผมด้วยว๊ากกก!!!

     

                ผมอยากโวยวายมากถึงมากที่สุด แต่ตอนนี้ผมกลัวผมกลัวความสูงมากจนขนาดที่ว่าแค่เห็นก็ร้องอย่างตอนนี้แหละครับ!! แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกอบอุ่น

     

                ไออุ่นจากเพียวทำให้ผมสบายใจขึ้นมาก แต่แล้วเพียวก็ดันตัวผมออก ผมทำท่าจะร้องอีก เขาเลยพูดเสียงเบา

     

                “ไม่ได้จะปล่อยซะหน่อย แค่จะเอาที่พักแขนขึ้น”

     

                ว่าจบเขาก็ทำจริงๆครับ ที่พักแขนถูกยกเก็บเข้าที่ เพียวดึงผมที่เปื้อนน้ำหูน้ำตาเข้าไปโอบกอดอย่างไม่คิดถึงความเสียหายของเสื้อผ้าราคาแพงของเขาเลย

     

                ร่างกายของผมที่ค่อนไปทางเย็นถูกเพียวกอดเอาไว้ เขาถอดเสื้อกันหนาวของตัวเองมาห่มให้ผม มันทำให้ผมอุ่นขึ้นไปอีกลมหายใจของเพียวรดลงหัวผมเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เขาหลับแล้ว

     

                ลมหายใจของเพียว ไออุ่นจากตัวของเพียว กลิ่นกายของเพียว เสียงหัวใจของเพียว
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×